การแต่งบทร้อยกรอง ประเภทโคลงและกาพย์ ครูเม่น
01 ฉันทลักษณ์ 02 กาพย์ 03 โคลง 04 แบบฝึกทักษะ
01 1. คณะ 2. พยางค์ 3. ครุ ลหุ 4. เอก โท 5. สัมผัส 6. ค าเป็น ค าตาย 7. ค าน า 8. ค าสร้อย
ฉันทลักษณ์ คือ ลักษณะ หรือแบบแผนของค าประพันธ์ หรือที่เรียกกันว่าร้อยกรอง อันได้แก่ โคลง กลอน กาพย์ ฉัน ร่าย ลิลิต และกลบท ค าประพันธ์ที่ดีจะต้องประกอบด้วยลักษณะ 3 ประการ คือ 1. ความดี 2. สัมผัสดีมีความไพเราะ 3. แต่งถูกต้องตามแบบแผนลักษณะบังคับ
คือ ก าหนดกฎเกณฑ์ที่วางไว้ว่า ค าประพันธ์ชนิดต่าง ๆ 1 บทมีกี่วรรค วรรคหนึ่งมีกี่ ค า ต้องการ เอก – โท ครุ – ลหุ ที่ตรงใดบ้าง เช่น กลอนสุภาพ บทหนึ่งมี 2 บาท บทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหนึ่ง ๆ มี 8 ค า (8 พยางค์)
โคลงสี่สุภาพ บทหนึ่งมี 4 บาท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหน้า 5 ค า วรรคหลัง 2 ค า วรรคสุดท้ายอาจมีได้ 4 ค า และอาจมีค าสร้อยได้ 2 ค า ในท้ายบาทที่ 1 และบาทที่ 3
กาพย์ยานี 11 บทหนึ่งมี 4 วรรค วรรคที่ 1 และวรรคหน้ามี 5 ค า วรรคหลังมี 6 ค า บท หนึ่งมี 11 ค า (11 พยางค์)
คือ จังหวะเสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่ง ๆ จะมีความหมายหรือไม่มีก็ตาม เรียกว่า ค า หนึ่ง และถ้าหากจะรวมลหุกับลหุ เป็นค าหนึ่งก็ได้ เช่น มน (ใจ) ทะนุ พละ หรือลหุกับครุ รวมเป็น 2 พยางค์ เป็นค าหนึ่งก็ได้ เช่น ถนอม แต่ถ้าหากครุกับครุ จะนวมนับเป็นพยางค์ เดียวไม่ได้ ต้องใช้พยางค์ละค า
ครุคือ ค าที่มีเสียงหนัก ได้แก่ พยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงยาวทั้งหมด เช่น กา คา ครู ดี แล หา และค าหรือพยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นหรือเสียงยาวที่มีตัวสะกดทั้งหมด เช่น กิน คาน คุณ ดาน สุข รวมทั้งค าที่ประสมด้วยสระ ไอ ใอ โอ เอา **ส่วนสระอ านั้นเป็นได้ทั้งครุและลหุ ลหุคือ พยางค์ที่มีเสียงเบาหรือประสมด้วยสระเสียงสั้น ไม่มีตัวสะกด เช่น กะ ก็ ละ ริ ชิ ชะ อุ **ครุ – ลหุ ใช้ในการแต่งฉันท์เท่านั้น
ค าเอก คือ ค าที่มีรูปวรรณยุกต์เอกก ากับอยู่ แต่อนุโลมให้ใช้ค าตายแทนได้ ค าโท คือ ค าที่มีรูปวรรณยุกต์โทก ากับ ค าเอกโทษ คือ ค าที่ปกติมีรูปวรรณยุกต์โท แต่เมื่อบังคับฉันทลักษณ์ในโคลง เป็นค าเอก จึงเปลี่ยนให้มีรูปวรรณยุกต์เอกแทน เช่น ค่า แทน ข้า ท่วน แทน ถ้วน ค าโทโทษ คือ ค าที่ปกติมีรูปวรรณยุกต์เอก แต่เมื่อบังคับฉันทลักษณ์ในโคลง เป็นค าโท จึงเปลี่ยนให้มีรูปวรรณยุกต์โทแทน เช่น ฉ้วย แทน ช่วย ฝั้น แทน ฟั่น
