The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มบทเรียนสำเร็จรูป2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jiraporn99254, 2021-09-07 04:40:07

เล่มบทเรียนสำเร็จรูป2

เล่มบทเรียนสำเร็จรูป2

01
02
03
04
05



คำนำ

บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ควำมสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ เล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนำสื่อนวัตกรรมและ
เป็นส่วนหนึ่งของกำรจัดกำรเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ ของรำยวิชำวิทยำศำสตร์ กลุ่มสำระวิทยำศำสตร์เทคโนโลยี โดยมี
เปำ้ หมำยสำหรบั ผูเ้ รียนในระดบั ช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 3 ซงึ่ เปน็ กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและในบทเรียน
สำเร็จรูปเลม่ นีผ้ ู้เรียนสำมำรถนำไปใช้ในกำรศกึ ษำหำควำมรู้ดว้ ยตนเอง มีกระบวนกำรเรยี นรู้ที่เขำ้ ใจงำ่ ยได้ประโยชน์ตอ่
กำรเรียนรู้และทำควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศเป็นลำดับขั้นตอน ซึ่งในกำ รจัดทำบทเรียน
สำเรจ็ รปู ครัง้ น้ี แบ่งเนอื้ หำออกเปน็ ทงั้ หมด 5 ชดุ

ผู้จำทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ บทเรียนสำเร็จรูปเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกำรพัฒนำกำรเรียนรู้ในรำยวิชำ
วิทยำศำสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ให้เหมำะสมกับผู้เรียนและส่งเสริมให้นำไปใช้พัฒนำกำรเรียนรู้ให้มีคุณภำพมำกขึ้น
หำกบทเรียนสำเร็จรูปเลม่ นีผ้ ิดพลำดประกำรใดกต็ ้องขออภัยไว้ ณ ทีน่ ดี้ ว้ ย

สำรบญั ข
หนำ้ ท่ี
เนือ้ เร่ือง

คำช้ีแจง
คำแนะนำสำหรบั ครู
คำแนะนำสำหรบั ผูเ้ รียน
ข้นั ตอนกำรเรยี นดว้ ยบทเรียนสำเรจ็ รปู
มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั
จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ และสำระสำคัญ
แบบทดสอบก่อนเรียน
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน

สำรบัญ (ต่อ) ข

เนื้อเรอื่ ง หนำ้ ท่ี

กรอบนำเขำ้ สู่บทเรียน
ชดุ ท่ี 1 ควำมหมำยของระบบนเิ วศ
ชุดที่ 2
ชดุ ที่ 3
ชดุ ท่ี 4
ชดุ ท่ี 5
กรอบสรปุ
แบบทดสอบหลังเรียน
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
บรรณำนุกรม

คำชแี้ จง ค

บทเรยี นสำเรจ็ รูป เรือ่ ง ควำมสัมพันธข์ องส่งิ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ เป็นสว่ นหนึง่ ในหนว่ ยกำรเรียนรู้
เรอื่ ง ระบบนเิ วศ ซ่งึ บทเรียนสำเรจ็ รปู เลม่ นีเ้ ป็นเอกสำรปรกอบกำรจัดกจิ กรรมกำรสอนในรปู แบบออนไลน์
รำยวิชำวทิ ยำศำสตรพ์ น้ื ฐำน ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 3 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี โดยในบทเรยี นจะมี
กำรแบง่ เนื้อหำออกเปน็ 5 ชุด ประกอบดว้ ย ควำมหมำยของระบบนิเวศ ประเภทของระบบนิเวศ องค์ประกอบของระบบ
นเิ วศ บทบำทสำคัญของสิ่งมีชีวิตในระบบนเิ วศ และควำมสัมพันธ์ของส่งิ มชี ีวิตในระบบนิเวศ

บทเรยี นสำเร็จรูป เรื่อง ควำมสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ เป็นเอกสำรประกอบกำรเรียนที่ได้รวบรวม
และเรยี บเรยี งเนื้อหำที่มีควำมชัดเจน ซึ่งนักเรียนสำมำรถนำบทเรียนสำเร็จรูปไปใช้ศึกษำเรียนรู้ได้ตลอดเวลำไม่ว่ำจะเป็นใน
หอ้ งเรยี นหรือนอกเวลำเรียนกส็ ำมำรถทำได้ และในชว่ งสถำนกำรณท์ ่ีตอ้ งเรยี นออนไลน์ บทเรียนสำเร็จรปู จึงมีควำมเหมำะสม
ที่จะนำมำใช้กับนักเรียนอย่ำงมำก เนื่องจำกนักเรียนบำงคนไม่สำมำรถเข้ำเรียนได้ตำมช่วงเวลำที่กำหนดได้ ก็ สำมำรถนำ
บทเรียนสำเรจ็ รปู นี้ไปศึกษำเรียนรู้ได้ตำมควำมสะดวก

