๔๖ ประเด็นที่ ๔ : วัฒนธรรมของชุมชุน (วิถีชีวิต อาหาร การแต่งกาย การดำเนินชีวิต รูปแบบที่อยู่ อาศัย กิจกรรม ประเพณีเฉพาะถิ่นของชุนชน) วัฒนธรรมชุมชนที่พบ วิถีชีวิต อาหาร การแต่งกาย การดำเนินชีวิต หม่ำเมืองพล อาหารขึ้นชื่อของอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ขับรถโดยใช้เส้นมิตรภาพระหว่างจังหวัดนครราชสีมา – ขอนแก่น ถ้ามองเริ่มมองเห็น ร้านที่มีปุ้มกลมๆห้อยโอ้นโต้นเอ้นเต้นอยู่ อันนั้นหละเขาเรียกว่า “หม่ำ” แสดงว่าท่านกำลังจะเข้าสู่เขต อำเภอพลวิถีชีวิตการเกษตรเป็นอาชีพหลักของประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบ อาชีพเกษตรกรรม ทำให้การเกษตรมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจ การแต่งกายด้วยผ้า ไทยพื้นถิ่น ถือเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความงดงามของตัวบุคคล แสดงให้เห็นถึงการอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นของตน ประวัติความเป็นมาวัฒนธรรมชุมชนที่พบ ประวัติของตำบลเมืองพล “พล” แปลว่า กำลังทหารที่มีไว้ป้องกันประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจากการเล่าขานกันมาถึงการตั้งอำเภอพล เมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๒๑ สมเด็จพระเจ้า ตากสิน หรือเรียกกันว่า “พระเจ้ากรุงธนบุรี” ได้โปรดให้ เจ้าพระยาจักรี กับเจ้าพระยาสุรสีห์ ยกทัพไป ปราบปรามเจ้านครเวียงจันทร์ ที่คิดแข็งเมืองเอาใจออกห่างจากกรุงธนบุรี ซึ่งการเดินทัพในครั้งนี้ต้อง ผ่านจังหวัดนครราชสีมา มุ่งสู่เวียงจันทร์ จึงได้หยุดตั้งค่ายที่พักกองทหาร ณ ที่บ้านเมืองพลปัจจุบัน เพื่อ รวบรวมกำลังพลและเสบียงอาหารเพิ่มเติมจากราษฎรในเขตจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม และ บุรีรัมย์ ในการสร้างค่ายที่พักคราวนี้ได้ขุดคันคูดินล้อมรอบตามแบบยุทธศาสตร์ในสมัยนั้นทุกประการ เพื่อทำการฝึกซ้อมทหารและเพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากฝ่ายศัตรูด้วย ครั้งรวบรวมทหารและฝึกซ้อมกล ยุทธ์ได้ดีแล้วจึงเคลื่อนทัพไปเวียงจันทร์และหลวงพระบาง การรบปรากฏว่าได้ชัยชนะอย่างงดงาม คือได้ พระแก้วมรกต จากหลวงพระบาง อันเชิญมาพร้อมกองทัพไปไว้ที่กรุงธนบุรี ครั้งต่อมาสถานที่ตั้งกองทัพอันเป็นภูมิประเทศที่มีคูดินล้อมรอบ มีน้ำบริบูรณ์ ปัจจุบันเลือกแหล่ง นั้นว่า “บึงละเลิงหวาย” ในขณะนี้ จึงมีผู้คนอพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนขึ้น เพราะทำเลแห่งนี้เหมาะแก่การ ทำมาหากินและปลอดภัยในการป้องกันโจรผู้ร้าย จึงให้ชื่อหมู่บ้านที่ตั้งใหม่ว่า “บ้านเมืองพล”โดยอาศัย ภูมิประเทศที่มีคูดินรอบทั้งสี่ทิศ เมื่อได้พิจารณาลักษณะภูมิประเทศของบริเวณตั้งบ้านเมืองพล ซึ่ง ปรากฏจนบัดนี้มีคูดินล้อมรอบเป็นรูปกลมยาวประมาณ ๒๐ เส้น กว้าง ๒๐ เส้น บางแห่งได้ถูกทำลาย
๔๗ เป็นที่ราบไปแล้ว และบางแห่งยังเห็นเป็นคูดินอยู่ ครั้งต่อมาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ได้ยกฐานะเป็นตำบลเมืองพล ขึ้นตรงต่อเมืองชนบท แนวทางในการอยู่ร่วมกับวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม ๑) ความเมตตากรุณาต่อกัน (เมตตาธรรม) ๒) การเคารพในสิทธิของกันและกัน (ศีลธรรม) ๓) การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน (สังคหธรรม) ๔) ความสามัคคี(สามัคคีธรรม) ๕) ความอดทนอดกลั้นต่อความแตกต่างระหว่างกัน (ขันติธรรม) ด้วยการที่พระพุทธศาสนาให้ ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ต้องประกอบด้วยหลักของการมีความ เมตตากรุณาต่อกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ภาพประกอบ
