The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร
ธรรมะปัญญา ดร. ฟ้าลดา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Fahlada Innovation, 2020-07-30 22:15:40

หนังสือพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร

หนังสือพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร
ธรรมะปัญญา ดร. ฟ้าลดา

51

พระผ้มู พี ระภาคทรงรบั แกว้ มณีน้ันไว้ พระธิดาสาครนาคราช จึงทรงกล่าวคาน้ีกันพระปรัชญากูฏะ
โพธิสัตว์และพระศาริบุตรเถระว่า "ข้าพเจ้าได้ถวายแก้วมณีนี้ พระผู้มีพระภาคและพระผู้มีพระ
ภาค ทรงรับแก้วมณีนั้นโดยเร็วมิใช่หรือ? พระเถระกล่าวว่า เม่ือท่านถวายโดยพลัน พระผู้มีพระ
ภาค ก็รับโดยพลัน พระธิดาสาครนาคราชจึงตรัสว่า ข้าแต่พระศาริบุตร ผู้เจริญถ้าข้าพเจ้า มีฤทธิ์
มาก ขา้ พเจา้ พงึ ตรัสรพู้ ระสัมมาสมั โพธิญาณไดเ้ รว็ กวา่ ผูร้ ับแกว้ มณกี ็จะไม่มี

ในเวลาน้ัน อินทรีย์แห่งสตรีน้ัน ก็อันตธานหายไปต่อหน้าชาวโลกทั้งปวง และต่อหน้า
พระศารีบุตรเถระ อินทรีย์แห่งบุรุษ ก็ปรากฏขึ้น พระธิดาของสาครนาคราช ได้แสดงตนเป็นพระ
โพธิสัตว์ ในเวลานั้น (พระนาง) ได้เสด็จไปสู่ทิศใต้ ครั้งนั้น ในทิศใต้ มีโลกธาตุ ชื่อว่า วิมล (พระ
นาง) ได้แสดงตนเป็นองค์พุทธะ ประทับนั่งที่โคนสัตวตรัตนโพธิพฤกษ์ ทรงไว้ซึ่งลักษณะ 32
ประการ ผูม้ ีรปู ประกอบดว้ ยอนุพยญั ชนะท้ังปวง ผู้กาลังแสดงธรรมให้กระจายไปสู่ทิศทั้ง 10 ด้วย
พระรัศมี สัตว์เหล่าใด ที่มีอยู่ในสหาโลกเหล่าน้ัน ย่อมมองเห็นพระตถาคตส่วนเทวดา นาค ยักษ์
คนธรรพ์ อสูร ครฑุ กินนร มนุษยแ์ ละอมนุษย์ทั้งหลาย ได้ถวายสักการะบูชาพระองค์ ผู้กาลังแสดง
ธรรมอยู่ สัตว์เหล่าใด ได้ฟังธรรมของพระตถาคต สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นผู้ไม่เปล่ียนแปลง
ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ วิมลโลกธาตุและสหาโลกธาตุน้ี ได้สั่นไหวเป็น 6 จังหวะ สัตว์
ทั้งหลายประมาณสามพนั คนในมณฑลบริษัทของพระผู้มีพระภาคศากยมุนี ได้รับขันติธรรมโดยท่ัว
กัน หมู่สัตว์อีกสามพันคน ได้การพยากรณ์ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ครั้งนั้น พระปรัชญากูฏ
โพธิสัตว์และพระศาริบุตรเถระได้เป็นผู้สงบแล้ว ว่าด้วยการทัศนาพระสถูป ในธรรมบรรยาย
สทั ธรรมปณุ ฑรกี สูตรอันประเสริฐ มเี พียงเทา่ นี้
***********
บทท่ี 12 ธรรมควำมเพยี รพยำยำม

ได้ยินว่า คร้งั น้ันพระโพธิสัตว์ไภษัชยราช กับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์มหาประติภาน รวมทั้ง
พระโพธิสัตว์บริวาร 20 แสนองค์ ได้กล่าววาจานี้ ณ เบ้ืองพระพักตร์ ของพระผู้มีพระภาคว่า "ข้า
พระองค์ทั้งหลาย จักแสดง จักประกาศธรรมบรรยายน้ี ของพระตถาคตผู้ปรินิพพานแล้ว ให้แก่
สัตว์ทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แม้ว่าสัตว์ท้ังหลาย ผู้คดโกง จักมีอยู่ในกาลนั้น สัตว์ผู้มีกุศล
น้อย มอี หงั การมาก ปรารถนาลาภสักการะ อาศัยอกุศลมูล เป็นผู้ฝึกยาก ปราศจากความหลุดพ้น
เป็นผู้มากด้วยความยึดม่ัน (ไม่หลุดพ้น) ข้าแต่พระผู้มีพระภาคในกาลน้ัน ข้าพระองค์ทั้งหลาย ให้
(พวกเขา) แสดงพลงั ความอดทน ให้ศกึ ษา ให้ท่อง ใหอ้ ธิบาย ให้เขียน ให้สักการะ ให้เคารพ ให้ยก
ย่อง ให้บูชา ซึ่งพระสูตรน้ี ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ท้ังหลาย จักสละกายและชีวิต เพื่อ
ประกาศพระสตู รนี้

52

ในบริษทั นัน้ ภกิ ษจุ านวน 500 รปู ท้งั ทเี่ ปน็ พระเสขะและอเสขะ ได้กราบทูลคานี้กับพระผู้
มีพระภาคว่า "ข้าแต่พระผู้มพี ระภาค ขา้ พระองค์ทั้งหลาย จะพยายาม เพ่ือประกาศธรรมบรรยาย
นี้ แม้ในโลกธาตเุ หลา่ อนื่ ได้ยินว่า พระสาวกท้ังหลายของพระผู้มีพระภาค ทั้งท่ีเป็นพระเสขะและ
พระอเสขะ เป็นผู้ท่ีพระผู้มีพระภาคได้พยากรณ์ไว้ ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระภิกษุ 8,000
รูปเหล่านั้นท้ังหมด ประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาค ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ข้า
พระองค์ทงั้ หลาย จักประกาศธรรมบรรยายนี้ เม่อื พระตถาคตปรินพิ พานแล้ว ในกาลสมัยภายหลัง
แมใ้ นโลกธาตุอ่ืน เพราะในสหาโลกธาตนุ ้ี สัตวท์ ง้ั หลายเปน็ ผู้อหงั การมีกศุ ลนอ้ ย มจี ิตวิบัติเป็นนิตย์
เปน็ ผทู้ จุ รติ มีธรรมชาติคดโกง

ขณะน้นั พระมหาประชาบดโี คตมี พระภคินีแห่งพระมารดาของพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วย
พระภิกษุณี 6,000 รูป กับพระภิกษุณี ท่ีเป็นเสขะและพระอเสขะลุกจากอาสนะ ประคองอัญชลี
ต่อพระผู้มีพระภาค แล้วยืนมองพระผู้มีพระภาคอยู่ ในเวลานั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถาม พระ
มหาประชาบดีโคตมีว่า "ดูก่อนโคตมี ทาไมเธอจึงมีทุกข์ใจยืนมองพระตถาคตอยู่" พระนางกราบ
ทูลว่า "หม่อมฉนั ไมไ่ ด้รบั การเผ่ือแผ่ (กระจาย) ไม่ได้รับการพยากรณ์ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ"
พระผ้มู พี ระภาคตรสั ว่า "ดกู ่อนโคตมี เธอได้รับคาพยากรณพ์ ร้อมกับบริษัทท้ังปวงแลว้ ดูก่อนโคตมี
ต่อไปน้ีเธอจักได้รับ จากระทาการสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ไหว้ แล้วจักได้เป็นพระ
โพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ประกาศธรรมในสมัยของพระพุทธเจ้า 38 ร้อยพันล้านโกฏิ บรรดาภิกษุณี ที่
เป็นเสขะและอเสขะท้ังหลาย ภิกษุณีเหล่าอื่นอีก 6,000 รูป จักได้เป็นพระโพธิสัตว์ ผู้ประกาศ
ธรรมในสมัยของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าน้ัน พร้อมกับเธอ จากนั้นเธอ เมื่อยัง
จรรยาของพระโพธิสัตว์ให้สมบูรณ์ย่ิงๆข้ึน จักได้เป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระ
นามว่า สรรพสตั วปรยิ ทรรศน์ ในโลก เป็นผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็น
ผรู้ แู้ จง้ โลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย เป็นผู้
เบิกบาน เป็นผู้จาแนกธรรม ดูกอ่ นโคตมี พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านามว่า สรรพสัตวป
ริยทัศน์นั้น จักพยากรณ์พระโพธิสัตว์ 6 พันรูปเหล่านั้น ด้วยการพยากรณ์ที่ยิ่งๆขึ้นในอนุตตร
สัมมาสมั โพธิญาณ

ภิกษุณี ยโสธรา มารดาของพระราหุล ได้คิดว่า "ช่ือของเรา พระผู้มีพระภาค มิได้แผ่มาถึง
เลย พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกแห่งจิตของภิกษุณียโสธรา (ด้วยจิตของพระองค์) จึง
ตรัสกับภิกษุยโสธราว่า ดูก่อนยโสธรา เราจักบอกเธอ เราจักประกาศแก่เธอ เธอเมื่อกระทา
สกั การะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ไหว้ ในสมัยของพระพุทธเจ้าจานวนหน่ึงหม่ืนโกฏิ จักเป็น
พระโพธิสัตว์ผู้ประกาศธรรม เมื่อยังจรรยาของพระโพธิสัตว์ให้สมบูรณ์โดยลาดับแล้ว ท่านจักได้

53

เป็นพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า รัศมีศตสหัสรปริปูรณธวัช ในโลก เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและ
จรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษท่ีไม่มีผู้ใดเปรียบได้ เป็นครูของ
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จาแนกธรรม ในภัทรโลกธาตุ ประมาณอายุของ
พระผ้มู พี ระพุทธเจา้ รัศมีศตสหสั รปริปรู ณธวชั นน้ั มไี ม่จากัด

ได้ยินว่า ภิกษุณี มหาประชาบดีโคตมี กับภิกษุณีบริวาร 6.000 รูปและภิกษุณี ยโสธรา กับ
ภิกษุณีบริวารอกี 4.000 รูป ท่ีได้สดับคาพยากรณ์ของตน ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จากสานัก
ของพระผู้มีพระภาค ได้ถึงความอัศจรรย์ใจ ประหลาดใจ ครั้นกล่าวคาถาน้ีแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้น
ไดก้ ลา่ วคาน้กี ับพระผูม้ พี ระภาควา่ ขา้ แต่พระผูม้ ีพระภาค แม้หม่อมฉันท้ังหลาย ก็จักพยายามเพื่อ
ประกาศธรรมบรรยายน้ี ในกาลสมัยภายหลังแม้ในโลกธาตุเหล่าอ่ืน พระผู้มีพระภาค
ทอดพระเนตรพระโพธิสัตว์เหล่าน้ัน จานวนแปดสิบร้อยพันหม่ืนโกฏิ ผู้ได้รับความม่ันใจ ผู้หมุน
ธรรมจักรมใิ ห้หวนกลับ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าน้ัน ที่พระผู้มีพระภาคทรงเห็นแล้วโดยรอบ ได้
ลุกจากอาสนะ ประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาคแล้วคิดว่า "พระผู้มีพระภาค คงปรารถนาให้เรา
ทั้งหลาย เพ่ือประกาศธรรมบรรยายนี้" พระโพธิสัตว์เหล่านั้น ครั้นคิดอย่างน้ีแล้ว เป็นผู้หว่ันไหว
ได้กล่าวแก่กันและกันว่า "ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลายเราจะทาอย่างไร พระผู้มีพระภาค ปรารถนาให้
พวกเราประกาศธรรมบรรยายนัน้ ในกาลอนาคต" กลุ บตุ รเหล่าน้ันได้บันลือสีหนาท ด้วยประณิธาน
จรรยาในกาลกอ่ นของตน ณ เบอื้ งพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ด้วยความเคารพว่า "ข้าแต่พระ
ผู้มีพระภาค ในอนาคตกาล เมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว ข้าพระองค์ท้ังหลาย จักไปในทิศทั้ง
10 เพ่ือสัตว์ท้ังปวงให้คัดลอก อ่าน พิจารณา ประกาศธรรมบรรยายน้ีด้วยอานุภาพของพระผู้มี
พระภาค ขอพระผู้มีพระภาคผู้ประทับในโลกธาตุอื่น ทรงช่วยรักษา คุ้มครอง ป้องกันข้าพระองค์
ทั้งหลายด้วยเถิด" ว่าด้วยความเพียรพยายามในธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร อันประเสริฐ
มีเพยี งเท่านี้
***********
บทที่ 13 ธรรมเคร่ืองอยเู่ ป็นสขุ

คร้ังน้ัน พระมัญชุศรี ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นส่ิงที่
กระทาไดย้ ากยง่ิ ที่พระโพธสิ ตั วม์ หาสัตวเ์ หล่าน้ี จะประกาศธรรมน้ีในกาลสมัยสุดท้าย ได้อย่างไร"
เมื่อ พระมัญชุศรีกราบทูลอย่างน้ันแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสกับพระมัญชุศรีว่า ดูก่อนมัญชุ
ศรี ธรรมบรรยายน้ีอันพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ต้ังอยู่ในธรรมทั้ง 4 พึงประกาศในกาลสมัยสุดท้าย
ธรรม 4 คืออะไรบ้าง พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ต้ังอยู่ในอาจารโคจร พึงประกาศธรรมบรรยายน้ีใน
กาลสมัยสุดท้าย พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นผู้อดทน เป็นผู้ระงับ เป็นผู้เข้าถึงภูมิแห่งความระงับ

54

เป็นผู้มีใจไม่ตระหนก ไม่วู่วาม ไม่คิดร้าย พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อมไม่ยึดติดในธรรมใดๆ จัก
พิจารณาเห็นลักษณะของตน ตามความเป็นจริงในธรรมทั้งหลาย เป็นผู้ไม่วิจารณ์ เป็นผู้ไม่
ตรวจสอบในธรรมเหล่าน้ี ดูก่อนมัญชุศรี เราเรียกส่ิงนี้ว่า อาจาระ ของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ วิสัย
ของพระโพธสิ ตั วม์ หาสตั วเ์ ป็นอย่างไร พระโพธสิ ัตวม์ หาสัตว์ ไมร่ บั ใช้ ไมส่ ามาคม ไมค่ บ ไม่เข้าใกล้
ไม่เข้าหาพระราชา ราชบุตร ราชอามาตย์ ราชบุรุษ ไม่รับใช้เดียรถีย์ หรือสัตว์ทั้งหลาย ผู้หลงใหล
ในวรรณคดี ไม่คบหารับใช้ ผู้นิยมมนตร์ของโลกายัต (ของจารวาก) และผู้นับถือลัทธิ
โลกายัต ย่อมไม่สรา้ งความสัมพันธ์ กับชนเหล่าน้ัน ไม่เยี่ยมคนจัณฑาล นักมวยปล้า คนเลี้ยงสุกร
คนเล้ียงไก่ คนล่ากวาง คนล่าเน้ือ นักฟ้อนระบา นักกระบ่ีกระบอง และนักราดาบ ไม่เข้าไปสู่
สถานทีอ่ นื่ อนั เปน็ แหลง่ บนั เทงิ เหลา่ อนื่ ไมค่ วรสมาคมกับชนเหล่านัน้ นอกจากสอนธรรมตามกาล
แก่ชนเหล่านั้น ผู้เข้ามาหา ย่อมสอนโดยไม่หวัง(ทรัพย์) ไม่คบหารับใช้ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
อุบาสิกา ผู้ปฏิบัติตามลัทธิสาวกยาน ไม่สมาคมกับชนเหล่าน้ัน ไม่ร่วมโคจรด้วยความต้ังใจกับชน
เหลา่ น้นั ในที่เดินจงกรมหรือในที่พัก (วิหาร) นอกจากสอนธรรมตามกาลแก่ชนเหล่าน้ัน ผู้เข้ามา
หา ยอ่ มสอนโดยไม่หวัง (ทรพั ย์) ดูกอ่ นมัญชุศรี นคี่ อื โคจรของพระโพธสิ ตั ว์มหาสตั ว์

ดูก่อนมัญชุศรี ย่ิงกว่านั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อมไม่ยึดถือนิมิตความเรียบร้อยอย่างอ่ืน
แลว้ แสดงธรรมบอ่ ยๆ ไมเ่ ปน็ ผูป้ รารถนาจะพบและสนิทสนมกับเดก็ สาวหรอื หญงิ สาว ไม่ควรแสดง
ความสนิทสนมกับกระเทยนั้น นอกจากการภาวนาระลึกถึงพระตถาคตอยู่ ถ้าจะแสดงธรรมแก่
มาตุคามอีกในที่สุด เขาไม่ควรแสดงธรรม ด้วยความเสน่หาในธรรม ด้วยความเสน่หาในสตรีอีก
และย่อมไม่ใกล้ชิดกับสามเณร ภิกษุ ภิกษุณี กุมารและกุมารี ไม่สมาคมและไม่สนทนากับชน
เหล่าน้ัน ไม่เน้นหนักในการสนทนา โต้ตอบ คบหาด้วยการสนทนาโต้ตอบช่ัวขณะ ดูก่อนมัญชุศรี
น้ีแหละท่ีเรียกว่า โคจรข้อที่หนึ่งของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่ิงกว่าน้ันพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อม
เห็นธรรมทั้งปวงว่า เป็นศูณยตา ย่อมเห็นธรรมทั้งหลาย ว่าต้ังอยู่ตามความเป็นจริง มีสถานะท่ีไม่
เปลี่ยนแปลง มีสถานะที่เป็นจริง ไม่คลอนแคลน ไม่หวั่นไหว ไม่เปล่ียนแปลงและไม่ถอยกลับ มี
สถานะที่เป็นจริง มีภาวะเป็นอากาศอยู่เหนือคติที่จะกล่าวถึง ไม่เกิด ไม่มี ไม่ต่อเน่ืองกัน ดารงอยู่
ในสถานะท่ีไม่สามารถจะรวมนามากล่าวด้วยถ้อยคาที่ไม่ประจักษ์ ซ่ึงปรากฏตรงข้ามกับความรู้
(เห็นผิด) ดูก่อนมัญชุศรี พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อมพิจารณาธรรมทั้งปวงบ่อยๆ เมื่ออยู่ด้วยวิหาร
ธรรมน้ี พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ย่อมตั้งอยู่ในโคจร ดูก่อนมัญชุศรี โคจรนี้เอง”เป็นฐานะที่สองของ
พระโพธสิ ตั ว์”

นอกจากน้ันพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ เมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว ในกาลสมัยสุดท้าย เม่ือ
พระสัทธรรมเส่ือมลง ประสงค์จะประการธรรมบรรยายน้ี จึงดารงอยู่ด้วยความสุข พระโพธิสัตว์ผู้

55

ดารงอยู่ด้วยความสุขน้นั จักกล่าวธรรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ (ที่เป็นไปทางกายและเป็นไป
ทางคัมภีร์) เมื่อจะแสดงธรรม ไม่ควรวิจารณ์คัมภีร์ของบุคคลอ่ืน ไม่ควรตาหนิภิกษุ ผู้แสดงธรรม
รูปอ่ืนๆ ไม่ควรพูดถึงปมด้อย ไม่พูดถึงเรื่อที่ไม่ดี (ของบุคคลอื่น) เมื่อเอ่ยช่ือของภิกษุสาวกยาน
เหล่าอ่ืน ไม่ควรกล่าวถึงเรื่องที่ร้าย ไม่วิจารณ์เร่ืองท่ีไม่ดี ไม่อาฆาตผู้ท่ีเป็นปรปักษ์ ในสานักของ
นิกายเหล่าน้ัน เพราะเหตุไร? เพราะสถานการณ์กาลังอยู่ในความสงบสุข พระโพธิสัตว์นั้น ย่อม
แสดงธรรมดว้ ยความอนเุ คราะห์แก่ผฟู้ ังธรรมท่ีมาแลว้ โดยไมใ่ ห้เกดิ เฉพาะ (บคุ คล) ท่ไี มโ่ ต้แยง้ เมื่อ
ถกู ถามปญั หา ไมค่ วรตอบตามแบบสาวกยาน แต่ควรหลีกเลี่ยงเหมือนผู้บรรลพุ ระพุทธญาณแล้ว

ยิ่งกว่าน้ัน พระมัญชุศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ เม่ือพระตถาคตพระนิพพานแล้ว ผู้อยู่ในกาล
สุดท้ายแห่งความเส่ือมของพระสัทธรรม พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้รักษาพระสูตรน้ี เป็นผู้ไม่ริษยา
ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง ไม่กล่าวตาหนิติเตียน ไม่ดูหมิ่นบุคคลผู้นับถือโพธิสัตวยานเหล่าอ่ืน ไม่
เปิดเผยความชั่วของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้นับถือสาวกยาน ปัจเจกพุทธยาน และโพธิ
สัตวยานเหลา่ อนื่ ว่า ดกู ่อนกุลบตุ รทัง้ หลาย ท่านท้ังหลายยังอยู่ไกล จากอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ท่านท้ังหลายย่อมไม่ประจักษ์ในพระโพธิญาณนั้น ท่านย่อมอยู่ในความประมาทอย่างย่ิง ท่านไม่มี
กาลังท่ีจะตรัสรู้พระโพธิญาณ เขาไม่ควรเปิดเผยความช่ัวของผู้นับถือโพธิสัตวยานคนใด เป็นผู้ไม่
ยินดีในการวิวาท เพราะธรรมยอ่ มไมก่ ่อธรรมวิวาทกบั ใครๆ ไมล่ ะเวน้ พลังแห่งเมตตา ในสานักของ
สัตว์ท้ังปวง ย่อมยังความรู้คุณบิดา ให้เกิดขึ้นในสานักของพระตถาคตทั้งปวง ยังการรู้คุณพระ
ศาสดา ให้เกดิ ขึ้นในสานกั ของพระโพธิสัตว์ทั้งปวง พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าใดในโลกทั้ง 10 ทิศ
เขานอบน้อมแสดงธรรมที่ไม่ย่ิงหย่อนกว่ากัน ด้วยความเคารพ ด้วยใจเป็นกลางบ่อยๆ เม่ือจะ
แสดงธรรมเขาย่อมแสดงธรรมท่ีไม่ย่ิงหย่อนกว่ากัน ด้วยความรักในธรรมท่ีสม่าเสมอ เมื่อจะ
ประกาศธรรมบรรยายนี้ เขาย่อมไม่จบั เอาเฉพาะตอนทด่ี ยี ง่ิ เพราะใจรกั ในธรรมเปน็ ทส่ี ุด