คำแนะนำสำหรบั ครู ง

บทเรยี นสำเร็จรูปเรือ่ ง ควำมสมั พันธข์ องส่ิงมชี ีวติ ในระบบนิเวศ ในรำยวชิ ำวิทยำศำสตร์
สำหรับผ้เู รยี นระดับช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ 3 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ใช้เป็นเลม่ เอกสำรประกอบกำรจดั กำรเรยี นรู้ มีคำแนะนำสำหรับครู ดังนี้

1 ครศู ึกษำบทเรยี นสำเรจ็ รปู ให้ละเอยี ดและทำควำมเขำ้ ใจใหด้ ีกอ่ นนำไปใช้

2 ครูมีกำรช้แี จ้งให้ผ้เู รยี นทรำบถึงลำดับข้ันตอนและวิธกี ำรใช้บทเรียนสำเร็จรปู

3 ครคู วรเน้นย้ำให้ผเู้ รียนมคี วำมซือ่ สัตยต์ ่อตนเอง ไม่ควรดูเฉลยก่อนตอบคำถำม

4 ครใู หผ้ เู้ รียนศกึ ษำบทเรยี นสำเร็จรปู ได้ตำมควำมสำมำรถของตนเอง โดยครจู ะทำหนำ้ ที่
เป็นทป่ี รกึ ษำคอยใหค้ ำแนะนำ เมือ่ เกดิ ปญั หำ แต่ไม่ไดท้ ำหนำ้ ท่ีเปน็ ผู้สอน

คำแนะนำสำหรบั ผเู้ รยี น จ

บทเรยี นน้ี เปน็ บทเรียนสำเร็จรูปทผ่ี เู้ รียนจะเรียนไดด้ ้วยตนเอง และปฏบิ ัตศิ ึกษำหำควำมรู้
ดว้ ยตนเอง ดงั นัน้ ให้ผู้เรยี นอำ่ นคำแนะนำก่อนลงมือ ดงั นี้

1 บทเรียนนี้ไม่ใช่แบบทดสอบ ผ้เู รยี นไม่ต้องกงั วลใจ พยำยำมศึกษำและทำด้วยตนเอง
2 เน้ือหำแต่ละตอนแบ่งออกเปน็ ชดุ ซึ่งเรยี งเน้ือหำจำกง่ำยไปยำก

3 ก่อนศกึ ษำบทเรียนน้ใี ห้ผู้เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพอ่ื วดั ประเมินผล

4 เริ่มศกึ ษำบทเรียนตำมลำดับของเนื้อหำตงั้ แต่ต้นจนจบบทเรยี น
5 ผู้เรียนตอ้ งไม่ข้ำมชุดเนอ้ื หำใดชุดเนื้อหำหนึง่ เพรำะบทเรียนจะไม่ต่อเน่อื ง

6 เม่ือตอบคำถำมเสรจ็ แลว้ ใหต้ รวจสอบเฉลยในหน้ำถัดไป โดยต้องมีควำมซอื่ สตั ย์

อ่ำน ขั้นตอนกำรเรยี นด้วยบทเรยี นสำเรจ็ รปู
คำแนะนำ

1

ทำ 2 บทเรยี นสำเรจ็ รูป
แบบทดสอบ
ก่อนเรียน

3 ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์
ศึกษำเรยี นรู้ใหมอ่ ีกครัง้
ศึกษำ
เนื้อหำสำระ 4

ตอบคำถำม 5 ผำ่ นเกณฑ์

แบบทดสอบ
หลงั เรยี น

มำตรฐำนกำรเรยี นรู้

สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ
มำตรฐำน ว ๑.๑ เข้ำใจควำมหลำกหลำยของระบบนิเวศ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสง่ิ ไม่มีชวี ติ กับส่ิงมีชีวิต

