The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ระบบนิเวศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aimorn.setchamroen, 2021-12-25 03:04:19

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ระบบนิเวศ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ระบบนิเวศ

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ระบบนิเวศ

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 7

ระบบนิเวศ

เวลา 8 ชว่ั โมง

1. ผลการเรยี นรู้

6. วิเคราะห์ อธิบาย และยกตัวอยา่ งกระบวนการถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ
7. อธบิ าย ยกตวั อย่างการเกดิ ไบโอแมกนิฟเิ คชนั และบอกแนวทางในการลดการเกิดไบโอแมกนิฟเิ คชนั
8. สืบค้นข้อมูล และเขียนแผนภาพเพ่ืออธิบายวัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรกามะถัน และวัฏจักร

ฟอสฟอรสั
9. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง และอธิบายลักษณะของไบโอมท่ีกระจายอยู่ตามเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ บน

โลก
10. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง อธิบาย และเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิและการ

เปล่ียนแปลงแทนท่แี บบทตุ ิยภูมิ

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรยี นรูเ้ พ่มิ เตมิ
1) ไบโอมคือระบบนิเวศขนาดใหญท่ ่ีกระจายอยตู่ ามเขตภมู ิศาสตร์ต่างๆ บนโลก เชน่ ไบโอมทุนดรา
ไบโอมสะวันนา ไบโอมทะเลทราย โดยแต่ละไบโอมจะมีลักษณะเฉพาะของปัจจัยทางกายภาพ
ชนิดของพชื และชนิดของสัตว์
2) ระบบนิเวศจะดารงอยู่ได้ต้องมีกระบวนการต่างๆ เกิดขึ้น กระบวนการท่ีสาคัญ ได้แก่ การ
ถ่ายทอดพลังงาน และการหมุนเวียนสาร การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศสามารถแสดงได้
ด้วยแผนภาพท่ีเรียกว่า โซอ่ าหาร สายใยอาหาร และพีระมดิ ทางนเิ วศวิทยา
3) พลังงานที่ถ่ายทอดไปในแต่ละลาดับข้ันการกินอาหารมีปริมาณที่ไม่เท่ากัน พลังงานส่วนใหญ่จะ
สญู เสียไปในรปู ความรอ้ นระหว่างการถ่ายทอดจากสิง่ มชี วี ติ หนึง่ ไปยังสงิ่ มชี วี ติ อีกชนดิ หนง่ึ
4) การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศบางครั้งอาจทาให้มีสารพิษสะสมอยู่ในสิ่งมีชีวิตด้วย เรียกว่า
การเกิดไบโอแมกนิฟิเคชัน ซึ่งอาจมีระดับความเข้มข้นของสารพิษมากข้ึนตามลาดับขั้นของการ
กินจนอาจกอ่ ให้เกดิ อนั ตรายตอ่ สง่ิ มชี วี ติ
5) สารต่าง ๆ ในระบบนิเวศมีการหมุนเวียนเกิดขึ้นผ่านทั้งในส่ิงมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต กลับคืนสู่
ระบบอยา่ งเป็น วัฏจักร เช่น วัฏจักรไนโตรเจน วฏั จกั รกามะถัน และ วัฏจักรฟอสฟอรสั
6) ระบบนิเวศมีการเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนอย่างช้าๆ ทาให้ระบบนิเวศสามารถ
ปรับสมดุลได้ แต่การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบทาง
ชีวภาพในระบบนเิ วศทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงแทนท่ีของสง่ิ มีชวี ิตข้นึ

122

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 ระบบนิเวศ

7) การเปลี่ยนแปลงแทนที่ทางนิเวศวิทยา มีทั้งการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิและการ
เปลีย่ นแปลงแทนทแี่ บบทตุ ิยภมู ิ

2.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่
(พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา)

3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

ระบบนเิ วศ หมายถึง ความสมั พันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิต (community) กับสิ่งแวดล้อม (environment)
โดยมีองค์ประกอบสาคัญ 2 ส่วน ได้แก่ องค์ประกอบท่ีไม่มีชีวิต (abiotic component) ซ่ึงประกอบไป
ด้วย อนินทรียสาร อินทรียสาร และสภาพแวดล้อมทางกายภาย และองค์ประกอบที่มีชีวิต (biotic
component) ซง่ึ ประกอบไปด้วย ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผูย้ ่อยสลายอินทรียสาร

ระบบนิเวศมีท้ังขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เช่น ระบบนิเวศแหล่งน้าเป็นระบบนิเวศขนาดเล็กท่ีอยู่ใน
ระบบนิเวศป่าไม้ซ่ึงเป็นระบบนิเวศขนาดใหญ่ ระบบนิเวศใดที่มีองค์ประกอบทางกายภาพและ
องค์ประกอบทางชีวภาพคล้ายคลึงกัน เรียกว่า ชีวนิเวศ หรือไบโอม (biomes) โดยไบโอมต่างๆ กระจาย
อยู่ในเขตภูมิศาสตร์ต่างกัน ซ่ึงแต่ละไบโอมจะมีลักษณะเฉพาะของปัจจัยทางกายภาพ ชนิดของพืช แล ะ
ชนดิ ของสัตวแ์ ตกต่างกนั