๔๘ ประเด็นที่ ๕ : เศรษฐกิจของชุมชน เศรษฐกิจของชุมชนที่พบ (ผลิตภัณฑ์ พืช สินค้า อาหาร บริการ แหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ ที่เป็นจุดเด่นของชุมชน) หม่ำเมืองพล อาหารขึ้นชื่อของอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ขับรถโดยใช้เส้นมิตรภาพระหว่าง จังหวัดนครราชสีมา – ขอนแก่น ถ้ามองเริ่มมองเห็นร้านที่มีปุ้มกลม ๆ ห้อยโอ้นโต้นเอ้นเต้นอยู่ อันนั้น หละเขาเรียกว่า “หม่ำ” แสดงว่าท่านกำลังจะเข้าสู่เขตอำเภอพล วิถีชีวิตการเกษตรเป็นอาชีพหลักของ ประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำให้การเกษตรมีความสำคัญ เป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจ ความเป็นมาและความสำคัญของเศรษฐกิจของชุมชนที่พบ 'หม่ำ' เป็นอาหารที่มีลักษณะ คล้ายกับไส้กรอกอีสาน แต่รสชาติและวัตถุดิบนั้น ต้องบอกเลยว่า ไม่เหมือนกับไส้กรอกอีสานไปซะทีเดียว แต่ลักษณะวิธีการทำนั้นจะคล้ายคลึงกัน นั่นคือ การนำเนื้อสัตว์ ผสมเข้ากับกระเทียม แล้วใส่เข้าไปในส่วนของกระเพาะหมู แล้วมัดเชือก แขวนตากเอาไว้ เป็นการถนอม อาหารอย่างหนึ่งของชาวอีสาน หม่ำจะมีความแน่น หนึบกว่าไส้กอรกอีสาน เพราะเป็นเนื้อล้วน ๆ ซึ่งต่าง จากไส้กรอกอีสาน ที่จะผสมข้าวสารเข้าไปด้วย เพื่อหมักให้ไส้กรอกอีสานมีรสเปรี้ยว กรรมวิธีของไส้กรอก อีสานนั้นจะคล้ายคลึงการทำแหนมห่อใบตอง ทว่ารสชาติของหม่ำนั้น จะใช้เวลาในการหมักนานกว่า และ มีรสเปรี้ยวจากเนื้อสัตว์ ที่ทำปฏิกริยากับอากาศ เกิดเป็นความเปรี้ยวโดยธรรมชาติ โดยไม่ต้องใส่ข้าวสาร ลงไปในส่วนผสม เพื่อเพิ่มปฏิกริยาในการหมักบ่ม รสสัมผัสของหม่ำจึงมีความหนึบ และแน่นจากเนื้อสัตว์ เต็ม ๆ คำ ได้มากกว่าไส้กรอกอีสานอย่างสิ้นเชิง รายะละเอียดของเศรษฐกิจของชุมชน (ขั้นตอน วิธีการ ช่องทางการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ) ถนนเส้นมิตรภาพ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ขับรถโดยใช้เส้นมิตรภาพระหว่างจังหวัด นครราชสีมา – ขอนแก่น ถ้ามองเริ่มมองเห็นร้านที่มีปุ้มกลม ๆ ห้อยโอ้นโต้นเอ้นเต้นอยู่ อันนั้นหละเขา เรียกว่า “หม่ำ” แสดงว่าท่านกำลังจะเข้าสู่เขตอำเภอพลหากคุณเคยขับรถผ่านไปบนถนนสายมิตรภาพ ช่วงอำเภอเมืองพล เรื่อยไปถึงอำเภอเมืองขอนแก่น คุณอาจจะสังเกตเห็นร้านเพิงริมทาง ที่ขายสินค้า อย่างหนึ่ง ลักษณะเหมือนไส้กรอก แขวนตากกันไว้เต็มสองฝั่งฟากถนน
๔๙ แนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชน ๑. สร้างเวทีการเรียนรู้ เช่น เวทีประชาคมตำบล/อำเภอ ร้านค้าชุมชน ตลาดนัดชุมชน ฯลฯ ๒. วิเคราะห์ศักยภาพของท้องถิ่น (ทุนในชุมชน) ๓. วางแผนพัฒนา “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” ตามขั้นตอนของ “ทฤษฎีใหม่” ๔. ส่งเสริมการรวมกลุ่ม (กลุ่มอาชีพ กลุ่มออมทรัพย์) และการสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชน ๕. พัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป การบรรจุหีบห่อ การสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ๖. พัฒนาระบบตลาด เช่น ตลาดในท้องถิ่น สร้างเครือข่ายผู้ผลิต-ผู้บริโภค เชื่อมโยงผู้ผลิตกับตลาดใน เมือง/โรงงาน อุตสาหกรรมการเกษตร ฯลฯ ๗. พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร เพื่อใช้ช่วยตัดสินใจในการทำธุรกิจชุมชน ๘. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนสู่สังคมในวงกว้าง ภาพประกอบ