และควำมสมั พันธ์ระหว่ำงสิง่ มีชีวิตกับส่งิ มีชวี ิตต่ำง ๆ ในระบบนิเวศ กำรถ่ำยทอดพลังงำน กำรเปลยี่ นแปลง
แทนท่ใี นระบบนิเวศ ควำมหมำยของประชำกร ปัญหำและผลกระทบท่ีมตี ่อทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม
แนวทำงในกำรอนุรักษท์ รัพยำกรธรรมชำตแิ ละกำรแกไ้ ขปัญหำส่งิ แวดลอ้ มรวมทัง้ นำควำมรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตัวชี้วัด

ม.3/1 อธบิ ำยปฏสิ มั พันธข์ ององค์ประกอบของระบบนิเวศทไ่ี ดจ้ ำกกำรสำรวจ
ม.3/2 อธิบำยรูปแบบควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงส่งิ มีชีวิตกับสิ่งมชี วี ติ รปู แบบต่ำงๆในแหล่งท่ีอยเู่ ดยี วกันทไ่ี ด้จำกกำรสำรวจ

จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้

1. ผ้เู รยี นบอกควำมหมำยของระบบนิเวศ โครงสรำ้ งของระบบนเิ วศ ประเภทของระบบนเิ วศ
และองค์ประกอบของระบบนิเวศไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ ง

2. ผเู้ รยี นสำมำรถอธบิ ำยควำมสมั พันธข์ องสงิ่ มีชีวติ รูปแบบต่ำง ๆ ในระบบนิเวศได้

สำระสำคญั

ระบบนเิ วศ เป็นระบบท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงควำมสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มำอยู่ร่วมกัน ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง กับ
สภำพแวดล้อมโดยรวมของแหล่งที่อยู่อำศัย โดยโครงสร้ำงของระบบนิเวศ ประกอบด้วย กลุ่มสิ่งมีชีวิต แหล่งที่ อยู่ และ
สงิ่ แวดล้อม ท่แี ตกต่ำงกัน ซ่ึงประเภทของระบบนเิ วศแบง่ ได้เป็น ระบบนิเวศตำมธรรมชำติ และระบบนิเวศที่มนุษย์สร้ำงขึ้น
โดยในระบบนิเวศเหล่ำนี้มีทั้ง องค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต เป็นส่วนที่ทำให้ระบบนิเวศเกิดควำมสมดุล และอ งค์ประกอบที่มี
ชีวติ ซึ่งจะมีควำมสมั พันธซ์ ึง่ กนั และกันทั้งในลกั ษณะท่ีพ่ึงพำอำศัยกนั ในรูปแบบต่ำง ๆ ในระบบนเิ วศ

จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้

ชดุ ที่ 1 ควำมหมำยของระบบนเิ วศ
ผู้เรียนสำมำรถอธิบำยควำมหมำยของระบบนเิ วศไดอ้ ยำ่ งถูกต้อง

ชดุ ท่ี 2 โครงสรำ้ งของระบบนเิ วศ
ผเู้ รยี นสำมำรถบอกโครงสรำ้ งของระบบนิเวศได้

2. ผเู้ รียนสำมำรถอธิบำยควำมสัมพนั ธ์ของส่งิ มีชีวติ รูปแบบตำ่ ง ๆ ในระบบนิเวศได้

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

คลิกลิ้งดำวน์โหลด

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น

เนื้อหำนำเขำ้ ส่บู ทเรียน 1

ในธรรมชำติ เรำมักพบว่ำสิ่งมีชีวิตหลำยชนิดอำศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิต หรือเป็น สังคมของสิ่งมีชีวิต
(community) กระจดั กระจำยอยู่ในบรเิ วณแหล่งท่อี ยู่ (habitat) แตกตำ่ งกนั ไดแ้ ก่ กลุ่มสิ่งมชี ีวิตในสระน้ำจดื
ในทะเล ในป่ำ บนต้นไม้ใหญ่ ใต้ขอนไม้ผุ ริมกำแพงบ้ำนหรือแม้แต่ร่ำงกำยของสิ่งมีชีวิตก็ยังเป็นแหล่งที่อยู่ของ
สงิ่ มีชีวติ บำงชนดิ ด้วย กลุ่มส่งิ มีชวี ิตท่ีอำศัยอยรู่ ่วมกนั ในแหลง่ ท่ีอยู่แต่ละแห่งนั้นจะมีควำมสัมพันธ์ซึ่งกันและกันทั้งใน
ลกั ษณะท่พี ง่ึ พำอำศยั กันในรูปแบบต่ำง ๆ และกำรแกง่ แย่งแข่งขนั กนั เปน็ ควำมสมั พันธ์ทำงชวี ภำพกลุ่มสิ่งมีชีวิตยังมี
ควำมสัมพนั ธก์ ับสภำพแวดล้อมของแหลง่ ทีอ่ ยู่ ซ่งึ เป็นสภำพทำงกำยภำพ ได้แก่ ดิน น้ำ แร่ธำตุ แสงสว่ำงและ อื่น ๆ
ท่ีจำเป็นต่อกำรดำรงชีพของสง่ิ มีชีวิต ควำมสมั พันธ์ทั้งหมดดังกล่ำวประกอบกันเป็นระบบนเิ วศ

