The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002

สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002

43

3. การออกกาํ ลังกายโดยการบริหารรา งกาย โดยแสดงทาทางตาง ๆ เพื่อเปนการบริหาร
รางกาย หรือเฉพาะสวนท่ีตอ งการใหก ลามเนอ้ื กระชบั อาทิ การบริหารแบบโยคะ หรือแอ
โรบิค

หลักการออกกาํ ลังกายเพอ่ื สขุ ภาพ คอื การออกกาํ ลังกายชนิดทเ่ี สริมสรางความอดทนของ
ปอด หัวใจ ระบบไหลเวยี นเลือด รวมทง้ั ความแข็งแรงของกลา มเน้ือ ความออนตวั ของขอตอ ซึง่ จะ
ชวยใหรางกายแขง็ แรงสมบรู ณ สงา งาม และสขุ ภาพจิตดี

การออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบิค เปนกจิ กรรมที่ไดร ับการยอมรับ และเปนท่ีนยิ มกนั อยาง
แพรห ลายทวั่ โลก ในดานการออกกาํ ลังกายเพื่อสขุ ภาพ (Exercise For Health) โดยยดึ หลักปฏบิ ัติงาย
ๆ ดังนี้

1. ความหนัก ควรออกกาํ ลังกาย (Intensity) ใหห นักถงึ รอยละ 70 ของอตั ราการเตน สูงสุด
ของหัวใจแตล ะคน โดยคาํ นวณไดจากคา มาตรฐานเทากับ 170 ลบดว ยอายุของตนเอง
คา ท่ไี ดคอื อตั ราการเตน ของหวั ใจคงทีท่ เี่ หมาะสม ท่ตี องรักษาระดับการเตน ของหวั ใจน้ี
ไวชวงระยะเวลาหนึ่งท่ี
ออกกําลังกาย

2. ความนาน (Duration) การออกกําลังกายอยางตอ เน่อื งนานอยา งนอ ย 20 นาที ขน้ึ ไปตอครัง้
3. ระยะผอ นคลายรางกายหลงั ฝก (Cool Down) ประมาณ 5 นาที เพอื่ ยดื เหยียดกลา มเน้ือ

และความออ นตัวของขอ ตอ รวมระยะเวลาท่อี อกกาํ ลังกายติดตอ กนั ท้ังสิน้ อยา งนอย 20 –
30 นาทีตอวัน
ผูทอ่ี อกกาํ ลังกายมาก หรอื เปน นกั กีฬา จะมกี ารใชพลงั งานมากกวา บคุ คลทัว่ ไป และมีการ
สญู เสยี นาํ้ และแรธาตมุ ากขนึ้ จึงควรกินอาหารทใี่ หพลงั งานอยางเพยี งพอสมดุลกับกิจกรรมทใี่ ชใ นแต
ละวัน โดยควรเพิม่ อาหารประเภท ขาว แปง ผลไม หรือนาํ้ ผลไม เพือ่ เพมิ่ พลงั งาน และด่ืมน้ําให
เพยี งพอ ไมจําเปนตอ งกินผลิตภณั ฑเ สรมิ อาหาร หรอื ดืม่ เครอ่ื งดื่มประเภทเกลือแร และเครื่องดม่ื ชู
กาํ ลัง

44

กจิ กรรมการเรียนรูท า ยบทที่ 2

กจิ กรรมท่ี 1
1. ใหนักศึกษาอธิบายตามความเขาใจของตนเอง ในหัวขอตอ ไปนี้

“จติ ที่สดใส ยอมอยูในรางกายท่สี มบูรณ”
2. ใหน กั ศกึ ษาฝก เขยี น แผนการวางแผนดูแลสุขภาพตนเองในเวลา 7 วัน

กิจกรรมท่ี 2
1. ประโยชนข องการออกกําลงั กายดา นตา ง ๆ ทส่ี งผลตอสขุ ภาพของมนษุ ย จาํ แนกไดด า น

อะไรบาง จงอธิบาย

กิจกรรมท่ี 3
1. การออกกําลังกายมผี ลตอพัฒนาการของมนุษยอยา งไร จงอธิบาย
2. กอนทจ่ี ะออกกําลงั กาย เราควรใหค าํ แนะนําผจู ะออกกาํ ลงั กายอยางไร

45

บทท่ี 3
สขุ ภาพทางเพศ

สาระสาํ คัญ
ปญ หาหาเรอ่ื งการมีเพศสมั พันธกอนวัยอันควร กําลังเปนปญหาที่นาหวงใยในกลุมเยาวชน

