The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by AD to 50 Anniversary National Housing Authority, 2023-01-25 22:27:45

50 ปีการเคหะ

50 ปีการเคหะ

สร้างบ้าน...สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิต...ที่ดี 1 “สรางบาน สรางสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”


50th 2 Anniversary National Housing Authority “สรางบาน สรางสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 3 การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (เดิมสังกัดกระทรวงมหาดไทย จนถึง พ.ศ. 2545) ก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2516 จัดตั้งขึ้นตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 316 โดยการควบรวม หน่วยงานของรัฐ 4 แห่ง คือ กองเคหะสถานสงเคราะห์ (จากกรมประชาสงเคราะห์) สำ นักงาน อาคารสงเคราะห์กิจการเกี่ยวกับอาคารสงเคราะห์ (จากธนาคารอาคารสงเคราะห์) สำ นักงาน ปรับปรุงแหล่งชุมชน (จากกรุงเทพมหานคร) และกิจการเกี่ยวกับอาคารสงเคราะห์ (จากธนาคาร อาคารสงเคราะห์) รวมเป็นหน่วยงานเดียว เพื่อทำ หน้าที่ด้านการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ด้านที่อยู่อาศัยโดยตรง ก้าวแรกของการเคหะแห่งชาติ วัตถุประสงค์การก่อตั้งองค์กร การเคหะแห่งชาติ ก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชน ได้มีที่อยู่อาศัย รวมตลอดถึงจัดให้มีสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และสิ่งอำ นวยความสะดวก ครบครัน พร้อมทำ นุบำ รุง ปรับปรุงและพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของผู้อยู่อาศัยที่ดีขึ้นทั้งในทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ให้ความช่วยเหลือ ทางการเงินแก่ผู้ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง บุคคลผู้ประสงค์จะร่วมดำ เนินกิจการ กับการเคหะแห่งชาติ ในการจัดให้มีเคหะขึ้นเพื่อให้ประชาชนเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ อีกทั้งยังดำ เนินธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารหรือจัดหาที่ดิน ตลอดจนปรับปรุง รื้อ หรือ ย้ายแหล่งเสื่อมโทรม เพื่อให้มีสภาพการอยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมดีขึ้น รวมทั้งประกอบกิจการอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น วิสัยทัศน์ “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”


50th 4 Anniversary National Housing Authority การเคหะแห่งชาติมีพันธกิจหลักขององค์กรเพื่อใช้เป็นกรอบการดำ เนินงานในช่วงปี พ.ศ. 2560-2570 1. พัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย 2. พัฒนาชุมชนของ กคช. ให้เข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ 3. ฟื้นฟูชุมชนเมืองให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี และพัฒนาเมือง เพื่อรองรับ การเจริญเติบโตของเมือง แผนยุทธศาสตร์และกลยุทธ์การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2570 (ฉบับปรับปรุง ปี 2564) ประกอบด้วย 6 วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ดังนี้ วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ที่ 1 การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำ หรับประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ที่ 2 การเพิ่มศักยภาพชุมชนให้เข้มแข็งและยกระดับชุมชนให้ได้ มาตรฐานสูง วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ที่ 3 การฟื้นฟูชุมชนเมือง พัฒนาเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ที่ 4 การบริหารสินทรัพย์ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ที่ 5 การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ที่ 6 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรด้วยองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทัล พันธกิจ ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 5 โครงการบานเอื้ออาทร จำนวน 280,567 หนวย โครงการฟนฟูเมืองชุมชนดินแดง จำนวน 334 หนวย โครงการเคหะชุมชน จำนวน 176,428 หนวย โครงการเคหะขาราชการ จำนวน 50,708 หนวย โครงการแกไขปญหาชุมชนแออัด ทั้งปรับปรุงชุมชนที่ดินเดิม และจัดหาที่อยูอาศัย จำนวน 233,964 หนวย โครงการอาคารเชา จำนวน 1,756 หนวย โครงการแกไขปญหาวิกฤต อสังหาริมทรัพย จำนวน 258 หนวย โครงการที่พักอาศัยสำหรับ มหาวิทยาลัยราชภัฏ จำนวน 2,374 หนวย โครงการชวยเหลือผูประสบภัยภาคใต จำนวน 845 หนวย โครงการอื่นๆ จำนวน 3,477 หนวย 0.23% 31.31% 37.55% 23.62% 0.04% 0.46% 6.80% การเคหะแห่งชาติดำ เนินการด้านพัฒนาที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 จนถึง เดือนกันยายน พ.ศ. 2565 ทั้งสิ้นจำ นวน 747,234 หน่วย ซึ่งประกอบด้วย โครงการบ้าน เอื้ออาทร จำ นวน 280,567 หน่วย โครงการเคหะชุมชน จำ นวน 176,428 หน่วย โครงการแก้ไข ปัญหาชุมชนแออัด ทั้งปรับปรุงชุมชนที่ดินเดิมและจัดหาที่อยู่อาศัย จำ นวน 233,964 หน่วย โครงการเคหะข้าราชการ จำ นวน 50,708 หน่วย โครงการแก้ไขปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ จำ นวน 258 หน่วย โครงการที่พักอาศัยสำ หรับมหาวิทยาลัยราชภัฏ จำ นวน 2,374 หน่วย โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ จำ นวน 845 หน่วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง จำ นวน 334 หน่วย และโครงการอาคารเช่า 1,756 หน่วย ผลงานภาพรวมด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยปี พ.ศ. 2519 ถึงเดือนกันยายน 2565


50th 6 Anniversary National Housing Authority ผลการดำ เนินงานตามภารกิจและนโยบายสำ คัญ การเคหะแห่งชาติดำ เนินงานภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) เพื่อเป็นกรอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะยาว มุ่งเสริมสร้างความมั่นคงและ ยกระดับคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยบูรณาการ ความร่วมมือกับภาคีทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำ เนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคน มีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing for All)” และเพื่อให้เป็นไปตาม วิสัยทัศน์ของการเคหะแห่งชาติ “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” และพันธกิจที่มุ่งเน้น การพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการพัฒนาชุมชนของ การเคหะแห่งชาติให้เข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ในทุกมิติ และฟื้นฟูชุมชนเมืองให้มีสภาพ แวดล้อมที่ดี และพัฒนาเมืองเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต ผลการดำ เนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2570 (ฉบับปรับปรุงปี 2565) การเคหะแห่งชาติดำ เนินการ ปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2570 (ฉบับปรับปรุง 2565) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันรวม ถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566-2570) และแผน พัฒนารัฐวิสาหกิจ (พ.ศ. 2566 -2570) รวมถึง แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) แบ่งการดำ เนินงาน เป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ปี 2566 พัฒนาที่อยู่อาศัยและเพิ่มบทบาทบริษัทในเครือ (Speed & Strengthening) โดยเร่งพัฒนาที่อยู่อาศัยรูปแบบเช่าพร้อมอาชีพผ่านการร่วมลงทุนกับบริษัทในเครือ หรือ บริษัทเอกชน รวมทั้งขยายบทบาทบริษัท เคหะสุขประชา จำ กัด (มหาชน) และบริษัท จัดการ ทรัพย์สินและชุมชน จำ กัด (CEMCO) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และเร่งขอคืนอาคารเช่าเหมาจากเอกชน


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 7 ตลอดจนขยายผลการยกระดับชุมชนที่ให้เป็นต้นแบบของโครงการชุมชนอัจฉริยะและน่าอยู่ อย่างยั่งยืนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (Smart and Sustainable Community for Better Well-being : SSC) และมุ่งเน้นการจัดประโยชน์ทรัพย์สินแปลงใหญ่ให้สร้างมูลค่าเพิ่ม ระยะกลาง ปี 2567-2568 ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Synergy & Supply Chain) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและ โอกาสในธุรกิจใหม่ รวมถึงเสริมสร้างอาชีพและเศรษฐกิจชุมชนตลอด ห่วงโซ่อุปทาน ปรับปรุง และเพิ่มมูลค่าอาคารเช่า รวมถึงขยายผลชุมชนต้นแบบ SSC ให้มากขึ้น ระยะยาว ปี 2569-2570 เป็นองค์กรหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมือง เพื่อ คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน (Sustainable Organization) เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย อาชีพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ บริษัทในเครือและพันธมิตรสร้างความแข็งแกร่งให้กับการเคหะแห่ง ชาติ ยกระดับการบริหารอาคารเช่าโดยใช้ Big Data เทคโนโลยีนวัตกรรม รวมทั้งส่งเสริมชุมชน เข้มแข็ง มีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดี และขยายเครือข่ายพันธมิตรกลุ่มธุรกิจแบบครบวงจร


50th 8 Anniversary National Housing Authority โครงการบ้านเคหะสุขประชา โครงการบ้านเคหะสุขประชา เกิดขึ้นจากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เช่นเดียวกับทั่วโลก ทำ ให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ ทั้งทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่ถูกลดเงินเดือน หรือเลิกจ้าง บางรายต้องหยุดประกอบอาชีพชั่วคราว ทำ ให้รายรับไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ในครอบครัว รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วน การเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ จึงได้จัดทำ โครงการบ้านเช่าสำ หรับผู้มีรายได้น้อยภายใต้ชื่อ “โครงการบ้านเคหะ สุขประชา” ภายใต้แนวคิด “บ้านพร้อมอาชีพ” เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้รายได้น้อย