ดกู ่อนมญั ชศุ รี พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ประกอบด้วยธรรมข้อท่ีสามน้ี เม่ือตถาคตปรินิพพาน
แล้ว ตรงกับกาลท่ีพระสัทธรรมเสื่อมถอย เมื่อจะประกาศธรรมบรรยายนี้ ย่อมอยู่อย่างมีความสุข
เป็นผู้มีจิตที่ไม่ถูกเบียดเบียน ย่อมประกาศธรรมบรรยายนี้ ในการสนทนาธรรมของเธอย่อมมี
สหายท้ังหลาย ผู้ฟังธีรรมของเธอก็จักเกิดข้ึน ชนผู้ได้ฟังธรรมบรรยายน้ีย่อมเกิดศรัทธา ศึกษา
ท่องจา อา่ น เขยี น คดั ลอก กระทาเป็นคัมภีร์ สักการะ เคารพนับถือ บูชา ย่ิงกว่านั้น พระมัญุชุศรี
โพธิสัตว์มหาสัตว์ เมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว กาลสุดท้ายแห่งการเส่ือมของพระสัทธรรมก็
มาถึง ภิกษุผู้ประสงค์จะรักษาพระธรรมบรรยายนี้ ควรอยู่ให้ห่างจากความใกล้ชิดกับคฤหัสถ์และ
นกั บวช(อน่ื ) ควรอยู่ด้วยวิหารธรรมคือ เมตตา สัตว์เหล่าใดดารงอยู่เพื่อโพธิญาณ ความปรารถนา
ย่อมเกิดขึ้นในที่ใกล้ของสัตว์เหล่าน้ัน ภิกษุนั้นพึงเกิดความคิดอย่างน้ีว่า โอ สัตว์เหล่านี้ มีความรู้

56

ผิดเป็นอย่างมาก เขายังไม่ได้ฟัง ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ถาม ไม่เชื่อ สุภาษิต อันเป็นกุศโลบายของพระ
ตถาคต เขาจึงยังไม่หลุดพ้น สัตว์เหล่าน้ีย่อมไม่ตระหนัก ไม่เข้าใจ ธรรมบรรยายน้ี เราซ่ึงเป็นผู้
ดารงอยู่ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จักพาสัตว์เหล่าน้ันให้เลิก ให้ถึง ให้หยั่งลง และให้มี
อปุ นสิ ยั แกก่ ล้า ในพระโพธิญาณน้นั

ดูก่อนมัญชุศรี เม่ือพระตถาคตนิพพานแล้ว พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ประกอบด้วยธรรมสี่
ประการนี้ เมื่อประกาศธรรมบรรยายน้ี ก็จะไม่ถูกเบียดเบียน จะได้รับการสักการะ เคารพนับถือ
และบูชา จากภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระราชา ราชบุตร ราชอามาตย์ มหามนตรีของ
พระราชา ชาวนิคม ชนบท พราหมณ์ และคฤหัสถ์ทั้งหลาย เทวดาทั้งหลายผู้เท่ียวไปในท้องฟ้า มี
ศรัทธาก็จักติดตามมาเพ่ือฟังธรรม เทวบุตรทั้งหลาย ก็จักติดตามมาเพื่อรักษาผู้อยู่ในหมู่บ้านหรือ
วิหาร เขาท้ังหลาย ผู้ถามถึงธรรม ย่อมเข้าไปหาท้ังกลางวันและกลางคืน พวกเขาเป็นผู้มีใจฟูข้ึน
ยินดีด้วยคาพยากรณ์ของตถาคต เพราะเหตุไร ดูก่อนมัญชุศรีเพระธรรมบรรยายนี้ ได้ต้ังมั่นเพ่ือ
พระพุทธเจ้าทั้งปวง ธรรมบรรยายน้ี ได้ต้ังมั่นเป็นนิตย์ เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ในอดีตและ
ปัจจุบัน ดูก่อนมัญชุศรี สัพท์หรือเสียงท่ีเอ่ยชื่อของธรรมบรรยายนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ในโลกธาตุ
ทงั้ หลายจานวนมาก

ดุก่อนมัญชุศรี เหมือนพระราชาผู้เป็นจักรพรรดิแห่งกองทัพ ซ่ึงได้ราชสมบัติ ด้วยการใช้
กาลัง พระราชาทัง้ หลายทีเ่ ป็นปฏปิ ักษ์ เป็นศตั รขู องพระองค์ ได้ก่อสงครามกับพระราชาองค์นั้น มี
ทหารหน่วยต่างๆในกองทัพ ของพระราชาที่เป็นจักรพรรดินั้น ทหารเหล่านั้นจักต่อสู้กับศัตรู
เหล่านน้ั พระราชานน้ั เม่อื มีใจปตี ยิ ินดี จงึ พระราชทานรางวัลต่างๆ แก่ทหารเหล่านั้น แต่พระองค์
มไิ ด้มอบจฑุ ามณี (เพชรประดบั มงกฎุ ) แกใ่ ครๆ เพราะเหตุไร เพราะจุฑามณีนั้น เป็นกาลังกองทัพ
ทั้ง 4 ของพระราชา จะถงึ ความอศั จรรย์และประหลาดใจ ดูก่อนมัญชุศรี พระพุทธเจ้า ผู้เป็นธรรม
สวามผี เู้ ปน็ ธรรมราชา ทรงครองธรรมราชสมบัติโดยธรรมในโลกธาตุท้ังสาม ท่ีพระองค์ทรงชนะได้
ด้วยกาลังพระพาหาของพระองค์เอง และทรงชนะได้ด้วยกาลังแห่งบุญ มารผู้ช่ัวร้าย ย่อมรุกราน
โลกธาตุทั้งสามของพระองค์ ทหารชั้นเลิศของพระตถาคตก็ต่อสู้กับมาร ดูก่อนมัญชุศรี
พระพทุ ธเจา้ ผ้เู ป็นธรรมสวามี ธรรมราชา ไดเ้ ห็นการต่อสู้ของทหารชั้นเลิศเหล่านั้น จึงได้ตรัสพระ
สูตรต่างๆ จานวนหนึ่งแสน เพ่ือประโยชน์ เพ่ือความยินดีของพุทธบริษัทสี่ พระองค์ทรงประทาน
มหานครแห่งธรรมอันเป็นนครแห่งพระนิพพานแก่พวกเขา พระองค์พาพวกเขาให้ได้ความสุข
พระองค์จะไมต่ รสั ธรรมบรรยายใหเ้ หน็ ปานน!้ี !!

ดกู อ่ นมัญชุศรีพระราชาน้ัน ผู้เป็นจักรพรรดิแห่งกองทัพ ได้ประหลาดใจกับการกระทาอัน
ย่ิงใหญ่ เย่ียงวีรบุรุษของทหารเหล่านั้น ที่กาลังสู้รบอยู่ จึงได้ประทานทรัพย์ของพระองค์ท้ังปวง

57

ที่สุดแม้จุฑามณีที่รักษาไว้เป็นเวลานาน ยังดารงอยู่บนพระเศียรของพระราชานั้น ดูก่อนมัญชุศรี
พระพุทธเจ้า ผู้เป็นธรรมราชาในไตรโลก ปกครองราชสมบัติโดยธรรมสมัยใดทรงเห็นพระสาวก
พระโพธิสัตว์ กาลังต่อสู้อยู่กับมารแห่งอินทรีย์ 5 หรือมาร 3 คือกิเลส เม่ือต่อสู้อยู่กับมารเหล่านั้น
พวกเขาก็ส้นิ ราคะโทสะ โมหะ สลัดออกจากไตรโลกทั้งปวงได้ทรงฆ่ามารทั้งปวง ได้สร้างมหาบุรุษ
ขึ้น ในกาลนน้ั พระพุทธเจ้า ผ้ปู ราศจากราคะ เปน็ ผูพ้ อพระทัย จักตรัสธรรมบรรยายนี้ ซ่ึงเป็นศัตรู
ของโลกท้ังปวง ไม่เป็นที่ศรัทธาของโลกท้ังปวง ที่ไม่เคยตรัสมาก่อน ไม่เคยแสดงมาก่อน พระ
ตถาคตทรงประทานเพชรประดาบมงกุฎ ท่ีจะนามาซ่ึงพระสัพพัญญุตญาณแก่พระสาวกทั้งปวง
ดูก่อนมัญชุศรี นี้คือ การแสดงธรรมอันประเสริฐของพระตถาคต และน้ีคือธรรมบรรยายสุดท้าย
ของพระตถาคต บรรดาธรรมบรรยายทั้งปวง น่ีคือธรรมบรรยายที่ลึกซ้ึงกว่าธรรมทั้งปวง เป็นศัตรู
ของโลกท้ังปวง ดูก่อนมัญชุศรี พระตถาคตก็เหมือนกับพระราชาผู้เป็นจักรพรรดิแห่งกองทัพ ทรง
ถอดจุฑามณีทีร่ กั ษาไว้นานพระราชทานแก่ทหารทั้งปวง ดูก่อนมัญชุศรี พระตถาคตจักแสดงธรรม
ประเสริฐน้ีซ่ึงเป็นธรรมที่ลึกซ้ึงเก็บรักษาไว้นาน ดารงอยู่สูงสุดกว่าธรรมบรรยายท้ังปวง ที่พระ
ตถาคตรู้แจง้ วนั นจี้ งึ ไดป้ ระกาศพระสตู รน้ี
บทที่ 13 สุขวิหารปริวรรต ว่าด้วยธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข ในธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร
อนั ประเสริฐมีเพยี งเท่าน้ี
*********
บทที่ 14 ธรรมพระโพธิสัตว์ผดุ ขึ้นจำกพ้นื โลก

บรรดาพระโพธิสตั วม์ หาสตั วท์ ั้งหลาย ผู้มาจากโลกธาตอุ ื่น สมยั นน้ั พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ มี
จานวนเท่ากับเมลด็ ทรายในแมน่ า้ คงคาทั้ง 8 ไดผ้ ุดข้ึนจากมณฑลของตนนั้น พระโพธิสัตว์เหล่านั้น
ประคองอัญชลี เฉพาะเบ้ืองพระพักตร์พระผู้มีพระภาค นมัสการพระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูล
พระองค์ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตแก่พวกข้าพระองค์ พวกข้า
พระองคท์ ั้งหลาย จักประกาศ อา่ น เขยี น และบูชาธรรมบรรยายนี้ในสหาโลกธาตุ เมื่อพระตถาคต
ปรินิพพานแล้ว ข้าพระองค์เพียรพยายามในธรรมบรรยายนี้ เป็นการดีท่ีพระผู้มีพระภาค ทรง
อนุญาตธรรมบรรยายนี้ แก่ข้าพระองค์ท้ังหลาย ขณะน้ัน พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับพระโพธิสัตว์
เหล่านั้นว่า พอละ กุลบุตรท้ังหลาย ประโยชน์อะไรกับการกระทาเช่นน้ี แก่ท่านท้ังหลาย ดูก่อน
กุลบุตรท้ังหลาย ในสหาโลกธาตุ เรามีพระโพธิสัตว์หลายพันองค์ มีจานวนเท่ากับเมล็ดทราย
ใน 60 คงคา เป็นบริวารของพระโพธิสัตว์แต่ละองค์ บรรดาพระโพธิสัตว์เหล่าน้ัน พระโพธิสัตว์
หลายพันองค์ มีจานวนเท่ากันเมล็ดทรายใน 60 คงคา พระโพธิสัตว์แต่ละองค์ก็มีบริวารเท่านี้

58

เช่นกนั ในกาลสมยั หลัง เม่ือเราปรนิ พิ พานแล้ว พระโพธิสัตว์เหล่าน้ัน จักรักษา ท่อง และประกาศ
ธรรมบรรยายน้ี

คร้ันพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างน้ี สหาโลกธาตุน้ี ได้แยกกว้างออกโดยรอบ พระโพธิสัตว์
หลายร้อยพันหมื่นโกฏิ มีผิวกายดุจทองคา ประกอบด้วยมหาบุรุษลักษณะ 32 ประการ ผุดข้ึน
จากรอยแยกเหล่านั้น พระโพธสิ ตั วเ์ หล่าน้ัน อยู่ในโลกธาตภุ ายใต้พื้นพิภพน้ี ได้ยินว่า พระโพธิสัตว์
เหล่านั้น อาศัยโลกธาตุน้ี เม่อื ได้ฟงั พระสุรเสยี งเห็นปานนข้ี องพระผูม้ ีพระภาค จึงได้ลุกจากภายใต้
พน้ื พภิ พ พระโพธิสตั วแ์ ต่ละองค์ มีพระโพธิสัตว์เท่าจานวนเมล็ดทรายใน 60 คงคานที เป็นบริวาร
เป็นคณะ เป็นมหาคณะ และเป็นคณาจารย์ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ที่มีคณะ มหาคณะ และ
คณาจารยเ์ หลา่ นั้น ท่ีผดุ ข้นึ จากรอยแยกของธรณแี ห่งโลกธาตุนี้ ตลอดเวลา 50 กลั ป์ผ่านไป ที่พระ
โพธสิ ตั ว์มหาสัตวเ์ หลา่ น้ัน ผดุ ขึ้นจากรอยแยกของพื้นพิภพ และนมัสการพระตถาคต สดุดีด้วยบท
สรรเสริญพระโพธิสัตวด์ ้วยประการต่างๆ ในชว่ ง 50 กัลป์น้ัน พระผมู้ ีพระภาคศากยมนุ ีพุทธเจ้า ได้
ประทับโดยดุษฎี สาธชุ น 5 เหลา่ นน้ั ได้หยั่งลงส่กู ารดุษฎโี ดยภาวะ ตลอด 50 กัลป์ ครั้งนน้ั พระผู้มี
พระภาค ได้สร้างรูปอย่างนั้นขึ้น ด้วยจินตนาการแห่งฤทธิ์ ต่อมาพุทธะท้ัง4 ยังแต่ละรูปท่ีตนภักดี
ให้เกิดขน้ึ เพราะรปู นน้ั ไดส้ มบรู ณด์ ้วยจินตนาการแห่งฤทธ์ิ ได้เห็นสหาโลกธาตุนี้ที่มีรูปเป็นอากาศ
ธาตุจานวนแสน ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยพระโพธิสัตว์อีกจานวนมาก ได้ประคองอญั ชลตี ่อเบอ้ื งพระพักตร์ของ
พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า อาพาธเพียงเล็กน้อย ความเหน็ดเหน่ือย
อ่อนเพลีย และผัสสะ ความเป็นของพระผู้มีพระภาคเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าแต่พระผู้มีพระภาค
สัตว์ทั้งหลาย มีอาการดี เช่ือฟัง มีวินัย และมีความสุขดีอยู่หรือ? ขอสัตว์เหล่าน้ัน จงอย่าสร้าง
ความทกุ ข์ให้แก่พระผมู้ พี ระภาคเลย

คร้ังนน้ั พระผมู้ พี ระภาคได้ตรสั กะพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ของกลุ่มพระโพธิสัตว์กลุ่มใหญ่น้ัน
ว่า เป็นเช่นน้ันกุลบุตรทั้งหลาย เป็นเช่นนั้น เราอาพาธเล็กน้อย มีความเหน็ดเหนื่อยบ้าง แต่
ร่างกายและความเป็นอยู่สบายดี สัตว์เหล่านั้นก็เหมือนกัน มีอาการดี เช่ือฟัง มีวินัย ชาระใจ
บริสุทธิ์ สัตว์เหล่าน้ัน เมื่ออบรมอยู่ก็ไม่สร้างความทุกข์ให้แก่เรา ข้อน้ันเป็นเพราะเหตุไร? ดูก่อน
กุลบตุ รท้ังหลาย เพราะเหตุว่าสัตว์เหล่าน้ัน มีบริกรรมที่ได้กระทาแล้ว ในพระพุทธเจ้าทั้งหลายใน
อดีต เพราะว่าจากการไดเ้ หน็ จากการไดฟ้ งั พวกเขาจะหลุดพ้นก้าวลงสู่และเข้าถึง พุทธญาณของ
เรา สัตว์เหล่าใดได้ปฏิบัติในสาวกภูมิ หรือปัจเจกพุทธภูมิ เราจะยังสัตว์เหล่านั้นให้หย่ังลงสู่พุทธ
ญาณและได้สดบั ประโยชนส์ งู สดุ

พระผู้มีพระภาคได้ให้สาธุการแก่ผู้เป็นประมุขของพระโพธิสัตว์กลุ่มใหญ่ว่า ดีละ ดีละ
กุลบุตรท้ังหลาย ท่านทั้งหลายย่อมยินดีกับพระตถาคต สมัยน้ันพระไมเตรยโพธิสัตว์ และพระ

59

โพธสิ ัตวจ์ านวนร้อยพันหม่นื โกฏิ ซงึ่ เปรียบไดก้ ับเมล็ดทรายในคงคานทีท้ัง 8 ได้เกิดความคิดข้ึนว่า
คณะใหญ่และกลุ่มใหญ่ของพระโพธิสัตว์น้ี เราไม่เคยเห็นเลย เราไม่เคยได้ยินว่า พระโพธิสัตว์
ทัง้ หลายผุดขึน้ จากรอยแยกของพ้ืนพิภพ ยืนอยู่เบ้ืองหน้าของพระผู้มีพระภาค ทาสักการะ เคารพ
นับถือ บชู า พระตถาคต และยินดีกับพระตถาคต พระโพธิสัตว์มหาสตั วเ์ หลา่ นนั้ มาจากท่ีใดหนอ?

พระไมเตรยโพธิสัตว์มหาสัตว์ ทรงทราบการสนทนาท่ีสงสัยกันด้วยพระองค์เอง ทรงทราบ
ความวิตกแห่งจิตด้วยจิตของพระโพธิสัตว์จานวนร้อยพันหม่ืนโกฏิ มีจานวนเท่าเมล็ดทรายใน
แม่นา้ คงคาฃ จงึ กราบทูลถามพระผู้มพี ระภาควา่ พระพุทธเจ้าท้ังหลาย จานวนร้อยพันหมื่นโกฏิ ผู้
มาจากโลกธาตุอ่ืน ซ่ึงเป็นรูปนิมิตของพระผู้มีพระภาคศากมุนีตถาคต ที่แสดงธรรมแก่สัตว์ใน
โลกธาตุอื่นอยู่ เข้าไปนั่งสามาธิท่ีมหารัตนสิงหาสน์ โคนต้นรัตนพฤกษ์จากทิศท้ัง 8 โดยรอบของ
พระพุทธเจ้าศากยมุนีตถาคต ได้เห็นคณะพระโพธิสัตว์และกลุ่มพระโพธิสัตว์จานวนมาก ทีผุดขึ้น
จากรอยแยกของพื้นพิภพโดยรอบ แล้วสถิตอยู่ในอากาศธาตุ ได้ถึงความประหลาดใจ ได้ตามพระ
ตถาคตของตนว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระโพธิสัตว์มหาสัตว์มากมายเพียงน้ี ประมาณมิได้ มา
จากท่ีไหน? เมื่อได้ยินดังนั้น พระพุทธเจ้าทั้งหลาย จงได้ตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตรท้ังหลาย ท่าน
ท้ังหลายจงรอสักครู่ พระโพธิสัตว์นามว่า พระไมเตรยนี้ ได้รับการพยากรณ์ไว้ในอนุตตรสัมมา
สัมโพธญิ าณ ในอนาคต

คร้ังนั้นพระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับพระไมเตรยโพธิสัตว์ ดีละ ดีละ ดูก่อนอชิตะ ขอท่านจง
อย่าถามเร่ืองที่ลึกซ้ึงอย่างน้ัน พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกับพระโพธิสัตว์ทั้งปวงว่า ดูก่อนกุลบุตร
ท้งั หลาย ถา้ อยา่ งนั้น ทา่ นทัง้ ปวงจงตงั้ ใจ จงนั่งตามสบาย มีกาลังที่แข็งแรง ท้ังหมดนี้คือคณะของ
พระโพธิสัตว์ ดูก่อนกุลบุตรท้ังหลาย พระพุทธเจ้า จักประกาศการค้นพบพระโพธิญาณของพระ
ตถาคต ที่พระองค์ทรงบรรลุแล้วและความกล้าหาญของพระตถาคต พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูก่อนกุลบุตร ท่านท้ังปวงจงต้ังใจ เราจะกล่าววาจาอันไม่เปล่ียนแปลงนี้ ดูก่อนบัณฑิตทั้งหลาย
ท่านท้ังหลายจงอย่างทะเลาะกันเลย เพราะพระโพธิญาณของของพระตถาคตเป็นอจินไตย ท่าน
ทั้งปวงเป็นผู้มีปัญญา มีสติตั้งม่ันเสมอ มั่นคงในทุกสถาน ทั้งน้ีท่านจักได้ฟังธรรมท่ียังไม่เคยได้ฟัง
มากอ่ น ซ่งึ เปน็ สงิ่ มหัศจรรย์ของพระตถาคตท้งั หลาย ท่านทั้งปวงจงอย่าสงสัยข้ึนมาเลย เพราะเรา
จะให้ท่านดารงอยู่อย่างม่ันคง เราเป็นผู้นา เป็นผู้มีวาจาที่ไม่เปลี่ยนแปลง ความรู้ของเราไม่
สามารถจะนับได้ ธรรมท้ังหลายเป็นสิ่งลึกซึ้ง ท่ีพระสุคตได้ตรัสรู้แล้ว เป็นธรรมท่ีอยู่เหนือเหตุผล
และประมาณการไม่ได้ วนั นี้เราประกาศธรรมนน้ั ขอท่านทง้ั หลายจงฟงั วา่ ธรรมนน้ั เป็นอยา่ งไร