ไทย ดงั นนั้ การเรียนรูในเรอ่ื งของพฤตกิ รรมทจี่ ะนาํ ไปสกู ารมีเพศสมั พันธ การถกู ลวงละเมิดทางเพศ
และการตง้ั ครรภไ มพ ึงประสงค จึงเปน เรือ่ งจําเปนที่จะไดป องกันตนเอง นอกจากน้ีการดูแลรางกาย
โดยเฉพาะระบบสบื พนั ธุกเ็ ปนเรื่องทีจ่ ะทําใหทกุ คนมสี ขุ ภาวะที่ดี สามารถปฏิบตั ไิ ดถูกตอ งก็จะไมท ํา
ใหเ กิดปญหาดา นสขุ ภาพทางเพศ

ผลการเรียนรูที่คาดหวงั
1. อธิบายการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีนําไปสูการมีเพศสัมพันธ การลวงละเมิดทางเพศ การ

ตงั้ ครรภทไ่ี มพึงประสงค
2. อธบิ ายวธิ กี ารดแู ลสขุ ภาพทางเพศท่ีเหมาะสมและไมท าํ ใหเ กิดปญ หาทางเพศ

ขอบขายเนอื้ หา
เรอ่ื งที่ 1 สรีระรางกายทเี่ ก่ียวขอ งกับการสืบพันธุ
เร่ืองที่ 2 การเปลย่ี นแปลงเม่อื เขาสูวยั หนมุ สาว
เรื่องท่ี 3 พฤติกรรมทีน่ าํ ไปสกู ารมเี พศสมั พนั ธ
เรอื่ งท่ี 4 สุขภาพทางเพศ

46

เรอื่ งท่ี 1 สรรี ะรางกายท่เี ก่ยี วขอ งกับการสืบพันธุ

การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยน้ัน หมายถึง การเจริญเติบโตและ
พฒั นาการทางรางกายและจิตใจควบคกู นั ไปตลอด เร่ิมต้ังแต วยั เด็ก วัยแรกรนุ วยั ผูใหญ ตามลาํ ดับ

โดยทว่ั ไปแลว การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการทางรา งกายของคนเราจะสิ้นสุดลงเมอ่ื
มอี ายุประมาณ 25 ป จากวัยน้ีอวัยวะตาง ๆ ของรางกายเริ่มเส่ือมลง จนยางเขาสูวัยชราและตายใน
ทส่ี ุด สว นการเจริญเติบโตและพฒั นาการทางจติ ใจนัน้ ไมมีขดี จาํ กัด จะเจริญเติบโตและพัฒนาเจริญ
งอกงามขน้ึ เรอื่ ย ๆ จนกระท่ังเขา สูวยั ชรา

1. อวัยวะสบื พันธแุ ละสุขปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับอวัยวะสบื พนั ธุ
การสืบพันธขุ องมนษุ ยเปน ธรรมชาติอยางหนงึ่ ทเ่ี กิดขน้ึ เพื่อดํารงไวซ่ึงเผาพันธุ การ

สืบพนั ธุนนั้ จาํ เปนตอ งอาศยั องคป ระกอบทส่ี ําคญั คอื เพศชายและเพศหญิง ท้งั เพศชายและเพศหญิง
ตา งก็มโี ครงสรางทีเ่ ก่ียวขอ งกบั อวัยวะเพศและการสบื พนั ธุโดยเฉพาะของตน

1.1 ระบบสบื พนั ธขุ องเพศชาย
อวยั วะสบื พันธุชายสวนใหญอยูภายนอกของรา งกาย สามารถปองกันและระวังรักษา
ไมใหเ กดิ โรคติดตอหรอื โรคติดเชื้อตาง ๆ ไดโดยงาย อวัยวะสืบพันธุชายมีความเกี่ยวของกับระบบ
การขบั ถา ยปสสาวะ เพราะวา การขับน้ําอสุจิออกจากรา งกายตอ งผานทอปสสาวะดวย อวัยวะสบื พนั ธุ
ชายประกอบดวยสวนตาง ๆ ทีส่ ําคัญดังน้ี
(1.) ตอมอัณฑะ (Testis) มีลกั ษณะและรูปรา งคลายไขไกฟองเล็ก ยาวประมาณ 4
เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หนักประมาณ 15-30 กรัม
อณั ฑะขางซายจะใหญกวา งขางขวาเลก็ นอย ตามปกตจิ ะมีอณั ฑะอยู 2 ลกู
ภายในลูกอัณฑะมีหลอดเล็ก ๆ จํานวนมาก ขดเรียงอยูเปนตอน ๆ เรียกวา หลอด
สรา งอสจุ ิ (Seminiferous Tabules) มีหนาท่ีผลิตฮอรโมนเพศชายและตัวอสุจิ สวนดานหลังของตอม
อณั ฑะ จะมกี ลมุ ของหลอดเล็ก ๆ อกี มากมายขดไปมา เรียกวาหลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) เปนที่
เกบ็ เชอ้ื อสจุ ชิ ่วั คราว เพอ่ื ใหเชื้ออสจุ เิ จรญิ เตบิ โตไดเต็มที่
(2.) ตอ มลูกหมาก (Prostate Gland) เปนตอ มทหี่ มุ อยูรอบทอ ปส สาวะสวนใน ตรง
ดานลางของกระเพาะปสสาวะ มีหนาท่ีสรางของเหลวซ่ึงมีฤทธิ์เปนดางออน ๆ สงเขาไปในถุงเก็บ
อสจุ ิ เพ่ือผสมกับนํา้ เล้ยี งตวั อสจุ ิ ของเหลวนจี้ ะไปทาํ ลายฤทธิก์ รดจากนํ้าเมือกในชองคลอดเพศหญิง
ปองกันไมใหต ัวอสุจิถูกทําลายดว ยสภาพความเปน กรด เพอ่ื ใหเกดิ การปฏิสนธิขึน้ ได
(3.) ลึงค หรือองคชาต (Penis) เปนสวนประกอบหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุชาย ท่ี
แสดงใหเห็นวาเปนเพศชายอยางชัดเจน มีลักษณะย่ืนออกมา สวนปลายสุดจะมีรูปรางคลายหมวก
เหลก็ ทหารสวมอยู ขนาดใหญกวาลาํ ตวั ลึงคเลก็ นอย สวนนีจ้ ะมีเสน ประสาทมาหลอเล้ยี งมาก ทําให