ระบบนิเวศจะดารงอยู่ในสมดุลได้ต้องมีกระบวนการต่างๆ เกิดข้ึน กระบวนการที่สาคัญ ได้แก่ การ
ถ่ายทอดพลังงาน และการหมุนเวียนสาร

สิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศมีบทบาทต่างกัน ได้แก่ ผู้ผลิต (producer) ผู้บริโภค (consumer) และผู้ย่อย
สลาย (decomposer) โดยส่ิงมีชีวิตต่างๆ จะมีความสัมพันธ์กันในลักษณะของการกินต่อกันเป็นทอดๆ ใน
รูปของโซ่อาหาร (food chain) และสายใยอาหาร (food web) ซึ่งการกินต่อกันเป็นทอดๆ น้ันทาให้เกิด
การถ่ายทอดพลังงาน (energy flow) โดยพลังงานที่ถ่ายทอดไปในแต่ละลาดับขั้นการกินอาหาร (trophic
level) มีปริมาณที่ไม่เท่ากัน พลังงานส่วนใหญ่จะสูญเสียไปในรูปของความร้อนระหว่างการถ่ายทอดจาก
สิง่ มชี วี ิตหน่ึงไปยงั สง่ิ มชี วี ติ อกี ชนดิ หนึง่

พีระมิดทางนิเวศวิทยา (ecological pyramid) เป็นพีระมิดที่ใช้แสดงความสัมพันธ์แต่ละลาดับขั้น
ของการกนิ ต่อกนั เปน็ ทอด ๆ ของสงิ่ มชี ีวติ ในโซอ่ าหารแต่ละโซอ่ าหาร ซึ่งพีระมดิ ทางนเิ วศวิทยาแบง่ เปน็
3 แบบ ไดแ้ ก่ พรี ะมิดจานวน พรี ะมิดมวลชีวภาพ และพรี ะมดิ พลงั งาน

นอกจากพลังงานและสารอาหารท่ีถูกถ่ายทอดไปในแต่ละลาดับขั้นสายใยอาหารแล้ว สารพิษต่าง ๆ
เช่น ปรอท ตะก่ัว แคดเมียม DDT ก็ถูกถ่ายทอดไปเช่นกัน แต่การถ่ายทอดสารพิษในระบบนิเวศไม่เป็นไป
ตามกฎสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นแบบทวีคูณ คือ สารพิษจะเพิ่มมากข้ึนตามลาดับช้ันของการกินต่อกันเป็น
ทอดๆ เรยี กวา่ ปรากฎการณ์เพิม่ ขยายทางชวี ภาพ หรือการเกิดไบโอแมกนฟิ ิเคชัน (biomagnification)

สารต่าง ๆ ในระบบนิเวศมีการหมุนเวียนเกิดขึ้นผ่านท้ังในส่ิงมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต แล้วกลับคืนสู่
ระบบอย่างเป็นวัฏจักร เช่น วัฏจักรน้า วัฏจักรคาร์บอน วัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรฟอสฟอรัส วัฏจักร
กามะถัน

123

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 ระบบนเิ วศ

วัฏจักรน้า เริ่มด้วยน้าจากในแหล่งน้าต่าง ๆ จากการคายน้าของพืช จากการหายใจและการขับถ่าย
ของเสยี ของสิ่งมีชวี ิต และจากกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ จะระเหยกลายเป็นไอข้ึนไปในบรรยากาศ ซึ่งเม่ือ
กระทบกับอากาศเย็นไอน้าน้ันจะควบแน่นเป็นละอองน้าแล้วรวมตัวกันเป็นเมฆ เมื่อละอองน้ามีปริมาณ
มากจะตกลงมาเป็นฝน ลูกเห็บ หรือหิมะ ลงสู่พื้นผิวโลกซึ่งบางส่วนซึมลงในดิน บางส่วนไหลรวมกันลงสู่
แหลง่ น้าต่าง ๆ ซ่งึ ส่ิงมชี ีวิตนาไปใชใ้ นการดารงชีวติ และนา้ จะมีการหมุนเวยี นเปน็ วฏั จักรต่อไป

วัฏจักรคาร์บอน เริ่มจากแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ถูกพืชนาไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
แล้วถูกถ่ายทอดไปยังสัตว์โดยการกินต่อกันเป็นทอดๆ จากนั้นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกปลดปล่อย
ออกจากพืชและสัตว์ไปยังบรรยากาศด้วยกระบวนการหายใจ และบางส่วนสะสมอยู่ในเน้ือเยื่อของพืชและ
สัตว์ ซง่ึ จะถูกปลดปล่อยออกสธู่ รรมชาตเิ มื่อพืชและสตั วต์ ายลงแลว้ เกิดการย่อยสลายซาก

วฏั จกั รไนโตรเจนประกอบด้วยกระบวนการที่สาคัญ 4 กระบวนการ ดงั นี้
- การตรึงไนโตรเจน (nitrogen fixation)
- การเปลี่ยนสารประกอบไนโตรเจนเปน็ แอมโมเนยี (ammonification)
- การเปลยี่ นเกลือแอมโมเนียเปน็ ไนไตรท์และไนเตรท (nitrification)
- การเปลี่ยนไนเตรทกลบั ไปเป็นแกส๊ ไนโตรเจนในบรรยากาศ (denitrification)