เม่ือพระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาเหล่าน้ีแล้ว ได้ตรัสกับพระไมเตรยโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนอชิ
ตะ พระโพธิสัตวม์ หาสัตว์ท้ังปวงเหล่าน้ี ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมาสัมโพธิญาณ ในสหโลกธาตุนี้ เราเป็น

60

ผูร้ บเร้าใหพ้ ลัง ใหเ้ กดิ ความพอใจ ใหน้ อ้ มไปในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ กุลบุตรเหล่าน้ี เราเป็นผู้
อบรมให้รแู้ จง้ และให้บริสทุ ธิใ์ นธรรมของพระโพธสิ ตั ว์นี้ ดกู อ่ นอชติ ะ พระโพธสิ ตั ว์มหาสัตว์เหล่าน้ี
ย่อมอาศัยอยู่บนกลุ่มอากาศภายใต้สหาโลกธาตุน้ี กุลบุตรเหล่านี้เป็นผู้คิดและกาหนดใจทบทวน
บทเรียนของตน ไม่ยินดีกับการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ไม่ยินดีกับการสมาคม ไม่ละทิ้งหน้าที่ของตน
ปรารภความเพียรอย่างยิ่งยวด ดูก่อนอชิตะ กุลบุตรเหล่าน้ียินดีในความวิเวกยินดีในความสงบ
กุลบุตรเหล่านี้ ไม่ยินดีในการสมาคม ย่อมไม่อยู่ในท่ีอาศัยของเทวดาและมนุษย์ กุลบุตรเหล่านี้
พอใจยินดใี นธรรม จากดั ตนไวใ้ นพทุ ธญาณเทา่ นั้น

ขณะน้ัน พระเมตไตรยโพธิสัตว์มหาสัตว์ และพระโพธิสัตว์อีกจานวนวนมาก หลายร้อยพัน
หมื่นโกฏิได้ถึงความอัศจรรย์ ประหลาดใจ สงสัยอยู่ว่า พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เล่านี้มีจานวนนับ
ไม่ได้ พระผู้มีพระภาคอบรมให้ถึงพร้อมในอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยการอยู่เพียงครู่หน่ึง ซ่ึง
เปน็ เวลาเพยี งเล็กนอ้ ย ไดอ้ ย่างไร? ครัง้ นั้น พระโพธิสัตว์เมตไตรยไดท้ ูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้า
แต่พระผู้มีพระภาค กาลน้ีเป็นอย่างไร? เมื่อพระตถาคตยังเป็นพระกุมาร ได้ออกจานครศากยะ
เมอื งกบลิ พัสด์ุ ไปสู่หลักชัยอันประเสริฐคอื โคนต้นโพธิ์ไกลจากนครคยา แล้วได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมา
สัมโพธิญาณ ข้าแตพ่ ระผู้มพี ระภาค กาลนัน้ ในวนั น้ี ได้ล่วงเลยมา 40 กว่าปีแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระ
ภาค ข้อนั้นเป็นอย่างไร หน้าที่ของพระตถาคตที่กาหนดนับไม่ได้น้ี พระตถาคตทาสาเร็จได้ด้วย
เวลาเพียงเทา่ น้ี ควรเปน็ ผู้นาและความกล้าหาญของพระตถาคต พระตถาคตได้แสดงออกแล้ว ข้า
แต่พระผู้มีพระภาคคณะของพระโพธิสัตว์มีประมาณเท่านี้ กลุ่มของพระโพธิสัตว์ก็มีประมาณ
เท่านั้น พระตถาคตอบรมให้พร้อมตั้งอยู่ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยเวลาเพียงเล็กน้อยได้
อย่างไร? ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ที่สุดแห่งการนับคณะของพระโพธิสัตว์และกลุ่มของพระโพธิสัตว์
นี้ ด้วยร้อยพันหม่ืนโกฏกิ ัลป์ ย่อมไมไ่ ด้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อพระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่านี้ ท่ี
ประมาณมิได้อย่างน้ี ได้ประพฤติพรหมจรรย์มาเป็นเวลานาน จนไม่สามารถจะนับได้ มีกุศลมูลที่
ถึงความเป็นเลศิ ในสานกั ของพระพทุ ธเจ้าจานวนมาก หลายร้อยพันองค์ ได้ถึงพร้อมแล้วในหลาย
ร้อยพนั กัลป์

ข้าแตพ่ ระผ้มู ีพระภาค บุรษุ บางคนเพ่งิ เข้าสูว่ ยั หนุ่ม มีเส้นผมดาอยู่ในวัยที่หนึ่ง ถือกาเนิดได้
เพียง 25 ปี เขาแสดงบุตรอายุ 100 ปี (ของเขา) กล่าวว่า กุลบุตรเหล่านี้คือ บุตรของเรา บุรุษ
ทั้งหลายทีมีอายุ 100 ปี เหล่าน้ันกล่าวว่า ผู้นี้คือบิดาผู้ให้กาเนิดของเรา ข้าแต่พระผู้มีพระภาค
คาพูดของบุรุษน้ัน เป็นสิงท่ีไม่น่าเช่ือถือ ยากท่ีชาวโลกเช่ือถือได้ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้อนุตตร
สัมมาสัมโพธิญาณไม่นานน้ีเอง พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าน้ีมีจานวนมากจนประมาณมิ ได้
ประพฤติพรหมจรรย์จนแตกฉาน ตลอดหลายร้อยพันโกฏิกัลป์ เป็นผู้เข้าถึงกาลบริกรรมในมหา

61

อภิญญา เป็นผู้ทาการบริกรรมในมหาอภิญญา เป็นบัณฑิตในพุทธภูมิเป็นผู้ฉลาดในบทเพลงแห่ง
ธรรมของพระตถาคต เป็นผู้มีพลังอันน่าอัศจรรย์ เป็นผู้ถึงความต้ังม่ันแห่งพลังความเพียร อัน
ยิ่งใหญ่ของชาวโลก พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับกุลบุตรเหล่าน้ันว่า ตั้งแต่ต้นพระโพธิสัตว์เหล่าน้ี
เราได้ใหถ้ ึงพร้อม ให้การอบรมจนน้อมลงสู่โพธิสัตว์ภูมิน้ีการเข้าถึงความเพียงท้ังปวงน้ี เราผู้บรรลุ
อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ได้กระทาสาเร็จแล้วข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักถึง
คาสอนของพระตถาคตด้วยศรัทธาได้อย่างไรว่า พระดารัสของพระตถาคตย่อมไม่เปลี่ยนแปลง
พระตถาคตพึงยังประโยชน์น้ีให้เกิดเถิด ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ได้ยินว่า พระโพธิสัตว์มหาสัตว์
ทั้งหลาย ผู้ดารงอยู่ในยานใหม่ๆย่อมยังความสงสัยให้เกิดข้ึน ในสถานะนั้น เม่ือพระตถาคต
ปรินิพพานแล้ว ผู้ฟังธรรมบรรยายน้ีแล้ว จักไม่ยอมรับ ไม่เชื่อ และไม่เลื่อมใส ข้าแต่พระผู้มีพระ
ภาค ชนเหล่านั้น จักมาเพื่อเปล่ียนแปลงพิธีกรรม ที่เป็นไปเพื่อละทิ้งธรรม ข้าแต่พระผู้มีพระภาค
ดีละ ขอพระองค์ทรงชี้แจงเร่ืองน้ีด้วยเถิด ข้าพระองค์ทั้งหลาย พึงอยู่ในธรรมวินัยน้ีด้วยความไม่
สงสัย ในอนาคตกาล กุลบุตรหรอื กลุ ธิดาทั้งหลาย ผู้อยใู่ นโพธิสตั วยานจะไมเ่ กดิ ความสงสยั
บทท่ี 14 โพธสิ ัตวปฤถิวีวิวรสมุทคมปรวิ รรต ว่าด้วยพระโพธิสตั วผ์ ุดข้นึ จากรอยแยกของแผ่นดนิ
ในธรรมบรรยาย สัทธรรมปณุ ฑรีกสตู ร อนั ประเสริฐมเี พียงเทา่ น้ี
***********
บทท่ี 15 ธรรมกำรหย่ังอำยกุ ำลของพระตถำคต

ครั้งน้ันพระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับคณะของพระโพธิสัตว์ทั้งปวงว่า ดูก่อนกุลบุตรของเรา
ท่านทั้งหลายย่อมสามารถ ท่านทั้งหลายจงเช่ือพระวาจาท่ีเป็นจริงของพระตถาคต พระผู้มีพระ
ภาคไดต้ รัสกับพระโพธิสัตว์เหล่านั้น เป็นครั้งท่ี 2 ว่า ดูก่อนกุลบุตรของเรา ท่านท้ังหลายจงวางใจ
เถิด ท่านทั้งหลายจงเชื่อพระวาจาที่เป็นจริงของพระตถาคต พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับพระ
โพธสิ ตั วเ์ หล่านน้ั เปน็ คร้ังที่ 3 วา่ ดูก่อนกลุ บตุ รของเรา ท่านทั้งหลายจงวางใจเถิด ท่านท้ังหลายจง
เชื่อพระวาจาท่ีเป็นจริงของพระตถาคต ครั้งนั้น คณะของพระโพธิสัตว์ท้ังปวงท่ียืนอยู่หน้าพระ
เมตไตรยโพธิสัตว์ ได้กราบทูลข้อความนี้กับพระผมู้ พี ระภาคว่า ขอพระผ้มู ีพระภาคจงตรสั ถึงเรื่องน้ี
ขอพระสุคตจงตรัสเถิด ข้าพระองค์ท้ังหลายจักเชื่อพระดารัสของพระตถาคต คณะของพระ
โพธิสัตว์ทั้งปวง ได้กราบทูลข้อความน่ีกับพระผู้มีพระภาคเป็นครั้งที่ 3 ว่า ขอพระผู้มีพระภาคจง
ตรสั ถงึ เร่อื งน้ขี อพระสุคต จงตรัสเถดิ ข้าพระองคท์ ง้ั หลายจักเช่อื พระดารัสของพระตถาคต

พระผู้มีพระภาคทรงพิจารณาคาทูลเชิญท้ังสามครั้งของพระโพธิสัตว์เหล่าน้ัน แล้วตรัสกะ
พระโพธิสัตว์เหล่าน้ันว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ท่านท้ังหลายจงฟัง การได้กาลังที่
ม่ันคงของเรา ชาวโลกรวมท้ังเทวดา มนุษย์และอสูร ย่อมรู้ว่า อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ท่ีพระผู้มี

62

พระภาคตถาคตศากยมุนี เสด็จออกจากราชสกุล ไปสู่หลักชัยอันประเสริฐคือมณฑลแห่งโพธิ
พฤกษ์ ในมหานครคยา แล้วจงึ ได้ตรัสรู้ ท่านท้ังหลายไม่ควรมีความคิดเห็นอย่างน้ัน ดูก่อนกุลบุตร
ทั้งหลาย เราได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้ว เป็นเวลาร้อยพันหม่ืนโกฏิกัลป์ ดูก่อน
กุลบตุ รทัง้ หลาย มปี รมาณูปฐวีธาตุ อยู่ใน 50 ร้อยพันหมื่นโกฏิโลกธาตุ บังเอิญมีบุรุษคนหน่ึงหยิบ
ปรมาณูไปหน่งึ ธุลี เดินทางไปในทศิ ตะวนั ออก สิ้นรอ้ ยพันจนนับไม่ถ้วน ใน 50 โลกธาตุ แล้วจึงวาง
ปรมาณูหน่ึงธุลนี น้ั ลงโดยปริยายน้ี บุรุษนน้ั พึงทาโลกธาตุท้ังปวงนั้น ให้ปราศจากปฐวีธาตุ สิ้นร้อย
พันหมื่นโกฏิกัลป์ เขาพึงทิ้งละอองปรมาณูในปฐวีธาตุทั้งปวงเหล่านั้น ในทิศตะวันออก และโดย
การท้ิงเป็นแสนครั้งอย่างนี้ ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลายท่านท้ังหลายคิดว่า เรื่องน้ีเป็นอย่างไรใครๆ
สามารถคิด คานวณ ตวง หรือประมาณโลกธาตุเหล่าน้ันได้หรือ? เม่ือพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้
พระเมตไตรยโพธิสัตว์ และกลุ่มของพระโพธิสัตว์ทั้งปวงน้ันได้ กราบทูลข้อความนี้กับพระผู้มีพระ
ภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค โลกธาตุเหล่านั้น ไม่สามารถนับได้ ไม่สามารถคานวณได้ ย่อม
สุดวิสัยของความคิด ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แม้พระสาวกและพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งปวง ก็ไม่อาจ
คิด คานวณ กาหนดนับ ด้วยวิชาอันเลิศได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค โคจรแห่งจิตในฐานะน้ี จะไม่
หวนกลบั มา แก่ขา้ พระองค์ทั้งหลาย ผเู้ ป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ดารงอยู่ในภูมิท่ีไม่เปลี่ยนแปลง
ขา้ แต่พระผู้มีพระภาค โลกธาตุเหล่านัน้ ไมส่ ามารถประมาณได้

ครั้นตรัสอย่างน้ันแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่านั้นว่า ดูก่อน
กุลบุตร เราจะบอกแก่ท่านทั้งหลาย ดูก่อนกุลบุตรโลกธาตุมีประมาณเท่าใด บุรุษน้ัน ได้วางธุลี
ปรมาณูในโลกธาตุจานวนเท่าน้ัน และไม่ได้วางไว้ในโลกธาตุเท่าใด ธุลีปรมาณูมีประมาณ
เท่าน้ัน ย่อมไม่มีในร้อยพันหม่ืนโกฏิโลกธาตุทั้งหมดน้ันท่ีเราตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ตลอดร้อยพนั หมืน่ โกฏิกัลป์ ดกู อ่ นกลุ บุตรท้ังหลาย ตั้งแต่นั้นมา เราจะแสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย
ในสหาโลกธาตุนี้ และร้อยพันหม่ืนโกฏิโลกธาตุอื่นๆ พระพุทธเจ้าเหล่าอื่นที่เรายกย่อง อย่างเช่น
พระตถาคตทีปังกร เป็นต้น การนิพพานที่สมบูรณ์ของพระพุทธเจ้าเหล่าน้ัน เราจึงสร้างขุมทรัพย์
คือการแสดงธรรมด้วยกุศโลบาย ดูก่อนกุลบุตรท้ังหลาย เราพิจารณาถึงอินทรีย์ กาลัง และความ
เป็นผู้เยาว์ ของสัตว์ท้ังหลายที่มาแล้วจึงให้ชื่อเฉพาะตนไว้ในสัตว์เหล่าน้ัน ตถาคตย่อมประทาน
การนิพพานไว้เฉพาะในสัตว์นั้นๆ ยังสัตว์ท้ังหลายให้ยินดี ด้วยธรรมบรรยายสูตรต่างๆ ดูก่อน
กลุ บตุ รท้งั หลาย ตถาคตย่อมกล่าวแก่สัตว์ท้ังหลายผู้หลุดพ้นแล้วด้วยวิธีการต่างๆ ผู้มีกุศลมูลน้อย
ผู้มีกิเลสมาก อย่างน้ีว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (เรา) ได้ออกจากวงศ์ตระกูลต้ังแต่ยังหนุ่ม ดูก่อน
ภกิ ษุท้ังหลาย เราตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณได้ไม่นาน ดูก่อนกุลบุตรท้ังหลาย พระตถาคตได้
ตรัสรู้มาแล้ว เป็นเวลานาน แต่ประกาศอย่างน้ีว่า เราได้ตรัสรู้มาไม่นาน ดังน้ี พระองค์นาไปเพ่ือ

63

ประโยชน์แก่การอบรมสัตว์ทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสธรรมบรรยายน้ี เพ่ือประโยชน์แก่การบูชา
พระตถาคตได้ตรัสธรรมบรรยายน้ี เพื่อประโยชน์ในความเป็นระเบียบของสัตว์ท้ังหลาย ด้วยการ
แสดงตนหรือแสดงผู้อ่ืน ด้วยการอาศัยตนหรืออาศัยผู้อื่น พระตถาคตประกาศธรรมบรรยายใดๆ
ธรรมบรรยายเหล่านนั้ ทง้ั หมด ทพ่ี ระตถาคตตรัสแล้วย่อมเป็นจริง วาทะที่เป็นเท็จของพระตถาคต
นั้นย่อมไม่มี เป็นเพราะว่า ไตรโลกธาตุที่พระตถาคตทรงเห็นแล้วน้ันล้วนเป็นจริง ไม่เป็นภาพลวง
ตา พระตถาคตไม่มองโลกธาตุ เหมือนที่ประชาชนคนพาล คนโงม่ องธรรมท่ีประจักษ์ทั้งหลาย เป็น
ธรรมทไ่ี ม่มกี ารปิดบงั ในสถานะของพระตถาคต พระตถาคตตรัสคาใด คานั้นทั้งหมดย่อมเป็นจริง
ไม่ผิด ไม่เปลี่ยนแปลง พระตถาคตทรงประกาศธรรมบรรยายที่ต่างกัน ด้วยภูมิฐานที่ต่างกัน เพื่อ
ประโยชน์คือการก่อให้เกิดกุศลมูล แก่สัตว์ท้ังหลายท่ีมีความประพฤติต่างกัน มีความปรารถนา
ตา่ งกัน มีความรู้ ความไม่รู้ และการปฏิบัติที่ต่างกัน ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เพราะว่า พระตถาคต
ย่อมกระทาการสิ่งที่พระตถาคตควรกระทาเท่านั้น พระตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว ส้ินกาลนาน มี
พระชนมายไุ มก่ าหนด ทรงดารงอยตู่ ลอดกาล พระตถาคตยังไม่เสดจ็ ดับขนั ธ์ปรินิพพาน ย่อมแสดง
ถึงนิพพาน ด้วยอานาจ (การศึกษา) ของพระสาวก ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย แม้ในขณะน้ี เรายังไม่
ทาพรหมจรรย์ของพระโพธิสัตว์ ท่ีมีอยู่ในอดีตให้สมบูรณ์ ประมาณอายุของเราก็ยังไม่เต็ม แม้ใน
วันนี้ เราจักมีอายุอีกสองเท่าของร้อยพันหม่ืนโกฏิกัลป์ จากการที่อายุของเรายังไม่เต็มบริบูรณ์
บดั น้ีเรายงั ไม่ปรินิพพาน แตจ่ ักประกาศการปรนิ พิ พาน เพราะเหตุไร? เราจักยังสัตวท์ ้ังหลายให้ถึง
พร้อมว่า สัตว์ทั้งหลายผู้ไม่ได้สร้างกุศลมูล ผู้งดเว้นจากการทากุศล เป็นผู้ทุกข์ยาก มีความโลภใน
กามคุณ เป็นผู้มืดบอด ถูกครอบงาด้วยตาข่ายแห่งทิฏฐิ ทราบว่า พระตถาคตยังดารงอยู่ แล้ว
ปฏิบตั ิพระโพธญิ าณเพ่ือความสนุกสนาน ไมย่ งั พระโพธิญาณที่ได้โดยยากนั้น ให้เกิดขึ้น ด้วยคิดว่า
เราอยใู่ กล้ชดิ พระตถาคตแล้ว เขาทั้งหลายจึงไม่ปรารถนาความเพียร เพื่อสลัดออกจากโลกธาตุทั้ง
สาม ไมย่ งั ความรู้ที่ไดโ้ ดยยากจากพระตถาคตใหเ้ กิดขึ้น ดกู ่อนกุลบุตรทั้งหลาย ตถาคตจึงประกาศ
ถอ้ ยคาด้วยกุศโลบายว่า ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย การเกิดข้ึนของพระตถาคต แก่สัตว์ท้ังหลายน้ันเป็น
สิ่งท่ียากย่ิง เป็นเพราะว่าการที่สัตว์ทั้งหลายได้พบพระตถาคตนั้น ต้องใช้เวลาหลายร้อยพันหม่ืน
โกฏกิ ลั ป์ หรืออาจไม่ไดพ้ บเลย เราไดแ้ สดงส่ิงทเ่ี กดิ ขึน้ คร้งั แรกวา่ ดกู อ่ นภิกษทุ งั้ หลาย พระตถาคต
ท้ังหลาย มีภาวะทเี่ กดิ ขึ้นยากและหาได้ยากพวกเขารู้ว่า ความเป็นพระตถาคตน้ัน เป็นสิ่งที่ได้โดย
ยาก และเป็นภาวะที่ยากย่ิงกว่าประมาณการมาก จึงยังความอัศจรรย์ใจให้เกิดข้ึน ท้ังเกิด
ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจข้ึน กุศลมูลทาให้เกิดจิตที่อิงอาศัยพระตถาคตของพวกเขา เป็นไปเพื่อ
ความปรารถนา เพ่ือประโยชน์และความสุขตลอดกาลนาน พระตถาคตที่ยังไม่ปรินิพพาน ได้เห็น
ประโยชน์นี้ จึงประกาศการปรินิพพาน เพ่ือให้เกิดความปรารถนาต่อการศึกษาของสัตว์ท้ังหลาย

64

ดูก่อนกุลบุตรท้ังหลาย นี่คือธรรมบรรยายท่ีพระตถาคตประกาศ ในกรณีน้ี พระตถาคตจึงตรัส
ถูกต้องแลว้