2 01

E COS Y S T E

3 01

ระบบนิเวศ (Ecosystem) หมำยถงึ ระบบท่แี สดงให้เหน็ ถงึ
ควำมสมั พนั ธข์ องกลมุ่ สงิ่ มีชีวิตท่มี ำอย่รู ว่ มกนั ณ บรเิ วณใดบรเิ วณหนึง่
กับสภำพแวดล้อมโดยรวมของแหลง่ ท่อี ยู่อำศยั ซึ่งภำยในระบบนเิ วศ
มคี วำมสมั พันธ์ในแง่ของกิจกรรมระหว่ำงสิง่ มีชวี ติ กบั สิ่งมีชีวิตและสง่ิ มชี วี ติ
กบั สง่ิ แวดล้อมเกิดข้นึ ได้แก่ กำรถ่ำยทอดพลงั งำนระหวำ่ งสง่ิ มีชีวิตกลุม่
ตำ่ ง ๆ และมกี ำรหมนุ เวยี นของสำรและแรธ่ ำตตุ ่ำง ๆจำกสงิ่ แวดลอ้ มสูต่ ัว
ของสิ่งมชี วี ติ และจำกตวั ของสง่ิ มีชีวติ ไปสสู่ ่ิงแวดลอ้ มด้วย

.......................................................................................................
.......................................................................................................

4

02

5

เฉลยคำถำมประจำชดุ ท่ี 1 โครงสรำ้ งของระบบนเิ วศ ประกอบด้วย 02

........................... กลมุ่ สง่ิ มชี ีวิต (community) หมำยถึง กำรอยู่รว่ มกันในบริเวณแหล่ง
........................... ทีอ่ ยเู่ ดยี วกนั ของสง่ิ มชี วี ติ ตัง้ แต่ 2 ชนดิ ขนึ้ ไป ซึง่ สิ่งมีชวี ิตมคี วำมหลำกหลำยชนดิ
........................... ท้งั พืชและสตั ว์ โดยสิง่ มีชวี ติ ตำ่ ง ๆ ทีอ่ ำศัยในแหลง่ ทอ่ี ยูห่ นึง่ จะมคี วำมสมั พนั ธ์กัน
........................... ในรปู แบบต่ำง ๆ ผ่ำนกิจกรรมเพือ่ กำรดำรงชีวิตของสงิ่ มชี ีวติ น้ัน ๆ โดยเฉพำะ
........................... กำรกินกนั เป็นอำหำร จนเกดิ เป็นวงจรที่มีลกั ษณะเฉพำะของแต่ละแหลง่ ท่ีอยู่
...........................
...........................
...........................
...........................
...........................

คำถำมประจำชดุ ท่ี 2

1) ..............................................................................................
....................................................................................................

เฉลยคำถำมประจำชดุ ที่ 2 6 02
).................................... แหลง่ ทีอ่ ยู่ (Habitat) หมำยถงึ สถำนท่ที สี่ ิ่งมชี ีวิตอำศัยอยู่
...................................... กระจัดกระจำยอยู่ตำมที่ตำ่ งๆ ทวั่ ไปเพื่อใชเ้ ป็นแหลง่ ท่ีอยูอ่ ำศัยหำอำหำร
...................................... หลบภยั จำกศัตรู ผสมพนั ธุ์ วำงไข่ เป็นต้น แหล่งที่อย่อู ำศัยนี้มีขอบเขตทแ่ี นน่ อน
...................................... แต่อำจมขี นำดแตกตำ่ งกัน ซง่ึ จำแนกได้ 2 ประเภท
......................................
...................................... 1. แหล่งทอ่ี ยู่อำศยั บนบก (Terrestrial habitat) เช่น ทร่ี ำบลมุ่
...................................... 2. แหลง่ ท่อี ยูอ่ ำศัยในนำ้ (Aquatic habitat) เชน่ ทะเล
......................................