คือ ลักษณะที่บังคับให้ใช้ค าคล้องกัน ค าที่คล้องจองกันนั้นหมายถึง ค าที่ใช้ สระ มาตราตัวสะกดอย่างเดียวกัน แต่ต้องไม่ซ้ าอักษรและซ้ าเสียง สัมผัสนอก คือ สัมผัสบังคับ เป็นค าบังคับให้คล้องจองกันระหว่างวรรค และระหว่างบท เป็นการส่งสัมผัสเสียงสระจากท้ายวรรคไปยังค าที่อยู่ในวรรคถัดไป สัมผัสนอกเป็นสัมผัส บังคับและเป็นสัมผัสสระเท่านั้น สัมผัสใน คือ ค าที่สัมผัสภายในวรรคเดียวกัน อาจเป็นเสียงสระเดียวกัน พยัญชนะต้น เดียวกัน หรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ สัมผัสในเป็นสัมผัสไม่บังคับ ถ้ามีจะเพิ่มความไพเราะให้ ค าประพันธ์
สัมผัสสระ คือค าที่ใช้สระตัวเดียวกัน เสียงเดียวกัน สั้นยาวเท่ากัน และมีตัวสะกดมาตรา เดียวกัน เช่น ลา – มา กาญจน์ – พาล มาศ บาท สัมผัสพยัญชนะ คือค าที่มีพยัญชนะต้นตัวเดียวกัน หรือเสียงเดียวกัน ถ้าเป็นพยัญชนะ ควบกล้ าต้องอยู่ในชุดเดียวกัน เช่น ซ่อน – สวย – เศร้า เพริศ – พริ้ง สร้าง - เสริม
ค าเป็น คือ ค าที่มีเสียงสะกดในแม่ กง กน กม เกย เกอว และค าที่ประสมกับสระเสียงยาว ในแม่ ก กา รวมถึงค าที่ประสมด้วยสระอ า ไอ ใอ เอา เช่น จน กาว มี ใน เยาว์ ค าตาย คือ ค าที่มีเสียงสะกดในแม่ กก กด กบ และค าที่ประสมกับสระเสียงสั้นในแม่ ก กา เช่น จาก อด หลบ ปะ ยกเว้นค าที่ประสมด้วยสระ อ า ไอ ใอ เอา
คือ ค าที่ใช้กล่าวขึ้นต้นส าหรับเป็นบทน าในค าประพันธ์ เป็นค าเดียวบ้าง เป็นวลีบ้าง เช่น เมื่อนั้น บัดนั้น โฉมเฉลา ดอกเอ๋ยดอกสร้อย ครานั้น สักวา เป็นต้น ตัวอย่างค าน าในกลอนดอกสร้อย มดเอ๋ยมดแดง เล็กเล็กเรี่ยวแรงแข็งขยัน ใครกล ากรายท าร้ายถึงรังมัน ก็วิ่งพรูกรูมาทันที ตัวอย่างค าน าในกลอนสักวา สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพยอม อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม
คือ ค าที่ส าหรับใช้ลงท้ายวรรคหรือบท ซึ่งตามธรรมดามีค าซึ่งมีความหมายอยู่ ข้างหน้าแล้ว แต่ยังไม่ครบตามที่บัญญัติไว้ในค าประพันธ์ จึงต้องเติมสร้อยเพื่อให้มีค าครบ ตามจ านวน
02 กาพย์1. กาพย์ยานี 11 2. กาพย์ฉบัง 16 3. กาพย์สุรางคนางค์ 28 16
เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ า สนธยาจะใกล้ค่ า ค านึงหน้าเจ้าตาตรู เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย 01 กาพย์ยานี 11
บทหนึ่งมี 2 บาท คือ บาทเอกและบาทโท บาทหนึ่งมี 2 วรรค คือ วรรคหน้ากับวรรคหลัง วรรคหน้ามี 5 ค าหรือพยางค์ วรรคหลังมี 6 ค า รวมบาทหนึ่ง ๆ มี 11 ค า สัมผัสมีลักษณะเช่นเดียวกับกลอน และนิยม สัมผัสใน 01 กาพย์ยานี 11
เทคนิคการแต่งกาพย์ให้ไพเราะ ค าสุดท้ายของแต่ละวรรคไม่ควรเป็นค าตาย ลงได้ทุก เสียง จะลงเสียงใดก็ได้ ไม่เคร่งครัดหรือบังคับเช่นกลอน หากที่นิยมกันคือลงเสียงสามัญเป็นส่วนมาก และเสียง จัตวา (ยกเว้นวรรคที่ 4 ไม่นิยมลงเสียงเอก หรือโทเป็นอย่างยิ่ง เพราะท า ให้เสียงของกาพย์หลุบห้วนขาดหายไป) 01 กาพย์ยานี 11