ดูก่อนกุลบุตรท้ังหลาย มีบุรุษแพทย์คนหน่ึง เป็นบัณฑิต เป็นนักปราชญ์ มีปัญญาเป็นผู้
ฉลาดในการวิเคราะห์โลกท้ังปวง เขามีบุตรจานวนมาก 10 คน หรือ 20 คนหรือ30 คน หรือ 40
คน หรือ 50 คน หรอื 100 คนก็ตาม เมอ่ื แพทย์คนน้ีไปสู่ถน่ิ อนื่ บตุ รทัง้ ปวงของเขาถูกโรคร้ายหรือ
โรคธรรมดาก็ตามเบียดเบียน พิษธรรมดา หรือพิษร้ายนั้น ทาให้พวกเขาประสบทุกขเวทนาอย่าง
รวดเร็วยิง่ เม่ือพษิ ร้ายกาเริบ พวกเขาก็นอนกล้ิงไปมาบนพื้นดิน ครั้งนั้น เมื่อนายแพทย์ผู้เป็นบิดา
ของพวกเขากลับมาจากต่างถิ่น บุตรเหล่าน้ันของเขา กาลังเจ็บปวดทุกขเวทนาเพราะพิษร้ายนั้น
บุตรบางคนมีความเข้าใจผิด บางคนก็เข้าใจถูกต้อง บุตรเหล่าน้ันทั้งหมดท่ีประสบทุกข์ เพราะพิษ
ร้าย ครั้นได้เห็นบิดาก็พากันยินดี และกล่าวว่า ข้าแต่บิดาท่านผู้มาแล้วด้วยความสุขสวัสด์ิ จง
พิจารณาเถิด ขอท่านจงยังพวกเราให้พ้นจากภยันตรายนี้จะเป็นพิษธรรมดาหรือพิษร้ายก็ตาม ข้า
แตบ่ ิดา ขอท่านจงไว้ชวี ติ แกพ่ วกเรา

ครั้งน้นั เม่อื นายแพทยน์ ั้นไดเ้ หน็ บุตรมีความทกุ ขเวทนากาเริบนอนกล้ิงไปมาบนพ้ืนดิน จึง
เตรยี มหาเภสชั ประกอบด้วยสี กลนิ่ รส บดบนแทง่ ศิลา เพื่อให้บุตรดื่ม ได้กล่าวกับบุตรเหล่านั้นว่า
ดูก่อนบุตรทั้งหลาย ท่านท้ังหลาย จงดื่มมหาเภสัชนี้ อันประกอบด้วยสี กล่ิน และรส ดูก่อนบุตร
ทง้ั หลาย ทา่ นทั้งหลาย ครนั้ ด่มื มหาเภสชั น้ีแล้ว จกั หายจากพิษร้ายน้ี โดยเร็วทีเดียว ท่านทั้งหลาย
จักดารองอยู่ด้วยดีและไม่มีโรค บุตรเหล่าใดของนายแพทย์นั้น มีความเข้าใจดี พวกเขาได้เห็นสี
ดมกลิน่ และลม้ิ รสของยา จักหายจากโรคโดยเรว็ บตุ รเหล่านัน้ ทง้ั หมด เมื่อด่มื อยู่ก็จะหายจากโรค
น้ีโดยสิ้นเชิง ส่วนบุตรเหล่าใดของนายแพทย์น้ัน เข้าใจผิด พวกเขายินดีกับบิดาแล้วกล่าวอย่างนี้
ว่า ข้าแต่บิดา ท่านกลับมาด้วยความสุขสวัสดี จงดูเถิด ขอท่านจงรักษาพวกเราท้ังหลาย พวกเขา
กลา่ วอย่างน้ี แล้วไม่ด่ืมยาท่ีเตรียมมาน้ัน ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร? เป็นเพราะว่าเภสัชที่เตรียมมา
นั้น ไม่เป็นท่ีน่าพอใจแก่บุตรเหล่าน้ัน ทั้งสี กล่ิน และรส เน่ืองจากความเข้าใจผิด ครั้งนั้น
นายแพทย์จงึ คิดว่า บตุ รของเรา เข้าใจผิดเร่ืองพิษหรือพิษร้ายนี้ พวกเขาจึงไม่ด่ืมมหาเภสัชน้ี และ
ไม่ยินดีกับเรา เราจักยังบุตรเหล่านี้ให้ด่ืมเภสัชด้วยกุศโลบาย แพทย์คนนั้น ปรารถนาให้บุตร
ทั้งหลายเหล่านี้ ด่ืมเภสัชด้วยอุบายจึงกล่าวอย่างน้ีว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เราเป็นผู้ชรา แก่
เฒ่าแล้ว การทากาลกิริยา ก็ปรากฏใกล้เข้ามาแล้ว ดูก่อนบุตรทั้งหลาย ขอท่านท้ังหลาย จงอย่า
โศกเศร้าอย่างเสียใจ เราได้เตรียมมหาเภสัชนี้ไว้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว ถ้าท่านท้ังหลายปรารถนา
ท่านจงด่ืมเภสัชเถิด เม่ือนายแพทย์สอนบุตรเหล่านั้นด้วยอุบายอย่างน้ี แล้วไปสู่ชนบท และ
ประเทศอ่ืนๆ คร้นั ไปแล้ว ยังบุตรที่ป่วยอยู่ให้เข้าใจว่า ตนตายไปแล้ว บุตรเหล่านั้น เศร้าโศก คร่า

65

ครวญอย่างยิ่งในสมัยน้ันว่า บิดาผู้เป็นท่ีพ่ึง เป็นผู้ให้กาเนิด เป็นผู้อนุเคราะห์เรา ได้ตายไปแล้ว
บัดนี้ เราทง้ั หลาย จะเป็นอยูโ่ ดยไมม่ ีที่พงึ่

บุตรเหล่าน้ันพิจารณาเห็นว่า ตนเป็นผู้อนาถา เพื่อพิจารณาเห็นว่า ตนไม่มีท่ีพึ่งบ่อยๆ ก็
เป็นผู้มีความทุกข์ เศร้าโศก ความเข้าใจผิดถูกก็จะเกิดขึ้นแก่บุตรเหล่าน้ัน เพราะมีความทุกข์
โศกเศร้าบอ่ ยๆ พวกเขายอมรับรู้เภสัชที่ปรุงด้วย สี กลิ่นและรสนั้น ในสมัยน้ัน พวกเขาจะยอมรับ
เอาเภสัชนั้น เม่ือพวกเขารับเภสัชไปอยู่ก็จักหายจากอาพาธน้ัน ขณะนั้นแพทย์นั้นทราบว่า บุตร
เหล่านัน้ หายจากอาพาธ จึงปรากฏตนอีกคร้งั ดกู ่อนกุลบุตรทง้ั หลาย เธอย่อมเข้าใจว่าเหตุนั้น เป็น
อย่างไร? เมือ่ นายแพทยใ์ ชก้ ศุ โลยายนน้ั ใครๆไม่ควรโจทย์ด้วยถ้อยคาที่เป็นเท็จ (กุลบุตรท้ังหลาย)
กล่าววา่ ขา้ แต่พระผมู้ ีพระภาค มิใชอ่ ย่างนัน้ ข้าแตพ่ ระสคุ ต มิใช่อย่างนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัส
ว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เป็นอย่างน้ัน เราได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณน้ี สิ้นร้อยพันหมื่น
โกฏิกัลป์ ท่ีประมาณมิได้ ที่นับไม่ได้ ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เราแสดงกุศโลบายอย่างน้ี แก่สัตว์
ทั้งหลาย เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาอย่างต่อเนื่อง การกล่าวเท็จใดๆจึงไม่มีแก่เรา ผู้ดารงอยู่ใน
สถานะน้ัน ว่าด้วยประมาณอายุกาลของพระตถาคตในธรรมบรรยาย สัทธธรรมปุณฑรีกสูตร อัน
ประเสรฐิ มเี พยี งเทา่ น้ี
***********

บทที่ 16 ธรรมว่ำด้วยบุญบรรยำย
เม่ือเรากาลังแสดงธรรมบรรยาย ช้ีแจงประมาณอายุกาลของพระตถาคตอยู่น้ัน ช่ือว่าได้

กระทาประโยชน์แก่สัตว์ท้ังหลาย ที่ไม่สามารถประมาณนับได้ คร้ังนั้น พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัส
กับพระเมตไตรยโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนอชิตะ เมื่อเราแสดงธรรมบรรยายช้ีแจงประมาณอายุกาลของ
พระตถาคตอยู่น้ัน ความเพียรในธรรมที่ไม่เคยเกิดก็จะเกิดขึ้น แก่พระโพธิสัตว์ จานวนร้อยพัน
หมื่นโกฏิ มีจานวนเท่ากับเมล็ดทรายใน 68 แม่น้าคงคา การเข้าถึงธารณี ได้มีแก่พระโพธิสัตว์
ทั้งหลายจานวนพันเท่า เพราะได้ฟังธรรมบรรยายน้ี พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าอ่ืนซึ่งมีจานวน
เท่ากับธุลปี รมาณูในพันโลกธาตุ ทั้งได้เข้าถึงความงามที่ปราศจากหมู่คณะ การที่พระโพธิสัตว์มหา
สัตว์เหลา่ อน่ื มีจานวนมาก มจี านวนเทา่ ธุลีปรมาณูในสองพันโลกธาตุ ได้รับธารณีที่เปล่ียนแปลงไป
ตลอดเวลารอ้ ยพันหม่ืนโกฏิ

พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าอื่น ซ่ึงมีจานวนเท่ากับธุลีปรมาณูในสามพันโลกธาตุ เมื่อได้ฟัง
ธรรมบรรยายนี้ พงึ ยงั วงล้อธรรมจักร ท่ีไม่เคยหมุนกลับ ให้หมุนต่อไป พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่า
อนื่ มจี านวนเท่ากบั ธุลปี รมาณใู นมัธยมโลกธาตุ เมื่อได้ฟังธรรมบรรยายน้ี พึงยังวงล้อธรรมจักรที่มี

66

ประกายบรสิ ทุ ธ์ิใหห้ มนุ ไป พระโพธิสัตวม์ หาสัตว์เหล่าอ่ืน ซ่ึงมีจานวนเท่ากับธุลีปรมาณูในโลกธาตุ
ขนาดเล็ก เมื่อได้ฟังธรรมบรรยายน้ี จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใน 8 ชาติ พระโพธิสัตว์
มหาสัตว์เหล่าอ่ืน ซ่ึงมีจานวนเท่ากับธุลีปรมาณูในโลกธาตุทั้ง 4 ท่ีมีใน 4 ทวีป เม่ือได้ฟังธรรม
บรรยายนี้ จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใน 4 ชาติ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าอื่น ซ่ึงมี
จานวนเทา่ กับธุลปี รมาณใู น 3 โลกธาตุ ท่ีมีใน 4 ทวีป เม่ือไดฟ้ ังธรรมบรรยายนี้ จะได้ตรัสรู้อนุตตร
สัมมาสัมโพธิญาณใน 3 ชาติ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าอื่น ซ่ึงมีจานวนเท่ากับธุลีปรมาณูใน2
โลกธาตุ ท่ีมีใน 4 ทวีป เมื่อได้ฟังธรรมบรรยายนี้ จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณใน 2 ชาติ พระ
โพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่าอ่ืน ซึ่งมีจานวนเท่ากับธุลีปรมาณูใน 1 โลกธาตุ ท่ีมีใน4 ทวีป เมื่อได้ฟัง
ธรรมบรรยายน้ี จะได้ตรสั รอู้ นุตตรสมั มาสัมโพธญิ าณใน 1 ชาติ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลาย ซ่ึง
มีจานวนเท่ากับธุลีปรมาณู 38 สหัสรมหาสหัสรโลกธาตุ เม่ือได้ฟังธรรมบรรยายน้ี ย่อมยังจิตให้
เกิดข้ึนในอนุตตรสมั โพธญิ าณ

เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงการประดิษฐานในสมัยแห่งธรรมแก่พระโพธิสัตว์มหาสัตว์
ท้ังหลายเหล่านั้นตามลาดับ ฝนคือดอกมณฑารพน้อยใหญ่ ได้โปรยลงจากท้องฟ้า นภากาศ
จานวนพระพุทธเจ้าร้อยพันหมื่นโกฏิ ในร้อยพันหม่ืนโกฏิโลกธาตุ ท่ีมาแล้วเข้าไปประทับนั่งท่ีโคน
ต้นรัตนพฤก์ ฝนดอกไม้ ได้ปกคลุม ท่วมทับพระพุทธเจ้าเหล่าน้ันทุกพระองค์ ฝนดอกไม้เหล่านั้น
ย่อมปกคลุม ท่วมทับพระผู้มีพระพุทธเจ้าศากยมุนีตถาคต พระพุทธเจ้าประภูรัตนตถาคต ผู้สงบ
เข้าไปสู่สิงหาสน์ แล้วฝนดอกไม้ย่อมปกคลุม ท่วมทับคณะของพระโพธิสัตว์ท้ังปวง และบริษัทท้ัง
4 เหล่านั้น ผลจันทน์อันเป็นทิพย์ ได้โปรยลงจากท้องฟ้า เสียงอันไพเราะ ลึกซ้ึง จับใจ จากกลอง
ใหญ่ท่ีไม่เคล่ือนไหว ดังไปท่ัวเวหาบนท้องฟ้าชั้นสูงสุด ผ้าทิพย์จานวนร้อยพันคู่ ได้ตกลงมาจาก
ท้องฟ้าช้ันสูงสุด มณีรัตนและมหารัตนของผู้ทีนาไป ได้ห้อยอยู่ในทิศท้ังปวงโดยรอบ ในท้องฟ้า
นภากาศชั้นสูงสุด เม่ือรูปถึงความเป็นเลิศ ก็ตามไปโดยรอบตามภาวะของตน พระโพธิสัตว์มหา
สัตว์ทั้งหลาย ได้ถือแถวรัตนฉัตรของพระตถาคตแต่ละองค์ บนท้องฟ้านภากาศจนถึงพรหมโลก
โดยปริยายนี้ พระโพธสิ ตั วม์ หาสัตวเ์ หล่าน้นั ได้ถือรตั นฉัตรแกพ่ ระพุทธเจ้าเหล่าน้ันจานวนร้อยพัน
หมื่นโกฏิ พระโพธิสัตว์ท้ังหลายต่างพากันยกย่องพระตถาคตเหล่านั้น ด้วยการกล่าวสดุดี
พระพทุ ธเจ้าตามความเป็นจรงิ

คร้งั นน้ั พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับเมตไตรยโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนอชิตะ เม่ือมีการเทศนาธรรม
บรรยายที่แสดงถึงประมาณอายุกาลของพระตถาคตน้ีอยู่ สัตว์ทั้งหลายย่อมถึงวิมุติ เพราะการยัง
จิตให้เกดิ ขึ้นคร้ังเดยี วได้ ความเป็นผู้มีศรัทธาที่สรา้ งไว้ กุลบุตรเหล่าน้ันมากเพียงใดก็ตามจงฟัง จง
ทาความดี และจงยกย่องในใจว่า กุลบุตรหรือกุลธิดาท้ังหลาย ควรตระหนักถึงบุญ เราจะกล่าวถึง

67

บญุ ตราบเท่าทมี่ ผี ู้สนใจอยู่ ดกู ่อนอชิตะ กุลบุตรหรอื กุลธดิ า คนใด ปรารถนาอนุตตรสัมมาสัมโพธิ
ญาณ พึงประพฤติบารมีทั้ง 5 ตลอด 8 ร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ คือในทาน บารมี ศีลบารมี ขันติ
บารมี วริ ยิ บารมี ฌานบารมี ยกเว้นปัญญาบารมี ดูก่อนอชิตะ กุลบุตรหรือกุลธิดาก็ตาม เม่ือได้ฟัง
ธรรมบรรยายนี้ ทีแ่ สดงถึงประมาณอายกุ าลของพระตถาคต เขา้ ถงึ วิมุติ เพราะการยังจิตให้เกิดข้ึน
เพียงคร้งั เดียว หรือมศี รทั ธา การสร้างบุญ สร้างกุศล และการประกอบบารมีท้ัง 5 ท่ีมีในกาลก่อน
ให้ถึงพรอ้ มด้วยร้อยพันหมน่ื โกฏิกัลป์ย่อมไม่ถึง สิบร้อยพันหม่ืนโกฏิ ไม่อาจนับ คาดคะเน คานวน
อุปมาและเปรียบเทียบได้ ดูก่อนอชิตะ กุลบุตรหรือกุลธิดา ผู้ประกอบด้วยการสะสมบุญถึงปานน้ี
ยอ่ มเป็นไปเพอ่ื อนตุ ตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะเหตุนั้น ใครๆไม่ควรคานงึ ถึงสถานะน้ี

ยังมีอีก อชิตะ ผู้ใดได้ฟังธรรมบรรยายน้ี ท่ีแสดงประมาณอายุกาลของพระตถาคตพึงข้าม
พ้น แทงตลอดและหยั่งรู้ ผนู้ ้นั พึงเพ่ิมการสะสมบญุ ทห่ี ยง่ั ลงส่พู ทุ ธญาณ ได้มากจนมิอาจประมาณ
ได้ จากการฟังธรรมบรรยายน้ี ถึงบุคคลผู้ได้ฟังธรรมบรรยายนี้ หรือให้คนอื่นได้ฟัง ท่อง จา ให้
เขยี น หรอื พึงรวบรวมเปน็ เลม่ หนงั สอื พึงเคารพ นับถือบูชา หรือสักการะ พึงเพิ่มบุญ สักการะ ให้
มากกวา่ ทจ่ี ะใหห้ ย่งั ลงสพู่ ุทธญาณ ด้วยดอกไม้ธูป ของหอม มาลัย ผงเครื่องลูบไล้ จีวร ฉัตร หรือ
ประทปี น้ามัน เทียนไข นา้ มันหอม

ดูก่อนอชิตะ ในกาลใด กุลบุตรหรือกุลธิดา ได้ฟังธรรมบรรยายน้ี ที่แสดงถึงประมาณอายุ
กาลของพระตถาคต ย่อมหลุดพ้นได้ตามอัธยาศัย ในกาลนั้น เขาพึงทราบลักษณะของอัธยาศัย
ดังน้ี เขาจักเห็นเรา ซ่ึงอยู่บนภูเขาคิชกูฎ ที่กาลังแสดงอยู่ ซ่ึงแวดล้อมไปด้วยคณะพระโพธิสัตวง์
ติดตามไปด้วยคณะพระโพธิสัตว์ อยู่ท่ามกลางพระสาวก เขาจักเห็นพุทธเกษตรนี้ ของเรา ซึ่ง
เป็นสหโลกธาตุ ที่สาเรจ็ ดว้ ยแก้วไพฑรู ย์ ถูกตรึงด้วยสถานท่ีท้ัง 8 ซึ่งเหมือนสายใยทองคา อันวิจิต
งดงามดว้ ยรัตนพฤกษท์ ั้งหลาย เขาจักเห็นพระโพธิสัตวท์ ้งั หลาย ผู้ประทับอยู่บนที่พัก ดูก่อนอชิตะ
พึงทราบลักษณะอัธยาศัยของกุลบุตร กุลธิดา ผู้จะหลุดพ้นได้ด้วยอัธยาศัยอย่างนี้ ผู้หลุดพ้นแล้ว
ตามอัธยาศัยเม่ือเขาได้ฟังธรรมบรรยายน้ีของพระตาถาคตที่นิพพานแล้ว จักไม่ปฏิเสธและจัก
อนุโมทนาย่ิงข้ึน ถึงผู้ท่ีจดจา ผู้ใดได้รวบรวมธรรมบรรยายนี้ เข้าเป็นเล่มหนัง แล้วแบกไว้ ผู้นั้นได้
ช่ือว่า ได้แบกพระตถาคตไว้เช่นกัน ดูก่อนอชิตะ กุลบุตรหรือกุลธิดานั้น ไม่พึงสร้างสถูป ไม่พึง
สรา้ งวหิ าร ถวายเรา ดกู อ่ นอชติ ะ เพราะเหตุว่า กุลบุตรและกุลธิดานั้น ได้ทาการบูชาสรีรธาตุของ
เรา และไดส้ ร้างสถูปที่ประดับด้วยรัตนะ สูงถึงพรหมโลก มีส่วนอ่ืนคือฐาน ตามความเหมาะสม มี
ที่รองรับฉัตร มีธง เป็นท่ีน่ายินดีด้วยการล่ันของระฆัง ความทาสักการะต่างๆ แก่สถูปที่บรรจุสรีร
ธาตุ เหล่านั้น ด้วยดอกไม้ ธูป ของหอม มาลัย ผงเคร่ืองลูบไล้ จีวร ฉัตร ทั้งหลาย ท่ีเป็นของทิพย์
(เทพ) และของมนุษย์ชนิดต่างๆและควรทาสักการะส้ินร้อยพันโกฏิกัลป์ มากจนประมาณมิได้ด้วย

68

ด้วยเสียงท่ีดังกึกก้อง ของกลองเล็กใหญ่ จานวนมากจนมิอาจนับได้ ดูก่อนอชิตะ เม่ือเรานิพพาน
แล้ว บุคคลผู้ท่องจา เขียน และเผยแผ่ธรรมบรรยายน้ี ชื่อว่า ได้สร้างวิหารอันกว้างใหญ่ไพศาล
ทีเดียว เขาได้สร้างปราสาท (วิหาร) 32 หลังทาด้วยไม้จันทน์แดง สูง 8 ชั้น ให้เป็นท่ีอาศัยของ
ภิกษุ 1000 รูป ปราสาทเหล่านั้น ประดับด้วยเครื่องหอมเพ่ือความสุขของทุกคน สัตว์เหล่านั้น มี
จานวนมาก จนประมาณมิได้ว่า เป็นร้อย เป็นพัน เป็นแสน เป็นโกฏิ เป็นร้อยโกฏิ เป็นพันโกฏิ
เป็นแสนโกฏิ หรือเป็นร้อยพันหม่ืนโกฏิ เขาเหล่าน้ัน ได้พยายามต่อหน้าสาวกของเรา และเราก็รู้
ว่า เขาเปน็ ผู้ด่มื ดา่ (ในธรรม) แล้ว เมอ่ื พระตถาคตนิพพานแล้ว ผู้ใดทรงจา ท่อง แสดง เขียน หรือ
ให้เขียน ซึ่งธรรมบรรยายน้ี ผู้ทรงจาธรรมบรรยายนี้ ท่ีถึงพร้อมด้วยทาน ศีล ขันติ วิริยะ ฌาน
หรือถงึ พร้อมด้วยปญั ญา กลุ บตุ รหรอื กลุ ธิดาน้ัน พึงสะสมบุญท่ีเป็นไปเพ่ือพระโพธิญาณได้มากจน
ประมาณมิได้ เช่นเดียวกับอากาศธาตุ อันไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุด ในทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศ
ตะวันตก ทิศเหนือ ทิศเบ้ืองบน ทิศเบ้ืองล่าง และทิศใหญ่ท้ังหลาย กุลบุตรหรือกุลธิดาใด พึงทรง
จา ท่อง แสดง เขียน ซ่ึงธรรมบรรยายนี้ กุลบุตรหรือกุลธิดาน้ัน พึงเพ่ิมการสะสมบุญ ที่ประมาณ
มิได้ นับไม่ได้ อย่างนที้ เ่ี ป็นไปเพื่อพระโพธิญาณ

