ยุคสมัยดนตรีตะวันตก
[ยุคกลาง(MIDDLE AGES)]
ประวัติสภาพเเวดล้อมในยุคสมัยโดยทั่วๆไป
ประมาณ ค.ศ 476 – 1453 คือ เริ่มตั้งแต่อาณาจักรโรมันล่มสลายใน เป็นต้นมาจนกรถึง
ศตวรรษที่ 15 รวมระยะเวลาประมาณ 1000ปี นักประวัติศาสตร์บางคนมีความเห็นว่า
ประวัติศาสตร์สมัยกลางสิ้นสุดใน ค.ศ 1492 เมื่อคริสโตเฟอร์โคลัมบัส ค้นพบทวีปอเมริกา
ซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้เคียงกัน คือ ในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15 เป็นยุคยุโรปแตกแยกเป็น
อาณาจักรต่างๆมากมาย ยังไม่รวมเป็นประเทศที่แน่นอน อานารยชนเผ่าเยอรมันกลุ่ม
ต่างๆได้เข้าครอบครองทวีปยุโรปและได้ตั้งอาณาจักรใหม่ของตนขึ้นมาแทนที่ เป็นช่วงที่ไม่มี
ความสงบเรียบร้อยบ้านเมืองปั่นป่วน สู้รบตลอดเวลา และดูเหมือนว่าความเจริญด้าน
ศิลปวิทยาการต่างๆก็หยุดชงักลงด้วย ซึ่งยุโรปในระยะเวลาดังกล่าวนี้นักประวัติศาสตร์
เรียกกันว่า ยุคกลาง (Middle Ages) หรือ ยุคมืด (Dark Ages) อันหมายถึงความหยุดนิ่ง
ทางภูมิปัญญาในเชิงสร้างสรรค์
ในเวลาต่อมาพวกอานารยชนเหล่านี้ก็รับเอาคริสต์ศาสนาเข้าไว้เป็นศาสนาประจำของพวก
ตน ศาสนจักรภายใต้การนำของพระสันตะปาปาแห่งกรุงโรมได้กลายเป็นศูนย์รวมของ
อำนาจการปกครองของยุโรปเป็นเวลาต่อเนื่องกันถึง 1,000 ปี
เรื่องราวสภาพเเวดล้อมในยุคกลาง (Middle ages)
ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี
เริ่มประมาณปี ค.ศ. 500-1450 ในสมัยนี้โบสถ์เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านดนตรี
ศิลปะ การศึกษา และการเมือง วิวัฒนาการของดนตรีตะวันตกมีการบันทึกไว้
ตั้งแต่เริ่มแรกของคริสต์ศาสนา เพลงแต่งเพื่อพิธีทางศาสนาคริสต์เป็นส่วนใหญ่
โดยนําคําสอนจากพระคัมภีร์มาเป็นคําร้องทํานองเพลงจะมีแต่ร้องเสียงเดียว มัก
ไม่มีดนตรีประกอบ ไม่มีอัตราจังหวะ ร้องเป็นภาษาละติน มีช่วงกว้างของทํานอง
จํากัด ซึ่งเรียกว่า CHANT MUSIC และใช้โหมดในการแต่งเพลงต่อมามีการ
พัฒนาเพลงสวดให้มีแนวทํานองหลายแนวสอด ประสานกัน ซึ่งเรียกว่า
ORGANUM คือ การร้องในลักษณะของการร้องประสานเสียงสองแนวโดยใช้
ระยะขั้นคู่เสียงคู่สี่เป็นหลักและเคลื่อนที่ไปในทิศทาง
นักดนตรีที่ควรรู้จักในยุคนี้
เลโอแนง (Leonin ประมาณ 1130-1180)
เปโรแตง (Perotin หรือ Perotinus Magnus ประมาณ
1160-1220)
จาคาโป ดา โบโลนญา (Jacapo da Bologna)
อัตชีวประวัติของเลโอแนง (Léonin)
เลโอแนง หรือ เลโอนิอัส เป็นนักประพันธ์คนสำคัญคนแรกที่ประพันธ์เพลงแบบ Polyphonic Organum เชื่อกันว่า
เขาอาจจะเป็นชาวฝรั่งเศส ซึ่งอาจจะพำนักและทำงานในปารีสที่มหาวิหารนอร์ทเทรอดาม (Notre Dame
Cathedral) และยังเป็นสมาชิกรุ่นแรกๆของโรงเรียนสอนการประสานเสียง Notre Dame school of polyphony ที่