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 9 ผู้สูงอายุ คนพิการ กลุ่มเปราะบาง พ่อเลี้ยงเดี่ยว แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่มีอาชีพ รวมถึงผู้บุกรุกพื้นที่ สาธารณะได้เข้าถึงที่อยู่อาศัย และนอกจากนี้การเคหะแห่งชาติยังได้นำ พื้นที่จัดประโยชน์มา เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการหรือบริเวณใกล้เคียงได้ประกอบอาชีพ ตามความเหมาะสมของการพัฒนาโครงการในแต่ละพื้นที่ ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจสุขประชา” ประกอบด้วย 6 อาชีพ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพบริการ ตลาด อุตสาหกรรมขนาดเล็ก ศูนย์การค้าปลีก-ส่ง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ อย่างยั่งยืน และเพื่อให้ประชาชน “มีบ้าน-มีอาชีพ-มีรายได้-มีความสุข” โครงการนำ ร่องบ้านเคหะสุขประชา ปัจจุบันโครงการบ้านเคหะสุขประชาได้ดำ เนินการก่อสร้างโครงการนำ ร่องในพื้นที่ กรุงเทพมหานครแล้วเสร็จ และส่งมอบพร้อมทำ สัญญาเช่าให้กับผู้ได้สิทธิแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำ นวน 302 หน่วย และโครงการบ้านเคหะ สุขประชาร่มเกล้า จำ นวน 270 หน่วย โดยได้เปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนจองสิทธิ โครงการฯ เมื่อวันที่ 23-30 มีนาคม 2564 ปรากฏว่ามีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนจอง สิทธิจำ นวนกว่า 6,600 ราย จึงต้องจับสลากผู้ได้สิทธิเช่าอยู่ในโครงการ และเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 และวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติได้จัดพิธีเปิดโครงการบ้านเคหะ สุขประชาฉลองกรุง และโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้าตามลำ ดับ โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบ้านเคหะ สุขประชาทั้งสองโครงการ สำ หรับพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” ในโครงการบ้านเคหะสุขประชา ฉลองกรุงจะพัฒนาให้เป็นตลาดสด และโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้าจะพัฒนาในรูปแบบ คอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อรองรับงาน และสร้างอาชีพให้กับผู้อยู่อาศัย ในชุมชน รวมทั้งยกระดับคุณภาพ ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนให้เกิด ความยั่งยืนต่อไป


50th 10 Anniversary National Housing Authority การเคหะแห่งชาติจัดทำ โครงการต้นแบบบ้านเคหะสุขประชาภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 จำ นวน 3 พื้นที่ ได้แก่ โครงการบ้าน เคหะสุขประชา “วังน้อย” อำ เภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โครงการบ้านเคหะสุขประชา “ลำ ลูกกาคลอง 12” อำ เภอลำ ลูกกา จังหวัดปทุมธานี และโครงการบ้านเคหะสุขประชา “ธรรม ศาลา” อำ เภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Market Sounding) เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เข้า ร่วมประชุมมาประกอบการพิจารณากำ หนดหลักการ รูปแบบ และทางเลือกการร่วมลงทุน โครงการฯ ระหว่างการเคหะแห่งชาติกับผู้ประกอบการภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)ได้พิจารณาเห็นชอบในหลักการ ของโครงการร่วมทุนและรายงานศึกษาและวิเคราะห์โครงการของ “โครงการบ้านเคหะสุขประชา” ในโครงการต้นแบบ 3 โครงการภายใต้ พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 นอกจากนี้การเคหะแห่งชาติยังได้ทบทวนความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัด ทำ โครงการ”บ้านเคหะสุขประชา” ตามแนวทางการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน ภายใต้ พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อนำ เสนอ รมว.พม. พิจารณาให้ความเห็น ชอบอีก 10 โครงการ ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี สมุทรปราการ สุพรรณบุรี เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สระบุรี (แก่งคอย) สระบุรี (หนองปลาหมอ) กำ แพงเพชร นครสวรรค์ และระยอง ความคืบหน้าโครงการบ้านเคหะสุขประชา


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 11 โครงการบ้านเคหะสุขเกษม เนื่องจากปัจจุบันผู้สูงอายุในประเทศไทยมีประมาณ 12.24 ล้านคน (สถิติเมื่อเดือนธันวาคม 2564 : กรมกิจการผู้สูงอายุ) หรือคิดเป็นร้อยละ 18.5 จากจำ นวนประชากรทั้งหมดประมาณ 66 ล้านคน และข้อมูลจากกรมบัญชีกลางในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2551-2560) มีข้าราชการทุกประเภทเกษียณ อายุประมาณ 391,040 คน (เฉลี่ยปีละ 39,104 คน) และในปี 2560 มีข้าราชการเกษียณ 40,022 คน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุในประเทศไทย จึงได้ให้ความสำ คัญกับการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ตามนโยบายรัฐบาลด้านผู้สูง อายุเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ ของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ รวมไปถึงมี ความห่วงใยต่อกลุ่มข้าราชการที่กำ ลังจะเกษียณ เช่น ทหาร ตำ รวจ ครู ที่ยังไม่มีที่พักอาศัยเป็นของ ตนเอง เนื่องจากตลอดระยะเวลาการทำ งานนั้นอาศัยอยู่บ้านพักสวัสดิการมาโดยตลอด พร้อมให้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่กำ กับ ดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประชากรทุกช่วงวัย ดำ เนินการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตาม ภารกิจ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ครอบคลุมทุกมิติ การเคหะแห่งชาติจึงดำ เนิน “โครงการบ้านเคหะสุขเกษม” จังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์) เพื่อจัดทำ เป็นโครงการนำ ร่องในลักษณะที่อยู่อาศัยประเภทเช่าระยะยาว โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไปไม่จำ กัดอาชีพ ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปี ขึ้นไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการต้นแบบ “บ้านเคหะสุขเกษม” เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เพื่อแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายให้มีความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยในช่วงบั้นปลาย ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมพร้อมองค์ประกอบชุมชนที่ครบครัน โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด “โครงการบ้านเคหะสุขเกษม” จังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ที่ตั้งโครงการ


50th 12 Anniversary National Housing Authority การเคหะแห่งชาติแบ่งการพัฒนา “โครงการบ้านเคหะสุขเกษม” จังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์) ออกเป็น 4 ระยะ จำ นวน 90 อาคาร รวมทั้งสิ้น 3,956 หน่วย ได้แก่ ระยะที่ 1 จำ นวน 5 อาคาร รวม 216 หน่วย ระยะที่ 2 จำ นวน 15 อาคาร รวม 660 หน่วย ระยะที่ 3 จำ นวน 27 อาคาร รวม 1,188 หน่วย ระยะที่ 4 จำ นวน 47 อาคาร รวม 1,892 หน่วย “โครงการบ้านเคหะสุขเกษม” จังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์) ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด ประมาณ 126.5 ไร่ ซอยที่ดินไทย ถนนเทพารักษ์ ตำ บลบางพลีใหญ่ อำ เภอบางพลี จังหวัด สมุทรปราการ อยู่ห่างจากถนนเทพารักษ์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ห่างจากถนนกาญจนาภิเษก ประมาณ 4 กิโลเมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ปู่เจ้า ประมาณ 13 กิโลเมตร และบริเวณ โดยรอบยังเป็นที่ตั้งของตลาดสด โรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า เรียกได้ว่าตรงนี้ เป็นแหล่งชุมชน สามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้อย่างสะดวกอีกด้วย สำ หรับรูปแบบอาคาร อาคารพักอาศัยพร้อมลิฟโดยสารอาคารละ 1 ชุด สูง 5 ชั้น มีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 33 ตารางเมตร (อาคารละ 44 หน่วย) การออกแบบได้คำ นึงถึงการ ใช้งานของผู้สูงอายุเป็นสำ คัญ จึงได้ออกแบบภายใต้หลักอารยสถาปัตย์หรือสถาปัตยกรรมเพื่อ ทุกคน (Universal Design) โดยมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัย ภายในโครงการประกอบด้วย สิ่งอำ นวยความสะดวก เช่น ลิฟต์ ทางลาด ราวจับ สวนสาธาราณะ และบึงน้ำ ขนาดใหญ่ ใจกลางโครงการ ฯ และพื้นที่จัดกิจกรรมสำ หรับผู้อยู่อาศัย ประกอบด้วย ศูนย์สุขภาพ (ธาราบำ บัด) แพทย์แผนไทย โยคะ ฟิตเนส ฯ พื้นที่สันทนาการและพื้นที่ออกกำ ลังกาย คลินิกอายุรกรรม สวนสาธารณะสวนน้ำ และที่จอดรถ เป็นต้น