เขาได้ปฏิบัติเพ่ือประโยชน์แก่การสักการะเจดีย์ของพระตถาคตแล้ว พึงกล่าวยกย่องสาวก
ของพระตถาคต พึงเผยแพร่คุณธรรมจานวนร้อยพันหมื่นโกฏิ ของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ท้ังหลาย
และพึงประกาศแกผ่ ู้อ่ืน พึงถงึ พร้อมดว้ ยขันติ ศีล มีกัลยาณธรรม มีความสามัคคี มีความอดทน มี
มานะ และเป็นผู้ไม่โกรธเคือง ไม่อาฆาต ไม่มีจิตคิดพยาบาท มีใจมั่นคง มีสติ มีพละ มีวิริยะ มี
ความหม่ันเพียร เป็นผู้มีสมาธิด้วยความปรารถนาพุทธธรรม เป็นผู้มุ่งไปในทางวิเวก เป็นผู้มากไป
ดว้ ยความวิเวก เปน็ ผู้ฉลาดในการแก้ปญั หา สามารถแกป้ ัญหาได้จานวนร้อยพันหมื่นโกฏิ เมื่อพระ
ตถาคตนพิ พานแล้วคณุ ประโยชน์ทั้งหลายเห็นปานน้ี ที่เราได้แยกแยะไว้ พึงมีแก่พระโพธิสัตว์มหา
สัตว์ ผู้ทรงจาธรรมบรรยายนี้ ดูก่อนอชิตะ กุลบุตรหรือกุลธิดาผู้นั้น พึงทราบอย่างน้ีว่า กุลบุตร
หรือกลุ ธดิ าผู้นี้ ผ้ยู ืนอย่ทู ่ีบริเวณต้นโพธ์ิ ย่อมไปสู่โคนต้นโพธิ์ เพื่อตรัสรู้พระโพธิญาณ ดูก่อนอชิตะ
กุลบุตรหรือกุลธิดา ผุ้น้ัน พึงยืน นั่ง หรือเดินจงกรมในที่ใดในที่น้ัน ความสร้างเจดีย์เพื่ออุทิศพระ
ตถาคต ชาวโลกและเทวดาพึงกล่าวถึงเจดีย์ น้ันว่าน้ีคือสถูป (บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ) ของพระ
ตถาคต ธรรมวำ่ ดว้ ยบญุ บรรยำย “ พระสทั ธรรมปุณฑรกี สตู ร” อันประเสรฐิ มเี พียงเทา่ น้ี
*********

69

บทที่ 17 อนโุ มทนำปุณยนิรเทศปรวิ รรตวำ่ ดว้ ยกำรแสดงบุญจำกกำรอนุโมทนำ
คร้ังน้ันพระเมตไตรยโพธิสัตว์ได้ถามพระพุทธเจ้าว่า บุคคลใดได้ฟังพระสูตรเช่นน้ี เขาพึง

อนุโมทนาบุญกุศล แห่งการอนุโมทนาของเขาน้ัน พระพุทธเจ้าตรัสว่ากุลบุตรหรือกุลธิดาใดก็ตาม
ได้ฟังธรรมบรรยายน้ี ที่เราแสดงประกาศอยู่ จะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา บุรุษผู้เป็น
ปราชญ์ เด็กชาย เด็กหญิง ครั้นได้ฟังแล้วพึงอนุโมทนา ถ้าหลังจากนั้น เขาลุกจากการฟังธรรม
แล้วหลีกไป เขาจะไปวัด บ้าน ป่า ถนน หมู่บ้าน หรือชนบท แล้วพึงบอกเหตุและธรรมนั้น ตามที่
ได้ฟังมา ตามที่ตนเข้าใจ และตามความสามารถ แก่สัตว์อื่นๆ จะเป็นมารดาก็ดี บิดาก็ดี ญาติก็ดี
หรอื ใครๆจะเป็นผูร้ ่วมยนิ ดีบุคคลอื่น หรือผู้ร่วมสรรเสริญ ถ้าว่าบุคคลนั้น ได้ฟังแล้ว พึงอนุโมทนา
แลว้ พงึ บอกแกบ่ ุคคลอ่นื ตอ่ ไปอีก แมบ้ ุคคลนัน้ ครน้ั ได้ฟงั แลว้ ก็พงึ อนโุ มทนาบอกบุคคลอ่ืนต่อๆกัน
ไป โดยปริยายน้ี จนถึง 50 คน ดูก่อนอชิตะ บุรุษคนท่ี 50 พึงเป็นผู้ยินดีต่อการได้บอกต่อกันมา
เราจักแสดงการสะสมบุญที่ถึงพร้อมด้วยการอนุโมทนา ของกุลบุตรหรือกุลธิดานั้น ขอท่านจงฟัง
จงยนิ ดี และจงต้ังใจฟงั ดว้ ยดี

ดกู ่อนอชติ ะ สัตว์ท้ังหลาย ทีอ่ ยใู่ นโลกธาตทุ ง้ั 4 เป็นเวลารอ้ ยพันอสงไขย เป็นผู้เข้าถึงคติท้ัง
6 คอื พวกท่เี กิดในไข่ เกิดในครรภ์ เกิดในไคล เกิดผดุ (อุบตั )ิ ข้ึน มีรูปก็ตาม ไม่มีรูปก็ตาม มีสัญญา
ก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม จนกระทั่งสัตว์ทั้งหลายท่ีรวมกันเป็นกลุ่มในสัตว์โลก ครั้งน้ันเกิดมีบุรุษผู้
หน่ึง ซ่ึงปรารถนาจะทาบุญ ปรารถนาจะทาประโยชน์ เขาจึงให้เคร่ืองเล่น อันน่าปรารถนาทั้งปวง
เคร่อื งบรโิ ภค แก่หมสู่ ัตวเ์ หล่านนั้ เขาพึงให้ชมพูทวีป ที่สมบูรณ์ (ทุกอย่าง) แก่สัตว์แต่ละคน เพื่อ
การละเลน่ ท่นี ่าปรารถนา การบรโิ ภคท่นี ่าพอใจโดยปริยายนี้ บุรุษผู้เป็นเจ้าแห่งมหาทานน้ัน พึงให้
ทานตลอด 80 ปีเตม็ ดูกอ่ นอชิตะ บรุ ุษผู้ เป็นเจ้าแห่งมหาทานน้ัน พึงคิดว่า ได้ยินว่าสัตว์ท้ังหลาย
เหล่านี้ ท่ีเราให้เล่น ให้เพลิดเพลิน และให้เป็นอยู่ด้วยความสุข บัดน้ีสัตว์เหล่านั้น หนังเห่ียว ผม
หงอก แก่เฒ่า ชรา มีอายุได้ 80 ปีโดยกาเนิด สัตว์เหล่าน้ัน กาลังอยู่ในกาลกิริยา(ตาย) เราควร
สอนสัตวเ์ หลา่ นน้ั ให้น้อมลงสพู่ ระธรรมวินัย ท่ีพระตถาคตทรงประกาศแล้ว ดูก่อนอชิตะ บุรุษน้ัน
จึงยังสัตว์ท้ังปวงเหล่าน้ัน ให้ยอมรับ (พระธรรม) คร้ันให้ยอมรับแล้ว จึงให้เขาน้อมลง และยึดถือ
พระธรรมวินัย ที่พระผู้มีพระภาคทรงประกาศแล้ว เม่ือสัตว์เหล่าน้ัน ได้ฟังธรรมของบุรุษนั้นแล้ว
แม้ฟังเพียงขณะหน่ึง ครู่หนึ่ง นิดหน่ึง สัตว์ท้ังปวงเหล่านั้น พึงบรรลุเป็นพระโสดาบัน พระ
สกทิ าคามี พระอนาคามี และพระอนาคามิผล จนกระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์ ส้ินอาสวะ มีสมาธิ
และสมาธิในวิโมกข์ท้ัง 8 ดูกอ่ นอชติ ะ ท่านคิดว่า เจ้าของมหาทานควรสะสมบุญให้มากขึ้น เพราะ
เขาได้ให้ความสุขท่ีม่ันคงแก่สัตว์ทั้งหลาย ที่เขายังสัตว์ให้ตั้งอยู่ในธรรมเบื้องสูง คือความเป็นพระ
อรหนั ตอ์ ีกเล่า?

70

เมื่อกราบทูลอย่างน้ีแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์น้ันว่า ดูก่อนอชิ
ตะ เราจักบอก กล่าวแก่ท่าน บุรุษผู้เป็นเจ้าของทาน เจ้าของมหาทานนั้น ควรสะสมบุญด้วยการ
ยังสัตว์ทั้งหลาย ให้บริบูรณ์ด้วยการต้ังม่ันในความสุขทั้งปวง ในโลกธาตุทั้ง 4 เป็นเวลาร้อยพัน
อสงไขย แล้วพึงให้ตั้งอยู่ในความเป็นอรหันต์ ส่วนบุรุษที่ 50 ได้รับการฟังสืบต่อกันมาแห่งการ
กระทาบุญทป่ี ระกอบด้วยทาน และยงั สัตว์ให้ตั้งอยู่ในความเป็นพระอรหันต์ของบุรุษผู้เป็นเจ้าของ
ทานและเจ้าของมหาทานนั้น การสะสมบุญท่ีประกอบด้วยการอนุโมทนานี้แล มีผลมากกว่าการ
เป็นเจ้าของทานน้ัน คือบุรุษที่ 50 นี้ ได้ฟังแม้เพียงคาถาเดียว บทเดียวจากธรรมบรรยายน้ี ที่ฟัง
ต่อๆกันมาจากบุรุษนั้น แล้วจึงอนุโมทนา ดูก่อนอชิตะการสะสมบุญ ท่ีประกอบด้วยทาน และ
ประกอบด้วยการให้ต้ังอยู่ในความเป็นพระอรหันต์น้ันที่เคยมีมาแล้ว ย่อมไม่ถึงเส้ียวแห่งร้อย ของ
การสะสมบุญที่ประกอบด้วยการอนุโมทนา และการสะสมกุศลมูล ท่ีประกอบด้วยการอนุโมทนา
ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่พัน เสี้ยวที่แสน เสี้ยวท่ีโกฏิ เสี้ยวที่ร้อยโกฏิ เส้ียวท่ีพันโกฏิ และเส้ียวท่ีหม่ืนแสน
โกฏิ ไม่สามารถกาหนดด้วยการนับ ดูก่อนอชิตะ เราจึงเรียกการสะสมบุญน้ัน ของบุรุษคนที่ 50
นั้นวา่ ประเสรฐิ กวา่ จนประมาณมิได้ เลิศกวา่ จนนบั มไิ ด้

ดูก่อนอชิตะ กุลบุตรหรือกุลธดิ าคนใด ปรารถนาจะฟังธรรมบรรยายน้ี พึงออกจากบ้านของ
ตนแล้วไปสู่วิหาร คร้ันไปแล้ว พึงยืนหรือน่ัง ฟังธรรมบรรยายนี้ ในวิหารนั้นแม้เพียงครู่หน่ึง ด้วย
การสะสมบุญจานวนมากน้ัน ท่ีเขาได้กระทาและรวบรวมไว้ บุคคลนั้น เมื่อตายจากชาติน้ีแล้ว จัก
ได้รถเทียมโค และวิมานทิพย์ในชาติท่ีสอง อันเป็นการได้รับเฉพาะตนครั้งที่สอง ถ้าหากว่าการฟัง
ธรรมบรรยายน้ี เขาพึงนงั่ ลง แลว้ ฟงั ธรรมบรรยายน้ีแม้เพียงครู่หน่ึงหรือให้คนอื่นน่ัง หรือแบ่งท่ีน่ัง
ให้บุคคลอ่ืน ด้วยการสะสมบุญนั้น เขาจักได้บัลลังก์ของท้าวสักกะ บัลลังก์ของพรหม และราช
บัลลังก์ของพระเจ้าจักรพรรดิ ดูก่อนอชิตะ ถ้ากุลบุตร หรือกุลธิดาคนใดพึงกล่าวกับบุรุษอ่ืนว่า ข้า
แต่บุรุษผู้เจริญ ท่านจงมาเถิด จงฟังธรรมบรรยายช่ือสัทธรรมปุณฑรีกสูตร ถ้าบุรุษน้ันมาฟังธรรม
ตามว่าเพียงชว่ั ครู่หนง่ึ เพราะอาศัยการชกั ชวนของเขา ด้วยการชักชวนนั้น เขาย่อมได้ความร่วมใจ
กนั พระโพธสิ ัตว์ทง้ั หลาย ผ้ไู ดธ้ ารณี เพราะกุศลมูลท่สี ะสมไวแ้ ลว้ เขาไม่เป็นคนหดหู่ มีอินทรีย์กล้า
มปี ัญญา ปากของเขาไม่เป็นโรค ไม่มีโรค และไม่มีกลิ่น ตลอดร้อยพันชาติ ไม่มีโรคที่ลิ้น ไม่มีโรคท่ี
ปาก จมูกไม่แฟบ ไม่เบี้ยว ดูก่อนอชิตะ ลิ้นฟัน ริมฝีปากของเขา ช่างงดงามและเหมาะ จมูกโด่ง
ใบหน้าละเอียดอ่อน ค้ิวเหมาะสม หน้าผากอยู่ในตาแหน่งที่เหมาะสมสวยงาม เป็นผู้ได้ลักษณะ
ของบรุ ุษทีส่ มบูรณท์ ุกประการ เขาย่อมได้พระผู้มีพระภาคเป็นผู้สอนธรรม ย่อมได้ความใกล้ชิดกับ
พระพุทธเจ้าในเร็วพลัน ดูก่อนอชิตะ ท่านจงดูบุรุษน้ัน ท่ีชักชวนสัตว์เพียงคนเดียว สามารถเพ่ิม
บุญไดถ้ งึ เพยี งนี้ บุคคลท่ฟี ัง ท่อง แสดง และประกาศธรรมด้วยความเคารพ

71

การแสดงบญุ จากการอนโุ มทนาในธรรมบรรยาย สัทธรรมปณุ ฑรีกสูตร อนั ประเสริฐมเี พียงเทา่ น้ี
***********
บทที่ 18 ธรรมกศุ ลแห่งควำมปีติยนิ ดี วำ่ ดว้ ยอำนิสงส์ของผกู้ ลำ่ วธรรม

ขณะน้ันพระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์สัตตสมิตาภิยุกต์ว่า กุลบุตรหรือ
กุลธิดาคนใด จกั จดจา ทอ่ ง แสดง หรือคัดลอก สอนธรรมบรรยายน้ี กุลบุตรหรือกุลธิดาน้ัน จักได้
บุญกุศลแหง่ ตาจกั ษุ 800 ประการ บุญกุศลแห่งหู 1,200 ประการ บญุ กุศลแห่งจมูก 800 ประการ
บุญกุศลแห่งล้ิน 1200 ประการ ด้วยคุณลักษณะมากมายอย่างนี้ บ้านคืออินทรีย์ 6 ของเขา จึง
สะอาดบรสิ ุทธิ์ เขาย่อมมองเห็นโลกธาตุท้ังสาม ซึ่งมีจานวนหลายพัน ด้วยตาเน้ือท่ีเกิดจากมารดา
บิดา ซ่ึงปรากฏโดยอินทรีย์จักษุอันบริสุทธิ์ ท้ังภายในและภายนอก รวมท้ังภูเขาและป่ารกชัน ลึก
ลงไปจนถึงอเวจีมหานรก สงู ขน้ึ ไปจนถึงขอบโลกพิภพทั้งปวง ด้วยตาเนื้อท่ีปรากฏ เขาจะมองเห็น
สัตว์ท้ังหลาย ท่ีเกิดขึ้นในภพนั้น และจะรู้วิบากกรรมของสัตว์เหล่านี้ด้วยยิ่งกว่าน้ัน กุลบุตรหรือ
กุลธิดาผู้น้ัน ผู้กาลังประกาศธรรมบรรยายน้ี และยังสัตว์เหล่าอ่ืนให้ฟังอยู่ เป็นผู้ประกอบด้วยคุณ
จานวน 1,200 ประการเหล่าน้ัน เสียงท่ีแผ่ไปในโลกธาตุท้ังสาม ซ่ึงมีจานวนหลายพันโลกธาตุ
ตั้งแต่อเวจีมหานรก จนถึงสุดขอบโลกพิภพ ท้ังภายในและภายนอก เสียงมนุษย์ เสียงอมนุษย์
เสยี งปัจเจกพทุ ธเจา้ เสียงพระโพธสิ ตั ว์ เสียงพระตถาคต จนกระท่ังเสียงใดๆ ที่แผ่ไปในโลกธาตุท้ัง
สาม ซ่ึงมีจานวนหลายพันโลกธาตุ ทั้งภายในและภายนอก เขาย่อมได้ยินเสียงเหล่าน้ันด้วย โสต
อินทรยี ์ทบี่ ริสุทธ์ติ ามที่ปรากฏนน้ั ยอ่ มเข้าใจ ยอ่ มจาแนกเสยี งของสัตว์ท้ังหลายเหล่านั้น ด้วยสติท่ี
ปรากฏ เขาย่อมได้ยินเสียงสัตว์ต่าง ๆเหล่านั้น แต่เสียงทั้งปวงเหล่าน้ัน ไม่สามารถครอบงาโสต
อินทรีย์ของเขาได้ น่ีคือการได้โสตอินทรีย์ของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์น้ัน ทั้งที่เขายังไม่ได้ทิพยโสต
พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้รักษา ประกาศ ศึกษา และคัดลอกพระสูตรนี้ เป็นจมูกที่บริสุทธิ์
ประกอบด้วยคุณลักษณะ 800 ประการ เพราะจมูกที่บริสุทธ์ินั้น เขาจึงรับรู้กล่ินต่างๆ ในโลกธาตุ
ท้ังสาม ซ่ึงมีจานวนหลายพัน ทั้งภายในและภายนอก เช่นกลิ่นเหม็น กล่ินหอม กลิ่นดอกไม้
ทงั้ หลาย เขาสามารถรับร้กู ลิ่นเหล่านนั้ เขาย่อมรับรกู้ ลิน่ ดอกและกล่ินผลของไม้ดอกและไม้ผลเขา
ผ้ยู ืนอยู่ในท่ีเดยี ว ยอ่ มรับรู้กลน่ิ ท้ังปวง ทแ่ี ยกได้ร้อยพนั กลน่ิ แตกต่างกัน เช่นกล่ินของท้าวสักกะ ผู้
เป็นใหญแ่ หง่ เทพท้ังหลาย เขาย่อมรูว้ า่ ท้าวสักกะนั้นกาลังเล่น กาลังยินดี หรือกาลังเพลิดเพลินอยู่
ในปราสาทไวชยันต์ หรือกาลงั แสดงธรรมแกเ่ ทพท้งั หลายบนสวรรคช์ นั้ ตรัยตรึงศ์ เขาย่อมรับรู้กลิ่น
ของเทวบุตรทั้งหลาย ผู้เป็นกลุ่มของท้าวมหาพรหม โดยปริยายน้ี เขาย่อมรับรู้กล่ินอายของกลุ่ม
เทพทง้ั ปวง เขายอ่ มรับรู้กลน่ิ ของพระสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และพระตถาคต เขา
ย่อมรับรู้แม้กลิ่นที่ประทับของพระตถาคต เขาย่อมรับรู้ว่า พระตถาคต พระอรหันต์ และ

72

พระพทุ ธเจา้ ทงั้ หลาย เมื่อปรารถนาเขายอ่ มสามารถอธิบายกลิน่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นั้น ให้แก่บุคคลอื่นได้
และความจาของเขา จะไมถ่ กู รบกวน

ดูก่อนสตตสมิตาภยิ ุกตะ กุลบตุ รหรือกุลธิดานัน้ ผู้รกั ษา ประกาศ คัดลอกซึง่ ธรรมบรรยายนี้
ยอ่ มได้ล้ินที่ประกอบด้วยคุณลักษณะ 1,200 ประการเหล่านนั้น เขาย่อมล้ิมรสเหล่าใดด้วยล้ินที่มี
ลักษณะอย่างน้ัน เขาวางรสเหล่าใดลงท่ีลิ้นรสเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมให้รสประเสริฐอันเป็นทิพย์
เขาจะไมล่ ้มิ รสอันไม่เปน็ ทพี่ อใจโดยประการใด เพราะรสอันไม่เป็นที่พอใจเหล่านั้นท่ีเขาวางลงบน
ล้ิน ย่อมให้รสอันเป็นทิพย์ เขาไปเผยแพร่ธรรมใดในท่ามกลางสรรพสัตว์ทั้งหลาย จักเป็นผู้มี
อินทรีย์เอิบอิ่ม มีความปีติ ยินดีปราโมทย์เป็นอย่างยิ่ง กับการแสดงธรรมของเขาสาเนียงของเขา
น้ัน นุ่มนวล ลึกซึ้ง ไพเราะจับใจ น่ายินดี จักแผ่ซ่านเข้าสู่จิตใจ (ของผู้ฟัง) สัตว์ทั้งหลายผู้ยินดี
ดว้ ยธรรมของเขา จักมีจิตใจท่ีสูงข้ึน เขาแสดงธรรมแก่ชนเหล่าใด ชนเหล่านั้นและเทวดาท้ังหลาย
เมอ่ื ไดฟ้ ังเสยี งอนั ไพเราะ นนุ่ นวลจบั ใจของเขาแลว้ ย่อมคิดถงึ เขาว่า เป็นผู้ท่ีตนควรเข้าหา เพื่อชื่น
ชม ไหว้ เข้าไปน่ังใกล้ และเพื่อฟังธรรม แม้เทวบุตร ก็คิดถึงเขาว่า แม้ท้าวสักกะ แม้พระพรหม
และเทวบุตรพรหมกายิกา แม้นาค และนาคกัญญา แม้อสูรและอสูรกัญญา แม้ครุฑและครุฑ
กัญญา แม้กินนร กินนรกัญญา มโหรคะ มโหรคกัญญา ยักษ์ ยักษกัญญา ปีศาจ ปีศาจกัญญา ก็
คดิ ถึงเขาว่า เป็นผทู้ ่ีตนควรเขา้ หา เพอ่ื ช่ืนชม ไหว้ เข้าไปนั่งใกล้ และเพื่อฟังธรรม ชนเหล่าน้ัน จัก
ทาสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ยกยอ่ ง นอบนอ้ ม แกเ่ ขา แมภ้ กิ ษุ ภกิ ษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ก็
ปรารถนาจะพบเขาแม้พระราชา พระราชบุตร ราชอามาตย์ ราชมหาอามาตย์ ก็ปรารถนาจะพบ
เขา แม้พระราชา ผู้เป็นจอมทพั