47

มีความรสู ึกไวตอ การสัมผัส เมื่อมีความตองการทางเพศเกิดขึ้น จะทําใหลึงคเปล่ียนจากนุมเปนแข็ง
เนอ่ื งจากค่ังของเลอื ด ทาํ ใหข นาดใหญขน้ึ 1-2 เทาตวั ในระหวา งการแข็งตัวของลึงคม ตี อมเลก็ อยูใน
ทอ ปสสาวะ ผลิตนํ้าเมือกเหนยี ว ๆ ซึ่งจะถูกขับออกมา เพ่ือชวยในการหลอล่ืนและยังทําใหตัวอสุจิ
ผา นออกสูภ ายนอกไดส ะดวกอกี ดว ย

(4.) ทอ พกั ตัวอสุจิ (Epididymis) มีลักษณะคลายรูปดวงจันทรครึ่งซีก หอยติดอยู
กบั ตอมอณั ฑะสวนบนคอ นขางจะใหญเรยี กวา หวั (Head) จากหัวก็เปนตัว (Body) และเปน หาง (Tail) ทอ
น้ีประกอบดว ยทอท่ีคดเค้ียวเปน จาํ นวนมาก เมอ่ื ตวั อสุจถิ กู สรา งขน้ึ มาแลว จะถกู สงเขาทอ นเี้ พือ่ เตรยี ม
ที่จะออกมาสทู อปสสาวะ

(5.) ทอนาํ ตวั อสุจิ (Vas Deferens) เปนทอเลก็ ๆ ตอจากลูกอัณฑะ จะทําหนาที่พา
ตวั อสจุ แิ ละน้ําอสุจใิ หไ หลขน้ึ ไปตามหลอดและไหลเขา ไปในถงุ น้าํ อสจุ ิ

(6.) ถุงอัณฑะ (Scrotum) เปนถุงทหี่ อ หมุ ตอ มอัณฑะไว ขณะทย่ี ังเปนตัวออ นอยู ตอ ม
อณั ฑะจะเจริญเติบโตในโพรงของชอ งทอ ง เม่อื ครบกาํ หนดตอมอัณฑะจะคอย ๆ เคลื่อนลงลางจากชอง
ทองมากอยูในถุงอัณฑะท่ีบริเวณขาหนบี ถุงอณั ฑะมีลกั ษณะเปน ผิวหนังบาง ๆ สีคล้ํา มีรอยยน มี
แนวกลางระหวางทวารหนักไปจนถงึ ลงึ ค จะมกี ลามเน้ือ บาง ๆ กั้นถุงอัณฑะออกเปน 2 หอง ถุงอัณฑะ
จะหอยตดิ อยูกบั กลามเนอ้ื ชนิดหน่ึง และจะหดตัวหรือหยอนตัว เม่ืออุณหภูมิของอากาศเปลี่ยนแปลง
เพ่อื ชว ยรักษาอุณหภมู ิใหเหมาะสมในการสรางอสุจิ และปองกันการกระเทือนจากภายนอก

1.1.1 การสรา งเซลลส ืบพนั ธเุ พศชายและการฝน เปย ก
เซลลสืบพันธุเพศชายหรือตัวอสุจิ (Sperm) จะถูกสรางขึ้นในทอผลิตอสุจิ