๕๐ แบบบันทึก ปส.๑.๙ ๔.๘ รายงานเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน บันทึกการเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน (ให้นักศึกษาเข้าร่วมอย่างน้อย ๓ กิจกรรม) ครั้งที่ ๑ วัน จันทร์ ที่ ๒๐ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ชื่อกิจกรรมชุมชน การถนอมอาหาร รายละเอียดกิจกรรม มีวิยากรผู้ให้ความรู้ ๓ ท่าน มีการถนอมอาหาร ๓ อย่าง เช่น ปลาเส้นสวรรค์, ปลาแดดเดียว, น้ำพริกตาแดง โดยวิทยากรจะอธิบายวิธีการทำและส่วนผสมของอาหารแต่ละอย่างให้นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนต้นได้ลงมือปฏิบัติแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ในการเตรียมอุปกรณ์ท่านวิทยากรจะเป็นคน เตรียมให้ทุกอย่างนักเรียนมีหน้าที่ศึกษาและลงมือปฏิบัติตามขั้นตอน บทบาทและหน้าที่ของนักศึกษาในกิจกรรม ช่วยท่านวิทยากรในการเตรียมอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมแต่ละอย่าง เช่น เตรียมเครื่องปรุง เตรียมอุปกรณ์เครื่องครัว และช่วยอธิบายวิธีการทำอาหารแต่ละอย่างประกอบไปด้วย ปลาเส้นสวรรค์, ปลาแดดเดียว,น้ำพริกตาแดง ช่วยดูแลในเรื่องความเรียบร้อย ความสะอาด แนวทางการปฏิบัติตนตามสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของชุมชนได้อย่าง เหมาะสมของนักศึกษา ๑) ความเมตตากรุณาต่อกัน ๒) การเคารพในสิทธิของกันและกัน ๓) การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ๔) ความสามัคคี
๕๑ สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้การถนอมอาหารชนิดของปลา แนวการสร้างเครือข่ายหน่วยงานกรมชาวประมงศูนย์เครือข่าย ปราชญ์ชาวบ้านส่วนใหญ่มีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดหลักสูตร ทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ใช้สติปัญญาในการตัดสินใจต่าง ๆ เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เน้นการพึ่งตนเองเป็นสำคัญ ทั้งระดับครัวเรือนและระดับชุมชน ภาพการเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน
๕๒ ครั้งที่ ๒ วัน อังคาร ที่ ๕ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ชื่อกิจกรรมชุมชน ของดีหม่ำเมืองพล รายละเอียดกิจกรรม จัดที่ที่ว่าการอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ถนนเส้นมิตรภาพ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ขับรถ โดยใช้เส้นมิตรภาพระหว่างจังหวัดนครราชสีมา – ขอนแก่น ถ้ามองเริ่มมองเห็นร้านที่มีปุ้มกลม ๆ ห้อย โอ้นโต้นเอ้นเต้นอยู่ อันนั้นหละเขาเรียกว่า “หม่ำ” แสดงว่าท่านกำลังจะเข้าสู่เขตอำเภอพลหากคุณเคย ขับรถผ่านไปบนถนนสายมิตรภาพ ช่วงอำเภอเมืองพล เรื่อยไปถึงอำเภอเมืองขอนแก่น สังเกตเห็นร้านเพิง ริมทาง ที่ขายสินค้าอย่างหนึ่ง ลักษณะเหมือนไส้กรอก แขวนตากกันไว้เต็มสองฝั่งฟากถนน บทบาทและหน้าที่ของนักศึกษาในกิจกรรม ช่วยท่านวิทยากรในการเตรียมอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมแต่ละอย่าง เช่น เตรียมเครื่องปรุง เตรียมอุปกรณ์เครื่องครัว และช่วยอธิบายวิธีการทำอาหารแต่ละอย่างประกอบไปด้วย เนื้อวัว เนื้อหมู ช่วยดูแลในเรื่องความเรียบร้อย ความสะอาด แนวทางการปฏิบัติตนตามสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของชุมชนได้อย่าง เหมาะสมของนักศึกษา ๑) ความเมตตากรุณาต่อกัน ๒) การเคารพในสิทธิของกันและกัน ๓) การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ๔) ความสามัคคี สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้การถนอมอาหาร แนวการสร้างเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านส่วนใหญ่มีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดหลักสูตร ทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ใช้สติปัญญาในการ ตัดสินใจต่าง ๆ เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เน้นการพึ่งตนเองเป็นสำคัญ ทั้งระดับครัวเรือนและระดับ ชุมชน