แม้พระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ประกอบด้วยรัตนะ 7 พร้อมด้วยพระกุมาร อามาตย์ และบริวาร
ภายในราชสานัก ต่างก็ปรารถนาจะพบเขา เพื่อทาสักการะ เขาผู้กล่าวธรรมอันไพเราะนั้น จัก
กล่าวธรรมตามความเป็นจริง ตามที่พระตถาคตตรัสไว้แล้ว แม้บุคคลอื่นๆ คือ พราหมณ์ คฤหบดี
ชาวนคิ มและชาวชนบท จักผูกพันกับคาสอนท่ีมีเหตุผลของผู้กล่าวธรรมนั้น จนกระทั่งสิ้นชีวิต แม้
พระสาวกของพระตถาคต ก็ปรารถนาจะพบเขา แม้พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ปรารถนาจะพบเขา แม้
พระพทุ ธเจ้าก็ปรารถนาจะพบเขา กุลบุตรหรือกุลธิดานั้น อาศัยอยู่ในทิศใดก็ตาม เขาจักแสดงต่อ
พระพักตร์ของพระตถาคตในทิศนั้น เขาจึงเหมาะสมกับพุทธธรรม เสียงแห่งธรรม อันไพเราะ จับ
ใจ และลกึ ซงึ้ ของเขาจงึ แพรไ่ ปดว้ ยประการฉะนี้ นอกจากนั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้รักษา ท่อง
ประกาศ แสดง หรือคัดลอก ธรรมบรรยายนี้ ย่อมได้รับร่างกายท่ีประกอบด้วยคุณลักษณะ 800
ประการ กายของเขาบริสุทธิ์ผ่องใส มีผิวพรรณผ่องใสดุจแก้วไพฑูรย์ เป็นที่รักและน่าทัศนาของ
สัตว์ท้ังหลาย ในกายบริสุทธิ์น้ัน เขาสามารถมองเห็นโลกธาตุท้ังปวง ท่ีมีจานวนหลายพันนั้นได้

73

สตั วเ์ หลา่ ใดในโลกธาตุทั้งหลายน้ัน ทั้งท่ีดับไปแล้วและเกิดข้ึน ท้ังเลวและประณีต ท้ังท่ีมีวรรณะดี
และมีวรรณะไม่ดี ทั้งที่อยู่ในสุคติและทุคติ ทั้งท่ีอยู่ในจักรวาล และมหาจักรวาล ทั้งที่อยู่บนภูเขา
หลวงเมรุและสุเมรุ และสัตว์ทั้งหลายท่ีอยู่ต่าสุดภายใต้นรกอเวจี จนถึงสูงสุดขอบโลกพิภพ เขา
ย่อมเห็นสัตว์เหล่าน้ันท้ังหมด ในกายของตน พระสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และ
พระตถาคต ที่อยู่ในหลายพันโลกธาตุ พระตถาคตเหล่านั้น ย่อมแสดงธรรมใดสัตว์ท้ังหลาย ย่อม
เขา้ ไปนั่งใกล้พระตถาคตเหล่านั้น เป็นเพราะกายของเขามคี วามบริสุทธิอ์ ย่างยิง่

เม่ือพระตถาคตปรินิพพานแล้ว พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ผู้รักษา แสดง ประกาศ คัดลอก อ่าน
ธรรมบรรยายน้ี ย่อมมีใจบริสุทธิ์ ที่ประกอบด้วยคุณแห่งมนสิการ 1200 ประการเหล่านั้น ด้วยใจ
อนั บรสิ ทุ ธนิ์ นั้ แมเ้ ขาได้ฟงั เพียงคาถาเดียว เขากย็ อ่ มเขา้ ใจความหมายท้ังปวงของธรรมน้ัน เขาเม่ือ
เข้าใจคาถานั้นแล้วย่อมแสดงธรรมอันประถมเหตุน้ัน ตลอดหน่ึงเดือนบ้าง จักแสดงธรรมตลอดส่ี
เดือนบ้าง หน่ึงปีบ้าง เมื่อเขาแสดงธรรมใดๆธรรมน้ันย่อมไม่ถึงการเลือนหายไป จากความทรงจา
ของระเบียบสังคมของชาวโลก จะเป็นภาษิตคือมนตราก็ดีเขาย่อมยังระเบียบเหล่านั้นทั้งหมด
แสดงออกด้วยกฎแห่งธรรม สัตว์ที่อุบัติขึ้น ย่อมวนเวียนอยู่ในคติทั้งหก ในโลกธาตุทั้งสามซ่ึงมี
จานวนหลายพนั เขาย่อมรู้ความคิด ความประพฤติ และความเคลื่อนไหวของสัตว์ท้ังปวงเหล่าน้ัน
เขาย่อมรู้ ย่อมทราบ สิ่งท่สี ัตวท์ ้ังหลาย บูชา คิด และต้องการ แม้ว่า เขายังไม่ได้ฌานอันประเสริฐ
แต่ใจของเขาบริสุทธิ์ถึงปานนี้ เขาได้พิจารณาถึงภาษาแห่งธรรมแล้วจึงจะแสดงธรรม เขาจึงแสดง
ธรรมทั้งปวง ตามความเป็นจริง เขาย่อมกล่าวถึงธรรมท้ังปวงน้ันท่ีพระตถาคตตรัสแล้วท้ังหมด ซ่ึง
ปรากฏอยู่ท่ัวไป ในพระสูตรของพระชินเจ้าองค์ก่อน ธรรมภาณกะว่าด้วยอานิสงส์ของผู้กล่าว
ธรรม ในธรรมบรรยาย “พระสัทธรรมปณุ ฑรกี สตู ร” อันประเสรฐิ มีเพียงเทา่ น้ี
***********
บทท่ี 19 ธรรมะกศุ ลของธรรมมำจำรย์

"ถ้าผู้ใด ในท่ามกลางมหาสันนิบาต ด้วยจิตอันไม่คิดเกรงกลัว ทาการสอนธรรมปุณฑริก
สูตร นี้แล้วจงต้ังใจฟังถึงกุศลผลบุญของเขา คนผู้น้ันจะได้รับบุญกุศลแห่งตาอันดีกว่าธรรมดา
๘๐๐ ประการ เพราะเหตุแห่งบุญท่ีเขาได้รับเหล่าน้ี ตาของเขาจะผุดผ่องสดใสอยู่เสมอ ด้วยตาท่ี
เขาได้รับมาจากบิดามารดา เขาจะได้เห็นมาหาตรีสหัสโลกธาตุท้ังหมด ท้ังภายในและภายนอก
เขาพระสุเมร และบรวิ ารภเู ขาอื่นๆ และป่า มหาสมทุ ร แมน่ า้ และลาธารน้อยใหญ่ เบื้องต่าถึงมหา
นรกอเวจี เบ้ืองบนถึงพรหมโลกชั้นอกนิฏฐพรหม สรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ันทั้งหมด เขาสามารถ
เหน็ ไดห้ มด ถงึ แมว้ า่ เขายงั จะไมม่ ตี าทิพย์ มังสจกั ขุของเขาก็ยงั มีอานภุ าพถึงเพยี งน"้ี

74

บทท่ี 20 ธรรมะพระสทำปริภตู โพธิสตั ว์
“ในสมยั ปจั ฉิมธรรม เปน็ เรือ่ งของหลักการท่ีวา่ พวกเราควรจะสอนอักษร 5 ตัวแห่งชื่อของ

สัทธรรมปณุ ฑรกิ สูตรทน่ี า่ ยกย่องอย่างแน่วแน่ ไม่ว่ามันเหมาะกับความสามารถของมนุษย์ปุถุชนท่ี
มีอวิชชาหรือไม่ เนื่องจากในอดีต เม่ือพระศากยมุนีพุทธะถูกเรียกว่าพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ (ฟุ
เคียว) เขาเผยแผ่สัทธรรมปุณฑริกสูตร แม้กระนั้น ชายและหญิง ภิกษุและภิกษุณีไม่นับถือ
สัทธรรมปุณฑริกสูตร พระสทาปริภูตโพธิสัตว์ถูกพูดให้ร้ายและถูกสาปแช่ง หรือถูกตีและถูก
เนรเทศออกนอกประเทศ การตกเป็นเป้าของการบีฑาธรรมมากมาย ผู้คนเกลียดชังและมีความ
โกรธแค้นเขา แม้กระนั้น เขายัง คงไม่สะทกสะท้าน เขาสอนสัทธรรมปุณฑริกสูตรแก่ผู้คนอย่าง
แขง็ ขนั พฤตกิ รรมเชน่ นท้ี าใหเ้ ขาเป็นพระศากยมนุ พี ุทธะ” (ชนิ เพ็น หนา้ 1315)
ในตอนต้นของข้อความจากบทธรรมนิพนธ์นี้ พระนิชิเร็นไดโชนินสอน: “ในสมัยปัจฉิมธรรม เป็น
เร่ืองของหลักการทว่ี า่ พวกเราควรจะสอนอกั ษร 5 ตวั แห่งช่ือของสัทธรรมปุณฑริกสูตรที่น่ายกย่อง
อย่างแน่วแน่ ไม่ว่ามันเหมาะกับความสามารถของมนุษย์ปุถุชนที่มีอวิชชาหรือไม่” ในสมัยปัจฉิม
ธรรม มี “มนุษย์ปุถุชนท่ีมีอวิชชา” มากมาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ท่ีไม่มีความรู้เรื่องศาสนาพุทธ
ดังน้ัน ไม่คานึงถึงความสามารถของผู้คน-ความสามารถที่นาออกมาใช้ได้ของพวกเขาในการยอม
รับคาสอนศาสนาพุทธ-“พวกเราควรจะสอนอักษร 5 ตัวของสัทธรรมปุณฑริกสูตรอย่างแน่วแน่”
หมายความว่าพวกเราต้องสอนอักษร 5 ตวั แหง่ เมยี วโฮ-เรง็ เง-เคียวแก่พวกเขาอย่างแข็งขันและนา
พวกเขามานับถอื คาสอนนี้
ดังน้นั พระนิชเิ ร็น ไดโชนินสอนในบทธรรมนพิ นธ์ “การเลือกเวลา” ดงั ต่อไปน้ี:
“ถ้าท่านเช่ือว่าท่านควรจะสอนศาสนาพุทธน้ีตามความสามารถของผู้คน นี่คือความเห็นผิดใหญ่
หลวง” (ชินเพน็ หนา้ 846)
พระนิชิเร็น ไดโชนินอธิบายว่าเม่ือพวกเราสอนธรรมะแก่ผู้คนในสมัยปัจฉิมธรรมะ พวกเราไม่ต้อง
คานึงถึงความสามารถของผู้คน พวกเรากลับต้องสอนพวกเขาอย่างแข็งขันและพวกเราต้องทาให้
พวกเขาฟงั เมยี วโฮ-เร็งเง-เคียว เนอ่ื งจากผคู้ นในสมยั ปัจฉมิ ธรรมคอื ผทู้ ไี่ ม่มเี มล็ดพุทธภาวะ
ตอ่ มา ในบทธรรมนิพนธ์ฉบับน้ี พระนชิ ิเรน็ ไดโชนินสอน:
“เนื่องจากในอดีต เมื่อพระศากยมุนีพุทธะถูกเรียกว่าพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ (ฟุเคียว) เขาเผยแผ่
สัทธรรมปุณฑริกสูตร แม้กระนั้น ชายและหญิง ภิกษุและภิกษุณีไม่นับถือสัทธรรมปุณฑริกสูตร
พระสทาปริภูตโพธิสัตว์ถูกพูดให้ร้ายและถูกสาปแช่ง หรือถูกตีและถูกเนรเทศออกนอกประเทศ
การตกเปน็ เปา้ ของการบีฑาธรรมมากมาย ผู้คนเกลียดชังและมีความโกรธแค้นเขา แม้กระน้ัน เขา

75

ยังคงไมส่ ะทกสะท้าน เขาสอนสทั ธรรมปุณฑริกสูตรแกผ่ คู้ นอยา่ งแข็งขัน พฤติกรรมเช่นนี้ทาให้เขา
เปน็ พระศากยมุนพี ทุ ธะ” (ชนิ เพน็ หน้า 1315)
ในย่อหน้าข้างต้น พระนิชิเร็น ไดโชนินกล่าวว่าพวกเราควรจะสอนอักษร 5 ตัว เมียวโฮ-เร็งเง-
เคยี ว แห่งสทั ธรรมปณุ ฑรกิ สตู รอย่างแน่วแน่ ไม่ว่าจะเหมาะกับความสามารถของมนุษย์ปุถุชนที่มี
อวิชชาหรอื ไม่ ทา่ นอ้างพระสทาปริภูตโพธสิ ัตวเ์ ปน็ ตวั อยา่ งทแ่ี จ่มชดั
บท “พระสทาปริภตู โพธิสตั ว์” ของสทั ธรรมปณุ ฑริกสตู รกล่าวดงั ตอ่ ไปนี้:
“ณ เวลานนั้ เมือ่ พุทธบริษัท 4 ภิกษุ ภกิ ษณุ ี อุบาสกและอุบาสิกา ที่ทะนงตัวอย่างยกตนข่มท่านท่ี
มองภิกษุรูปน้ีด้วยการดูถูกและมอบนามแก่เขาว่า “สทาปริภูต” (ไม่เคยดูถูก) เมื่อพวกเขาเห็นว่า
ภิกษุรูปน้ีได้มาซ่ึงพลังอิทธิฤทธ์ิ พลังในการเทศนาอย่างน่าพอใจและอย่างคล่องแคล่ว พลังแห่ง
ความดีย่ิงใหญ่และความสงบ และเมื่อพวกเขาได้ฟังการเทศนาของเขา พวกเขาทุกคนศรัทธาเขา
และเต็มใจเป็นผู้ติดตามเขา” พระสทาปริภูตโพธิสัตว์ปรากฏตัวในสมัยรูปธรรม หลังจากการดับ
ขันธ์ของพระภีษมครรชติ สวรราชพุทธะ(อิอนโนะ-บุตสึ) เขายืนยันว่ามวลมนุษย์มีธรรมชาติพุทธะ
และเขาคานับทกุ คนท่เี ขาพบทั้งผ้ทู ่ีอยู่ใกล้และผู้ทอี่ ยไู่ กล ทอ่ งคาแหง่ การสรรเสรญิ ดงั ตอ่ ไปน:ี้
“อาตมามีความเคารพท่านสุดซ้ึง อาตมาไม่กล้าปฏิบัติต่อท่านด้วยการดูหม่ินหรือความทะนงตัว
ทาไมล่ะ? เนอ่ื งจากทุกทา่ นกาลงั ปฏบิ ัตวิ ิถีทางโพธิสตั ว์และบรรลุพทุ ธภาวะแนน่ อน”
(โฮเคเคยี ว หน้า 500; สทั ธรรมปณุ ฑริกสตู รแปลโดยนายวัตสัน หนา้ 266-267)
อย่างไรก็ตาม พุทธบริษัท 4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ที่ทะนงตัวอย่างย่ิงดูถูกพระสทา
ปรภิ ตู โพธสิ ตั วแ์ ละมีความโกรธแค้นเขา
“ภิกษุที่มีอวิชชา เขามาจากท่ีไหน? ถือวิสาสะประกาศว่าเขาไม่ดูหมิ่นพวกเราและมอบคา
พยากรณ์แก่พวกเราว่าพวกเราจะบรรลุพุทธภาวะ พวกเราไม่ต้องการคาพยากรณ์ท่ีไร้ประโยชน์
และไม่รับผดิ ชอบเชน่ น้ัน!”
พวกเขารังเกยี จพระสทาปรภิ ูตโพธิสตั ว์อยา่ งนา่ ขยะแขยง และสาปแช่งและพูดให้ร้ายเขาอย่างไรก็
ตาม พระสทาปริภูตโพธสิ ตั วไ์ ม่ทะนงตวั เลยแตเ่ ขากลบั สรรเสรญิ พวกเขาและบากบ่ันในการปฏิบัติ
แหง่ การคานับ กลา่ วคาดังต่อไปน:้ี
“ท่านบรรลพุ ุทธภาวะแนน่ อน!”
พุทธบริษัท 4 ที่ทะนงตัวอย่างย่ิงบีฑาธรรมพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ ทาร้ายเขาด้วยไม้พลอง ก่ิงไม้
หิน และกระเบือ้ ง ทั้งๆที่เป็นเช่นน้ี พระสทาปริภูตโพธิสัตว์ถอยไปไกล และปฏิบัติการคานับอย่าง
พากเพยี รตอ่ เนอ่ื ง กล่าวคาแห่งการสรรเสรญิ เหลา่ น้ีด้วยเสยี งดงั :
“อาตมาไม่กล้าดถู ูกท่าน เนอ่ื งจากทกุ ทา่ นจะบรรลุพทุ ธภาวะแน่นอน!” (อา้ งแลว้ หน้า 501)

76

เม่ือใกลบ้ นั้ ปลายชวี ิตของพระสทาปรภิ ูตโพธิสัตว์ ท่ีปฏิบัติการคานับผู้คนอย่างแน่วแน่ต่อเนื่อง ใน
ท่ีสุด เขาสามารถได้ยินสัทธรรมปุณฑริกสูตร ซ่ึงเทศนาโดยพระภีษมครรชิตสวรราชพุทธะกลาง
อากาศ และนับถือคาสอนอย่างบริบูรณ์ ดังน้ัน เขาได้รับกุศลผลบุญแห่งการชาระอายตนะ 6 ให้
บริสุทธ์ิ ยิ่งกว่านั้น เขายืดอายุขัยไปอีก 200, 10,000, 100 ล้านนยุตปี และตลอดระยะเวลานั้น
เขาเทศนาสัทธรรมปณุ ฑรกิ สูตรแก่ผคู้ นอยา่ งกวา้ งขวาง
ผลท่เี กิดขึน้ พทุ ธบริษทั 4 ท่ีทะนงตัวอย่างยงิ่ ที่ครั้งหน่ึงบีฑาธรรมพระสทาปริภูตโพธิสัตว์โดยการ
พูดให้ร้ายและสาปแช่งเขา และทาร้ายเขาด้วยไม้พลองและก่ิงไม้ หรือหินและกระเบื้อง ดูถูกเขา
และต้ังชื่อให้เขาว่า “สทาปริภูต” พุทธบริษัท 4 ทุกคนเต็มใจเป็นผู้ติดตามเขา และเมื่อได้ฟังการ
เทศนาของพระสทาปรภิ ตู โพธสิ ัตว์ พวกเขาศรทั ธาต่อพระสทาปริภูตโพธิสัตว์หลังจากเห็นว่าพระส
ทาปริภูตโพธสิ ตั วไ์ ดม้ าซ่ึงพลงั อิทธฤิ ทธิ์ พลังในการเทศนาอยา่ งน่าพอใจและอย่างคล่องแคล่ว พลัง
แหง่ ความดยี งิ่ ใหญ่และความสงบ
พลังอิทธิฤทธิ์ หมายความว่า คนๆหนึ่งแสดงพลังเหนือธรรมชาติ พลังในการเทศนาอย่างน่าพอใจ
และอย่างคล่องแคล่ว หมายความว่า คนๆหน่ึงมีพลังเพ่ือเทศนา ทาให้ตนเป็นอิสระจากอุปสรรค
ทั้งปวง พลังแห่งความดีย่ิงใหญ่และความสงบ หมายความว่า คนๆหน่ึงสามารถสารวมใจและ
สังเกตความจริง กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนๆหน่ึงสงบทั้งกายและใจ และบรรลุสภาพจิตใจท่ีสงบและ
สบายใจ
คนทะนงตัวอย่างยิ่งท่ีบีฑาธรรมพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ในที่สุด ไม่มีทางเลือกอ่ืนนอกจากปฏิบัติ
ตามเขา พวกเขาศรัทธาหลังจากได้เห็นพลังของพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ ซ่ึงเป็นพลังอิทธิฤทธ์ิ พลัง
ในการเทศนาอย่างน่าพอใจและอย่างคล่องแคลว่ พลังแห่งความดียงิ่ ใหญแ่ ละความสงบ
อาตมาคิดว่าเม่ือทาชะคุบุขุ คนๆหน่ึงจาเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือ ถ้าพวกเราได้รับพลังอิทธิ ฤทธิ์
พลังในการเทศนาอย่างน่าพอใจและอย่างคล่องแคล่ว พลังแห่งความดีย่ิงใหญ่และความสงบ
เหมือนพระสทาปริภูตโพธสิ ตั ว์ พวกเราสามารถมพี ลงั ชักชวนในทุกด้านแห่งพฤติกรรมของพวกเรา
ใน 3 ทางของการกระทา ความคิด คาพูด และการกระทาอย่างเป็นธรรมชาติ พลังนี้จะช่วยพวก
เราในการปฏบิ ตั ิชะคุบขุ ุ ถ้าความคิด คาพูด และการกระทาของพวกเราไม่น่าเช่ือถือ จะชะคุบุขุไม่
สาเร็จ
เมอื่ พวกเราอุทิศตัวพวกเราเองตอ่ การปฏิบัติเพื่อตัวเองและผอู้ ืน่ บนพน้ื ฐานความศรัทธาที่สมบูรณ์
ต่อได-โกฮนซน พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงพวกเราเอง เนื่องมาจากกุศลผลบุญมากมายของ
เมียวโฮ-เร็งเง-เคียว เมื่อเป็นอย่างนั้น เม่ือผู้ที่ถูกชะคุบุขุเห็นพวกเรา ก็จะเปล่ียนแปลงด้วย ซึ่งจะ
นาพวกเราไปสูค่ วามสาเร็จของการชะคุบขุ ุ