วัฏจักรฟอสฟอรัส เริ่มจากพืชนาฟอสฟอรัสในรูปที่ละลายน้าได้ไปใช้และถ่ายทอดไปในระบบนิเวศ
ตามโซอ่ าหาร เม่ือส่งิ มีชีวติ ตายลงฟอสฟอรัสจะถูกย่อยสลายให้อยู่ในรูปที่ละลายน้าได้แล้วถูกชะล้างพัดพา
ลงสู่ใตด้ นิ ทะเล และมหาสมุทร

วัฏจักรกามะถัน เริ่มจากสารประกอบอินทรีย์ในพืชและสัตว์จะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียให้
กลายเป็นไฮโดรเจนซัลไฟต์ และถูกเปลี่ยนต่อไปจนกลายเป็นซัลเฟต ซ่ึงพืชจะนาไปใช้ได้ กามะถันในซาก
พชื ซากสัตว์บางส่วนจะถกู สะสมไว้ในรปู ถา่ นหนิ และปิโตรเลียม เมื่อถูกนามาใช้เป็นเช้ือเพลิงในการเผาไหม้
จะไดแ้ ก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)

ระบบนิเวศเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่จะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ทาให้ระบบนิเวศยังสามารถ
รักษาสมดุลของระบบ และยงั คงดารงอยไู่ ด้ แต่หากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อ
องค์ประกอบทางชีวภาพในระบบนิเวศ ซึ่งอาจทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิต (ecological
succession) ซ่ึงเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ปฏิกิริยาของส่ิงมีชีวิตท่ีมีต่อ
แหลง่ ท่ีอยู่ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศอย่างรนุ แรง และกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์

การเปลยี่ นแปลงแทนท่ีของส่ิงมีชีวิตมี 2 ลักษณะ
1. การเปลย่ี นแปลงแทนทีข่ องสง่ิ มชี วี ิตแบบปฐมภูมิ (primary succession) เป็นการเปลยี่ นแปลง
แทนทท่ี เ่ี ร่ิมจากบริเวณที่ไม่เคยมีส่งิ มชี ีวติ มาก่อน หลงั จากน้นั จึงเกิดส่งิ มชี วี ติ กลุม่ แรกขน้ึ มา เมอื่ กลมุ่ แรก
ตายไปกจ็ ะเกดิ ส่งิ มีชีวิตกลุ่มใหม่แทนท่ไี ปเรื่อย ๆ ซึง่ ใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปี จนจะเกดิ สังคมสมบูรณท์ มี ี
ความสมดลุ ทางธรรมชาติ

124

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ระบบนเิ วศ

2. การเปล่ียนแปลงแทนท่ขี องส่งิ มชี ีวติ แบบทตุ ิยภูมิ (secondary succession) เป็นการเปลี่ยน
แปลงแทนท่ีท่เี กิดขน้ึ ในบรเิ วณทีเ่ คยมีกลมุ่ สงิ่ มชี ีวติ อยู่ แตก่ ลุม่ สิ่งมชี วี ิตเดิมถูกทาลายไปเน่ืองจากสาเหตุ
ต่าง ๆ เช่น ไฟป่า การสร้างเขื่อน การทาไร่เลื่อนลอย ซึ่งการเปล่ียนแปลงแทนที่แบบน้ีใช้ระยะเวลาน้อย
กว่าแบบปฐมภูมิ เนื่องจากพืน้ ท่ียังคงมีสงิ่ มีชวี ิตบางชนดิ และมีสารอนิ ทรีย์เหลอื อยู่

4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ยั

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน

2) ทักษะการจาแนกประเภท

3) การจดั ทาและสอื่ ความหมายข้อมูล

4) การลงความเหน็ จากข้อมูล

5) การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ มลู

3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

5. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ปา้ ยนเิ ทศ เรอื่ งตัวอย่างและแนวทางการลดการเกดิ ไบโอแมกนิฟิเคชนั
- รายงาน เรื่องการเปลีย่ นแปลงแทนทขี่ องสง่ิ มชี วี ิต
- ชน้ิ งาน เรอื่ ง การเปลย่ี นแปลงแทนทข่ี องสงิ่ มีชวี ติ แบบปฐมภมู ิและแบบทุติยภูมิ

6. การวดั และการประเมินผล

รายการวัด วิธีวดั เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
- แบบประเมินช้นิ งาน - ระดับคุณภาพ 2
6.1 การประเมนิ ชิ้นงาน/ - ป้ายนเิ ทศ เร่อื งตวั อย่าง
- แบบประเมินรายงาน ผา่ นเกณฑ์
ภาระงานรวบยอด และแนวทางการลดการ
- ระดับคุณภาพ 2
เกดิ ไบโอแมกนิฟิเคชนั ผา่ นเกณฑ์

- รายงาน เรอื่ งการ

เปลีย่ นแปลงแทนท่ขี อง

สง่ิ มชี วี ิต

125

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 7 ระบบนิเวศ

รายการวัด วธิ วี ัด เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
- ระดบั คุณภาพ 2
- ชิ้นงาน เรอ่ื ง การ - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน
ผ่านเกณฑ์
เปลยี่ นแปลงแทนทขี่ อง
- ประเมินตาม
สง่ิ มชี ีวติ แบบปฐมภูมิและ สภาพจรงิ