คนที่ดีต่อกัน แม้ตะวันจะสูญสิ้น แม้หมดไร้ผืนดิน ความดีไม่สิ้นจากใจ ยามใดที่เธอทุกข์ ฉันก็ทุกข์ให้รู้ไว้ ยึดมั่นสัญญาใจ โปรดจ าไว้นะคนดี จาก ธีธีระศักดิ์ ลิ่มวรรธนาสกุล
กวีฤๅรู้แล้งแหล่งไทย มีชุกทุกสมัย คนดีคู่ศรีอยุธยา สินธูคู่สัตว์มัจฉา โคถึกมฤคา คงคู่ป่าใหญ่ไพศาล 02 กาพย์ฉบัง 16
บทหนึ่งมี 1 บาท แบ่งออกเป็น 3 วรรค วรรคต้นมี 6 ค า วรรคกลางมี 4 ค า และวรรคท้ายมี 6 ค า บังคับสัมผัสตามลักษณะ ในแผนผัง ไม่มีบังคับใช้เสียงวรรณยุกต์ เพียงแต่ค าสุดท้ายวรรค นิยมให้เป็นเสียงสามัญและไม่ควรมีรูปวรรณยุกต์ 01 กาพย์ฉบัง 16
ตะขาบไต่ขอนซอนซน กิ้งกือคลานวน แมงมุมขยุ้มหลังคา แมงป่องจ้องชูหางหา สิ่งใดจะมา ปะทะก็จะจี้แทง
พระยาปลัด พระยายกกระบัตร สันทัดเชี่ยวชาญ หัวหน้าครัวไทย น้ าใจกล้าหาญ ท ารักสมัครสมาน หว่านล้อมพวกลาว 02 กาพย์สุรางคนางค์ 28
บทหนึ่งมี 28 ค า แบ่งเป็น 7 วรรค วรรคละ 4 ค า โดยก าหนดสัมผัสให้ค าสุดท้ายวรรคแรก ส่งสัมผัสไปยังค าสุดท้าย วรรคที่สอง ค าสุดท้ายวรรคที่ 4 ส่งสัมผัสไปยังค าที่ 2 วรรคที่ 5 และค าสุดท้ายวรรคที่ 3 ส่งสัมผัสไปยังค าสุดท้ายของ วรรคที่ 5 และ 6 01 กาพย์สุรางคนางค์ 28
อย่าเยี่ยงหญิงชั่ว ไป่รู้คุณผัว ห่อนกลัวความอาย สิ้นลมข่มค า ห่อนย าเยงชาย จงจิตคิดหมาย มุ่งร้ายภรรดา ต่อหน้าปราศรัย ลับหลังตั้งใจ ดุหมิ่นนินทา คอยหาข้อผิด ห่อนคิดกรุณา ไป่ได้น าพา กิจการงานเรือน
03 โคลง 1. โคลงสองสุภาพ2. โคลงสามสุภาพ3. โคลงสี่สุภาพ 27
โคลงสุภาพ โคลงสุภาพ หมายถึง โคลงที่ใช้ค าสุภาพ คือ ค าที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์ใด ๆ ก ากับอยู่ เว้นแต่ว่าค านั้น ๆ จะบังคับค าเอก ค าโท ซึ่งไม่ใช่ค าสุภาพ ลักษณะบังคับทั่ว ๆ ไปของโคลงสุภาพ มีดังนี้ 1. การใช้ค าเอก ค าโท และค าสุภาพ - ควรวางให้ตรงต าแหน่งตามข้อบังคับที่ก าหนดไว้ - ใช้ค าตายแทนค าเอกได้
โคลงสุภาพ - สามารถท าค าเอกให้เป็นค าโทได้ (โทโทษ) เช่น พี่ - ผี้ - สามารถท าค าโทให้เป็นค าเอกได้ (เอกโทษ) เช่น ฉ้อ - ช่อ - ค าเอก ค าโท ท้ายวรรคของโคลงสี่ สามารถสลับต าแหน่งกันได้
การสัมผัส - ไม่ควรใช้ค าเอก ค าโทเป็นสัมผัสนอก นอกจากจะบังคับไว้ - ห้ามใช้ค าสัมผัสซ้ า - สัมผัสอักษรยิ่งมาก ยิ่งดี ส่วนสัมผัสสระ ให้เป็นไปตามกฎการ สัมผัส เสียงวรรณยุกต์ - ค าสุภาพท้ายวรรค นิยมเสียงจัตวา หรือสามัญ ไม่ควร ใช้ค าตายหรือ เสียงวรรณยุกต์อื่น