(Seminiferous Tubules) ตวั อสุจมิ ีขนาดเล็กมาก มีรูปรางลักษณะคลาย ๆ ลกู กบแรกเกดิ ประกอบดว ย
สว นหัวทีม่ ีขนาดโต แลวคอ ยลงมาเปนสว นหางท่ียาวเรียว และสวนหางน้ีจะใชในการแหวกวายมา
มขี นาดลาํ ตัวยาวประมาณ 0.05 มลิ ลเิ มตร มีขนาดเล็กกวา ไขเพศหญิงหลายหมืน่ เทา หลังจากตัวอสุจิ
ถูกสรา งข้ึนในทอ ผลติ ตัวอสุจิแลว จะฝงตัวอยูในทอพักตัวอสุจิจนกวาจะเจริญเต็มท่ี ตอจากน้ันจะ
เคลื่อนทไ่ี ปยงั ถุงเก็บตัวอสุจิ ในระยะนตี้ อมลกู หมากและตอมอ่ืน ๆ จะชวยกันผลิตของเหลวมาเลี้ยง
ตัวอสุจิ หากไมมีการระบายออกโดยมีเพศสัมพันธ รางกายจะระบายออก โดยใหน้ําอสุจิเคลื่อน
ออกมาตามทอปสสาวะเองในขณะนอนหลบั ซ่งึ เปน การลดปริมาณนา้ํ อสุจิใหนอยลง โดยธรรมชาติ
และยังเปนวิธีหนึ่งท่ีชวยลดความเครียดเก่ียวกับอารมณทางเพศได เราเรียกวาการฝนเปยก (Wet
Dream) เปนปรากฎการณท ช่ี ้ใี หเห็นวาวยั รนุ ชายน้ันบรรลวุ ฒุ ิภาวะทางเพศแลว และรางกายก็พรอม
ทีจ่ ะใหกําเนิดบตุ รได

48

1.1.2 สุขปฏิบตั เิ กี่ยวกับอวัยวะเพศชาย
1. อาบน้ําอยางนอยวันละ 2 ครั้ง ใชสบูชําระรางกายและอวัยวะเพศให

สะอาดแลว เช็ดใหแหง
2. สวมเสือ้ ผาทส่ี ะอาด โดยเฉพาะกางเกงในไมคบั และไมห ลวมเกนิ ไป
3. ไมใชส ว มหรอื ขบั ถา ยที่ผิดสขุ ลักษณะ
4. ไมส าํ สอน หรอื รวมประเวณกี บั ผูข ายบรกิ ารทางเพศ
5. หากสงสยั วาเปน กามโรคควรไปปรกึ ษาแพทย
6. ไมควรใชย าหรือสารเคมเี พอื่ กระตนุ ความรสู กึ ทางเพศ
7. อยาหมกหมุน หรือหกั โหมเกย่ี วกบั ความสัมพันธทางเพศเกินไป ควรหา

กจิ กรรมนนั ทนาการหรอื เลนกฬี า
8. ระวงั อยาใหอวยั วะเพศถกู กระทบกระแทกแรง ๆ

1.2 ระบบสืบพนั ธขุ องเพศหญิง
โ ค ร ง ส ร า ง ท่ี เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ อ วั ย ว ะ เ พ ศ แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ ข อ ง เ พ ศ ห ญิ ง

ประกอบดวยหลายสวนดว ยกนั ในที่นีจ้ ะกลาวถึงเฉพาะสว นทสี่ าํ คัญเทาน้นั
(1.) ตอมรังไข (Ovary) เปนตอ มสบื พันธุของเพศหญิง มีหนาท่ีผลิตเซลลสืบพันธุ

ของเพศหญิงท่เี รยี กวา ไข (Ovum) ตอมรงั ไขนม้ี ีอยูด ว ยกนั 2 ตอม คือ ขางขวาและขางซาย ซึ่งอยูใน
โพรงขององุ เชงิ กราน มรี ูปรา งคอนขางกลมเลก็ มีนํ้าหนกั ประมาณ 2-3 กรัม นอกจากนี้ตอมรังไขจะ
หล่ังฮอรโมนเพศหญิงออกมาทาํ ใหไขส ุก และเกดิ การตกไข

(2.) ทอรงั ไข (Pallopain Tubes) ภายหลงั ทไ่ี ขหลุดออกจากสวนท่ีหอหุมแลว จะผาน
เขาสทู อ รังไข ทอนี้ยาวประมาณ 6-5 เซนตเิ มตร ปลายขา งหนง่ึ มีลักษณะคลา ยกรวย ซง่ึ อยใู กลกบั
รงั ไข สวนปลายอกี ขา งหนึ่งนน้ั จะเรียวเลก็ ลงและไปติดกบั มดลกู ภายในทอรังไขจะมกี ลา มเน้อื พิเศษ
ซึ่งบุดวยเยื่อท่ีมีขนและบีบรดั ตัวอยเู สมอ ซึ่งทาํ หนาท่โี บกพัดเอาไขที่สุกแลวเขาไปในทอรังไข คอย
การผสมพนั ธุจ ากตวั อสจุ ขิ องชาย และสง ไปสูมดลกู ตอ ไป