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 13 จากสถานการณ์การแพร่ระบาด เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ส่งผลกระทบรุนแรง ไปทั่วประเทศทั้งด้านสังคม และด้าน เศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้มีราย ได้น้อย การเคหะแห่งชาติจึงมีแนวคิดที่ จะลดภาระค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยให้กับ ประชาชน จึงเห็นควรขอรับคืนอาคารเช่า (หรือทรัพย์สินของรัฐ) จากบริษัทเอกชน กลับมาบริหารเอง เพื่อให้ประชาชนได้รับ ประโยชน์สูงสุด ด้วยการลดภาระด้านการ เงินให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการยกระดับ คุณภาพชีวิตให้มีที่อยู่อาศัยในราคา ประหยัดและสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัย มีความมั่นคง ปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน โครงการรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชน โดยมีเป้าหมายดำ เนินการรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชน จำ นวน 60 สัญญา รวม 32,632 หน่วย แบ่งเป็นบริษัทรายใหญ่ 35 สัญญา รวม 29,966 หน่วย และบริษัทรายเล็ก 25 สัญญา รวม 2,666 หน่วย โดยระยะแรกได้ดำ เนินการโครงการนำ ร่อง จำ นวน 2 สัญญา ได้แก่ โครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ และโครงการเคหะชุมชนออเงิน จากนั้นได้ดำ เนินการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการรับคืนอาคาร จากบริษัทเอกชนแล้ว จำ นวน 57 สัญญา รวม 28,741 หน่วย และมีผู้ทำ สัญญาเช่ากับการเคหะแห่งชาติ 11,061 หน่วย (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2565) เมื่อการเคหะแห่งชาติรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชนมาบริหารเอง ได้มีการดูแลสภาพ แวดล้อมภายในโครงการ ปรับปรุงทัศนียภาพ ดูแลความสะอาด ความปลอดภัย รวมถึงการจ้างคนใน ชุมชนทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ธุรการ หรือช่างเทคนิค ซึ่งเป็นการยกระดับ คุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ


50th 14 Anniversary National Housing Authority โครงการอาคารเช่าสำ หรับผู้มีรายได้น้อย การเคหะแห่งชาติดำ เนินการจัดทำ โครงการอาคารเช่าสำ หรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อ บรรเทาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยให้กับ ประชาชนในกลุ่มต่าง ๆ ประกอบไปด้วย ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ใช้แรงงาน ผู้ถือบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐ ตลอดจนประชาชนผู้มีรายได้น้อย ให้มีที่พักอาศัยที่ได้มาตรฐานในระดับราคา ค่าเช่าที่เหมาะสม เหมาะสำ หรับประชาชน ที่ยังไม่สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และเข้าถึงที่อยู่อาศัยประเภทเช่าได้ โดยจัดทำ โครงการอาคารเช่าที่ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับ คุณภาพชีวิต สร้างความเสมอภาคและโอกาส ในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยอย่างเท่าเทียม “โครงการอาคารเช่าสำ หรับผู้มีรายได้น้อย” เป็นอาคารพักอาศัยรูปแบบใหม่ โดยการ ออกแบบผังบริเวณและห้องพักอาศัยจะ คำ นึงถึงสภาพภูมิอากาศ ที่ตั้ง การเข้าถึงที่ สะดวก และสอดคล้องกับบริบทโดยรอบ


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 15 ภายในตัวห้องพักเน้นการออกแบบให้มีความคล้ายคลึงกับบ้านพักอาศัย ซึ่งทำ ให้เกิดความ รู้สึกอบอุ่นเหมาะกับการพักอาศัย ภายในห้องมีความร่วมสมัย ดูแลรักษาง่าย และสอดคล้อง กับภูมิอากาศท้องถิ่นในเรื่องการระบายอากาศและการนำ แสงธรรมชาติเข้าสู่อาคาร เพื่อให้ เกิดการใช้พลังงานภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังนำ แนวคิด การออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design) ประกอบด้วย 1. ทางลาดสำ หรับรถเข็นและการบริการ ที่มีความลาดเอียงที่ได้มาตรฐาน พร้อมราวจับกันตก 2. ระดับพื้นอาคารที่รถเข็นสามารถใช้สอยในแต่ละพื้นที่ได้ 3. บริเวณห้องน้ำ มีที่นั่งอาบน้ำ สำ หรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 4. ราวพยุงกันลื่นล้มในห้องน้ำ ที่เอื้อต่อการใช้สอยช่วยพยุงตัวของผู้สูงอายุ 5. ประตูบานเลื่อนสำ หรับผู้สูงอายุและรถเข็นสามารถเข้าได้ 6. ประตูหน้าห้องที่มีขนาดใหญ่สำ หรับรถเข็นเข้าได้โดยสะดวกพร้อมมุ้งลวดเหล็กดัด นอกจากนี้ยังได้นำ เกณฑ์ประเมินโครงการชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน (Eco Village) มาใช้เป็นแนวทางสำ หรับการออกแบบ เพื่อให้โครงการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีสิ่งอำ นวยความ สะดวกครบครับ มีระบบรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย กล้องวงจรปิด เพื่อสร้างความเชื่อ มั่นในด้านความปลอดภัย เช่น อาคารสำ นักงาน ป้อมยาม บ่อหน่วงน้ำ และบ่อบำ บัดน้ำ เสีย โครงการ ตลอดจนอาคารคัดแยกขยะ และสวนหย่อมเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้พักผ่อนหย่อนใจ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบโครงการ ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้ดำ เนินโครงการอาคารเช่าสำ หรับผู้มีรายได้น้อย จำ นวน 10 โครงการ ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร (กระทุ่มแบน 3) มหาสารคาม สุรินทร์ (สลักได) อุบลราชธานี นครสวรรค์2 (ระยะ 2) ลำ ปาง พังงา (ตะกั่วป่า) กาญจนบุรี ลพบุรี (ระยะ 1) สมุทรปราการ (บางพลี)


50th 16 Anniversary National Housing Authority บทบาทด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเมือง บ้านไม้ที่สร้างขึ้น เกิดการชำ รุดทรุดโทรม ไม่ปลอดภัยต่อการอยู่อาศัย และพบว่ามีปัญหาการขาดแคลน ที่ดินสำ หรับสร้างที่พักอาศัยสำ หรับประชาชนเนื่องจากจำ นวนสมาชิกในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น จึงทำ ให้มีการต่อเติมบ้าน รวมถึงมีการบุกรุกจากบุคคลภายนอกเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นชุมชนแออัดในที่สุด ในปี 2506 กรมประชาสงเคราะห์จึงได้ก่อสร้างอาคารแฟลตดินแดงขึ้น ทดแทนบ้านไม้เดิม ที่เริ่มทรุดโทรมและแออัด มีลักษณะอาคารสูง 5 ชั้น ถือว่าเป็นอาคารสงเคราะห์รุ่นแรกของประเทศไทย ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติ ได้รับโอนอาคารแฟลตดินแดงมาจากกรมประชาสงเคราะห์ในปี 2516 จนถึง ปัจจุบันอาคารกลุ่มนี้มีสภาพทรุดโทรมมาก เนื่องจากมีอายุการใช้งานมานานกว่า 58 ปี ประกอบกับ สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก การเคหะแห่งชาติ จึงได้ดำ เนินการศึกษา และจัดทำ แผนแม่บทโครงการฯในด้านกายภาพ เพื่อวางผังการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดย ได้ดำ เนินการปรับปรุงแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงเรื่อยมา เพื่อพัฒนาและยกระดับ คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น “ชุมชนดินแดง” ในอดีตดั้งเดิมเป็น บริเวณที่ทิ้งขยะมูลฝอยของเทศบาลนคร กรุงเทพส่วนหนึ่งและเป็นบริเวณทุ่งนาอีก ส่วนหนึ่ง มีผู้เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัย เพิ่มขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นชุมชนแออัด ต่อมากรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาเป็น ที่อยู่อาศัย ในปี 2493 โดยได้เริ่มสร้างเป็นบ้าน ไม้ชั้นเดียวและบ้านไม้สองชั้นเพื่อช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งสิ้น 1,088 หลัง ต่อมา ในปี 2504 กรมประชาสงเคราะห์พบว่า ผลการดำ เนินงาน ด้วยความห่วงใยในคุณภาพชีวิตของชาวชุมชนดินแดง รัฐบาล ภายใต้การนำ ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงเร่ง ผลักดันขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงให้สำ เร็จผลอย่าง เป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะ ผู้อยู่อาศัยในชุมชนดินแดงให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการให้ได้มากที่สุด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย การเคหะแห่งชาติ จึงได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการสำ รวจข้อมูลและมวลชน จำ นวน 6 ชุด เพื่อสำ รวจข้อมูลและความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยที่ได้ รับผลกระทบจากโครงการฯ และภารกิจครั้งนี้ทำ ให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชน ดินแดงเห็นด้วยกับการดำ เนินโครงการฯ รวมถึงมีความพึงพอใจกับ