แบบทุติยภูมิ - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
6.2 การประเมินก่อนเรียน
- รอ้ ยละ 60
- แบบทดสอบก่อน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์

เรียน หนว่ ยการ กอ่ นเรยี น ก่อนเรียน - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
เรยี นรู้ที่ 7
- ร้อยละ 60
6.3 การประเมินระหว่าง ผ่านเกณฑ์

การจดั กจิ กรรม - รอ้ ยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
1) ระบบนเิ วศและไบ - ตรวจใบงานที่ 7.1 เรอ่ื ง - ใบกจิ กรรม เรอื่ ง
- รอ้ ยละ 60
โอม ทวั ร์ไบโอม ทัวรไ์ บโอม ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60
ผ่านเกณฑ์
2) การถา่ ยทอด - ตรวจใบงานที่ 7.2 เร่อื ง - ใบงานที่ 7.2 เร่ือง
พลังงานในระบบ การถา่ ยทอดพลงั งานใน การถา่ ยทอดพลังงาน - รอ้ ยละ 60
นเิ วศ ระบบนเิ วศ ในระบบนเิ วศ ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หดั
- ระดบั คุณภาพ 2
3) วฏั จักรสารใน - ตรวจใบงานท่ี 7.3 เรื่อง - ใบงาน เรือ่ ง วฏั จักร ผา่ นเกณฑ์
ระบบนเิ วศ วัฏจกั ร สารในระบบ สารในระบบนเิ วศ
นเิ วศ - ระดับคุณภาพ 2
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด

4) การเปลย่ี นแปลง - ตรวจใบงานท่ี 7.4 เร่อื ง - ใบงาน เรอ่ื ง สารวจ
ระบบนเิ วศในท้องถ่ิน
แทนทีข่ อง สารวจ ระบบนิเวศใน
- แบบฝึกหัด
ส่งิ มชี ีวิต ท้องถ่นิ

- ตรวจแบบฝึกหัด

4) การปฏบิ ตั กิ าร - ประเมินการปฏิบัตกิ าร - แบบประเมิน
5) การนาเสนอ - ประเมนิ การนาเสนอ การปฏบิ ตั กิ าร

- ผลงานที่นาเสนอ

126

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 7 ระบบนเิ วศ

รายการวัด วิธีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
ผลงาน ผลงาน
6) พฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
การทางาน การทางานรายบคุ คล
รายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
7) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม
การทางานกลุ่ม การทางานกลุม่ การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
8) คุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่
6.4 ประเมนิ หลงั เรียน ในการทางาน การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
- Unit Questions
หนว่ ยการเรยี นรู้ - ตรวจ Unit Questions - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
ท่ี 7 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7
- Test for U คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
หน่วยการเรยี นรู้ - ตรวจ Test for U
ท่ี 7 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 อันพึงประสงค์
- แบบทดสอบ
หลังเรียน หน่วย - ตรวจแบบทดสอบ - Unit Questions - ร้อยละ 60
การเรยี นร้ทู ี่ 7 หลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 ผ่านเกณฑ์

- Test for U - ร้อยละ 60

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 ผ่านเกณฑ์

- แบบทดสอบหลงั เรียน - รอ้ ยละ 60
ผ่านเกณฑ์

7. กจิ กรรมการเรียนรู้ เวลา 2 ชว่ั โมง

 แผนฯ ท่ี 1 : ระบบนิเวศและไบโอม เวลา 2 ชั่วโมง
วิธีการสอนแบบเน้นมโนทศั น์ (Concept-Based Instruction)
เวลา 2 ชวั่ โมง
 แผนฯ ที่ 2 : การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ
วธิ ีการสอนแบบเน้นมโนทศั น์ (Concept-Based Instruction) เวลา 2 ชัว่ โมง
(รวมเวลา 8 ชั่วโมง)
 แผนฯ ท่ี 3 : วฏั จกั รในระบบนเิ วศ
วธิ ีการสอนแบบเนน้ มโนทศั น์ (Concept-Based Instruction)

 แผนฯ ที่ 4 : การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของสิ่งมีชีวิต
วธิ กี ารสอนแบบเน้นมโนทศั น์ (Concept-Based Instruction)

127

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 7 ระบบนิเวศ

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชวี วิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ ท่ี 7

ระบบนิเวศ
2) แบบฝกึ หัดรายวชิ าเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชวี วิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7

ระบบนิเวศ
3) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 ระบบนเิ วศ
4) แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 ระบบนเิ วศ
5) ใบงานท่ี 7.1 เร่อื ง ทัวรไ์ บโอม
6) ใบงานท่ี 7.2 เรือ่ ง การถา่ ยทอดพลังงานใน ระบบนเิ วศ
7) ใบงานท่ี 7.3 เรือ่ ง การถ่ายทอดพลังงานใน ระบบนเิ วศ
8) ใบงานท่ี 7.4 เรอ่ื ง สารวจ ระบบนิเวศในท้องถ่นิ
9) PowerPoint เรอ่ื ง ระบบนิเวศ
10) QR Code เรื่อง ไบโอมบนบก
8.2 แหล่งการเรียนรู้

1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
3) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ

128

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 7 ระบบนิเวศ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7

คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบสาคญั ของระบบนิเวศ 5. ไบโอมแหลง่ น้าเคม็ กบั ไบโอมแหล่งน้าจืดมี

1. สารเคมี ลักษณะต่างกนั อย่างไร

2. อินทรยี สาร 1. ไบโอมแหลง่ นา้ จืดมีน้าไหล

3. อนนิ ทรียสาร 2. ไบโอมแหลง่ น้าเคม็ มนี า้ ไหล

4. สิง่ มีชีวิตทก่ี ินพชื 3. ไบโอมแหลง่ น้าจืดมนี า้ ข้นึ น้าลง

5. สิ่งมีชีวติ ทีเ่ ป็นผู้ยอ่ ยสลาย 4. ไบโอมแหลง่ น้าเคม็ มีน้าขึ้นน้าลง

2. ระบบนเิ วศท่ีมีองค์ประกอบทางกายภาพและ 5. ไบโอมทั้งสองมลี กั ษณะเหมอื นกัน

องค์ประกอบทางชวี ภาพคลา้ ยคลึงกนั เรยี กวา่ 6. โซอ่ าหารท่ีประกอบดว้ ยส่งิ มีชีวิตดงั ต่อไปนี้ หนู

อะไร งู สิงโต หญา้ แมวป่า การถา่ ยทอดพลงั งาน

1. Biome 2. Ecology เร่มิ ตน้ จากส่ิงมชี ีวติ ใด และส้ินสดุ ท่ีสิ่งมชี ีวติ ใด

3. Biosphere 4. Ecosystem ตามลาดบั

5. biodiversity 1. หนู งู

3. ไบโอมทะเลทรายมลี ักษณะเด่นต่างจากไบโอม 2. หนู สิงโต

อ่ืนอยา่ งไร 3. หนู แมวปา่

1. มีฝนตกตลอดทัง้ ปี 4. หญ้า สิงโต

2. พบพรใุ นบางบรเิ วณ 5. หญ้า แมวปา่

3. อุณหภูมิตา่ ในช่วงหน้าร้อน 7. พีระมิดทางนิเวศวิทยาแบบใดอาจมลี กั ษณะฐาน

4. ช้ันดนิ จับตัวกนั เปน็ นา้ แข็ง แคบ

5. มภี มู ิอากาศร้อนจัดและแหง้ แลง้ ก. พรี ะมิดจานวน ข. พรี ะมดิ มวลชวี ภาพ

4. ขอ้ ใดคือลักษณะของไบโอมป่าดบิ ชน้ื ค. พรี ะมิดพลังงาน

1. มีฤดหู นาวยาวนาน และฤดูรอ้ นส้ัน 1. ก. เท่านั้น

2. ภูมิอากาศร้อนช้นื ตลอดปี และมฝี นตกชกุ 2. ข. เทา่ นัน้

3. พนื้ ทโ่ี ล่งกวา้ ง สว่ นมากพบพืชจาพวกหญ้า 3. ก. และ ข.

4. มักเกดิ ไฟปา่ อยู่เสมอ เพราะมีสภาพ 4. ก. และ ค.

อากาศแหง้ 5. ข. และ ค.

5. เป็นปา่ ผลัดใบ พบไมผ้ ลดั ใบท้ังไม้ยนื ต้น

และไม้พุ่ม

129

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 ระบบนเิ วศ

8. หากฉดี สารกาจดั ศัตรูพชื ใหแ้ ครอต ส่ิงมีชีวติ ใดจะ

มีการสะสมสารพิษในโซอ่ าหารมากท่สี ุด เม่อื โซ่

อาหารเป็น ดังน้ี

แครอต → หนอน → นก → งู → เหย่ียว

1. งู 2. นก

3. หนอน 4. เหย่ยี ว

5. แครอต

9. วัฎจกั รสารในข้อใดทต่ี ้องอาศัยจลุ นิ ทรยี ์ในการ

รกั ษาสมดลุ ของวฎั จักรมากที่สดุ

1. วัฏจกั รนา้ 2. วฏั จักรคาร์บอน

3. วัฏจกั รกามะถัน 4. วฏั จกั รไนโตรเจน

5. วฏั จกั รฟอสฟอรัส

10. การเกิดพายุรุนแรง แผ่นดินไหว ไฟป่า การถาง

ป่า หลังจากน้ันปล่อยทิ้งไว้จนเกิดกลุ่มส่ิงมีชีวิต

เป็นการเกดิ การเปล่ยี นแปลงแทนทีใ่ นลักษณะใด

1. แบบปฐมภมู ิ

2. แบบทุติยภมู ิ

3. แบบใชเ้ วลานอ้ ย

4. แบบใชเ้ วลายาวนาน

5. แบบปฐมภูมิ และแบบทตุ ิยภูมิ

เฉลย

1. 1 2. 1 3. 5 4. 2 5. 4 6. 4 7. 3 8. 4 9. 4 10. 2

130

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 ระบบนิเวศ

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 7

คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดไม่ถูกต้องเกีย่ วกบั ระบบนิเวศ 3. อณุ หภมู ิต่าในชว่ งหนา้ ร้อน