(3.) มดลูก (Uterus) มดลูกอยูในอุมเชิงกรานระหวางกระเพาะปสสาวะกับทวารหนัก
ปกติยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร และหนาประมาณ 2 เซนติเมตร เปน
อวัยวะทปี่ ระกอบดว ยกลา มเน้ือ และมีลักษณะภายในกลวง ซ่ึงมีผนังหนาไขจะเคลื่อนตัวลงมาตาม
ทอรังไข เขาไปในโพรงมดลูก ถาไขไดผ สมกับอสจุ ิแลว จะมาฝงตัวอยใู นผนังของมดลูกที่หนาและมี
เลือดมาเลีย้ งเปน จํานวนมาก ไขจ ะเจรญิ เตบิ โตเปน ตัวออ นตรงบรเิ วณนี้ ภายหลังวัยหมดประจําเดือน
แลว มดลูกจะเล็กและเหยี่ วลง

49

(4.) ชองคลอด (Vagina) มีลักษณะเปนโพรงซง่ึ มีความยาวประมาณ 8-10 เซนตเิ มตร
ชอ งคลอดประกอบดวยกลามเนื้อเรียบ สวนในสุดเปนสวนท่ีหุมอยูรอบปากมดลูก ภายในบุดวยเย่ือ
บาง ๆ ลักษณะเปนรอยยนสามารถยืดหดและขยายตัวไดมากเวลาคลอด ที่ชองคลอดนี้จะมี
เสน ประสาทมาเลี้ยงจาํ นวนมาก โดยเฉพาะอยางยิ่งบริเวณรูเปดชองคลอด และชองคลอดยังทําหนาที่
เปน ทางผานของเลือดประจําเดือนจากโพรงมดลูกออกจากรางกาย และเปนทางผานของตัวอสุจิจาก
เพศชายเพ่อื ไปผสมกับไขทที่ อ รังไข

(5.) คลิสตอริส (Clitoris) ลักษณะเปนกอนเน้ือเล็ก ๆ ต้ังอยูบนสวนของแคมเล็ก
เปนเน้ือเย่ือท่ยี ึดหดได มีหลอดเลือดและเสนประสาท และไวตอความรูสึกทางเพศเชนเดียวกับลึงค
ของชาย

(6.) ตอมนาํ้ เมือก (Bartholin Gland) เปนตอ มเลก็ ๆ อยู 2 ขางของชองคลอด ตอม
นีท้ ําหนา ท่ีหลงั่ นาํ้ เมอื กออกมา เพอื่ ใหช วยหลอลื่นชองคลอดในระหวางทมี่ ีการรวมเพศ

(7.) ฝเย็บ (Perineum) อยูพ้ืนลางของอุงเชิงกรานที่ก้ันอยูระหวางชองคลอดกับ
ทวารหนัก ขยายและยึดหดตัวได ประกอบดวยกลามเนื้อท่ีสําคัญ 3 มัด มีหนาท่ีชวยเสริมสราง
กลา มเน้อื ชอ งคลอดใหแ ข็งแรง และปอ งกันชองคลอดหยอน ถาหากขาดแลวไมเย็บ จะทําใหมดลูก
ต่ําลงมาไดเ มอ่ื อายมุ ากขน้ึ

(8.) เตา นม (Breast) มีอยู 2 เตา ซึง่ มขี นาดใกลเ คยี งกนั ตรงกลางของเตา นมจะมีผิว
ท่ีย่นื ออกมาเรยี กวา หัวนม เตานมแตละเตาจะประกอบข้ึนดวยกอนเน้ือหลายกอน กอนเนื้อแตละ
กอนจะประกอบดว ยทอ ที่แตกแขนงไปมากมาย เตานมจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเขาสูวัยสาว เน่ืองจากมี
เนอื้ เยอ่ื เกี่ยวพนั และไขมันเพม่ิ ขนึ้ ขณะท่ีตั้งครรภเตา นมจะโตข้นึ เน่อื งจากมีการเจริญเตบิ โตของตอม
นํ้านมและทอจาํ นวนมาก บริเวณเตานมน้จี ะมีหลอดเลอื ดและเสนประสาทไปเลี้ยงอยูมาก จึงทําใหมี
ความไวตอการสัมผัส