๕๓ ภาพการเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน ครั้งที่ ๓ วัน จันทร์ ๑๕ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ชื่อกิจกรรมชุมชน โรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ รายละเอียดกิจกรรม วิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่แบบโรงเรือน ประกอบไปด้วย การให้น้ำและอาหาร, ปัญหาและการป้องกัน, รู้จักไก่พันธ์ไก่แต่ละสายพันธ์และการเลี้ยงไก่ โดยให้ศึกษาตามชุมชนที่ตนลงพื้นที่ ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติให้อาหารไก่ เก็บไข่ไก่ เป็นต้น บทบาทและหน้าที่ของนักศึกษาในกิจกรรม ช่วยท่านวิทยากรในการเตรียมอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมแต่ละอย่าง เช่น เตรียมอุปกรณ์ในการ เก็บไข่ไก่ เตรียมอาหารไก่ และช่วยอธิบายวิธีการเลี้ยงไก่แบบโรงเรือนแต่ละอย่างประกอบไปด้วย ช่วย ดูแลในเรื่องความเรียบร้อย ความสะอาด แนวทางการปฏิบัติตนตามสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของชุมชนได้อย่าง เหมาะสมของนักศึกษา ๑) ความเมตตากรุณาต่อกัน ๒) การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ๓) ความสามัคคี
๕๔ สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่ แนวการสร้างเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านส่วนใหญ่มีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดหลักสูตร ทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ใช้สติปัญญาในการ ตัดสินใจต่าง ๆ เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เน้นการพึ่งตนเองเป็นสำคัญ ทั้งระดับครัวเรือนและระดับ ชุมชน ภาพการเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน
๕๕ แบบบันทึก ปส.๑.๑๐ ๔.๙ รายงานผลการศึกษาด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น รายงานผลการศึกษา ด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น คำชี้แจง :ให้นักศึกษา ศึกษาประเด็นด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่นไม่น้อยกว่า ๓ ประเด็น ชื่อ ชุมชนที่ศึกษาชุมชนเมืองเมืองพล หมู่บ้าน เมืองพลตำบล เมืองพลอำเภอพล จังหวัด ขอนแก่น จุดเด่นของชุมชน วิถีชีวิต อาหาร การแต่งกาย การดำเนินชีวิตอำเภอพล แผนที่ที่ตั้งชุมชน
๕๖ ประเด็นที่ ๑ : วิทยากรด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น ชื่อวิทยากรด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น นางดี สินธพ วิทยากรด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่นเกี่ยวกับการ แต่งกายของชาวเมืองพล ประวัติวิทยากรด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น นางดี สินธพชาวเมืองพล บ้านเลขที่ ๑๔ ตำบล เมืองพล อำเภอ พล จังหวัด ขอนแก่น ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน/รางวัลและประกาศเกียรติคุณที่ได้รับ วิถีชีวิต อาหาร การแต่งกาย การดำเนินชีวิต หม่ำเมืองพล