1
2 มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และ มนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ ของอวัยวะ ต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ และดอกของพืชดอก โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลง ทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความ หลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.3 ป.4/1 จำแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้ความเหมือน และความแตกต่าง ของลักษณะของสิ่งมีชีวิต ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ ว 1.3 ป.4/2 จำแนกพืชออกเป็นพืชดอก และพืชไม่มีดอก โดยใช้การ มีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ ข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 1.3 ป.4/3 จำแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยใช้การ มีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 1.3 ป.4/4 บรรยายลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูก สันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ สะเทินน้ำสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงด้วยน้ำนม และ ยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการ เปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่นการนำความร้อน และการนำไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุการ นำสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้าของ วัสดุไปใช้ในชีวิตประจำวันผ่านกระบวนการออกแบบชิ้นงาน
3 ว 2.1 ป.4/2 แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่นโดยการอภิปรายเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุ อย่างมีเหตุผลจากการทดลอง ว 2.1 ป.4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ได้จากการสังเกตมวล การต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของสสาร ว 2.1 ป.4/4 ใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวล และปริมาตรของสสารทั้ง 3 สถานะ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่างๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะ การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ป.4/1 ระบุผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.2 ป.4/2 ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดน้ำหนักของวัตถุ ว 2.2 ป.4/3 บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงานพลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของ คลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.4/1 จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใสตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะ การมองเห็นสิ่งต่างๆผ่านวัตถุนั้นเป็นเกณฑ์โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะรวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผล ต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ตัวชี้วัด ว 3.1 ป.4/1 อธิบายแบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ว 3.1 ป.4/2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ ว 3.1 ป.4/3 สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบ การโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆจากแบบจำลอง
4 คำอธิบายรายวิชา ว 14101 วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 80 ชั่วโมง ศึกษา วิเคราะห์ หน้าที่ของราก ลำต้น ใบ และดอกของพืชดอก ส่วนประกอบของพืชดอก ความ แตกต่างชองลักษณะสิ่งมีชีวิตกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ จำแนกพืชออกเป็นพืชดอกและ พืชไม่มีดอก จำแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลักษณะเฉพาะของสัตว์ มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนม ตัวอย่างของสัตว์ในแต่ละกลุ่ม สมบัติทางกายภาพของวัสดุ การนำสมบัติของวัสดุไปใช้ใน ชีวิตประจำวันสมบัติทางกายภาพของวัสดุ ด้านความแข็ง ความยืดหยุ่น การนำความร้อน การนำไฟฟ้า สมบัติ ของสสาร มวล และปริมาตรของสสาร เครื่องมือที่ใช้วัดมวลและปริมาตรของสสาร ผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อ วัตถุ การใช้เครื่องชั่งสปริง มวลของวัตถุกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุที่เป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง วัตถุทึบแสง และลักษณะการมองเห็นผ่านวัตถุ แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเปลี่ยนแปลง และการพยากรณ์รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ องค์ประกอบของระบบสุริยะ และการโคจรของดาวเคราะห์ ต่างๆ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล เปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ การอธิบาย อภิปราย และการสร้างแบบจำลอง เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มีจริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม รหัสตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 1.2 ป.4/1 มาตรฐาน ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 มาตรฐาน ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 มาตรฐาน ว 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 มาตรฐาน ว 2.3 ป.4/1 มาตรฐาน ว 3.1 ป.4/1 , ป.4/2, ป.4/3 รวม 16 ตัวชี้วัด
5 หน่วยการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เนื้อหา มาตรฐานการ เรียนรู้และตัวชี้วัด เวลา (ชั่วโมง) ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียน 1 1 ความหลากหลาย ของสิ่งมีชีวิต • การจำแนกสิ่งมีชีวิต (ว 1.2 ป. 4/1) 26 • ลักษณะของสิ่งมีชีวิต (ว 1.3 ป. 4/1) • การจำแนกพืช (ว 1.3 ป. 4/2) • พืชไม่มีดอก (ว 1.3 ป. 4/3) • พืชดอก (ว 1.3 ป. 4/4) • พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ • หน้าที่ของส่วนต่างๆ ของพืช • การลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ • การคายน้ำของพืช • การสร้างอาหารของพืช • คลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช • แสงกับการสร้างอาหารของพืช • ส่วนประกอบของดอก • การจำแนกชนิดของดอก • การจำแนกสัตว์ • สัตว์มีกระดูกสันหลัง (ปลา) • สัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์สะเทินน้ำ สะเทินบก) • สัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์เลื้อยคลาน) • สัตว์มีกระดูกสันหลัง (นก) • สัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม) • สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง • สัตว์ที่มีขาเป็นข้อ การทดสอบกลางปี 1