มีชื่อเสียง ชื่อ Leonin ของเขามาจากคำว่า "Leoninus" ในภาษาละตินที่แปลว่า Leo หรือ Leo ในภาษาฝรั่งเศส
ตัวอย่างผลงานที่มีที่ชื่อเสียง (Famous Works)
เลโอแนงว่าเป็นผู้ประพันธ์บทเพลงชุด Magnus Liber ผลงานเขียนเพลงสวดที่ยิ่งใหญ่ (The "Great book" of
Organum) บทประพันธ์ส่วนใหญ่ใน Magnus Liber จะใช้เทคนิคการประพันธ์แบบ Clausulae - Melistic (การประพันธ์
โดยใช้เสียงหลายเสียงโดยแปรเปลี่ยนท่วงทำนองเพลงสวดเดิม –การเปลี่ยนระดับเสียงโน้ตแต่ละพยางค์ในขณะร้อง)
เป็นนักประพันธ์คนแรกที่ใช้เทคนิคการประพันธ์แบบ Rhythmic mode (รูปแบบการประพันธ์ที่ใช้อัตราจังหวะสั้นหรือยาว
เพื่อกำหนดการเขียนโน้ต) และอาจเป็นไปได้ว่าเขายังเป็นผู้คิดค้นระบบการเขียนโน้ตระบบนี้ขึ้น
อัตชีวประวัติของPerotin | เปโรแตง
เปโรแตง หรือ เปโรแตงผู้ยิ่งใหญ่ (Perotin the Great) นักประพันธ์ชาวยุโรป สันนิษฐานกันว่าเขาอาจเป็นชาว
ฝรั่งเศส มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 เขาเป็นสมาชิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในโรงเรียน
ดนตรี Notre Dame school of polyphony และเป็นนักประพันธ์เพียงไม่กี่คนในยุคนั้นที่ชื่อของเขาที่ได้รับการจดบันทึก
เอาไว้ในบันทึกของนักเรียนนิรนามชาวอังกฤษที่โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Anonymous IV ซึ่งได้เขียนเรื่องราว
เปโรแตงและเลโอแนงนักประพันธ์รุ่นก่อนหน้าเขาเอาไว้ โดย Anonymous IV เรียก Perotin ว่า "Perotin Magister"
ซึ่งหมายถึง “Perotin ผู้เชี่ยวชาญ” ชื่อของ Perotin มาจากคำว่า "Perotinus" ในภาษาละตินที่กลายเป็นคำว่า
Petrus หรือ Pierre ในภาษาฝรั่งเศส
ตัวอย่างผลงานที่มีที่ชื่อเสียง (Famous Works)
ป็นผู้บุกเบิกนำวิธีการประพันธ์เพลงสวดแบบสอดประสานหลายทำนอง (Polyphonic) มาใช้ในยุคศิลป์เก่า(Ars
Antiqua) ซึ่งเพลงยุโรปสมัยก่อน เช่น เพลงสวดแบบ Gregorian Chant ดั้งเดิมมีระดับเสียงเดียว (Monophonic) มี
เพียงทำนองแต่ไม่มีเสียงประสาน ใช้ในพิธีทางศาสนา
ป็นผู้บุกเบิกเพลงลักษณะแบบ Organum triplum (ประสานเสียง 3 แนว) และ Organum quadruplum (ประสานเสียง 4
แนว) ซึ่งเพลง Sederunt principes และเพลง Viderunt omnes เป็นเพลงประเภท Organum quadruplum
อัตชีวประวัติของJacopo | จาโคโป ดา โบโลญญ่า
จาโคโป ดาโบโลญญา ( FL. 1340 - c. 1386) เป็นนักแต่งเพลงของอิตาลีTrecentoระยะเวลาบางครั้งเรียกว่าอิตาเลี่ยนอาร์โนวา
เขาเป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงแรกของกลุ่มนี้ทำให้เขาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของGherardello da FirenzeและGiovanni da Firenze เขาส่วน
ใหญ่กระจุกตัวในมาดริกาลรวมทั้งยอมรับ (caccia-บทกวี) และประเภทที่ไม่ยอมรับ แต่ยังประกอบด้วยตัวอย่างเดียวของแต่ละ caccia,
Lauda - ballataและเต็ต