ค าสร้อย - ค าสร้อยนี้จะเติมที่ท้าย บาทของโคลง เพื่อให้ได้ ใจความสมบูรณ์และบอก ความรู้สึก เช่น นาเฮย ท่านเอย ข้อควรค านึงในการใช้ค าสร้อย - ในโคลงบทเดียวกัน ไม่ควรใช้ค า สร้อยเดียวกัน - ใช้ค าสร้อยให้เข้ากับโคลงบทนั้น ๆ - อาจใช้ค าสร้อยที่มีความหมายทั้ง สองค าก็ได้ หากมีความเชี่ยวชาญ เพียงพอ
ข้อควรค านึงในการใช้ค าสร้อย - ในโคลงบทเดียวกัน ไม่ควรใช้ค า สร้อยเดียวกัน - ใช้ค าสร้อยให้เข้ากับโคลงบทนั้น ๆ - อาจใช้ค าสร้อยที่มีความหมายทั้ง สองค าก็ได้ หากมีความเชี่ยวชาญ เพียงพอ
01 โคลงสองสุภาพ
01 โคลงสองสุภาพ บทหนึ่งมี 3 วรรค วรรคที่ 1 และวรรคที่ 2 มีวรรคละ 5 ค า วรรคที่ 3 มี 4 ค า
01 โคลงสองสุภาพ บทหนึ่งมี 3 วรรค วรรคที่ 1 และวรรคที่ 2 มีวรรคละ 5 ค า วรรคที่ 3 มี 4 ค า
โคลงสองสุภาพ ค าเอกค าโท ○ บังคับค าเอก 3 แห่ง บังคับค าโท 3 แห่ง สัมผัส o ค าสุดท้ายของวรรคที่ 1 สัมผัสกับค าสุดท้ายของวรรค 2 o หากแต่งต่อกันหลายบท ให้ค าสุดท้ายของบทแรกสัมผัส กับค าที่ 1 , 2 หรือ 3 ของวรรคแรกในบทถัดไป 36
2.โคลงสามสุภาพ ❖ คณะ 1 บท มี 2 บาท มี 4 วรรค 37
โคลงสามสุภาพ พยางค์หรือค า ○ บาทแรกมีวรรคละ 5 ค า ○ บาทที่สองวรรคแรกมี 5 ค า วรรคหลังมี 4 ค า และค า สร้อย รวมเป็น 21 ค า 38
โคลงสามสุภาพ ค าเอกค าโท ○ บังคับค าเอก 3 แห่ง บังคับค าโท 3 แห่ง สัมผัส o ค าสุดท้ายของวรรคที่ 1 สัมผัสกับค าที่ 1 , 2 หรือ 3 ของวรรคที่ 2 o ค าสุดท้ายของวรรคที่ 2 สัมผัสกับค าสุดท้ายของวรรคที่ 3 o ค าสุดท้ายของวรรคที่ 4 ส่งสัมผัสกับค าที่ 1 , 2 หรือ 3 ของวรรค แรกในบทถัดไป 39
โคลงสามสุภาพ 40
3.โคลงสี่สุภาพ ❖ คณะ 1 บท มี 4 บาท บาทละ 2 วรรค 41
โคลงสี่สุภาพ พยางค์หรือค า ○ บาทที่ 1 2 3 มีบาทละ 7 ค า คือ วรรคหน้า 5 ค า วรรคหลัง 2 ค า ○ บาทที่ 4 วรรคหน้า 5 ค า วรรคหลัง 4 ค า รวมทั้งบทมี 30 ค า (ไม่ รวมค าสร้อย) 42
โคลงส ี ่ ส ุ ภาพ ค าเอกค าโท ○ บังคับค าเอก 7 แห่ง บังคับค าโท 4 แห่ง สัมผัส o ค าสุดท้ายของวรรคที่ 2 สัมผัสกับค าสุดท้ายของวรรคที่ 3 และ 5 o ค าสุดท้ายของวรรคที่ 4 สัมผัสกับค าสุดท้ายของวรรคที่ 7 43
โคลงสี่สุภาพ 44 ค าเอก โท ในบาทแรกของโคลงอาจสลับที่กันได้ และอนุโลมให้ใช้ค าตาย แทนค าเอกในที่ที่หาค าเอกไม่ได้ แต่ไม่นิยมใช้เอกโทษและโทโทษ
โคลงสี่สุภาพ แต่งอย่างไรให้ไพเราะ ○ โคลงสี่สุภาพมี 30 ค า เมื่อหัก เอก 7 โท 4 แล้ว ส่วนที่ เหลือ 19 ค า แม้ไม่ก าหนดรูปวรรณยุกต์ ในท้ายวรรค ทุกวรรคต้องไม่มีรูปวรรณยุกต์ เพราะจะท าให้น้ าหนัก ของโคลงเสียไป ○ ค าสุดท้ายของโคลงนอกจากจะห้ามมีรูปวรรณยุกต์ แล้ว กวียังนิยมใช้เพียงเสียงสามัญ หรือ จัตวา เท่านั้น 45
ขอบคุณครับ THANK YOU FOR WATCHING