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 17 ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้ดำ เนินงานพัฒนาโครงการในระยะที่ 2 รวมสองอาคาร ได้แก่ 1. อาคารพักอาศัยแปลง A (อาคาร A1) อาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น จำ นวน 1 อาคาร 635 หน่วย 2. อาคารพักอาศัยแปลง D1 (อาคาร D1) อาคารพักอาศัยสูง 35 ชั้น จำ นวน 1 อาคาร 612 หน่วย คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2566 แผนพัฒนาชุมชนดินแดง พ.ศ. 2563-2567 นอกจากการพัฒนาโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงแล้ว การเคหะแห่งชาติยังพัฒนาคุณภาพ ชีวิตผู้อยู่อาศัยในชุมชน ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการให้ความรู้ในการเตรียม ความพร้อมในการอยู่ในอาคารใหม่ตามโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงกับผู้อยู่อาศัยเดิมภายใต้แผน พัฒนาชุมชนดินแดง พ.ศ. 2563 - 2567 ซึ่งจัดทำ โดยความร่วมมือของผู้อยู่อาศัยในชุมชนและภาคีเครือข่าย ในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาและสนองตอบความต้องการชุมชน สร้างการมีส่วนร่วมในการคิด ตัดสินใจ กำ หนดทิศทางการพัฒนาชุมชนของตนเองแบบบูรณาการ กำ หนดอนาคตและกิจกรรมเพื่อเป็น แนวทางในการพัฒนาชุมชน สามารถแก้ไขปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่และสร้างวัฒนธรรมที่ดีรองรับวิถี ชีวิตในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงในอนาคต โดยยึดหลักการพึ่งตนเอง คำ นึงศักยภาพ ภูมิปัญญา วิถีชีวิตสิ่งแวดล้อมในชุมชนเป็นหลัก โดยได้กำ หนดวิสัยทัศน์ของแผนการพัฒนาไว้คือ “ชุมชนดินแดง เข้มแข็ง น่าอยู่ มั่นคง ยั่งยืน” แนวคิดพัฒนาสู่ Din Daeng Smart Community การเคหะแห่งชาติ และสำ นักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Promotion Agency : DEPA) ได้ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อน การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ยกระดับชุมชนอัจฉริยะ Smart City” เมื่อ 6 สิงหาคม 2564 เพื่อร่วมกัน ส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและยกระดับชุมชนอัจฉริยะ Smart City ในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนผู้มีรายได้น้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมีมาตรฐาน มีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และทันสมัย ขนาดห้องและค่าเช่าตามที่การเคหะแห่งชาติ เสนอถึงร้อยละ 98.17 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 10 เดือน จนได้รับความเห็นชอบจากคณะ รัฐมนตรีในหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟู เมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ.2559 - 2567) และ อนุมัติการดำ เนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชน ดินแดง ระยะที่ 1 (อาคารแปลง G) จำ นวน 334 หน่วย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 นำ ไปสู่การ ก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1 (อาคารพักอาศัย แปลง G) แล้วเสร็จ และได้บรรจุผู้อยู่อาศัย ครบถ้วนแล้ว และเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการการดำ เนิน โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับ ผู้อยู่อาศัยเดิมระยะที่ 2, 3 และ 4


50th 18 Anniversary National Housing Authority ทั้งนี้ การกำ หนดเขตเมืองอัจฉริยะของโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ประกอบด้วย ทิศเหนือ : ถนนวิภาวดีรังสิต ทิศตะวันออก : ถนนประชาสงเคราะห์ ทิศตะวันตก : ถนนวิภาวดีรังสิตถนนดินแดง และทิศใต้ : ถนนดินแดง โดยเป้าหมายในการพัฒนาศูนย์กลางเมืองใหม่กรุงเทพมหานคร และส่งเสริมความเป็นย่านที่อาศัยเขตเมืองชั้นในโดยใช้หลัก Urban Renewal และ Compact City ซึ่งลักษณะของเมืองอัจฉริยะ ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) และการ ดำ รงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) โดยคณะทำ งานจัดทำ ร่างเกณฑ์ฯ ได้พิจารณาการเป็นเมืองอัจฉริยะ โครงการเมืองอัจฉริยะเคหะชุมชนดินแดง ในพื้นที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง 3 ประเด็นหลัก คือ สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) การดำ รง ชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนห้วยขวาง โครงการเคหะชุมชนห้วยขวางเป็นโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตห้วยขวาง ที่เป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ และพื้นที่พาณิชยกรรม มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 183 ไร่ สร้างขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ.2499 โดยที่อยู่อาศัยระยะแรก มีจำ นวน 480 หน่วย อยู่ในความดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ ต่อมาได้โอนให้การเคหะแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516 ก่อสร้างที่อยู่อาศัยในระยะที่ 2 จำ นวน 1,120 หน่วย ระยะที่ 3 และ 4 จำ นวน 1,760 หน่วย ปัจจุบันมีหน่วยพักอาศัยรวมทั้งสิ้น จำ นวน 3,360 หน่วย ประกอบด้วย อาคารพักอาศัย 4 ชั้น และ 5 ชั้น รวม 38 หลัง ปัจจุบันโครงการเคหะชุมชนห้วยขวางมีการอยู่อาศัยมาเป็นระยะเวลาเกือบ 60 ปี และ จากการเปลี่ยนแปลงภายในชุมชน ทั้งด้านกายภาพ สังคม การอยู่อาศัย เศรษฐกิจของชุมชน และ การเพิ่มขึ้นของประชากรส่งผลให้เกิดความแออัด และเกิดปัญหาสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ปัญหาด้าน


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 19 สุขาภิบาล การจัดการขยะและน้ำ เสีย ปัญหาการ จราจรที่ติดขัด พื้นที่สาธารณะที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ผนวกกับอายุการใช้งานที่ยาวนานส่งผลให้อาคาร พักอาศัยมีสภาพเปลี่ยนแปลงไป สภาพอาคาร ทรุดโทรม เกิดความเสียหาย และอาจส่งผลต่อ ความปลอดภัยในการอยู่อาศัย ปัญหาที่เกิดขึ้น จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ล้วนส่งผลต่อ คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน จึงมีความจำ เป็นต้องได้รับการปรับปรุงฟื้นฟูชุมชน ทั้งในส่วนของตัวอาคารที่พักอาศัย และสภาพ แวดล้อมโดยรอบ เพื่อความมั่นคงในการอยู่อาศัย และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชน ให้ดีขึ้น ดังนั้นโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนห้วยขวาง ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา ที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) โดยมีแผนงานโครงการดำ เนินการโดยการเคหะแห่งชาติ และบูรณาการการดำ เนินงานร่วมกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน จำ นวน 2,271,080 หน่วย ซึ่งโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนห้วยขวาง ได้ถูกบรรจุในแผนยกระดับคุณภาพชีวิต (เช่า) จำ นวน 20,000 หน่วย โดยรองรับกลุ่มเป้าหมายรายได้น้อย จำ นวน 14,000 หน่วย รองรับกลุ่ม เป้าหมายรายได้ปานกลาง จำ นวน 4,000 หน่วย และรองรับกลุ่มผู้มีรายได้สูง จำ นวน 2,000 หน่วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนรามอินทรา โครงการเคหะชุมชนรามอินทรา เป็น โครงการที่อยู่อาศัยชุมชนชานเมืองของการเคหะ แห่งชาติ ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 บน พื้นที่โครงการขนาด 52.045 ไร่ ประกอบด้วย อาคารชุดพักอาศัยสูง 5 ชั้น จำ นวน 490 หน่วย บ้านแถวสองชั้น จำ นวน 322 หน่วย รวมทั้งร้าน ค้าและบริการสาธารณะ ปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรมสวนทางกับ ศักยภาพการพัฒนาพื้นที่ ทั้งในส่วนของอาคาร พักอาศัย สภาพแวดล้อม และระบบสาธารณูปโภค ภายในโครงการ เนื่องจากอยู่อาศัยมาเป็นเวลา กว่า 40 ปี ประกอบกับความเสียหายจากอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554 ทำ ให้โครงสร้างอาคารได้รับความ เสียหาย อีกทั้งปัญหาน้ำ ท่วมขัง เนื่องจากพื้นที่ทั้งโครงการมีระดับต่ำ กว่าถนนรามอินทราประมาณ 1.50 เมตร และปัญหาการอุดตันของท่อน้ำ ภายในและภายนอกอาคารที่เกิดจากขยะมูลฝอย ปัญหา