6 หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เนื้อหา มาตรฐานการ เรียนรู้และตัวชี้วัด เวลา (ชั่วโมง) ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียน 1 2 แรงโน้มถ่วงของโลก และตัวกลางของแสง • แรงโน้มถ่วง • ผลของแรงโน้มถ่วง • ความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล • ผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ (ว 2.2 ป. 4/1) 16 (ว 2.2 ป. 4/2) (ว 2.2 ป. 4/3) • การมองเห็นวัตถุ • การเกิดเงา • เงามืด เงามัว • การใช้ประโยชน์จากตัวกลางของแสง 3 วัสดุและสสาร • สภาพยืดหยุ่น (ว 2.1 ป. 4/1) 17 • ความแข็ง (ว 2.1 ป. 4/2) • ความเหนียว (ว 2.1 ป. 4/3) • การนำความร้อน (ว 4.2 ป. 4/3) • กิจกรรมสะเต็มศึกษา (ว 4.2 ป. 4/5) • การนำไฟฟ้า • สมบัติของของแข็งและของเหลว • สมบัติของแก๊ส • การวัดมวลและปริมาตรของสสาร 4 ระบบสุริยะและการ ปรากฏของดวงจันทร์ • การขึ้นและตกของดวงจันทร์ รูปร่างของ ดวงจันทร์ (ว 3.1 ป. 4/1) (ว 3.1 ป. 4/2) 9 • แบบจำลองระบบสุริยะ (ว 3.1 ป. 4/3) • ส่วนประกอบของระบบสุริยะ • เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะ • การสร้างแบบจำลองระบบสุริยะ • ความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวง อาทิตย์ การทดสอบปลายปี 1
7 หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เนื้อหา มาตรฐานการ เรียนรู้และตัวชี้วัด เวลา (ชั่วโมง) ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียน 1 รวม 80
โครงสร้าง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรียน 80 หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความหลากหลาย ของสิ่งมีชีวิต แผนการจัดการเรียนรู้ที่1 ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียน - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 การจำแนกสิ่งมีชีวิต (1) (ว 1.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 การจำแนกสิ่งมีชีวิต (2) (ว 1.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่4 ลักษณะ ของสิ่งมีชีวิต (1) (ว 1.3 ป. 4/1)
8 เวลาเรียน และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว14101 0 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 100 คะแนน รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก การปฐมนิเทศเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างครูกับ นักเรียน เป็นการตกลงกันในเบื้องต้นก่อนที่จะเริ่มการเรียนการ สอน ครูได้รู้จักนักเรียนดียิ่งขึ้น รับทราบความต้องการ ความรู้สึก และเจตคติต่อวิชาที่เรียน ในขณะเดียวกันนักเรียนได้ทราบความ ต้องการของครูแนวทางในการจัดการเรียนการสอน และการวัด และประเมินผล สิ่งต่างๆ ดังกล่าวจะนำไปสู่การเรียนการสอนที่มี ประสิทธิภาพ ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่าง เหมาะสม ช่วยให้นักเรียนคลายความวิตกกังวล สามารถเรียนได้ อย่างมีความสุข อันจะส่งผลให้นักเรียนประสบความสำเร็จบรรลุ ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ 1 สิ่งมีชีวิตสามารถจำแนกเป็นกลุ่มได้โดยการกำหนดเกณฑ์ที่แสดง ลักษณะสำคัญเฉพาะที่เหมือนกัน 1 สิ่งมีชีวิตสามารถจำแนกเป็นกลุ่มได้โดยการกำหนดเกณฑ์ที่แสดง ลักษณะสำคัญเฉพาะที่เหมือนกัน 1 สิ่งมีชีวิตจำแนกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ ไม่ใช่พืชและสัตว์ 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่5 ลักษณะ ของสิ่งมีชีวิต (2) (ว 1.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่6 การจำแนกพืช (1) (ว 1.3 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่7 การจำแนกพืช (2) (ว 1.3 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่8 พืชไม่มีดอก (ว 1.3 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่9 พืชดอก (1) (ว 1.3 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่10 พืชดอก (2) (ว 1.3 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่11 พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ (1) (ว 1.3 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่12 พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ (2) (ว 1.3 ป. 4/2)
9 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก สิ่งมีชีวิตจำแนกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ ไม่ใช่พืชและสัตว์ 1 นักวิทยาศาสตร์จำแนกพืชเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ พืชดอกและ พืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ 1 นักวิทยาศาสตร์จำแนกพืชเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ พืชดอกและ พืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ 1 พืชไม่มีดอก คือ พืชที่ไม่สามารถสร้างดอกได้ตลอดการดำรงชีวิต จึงขยายพันธุ์โดยการใช้สปอร์ 1 พืชดอกเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีดอกสำหรับสืบพันธุ์ 1 พืชดอกเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีดอกสำหรับสืบพันธุ์ 1 พืชดอกมีลักษณะภายนอกบางประการที่แตกต่างกัน เมื่อใช้ ลักษณะภายนอกที่สำคัญเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกพืชดอกเป็น 2 กลุ่ม คือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ 1 พืชดอกมีลักษณะภายนอกบางประการที่แตกต่างกัน เมื่อใช้ ลักษณะภายนอกที่สำคัญเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกพืชดอกเป็น 2 กลุ่ม คือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่13 หน้าที่ ของส่วนต่างๆ ของพืช (1) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่14 หน้าที่ ของส่วนต่างๆ ของพืช (2) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่15 การลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ (1) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่16 การลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ (2) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่17 การคายน้ำของพืช (1) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่18 การคายน้ำของพืช (2) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่19 การสร้างอาหารของพืช (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่20 (ว 1.2 ป. 4/1)