อาหารขึ้นชื่อของอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น สรุปองค์ความรู้ ขั้นตอน วิธีการในเรื่องที่วิทยากรมีความเชี่ยวชาญ วิถีชีวิต อาหาร การแต่งกาย การดำเนินชีวิต หม่ำเมืองพล อาหารขึ้นชื่อของอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น วิถีชีวิตการเกษตรเป็นอาชีพหลักของประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำให้การเกษตรมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจ การแต่ง กายด้วยผ้าไทยพื้นถิ่น ถือเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความงดงามของตัวบุคคล แสดงให้เห็นถึงการอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นของตน วิธีการนำความรู้ที่ศึกษาไปบูรณาการในชั้นเรียน วิถีชีวิต อาหาร การแต่งกาย การดำเนินชีวิต การแต่งกายด้วยผ้าไทยพื้นถิ่น ถือเป็น เอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความงดงามของตัวบุคคล แสดงให้เห็นถึงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นของตน ผลที่เกิดขึ้นหลังการนำความรู้ไปบูรณาการในชั้นเรียน นักเรียนเกิดการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นของตน
๕๗ ภาพประกอบ ประเด็นที่ ๒ : ปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น ชื่อปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น นายราชัน ชุมนา ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ประวัติปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น นายราชัน ชุมนาบ้านเลขที่ ๒๕บ้านหนองอรุณ ตำบล ลอมคอม อำเภอ พล จังหวัด ขอนแก่น ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน/รางวัลและประกาศเกียรติคุณที่ได้รับ ด้านเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พระราชดำริชี้แนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อน เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และ สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความ เปลี่ยนแปลงต่างๆ สรุปองค์ความรู้ ขั้นตอน วิธีการในเรื่องที่วิทยากรมีความเชี่ยวชาญ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุก ระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไป ในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี พอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความ รอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการ ดำเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะ
๕๘ เจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มี ความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้ สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี วิธีการนำความรู้ที่ศึกษาไปบูรณาการในชั้นเรียน ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่ เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดย พิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่าง รอบคอบ ๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยมี เงื่อนไข ของการ ตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้ ๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่ จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการ ปฏิบัติ ๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต ผลที่เกิดขึ้นหลังการนำความรู้ไปบูรณาการในชั้นเรียน ๑. ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการใช้ชีวิต ๒. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริต ๓. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันกันในทางการค้าแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง ๔. ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยการขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้มี รายได้เพิ่มพูนขึ้น จนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ ๕. ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลดละสิ่งชั่ว ประพฤติตนตามหลักศาสนา
๕๙ ภาพประกอบ การนำความรู้ไปบูรณาการในชั้นเรียน ประเด็นที่ ๓ : แหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น ชื่อแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น การเรียนรู้ไม้กวาดดอกหญ้าชื่อแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิ ปัญญาในท้องถิ่น ประวัติความเป็นมาแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น “ดอกหญ้า”เป็นชื่อเรียกเป็นภาษาภาคกลางของผลผลิตจากพืชชนิดหนึ่งซึ่งในแต่ละภาคจะเรียก ไม่เหมือนกัน เช่น ภาคใต้เรียกว่า“ดอกอ้อ”ภาคเหนือ เรียกว่า“ดอกกง”ส่วนชาวบ้านแคนใหญ่ ตำบล แคนใหญ่ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด รู้จักกันดีในชื่อของ “ดอกหญ้า” มีอยู่ ๒ ประเภท คือ “แบบแข็ง”และ “แบบอ่อน” แต่ที่นำมาทำไม้กวาดคือ ดอกหญ้าแบบอ่อน ต้นเป็นพืชล้มลุก ชอบอากาศ เย็น ดินทรายปนกรวดบริเวณเชิงเขา ความสำคัญและประโยชน์ของแหล่งการเรียนรู้ที่มีต่อชุมชนและสังคม ไม้กวาด เป็นอุปกรณ์ที่ยังจำเป็นต้องใช้ภายในครอบครัว แม้ปัจจุบัน บางบ้านได้นำ เครื่องดูดฝุ่นเข้ามาใช้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบ้านและสถานที่ต่าง ๆ อีกจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการใช้ไม้กวาด ดังนั้น การทำไม้กวาดเพื่อจำหน่าย จึงเป็นการเสริมรายได้อีกทางหนึ่งให้กับครอบครัวได้ วิธีการนำความรู้ที่ศึกษาไปบูรณาการในชั้นเรียน
๖๐ วิธีการทำไม้กวาดดอกหญ้าให้นักเรียนนำมาปรับใช้ในห้องเรียน ๑. นำดอกหญ้ามาตากแดดให้แห้ง ๒.นำดอกหญ้ามาตีหรือฟาดกับพื้น เพื่อให้ดอกหญ้าดอกเล็ก ๆ หลุดออกให้ เหลือแต่ก้านเล็ก ๆ แกะก้านดอกหญ้าออกจากต้นนำมามัดรวมกันประมาณ ๑ กำมือ ๓. ใช้เชือกฟางหรือเชือกในล่อนสอยเข้ากับเข็มเย็บกระสอบแล้วแทงเข้าตรง กลางมัดดอกหญ้า แล้วถักไปถักมาประมาณ ๓-๔ ชั้นพร้อมทั้งจัดมัดดอกหญ้าให้แบนราบ ใช้มีดตัดโคนรัดดอกหญ้าที่ถักแล้ว ให้เสมอเป็นระเบียบสวยงาม ๔. ใช้ด้ามไม้ไผ่รวกเสียบตรงกลางหรืออาจจะใช้ต้นดอกหญ้า ๘-๑๐ ต้น มัดรวมกันแทนไม้ไผ่รวก ก็ได้ แล้วตอกตะปูขนาด ๑ นิ้ว ๒ ตัว เพื่อให้มัดดอกหญ้ากับด้ามให้แน่น ๕. ใช้น้ำมันยางหรือชันผสมน้ำมันก๊าดทาโดยใช้แปรงจุ่มและทาบริเวณที่ตัว ผลที่เกิดขึ้นหลังการนำความรู้ไปบูรณาการในชั้นเรียน ๑. ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการใช้ชีวิต ๒. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริต ๓. ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยการขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้มี รายได้เพิ่มพูนขึ้น จนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ ภาพประกอบ แหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้านวัฒนธรรมของชุมชนและภูมิปัญญาในท้องถิ่น