50

1.2.1 ความรเู กยี่ วกับผลของการบรรลุวฒุ ิภาวะทางเพศหญงิ
เม่ือเพศหญิงเจริญเติบโตเปนสาว ไมเฉพาะแตจะมีลักษณะของความเปน

หญงิ ดวยการมีเตา นมเจริญเติบโต และมีลกั ษณะเปลี่ยนแปลงอ่นื ๆ เกดิ ข้นึ เทาน้นั การบรรลุ
วุฒภิ าวะของเพศหญงิ ข้ึนอยูกับการมปี ระจาํ เดือนครง้ั แรก และมีประจําเดอื นทุก ๆ เดอื น โดยเฉลยี่ จะ
เกิดขน้ึ ทกุ ๆ 28 หรือ 30 วนั และการมปี ระจําเดือนแตละเดอื นอาจะแบง ออกไดเปน ระยะดังน้ี

1. ระยะทาํ ลาย (Destructive Phase) เปน ระยะท่ีมีเลือดออกมา เนื่องจากมี
การทําลายของเยื่อบภุ ายในของผนังมดลกู ระยะน้ีจะใชเวลาประมาณ 3-7 วัน หรอื เรยี กวา จะมีเลือด
ระดอู อกมาอยูประมาณ 3-7 วัน จํานวนเลอื ดทีไ่ หลออกมามีจาํ นวนไมแ นนอนโดยท่ัวไปจะมีปริมาณ
125 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร นอกจากเลือดท่ีไหลออกมาแลวยังมีเศษของผนังมดลูกท่ีถูกทําลายหลุดปน
ออกมาดว ย ระยะทาํ ลายน้เี ริม่ แรกมักจะมีอาการท้ังทางรางกายและจิตใจ เชน ถายปสสาวะบอย มี
สวิ ขนึ้ บนใบหนา เตา นมจะโตและแข็ง มอี าการปวดศรี ษะ เพลยี หงุดหงิด เปนตน

2. ระยะฟอลลิคูลา (Follicular Phase) ตอมพิทูอิทารีสวนหนา (Anterior
Lobe) หล่ังฮอรโมนชนิดหนง่ึ ออกมาและซมึ เขา กระแสเลอื ด แลวนาํ ไปยังตอ มรังไขจ ะทําใหไขซ่ึงอยู
ภายในรังไขเจริญเติบโตและสุกระยะนก้ี ินเวลาประมาณ 9 วนั และเม่อื รวมกบั ระยะทีม่ ีเลือดระดูไหล
ออกมาในระยะทาํ ลายจะกนิ เวลาประมาณ 14 วนั

3. ระยะลูเทียล (Luteal Phase) เปนระยะที่ไขสุกเต็มที่และจะหลุดออก
จากรังไข รังไขจ ะสรา งฮอรโมนชนดิ หนง่ึ เพื่อกระตุนใหผนังมดลูกหนาและมีเลือดมาหลอเลี้ยงมาก
เพื่อรอรับไขที่จะถูกผสมพันธุ ถาไขไมไดรับการผสมพันธุฮอรโมนนี้จะลดลง ซึ่งเปนการเร่ิมตน
ระยะทําลาย และจะมีเลือดระดไู หลออกมาใหม

1.2.2 สขุ ปฏิบัติเกี่ยวกบั อวยั วะสืบพนั ธขุ องเพศหญิง
1. อาบน้ําชําระลา งกายใหส ะอาดอยูเสมอ เวลาอาบน้ําควรทําความสะอาด

อวยั วะเพศเปนพิเศษ เชน ลาง เช็ดใหแหง โดยเฉพาะอยางย่ิงในชวงมีประจําเดือน ควรใชน้ําอุน
ชําระสว นทีเ่ ปอนเลือด เปน ตน

2. หลังจากถา ยอุจจาระ ปสสาวะควรทาํ ความสะอาดแลวเชด็ ใหแหง
3. ควรสวมเสอื้ ท่สี ะอาด โดยเฉพาะอยา งยง่ิ กางเกงในตองสะอาด ไมค บั ไม
หลวมเกนิ ไป และควรเปล่ยี นทุกวนั
4. รกั นวลสงวนตัว ไมค วรมเี พศสมั พนั ธก อนแตง งาน
5. ไมควรใชย ากระตุนหรือสารเคมีตออวยั วะเพศ
6. การใชสวมเพือ่ การขับถาย ควรคาํ นึงถงึ ความสะอาดและถูกสุขลกั ษณะ
7. ควรทาํ งานอดิเรก หรือออกกาํ ลังกายเสมอเพื่อเบนความสนใจทางเพศ

51

8. ในยามทม่ี ปี ระจําเดอื นควรเตรียมผา อนามัยไวใหเพยี งพอ และเปลี่ยนอยู
เสมออยา ปลอยไวน าน