2. จำกรูปภำพ เปน็ แหล่งทอ่ี ยอู่ ำศัยประเภทใด
และสตั วใ์ ดบ้ำงทส่ี ำมำรถอำศยั อยู่ได้

เฉลยคำถำมประจำชดุ ที่ 2 7 02
2)...................................
...................................... ส่งิ แวดลอ้ ม(Environment) ส่งิ ท่ีเกิดขึ้นตำมธรรมชำติและ
...................................... ท่มี นษุ ยส์ รำ้ งขนึ้ ที่เปน็ รูปธรรมและนำมธรรมส่งิ ทเี่ หน็ ไดด้ ว้ ยตำและไม่สำมำรถ
...................................... เหน็ ได้ด้วยตำสิ่งทีม่ ชี วี ิตและไมม่ ชี ีวิตตลอดจนส่ิงทเ่ี ป็นท้งั ทีใ่ หค้ ุณและให้โทษ
......................................
...................................... 1. สง่ิ แวดล้อมทำงธรรมชำติ (Natural environment)
...................................... ส่งิ ทีเ่ กิดข้ึนเองตำมธรรมชำติ เช่น ปำ่ ไม้ สตั ว์ป่ำ อำกำศ ดนิ นำ้ มนษุ ย์
......................................
2. สง่ิ แวดล้อมท่ีมนุษย์สรำ้ งข้ึน (Man-Made Environment)
ได้จำกทรพั ยำกรด้งั เดิม แล้วมนษุ ย์เปน็ ผู้ดัดแปลงเช่น ถนน บ้ำนเมือง

3) ...................................................................................................
.........................................................................................................

8 01

3)....................................... 9 03
..........................................
.......................................... 1.1 ระบบนิเวศบนบก (terrestrial ecosystem) ควำมสมั พนั ธ์ของ
.......................................... สง่ิ มีชีวติ บนภำคพื้นดนิ โดยมปี จั จัยทำงด้ำนอุณหภมู ิ ปริมำณนำ้ ฝน
.......................................... และพชื พรรณเปน็ หลัก เช่น ปำ่ ไม้ และทุง่ หญ้ำ
.......................................... 1.2 ระบบนเิ วศแหล่งน้ำ
..........................................
.......................................... ระบบนิเวศแหล่งน้ำเคม็ (marine ecosystem) เชน่ ทะเล และมหำสมุทร
.......................................... ระบบนเิ วศนำ้ กรอ่ ย เช่น ป่ำชำยเลน
ระบบนิเวศแหล่งนำ้ จืด (freshwater ecosystem) เช่น แหลง่ นำ้

10

ระบบนเิ วศทม่ี นษุ ยส์ ร้ำงข้ึน เชน่ ระบบนิเวศชุมชนเมือง แหลง่ เกษตรกรรม นคิ มอตุ สำหกรรม
หรือแมก้ ระท่ังตู้ปลำ อ่ำงเลี้ยงปลำ ก็จดั เปน็ ระบบนเิ วศท่มี นุษย์สร้ำงขึ้น

03

4)...................................................................................................
.........................................................................................................

11

04

12

เฉลยคำถำมประจำชดุ ท่ี 3 เป็นส่วนท่ที ำให้ระบบนเิ วศเกดิ ควำมสมดุล ซงึ่ มอี ทิ ธิพลตอ่ กำรดำรงชวี ติ
4)....................................... และเกดิ กำรกระจำยของสง่ิ มีชีวิตในระบบนิเวศ หำกขำดองคป์ ระกอบที่ไม่มี
.......................................... ชีวติ เหล่ำนี้ สง่ิ มชี ีวิตก็ไมส่ ำมำรถดำรงชีวิตอยไู่ ด้ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท
..........................................
.......................................... 04
..........................................
.......................................... Tiger
..........................................
.......................................... 1.1 1.3
......................................... 1.2
อนทิ รียสำร
(Inorganic substance) อนิ ทรยี สำร สภำพแวดล้อม
(Organic subtanceC) hicken
ทำงกำยภำพ

13

พืชและสัตว์ สิง่ มชี วี ิตทุกชนิด
มคี วำมตอ้ งกำรแรธ่ ำตุ จำเป็นตอ้ งอำศัยน้ำ
ในกำรดำรงชวี ิต
ท่แี ตกต่ำงกัน
Tiger
แก๊สออกซิเจน 04
แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์

1)...................................................................................................
.........................................................................................................