50th 20 Anniversary National Housing Authority กลุ่มเป้าหมายรายได้น้อย จำ นวน 2,800 หน่วย รองรับกลุ่มเป้าหมายรายได้ปานกลาง จำ นวน 800 หน่วย และรองรับกลุ่มเป้าหมายรายได้สูง จำ นวน 400 หน่วย โดยมีแนวคิดการออกแบบตามแนวทาง Universal Design เพื่อรองรับการอยู่อาศัยของครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุและผู้พิการ หลังคาที่มีรอยแตก สภาพอายุการใช้งานของตัว อาคารที่เสื่อมโทรมที่เกิดจากน้ำ ท่วมขัง ทำ ให้ น้ำ รั่วซึมเข้ามาภายในห้องพักอาศัยจนเกิดความ เสียหาย รวมไปถึงปัญหาการจัดการขยะภายใน ชุมชน ซึ่งทุกปัญหาล้วนส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ของผู้อยู่อาศัยภายในชุมชนเป็นอย่างยิ่ง โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนรามอินทรา จึงถูกบรรจุไว้ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา ที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) อยู่ใน แผนยกระดับคุณภาพชีวิต จำ นวน 4,000 หน่วย ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการพัฒนา ที่อยู่อาศัยระยะที่ 2 (พ.ศ. 2565-2569) รองรับ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนทุ่งสองห้อง โครงการเคหะชุมชนทุ่งสองห้องเป็นโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ จัดทำขึ้นตาม แผนเร่งรัดของการเคหะแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2522-2525 เพื่อจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำ หรับผู้มีรายได้น้อย บนพื้นที่โครงการขนาด 29.82 ไร่ ประกอบด้วย อาคารอยู่อาศัยรวม (อาคารแฟลต) สูง 5 ชั้น จำ นวน 1,369 หน่วย รวมร้านค้าและส่วนบริการสาธารณะ ปัจจุบันโครงการเคหะชุมชนทุ่งสองห้องมีสภาพ ทรุดโทรมทั้งในส่วนอาคารพักอาศัย สภาพแวดล้อม และระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการ เนื่องจาก มีการอยู่อาศัยเป็นเวลากว่า 38 ปี ประกอบกับความเสียหายจากอุทกภัยใน พ.ศ. 2554 ทำ ให้โครงสร้าง อาคารได้รับความเสียหาย และโครงการมีระดับต่ำ กว่าถนนประมาณ 80 เซนติเมตร ซึ่งอาจก่อให้เกิด ปัญหาน้ำ ท่วมขังในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาท่อน้ำ ภายใน-นอกอาคาร อุดตันจากขยะมูลฝอย การใช้งานผิดประเภท และปัญหาการจัดการขยะ ปัญหาดังกล่าวล้วนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของ ผู้อยู่อาศัยภายในชุมชนเป็นอย่างยิ่ง จากปัญหาดังกล่าว การเคหะแห่งชาติตระหนักถึงความจำ เป็นในการฟื้นฟูและพัฒนาโครงการ เคหะชุมชนทุ่งสองห้องเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่เสื่อมโทรมให้ดีขึ้นทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เพียงพอตามกรอบนโยบายระดับประเทศและภารกิจของ การเคหะแห่งชาติที่สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการพัฒนาเมืองตามแนวระบบขนส่งมวลชนให้ สอดคล้องกับบริบทของเมืองตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2565) จึงได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยในชุมชน โดยจัดทำฐานข้อมูลผู้เช่าที่อาศัยอยู่ในชุมชน 1,369 หน่วย การจัดทำแผนแม่บทโครงการฯ และแนวทางการลงทุนที่สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจ ของการเคหะแห่งชาติ โดยมีความคิดเห็นจากผู้อยู่อาศัยในชุมชนเป็นสำ คัญ รวมทั้งประสานความร่วมมือ จากหน่วยงานและภาคีที่เกี่ยวข้องในการร่วมขับเคลื่อนนโยบายในการฟื้นฟูเมืองชุมชน ทุ่งสองห้อง นำ เสนอคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ เพื่อขอความเห็นชอบก่อนนำ แผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมือง ชุมชนทุ่งสองห้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 21 โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวโครงข่ายคมนาคม (Transit Oriented Development : TOD) การเคหะแห่งชาติ เป็น รัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่ อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่ต้องการมีที่ อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน ในระดับราคา ที่รับภาระได้ ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อ นโยบายของรัฐบาล และเป้าหมาย การพัฒนาประเทศอันประกอบด้วย แผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวมถึง แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี และแผนยุทธศาสตร์ของ การเคหะแห่งชาติ การเคหะแห่งชาติจึงได้ ขับเคลื่อนการดำ เนินงานตามนโยบาย ของรัฐบาลและเป้าหมายของการ พัฒนาประเทศ กำ หนดให้มีโครงการ ศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนา โครงการแบบผสมผสาน (Mixed-Use) ตามเส้นทางโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Transit Oriented Development : TOD) ในพื้นที่ ร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ในรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบผสมผสาน (Mixed-Use) บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของการเคหะแห่งชาติ ตั้งอยู่ถนนร่วมพัฒนา แขวงลำ ผักชี เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่โดยรวมประมาณ 400 ไร่ ระยะที่ 1 จำ นวน 8,000 หน่วย ภายใต้ การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ตามพระราชบัญญัติการ ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 การจัดทำ โครงการฯ เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้น้อย ข้าราชการ ประชาชนทั่วไป เพื่อให้ สอดคล้องกับความต้องการในปัจจุบัน อีกทั้งให้สอดรับกับนโยบาย และทิศทางการพัฒนาประเทศ และภารกิจของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งจะนำ ไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร หรือพลิกโฉมประเทศ ไปสู่เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายครอบคลุม 4 มิติ 13 หมุดหมาย ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ภายใต้ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ต่อไป


50th 22 Anniversary National Housing Authority โครงการบ้านพักสำ หรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Wellness Center) ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 กำ หนดมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งกำ หนดให้สร้างที่พักอาศัยสำ หรับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ให้มีที่พักอาศัยที่ปลอดภัย พร้อมสิ่งอำ นวย ความสะดวก และอยู่ในความดูแลของแพทย์ และพยาบาล เพื่อเป็นแผนการรองรับสังคม ผู้สูงอายุ (Aged society) รวมถึงนโยบายของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ ต้องเร่งรัดดำ เนินการโครงการสำ คัญตามแผน การก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำ หรับผู้สูงอายุครอบคลุม พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยคำ นึงถึง ความพร้อมและความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น ภาพรวมโครงการ ขนาดและรูปแบบที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม รวมทั้งการพิจารณาความคุ้มค่า ในการดำ เนินการและการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้ มาตรฐาน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับประโยชน์ อย่างแท้จริง และทั่วถึง การเคหะแห่งชาติ จึงศึกษาความเป็นไป ได้ในการจัดทำ “โครงการบ้านพักสำ หรับผู้สูงอายุ แบบครบวงจ (Wellness Center) เพื่อกลุ่มเป้าหมาย ผู้สูงอายุแบบครบวงจร ข้าราชการเกษียณ จัดให้มี องค์ประกอบที่เอื้อต่อการดำ รงชีวิตประจำ วันอย่างเหมาะสม ตั้งเป้าจัดสร้าง 852 หน่วย นำ ร่อง 2 พื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา (สูงเนิน) จำ นวน 500 หน่วย และจังหวัดเชียงใหม่ (ไนซ์ซาฟารี) จำ นวน 352 หน่วย ตามแนวทางการขับเคลื่อนโดยการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ภาย ใต้พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อเป็นการศึกษาวิเคราะห์แนวทาง การพัฒนาโครงการฯ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการบ้านพักสำ หรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Wellness Center) พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา (หมูสี) เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาสภาพความเป็นอยู่ประชาชน รวมถึงการ ดำ รงชีวิต ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเป็นการตอบสนองต่อนโยบายทิศทางการพัฒนาประเทศ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นได้ของโครงการบ้านพักสำ หรับ ผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Wellness Center) พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา (หมูสี เขาใหญ่) ที่ดินกรรมสิทธิ์ ของนิคมสร้างตนเอง ลำ ตะคอง ดำ เนินการโดย บริษัท ซี.ซี.ดับบลิว จำ กัด เพื่อศึกษากรณีตัวอย่าง (Case study) โดยถอดบทเรียนทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศที่ประสบความสำ เร็จ และไม่ประสบความสำ เร็จ รวมถึงวิเคราะห์รูปแบบ และองค์ประกอบที่เหมาะสม และความเป็นไปได้ของ รูปแบบการบริหารจัดการโครงการบ้านพักสำ หรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Wellness Center)


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 23 การพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยเป็นภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ โดยการพัฒนาที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภท รวมถึงการหา แนวทางเพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสมี ที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการ ให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อย่างไรก็ตาม ผู้มีรายได้น้อยอาจจะมีปัญหาการเข้า ถึงสินเชื่อ เพราะไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการ เงิน จึงเป็นที่มาของ “โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่ อาศัยสำ หรับผู้มีรายได้น้อย” ที่ถูกใช้เป็น “เครื่องมือทางการ เงิน” ที่จะช่วยให้ประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านของการเคหะ แห่งชาติมีที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งการขอสินเชื่อผ่านโครงการดัง กล่าว จะมีคณะกรรมการบริหารการให้สินเชื่อเพื่อพัฒนาที่ อยู่อาศัย (คบส.) ของการเคหะแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาให้สิน เชื่อกับลูกค้า เพื่อช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ไม่ สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในการซื้อที่อยู่อาศัยจากสถาบัน การเงินทั่วไป ให้มีโอกาสได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง “สินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำ หรับผู้มีรายได้น้อย” กลไกช่วยประชาชนมีที่อยู่อาศัยของตนเอง ในปีงบประมาณ 2565 การเคหะแห่งชาติพิจารณาเห็นชอบอัตราดอกเบี้ย กลุ่มลูกค้าทั่วไป ปีที่ 1-4 ร้อยละ 1.50 ปีที่ 5–7 ร้อยละ 2.50 ปีที่ 8-40 ร้อยละ 3.75 กลุ่มเปราะบาง ปีที่ 1-5 ร้อยละ 1.50 ปีที่ 6–7 ร้อยละ 2.50 ปีที่ 8-40 ร้อยละ 3.75 ระยะเวลาการให้เช่าซื้อ 40 ปี แต่เมื่อ รวมกับอายุผู้เช่าซื้อไม่เกิน 70 ปี โดยนำ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1-5 (เฉพาะโครงการเชิง สังคม) ที่สร้างเสร็จสามารถส่งมอบเข้าอยู่อาศัยได้ โครงการบ้านเอื้ออาทร (ยกเว้นโครงการบ้าน เอื้ออาทรพัทลุง โครงการรัฐเอื้อราษฎร์กองทัพเรือ และโครงการบ้านเอื้ออาทรสวนพลูพัฒนา) และ โครงการเคหะชุมชน มาทำ “เช่าซื้อ” กับโครงการสินเชื่อฯ ในส่วนเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกผู้เช่า ซื้อ จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.มีสัญชาติไทย 2.ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน 3.ไม่มีกรรมสิทธิ์ ในที่อยู่อาศัย 4.รายได้ไม่เกิน 41,600 บาท/เดือน/ครัวเรือน 5.เป็นผู้มีอายุไม่ต่ำ กว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 60 ปี ในกรณีอายุเกิน 60 ปี ต้องหาผู้เช่าซื้อร่วมและจะมีการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป 6.ทำ สัญญาเช่าซื้อร่วมได้ไม่เกิน 2 คนต่อสัญญา โดยจะนำ รายได้สุทธิของผู้เช่าซื้อทั้งหมดเป็นเกณฑ์ใน การพิจารณาทำ เช่าซื้อ 7.เป็นผู้มีอาชีพและรายได้ที่สามารถตรวจสอบได้และสอดคล้องกับหลักฐานที่นำ มาแสดง 8.ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลเครดิต 9.ยื่นคำขอเช่าซื้อและตอบแบบสัมภาษณ์การขอ เช่าซื้อ พร้อมแสดงเอกสารหลักฐานครบถ้วน และในกรณีผู้เช่าซื้อที่ยื่นขอสินเชื่อฯ ถูกปฏิเสธสินเชื่อจาก สถาบันการเงินด้วยเหตุผลที่ระบุเกี่ยวกับสถานะด้านเครดิตบูโรหรือสินเชื่อ การเคหะแห่งชาติจะนำ มา พิจารณาเป็นราย ๆ ต่อไป ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 (เดือนกันยายน 2563) - 2565 ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำ นวน 1,507 ราย (เป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป จำ นวน 1,321 ราย กลุ่มเปราะบาง จำ นวน 186 ราย) คิดเป็นวงเงินสินเชื่อฯ 977.24 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2566 (เดือนตุลาคม 2565 - กันยายน 2566) มีเป้าหมาย ให้สินเชื่อกับลูกค้า จำ นวน 574 รายหรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่อฯ 381.55 ล้านบาท