เขาเป็นตัวแทนอย่างดีในSquarcialupi Codexซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นเพลงขนาดใหญ่ในศตวรรษที่ 14 ที่ครอบครัวเมดิชิเป็นเจ้าของมา
ยาวนาน มีการประพันธ์เพลงของเขาถึง 29 เพลงในแหล่งนั้น ซึ่งเป็นแหล่งที่มาหลักของเพลงของอิตาลีars novaควบคู่ไปกับดนตรี
โดยFrancesco Landiniและคนอื่นๆ
อุดมคติของ Jacopo คือ "เพลงที่ไพเราะและไพเราะ" (ท่วงทำนองที่ไพเราะและอ่อนโยน) [2]สไตล์ของเขาถูกทำเครื่องหมายด้วย
ส่วนเสียง texted อย่างเต็มที่ที่ไม่เคยข้าม ข้อความที่ไม่ได้เขียนซึ่งเชื่อมแนวข้อความในเพลงมาดริกาลหลายๆ บทของเขาก็มีความสำคัญ
เช่นกัน [4]
ตัวอย่างผลงานที่มีที่ชื่อเสียง (Famous Works)
ประพันธ์เพลงลาอูเด (Laude) ซึ่งเป็นเพลงสำคัญของชาวอิตาเลียนแบบหนึ่ง จาคาโปเป็นผู้ประพันธ์เพลงที่พยายาม
พัฒนารูปแบบของเพลงแบบการสอดประสานทำนองคนสำคัญของอิตาลี ผลงานของจาคาโปมีจุดเด่นที่แนวทำนองที่
เด่นชัดแสดงออกถึงจินตนาการ การใช้จังหวะในลักษณะต่าง ๆและการเคลื่อนที่ไปของแนวเสียงต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นแก่กันใน
ลักษณะของความกลมกลืน
เพลงมาดริกาล 30 บท คาทชา (Caccia) 1 บท และโมเต็ต 1 บท
เครื่องดนตรีในยุคสมัย
ประเภทของเครื่องดนตรีในยุคกลาง
มีเครื่องดนตรีหลายชนิดในยุคกลางที่สามารถจัด
ประเภทได้ดังนี้
-เครื่องเป่า เช่น ทรัมเป็ต (Bagpipe)
-เครื่องสาย เช่น ลิวต์ (Lute)
ภาพการเล่นทรัมเป็ต ภาพเเครื่องดนตรีออร์แกน
ลักษณะเด่นทางด้านดนตรีในยุคสมัยกลาง
ในความหมายที่กว้างที่สุดดนตรียุคกลางหรือดนตรีในยุคกลางครอบคลุมดนตรีของยุโรปตะวัน
ตกในช่วงยุคกลางตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 6 ถึง 15 มันเป็นยุคแรกและยาวที่สุดของดนตรีคลาสสิก
ตะวันตก
ดนตรีในยุคกลาง ได้แก่ ดนตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สำหรับคริสตจักรและดนตรีฆราวาสดนตรีที่ไม่เกี่ยวกับ
ศาสนา ดนตรีในยุคกลางประกอบด้วยดนตรีที่เปล่งออกมาเพียงอย่างเดียวเช่นเพลงเกรกอเรียนและ
เพลงประสานเสียง (เพลงสำหรับนักร้องกลุ่มหนึ่ง) ดนตรีบรรเลงเพียงอย่างเดียวและดนตรีที่ใช้ทั้งเสียง
และเครื่องดนตรี (โดยทั่วไปจะมีเครื่องดนตรีประกอบเสียง) เกรกอเรียนร้องเพลงโดยพระสงฆ์ในช่วง
คาทอลิก พิธีมิสซาเป็นการแสดงปฏิกิริยาของพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระคริสต์โดยมีจุดมุ่งหมาย
เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ส่วนหนึ่งของการเชื่อมต่อนี้สร้างขึ้น
ผ่านดนตรี
ตัวอย่างเพลงในยุคสมัยกลาง
Cantigas de Santa Maria
organum
ประเพณีสวดมนต์ในช่วงต้น
Cantigas de Santa Maria
Troubadours, trouvèresและMinnesänger
Trovadorismo
จัดทำโดย
นายธิติวุฒ วั่นซ่วน เลขที่5 4/5
นายภูตะวัน ขจีรัมย์ เลขที่7 ม.4/5
นายอานัส บินเสะ เลขที่9 ม.4/5