10 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีส่วนประกอบภายนอก ได้แก่ ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล 1 พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีส่วนประกอบภายนอก ได้แก่ ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล 1 พืชมีท่อลำเลียงน้ำทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและแร่ธาตุที่รากดูดซับ จากดินไว้แล้วลำเลียงต่อไปยังส่วนต่างๆ ของพืช 1 พืชมีท่อลำเลียงน้ำทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและแร่ธาตุที่รากดูดซับ จากดินไว้แล้วลำเลียงต่อไปยังส่วนต่างๆ ของพืช 1 การคายน้ำของพืชเกิดขึ้นที่ใบมากที่สุด พืชคายน้ำเพื่อลด อุณหภูมิที่ใบพืช รวมทั้งทำให้เกิดการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุจาก ดินเข้าสู่ราก และจากรากไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืช 1 การคายน้ำของพืชเกิดขึ้นที่ใบมากที่สุด พืชคายน้ำเพื่อลด อุณหภูมิที่ใบพืช รวมทั้งทำให้เกิดการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุจาก ดินเข้าสู่ราก และจากรากไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืช 1 พืชสร้างอาหารเองได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยสารสำคัญ ที่ช่วยในการสังเคราะห์ด้วยแสง คือ คลอโรฟิลล์ ซึ่งมีสีเขียวและ พบมากที่ใบ 1 คลอโรฟิลล์เป็นสารสีเขียวในใบพืช ทำหน้าที่ช่วยให้พืชเกิดการ สังเคราะห์ด้วยแสง 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด คลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของ พืช (1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่21 คลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของ พืช (2) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่22 แสงกับการสร้างอาหารของพืช (1) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่23 แสงกับการสร้างอาหารของพืช (2) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่24 ส่วนประกอบของดอก (1) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่25 ส่วนประกอบของดอก (2) (ว 1.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่26 การจำแนกชนิดของดอก (ว 1.2 ป. 4/1)
11 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก พืชเก็บสะสมอาหารไว้ตามส่วนต่างๆ ของพืชทั้งในรูปของน้ำตาล และแป้ง 1 แสงช่วยให้พืชเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง 1 แสงช่วยให้พืชเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง 1 ดอกของพืชโดยทั่วไปประกอบด้วยกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศ ผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนประกอบที่ทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์ คือ เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย 1 ดอกของพืชโดยทั่วไปประกอบด้วยกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศ ผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนประกอบที่ทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์ คือ เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย 1 ดอกสามารถจำแนกเป็นกลุ่มได้โดยการกำหนดเกณฑ์ที่แสดง ลักษณะเฉพาะที่เหมือนกัน – เมื่อใช้ส่วนประกอบของดอกเป็นเกณฑ์ แบ่งเป็นดอกครบส่วน กับดอกไม่ครบส่วน 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่27 การจำแนกสัตว์ (1) (ว 1.3 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่28 การจำแนกสัตว์ (2) (ว 1.3 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่29 สัตว์มีกระดูกสันหลัง (ปลา) (ว 1.3 ป. 4/4) แผนการจัดการเรียนรู้ที่30 สัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์สะเทินน้ำ สะเทินบก) (ว 1.3 ป. 4/4) แผนการจัดการเรียนรู้ที่31 สัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์เลื้อยคลาน) (ว 1.3 ป. 4/4)
12 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก – เมื่อใช้เพศของดอกเป็นเกณฑ์ แบ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศกับ ดอกไม่สมบูรณ์เพศ การจำแนกสัตว์โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถ จำแนกสัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง 1 การจำแนกสัตว์โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถ จำแนกสัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง 1 สัตว์มีกระดูกสันหลังแบ่งเป็น 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีลักษณะ เฉพาะที่สังเกตได้แตกต่างกัน สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา เป็นสัตว์เลือดเย็น ลำตัวมีครีบและหาง ออกลูกเป็นไข่ หายใจ ด้วยเหงือก และเจริญเติบโตในน้ำ 1 สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเป็นสัตว์ เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ ตัวอ่อนมีหางเหมือนปลา หายใจด้วย เหงือก และเจริญเติบโตในน้ำ ส่วนตัวเต็มวัยมีผิวหนังเปียกชื้น หายใจด้วยปอดและผิวหนัง และเจริญเติบโตบนบก 1 สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานเป็นสัตว์เลือดเย็น ลำตัวมีเกล็ดหรือผิวหนังหนา ออกลูกเป็นไข่ หายใจด้วยปอด และเจริญเติบโตบนบก 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่32 สัตว์มีกระดูกสันหลัง (นก) (ว 1.3 ป. 4/4) แผนการจัดการเรียนรู้ที่33 สัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์เลี้ยงลูก ด้วยน้ำนม) (ว 1.3 ป. 4/4) แผนการจัดการเรียนรู้ที่34 สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง (1) (ว 1.3 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่35 สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง (2) (ว 1.3 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่36 สัตว์ที่มีขาเป็นข้อ (ว 1.3 ป. 4/3)
13 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลำตัวปกคลุม ด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มีฟัน ออกลูกเป็นไข่ หายใจ ด้วยปอด และเจริญเติบโตบนบก 1 สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเป็น สัตว์เลือดอุ่น ลำตัวปกคลุมด้วยขนเป็นเส้น เพศเมียมีต่อมสร้าง น้ำนม ออกลูกเป็นตัว หายใจด้วยปอด และเจริญเติบโตบนบก 1 สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นสัตว์ที่ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็ง ภายในลำตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมีลำตัวอ่อนนิ่ม และบาง ชนิดสร้างโครงร่างแข็งหุ้มลำตัวไว้เพื่อป้องกันอันตราย ซึ่ง ลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันนี้สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการ จำแนกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นกลุ่มได้ 1 สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นสัตว์ที่ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็ง ภายในลำตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมีลำตัวอ่อนนิ่ม และบาง ชนิดสร้างโครงร่างแข็งหุ้มลำตัวไว้เพื่อป้องกันอันตราย ซึ่ง ลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันนี้สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการ จำแนกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นกลุ่มได้ 1 กลุ่มสัตว์ที่มีขาเป็นข้อเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มี ลักษณะเฉพาะ คือ ขามีลักษณะเป็นข้อต่อกัน ลำตัวแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ หัว อก และท้อง และมีเปลือกแข็งหุ้มลำตัว 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่37 การทดสอบกลางปี - หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แรงโน้มถ่วงของโลก และตัวกลางของแสง แผนการจัดการเรียนรู้ที่38 แรงโน้มถ่วง (1) (ว 2.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่39 แรงโน้มถ่วง (2) (ว 2.2 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่40 ผลของแรงโน้มถ่วง (1) (ว 2.2 ป. 4/1) (ว 2.2 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่41 ผลของแรงโน้มถ่วง (2) (ว 2.2 ป. 4/1) (ว 2.2 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่42 ความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล (1) (ว 2.2 ป. 4/1) (ว 2.2 ป. 4/2)