50th 24 Anniversary National Housing Authority โครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานสำ หรับบ้านที่อยู่อาศัย พัฒนาและส่งเสริมที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับ ผู้อยู่อาศัย ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และสร้างความตระหนักแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน รวม ทั้งขยายผลการดำ เนินงานความร่วมมือการพัฒนาที่อยู่อาศัยประสิทธิภาพสูงอย่างเป็นรูปธรรมมาจนถึงปัจจุบัน จากผลดำ เนินโครงการบ้านเบอร์ 5 ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ได้ยกระดับให้เกิดการออกแบบก่อสร้าง และเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพสูงและอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ในโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งในปี 2561 – 2563 การเคหะแห่งชาติมีโครงการที่ผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพพลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย จำ นวน 16 โครงการ รวมทั้งสิ้น 3,963 หน่วย โดยคาดว่าเมื่อดำ เนินการสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถส่ง ผลให้ประเทศประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 4.82 ล้านหน่วยต่อปี ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของผู้อาศัยได้ ประมาณ 17.35 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 2,300 ตันต่อปี โดยในปี 2562 กฟผ. ร่วมกับ การเคหะแห่งชาติ เปิดตัว “โครงการบ้านเบอร์ 5” แห่งแรก ณ โครงการ เคหะชุมชนและบริการชุมชน เชิงสังคม จังหวัดชลบุรี (บ่อวิน) ระยะที่ 2 ตั้งอยู่ บ่อวิน อำ เภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จัดสร้างเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำ นวน 415 หน่วย ขนาดพื้นที่ประมาณ 21 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในประมาณ 54 ตารางเมตร โดยโครงการได้นำ เกณฑ์ประเมินโครงการชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน (ECO VILLAGE) และ หลักเกณฑ์ในการออกแบบสภาพแวดล้อมและสิ่งอำ นวยความสะดวกสำ หรับทุกคน (UNIVERSAL DESIGN) มาใช้ เป็นแนวทางในการออกแบบวางผังโครงการและออกแบบอาคาร ซึ่งตัวบ้านได้ออกแบบภายใต้แนวคิด ทรอปิคอล โมเดิล (Tropical Style) โดยมีรูปทรงของหลังคาเป็นลักษณะของหลังคาเพิงหมาแหงน (Lean To) รวมถึงมีลักษณะ ของกันสาดที่ให้บรรยากาศของบ้านในเขตร้อนชื้นที่เหมาะกับภูมิอากาศของประเทศไทย และด้วยขนาดของแปลง ที่ดินที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักทำ ให้เกิดการซ้อนทับและบดบังทาบเงาของบ้านแต่ละหลังทำ ให้ช่วยลดความร้อนของตัว อาคารได้เป็นอย่างดี สามารถส่งผลให้ประเทศประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 415,000 หน่วยต่อปี ลดภาระค่า ใช้จ่ายไฟฟ้าของผู้อาศัยได้ประมาณ 1,660,000 บาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 210 ตันต่อปี การเคหะแห่งชาติเป็นองค์กรหลักด้านการ พัฒนาที่อยู่อาศัย จึงได้ดำ เนินการวิจัยและพัฒนา เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในโครงการสำ คัญ คือ โครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานสำ หรับ บ้านที่อยู่อาศัย หรือโครงการบ้านเบอร์ 5 ที่ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และได้ ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริม โครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานสำ หรับ บ้านที่อยู่อาศัย หรือ “บ้านเบอร์ 5” ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อ จากความร่วมมือดังกล่าว ทำ ให้การเคหะแห่งชาติและการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทยได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำ ปี 2564 รางวัลความ ร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาดีเด่น ประเภทดีเด่น จากการพัฒนา โครงการ “บ้านเบอร์ 5”ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้น และ ยังได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณเพื่อแสดงว่าโครงการเคหะชุมชนและบริการ ชุมชน จังหวัดสิงห์บุรี (บางกระบือ) และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน จังหวัดเพชรบุรี (โพไร่หวาน) ผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการฉลากแสดงระดับ ประสิทธิภาพพลังงาน (ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5) ประเภทบ้านที่อยู่อาศัย ประจำ ปี 2563 อีกด้วย


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 25 โครงการส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย การเคหะแห่งชาติให้ความสำ คัญในการดำ เนินนโยบายบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) ต่อผู้อยู่อาศัยและสังคมของการเคหะแห่งชาติอย่างเข้มข้น หนึ่งในโครงการที่ถือ เป็นความสำ เร็จ คือ ความร่วมมือกับกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility : GEF) โดยโครงการ สิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ องค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) ได้อนุมัติเงินทุนสนับสนุน จำ นวน 3,141,142 เหรียญสหรัฐฯ หรือ ประมาณ 98 ล้านบาท เพื่อให้การเคหะแห่งชาติดำ เนินโครงการส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย (Accelerating construction of energy efficient green housing units in Thailand) เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดำ เนินโครงการส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ซึ่งได้ดำ เนินการจัดทำ รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการส่งเสริมที่อยู่อาศัย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการ สร้างที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถตอบสนองเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกของประเทศไทย ซึ่งได้นำ เสนอต่อกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกและได้รับการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว “การได้ทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของการเคหะแห่งชาติ และมี เพียงไม่กี่องค์กรในประเทศไทยที่ได้รับทุนดังกล่าว พร้อมเปิดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัยและ ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของการเคหะแห่งชาติ ที่สำ คัญยังตอบโจทย์ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศล่าสุดในการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศ COP26 ยกระดับประเทศไทยสู่ ประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2050 และจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ได้ในปี 2065” สำ หรับปี 2565 การเคหะแห่งชาติได้ดำ เนินโครงการเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงาน และเป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม และลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU) ส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัด พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมกับมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เพื่อส่งเสริมการทำ งานร่วมกัน ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้มีการ พัฒนาและผลิตองค์ความรู้ทางด้านวิชาการ การวิจัย การฝึกอบรม การศึกษาดูงาน รวมถึงการประชุมทางวิชาการ ที่สอดคล้องกับทิศทางด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยมีเป้าหมายร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยตั้งเป้าจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2608 ที่สำ คัญเพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและครัวเรือนเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของการเคหะแห่งชาติ