เฉลยคำถำมประจำชดุ ท่ี 4 เปน็ สำรท่ไี ดจ้ ำกส่งิ มชี วี ติ 14
1)...................................... เชน่ คำร์โบไฮเดรต โปรตนี ไขมัน
......................................... ซึง่ ได้จำกกำรเนำ่ เป่ือยและผผุ งั 04
......................................... ของซำกพืชศำกสัตว์แล้วทับถมกลำยเปน็ ฮิวมัส
.........................................
......................................... Tiger
.........................................
.........................................
.........................................

2)...................................................................................................
.........................................................................................................

15

เฉลยคำถำมประจำชดุ ท่ี 4 แสงจำกดวงอำทิตย์ เป็นแหล่งพลงั งำนสำคญั ของโลก 04
2)...................................... โดยพืชสำมำรถเปล่ยี นพลงั งำนแสงใหก้ ลำยเปน็ พลงั งำนเคมี
......................................... ในรปู ของอำหำรด้วยกระบวนกำรสังเครำะหแ์ สง และได้
......................................... แก๊สออกซเิ จน ซึง่ จำเป็นตอ่ Tกigรeะrบวนกำรหำยใจของสิ่งมชี ีวิต
......................................... นอกจำกน้ี แสงยังเปน็ ตัวกำหนดพฤตกิ รรมของสิ่งมีชีวิต
.........................................
.........................................
.........................................
.........................................

15

2)...................................... แสงจำกดวงอำทิตย์ เปน็ แหลง่ พลงั งำนสำคัญของโลก 04
......................................... โดยพชื สำมำรถเปลย่ี นพลงั งำนแสงให้กลำยเปน็ พลังงำนเคมี
......................................... ในรูปของอำหำรด้วยกระบวนกำรสงั เครำะหแ์ สง และได้
......................................... แกส๊ ออกซเิ จน ซง่ึ จำเปน็ ตอ่ กระบวนกำรหำยใจของส่ิงมีชีวิต
......................................... นอกจำกน้ี แสงยTังiเgปe็นrตวั กำหนดพฤตกิ รรมของสิง่ มีชีวิต
.........................................
.........................................
.........................

สภำพควำมเป็นกรดและเบสของดินกับน้ำ แต่ละแห่ง
จะมคี ำ่ ไม่เทำ่ กันขึ้นอยกู่ บั ปรมิ ำณแร่ธำตุ ๆ ที่อยใู่ นดนิ
โดยสิงม่ ชี ีวิตแตล่ ะชนิดตอ้ งอำศัยอยู่ในสภำพท่ีเหมำะสม
จงึ จะสำมำรถดำรงชีวิตอยู่ได้

ควำมเค็มมอี ิทธพิ ลอย่ำงมำกกับสง่ิ มีชีวติ ท่อี ำศัยอยู่
บริเวณผวิ น้ำ

เป็นปัจจัยท่คี วบคมุ กำรเจริญเติบโต กำรสืบพนั ธ์และกำร

แพรก่ ระจำยของส่ิงมีชวี ิต นอกจำกน้ีอุณหภูมิยงั มตี อ่ กำร 04

ปรบั ตวั ท้ังดำ้ นโครงสร้ำงและพฤตกิ รรมของส่ิงมชี ีวติ Tiger

3)....................................................

มีอิทธิพลตอ่ กำรผสมพนั ธ์ขุ องพชื กำรแพรก่ ระจำยพันธุ์ .......................................................
พืชและกำรคำยน้ำของพืช .......................................................
.......................................................

เป็นปริมำณไอน้ำที่มีอยูใ่ นอำกำศ ซึ่งแตกตำ่ งกนั ไป .......................................................