14 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก - 1 แรงโน้มถ่วง คือ แรงดึงดูดระหว่างวัตถุที่มีมวล แรงโน้มถ่วงของโลก คือ แรงที่โลกซึ่งมีมวลมากดึงดูดวัตถุที่มี มวลเข้าสู่ศูนย์กลางของโลก 1 แรงโน้มถ่วง คือ แรงดึงดูดระหว่างวัตถุที่มีมวล แรงโน้มถ่วงของโลก คือ แรงที่โลกซึ่งมีมวลมากดึงดูดวัตถุที่มี มวลเข้าสู่ศูนย์กลางของโลก 1 แรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดให้วัตถุที่มีมวลตกลงสู่พื้นโลก เราวัด แรงนี้ได้ด้วยการใช้เครื่องชั่งสปริง และเรียกแรงนี้ว่า น้ำหนัก มี หน่วยเป็น นิวตัน - แรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดให้วัตถุที่มีมวลตกลงสู่พื้นโลก เราวัด แรงนี้ได้ด้วยการใช้เครื่องชั่งสปริง และเรียกแรงนี้ว่า น้ำหนัก มี หน่วยเป็น นิวตัน 1 น้ำหนักและมวลมีความสัมพันธ์แบบแปรผันกัน คือ เมื่อมวล เพิ่มขึ้น น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่43 ความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล (2) (ว 2.2 ป. 4/1) (ว 2.2 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่44 ผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ (1) (ว 2.2 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่45 ผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ (2) (ว2.2 ป.4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่46 การมองเห็นวัตถุ (ว 2.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่47 การจำแนกตัวกลางของแสง (1) (ว 2.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่48 การจำแนกตัวกลางของแสง (2) (ว 2.3 ป. 4/1)
15 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้ำหนักของวัตถุ โดยมี ความสัมพันธ์แบบแปรผกผันกัน คือ น้ำหนักลดลงเมื่อวัตถุอยู่ห่าง จากศูนย์กลางของโลกมากขึ้น 1 เมื่อออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่ วัตถุจะออกแรง ต้านการเคลื่อนที่ โดยแรงต้านการเคลื่อนที่แปรผันตามขนาดของ มวล คือ มวลเพิ่มขึ้น แรงต้านการเคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้น 1 เมื่อออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่ วัตถุจะออกแรง ต้านการเคลื่อนที่ โดยแรงต้านการเคลื่อนที่แปรผันตามขนาดของ มวล คือ มวลเพิ่มขึ้น แรงต้านการเคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้น 1 เมื่อมีแสงจากแหล่งกำเนิดแสงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนมาเข้าตา เราจะทำให้เรามองเห็นวัตถุนั้นได้ 1 นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งที่แสงผ่านได้เป็นตัวกลางของแสงและ ให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เป็นวัตถุทึบแสง โดยตัวกลางของแสง แบ่งได้เป็นตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสง 1 นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งที่แสงผ่านได้เป็นตัวกลางของแสงและ ให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เป็นวัตถุทึบแสง โดยตัวกลางของแสง แบ่งได้เป็นตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสง 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่49 ตัวกลางของแสง (ว 2.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่50 การเกิดเงา (1) (ว 2.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่51 การเกิดเงา (2) (ว 2.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่52 เงามืด เงามัว (ว 2.3 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่53 การใช้ประโยชน์จากตัวกลางของ แสง (ว 2.3 ป. 4/1) หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 วัสดุและสสาร แผนการจัดการเรียนรู้ที่54 สภาพ ยืดหยุ่น (1) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2)
16 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งที่แสงผ่านได้เป็นตัวกลางของแสงและ ให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เป็นวัตถุทึบแสง โดยตัวกลางของแสง แบ่งได้เป็นตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสง 1 เงาเกิดขึ้นเมื่อวัตถุทึบแสงกั้นการเคลื่อนที่ของแสงจาก แหล่งกำเนิดแสง ทำให้เกิดเป็นบริเวณมืดด้านหลังวัตถุทึบแสง 1 เงาเกิดขึ้นเมื่อวัตถุทึบแสงกั้นการเคลื่อนที่ของแสงจาก แหล่งกำเนิดแสง ทำให้เกิดเป็นบริเวณมืดด้านหลังวัตถุทึบแสง 1 เมื่อแสงตกกระทบวัตถุทึบแสงจะเกิดเงาขึ้น เงามี 2 ประเภท คือ เงามืดและเงามัว เงามืด คือ บริเวณที่แสงไปไม่ถึงฉากเลย ส่วน เงามัว คือ บริเวณที่แสงไปถึงฉากบางส่วน ขนาดของเงามืด ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างแหล่งกำเนิดแสงกับวัตถุที่กั้นแสงกับ ฉาก 1 ตัวกลางของแสงและวัตถุทึบแสงมีสมบัติแตกต่างกัน เราจึง นำมาใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ 1 สภาพยืดหยุ่นเป็นสมบัติของวัสดุที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเมื่อมี แรงมากระทำต่อวัสดุ และสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เมื่อ หยุดแรงกระทำต่อวัสดุนั้น ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดมีสภาพยืดหยุ่นไม่ เท่ากัน 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่55 สภาพ ยืดหยุ่น (2) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่56 ความ แข็ง (1) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่57 ความ แข็ง (2) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่58 ความ เหนียว (1) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่59 ความ เหนียว (2) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่60 การนำความร้อน (1) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2)
