กล่าวถึงสุเทษณ์เทพบุตร ซึ่งในอดีตชาตินั้นคือ
กษัตริย์แคว้นปัญจาล และนางมัทนา ซึ่งในอดีตชาติ
เป็นราชธิดาในกษัตริย์แคว้นสุราษฎร์ ซึ่งทั้งคู่ได้มา
เกิดใหม่บนสวรรค์ สุเทษณ์เทพบุตรใฝ่ปองรักนางฟ้า
มัทนา แต่ก็ไม่อาจจะสมรักด้วยกรรมที่เคยทำมาแต่
อดีต ทำให้ไร้ซึ่งความสุขอย่างยิ่ง
สุเทษณ์จึงขอให้วิทยาธรมายาวินใช้เวทมนตร์สะกด
เรียกนางมา มัทนาเจรจาตอบสุเทษณ์อย่างคนไม่รู้
สึกตัว สุเทษณ์จึงไม่โปรด เมื่อขอให้มายาวินคลาย
มนตร์ มัทนาก็รู้สึกตัวและตอบปฏิเสธสุเทษณ์ สุ
เทษณ์โกรธ จึงสาปให้เธอจุติไปเกิดบนโลกมนุษย์
มัทนาขอไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ สุเทษณ์กำหนดว่า
ให้ดอกกุหลาบดอกนั้นกลายเป็นมนุษย์เฉพาะวันเพ็ญ
เพียงวันและคืนเดียว ต่อเมื่อมีความรักจึงจะพ้น
สภาพจากเป็นดอกไม้ และหากเป็นความทุกข์เพราะ
ความรักก็ให้วิงวอนต่อพระองค์ พระองค์จะช่วย
ณ กลางป่าหิมะวัน ฤษีกาละทรรศินพบ ต้นกุหลาบ
จึงขุดไปปลูกไว้ที่อาศรม เมื่อมัทนากลายเป็นมนุษย์ก็
เลี้ยงดูรักใคร่เหมือนลูก
ท้าวชัยเสนกษัตริย์แห่งเมืองหัสตินาปุระเสด็จไปล่า
สัตว์ ได้พบนางมัทนาก็เกิดความรัก มัทนาก็มีใจ
เสน่หาต่อชัยเสนด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงสาบานรักต่อ
กัน และมัทนาไม่ต้องกลับไปเป็นกุหลาบอีก
แต่เมื่อชัยเสนพามัทนาไปยังเมืองหัสตินาปุระของ
พระองค์ พระนางจัณฑีมเหสีของชัยเสนหึงหวงและ
แค้นใจมากจึงคิดหาอุบายกำจัดมัทนาทิ้งเสีย
พระนางจัณฑีขอให้พระบิดาซึ่งเป็นพระราชาแคว้น
มคธยกทัพมาตีหัสตินาปุระ
จัณฑียังใช้ให้นางค่อมข้าหลวงทำกลอุบายว่า มัทนา
รักกับศุภางค์ทหารเอกของชัยเสน ชัยเสนหลงเชื่อจึง
สั่งให้ประหารมัทนาและศุภางค์
แต่ต่อมาเมื่อชัยเสนรู้ว่ามัทนาและศุภางค์ไม่มีความ
ผิดก็เสียใจมาก อำมาตย์เอกจึงทูลความจริงว่ายัง
มิได้สังหารนาง และศิษย์ของพระกาละทรรศินได้พา
นางกลับไปอยู่ในป่าหิมะวันแล้ว ส่วนศุภางค์ก็เป็น
อิสระเช่นกัน และได้ออกต่อสู้กับข้าศึกจนตายอย่าง
ทหารหาญ
ชัยเสนจึงเดินทางไปรับนางมัทนา ขณะนั้นมัทนาทูล
ขอให้สุเทษณ์รับนางกลับไปสวรรค์ สุเทษณ์ขอให้
นางรับรักตนก่อน แต่มัทนายังคงปฏิเสธ สุเทษณ์
กริ้วจึงสาปให้มัทนาเป็นกุหลาบตลอดไป ชัยเสนมา
ถึงแต่ก็ไม่ทันการณ์ จึงได้แต่นำต้นกุหลาบกลับไปยัง
เมืองหัสตินาปุระ
สมาชิกกลุ่ม
๑.น.ส.ปัญญาพร มณฑา เลขที่ ๓
๒.น.ส.อัญชลี เลาลี เลขที่ ๑๘
๓.น.ภัทรพล วงษ์สุวรรณชัย เลขที่ ๒๐
๔.น.ส.นมินทร์วรา วนาลัยธำรง เลขที่ ๒๕
๕.น.ส.พัชรพร เลาหาง เลขที่ ๒๗
๖.น.ส.สิริวิภา วนาลัยสุขสันต์ เลขที่ ๓๐
๗.น.ส.สุชาวดี แน่งน้อย เลขที่ ๓๑