ตำมแต่ละพื้นทขี่ องโลก

3)........................................... พืช สัตว์ รวมทง้ั สง่ิ มชี วี ิตขนำดเลก็ และสิง่ มชี วี ติ เซลลเ์ ดียว 04
............................................... ซง่ึ ชว่ ยทำใหร้ ะบบนเิ วศทำงำนได้อย่ำงเป็นปกติ โดยแบ่งออกตำมบทบำท
............................................... หนำ้ ทขี องส่งิ มีชีวติ ได้เป็น 3 ประเภท คือ
...............................................
............................................... Tiger
...............................................
...............................................
...............................................
....................................

ผผู้ ลติ (producer) ผบู้ รโิ ภค (consumer) Chicken

ผยู้ อ่ ยสลำย (decomposer)

ส่ิงมชี ีวิตท่ีสรำ้ งอำหำรไดเ้ องตำมธรรมชำติ
เนือ่ งจำกสำมำรถสังเครำะห์แสงได้ ได้แก่ พืชสีเขียว

ผบู้ รโิ ภคพืช (Herbivoe) สิ่งมีชีวิตทีไ่ มส่ ำมำรถสร้ำงอำหำรเองได้ ผบู้ ริโภคทั้งพืชและสัตว์
(Omnivore)
สง่ิ มีชวี ิตทก่ี ินแตพ่ ชื เป็นอำหำร (heterotroph) ส่วนใหญเ่ ป็นสัตว์ที่กนิ ส่ิงมชี วี ิต
เชน่ วัว ควำย ยรี ำฟ เป็นตน้ อมืน่ีขนำดใหญจ่ งึ เรเปยี ก็นวอำ่ ำหแำมรโคเนรคอ่ื องจนำซกูเมสตัอวร์เ์ หล่ำนTี้ igerเช่นสคิง่ มนีชสวี นุติ ัขท่ีกแนิ มทว้งั เพปชื น็ แตล้นะสตั ว์เปน็ อำหำร 04
ซึง่ เปน็ สัตว์ท่ีไม่ดรุ ้ำย
(macroconsumer) แบ่งออกเป็น ผ้บู ริโภคซำกพืชและซำกสัตว์
ผบู้ รโิ ภคสัตว์ (Carnivore)
(Decomposer)
ส่งิ มชี วี ิตทก่ี ินแตเ่ น้อื สัตว์และเปน็

ผู้ลำ่ ในระบบนเิ วศ มีลกั ษณะดุรำ้ ย ส่ิงมีชีวิตทีก่ ินซำกเปน็ อำหำร
ตัวใหญ่ เชน่ เสือ สงิ โต ถำ้ ตัวเล็ก เช่น แร้ง ไสเ้ ดอื น มด ปลวก เปน็ ตน้
หำกนิ เปน็ ฝงู เชน่ หมำใน

4)................................................................................................... ....
.........................................................................................................

4)........................................... ส่งิ มชี ีวิตขนำดเล็กที่สร้ำงอำหำรเองได้ เชน่ แบคทีเรีย เห็ด รำ ทำ 04
............................................... หน้ำท่ี ยอ่ ยสลำยซำกสิง่ มีชวี ิตท่ตี ำยแล้วในรูปสำรประกอบโมเลกุลใหญ่
............................................... ให้กลำยเป็นโมเลกุลเล็ก เพื่อใหผ้ ผู้ ลติ นำไปใชไ้ ด้ใหมอ่ กี ครัง้
...............................................
............................................... Tiger
...............................................
...............................................
...............................................
....................................

Chicken

5).......................................................................................................
.........................................................................................................

05
)

5)................................... ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งส่งิ มชี ีวิตต่ำงชนดิ ในระบบนิเวศเดยี วกัน
...................................... (Interspecific interaction) แบ่งเปน็ 7 แบบ คือ
......................................
...................................... ควำมสมั พนั ธแ์ บบพง่ึ พำ (Mutualism : +,+) หมำยถงึ 05
...................................... กำรอยู่รว่ มกนั ของส่งิ มชี วี ติ 2 ชนิด โดยต่ำงก็ไดร้ บั ประโยชนซ์ ึ่งกันและกนั
...................................... หำกแยกกนั อยจู่ ะไมส่ ำมำรถดำรงชีวิตตอ่ ไปได้ เช่น
......................................
...................................... โพรโทซัวในลำไสป้ ลวก

แบคทเี รยี ในลำไสใ้ หญ่ของมนษุ ย์

1).......................................................................................................
.........................................................................................................