17 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก สภาพยืดหยุ่นเป็นสมบัติของวัสดุที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเมื่อมี แรงมากระทำต่อวัสดุ และสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เมื่อ หยุดแรงกระทำต่อวัสดุนั้น ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดมีสภาพยืดหยุ่นไม่ เท่ากัน 1 ความแข็งของวัสดุเป็นความทนทานต่อการถูกขูดขีดของวัสดุ เมื่อนำวัสดุ 2 ชนิดมาขูดขีดกัน วัสดุที่มีความแข็งน้อยกว่าจะเกิด รอย 1 ความแข็งของวัสดุเป็นความทนทานต่อการถูกขูดขีดของวัสดุ เมื่อนำวัสดุ 2 ชนิดมาขูดขีดกัน วัสดุที่มีความแข็งน้อยกว่าจะเกิด รอย 1 ความเหนียวเป็นสมบัติเฉพาะของวัสดุแต่ละชนิด วัสดุที่มีความ เหนียวมากจะต้องออกแรงดึงมากจึงจะขาด และวัสดุที่มีความ เหนียวมากจะรับน้ำหนักได้มากกว่าวัสดุที่มีความเหนียวน้อย 1 ความเหนียวเป็นสมบัติเฉพาะของวัสดุแต่ละชนิด วัสดุที่มีความ เหนียวมากจะต้องออกแรงดึงมากจึงจะขาด และวัสดุที่มีความ เหนียวมากจะรับน้ำหนักได้มากกว่าวัสดุที่มีความเหนียวน้อย 1 วัสดุ 2 ชนิดที่มีอุณหภูมิต่างกัน เมื่อนำมาสัมผัสกันจะเกิดการ ถ่ายโอนความร้อนให้แก่กัน วัสดุที่ยอมให้ความร้อนผ่านได้ดี 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่61 การนำความร้อน (2) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่62 กิจกรรมสะเต็มศึกษา (1) (ว 2.1 ป. 4/1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่63 กิจกรรมสะเต็มศึกษา (2) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) (ว 4.2 ป. 4/3) (ว 4.2 ป. 4/5)
18 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก เรียกว่า ตัวนำความร้อน ส่วนวัสดุที่ไม่ยอมให้ความร้อนผ่าน เรียกว่า ฉนวนความร้อน วัสดุ 2 ชนิดที่มีอุณหภูมิต่างกัน เมื่อนำมาสัมผัสกันจะเกิดการ ถ่ายโอนความร้อนให้แก่กัน วัสดุที่ยอมให้ความร้อนผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนำความร้อน ส่วนวัสดุที่ไม่ยอมให้ความร้อนผ่าน เรียกว่า ฉนวนความร้อน 1 คำว่า “สะเต็ม” เกิดจากการนำความรู้ 4 สาขา คือ S (Science) หมายถึง วิทยาศาสตร์ T (Technology) หมายถึง เทคโนโลยี E (Engineering) หมายถึง วิศวกรรมศาสตร์ และ M (Mathematics) หมายถึง คณิตศาสตร์ มาเรียนรู้ร่วมกัน สะเต็มศึกษาเป็นการเรียนรู้ที่ใช้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี มา แก้ปัญหาโดยผ่านกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) เพื่อสร้างชิ้นงานที่ สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ 1 วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน สมบัติทาง กายภาพของวัสดุ ได้แก่ สภาพยืดหยุ่น ความแข็ง ความเหนียว การนำความร้อน และการนำไฟฟ้า 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่64 การนำไฟฟ้า (1) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่65 การนำไฟฟ้า (2) (ว 2.1 ป. 4/1) (ว 2.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่66 สมบัติของของแข็งและของเหลว (1) (ว 2.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่67 สมบัติของของแข็งและของเหลว (2) (ว 2.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่68 สมบัติของแก๊ส (1) (ว 2.1 ป. 4/3)
19 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก วัสดุที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนำไฟฟ้า ส่วน วัสดุที่กระแสไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านได้หรือผ่านได้ไม่ดี เรียกว่า ฉนวนไฟฟ้า วัสดุที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนำไฟฟ้า ส่วน วัสดุที่กระแสไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านได้หรือผ่านได้ไม่ดี เรียกว่า ฉนวนไฟฟ้า 1 สสารที่มีสถานะเป็นของแข็งจะมีอนุภาคของสารอยู่ชิดกันมาก มี แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมาก จึงมีปริมาตรคงที่และมีรูปร่าง ที่แน่นอนเฉพาะตัว ส่วนของเหลวจะมีปริมาตรคงที่ อนุภาค ภายในอยู่ห่างกัน รูปร่างของของเหลวจึงเปลี่ยนไปตามภาชนะที่ บรรจุได้ 1 สสารที่มีสถานะเป็นของแข็งจะมีอนุภาคของสารอยู่ชิดกันมาก มี แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมาก จึงมีปริมาตรคงที่และมีรูปร่าง ที่แน่นอนเฉพาะตัว ส่วนของเหลวจะมีปริมาตรคงที่ อนุภาค ภายในอยู่ห่างกัน รูปร่างของของเหลวจึงเปลี่ยนไปตามภาชนะที่ บรรจุได้ 1 แก๊สเป็นสสารที่มีอนุภาคภายในอยู่ห่างกันมาก อนุภาคจะ เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้มีปริมาตรและรูปร่างไม่คงที่ สามารถฟุ้งกระจายได้ 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่69 สมบัติของแก๊ส (2) (ว 2.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่70 การวัดมวลและปริมาตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/4) หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ระบบสุริยะและ การปรากฏของดวง จันทร์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่71 การขึ้นและตกของดวงจันทร์ รูปร่าง ของดวงจันทร์ (1) (ว 3.1 ป. 4/1) (ว 3.1 ป. 4/2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่72 การขึ้นและตกของดวงจันทร์ รูปร่าง ของดวงจันทร์ (2) (ว 3.1 ป. 4/1) (ว 3.1 ป. 4/2)
20 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก แก๊สเป็นสสารที่มีอนุภาคภายในอยู่ห่างกันมาก อนุภาคจะ เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้มีปริมาตรและรูปร่างไม่คงที่ สามารถฟุ้งกระจายได้ 1 วัสดุทุกชนิดเป็นสสาร คือ มีมวล ต้องการที่อยู่ และสัมผัสได้ ซึ่ง สสารแต่ละสถานะมีมวลและปริมาตรแตกต่างกัน จึงใช้เครื่องมือ วัดมวลและปริมาตรต่างกันด้วย 1 ดวงจันทร์ขึ้นและตกทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ โดยในแต่ละคืน เราจะเห็นดวงจันทร์มีลักษณะแตกต่างกัน ช่วงที่เห็นดวงจันทร์ เต็มดวงเรียกว่า ข้างขึ้น ช่วงที่ไม่เห็นดวงจันทร์เลยเรียกว่า ข้างแรม เราสามารถใช้ลักษณะของดวงจันทร์บอกทิศแก่เราได้ โดยในวันขึ้น 8 ค่ำ จะเห็นด้านที่มืดอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนวัน แรม 8 ค่ำ จะเห็นด้านที่มืดอยู่ทางทิศตะวันตก 1 ดวงจันทร์ขึ้นและตกทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ โดยในแต่ละคืน เราจะเห็นดวงจันทร์มีลักษณะแตกต่างกัน ช่วงที่เห็นดวงจันทร์ เต็มดวงเรียกว่า ข้างขึ้น ช่วงที่ไม่เห็นดวงจันทร์เลยเรียกว่า ข้างแรม เราสามารถใช้ลักษณะของดวงจันทร์บอกทิศแก่เราได้ โดยในวันขึ้น 8 ค่ำ จะเห็นด้านที่มืดอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนวัน แรม 8 ค่ำ จะเห็นด้านที่มืดอยู่ทางทิศตะวันตก 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่73 แบบจำลองระบบสุริยะ (ว 3.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่74 ส่วนประกอบของระบบสุริยะ (1) (ว 3.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่75 ส่วนประกอบของระบบสุริยะ (2) (ว 3.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่76 เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาว เคราะห์ในระบบสุริยะ (1) (ว 3.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่77 เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาว เคราะห์ในระบบสุริยะ (2) (ว 3.1 ป. 4/3)