1. ระบบนิเวศขนาดเลก็ อาจอยู่ในระบบนเิ วศ 4. ชัน้ ดนิ จบั ตัวกันเปน็ นา้ แข็ง

ขนาดใหญ่ 5. มีภูมอิ ากาศร้อนจดั และแหง้ แล้ง

2. ระบบนเิ วศมีโครงสรา้ งพ้ืนฐาน ไดแ้ ก่ กลุ่ม 4. ขอ้ ใดคือลักษณะของไบโอมทุ่งหญา้ เขตอบอนุ่

สิ่งมชี วี ิต และสงิ่ แวดลอ้ ม 1. มีฤดหู นาวยาวนาน และฤดรู ้อนส้นั

3. ผู้บรโิ ภคปฐมภมู ิ (primary consumer) เป็น 2. มภี มู ิอากาศร้อนชื้นตลอดปี และมฝี นตกชกุ

ส่ิงมชี วี ิตทกี่ นิ พชื เป็นอาหาร 3. พนื้ ที่โล่งกวา้ ง สว่ นมากพบพืชจาพวกหญา้

4. องค์ประกอบท่ีไม่มชี ีวิตในระบบนเิ วศ ไดแ้ ก่ 4. เกดิ ไฟปา่ อยเู่ สมอ เพราะสภาพอากาศแห้ง

อนินทรสี าร อนิ ทรยี สาร และสภาพแวดล้อม 5. เปน็ ป่าผลดั ใบ พบไมผ้ ลดั ใบทั้งไม้ยนื ตน้

ทางกกายภาพ และไม้พุ่ม

5. ผผู้ ลิตเป็นจดุ เร่ิมต้นของความสมั พันธ์ 5. ไบโอมแบบใดท่ีไม่พบในประเทศไทย

ระหว่างองคป์ ระกอบทไี่ มม่ ีชีวติ กับ 1. ไบโอมไทกา

องคป์ ระกอบท่ีมีชวี ิตในระบบนิเวศ 2. ไบโอมป่าดิบชืน้

2. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายของไบโอมได้ถูกต้องที่สดุ 3. ไบโอมแหลง่ นา้ จืด

1. บรเิ วณทีมสี ่ิงมีชวี ิตชนดิ เดยี วกันอาศยั อยู่ 4. ไบโอมแหลง่ นา้ เคม็

รว่ มกัน 5. ไบโอมทุ่งหญา้ ในเขตอบอนุ่

2. ระบบนิเวศที่มีทง้ั องค์ประกอบทไี่ ม่มชี วี ิต 6. การถา่ ยทอดสารพิษในระบบนเิ วศมีลกั ษณะ

และองคป์ ระกอบที่มชี วี ิต อย่างไร

3. พื้นท่ตี ่างๆ ของโลกที่มสี ิ่งมีชวี ติ อาศยั อยู่ 1. เปน็ ไปตามกฎสิบเปอรเ์ ซ็นต์

รว่ มกันในบริเวณใดบรเิ วณหน่ึง 2. ไมม่ ีการถ่ายทอดสารพิษในระบบนิเวศ

4. บริเวณที่สิง่ มชี ีวติ อาศยั อยู่ร่วมกนั และมี 3. ลดลงตามลาดบั ช้ันของการกินตอ่ กนั เป็น

ความสมั พันธก์ นั อยา่ งเป็นระบบ ทอดๆ

5. ระบบนเิ วศทมี่ ีองค์ประกอบทางกายภาพ 4. เพม่ิ มากขน้ึ ตามลาดบั ชนั้ ของการกนิ ต่อกัน

และองค์ประกอบทางชวี ภาพคล้ายคลึงกัน เปน็ ทอดๆ

3. ไบโอมทุนดรามีลักษณะเด่นต่างจากไบโอมอน่ื 5. ลดลงและเพิ่มขนึ้ อยา่ งไมส่ ม่าเสมอขึน้ อยู่

อยา่ งไร กับปริมาณสารพิษ

1. มฝี นตกตลอดทง้ั ปี

2. พบพรุในบางบรเิ วณ

131

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ระบบนิเวศ

7. วัฏจักรของสารใดในระบบนิเวศซ่งึ หากเสียสมดลุ 9. เมื่อเกดิ การเปล่ียนแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิ
สงิ่ มีชวี ติ กล่มุ แรกทจี่ ะเกิดขน้ึ ในพื้นท่ีเปน็
ไปแล้ว จะมีผลกระทบอยา่ งชัดเจนต่อการ ส่งิ มีชวี ติ กลุม่ ใด
1. ไม้ล้มลุก
ดารงชีวติ ของสัตวม์ ีกระดูกสันหลงั โดยเฉพาะ 2. หญ้าและวชั พชื
3. มอสและไลเคนส์
1. วฏั จกั รน้า 2. วัฏจกั รคาร์บอน 4. สาหรา่ ยและเห็ดรา
5. พืชท่ลี าต้นทอดยาวกับพ้ืนดิน
3. วฏั จกั รกามะถัน 4. วฏั จักรไนโตรเจน
10 ขอ้ ใดมโี อกาศเกิดการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบ
5. วัฏจักรฟอสฟอรสั ทตุ ยิ ภูมิไดม้ ากท่สี ดุ
1. บรเิ วณที่ทาไร่เลื่อนลอย
8. ขอ้ ใดเรียงลาดบั ของพชื ทน่ี า่ จะพบเมื่อทาการเผา 2. หน้าดินท่ีถูกเปดิ ขึ้นมาใหม่
3. บรเิ วณท่ีมีหนิ ปกคลุมเตม็ พนื้ ที่
ไร่ขา้ วโพดแลว้ ปล่อยใหร้ กร้างไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 4. พ้ืนท่ีหลังการละลายของธารน้าแข็ง
5. การเจริญของกลุ่มจลุ นิ ทรียใ์ นน้าตม้ ฟางขา้ ว
1. ข้าวโพด – หญ้า – แหว้ กระเทยี ม – ไม้