77

ทุกวันน้ี ขณะท่ีพวกเราตั้งตารอคอยการต้อนรับศุภวาระในปี ค.ศ. 2021 สมาชิกในแต่ละเขตของ
วัดในนิชิเร็น โชชูทุกวัดกาลังอุทิศตัวพวกเขาเองเพื่อทาชะคุบุขุ บนพ้ืนฐานความเป็นน้าหน่ึงใจ
เดียวระหว่างพระสงฆ์กับฆราวาส ด้วยจิตใจต่างกายใจเดียว ณ เวลานี้ สิ่งจาเป็นคือพวกเราทุกคน
เพ่ิมและพัฒนาความศรัทธาของพวกเราและชะคุบุขุผู้คนมากมายเท่าท่ีเป็นไปได้ โดยปฏิบัติตาม
ตวั อยา่ งของพระสทาปริภตู โพธิสัตว์ ขอให้พวกเรายืนหยัดความพยายามของพวกเราในการปฏิบัติ
ของพวกเราอย่างขยนั , มงุ่ สูก่ ารบรรลุเป้าหมายของพวกเรา
ในข้อความจากบทธรรมนพิ นธก์ ่อนหน้าน้ี พระนิชิเรน็ ไดโชนินกล่าว:
“ในสมัยปจั ฉิมธรรม นเ่ี ปน็ เรื่องหลักท่ีพวกเราควรจะสอนอักษร 5 ตัวแห่งชื่อของสัทธรรมปุณฑริก
สูตรท่ีน่ายกย่อง อย่างแน่วแน่ ไม่ว่ามันเหมาะกับความสามารถของมนุษย์ปุถุชนที่มีอวิชชา
หรือไม”่ (ชนิ เพน็ หน้า 1315)
จงสลักข้อความจากบทธรรมนิพนธ์นี้ลงในหัวใจของพวกเรา อาตมาปรารถนาอย่างจริงใจว่าพวก
เราจะอุทิศตนเองต่อการปฏิบัติเพ่ือตัวเองและผู้อื่นต่อไป บนพื้นฐานความเป็นน้าหน่ึงใจเดียวใน
แต่ละเขต หลังจากนั้น ด้วยความพยายามน้ี พวกเราจะบรรลุเป้าหมายชะคุบุขุของปีนี้แน่นอนใน
ขณะทไ่ี ด-โกฮนซนจะยกยอ่ งพวกเรา
***********
บทที่ 21 ธรรมะอทิ ธฤิ ทธข์ิ องพระตถำคต

กาลคร้ังน้ัน โพธิสัตว์มหาสัตว์ต่างๆอันผุดมาจากโลก ได้พากันขอทาการรับรักษา สวด
อ่าน สอนพระสัทธรรมปุณฑรกิ สูตรดว้ ย"
ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้านะเบ้ืองหน้าของพระโพธิสัตว์มัญชุศรีและเบ้ืองหน้ามาหาสันนิบาต
ท้ังหลายได้ทรงสาแดงฤทธ์ิยาพ่ีนี่หารของพระองค์ด้วยการแลบลิ้นพระชิวหาอันกว้างและยาวพุ่ง
ข้ึนไปจนจรดผมลูกทุกๆคุ้มพระโลมา เปงแสงสีต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนยังทุกสิ่งทุกอย่างในทุก
แห่งหนในทุกทิศานุทิศท่ัวสากลจักรวาลให้สว่างไสวและพระพุทธพระทุกองที่สนิทมากก็ได้ทาการ
กระทาดงั นั้นด้วยเวลาทีท่ รงกระทา
"พวกในมหาสันนิบาตไดม้ ีความยินดี ดีใจใหญห่ ลวงทไี่ ดเ้ ห็นส่ิงอนั ไมเ่ คยเห็นมาแตก่ อ่ นท่านใดนั้นมี
เพลงสวรรคร์ อ้ งมาเปน็ ใจความว่าพระพุทธะได้สอนพระสัทธรรมบุญฑลิกกสูตรให้พวก พวกเราจง
ปฏิบัติตามคาสอนของด้วยความยินดีด้วยความศรัทธาจึงเคารพสักการะพระศากยมุนีพุทธะเธอ
พระพทุ ธะท้ังหลายพระผู้ช่วยลูกดารงอยู่ในความรู้แจ้งแทงตลอดอันวิเศษย่ิงเพ่ือยังความชุมช่ืนใจ
ให้แก่สรรพสัตวเ์ ปดิ เผย List อย่าอภินิหารอันไมส่ นิ้ สดุ ของพระองค์

78

ด้วยความหมายของธรรมทง้ั หลายด้วยคาพูดและการแสดงของเขาจะทาการประกาศสอนไม่จบส้ิน
ด้วยความยินดีมันล่มในท้องฟ้าอันไม่เคยมีสิ่งใดกีดกันขัดขวางเลยภายหลังตถาคตเข้าสู่นิพพาน
แล้วผู้รู้พระสูตรน้ีตามท่ีพระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วประกอบด้วยเหตุด้วยผลและกรรมวิธีจะประกาศ
สอนพระสตู รนตี้ ามความหมายทีแ่ ท้จริง เอ่าประมาดังแสงแห่งพระอาทิตย์และพระจันทร์สามารถ
ขบั ไลค่ วามมืดใหห้ มดสนิ้ ไปคนผูน้ ีเ้ ช่นกนั ทางานในรูปสามารถขับไล่ความมืดมัวของสัตว์และทาให้
พระ โพธิสัตว์มากมายเหลือคณานับดารงอยู่ในอีกพยานได้ในที่สุดเพราะฉะน้ันบุคคลผู้มีปัญญา
เมื่อได้ฟังคุณูปการของบุญกุศลน้ีหลังจากเราดับคันปรินิพพานแล้วควรจะรับและรักษาพระสูตรนี้
คนผู้นี้จะมีความคงทแ่ี ละไมม่ คี วามสงสัยในพทุ ธมรรค"
ปรจิ เฉทท่ี 21หน้า 147
ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแก่พระวิศิษฎ์จาริตรโพธิสัตว์ และหมู่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายว่า
ธรรมทั้งหมดของตถาคต อานาจ สูงสุด ฤทธยาภินิหาร ความล้ีลับทั้งปวง สาระสมบัติของตถาคต
ภาวะอันลกึ ซงึ้ ยง่ิ ของตถาคต ท้ังหมดได้ถูกประกาศ แสดง เปดิ เผย และสอนไว้หมดสิ้นแล้วในพระ
สัทธรรมปุณฑรกิ สูตรน้ี ฉะนน้ั เธอทั้งหลาย ภายหลังการดับขันธปรินิพพานของตถาคต จงทาการ
รบั รกั ษา อา่ น สวด สอน ซึ่งพระสูตรน้ี ณ ที่ใดท่ีพระสูตรเล่มนี้ถูก รักษาไว้ พึงเข้าใจเถิดว่า ท่ีนั่น
เปน็ บัลลงั ก์แห่งโพธิ เปน็ ท่ีบรรจุอนุตรสมั มาสัมโพธิของพุทธะท้ังหลาย เป็นท่ีที่พระพุทธะท้ังหลาย
หมนุ ธรรมจักร เป็นที่ทพ่ี ุทธะทัง้ หลายเข้าสูป่ รินิพพาน เธอจะต้องก่อเจดีย์และทาการสักการะบูชา
และไดท้ รงกล่าวสอนซา้ เปน็ พระคาถาวา่
"พระพุทธะท้ังหลาย พระผู้ช่วยโลก ดารงอยู่ในความรู้แจ้งแทงตลอดอันวิเศษย่ิง เพ่ือยังความชุ่ม
ช่นื ใจให้แกส่ รรพสัตว์ เปิดเผยฤทธยาภินิหารอันไม่ส้ินสุดของพระองค์ พระชิวหาของพระองค์ยืด
ยาวถึงพรหมโลก พระกายของพระองค์เปล่งรังสีนับไม่ถ้วนเพื่อเหล่าผู้ที่แสวงหาพุทธมรรค
พระองค์ได้แสดงปรากฎการณอ์ นั หาได้ยากน้ี เสยี งกระแอมของพระพุทธะทัง้ หลายและเสียงดีดนิ้ว
ของพระองค์ ดงั กกึ ก้องไดย้ นิ ไปทั่วสากลจักรวาล"
***********
บทที่ 22 ธรรมะกำรอบรม
"กาลครง้ั นัน้ พระศากยมนุ พี ทุ ธะได้เสด็จลุกขึ้นจากธรรมาสน์สาแดงพุทธาภินิหารอันวิเศษ ได้เอา
พระหัตถ์ขวาวางบนศรีษะของเหล่าพระโพธิสัตว์มาหาสัตว์สุดคณานับแล้วได้ตรัสดังนี้ว่า: "เรา
ตลอดเวลาหลาย ร้อยหลายพันหลายหมื่นหลายโกฏิหลายนยุตกัปอันนับไม่ถ้วน ได้ปฏิบัติอนุตร
สัมมาสัมโพธิธรรมอันหาได้ยากน้ีมาแล้ว บัดนี้เราขอมอบธรรมน้ีให้แก่พวกเธอ ขอให้พวกเธอทา
การประกาศเผยแพร่ธรรมบรรยายนี้อยา่ งสดุ หัวใจ และทาใหเ้ จริญรงุ่ เรอื งกวา้ งไกลไพศาล"

79

"พระพุทธองค์ทรงกระทาในลักษณะเดียวกันสามครั้งโดยการวางพระหัตถ์บนศีรษะของพระ
โพธิสัตว์มาหาสัตว์และได้ตรัสดังน้ีว่าเราตลอดเวลาหลายร้อยหลาย พันหลายหม่ืนหลายโกฏิ
หลายนยุตกัปอันนับไม่ถ้วน, ได้ปฏิบัติอนุตรสัมมาสัมโพธิธรรมอันหาได้ยากนี้มาแล้ว บัดน้ีเราขอ
มอบธรรมนี้ให้แก่พวกเธอ ขอให้พวกเธอจงทาการรับและรักษา อ่านและสวด และประกาศธรรม
บรรยายน้ใี หก้ ว้างขวาง เพ่อื ให้สรรพสัตว์จะไดฟ้ ังและไดร้ ู้ธรรมนี้อยา่ งทัว่ ถึงเพราะเหตใุ ดเลา่ ? "
"พระตถาคตทรงมคี วามเมตตาและกรณุ าอย่างที่สดุ ไม่มีความมจั ฉริยะตระหน่ี และสามารถให้พุทธ
ญาณ ตถาคตญาณ และสยุมภูวญาณแก่สรรพสัตว์ไม่มีความกลัวใดๆเลย พระตถาคตเป็นเจ้าผู้
ย่ิงใหญ่แห่งการให้แก่สรรพสัตว์ พวกเธอเช่นกันจงปฏิบัติตามและศึกษาตัวอย่างของตถาคต อย่า
เป็นคนท่ีมีความมัจฉริยะตระหนี่ ถ้ากุลบุตรและกุลธิดาในสมัยข้างหน้าเชื่อในปัญญาของตถาคต
พวกเธอจงประกาศธรรมปุณฑรกิ สตู รนแี้ กพ่ วกเขา"
***********
บทท่ี 23 ธรรมะพระไภษัชยรำชโพธสิ ตั ว์
"ประเสริฐ! ประเสริฐ! กุลบุตร! เธอสามารถทาการรับและรักษา อ่านและสวด และคิดพิจารณา
พระสูตรน้ีในธรรมของพระศากยมุนีพุทธะ และทาการประกาศสอนแก่ผู้อ่ืนด้วย บุญกุศลที่เธอ
ได้รับมี มากมายไม่สิ้นสุดและไม่มีขอบเขตจากัด ไฟไม่อาจเผาไหม้ได้ น้าไม่อาจทาลายไปได้ บุญ
กุศลของเธอเกนิ กาลงั ของพระพุทธะทง้ั พนั จะพรรณนาให้หมดส้นิ ได้
บัดน้ี เธอสามารถทาลายหมู่มารเสียได้ทาลายอานาจแห่งสังสารวัฏ และบดขย้ีทาลายข้าศึกเหล่า
อื่นเสียได้ กุลบุตร! พระพุทธะหลายร้อยหลาย พัน ด้วยฤทธยาภินิหารของพระองค์ ร่วมกันรักษา
และคุ้มครองเธอ ในหมู่เทวดา และมนุษย์แห่งโลกทั้งหลายไม่มีใครเท่าเทียมเธอได้นอกจาก พระ
ตถาคตเจ้าปัญญาและฌานของพวกสาวก พระปัจเจกพุทธะ หรือแม้พระโพธิสัตว์ไม่เท่าเทียมเธอ
ได้" "นักษัตรฏราชสังกุสุมิตตาภิญญา! น้ันคืออนุภาพแห่งบุญกุศล และปัญญาท่ีพระโพธิสัตว์องนี้
ได้รบั "
"ฉบบั ชมรมจิตสู่จติ ปรจิ เฉทท่ี 23 หนา้ ท่ี 164"
"ถ้ามีบุคคลใด ผู้ได้ฟังพระสูตรบทนี้อันว่าด้วยบุพกรรมของพระโพธิสัตว์ไภษัชยราช สามารถรับ
ฟังและปรบมือด้วยความชื่นชมยินดี บุคคลผู้นั้นตลอดชีวิตปัจจุบันของเขาจะมีลมหายใจเหมือน
ดอกอุบล และจากรูขุมขนท่ัวร่างกายของเขาจะละเหยกล่ินหอมของจันทร์ศีรษะโค และบุญกุศล
ของเขาจะเป็นอย่างทไี่ ด้กลา่ วแล้วขา้ งต้น เพราะฉะน้นั "
"นักษัตรราชสังกุสุมิตาภิญญาเราขอมอบพระสูตรบทนี้ท่ีว่าด้วยบุพกรรมของพระโพธิสัตว์ไภษัชย
ราชให้แก่เธอ ในสมัย ๕๐๐ ปีสุดท้าย ภายหลังการดับขันปรินิพพานของเรา จงประกาศและเผย

80

แผ่ให้แพร่หลายไปท่ัวชมพูทวีปหาไม่แล้วมันจะหายสาบสูญไป และพญามาร เสนามาร เทวดา
นาค ยักษ์ กุมภัณฑ์ และเหล่าอื่นจะฉวยโอกาสเอาไป นักษัตรฏราชสังกุสุมิตาภิญญา! จงรักษา
และ คมุ้ ครองพระสูตรนด้ี ว้ ยอนุภาพอันวเิ ศษของเธอ "
"เพราะเหตุใด? เพราะว่าพระสูตรน้ีเป็นยาแก้ไขอันดีเลิศของประชาชนในชมพูทวีปน้ี ถ้าคนป่วย
เมอื่ ได้ยนิ พระสตู รนี้ ความเจ็บไขข้ องเขาจะหายไปทันที และเขาจะไม่ แกห่ รืตาย "
"นักษัตรราชสังกุสุมิตาภิญญา! ถ้าเธอเห็นบุคคลใดทาการรับและรักษาพระสูตรนี้ เธอพึงบูชาเขา
ด้วยการโปรยปราย ดอกอุบลเติมด้วยผงจันทร์ และเมื่อโปรยปรายแก่เขาดังนั้นแล้วพึงมีความคิด
ดงั น้ีว่า "
"คนผู้น้ีในไม่ช้าจะรับฟ่อนหญ้าและน่ังเหนือโพธิสถาน เขาจะทาลายล้างหมู่มาร และเป่าสังข์แห่ง
ธรรม และย่าเภรีแห่งบรมธรรม เขาจะช่วยให้สรรพสัตว์รอดพ้นจากทะเลแห่งความแก่ความเจ็บ
และความตาย เพราะฉะนั้นเขาผู้แสวงหาพุทธมรรคเม่ือได้เห็นบุคคลใดทาการรับและรักษาพัชร
สูตรนี้ พึงบงั เกิดความเคารพขน้ึ ในใจ"
***********
บทที่ 24 ธรรมะพระคนั คทั ศวร

"กาลคร้ังน้ันในไวโรจนรัศมีประติมัณฑิตาโลกธาตุได้มีพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง นามว่าคัทคัท
สวรโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่ได้สั่งสมอบรมกุศลลมูลมากมายเป็นเวลาช้านาน ได้กระทาการสักการะบูชา
และปรนนิบตั ิอุปฐากพระพุทธะมามากมาย นบั ดว้ ยร้อยพันหมื่นโกฏพระองค์ และได้รับปัญญาอัน
ลึกซงึ้ อยา่ งสมบูรณ์ เขาได้ บรรลสุ มาธิช่อื ว่าธวชั ครเกยูร สทั ธรรมปุณฑริกะ วิมลทัตตะ นักกษัตริย์
ราชวิกรกี ทติ า อนลิ มั ภา ญาณมุทรา สรวรตุ โกศลยะ สรวปณุ ยาสมุจจัยประสาทวาที ฤทธิวิกรีฑิตา
ญาโณลกา วยุหราชา วิมลประภาสวิมลครรภา อปกฤษณะ สุริยาวรรต มหาสมาธิเย่ียงน้ีท่ีเขา
ได้รับมากมายหลายร้อยพนั หลายหมืน่ หลายโกฏ เทา่ กับเมด็ ทรายในแมน่ า้ คงคา"
"ทนั ทีท่ีเขาได้รบั ความสวา่ งของลาแสงจากพระศากยมุนีพุทธะ เขาได้กราบทุลแด่พระกมลทลวิมล
นักษัตรราช สังกุสุมิตาภิญญาพุทธะว่า : "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า! ข้าพระองค์จะไปยังสห
โลกธาตเุ พอ่ื กระทาอภิวาท เข้าใกล้ และทาการสักการะแด่พระศากยมุนีพุทธะ รวมท้ังพบกับพระ
มันชุศรีโพธิสัตว์ผู้เป็นธรรมราชบุตร พระโพธิสัตว์ไภษัชยราช พระโพธิสัตว์ประทานสุระ พระ
โพธิสัตว์นักษัตรราชสังกุสมิตาภิญญา พระโพธิสัตว์วิศิษฏจาริตร และโพธิสัตว์มัจจุราชและพระ
โพธสิ ัตว์ใหส้ ญั ญาราชสมทุ คต"
"ฉบับชมรมจติ สู่จติ ปริจเฉทที่ 24 หนา้ ท่ี 168"

81

เมื่อนั้นพระศากยมุนีพุทธะได้ตรัสบอกแก่พระมัชุศรีว่า "มันเป็นเรื่องของพระโพธิสัตว์คัทคทสวร
จากโลกธาตขุ องพระพุทธกมณฑลวิมลนกั ษัตรราชสังกุสุมิตาภิญญาพร้อมด้วยหมู่พระโพธิสัตว์ของ
เขา ๘๔,๐๐๐ องค์ปรารถนาจะมายังสหโลกธาตุนี้เพื่อกระทาการสักการะ เข้าใกล้ และเคารพแก่
เรา และเขายงั ปรารถนาจะทาการสกั การะ และฟังธรรมปุณฑรกิ สูตรด้วย"
"พระมัญชุศรีได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า! พระโพธิสัตว์น้ันได้อบรม
ปลูกฝังกูศลมูลอันใด เขาได้สร้างบุญอะไรอันทาให้เขาสามารถได้มีฤทธยาภินิหารย่ิงใหญ่เช่นนั้น?
เขาไดป้ ฏิบตั ิสมาธอิ ะไร? ได้โปรดบอกใหเ้ ราทราบถึงชื่อของสมาธิน้นั "
"พวกเราปรารถนาจะปฏิบัติมันอย่างหมั่นเพียรด้วย เพ่ีอว่าโดยการปฏิบัติสมาธินั้นพวกเราจะ
สามารถได้เห็นพระโพธิสัตว์นั้น ผิวพรรณ รูปร่าง และขนาด ความสง่า และอัธยาศัยของเขา ได้
ทรงโปรด พระผู้มีพระภาคเจ้าโดยฤทธยาภนิ ิหารของพระองค์ได้โปรดให้เราได้เห็นการมาของพระ
โพธสิ ัตวพ์ ระองคน์ ้นั เถิดพระเจ้าขา้ "
***********
"ฉบับชมรมจิตสูจ่ ติ ปรจิ เฉทท่ี 25