21 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก แบบจำลองระบบสุริยะเป็นแผนภาพแสดงแนวคิดของนักดารา ศาสตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ และวัตถุท้องฟ้าอื่นๆ ที่โคจรรอบโลก 1 ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง มีบริวารที่ เป็นดาวเคราะห์ 8 ดวง ประกอบด้วย ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาว อังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน 1 ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง มีบริวารที่ เป็นดาวเคราะห์ 8 ดวง ประกอบด้วย ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาว อังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน 1 นักดาราศาสตร์ได้แบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่ง ออกเป็น ดาวเคราะห์วงนอกและดาวเคราะห์วงใน ส่วนการแบ่ง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์ แบ่ง ออกเป็น ดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง และดาว เคราะห์หิน 1 นักดาราศาสตร์ได้แบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่ง ออกเป็นดาวเคราะห์วงนอกและดาวเคราะห์วงใน ส่วนการแบ่ง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์ แบ่ง 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ที่78 การสร้างแบบจำลองระบบสุริยะ (ว 3.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่79 ความเร็วในการโคจรของดาว เคราะห์รอบดวงอาทิตย์ (ว 3.1 ป. 4/3) แผนการจัดการเรียนรู้ที่80 การทดสอบปลายปี-
22 รู้/ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก ออกเป็นดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง และดาว เคราะห์หิน แบบจำลองระบบสุริยะเป็นแผนภาพแสดงแนวคิดของนักดารา ศาสตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ และวัตถุท้องฟ้าอื่นๆ ที่โคจรรอบโลก 1 ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มีรัศมีในการโคจรรอบดวง อาทิตย์น้อยกว่าดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ จึงทำให้ ดวงอาทิตย์ออกแรงดึงดูดมาก ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ จึงต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเพื่อให้สามารถโคจรรอบดวง อาทิตย์ได้โดยที่ไม่ถูกดวงอาทิตย์ดึงดูดเข้าไป 1 - 1
23 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ เวลา 1 ชั่วโมง วันที่.........8.........เดือน…….กรกฎาคม.........พ.ศ...2566.......ครูผู้สอน……...นางสาวปานชนก กันเขี่ย......... *********************************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชั้นปี จำแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตและจำแนกพืชดอกเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์(A) 4. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์(A) 5. สื่อสารและนำความรู้เรื่องพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้(P) 4. สาระสำคัญ พืชดอกมีลักษณะภายนอกบางประการที่แตกต่างกัน เมื่อใช้ลักษณะภายนอกที่สำคัญเป็นเกณฑ์สามารถ จำแนกพืชดอกเป็น 2 กลุ่ม คือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ 5. สาระการเรียนรู้ สามารถแบ่งพืชชั้นสูง โดยการจำแนกจากใบเลี้ยง ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1. พืชใบเลี้ยงเดี่ยว คือ พืชที่เมื่อใบแรกแทงออกมาจากเมล็ด มีใบเดียว และเมื่อเติบโตขึ้นจะเห็นลำต้นเป็น ข้อปล้องอย่างชัดเจน ได้แก่ พืชจำพวกหญ้า ข้าว ข้าวโพด อ้อย ไผ่ พืชเหล่านี้จะมีใบเรียงตัวเป็นเลขคี่หรือใบเดียว เส้นบนใบจะเรียงตัวแบบขนานไปตามแนวยาวของใบ ลำต้นมักเรียว และเป็นพืชล้มลุกเป็นส่วนมาก พืชในกลุ่มนี้มี ระบบรากฝอย และจำนวนกลีบดอกของพืชกลุ่มนี้จะมี 3 กลีบหรือทวีคูณของ 3
24 2. พืชใบเลี้ยงคู่ จะงอกออกจากเมล็ดพร้อมกับใบเลี้ยง 2 ใบ และเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะเห็นข้อและ ปล้องในส่วนของลำต้นไม่ชัดเจน เนื่องจากมันมักจะมีเปลือกแข็งห่อหุ้ม และยังมีการเจริญเติบโตออกด้านข้าง มีกิ่งก้านสาขา แผ่ทุกทิศทางเพื่อเก็บเกี่ยวแสงแดดได้มากกว่า รากของพืชใบเลี้ยงคู่เป็นระบบรากแก้ว ทำให้ต้นของ พืชใบเลี้ยงคู่มีความมั่นคงมากกว่า ทั้งยังมีอายุยาวนานกว่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยวด้วย 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน - ใบกิจกรรม เรื่อง พืชใกล้ตัว 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ โดยการนำพืช 2 ชนิด ได้แก่ ต้นอ้อย และต้นทานตะวัน มาให้นักเรียนลองทายและบอกลักษณะความแตกต่างระหว่างพืช 2 ต้นนี้ พร้อมทั้งบอกว่าต้นไหนเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวใบเลี้ยงคู่ 2. ให้นักเรียนยกตัวอย่างพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ที่รู้จัก พร้อมกับให้เหตุผลประกอบว่า พืชชนิดนั้น เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือพืชใบเลี้ยงคู่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ มะม่วงเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ เพราะเส้นใบเป็นแบบ ร่างแห, พุทธรักษาเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เพราะเส้นใบเป็นแบบขนาน, มะพร้าวเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เพราะมองเห็น ข้อปล้องชัดเจน, กุหลาบเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ เพราะเส้นใบเรียงแบบร่างแห, หญ้าเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เพราะรากเป็น ระบบรากฝอย เป็นต้น) 3. นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรู้เรื่อง พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
25 ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ครูนำสื่อพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่เพื่อใช้ประกอบการสอน 2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 1 สำรวจพืชใกล้ตัว แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอนที่ได้ วางแผนไว้ ดังนี้ – แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน – ออกสำรวจพืชบริเวณโรงเรียน – บันทึกผลการสำรวจของพืชที่สำรวจได้ ระบุชื่อต้นไม้ลักษณะที่สังเกต จำแนกเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว หรือพืชใบเลี้ยงคู่ 2. ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ บริเวณที่สำรวจและ เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน 3. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปนี้ – นักเรียนใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจำแนกพืชเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ (แนวคำตอบ การเรียงตัวของเส้นใบ ลักษณะของลำต้น และลักษณะของราก) – พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่มีลักษณะใบแตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีเส้นใบแบบขนาน ส่วนพืชใบเลี้ยงคู่มีเส้นใบแบบร่างแห) – ยกตัวอย่างพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่มาอย่างละ 3 ชนิด (แนวคำตอบ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น อ้อย ไผ่ และกล้วย พืชใบเลี้ยงคู่ เช่น ตำลึง มะยม และมะนาว) 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า พืชแต่ละชนิด มีลักษณะการเรียงตัวของเส้นใบ ลำต้น ราก แตกต่างกัน คือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีเส้นใบเรียงแบบขนาน ลำต้นเห็น ข้อปล้องชัดเจน และรากจะเป็นระบบรากฝอย ส่วนพืชใบเลี้ยงคู่ เส้นใบเรียงแบบร่างแห ลำต้นเห็นข้อปล้อง ไม่ชัดเจน และระบบรากจะเป็นระบบรากแก้ว 5. ครูให้นักเรียนเล่มเกมบิงโก เรื่อง พืชใบเลี้ยงเดี่ยวใบเลี้ยงคู่ โดยครูแจกแผ่นบิงโกให้นักเรียนคนละ 1 แผ่น และอธิบายวิธีการเล่นเกมให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูจับสลากลักษณะพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ ขึ้นมา 1 อัน โดยครูค่อยๆ อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ เช่น - ลักษณะของพืช เช่น มีจำนวนใบเลี้ยง 2 ใบ, ระบบรากแก้ว, เส้นใบเรียงตัวแบบร่างแห
26 - ชื่อพืช เช่น ไผ่ ข้าว เข็ม ชบา พลูด่าง จากนั้นจึงให้นักเรียนช่วยกันสรุปว่าเป็นลักษณะพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือพืชใบเลี้ยงคู่ และครูจึงเฉลยว่าสลาก ที่ครูจับคือลักษณะพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือใบเลี้ยงคู่ เช่น ถ้าครูจับสลากได้ ระบบรากแก้ว แสดงว่าเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ เป็นต้น - นักเรียนดูแผ่นบิงโกของตนเอง หากมีลักษณะพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ดังกล่าวก็สามารถวาง เบี้ยลงบนลักษณะพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่นั้นๆ หากนักเรียนคนใดวางเบี้ยครบก่อนใน ⬆️เเนวตั้ง ➡️แนวนอน หรือ ↗️ แนวเฉียง คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ และได้รับรางวัล 4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรต้านหวัด โดยครูถามนักเรียนว่านักเรียนรู้จักสมุนไพรต้านหวัด อะไรบ้าง 2. นักเรียนแสดงความคิดเห็นตามประสบการณ์ 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ ยังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ 2. นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง 3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการนำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 4. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ จำนวน 10 ข้อ ขั้นสรุป 1. ครูสรุปความรู้เรื่อง พืช พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ ดังนี้ 1. พืชใบเลี้ยงเดี่ยว คือ พืชที่เมื่อใบแรกแทงออกมาจากเมล็ด มีใบเดียว และเมื่อเติบโตขึ้นจะเห็นลำต้น เป็นข้อปล้องอย่างชัดเจน ได้แก่ พืชจำพวกหญ้า ข้าว ข้าวโพด อ้อย ไผ่ พืชเหล่านี้จะมีใบเรียงตัวเป็นเลขคี่หรือ ใบเดียว เส้นบนใบจะเรียงตัวแบบขนานไปตามแนวยาวของใบ ลำต้นมักเรียว และเป็นพืชล้มลุกเป็นส่วนมาก พืชในกลุ่มนี้มีระบบรากฝอย และจำนวนกลีบดอกของพืชกลุ่มนี้จะมี 3 กลีบหรือทวีคูณของ 3 2. พืชใบเลี้ยงคู่ จะงอกออกจากเมล็ดพร้อมกับใบเลี้ยง 2 ใบ และเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะเห็น ข้อและปล้องในส่วนของลำต้นไม่ชัดเจน เนื่องจากมันมักจะมีเปลือกแข็งห่อหุ้ม และยังมีการเจริญเติบ โตออก ด้านข้าง มีกิ่งก้านสาขา แผ่ทุกทิศทางเพื่อเก็บเกี่ยวแสงแดดได้มากกว่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยว รากของพืชใบเลี้ยงคู่ เป็นระบบรากแก้ว ทำให้ต้นของพืชใบเลี้ยงคู่มีความมั่นคงมากกว่า ทั้งยังมีอายุยาวนานกว่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยวด้วย 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนชั่วโมงหน้าเพื่อจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อหน้าที่ของส่วนต่างๆ ของพืช โดยใช้ใบงาน สังเกตก่อนเรียน ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า
27 3. ครูอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมที่บ้าน พร้อมทั้งให้ นักเรียนเตรียมประเด็นคำถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพื่อนำมาอภิปรายร่วมกันในห้องเรียนครั้งต่อไป 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 1 พืชใกล้ตัว 2. สื่อพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ 3. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 6. แผ่นเกมบิงโก 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ จิตวิทยาศาสตร์(A) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรู้เรื่องพืชใบเลี้ยง เดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต และใช้แบบวัดเจตคติทาง วิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบวัด ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดยการ สังเกตการทำงานกลุ่ม 3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา โดยการสังเกตการทำงานกลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มโดยการสังเกตการ ทำงานกลุ่ม
28 12. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรียนนี่ไม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................. .................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................. 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) .............................................................................................................................. ................................ ................................................................................................... ........................................................... 3. นักเรียนมีความรู้เกิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ................................. ................................................................................................................................. ............................. 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................ 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................................................. 12.3 ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................ ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตำแหน่ง.....................................
29 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แล้วมีความเห็น ดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตำแหน่ง............................................