พ่มุ – ไมย้ นื ตน้

2. ข้าวโพด – แห้วกระเทยี ม – ไมย้ ืนต้น – ไม้

พมุ่ – หญ้า

3. ขา้ วโพด – ไมย้ ืนตน้ – ไม้พมุ่ – แหว้

กระเทยี ม – หญ้า

4. ข้าวโพด – หญ้า – ไม้พุ่ม – ไมย้ ืนตน้ –

แห้วกระเทยี ม

5. ขา้ วโพด – แหว้ กระเทียม – หญา้ – ไมพ้ ุ่ม

– ไมย้ นื ตน้

เฉลย

1. 2 2. 5 3. 4 4. 3 5. 5 6. 4 7. 5 8. 1 9. 3 10. 1

132

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 7 ระบบนเิ วศ

แบบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ ชิ้นงาน/แผ่นพบั /ผังสรุป/ป้ายนิเทศ

คาชี้แจง : ใหผ้ ูส้ อนประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงานของนักเรียนตามรายการท่ีกาหนด แล้วขีด  ลงในช่องท่ีตรง

กับระดับคะแนน

ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321

1 ความสอดคล้องกับจุดประสงค์
2 ความถูกต้องของเนอื้ หา
3 ความคดิ สร้างสรรค์
4 ความตรงต่อเวลา

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............../................../................

เกณฑ์การประเมินชนิ้ งาน/แผ่นพับ/ผังสรุป/ป้ายนเิ ทศ

ประเด็นท่ปี ระเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1
32

1. ความ ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานไม่สอดคลอ้ งกับ

สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์ทุกประเด็น จุดประสงค์เปน็ จดุ ประสงคบ์ างประเด็น จุดประสงค์

จุดประสงค์ สว่ นใหญ่

2. ความถูกต้อง เน้ือหาสาระของผลงาน เน้อื หาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนือ้ หาสาระของผลงาน

ของเนือ้ หา ถกู ตอ้ งครบถว้ น ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ถูกต้องบางประเด็น ไม่ถกู ต้องเปน็ สว่ นใหญ่

3. ความคิด ผลงานแสดงถึงความคดิ ผลงานแสดงถงึ ความคดิ ผลงานมีความนา่ สนใจ ผลงานไม่มคี วาม
สร้างสรรค์ นา่ สนใจ และไม่แสดง
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ แต่ยงั ไมม่ ีแนวคิดแปลก ถึงแนวคดิ แปลกใหม่
4. ความตรงตอ่
เวลา และเปน็ ระบบ แต่ยงั ไมเ่ ป็นระบบ ใหม่ ส่งชน้ิ งานช้ากว่าเวลาที่
กาหนด 3 วันขึ้นไป
สง่ ช้นิ งานภายในเวลาที่ ส่งชน้ิ งานช้ากวา่ เวลาท่ี สง่ ชน้ิ งานช้ากว่าเวลาท่ี

กาหนด กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วัน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

11-12 ดมี าก

9-10 ดี

6-8 พอใช้

ต่ากว่า 6 ปรับปรุง

133

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 7 ระบบนเิ วศ

แบบประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมินรายงาน

คาช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงานของนักเรียนตามรายการท่ีกาหนด แล้วขีด  ลงในช่องท่ีตรง
กบั ระดบั คะแนน

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
4321
1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา
2 ความสมบูรณ์ของรปู เล่ม รวม
3 ความตรงต่อเวลา

ลงช่ือ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
............/................../..................

เกณฑ์การประเมินรายงาน

ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1
32

1. ความถกู ตอ้ ง เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ

ของเนอ้ื หา รายงานถูกต้องครบถ้วน รายงานถูกต้องเป็น รายงานถกู ต้องบาง รายงานไมถ่ กู ต้องเป็น

ส่วนใหญ่ ประเดน็ สว่ นใหญ่

2. ความสมบูรณ์ มีองค์ประกอบครบถว้ น มีองคป์ ระกอบครบถ้วน มีองค์ประกอบครบถ้วน องคป์ ระกอบ

ของรูปเลม่ สมบรู ณ์ มีความเปน็ สมบูรณ์ มคี วามเป็น สมบูรณ์ แต่ยังไมเ่ ป็น ไม่ครบถว้ น ไม่เป็น

ระเบียบ และรูปเล่ม ระเบยี บ แต่รปู เล่ม ระเบยี บ และรูปเล่ม ระเบยี บ และรปู เลม่

สวยงาม ไมส่ วยงาม ไม่สวยงาม ไมส่ วยงาม

3. ความตรงตอ่ ส่งช้ินงานภายในเวลาท่ี สง่ ชนิ้ งานช้ากว่าเวลาท่ี ส่งชิ้นงานช้ากวา่ เวลาท่ี ส่งช้นิ งานช้ากวา่ เวลาที่