1)................................... ควำมสัมพนั ธ์แบบไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกัน (Protocooperation : + ,+ ) 05
...................................... หมำยถงึ กำรอยู่รว่ มกันของสงิ่ มชี ีวติ 2 ชนดิ โดยกไ็ ด้รบั ประโยชน์ซง่ึ กนั และ
...................................... กัน แม้แยกกันอย่กู ็สำมำรถดำรงชวี ิตได้ตำมปกติ เชน่
......................................
...................................... แมลงกบั ดอกไม้
......................................
...................................... มดดำกบั เพล้ีย
......................................
นกเอยี้ งกบั ควำย

2).......................................................................................................
.........................................................................................................

2)................................... ควำมสัมพันธแ์ บบองิ อำศยั หรือควำมสัมพันธแ์ บบเกื้อกูล 05
...................................... (Commensalism : + , 0) หมำยถึง กำรอยรู่ ว่ มกันของส่งิ มีชีวิต 2 ชนดิ
...................................... โดยฝ่ำยหนึง่ ได้ประโยชน์ อีกฝ่ำยหน่ึงไมไ่ ด้และไมเ่ สียประโยชน์ เช่น
......................................
...................................... ปลำฉลำมกับเหำฉลำม
......................................
...................................... กล้วยไม้ทอี่ ยู่บนตน้ มะม่วง
......................................
นก ต่อ แตน ผ้ึง ทำรังบนต้นไม้

3).......................................................................................................
.........................................................................................................

3)................................... ควำมสมั พนั ธ์แบบปรสติ (Parasitism : + , -) หมำยถงึ กำรอยรู่ ว่ มกัน 05
...................................... ของสิ่งมชี วี ิต 2 ชนิด โดยฝ่ำยหน่งึ ได้ประโยชน์ เรียกวำ่ ปรสิต (parasite)
...................................... อีกฝำ่ ยหนง่ึ เสียประโยชน์เรยี กว่ำผู้ถกู อำศยั (host) เช่น
......................................
...................................... เห็บ เหำ ไร หมัด
...................................... บนรำ่ งกำยสัตว์
......................................
...................................... พยำธิ
ในร่ำงกำยสตั ว์

4).......................................................................................................
.........................................................................................................

4)................................... ควำมสัมพันธแ์ บบลำ่ เหย่ือ (Predation : + , -) 05
...................................... หมำยถงึ กำรอย่รู ่วมกันของส่งิ มีชีวติ โดยฝ่ำยหนง่ึ จบั
...................................... อกี ฝ่ำยหนึง่ เป็นอำหำร เรยี กว่ำ ผู้ลำ่ (predator)
...................................... สว่ นฝ่ำยที่ถกู จับเป็นอำหำรหรือถกู ล่ำ เรียกวำ่ เหย่อื
......................................
...................................... ควำมสัมพนั ธ์แบบแข่งขนั (Competition : - ,-)
...................................... หมำยถึง กำรอยู่รว่ มกันของสิ่งมีชวี ิตที่มกี ำรแยง่
...................................... ปัจจัยในกำรดำรงชีพเหมือนกันจงึ ทำใหเ้ สยี ประโยชน์
ทัง้ สองฝำ่ ย เช่น เสือ , สิงโต , สุนขั ปำ่ แย่งชิงกัน
ครอบครองที่อยอู่ ำศัยหรอื อำหำรพืชหลำยชนดิ
ท่เี จริญอยู่ในบรเิ วณเดยี วกนั เปน็ ต้น

ควำมสมั พันธแ์ บบเปน็ กลำงต่อกนั (Neutralism : 0 , 0)
เปน็ กำรอยู่รว่ มกนั ของสงิ่ มชี ีวิตทเี่ ป็นอิสระตอ่ กัน จึงไมม่ ีฝำ่ ยหน่งึ ฝำ่ ยใด
ได้ประโยชนห์ รือเสียประโยชน์ เชน่ นกกับกระตำ่ ยในทุง่ หญ้ำ

05

5).......................................................................................................
.........................................................................................................

5)................................... 05
......................................
......................................
......................................
......................................
......................................
......................................
......................................

แบบทดสอบหลงั เรยี น

ภาวะความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ในสงิ่ แวดลอ้ ม

https://www.scimath.org/lesson-biology/item/9796-
2019-02-21-07-11-20


Click to View FlipBook Version