"เขาคิดถึงอานุภาพของพระอวโลกิเตศวรทันทีท่ีเขาออกเสียงพวกสัตว์ร้ายจะถอยหนีไป
ฟ้าร้อง และฟา้ ผา่ ลกู เห็บตก และสายฝน เขาคดิ ถึงอานุภาพของพระอวโลกิเตศวรแล้วสิ่งเหล่านั้น
กจ็ ะกระจดั กระจายไปในทันที สตั ว์, ถูกบบี คัน้ และรบกวน ถูกกดข่ีโดยความเจ็บปวดเหลอื คณานบั
"ประการ: พระอวโลกิเตศวรด้วยปัญญาอันมหัศจรรย์ของเขา สามารถช่วยโลกอันทุกข์ทรมาน
เชน่ นน้ั ได้ สมบูรณ์ดว้ ยอนุภาพอันวิเศษ จึงได้ปฏิบัติในปัญญาและอุบายโกศลอย่างกว้างขวาง ทุก
แดนในจักรวาลไม่มีที่ใด ท่ีเขาไม่ปรากฏตัวเอง ทุกสภาพความเป็นอยู่อันชั่วร้าย,นรก,เปรต,และ
เดรัจฉาน, ทุกข์โศกเห็นความเกิด แก่,เจ็บตาย,ทุกขนาดส้ินสุดลงได้โดยเขา ความปรารถนาดีแท้
ความปรารถนาดีอันผ่องแผ้ว ความปรารถนาดีอันฉลาดเห็นการไกล ความปรารถนาดีแห่งความ
สงสาร ความปรารถนาดีอันน่าสมเพช ปรารถนาอยู่เสมอ มองหาอยู่เสมอ หน้าตาบริสุทธิ์สดใส
ดวงอาทิตย์แห่งปัญญาทาลายความมืด เป็นผู้ปราบปรามความทุกข์แห่งพายุและไฟ เป็นผู้ยัง
ทง้ั หมดให้สวา่ งไสว ธรรมแห่งความสงสาร ฟ้าร้องส่ันสะเทือน ความกรุณาอันน่าประหลาดดังเมฆ
ใหญ่ หล่ังฝนแหง่ จติ เหมือนน้าอมั ฤต ดับเปลวเพลิงแห่งความระทมทุกข์ ในการโต้เถียงกันต่อหน้า
ผู้พิพากษา หรือความหวาดกลัวในสนามรบ ถ้าเขาคิดถึง อนุภาพของพระอวโลกิเตศวร พวกศัตรู
ท้ังหลายจะถูกไล่หนีไปอันเสียงเสียงอันอัศจรรย์ของเขา เสียงของผู้ปรารถนาดีของโลก เสียงของ
พรหมา เสียงแห่งเกลียวคล่ืน เสียงอันดีกว่าเสียงทั้งหมดในโลกเพราะฉะนั้น จงเก็บช่ือเขาไว้ในใจ
เสมอโดย ปราศจากความคดิ สงสยั ใดๆทงั้ ส้ิน

82

"อวโลกเิ ตศวร บริสุทธิ์ และประเสริฐ ในความเจ็บปวด ความเดือดร้อน ความตาย ความทุกข์เข็ญ
สามารถที่จะเป็นท่ีพ่ึงได้อย่างแน่นอน สมบูรณ์ในบุญกุศลท้ังมวล ด้วยดวงตาเห็นความกรุณา
มองเห็นส่ิงทั้งปวง มหาสมุทรแห่งความสุขอันไม่มีขอบเขตจากัด ขอให้เรากราบลงเพ่ือทาความ
เคารพแกเ่ ขาเถดิ "
"ฉบบั ชมรมจติ สู่จติ ปรจิ เฉทท่ี 25 หนา้ ท่ี 186"
"คร้ังนั้นพระโพธิสัตว์ธรณีธารา แล้วข้ึนจากท่ีน่ัง เข้าไปหาพระพุทธเจ้าและได้กราบทูล
พระพทุ ธเจา้ วา่ : "ข้าแตพ่ ระผูม้ พี ระภาคเจา้ ! ถ้าสัตว์ใดไดฟ้ ังกจิ กรรมแหง่ การชาระตนและฤทธยาภิ
นิหารแห่งการเข้าสู่ทุกแห่งดังปรากฏในบทนี้ท่ีว่าด้วยพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรแล้ว พึงรู้ว่าบุญ
กศุ ลของบคุ คลผนู้ ม้ี ีมิใช่นอ้ ยเลย"
***********
"ฉบับชมรมจิตสู่จติ ปริจเฉทท่ี 26
"ขอให้ความยากลาบากนั้นต่างๆ ลงมาบนศรีษะของเรา ดีกว่าให้เป็นภาระแก่ธรรมภาณกะ ไม่ว่า
ยักษ์ หรือเปรต หรือภูตนะ หรือกฤตยะ หรือเวตาล หรือกษายะ หรืออุมารกะ หรืออปสมารกะ
หรือยักษกฤตยะ หรือมนุษย์-กฤตยะ หรือความไข้ทั้งหลาย ไม่ว่าเป็นเพียงวันเดียว หรือทุกวัน
หรือทุกๆ๓วันหรือทุกๆ๔วัน หรือทุกๆสัปดาห์หรือไข้ไม่หยุด ไม่ว่าในรูปของบุรุษ หรือรูปของสตรี
หรือในรูปของยุวบุรุษ หรือในรูปของยุวสตรี แม้ในความฝันก็ไม่อาจเป็นความทุกข์ก็ไม่อาจทา
ความทุกข์เดือดร้อนได้เลย" คร้ังน้ัน ณ เบ้ืองพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า พวกเธอได้กล่าวเป็น
คาถาดังนีว้ ่า :-
"ไม่ว่าผู้ใดขัดขืนอาคมคาถาของเรา และทาความยากลาบากให้แก่ธรรมภาณกะ ศีรษะของเขาจะ
แตกเป็น ๗ เส่ียง เหมือนกับกิ่งอรชกะ ชะตากรรมของเขาจะเป็นเช่นปิตุฆาตก จันทร์เพ็ญเช่น
ปิตุฆาตก ผลกรรมของเขาจะเป็นเช่นคนค้ันน้ามันงา หรือคนโกงเครื่องวัดเครื่องชั่ง หรือเป็นเช่น
เทวทัตผู้ยังสงฆ์ให้แตกแยก ผู้ทาความเดือดร้อนให้แก่ธรรมภาณกะเหล่าน้ี ผลกรรมของ เขาจะ
เป็นเช่นกลา่ วมานั้นเทยี ว"
"หลังจากนางรากษสเหลา่ นีไ้ ดก้ ลา่ วคาถาน้แี ลว้ พวกเธอไดก้ ราบทลู แดพ่ ระพทุ ธเจ้าว่า : ข้าแต่พระ
ผู้มีพระภาคเจ้า! พวกเราเองก็จะคุ้มครองแก่ผู้ที่ทาการรับและรักษา อ่านและสวดและปฎิบัติตาม
พระสูตรนดี้ ว้ ย และยงั ทาใหเ้ ขามจี ติ ใจสบาย เปน็ เสรจี าก จากผคู้ ดิ ปองร้ายและยาพษิ ทง้ั หลาย"
บทที่ 26 ธรรมะธารณี
บทที่ 27 ธรรมะบุรพกรรมของพระราชาศุภาวยุหะราช หน้าท่ี 193"

83

"ณ กาลคร้ังนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่มหาสันนิบาตว่า: แต่ปางก่อนในยุคก่อน ยุคหน่ึง นาน
มาแล้วอสงไขยกปั มากมายไม่สิน้ สดุ ไม่มขี อบเขตจากัด และไมอ่ าจคาดนึกถึงได้ มีพระพุทธะ พระ
พระองค์หน่ึงนามว่า ชลธารครรชิตโฆษสุวรนักษัตรราชศังกุสุมิตาภิญญาตถาคต อรหันต์ สัมมา
สัมพทุ ธะ พทุ ธเกษตรมีนามว่า ไวโรจน์รัศมปี ระตมิ ณั ฑติ และพทุ ธกปั นามว่า ปรียทรรศน์ "
"ภายใต้ธรรมของพระพุทธะองน้ันมีราชาพระองค์หนึ่งนามว่า ศุภาวยุหะ มเสีของพระราชาน้ัน
นามว่า วิมลทัตตา ซ่ึงมีพระโอรส ๒ องค์ องค์หน่ึงนามว่าวิมลครรภ อีกองค์หน่ึงนามว่า วิมลเนต
รา พระราชโอรสท้ัง ๒ องค์มี อภิญญา บุญกุศล และปัญญา และเป็นเวลานานมาแล้วได้อุทิศตน
แก่การดาเนินในโพธิสัตว์มรรค น่ันคือทานบารมี ศีลบารมี ขันติบารมี วิริยบารมี ฌานบารมี
ปัญญาบารมี อุบายโกศลบารมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ
ทั้งหมดเหลา่ น้ีพวกเขามคี วามเข้าใจอย่างทั่วถึง เขายังบรรลุโพธิสัตว์สมาธิวิมลสมาธินักษัตรราชา
ทิตยสมาธ วิมลนิรภาสสมาธิ วิมล-ภาคสมาธิ อลังการ-ศภสมาธิ มหาเตโชครรภาสสมาธิ ในสมาธิ
เหล่าน้พี วกเขาทาได้สาเร็จแลว้ อย่างทั่วถึง"
***********
ฉบบั ชมรมจิตสู่จติ ปริจเฉทที่ 27
"เม่ือนั้นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ทรงแสดงธรรมแก่พระราชา แสดง สอน ยังประโยชน์และยัง
ความชื่นชมยินดีแก่พระองค์ทาให้พระราชามีความปล้ืมปิติอย่างใหญ่หลวงเม่ือนั้นพระราชาศุภา
วยุหะ และพระราชินีได้ถอดสร้อยพระศอไข่มุก มูลค่าหลายร้อยและหลายพัน ออกจากพระศอ
และโยนไปยงั พระพุทธเจา้
"ในอากาศสร้อยพระศอได้เปล่ียนเป็นหอมณีมีเสา ๔ เสา บนหอปูลาดด้วยเบาะใหญ่ทาด้วยเพชร
มณปี กคุมด้วยของทิพย์หลายร้อยพันหมื่น บนเบาะนั้น พระพุทธเจ้าประทับนั่งขัดสมาธิ เปล่งรังสี
อันใหญ่ ณ ท่ีน้ันพระราชาศุภาวยุหะ เกิดความคิดดังน้ีว่า : "ช่างหาได้ยาก สง่าผ่าเผย วิเศษ
นักหนา พระกายของพระพทุ ธเจา้ สมบรู ณ์ด้วยผิวพรรณอันสงา่ งามสูงสุด"
ฉบบั ชมรมจติ สูจ่ ิต ปรจิ เฉทท่ี 27 หนา้ ท่ี 199"
"ครั้งนั้นพระพุทธะชลธารท่านชีทครูสวนนักษัตรราชสร้างกุศลเมตตาภิญญาได้ตรัสแก่พระราชาสุ
พระวาจาอยู่หาวา่ อยา่ งนั้นเป็นอย่างทา่ นว่านนั่ ทีเดยี วกุลบุตรหรือกุลธิดาใดโดยได้ปลูกฝังกุศลลมูล
ในทุกๆชว่ งคุณจะมมี ติ รดมี ิตรดจี ะทาใหส้ ามารถกระทาพุทธะติดได้การแสดงการสอนยังประโยชน์
ให้และทาให้เขามีความยิน และทาให้เขาได้เข้าสู่อนุตรสัมมาสัมโพธิเพ่ิงทราบมหาราชมิตรท่ีดีเป็น
เหตุสาคัญที่ทาให้บุคคลกับใจได้และนาไปพบพระพุทธเจ้าและปลุกใจให้มึงต่ออนุตรสัมมาสัมโพธิ
มหาราชท่านเห็นราชณโอนรถทั้งสองนี้หรือไม่โอรสทั้งสองนี้ได้บูชาพระพุทธะมาแล้วจานวน

84

เท่ากับ 65 เท่าของเม็ดทรายในแม่น้าคงคา ร้อยพันหม่ืนโกฏิ นะยูตะทาการรับใช้ และเคารพ
พระองค์ในหมู่พระพุทธะเหล่าน้ันได้ทาการรับและรักษาทาบุญฑลิกกสูตรมีความกรุณาต่อสัตว์ที่
ยึดถือมิจฉาทิฐิและยังพวกเขาให้ตังค์อยู่ในสัมมาทิฏฐิพระราชาสุภาว่าอยู่หากในครั้งนั้นได้ลงจาก
อากาศและ" "กราบทูลแด่พระพุทธเจ้าว่าข้าแต่พระองค์ผู้มีพระภาคจ้าว หาได้ยากนักหนาการจะ
ได้ทัศนาพระกถาคตโดยบญุ กุศลและปัญญาของพระองค์มุ่นเกศาบนพระเศียรของพระองค์จึงส่อง
แสงสว่างไสวพระเนตรของพระองค์เบิกกว้างและสีน้าเงินแกอุณาโลมระหว่างพระโขนงของ
พระองค์เป็นสีขาวเหมือนดวงจันทร์ใครหมูผัดโทนขาวเรียบชิดสนิทและส่องแสงอยู่เสมอริมพระ
โอษฐ์ แดงเลือดและสวยงามเหมือนผลพิมพาเม่ือนั้นเม่ือพระราชาสุภาววายุหากได้กระทาการสัน
ละเสินแล้วซ่ึงกุศลระบุลของพระพุทธเจ้าอันมากมายนับไม่ถ้วน ร้อยพันหมื่นโกฏิ ด้วยการสารวม
จิตของพระองค์กระทาอัญชลีพระตถาคตและได้ตรัสแก่พระองค์อีกว่าไม่เคยมีมาก่อนคือพระผู้มี
พระภาคจ้าวทาขา ธรรมคาสอนของพระองค์กระทาอัญชลีพระตถาคตและได้ตัดแกพระพุทธเจ้า
อกี วา่ ไมเ่ คยมมี ากอ่ นคือพระผมู้ พี ระภาคเจ้าธรรมคาสอนของพระตถาคตจ้าวสมบูรณ์ด้วยบุญกุศล
อันมหัศจรรย์และไม่อาจนึกคิดได้สินวินัยอัน" "พระองค์ประกาศตั้งข้ึนเป็นไปเพ่ือความสุขสบาย
และเพื่อความไม่เนินช้าต้ังแต่วันนี้เป็นต้นไปค่าพระองค์จะไม่ตามใจตัวเองอีกหรือ ยึดถือทิฏฐิ
มิจฉาทิฐิหรือไม่หญิงจองหองโกรธเคืองหรือจิตอันเป็นบาปอื่นได้อีกเมื่อพระราชาได้ตัดคาเหล่านี้
แล้วพระองคไ์ ด้กระทาความเคารพแก่พระพทุ ธเจ้าและทลู ลาถอยไป เมื่อนั้นพระศากยมุนีพุทธะได้
ตัดแกมาหาสันนิบาตว่าพวกเธอมีความเห็นเป็นไฉนพารา พระราชาสุภาวอยู่หานี้พระองค์เป็น
บุคคลอ่ืนใดหรือความจริงแล้วเขาคือพระโพธิสัตว์ปัทมาสีในปัจจุบันน้ีน่ันเองส่วนพระนางวิมลทัน
ตาก็คือพระโพธิสัตว์ไวโรจน์รัศมีปกติมันทิดาลาดผู้อยู่นะเบื้องหน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าใน
บัตรนี้เพราะมีความกรุณาต่อพระราชาสุภาวอยู่ห่างและประชาชนของพระองค์จึงได้มาเกิดในหมู่
พวกเขา พระราชฉัโอรสทั้งสองก็คือพระทัยสัญญาราษโพธิสัตว์และไพรสัณฑ์ยลาดดสมุดโคตร
โพธสิ ัตว์
"ในบัตรนน้ี ั่นเองพระโพธิสตั ว์ใหส้ ัญญาราบและพระโพธิสัตว์ไทยสัญญาราษสมุทคตได้ทามหากุศล
ใหส้ มบรู ณแ์ ล้วภายใต้พระพทุ ธะ ร้อยพนั หม่ืนโกฏิ นับไมถ่ ว้ นพระองค์ไดป้ ลูกฝงั บอกเกิดแห่งความ
ดีและได้บรรลุอ่าน อานุภาพแห่งความดีอย่างสมบูรณ์เกินกว่าที่จะเข้าใจได้ถ้ามีผู้ใดรู้จักน้าของ
พระโพธิสัตว์ทั้งสองน้ีดีเทวดาและมนุษย์ในโลกท้ังหลายจะทาการสักการะบูชาแก่เขาขณะที่
พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบสอนบทที่ว่าด้วยบูรพากรรมของพระราชาสุภาวยุหานี้ปวงชน ๘๔,๐๐๐
ไดล้ ะความไมบ่ ริสทุ ธ์ิและแยกตวั เองออกจากความไม่สะดวกและได้รับความบริสุทธิ์แห่งธรรมจักร
สุขในเรอ่ื งท่ีเก่ียวกับธรรมะ"

85

บทท่ี 28 ธรรมะพระสมันตภัทรโพธสิ ตั ว์ หน้า 204
"พระผู้มีพระภาคเจ้าในสมัยคร้ังในช่วง ๕๐๐ ปีสุดท้าย ของสมัยเส่ือมและช่ัวร้ายภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา ผู้แสวงหาผู้รับ ผู้รักษา ผู้อ่านและผู้สวด หรือผู้คัดลอก ปรารถนาจะปฏิบัติ ตาม
ธรรมปุณฑริกสูตรนี้ เขาจะต้องตั้งจิตให้เป็นเอกอุทิศตนเพื่อพระสูตรเป็นเวลา ๓ สัปดาห์หลังจาก
ครบ ๓ สัปดาห์แล้ว ข้าพระองค์จะข่ีช้างเผือก ๖ งาแวดล้อมด้วยพระโพธิสัตว์มากมายนับไม่ถ้วน
จะมาปรากฏตอ่ คนเหล่านั้นในรูปท่สี ัตวท์ ั้งหลายไดเ้ ห็นแลว้ มคี วามพงึ พอใจ และทาการสอนแก่เขา
ด้วยการเปิดเผย แนะนาอานวยประโยชน์ให้และทาให้เขามีความชื่นชมยินดี อีกประการหนึ่ง ข้า
พระองค์จะมอบธารณีนใ้ี หแ้ ก่เขา และเมื่อไดร้ ับธารณเี หลา่ นแี้ ล้วไม่มีมนุษย์หรืออมนุษยใ์ ดสามารถ
ทาอนั ตรายแกเ่ ขาได้ หรอื ไมม่ ีอติ ถีเพศใดลอ่ ลวงเขาได้ ขา้ พระองค์กย็ ังจะให้การคุ้มครองแก่เขาอยู่
เสมอดว้ ยตนเอง"
***********
ปรจิ เฉทท่ี 28
พระผู้มีพระภาคเจ้า! ถ้ามีพระโพธิสัตว์ใดได้ฟังธารณีเหล่าน้ีแล้ว เขาจะเข้าใจถึงอนุภาพอัน
มหศั จรรย์ของพระโพธิสัตว์สมันตภัทรได้ดี ถ้าในขณะท่ีธรรมปุณฑริกสูตรเผยแพร่ไปตามแนวทาง
ท่ัวชมพูทวีปแล้วมีผู้ท่ีทาการรับและรักษา ขอให้พวกเขามีความคิด ดังน้ีว่า "น่ีเป็นเพราะอนุภาพ
อันย่ิงใหญ่ของพระสมันตภัทร ถ้าผู้ใดทาการรับและรักษา อ่าน และสวด มีความจาอย่างถูกต้อง
เข้าใจความหมายของมัน และปฎิบัติตามท่ีสอน พึงทราบว่าเหล่านี้ล้วนเป็นการกระทาของพระ
สมันตภัทร และได้ปลูกฝังกุศลมูลกายใต้พระพุทธะมากมายนับไม่ถ้วนมาแล้วอย่างลึกซ้ึง และ
เพราะเหตุน้นั ศรี ษะของเขาจงึ ได้รับการประคองด้วยพระหัตถ์ของพระตถาคตท้ังหลาย ถ้าพวกเขา
เพยี งแตท่ าการคดั ลอกมัน คนเหล่านี้เมื่อเขาจบชีวิตลง เขาจะไดไ้ ปเกิดในสวรรค์ชน้ั ดาวดึงส์"

"ฉบบั ชมรมจติ ส่จู ิต ปรจิ เฉทท่ี 28 หนา้ ท่ี 209"
"ขณะท่ีบทว่าด้วยการส่งเสริมของพระโพธิสัตว์สมันตภัทรนี้ ได้ทาการสอนแล้วพระโพธิสัตว์
มากมายเหลือคณานับเท่ากับเม็ดทรายในแม่น้าคงคาได้บรรลุโกฏิศตสหัสราวรตาธารณี และพระ
โพธิสัตว์มากมายเท่าปรมาณู ของตรีสหัสมหาสหัสโลกมหาสหัสโลกธาตุได้เป็นผู้สมบูรณ์ในสมันต
ภทั รมรรค" "เมอื่ พระพทุ ธเจ้าไดต้ รัสสอนพระสูตรนี้ พระโพธิสัตว์สมันตภัทรและพระโพธิสัตว์อ่ืนๆ
พระสารีบุตร และพระสาวกอ่ืนๆ และหมู่เทวดา, นาค, มนุษย์และอมนุษย์ และเหล่าอื่นๆ
ทัง้ หมด" "ในมหาสนั นบิ าตต่างมคี วามชนื่ ชมยนิ ดีอยา่ งยงิ่ และยดึ ถือโอวาทของพระพุทธองค์ทาการ
ถวายบงั คมลาพระองค์แลว้ ถอยออกไป"

86

"ฉบบั ชมรมจติ สู่จติ ปริจเฉทที่ 8 หน้าที่ 67
"ภายหลังต่อมาพบว่าใจผู้ยากไร้นี้อีก และทาการกล่าวตาหนิเขาอย่างแรง แสดงให้เขาเห็นท่ี มณี
ซ่อนอยู่ ชายผู้ขัดสน เห็นมณีน้ี เต็มตื่นไปด้วยความยินดี ร่ารวย ด้วยการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
มากมาย เขาสามารถหาความพอใจในผัสสะทั้ง ๕ "พวกเราก็เป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกันตลอด
เวลานานพระผู้มีพระภาคเจา้ สงสารและส่ังสอนพวกเราอยเู่ สมอ เพอื่ อบรมความมุ่งมาดปรารถนา
อนั สูงสุด แต่เพราะความไม่รขู้ องเรา พวกเราจึงไมส่ ังเกตหรือรู้จักมนั ไดร้ ับแตเ่ พียงสิง่ เล็กน้อยแห่ง
นิพพานมีความพึงพอใจพวกเราไม่เคยแสวงหาสิ่งใดอีกเลย" "บัดน้ีพระพุทธเจ้าได้ปลุกพวกเราให้
ตืน่ ขนึ้ กลา่ ววา่ สงิ่ น้ไี มใ่ ช่นพิ พานทแ่ี ท้จริง การบรรลพุ ทุ ธปญั ญาอนั สูงสดุ เทา่ น้ัน จึงเป็นนิพพานอัน
แท้จริง บัดนี้ได้ฟังจากพระพุทธเจ้า คาพยากรณ์ และความสง่างามของมันและพุทธบัญชาที่พวก
เราได้รับ กายและใจของพวกเราเตม็ ไปด้วยความยนิ ด"ี
***********


Click to View FlipBook Version