เวลา กาหนด กาหนด 1 วนั กาหนด 2 วนั กาหนด 3 วันขึ้นไป

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

11-12 ดมี าก

9-10 ดี

6-8 พอใช้

ต่ากวา่ 6 ปรับปรงุ

134

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7 ระบบนิเวศ

แบบประเมินการปฏบิ ตั กิ าร (แผนฯ ที่ 1 และ 4)

คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏบิ ัติการของนักเรียนตามรายการท่ีกาหนด แล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั
ระดับคะแนน

ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏบิ ตั ิการทดลอง
2 ความคล่องแคลว่ ในขณะปฏิบัตกิ าร รวม
3 การนาเสนอ

ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
................./................../..................

135

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ระบบนเิ วศ

เกณฑ์การประเมินการปฏบิ ตั ิการ

ประเด็นท่ปี ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32
ตอ้ งให้ความช่วยเหลือ
1. การปฏบิ ตั ิการ ทาการทดลองตาม ทาการทดลองตาม ตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลอื อย่างมากในการทาการ
ทดลอง ขน้ั ตอน และใช้อปุ กรณ์ ขน้ั ตอน และใช้อปุ กรณ์ บ้างในการทาการ ทดลอง และการใช้
ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่อาจ ทดลอง และการใช้ อุปกรณ์
ต้องได้รับคาแนะนาบ้าง อุปกรณ์

2. ความ มคี วามคล่องแคล่ว มีความคลอ่ งแคลว่ ขาดความคลอ่ งแคลว่ ทาการทดลองเสรจ็
ในขณะทาการทดลอง ในขณะทาการทดลอง ไม่ทันเวลา และทา
คลอ่ งแคลว่ ในขณะทาการทดลอง แต่ต้องไดร้ บั คาแนะนา จงึ ทาการทดลองเสรจ็ อปุ กรณเ์ สียหาย
บ้าง และทาการทดลอง ไมท่ ันเวลา
ในขณะ โดยไม่ตอ้ งไดร้ บั เสร็จทันเวลา ตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลอื
บนั ทกึ และสรุปผล ต้องให้คาแนะนาในการ อยา่ งมากในการบันทกึ
ปฏิบตั กิ าร คาชแี้ นะ และทาการ การทดลองได้ถกู ตอ้ ง บนั ทกึ สรุป และ สรปุ และนาเสนอผล
แตก่ ารนาเสนอผล นาเสนอผลการทดลอง การทดลอง
ทดลองเสร็จทันเวลา การทดลองยังไม่เปน็
ขั้นตอน
3. การบันทกึ สรุป บนั ทกึ และสรุปผล

และนาเสนอผล การทดลองได้ถูกตอ้ ง

การทดลอง รดั กุม นาเสนอผลการ

ทดลองเปน็ ข้นั ตอน

ชัดเจน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

11-12 ดมี าก

9-10 ดี

6-8 พอใช้

ตา่ กวา่ 6 ปรับปรงุ

136

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 7 ระบบนิเวศ

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน

คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32
1 เน้ือหาละเอียดชัดเจน 
2 ความถูกต้องของเนอื้ หา  
3 ภาษาท่ีใช้เข้าใจง่าย  
4 ประโยชนท์ ี่ได้จากการนาเสนอ  
5 วธิ ีการนาเสนอผลงาน  


รวม

ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14-15 ดีมาก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

137

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 ระบบนิเวศ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล

คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื  

3 การทางานตามหน้าที่ที่ได้รบั มอบหมาย  

4 ความมีนา้ ใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

14-15 ดมี าก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง

138

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 ระบบนิเวศ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

การมี

ลาดับท่ี ชอื่ –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม
ของนักเรียน ความ ฟังคนอนื่ ตามที่ไดร้ บั น้าใจ การ 15
คิดเหน็ มอบหมาย คะแนน
ปรับปรุง
ผลงานกล่มุ

321321321321321

เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../...............
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

14-15 ดีมาก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

139

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ระบบนิเวศ

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดบั คะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพงึ ประสงค์ด้าน 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้

กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมทเี่ ก่ียวกับสถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่ีโรงเรยี นจัดข้นึ

2. ซ่ือสัตย์ สุจรติ 2.1 ให้ข้อมูลทถ่ี ูกต้อง และเป็นจรงิ

2.2 ปฏิบัตใิ นสงิ่ ที่ถกู ต้อง

3. มวี นิ ยั รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครัว

มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน

4. ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 รูจ้ กั ใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบัติได้

4.2 ร้จู กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เชอ่ื ฟงั คาส่งั สอนของบิดา - มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง

4.4 ตั้งใจเรียน

5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และสงิ่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด

5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ณุ คา่

5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ

6. มุ่งม่ันในการทางาน 6.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ให้งานสาเรจ็

7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สานึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย

7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน

8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบัตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรียนและ

โรงเรียน

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ

............../.................../...............

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 51-60 ดีมาก

พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติบางครง้ั ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี

30-40 พอใช้

ต่ากวา่ 30 ปรบั ปรุง

140


Click to View FlipBook Version