๖๑ ประเด็นที่ ๔ : การอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่พบ - การแต่งกาย - วิถีชีวิต - ศิลปวัฒนธรรม - อาหาร ประวัติความเป็นมาของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น การปลุกจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าแก่นสาระและความสำคัญของภูมิ ปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมตามประเพณีและวัฒนธรรมต่าง ๆ สร้างจิตสำนึกของ ความเป็นคนท้องถิ่นนั้น ๆ ที่จะต้องร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น รวมทั้ง สนับสนุนให้มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นหรือพิพิธภัณฑ์ชุมชนขึ้น เพื่อแสดงสภาพชีวิตและความเป็นมาของชุมชน อันจะสร้างความรู้และความภูมิใจในชุมชนท้องถิ่นด้วยการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย มีแนวทางสำคัญดังนี้ รักษา สืบทอดวัฒนธรรมของชาติ และความหลากหลายของวัฒนธรรมไทยท้องถิ่นให้อยู่อย่างมั่นคง หน่วยงานที่รับผิดชอบ องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น แนวทางการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ๑. การพัฒนา ควรริเริ่มสร้างสรรค์และปรับปรุงภูมิปัญญาให้เหมาะสมกับยุคสมัยและ เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยใช้ภูมิปัญญาเป็นพื้นฐานในการรวมกลุ่มการพัฒนาอาชีพ ควรนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาช่วยเพื่อต่อยอดใช้ในการผลิต การตลาด และการ บริหาร ตลอดจนการป้องกันและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ๒. การถ่ายทอด โดยการนำภูมิปัญญาที่ผ่านมาเลือกสรรกลั่นกรองด้วยเหตุและผลอย่าง รอบคอบและรอบด้าน แล้วไปถ่ายทอดให้คนในสังคมได้รับรู้ เกิดความเข้าใจ ตระหนักในคุณค่า คุณประโยชน์และปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม โดยผ่านสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และการจัด กิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ๓. ส่งเสริมกิจกรรม โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายการสืบสานและ พัฒนาภูมิปัญญาของชุมชนต่าง ๆ เพื่อจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
๖๒ ๔. การเผยแพร่แลกเปลี่ยน โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเผยแพร่และ แลกเปลี่ยนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง โดยให้มีการเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ ด้วยสื่อ และวิธีการต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง รวมทั้งกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ๕. การเสริมสร้างปราชญ์ท้องถิ่น โดยการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของ ชาวบ้าน ผู้ดำเนินงานให้มีโอกาสแสดงศักยภาพด้านภูมิปัญญา ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ มีการยก ย่องประกาศเกียรติคุณในลักษณะต่าง ๆ ภาพประกอบ การนำความรู้ไปบูรณาการในชั้นเรียน
๖๓ บทที่ ๕ ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข ๑. ปัญหาและอุปสรรค อุปสรรคของสภาพแวดล้อมด้านอาคารสถานที่คือความไม่เพียงพอของโต๊ะเรียนแออัด เนื่องจาก นักเรียนมีจำนวนมาก สถานที่และเครื่องคอมพิวเตอร์ตามลำดับ อุปสรรคของสภาพแวดล้อมด้านกลุ่ม เพื่อนคือเรื่องวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันลักษณะเฉพาะของเด็กทั้ง ๒ กลุ่มที่แตกต่างกัน และการบริหาร จัดการให้เด็กทั้ง ๒ กลุ่มมีปฏิสัมพันธ์กัน ตามลำดับ อุปสรรคของสภาพแวดล้อมด้านการจัดการเรียนรู้ใน ส่วนผู้สอนนั้นคือเรื่องการสื่อสาร