50th 26 Anniversary National Housing Authority เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำ คัญด้านที่อยู่อาศัย และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและครัวเรือนเปราะบาง และมอบหมายให้ การเคหะแห่งชาติเร่งดำ เนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดเวลาที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติได้เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการดำ เนินงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่อยู่ อาศัยที่มีมาตรฐานและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกมิติ หนึ่งในนั้น คือการพัฒนาเว็บไซต์ “ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ” เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยได้สะดวกและรวดเร็ว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ” ตามมติ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2561 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการวาง ระบบและเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านที่อยู่อาศัย ส่วนการเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวม และจัดทำ ข้อมูลด้านที่อยู่อาศัย (Big Data) ที่กระจัดกระจายตามหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นฐานเดียวกัน ด้วย การบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำ นักงานสถิติแห่งชาติ และกระทรวง การคลัง จัดทำ ข้อมูลที่อยู่อาศัย หรือ Big Data รวมทั้งยกระดับการจัดสวัสดิการสังคม และการช่วยเหลือของ ภาครัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาและสนับสนุนให้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน เป้าประสงค์ที่ 1 สนับสนุนให้ทุกคนมีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน กลยุทธ์ที่ 3 เสริมสร้างและพัฒนาระบบข้อมูล สารสนเทศด้านที่อยู่อาศัยอย่างเป็นระบบ ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติร่วมกับสถาบัน เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ โดย ย้ายข้อมูลจาก Server ของกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์มาไว้ที่ Server ของการเคหะแห่งชาติ โดยใช้ชื่อ URL : https:// nhic.nha.co.th/web เพื่อให้บริการแก่หน่วยงาน ต่าง ๆ และประชาชนสามารถนำ ข้อมูลไปใช้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีชุดข้อมูล 12 หมวด ครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง ได้แก่ 1. นโยบายการพัฒนาที่อยู่อาศัย 2. ประชากรและครัวเรือน 3. โครงการที่อยู่อาศัย 4. ความต้องการที่อยู่อาศัย 5. แผนที่ภูมิสารสนเทศ 6. งานวิจัย 7. กฎหมายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย 8. สินเชื่อเพื่อ ที่อยู่อาศัย 9. โครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค 10. ที่อยู่อาศัยต่างประเทศ 11. ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย และ 12. เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพี่อที่อยู่อาศัย


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 27 การบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ การเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการประชาชนในด้านที่อยู่ อาศัย จึงให้ความสำ คัญต่อข้อมูลลูกค้าและ ประชาชนที่มาใช้บริการโดยถือปฏิบัติอย่าง เคร่งครัด และตระหนักดีถึงความประสงค์เกี่ยวกับ ความเป็นส่วนตัวของผู้มาใช้บริการ ซึ่งได้รับความ คุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พ.ศ. 2562 การเคหะแห่งชาติจึงดำ เนิน การด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ด้วย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 การดำ เนินงาน ISO/IEC 27001:2013 การกำ หนดบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ได้แก่ ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (Chief Information Officer : CIO) ผู้บริหารระดับสูงด้านข้อมูลของการเคหะแห่งชาติ (Chief Data Officer : CDO) ผู้บริหารระดับสูงทางด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับโครงสร้างเครือข่ายและความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ (Chief Security Officer : CSO) และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของการเคหะแห่งชาติ (Data Protection Officer : DPO) ซึ่งมีหน้าที่สำ คัญในการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดขององค์กรทั้งข้อมูล ส่วนบุคคลภายนอก และภายใน จัดการและตรวจสอบการดำ เนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึง การกำ หนดทิศทางการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย และสอดคล้องตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำ หรับการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ จะกำ หนดให้ผู้งานสามารถเข้าถึงระบบสารสนเทศตามภารกิจและ หน้าที่เท่านั้น มีระบบป้องกันและควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ มีการระบุยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน มีการกำ หนดบัญชีผู้ใช้งาน ( User Account ) ในการใช้งานระบบสารสนเทศ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงมีแผนสำ รองข้อมูล (Backup) และแผนกู้คืนระบบสารสนเทศ (Disaster Recovery Plan: DRP ) หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน การเคหะแห่งชาติได้พัฒนาและดำ เนินการตามระบบ มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยสารสนเทศ และได้รับใบรับรอง มาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2013 จาก บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทบทวน นโยบาย แนวทางปฏิบัติ และเอกสารที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัย สำ หรับสารสนเทศของการเคหะแห่งชาติ จัดอบรมเพื่อสร้างความ ตระหนักด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศสำ หรับคณะทำ งานและ ผู้ใช้งานพร้อมวัดผลก่อนและหลังการอบรม การซ้อมแผนกู้คืนระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ IT Disaster Recovery Plan –(IT-DRP) เมื่อเกิด สถานการณ์วิกฤตในองค์กร เพื่อให้ระบบสารสนเทศสามารถดำ เนินงาน ได้ตามปกติหรือให้บริการได้ในสภาวะฉุกเฉินในระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและประชาชนที่ใช้บริการด้าน สารสนเทศของการเคหะแห่งชาติ และยกระดับสู่องค์กรอัจฉริยะด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศต่อไป


50th 28 Anniversary National Housing Authority การเคหะแห่งชาติดำ เนินโครงการยกระดับชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Smart Sustainable Community) ตามยุทธศาสตร์ที่ 2 การเพิ่มศักยภาพชุมชนให้เข้มแข็ง และยกระดับชุมชนให้ได้มาตรฐาน สูง ตอบสนองกลยุทธ์ที่ 2 ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนให้เข้มแข็งยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนสามารถบริหาร จัดการชุมชนของตนเองได้อย่างเป็นระบบ และยกระดับชุมชนให้เป็น Smart Sustainable Community เพื่อให้ สอดคล้องตามกรอบทิศทางยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ พ.ศ 2560-2570 และเป็นไปตาม 17 เป้าหมายของ THE GLOBAL GOALS For Sustainable Development ซึ่งได้กำ หนดตัวชี้วัด ประกอบด้วย 4 มิติ ประกอบ ด้วย มิติเศรษฐกิจ มิติการมีส่วนร่วม มิติสุขภาพ มิติสิ่งแวดล้อม 48 ตัวชี้วัด เพื่อเป็นชุมชนยั่งยืนอย่างแท้จริง การเคหะแห่งชาติได้ดำ เนินโครงการ “SSC” มาตั้งแต่ปี 2560 โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำ กัด (มหาชน) ในการนำ องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาร่วมสนับสนุนการดำ เนินโครงการ “SSC” ในมิติที่แตกต่างกันจนสามารถเดินหน้าโครงการนำ ร่องที่โครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง (นิติ 1) ได้อย่างเป็นรูปธรรมในปี 2564 ในปีงบประมาณ 2565 การเคหะแห่งชาติได้คัดเลือกชุมชนที่ผ่านการประเมินระดับที่ 3 ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนมาประเมินเป็นชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จำ นวน 4 ชุมชน คือ บ้านเอื้ออาทร ระยอง (บ้านฉาง 3) บ้านเอื้ออาทรบางบัวทอง 2 บ้านเอื้ออาทรรังสิต คลอง 10/2 และบ้านเอื้ออาทร เมืองใหม่ บางพลี (เฟส 2) ทั้งนี้ในชุมชนที่ประเมินในปี 2564 คือ โครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง (นิติ 1) ยังดำ เนินการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คงเป็นชุมชนตามเกณฑ์การประเมินชุมชนอัจฉริยะ และน่าอยู่อย่างยั่งยืน และในปีงบประมาณ 2566 ได้คัดเลือกชุมชนที่ผ่านการประเมินระดับที่ 3 ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนมาประเมินเป็นชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จำ นวน 8 ชุมชนใหม่ คือ บ้านเอื้ออาทร นครศรีธรรมราช (โพธิ์เสด็จ) บ้านเอื้ออาทรระยอง (ตะพง) บ้านเอื้ออาทรเศรษฐกิจ 3 บ้านเอื้ออาทรเชียงใหม่ (สันป่าตอง) บ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี (วารินชำ ราบ) 6. บ้านเอื้ออาทรพหลโยธิน กม. 44 ระยะ 1 บ้านเอื้ออาทร พหลโยธิน กม. 44 ระยะ 1 เฟส 2 และบ้านเอื้ออาทรพหลโยธิน กม. 44 ระยะ 1 เฟส 3 รวมถึงจะรักษาชุมชนเดิม จำ นวน 5 ชุมชน คือ บ้านเอื้ออาทรเมืองใหม่บางพลี เฟส 2 บ้านเอื้ออาทรระยอง (บ้านฉาง 3) บ้านเอื้ออาทรรังสิต คลอง 10/2 บ้านเอื้ออาทรบางบัวทอง 2 และ บ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะ 1 ซึ่งการเคหะแห่งชาติจะยังดำ เนินการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คงเป็นชุมชนการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดไป โครงการยกระดับชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน SmartSustainable Community การกำ กับดูแลกิจการที่ดี (CG)