9. ในชวงมีประจําเดือนไมควรออกกําลังกายท่ีผาดโผนและรุนแรง ควร
ออกกาํ ลงั กายเพียงเบา ๆ และพกั ผอนใหเ พียงพอ

10. ควรจดบันทึกการมีประจําเดือนไว ถาประจําเดือนมาชาหรือเร็วบาง
เลก็ นอยถอื วา ปกติ ถา ประจําเดือนมาชา หรือเร็วกวา ปกติ 7-8 วนั ข้นึ ไป ควรไปปรึกษาแพทย

11. ในชว งมปี ระจาํ เดอื น ถามีอาการปวดทองควรใชกระเปาน้ํารอนมาวาง
ท่ที อ งนอ ย เพอ่ื ใหค วามอบอุน และอาจรับประทานยาแกปวดไดบ าง

12. ถามีอาการผิดปกติทางรางกายในชวงมีประจําเดือน เชน ปวดทองมาก
หรอื มีเลือดไหลออกมา ควรรบี ไปปรึกษาแพทยท ันที

13. ระวังอยา ใหอ วยั วะเพศกระทบกระแทกแรง ๆ
14. ถาหากมีการเปลี่ยนแปลงท่ผี ดิ ปกตขิ องอวัยวะเพศ ควรไปปรกึ ษาแพทย

เรอื่ งท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงเมอ่ื เขาสูวยั หนมุ สาว

1. พัฒนาการทางเพศและการปรบั ตัวเมือ่ เขาสูวยั รุน
วยั รุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการทางเพศควบคู

กนั ไปดวย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตา งกนั
1.1 การเปล่ียนแปลงทางรา งกายของเพศหญิง
การเขาสูชว งวัยรุนของเด็กหญิงจะเกดิ ข้นึ เรว็ กวาเด็กชาย คือ จะเร่ิมข้ึนเม่ืออายุ

ประมาณ 11-13 ป ตอมใตสมองจะผลิตฮอรโ มนท่ไี ปกระตุนการเจริญเตบิ โต และกระตนุ การทํางานของ
รังไขใหสรางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโมนเพศหญิง ในชวงนี้วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตอยาง
รวดเรว็ สว นสูงและนําหนกั เพ่มิ มากข้นึ อวัยวะเพศโตข้ึน มีขนข้ึนบริเวณหัวเหนาและรักแร เอวคอด
สะโพกผายออก เตานมโตขึ้น อาจมีสิวข้ึนตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะท่ีเก่ียวของ
เจริญเตบิ โตขึ้น เริ่มมปี ระจําเดอื น ซง่ึ ลกั ษณะการมปี ระจําเดือนในเพศหญงิ จะเปนการบงบอกวา วัยรนุ
หญิงไดบรรลวุ ฒุ ิภาวะทางเพศแลว และสามารถตงั้ ครรภไ ด

การมีประจําเดอื น (menstruation) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาติท่ีเกิดใน
เพศหญิงเม่ือยางเขาสูวัยรุน โดยรังไขจะสรางฮอรโมนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุก
เดือนละ 1 ฟอง สลับกนั ระหวางรังไขซา ยและขวา เมื่อไขสุกจะหลุดออกจากรังไขแลวถูกพัดพาเขา
ไปในทอ รงั ไขห รอื ปก มดลกู เพ่อื รอรบั การผสมจากตวั อสจุ ิของเพศชาย ในขณะเดยี วกันฮอรโ มนเพศ
หญงิ ท่ผี ลติ จากรงั ไขแ ละสงไปตามรางกาย จะทาํ ใหเกดิ การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวง
สัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากท่ีสุด มีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากมาย เพื่อ
เตรยี มพรอมทจ่ี ะรบั การเกาะฝง ของไขทีไ่ ดรับการผสมจากตัวอสุจิ ถาหากไขไมไดรบั การผสม เย่ือบุ

52

มดลกู กจ็ ะคอ ย ๆ หลุดออก หลอดเลอื ดบรเิ วณเย่อื บุมดลูกก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหล
ออกทางปากมดลกู ผา นชอ งคลอดออกสภู ายนอก เรยี กวา ประจาํ เดอื น

อาการเมือ่ มีประจําเดือน กอนมีประจําเดือน บางคนอาจมีอาการบางอยาง
เกิดข้นึ ได เชน ปวดศรษี ะ ทองอืดเฟอปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลังและบ้ันเอว เตานมตึงและเจ็บ
หงดุ หงดิ งา ย อารมณไมปกตหิ รือเบอื่ อาหาร คลนื่ ไสอาเจียน