ความไม่เพียงพอของความรู้และประสบการณ์การเลือกดูแลเด็กและ จำนวนของครูต่อนักเรียนไม่เหมาะสม และความแตกต่างทางความคิดและภาระงานของครูมีมาก ตามลำดับ ส่วนอุปสรรคที่เกี่ยวกับตัวผู้เรียนคือเรื่องลักษณะที่แตกต่างกันของผู้เรียนเรื่องภาวะอารมณ์ และพฤติกรรมของผู้เรียนรายบุคคล และกระบวนการจัดการเรียนรู้ยังไม่มีความชัดเจนและเหมาะสม ตามลำดับ อุปสรรคของสภาพแวดล้อมด้านการบริหารคือเรื่องการขัดแย้งทางความคิด การสื่อสารภายใน องค์กร และการมอบหมายภาระงานอื่น ๆ ให้ครู ๒. แนวทางการแก้ไข ๑) เตรียมแผนการเอาไว้ล่วงหน้า สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ๒) แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการจดจ่อของนักเรียน ๓) ใช้เสียงสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ ๔) ปฏิบัติงานร่วมกับผู้ช่วยสอน และลองขอความช่วยเหลือจากทีมสนับสนุน ๕) เสริมสร้างการเรียนรู้เชิงรุกนอกชั้นเรียน ๖) บูรณาการเรียนการสอนแบบออนไลน์ร่วมกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง
๖๔ บรรณานุกรม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย. (๒๕๖๕). คู่มือปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๔.ขอนแก่น : ขอนแก่นการพิมพ์. โรงเรียนกัลยาณวัตร. (๒๕๖๕.).โรงเรียนกัลยาณวัตรข้อมูลทั่วไป.แหล่งที่มา https://www.kw.ac.th สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
๖๕ ภาคผนวก ก. ประมวลภาพการสอนและกิจกรรม ข. ประมวลภาพการจัดป้ายนิเทศ ค. บัญชีลงเวลา ง. หนังสือขอความอนุเคราะห์, การตอบรับ, การรับและการส่งนักศึกษา จ. หนังสือการรับรองผลการปฏิบัติงานของนักศึกษา ฉ. คำสั่งและเกียรติบัตร (ถ้ามี)
๖๖ ก. ประมวลภาพการสอนและกิจกรรม \ เข้าร่วมประชุมเปิดภาคเรียนพบผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครูกลุ่มสาระภาษาไทย จัดเตรียมหนังสือเรียนรายวิชา ภาษาไทยให้กับนักเรียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
๖๗ กิจกรรมวันอาเซียน กิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติ หน้าชั้นเรียน กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี
๖๘ กิจกรรมเชิดชูครูกวีสี่สมัย ร้อยรวมใจรักษ์ภาษาไทย
๖๙ กิจกรรมการแข่งขันวันสุนทรภู่
๗๐ การเรียนการสอนวิชาภาษาไทย
๗๑ ร่วมทำพานช่วยนักเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมวันไหว้ครู เยี่ยมบ้านนักเรียน ประจำปีการศึกษา ๑/๒๕๖๕
๗๒ ประชุม PLC ครูระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ประชุมผู้ปกครอง ประจำปีการศึกษา ๑/๒๕๖๕
๗๓ โครงการคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน กิจกรรม ไหว้สวย
๗๔ กิจกรรมทอดผ้าป่าการศึกษา
๗๕ ข. ประมวลภาพการจัดป้ายนิเทศ โครงการอบรมครูพี่เลี้ยงและนักศึกษาใน การปฏิบัติการสอน
๗๖ ค. บัญชีลงเวลา
๗๗ นางพัทธ์ธีรา ศิริธรรมรักษ์ นายเรืองยศ แวดล้อม
๗๘ นางพัทธ์ธีรา ศิริธรรมรักษ์ นายเรืองยศ แวดล้อม
๗๙ นางพัทธ์ธีรา ศิริธรรมรักษ์ นายเรืองยศ แวดล้อม
๘๐ นางพัทธ์ธีรา ศิริธรรมรักษ์ นายเรืองยศ แวดล้อม
๘๑ นางพัทธ์ธีรา ศิริธรรมรักษ์ นายเรืองยศ แวดล้อม
๘๒ นางพัทธ์ธีรา ศิริธรรมรักษ์ นายเรืองยศ แวดล้อม
๘๓ นางพัทธ์ธีรา ศิริธรรมรักษ์ นายเรืองยศ แวดล้อม
๘๔
๘๕ ง. หนังสือขอความอนุเคราะห์, การตอบรับ, การรับและการส่งนักศึกษา หนังสือขอความอนุเคราะห์
๘๖
๘๗
๘๘ การ ตอบรับ
๘๙ ส่งตัวนักศึกษา
๙๐ จ. หนังสือการรับรองผลการปฏิบัติงานของนักศึกษา