30 ภาคผนวก
31 ใบกิจกรรมวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง พืชใกล้ตัว ชื่อ - สกุล ______________________________________ชั้น___________เลขที่______ ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน 1. การสังเกต 2. การจำแนกประเภท 3. การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล 4. การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป แหล่งเรียนรู้ บริเวณโรงเรียน ขั้นตอน 1. แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน 2. ออกสำรวจพืชบริเวณโรงเรียน 3. บันทึกผลการสำรวจของพืชที่สำรวจได้ ระบุชื่อต้นไม้ ลักษณะที่สังเกต จำแนกเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือ พืชใบเลี้ยงคู่ บันทึกผล พืชที่ศึกษา ลักษณะที่สังเกต จำแนกกลุ่มพืช เส้นใบ ลำต้น ราก พืชใบเลี้ยง เดี่ยว พืชใบเลี้ยง คู่ ขนาน ร่างแห เห็นข้อ ปล้อง ชัดเจน เห็นข้อ ปล้องไม่ ชัดเจน รากฝอย รากแก้ว ตัวอย่าง : มะม่วง √ √ √ √ 1. 2. 3. 4. 5. สรุป
32 คำถามประกอบกิจกรรม 1. นักเรียนใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจำแนกพืช เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ 2. พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่มีลักษณะใบแตกต่างกันอย่างไร 3. ยกตัวอย่างพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่มาอย่างละ 3 ชนิด
33 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ คำชี้แจง ให้เลือก X ข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. พืชดอกมีลักษณะสำคัญอย่างไร ก. มีรากฝอย ข. เส้นใบเป็นร่างแห ค. มีดอกใช้ในการสืบพันธุ์ ง. กลีบดอกแบ่งเป็นชุด ชุดละ 4-5 กลีบ 2. กลุ่มของพืชดอก คือข้อใด ก. กุหลาบ เฟื่องฟ้า มะลิ ข. กุหลาบ มอส เฟิร์น ค. มอส เฟิร์น ผักกูด ง. มอส มะลิ สน 3. กลุ่มของพืชไม่มีดอก คือข้อใด ก. ปรง ผักกูด จอก ข. เฟิร์น ไผ่ ผักแว่น ค. มอส เฟิร์น ผักกูด ง. มอส สน ผักตบชวา 4. ลักษณะสำคัญของพืชไม่มีดอก คืออะไร ก. มีระบบรากแก้ว ข. สืบพันธุ์ด้วยสปอร์ ค. ลำต้นเป็นข้อปล้องชัดเจน ง. สร้างเมล็ดจากดอกที่ผสมพันธุ์แล้ว 5. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับพืชดอก ก. รังไข่ ข. สปอร์ ค. เกสร ง. ละอองเรณู 6. ลักษณะของพืชใบเลี้ยงคู่ หมายถึงอะไร ก. ใบเรียวยาว ข. มีลำต้นบางส่วนอยู่ใต้ดิน ค. เป็นพืชดอกที่มีระบบรากแก้ว ง. ขอบใบหยักและมีเส้นใบเป็นสีเขียว 7. ลักษณะของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว หมายถึงอะไร ก. ขอบใบหยัก ข. เส้นใบเป็นสีเขียว ค. ลำต้นไม่มีข้อปล้อง ง. ไม่มีรากแก้ว แต่มีระบบรากฝอย 8. เราจัดตะไคร้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เพราะอะไร ก. มีรากฝอย ข. เส้นใบเป็นร่างแห ค. มีดอกที่ใช้สืบพันธุ์ ง. ลำต้นเป็นข้อปล้อง 9. ข้าวโพด จัดเป็นพืชประเภทใดและมีรากลักษณะใด ก. ใบเลี้ยงคู่ มีระบบรากแก้ว ข. ใบเลี้ยงคู่ ไม่มีระบบรากแก้ว ค. ใบเลี้ยงเดี่ยว มีระบบรากแก้ว ง. ใบเลี้ยงเดี่ยว ไม่มีระบบรากแก้ว 10. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะภายนอกที่ใช้ในการจำแนกพืช ใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ ก. ท่อลำเลียง ข. ลำต้น ค. ราก ง. ใบ
34 การประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ ……………………………………………… (สำหรับนักเรียนประเมินตนเอง) คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่างที่ตรงกับความเป็นจริง รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง 1. มีความสงสัยและกระตือรือร้นที่จะหาคำตอบ 2. ชอบทดลองค้นคว้า 3. ชอบสนทนา ซักถาม ฟัง และอ่านเพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มเติม 4. อธิบายหรือแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล 5. มีความละเอียดถี่ถ้วนในการทำงาน 6. ทำงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย 7. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 8. มีความอดทนและมุ่งมั่น 9. ใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 10. มีความซื่อสัตย์ รวมคะแนนที่ได้ รวม ระดับคะแนน ดี = 3 คะแนน พอใช้ = 2 คะแนน ปรับปรุง = 1 คะแนน เกณฑ์การพิจารณาระดับคุณภาพ ระดับดี 24 – 30 คะแนน ระดับพอใช้ 17 – 23 คะแนน ระดับปรับปรุง 10 – 16 คะแนน ชื่อ........................................................................................ เลขที่..................... ชั้น..................... ประเมินเมื่อวันที่.................. เดือน................................ พ.ศ. ......................................................
35 การประเมินด้านทักษะ/กระบวนการ หน่วยการเรียนรู้ที่ ……………………………………………… (สำหรับนักเรียนประเมินตนเอง) คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่างที่ตรงกับความเป็นจริง รายการประเมิน พฤติกรรมที่แสดงออก ดี พอใช้ ดี 1. ทักษะ กระบวนการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ 1. ซักถามครูเมื่อมีข้อสงสัยในบทเรียน 2. วางแผนการสังเกต สำรวจ หรือศึกษาค้นคว้า 3. จัดกลุ่มข้อมูลที่ได้จากการสังเกต สำรวจ หรือศึกษาค้นคว้า 4. แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน 5. นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 2. ทักษะ กระบวนการกลุ่ม 6. ร่วมกันวางแผนและแบ่งหน้าที่การทำงานกับเพื่อนในกลุ่ม 7. จัดเตรียมวัสดุ/อุปกรณ์ให้พร้อมก่อนการปฏิบัติกิจกรรม 8. ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ 9. งานเสร็จทันเวลาและมีคุณภาพ 10. ภูมิใจในผลงาน/การทำงานกลุ่ม รวมคะแนนที่ได้ รวม ระดับคะแนน ดี = 3 คะแนน พอใช้ = 2 คะแนน ปรับปรุง = 1 คะแนน เกณฑ์การพิจารณาระดับคุณภาพ ระดับดี 24 – 30 คะแนน ระดับพอใช้ 17 – 23 คะแนน ระดับปรับปรุง 10 – 16 คะแนน ชื่อ........................................................................................ เลขที่..................... ชั้น..................... ประเมินเมื่อวันที่.................. เดือน................................ พ.ศ. ......................................................