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 29 การเคหะแห่งชาติดำ เนินงานภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2570 (ฉบับ ปรับปรุง ปี 2564) แผนแม่บทด้านการกำ กับดูแลกิจการที่ดี พ.ศ.2564-2570 (ฉบับปรับปรุง ปี 2564) และแผน ปฏิบัติการการกำ กับดูแลกิจการที่ดี ประจำ ปีงบประมาณ 2565ในยุทธศาสตร์ที่ 5 : การสร้างความเชื่อมั่นให้ กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลยุทธ์ที่ 5.1 : ส่งเสริม CG ให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร มี 3 กลยุทธ์ย่อย กลยุทธ์ที่ 5.1.1 : การยกระดับระบบการกำ กับดูแลกิจการที่ดีของการเคหะแห่งชาติ กลยุทธ์ที่ 5.1.2 : เสริมสร้างองค์ความรู้ และวัฒนธรรมด้านการกำ กับดูแลกิจการที่ดี และกลยุทธ์ที่ 5.1.3 : สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการกำ กับดูแลกิจการที่ดี โดยมีโครงการ/กิจกรรม ดังนี้ การกำ กับดูแลกิจการที่ดี (CG) โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติด้านการกำ กับดูแลกิจการที่ดี โครงการคุณธรรมนำ องค์กร การเคหะแห่งชาติจัดทำ โครงการส่งเสริมการมี ส่วนร่วมของคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติขึ้น โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมและรณรงค์ให้คณะ กรรมการการเคหะแห่งชาติ ผู้บริหารระดับสูง และผู้ปฏิบัติ งานของการเคหะแห่งชาติ มีความตระหนักและเห็นถึงความ สำ คัญของการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ด้านการกำ กับดูแล กิจการที่ดี กิจกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และความโปร่งใส โดยในปีงบประมาณ 2565 คณะกรรมการ การเคหะแห่งชาติมีส่วนร่วมในการดำ เนินงานและเข้าร่วม กิจกรรมด้านการกำ กับดูแลกิจการที่ดีของการเคหะแห่งชาติ อย่างต่อเนื่องทั้งปี การเคหะแห่งชาติได้จัดโครงการคุณธรรมนำ องค์กร ขึ้นเป็นประจำ ทุกปีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้บริหารสูงสุด ขององค์กรเป็นต้นแบบในการนำ หลักคุณธรรม จริยธรรม และการดำ เนินงานด้วยความโปร่งใส รวมทั้งมีส่วน ร่วมในการถ่ายทอด ชี้นำ และสร้างองค์กรให้มีความ เข้มแข็งด้วยหลักคุณธรรม จริยธรรม และความโปร่งใส ทั้งยังเป็นการสร้างขวัญและกำ ลังใจในการปฏิบัติงาน ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บริหารสูงสุดกับ ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งในปีงบประมาณ 2565 นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติให้สัมภาษณ์พร้อมมอบ นโยบายและการดำ เนินงาน ด้วยหลักคุณธรรม มาตรฐาน จริยธรรม และความโปร่งใส โดยเผยแพร่ผ่านทางระบบ Social Media ทั้ง 2 ช่องทาง ประกอบด้วย Facebook “การเคหะแห่งชาติ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม” และ Facebook “การเคหะแห่งชาติ”


50th 30 Anniversary National Housing Authority โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในองค์กร โครงการจัดกิจกรรม CG DAY การเคหะแห่งชาติจัดทำ โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมและให้ความสำ คัญกับการกำ กับดูแลกิจการที่ดี รวมทั้งส่งเสริม ให้ผู้ปฏิบัติงานมีธรรมาภิบาลสอดคล้องกับนโยบายการป้องกันและต่อต้าน การทุจริตคอร์รัปชัน โดยยึดหลักคุณธรรม จริยธรรมและความโปร่งใสในการ ดำ เนินงาน โดยในปีงบประมาณ 2565 การเคหะแห่งชาติ จัดกิจกรรมส่งเสริม คุณธรรมจริยธรรมในองค์กร โดยมีกิจกรรม ดังนี้ กิจกรรมต้นแบบคุณธรรม 1 คนดีมีจริยธรรม ได้นำ ผลการสำ รวจความคิดเห็นด้านคุณธรรมจริยธรรม ของผู้ปฏิบัติงานในองค์กร ประจำ ปี 2564 ด้านที่ 6 ด้านการมีคุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมองค์กรที่ดี (Ethics) มีระดับค่าเฉลี่ย 4.23 คิดเป็นร้อยละ 84.60 ซึ่งในปี 2565 การเคหะแห่งชาติร่วมรับโล่รางวัลผู้ได้รับการคัดเลือก “1 คนดี มีจริยธรรม 1 หน่วยงาน พม.เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำ ลังใจ และความภาค ภูมิใจให้กับบุคลากรของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เป็น แบบอย่างในการทำ ความดี ประพฤติดี และดำ รงตนเป็นแบบอย่างที่ดี รวมทั้งเป็น แรงบันดาลใจให้กับบุคคลอื่นอันเป็นกลไกหนึ่งในการสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรม และป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบอีกด้วย การเคหะแห่งชาติจัดทำ โครงการองค์กรใสสะอาดขึ้น เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ผู้บริหารระดับสูง และผู้ปฏิบัติงานมีส่วนร่วมแสดงเจตจำ นงสุจริต ในการบริหารงาน และดำ เนินงานด้วยความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และความโปร่งใส รวมทั้งเป็นการปลูก ฝังจิตสำ นึกที่ดี ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และสร้างวินัยให้แก่ ผู้ปฏิบัติงาน นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ส่งเสริมและสร้าง ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการเคหะแห่งชาติ โดยในปีงบประมาณ โครงการองค์กรใสสะอาด การเคหะแห่งชาติได้จัดกิจกรรม CG DAY ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้กับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน ในเรื่องการกำ กับดูแลกิจการที่ดี (CG) มีจิตสำ นึกที่ดีตามหลักของการกำ กับดูแลกิจการที่ดี (CG) ตลอดจนดำ เนินงานโดย ยึดหลักธรรมาภิบาล มีคุณธรรม และความโปร่งใส รวมทั้งสามารถนำ ความรู้ไปใช้ ในการปฏิบัติงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 การเคหะ แห่งชาติ จัดกิจกรรม CG Day เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจของการดำ เนินงาน ด้านการกำ กับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงการสร้างจิตสำ นึกที่ดีในการต่อต้านการทุจริต การปฏิบัติตามระเบียบวินัย และยืดมั่นคุณธรรมในการดำ เนินงาน 2565 การเคหะแห่งชาติจัดพิธีลงนามการแสดงเจตจำ นงสุจริต ด้านคุณธรรมความโปร่งใส และการต่อต้านการ รับสินบนหรือประโยชน์อื่นใดของการเคหะแห่งชาติ ภายใต้ โครงการองค์กรใสสะอาด


สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 31 ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) จากภารกิจหลักด้านการพัฒนาและจัดสร้างที่อยู่อาศัยให้กับ ประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง และ ผู้ด้อยโอกาสในสังคม หนึ่งในโครงการที่ “การเคหะแห่งชาติ” ได้ดำ เนิน การมาครบกว่า 1 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 2553 คือ โครงการปรับปรุงที่อยู่ อาศัยสำ หรับผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ของการเคหะ แห่งชาติ (บ้านสบายเพื่อยายตา) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้าน การอยู่อาศัยของ “ผู้สูงอายุ” ผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ โดยการ ปรับปรุงซ่อมแซม หรือจัดทำ ที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งหลัง รวมทั้งการปรับ สภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยให้เหมาสมและสอดคล้องกับความ ต้องการและตามคุณลักษณะเฉพาะของผู้อยู่อาศัย ทำ ให้สามารถอยู่ อาศัยได้อย่างเป็นปกติสุขในชุมชนเดิมอย่างยั่งยืน โครงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำ หรับผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีรายได้ น้อยและผู้ยากไร้ (บ้านสบายเพื่อยายตา) ปี 2565 เป็นหนึ่งกิจกรรม ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม มีจุดประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพ ชีวิตด้านการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ โดยการปรับปรุง ซ่อมแซมหรือจัดทำ ที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งหลัง รวมทั้ง การปรับสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมและสอดคล้อง กับความต้องการและตามคุณลักษณะเฉพาะของผู้อยู่อาศัย ให้อยู่ อาศัยได้อย่างเป็นปกติสุขในชุมชนเดิมอย่างยั่งยืน โครงการฯ ดังกล่าวเริ่มดำ เนินการมาตั้งแต่ ปี 2553 จนถึงปี 2565 มีการดำ เนินการปรับปรุง ซ่อมแซม และสร้างบ้านใหม่ให้ผู้สูงอายุไปแล้วจำ นวน 409 หลัง กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัด สิงห์บุรี ลพบุรี กาญจนบุรี ชัยนาท สุรินทร์ อุบลราชธานี อำ นาจเจริญ เลย เชียงใหม่ แพร่ สงขลา ตรัง ระยอง จันทบุรี นครพนม ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช สมุทรสงคราม ราชบุรี และอุดรธานี และในปี 2565 มีการดำ เนินการเพิ่มเติมใน 8 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง ลำ ปาง ลำ พูน สระบุรี อ่างทอง มหาสารคาม ยโสธร และ ชุมพร รวมทั้งสิ้น 30 หลัง ทั้งนี้ จากการดำ เนินโครงการพบว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับความช่วยเหลือในโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ ปรับปรุง ซ่อมแซม หรือการสร้างบ้านใหม่ ต่างได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างสูง ทำ ให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งผล ดีต่อทั้งสุขภาพกายและใจ ที่สำ คัญทำ ให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างเป็นปกติสุขในชุมชนเดิมอย่างยั่งยืน การเคหะแห่งชาติเข้าร่วมโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการ ดำ เนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปี พ.ศ. 2565 การเคหะแห่งชาติได้รับผลคะแนน ITA 97.96 อยู่ในระดับ AA (ใน พ.ศ. 2564 ได้คะแนน 97.93 ซึ่งอยู่ในลำ ดับที่ 1 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอยู่ในลำ ดับที่ 5 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ โครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำ เนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ของการเคหะแห่งชาติ


50th 32 Anniversary National Housing Authority ¼ÅÔµâ´Â ½†ÒÂÊ×èÍÊÒÃͧ¤¡Ã 905 ¶¹¹¹ÇÁÔ¹·Ã ¤Åͧ¨Ñè¹ ºÒ§¡Ð» ¡ÃØ§à·¾Ï 10240 Call Center 1615 www.nha.co.th “สรางบาน สรางสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”


Click to View FlipBook Version