ขอ ควรปฏบิ ัตขิ ณะมปี ระจาํ เดอื น คอื ใชผาอนามัยอยางถูกวิธี และลางมือ
ใหสะอาดทกุ คร้งั นอกจากนี้ขณะมปี ระเดอื น บางคนมอี าการบางอยา งดังกลา วขา งตน และอาจมีการ
ปวดทองนอยเพมิ่ ดวย ซง่ึ เปนอาการปกติท่ีจะหายไปเองเมื่อประจาํ เดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติท่ี
รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา
คลาดเคล่อื นจากปกตมิ าก ควรปรกึ ษาแพทยโดยเฉพาะสตู นิ รแี พทย

ผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 ครั้ง และทุกคร้ังหลัง
อาบน้าํ หรือหลงั ถา ยอุจจาระ รกั ษาความสะอาดของรางกายและเสื้อผาที่สวมใส ไมใชเสื้อผารวมกับ
ผูอนื่ ออกกาํ ลงั กายใหน อ ยลงกวาปกติ พักผอ นใหเพียงพอ ทาํ จติ ใจใหรา เรงิ แจมใส ถามีอาการปวด
ทอ งนอยมากใหน อนควาํ่ แลว ใชห มอนรองใตทองนอ ยประมาณ 15-20 นาที ประจําเดือนจะออกไดดี
และชว ยใหทุเลาปวด อาจไมจาํ เปนตอ งใชย าแกปวด ควรรบั ประทานยาแกปวดหากมอี าการปวดมาก
ถาปวดทองรุนแรงมากหรอื มีเลือดออกมากผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย และขณะมีประจําเดือนไม
ควรอาบน้ําแบบแชในแมนํ้าลําคลอง อางน้ําในบานหรือสระวายนํ้า เพราะเช้ือโรคในน้ําอาจเขาสู
โพรงมดลกู ได เน่อื งจากปากมดลูกจะเปด เลก็ นอ ย จึงควรอาบนํ้าแบบตกั หรอื ใชฝก บัว

1.2 การเปล่ยี นแปลงทางรา งกายของเพศชาย
เด็กชายจะเร่ิมเขาสูวัยรุนเมื่ออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต

ฮอรโมนท่ีไปกระตุนใหรางกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอัณฑะผลิตเซลลสืบพันธุและฮอรโมน
เพศชายมีการเปลยี่ นแปลงของรา งกายทเี่ ห็นไดช ัดโดยเฉพาะความสงู และน้าํ หนกั ตวั ทเี่ พิม่ ขึ้น แขนขา
ยาวเกง กา งไหลก วา งออก กระดูกและกลามเนื้อแข็งแรงขึ้นและมีกาํ ลงั มากขน้ึ เสียงแตก นมแตกพาน
มีหนวดเครามีขนข้ึนที่หนาแขง รักแร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวข้ึนบริเวณใบหนา
หนาอก หรอื หลงั อวัยวะเพศโตข้นึ และแข็งตวั เม่ือมีความรูสกึ ทางเพศหรือถูกสัมผัส และมีการหลั่ง
นา้ํ อสจุ หิ รือน้ํากามออกมาในขณะหลับ (ฝนเปย ก) ซึ่งเปนอาการทบ่ี ง บอกวา ไดบ รรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศ
แลว และยงั หมายถึงการมคี วามสามารถทจี่ ะทําใหเ พศหญิงเกิดการตง้ั ครรภไดอ กี ดว ย

การฝน เปยก (wet dream) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาตทิ ี่เกิดในเพศชาย
กลาวคือในดา นรางกายลูกอณั ฑะจะทําหนาท่สี รางฮอรโมนเพศชายและตวั อสุจิ โดยจะเกบ็ สะสมไวท ่ี
ถงุ เกบ็ นํ้าอสจุ ิ ในดานจติ ใจและอารมณ ฮอรโมนเพศจะมีผลทําใหวยั รนุ เร่ิมมคี วามรูสึกทางเพศ และ

53

สนใจเพศตรงขาม เมอื่ รา งกายมีการผลิตนํ้าอสุจิเก็บไวมากขึ้น ประกอบกับจิตใจและอารมณมีการ
เปล่ยี นแปลงดังกลาว จะมผี ลทาํ ใหเ กดิ ความตึงเครียดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จินตนาการ
เก่ยี วกับเรือ่ งเพศหรือเรอ่ื งท่ีหวาดเสียว สง ผลใหถุงเก็บนา้ํ อสุจริ ดั ตวั ทาํ ใหต ัวอสุจิและน้ําหลอเล้ียงถูก
บีบเขาสูทอปสสาวะและขับเคล่ือนออกมาภายนอกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรียกอาการที่เกิดข้ึนนี้วา ฝน
เปยก ซ่ึงนับวา เปนการผอนคลายความตงึ เครยี ดทางจติ ใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถือ
วาผดิ ปกตแิ ตอ ยางใด

1.3 ตอมไรทอทมี่ ีอิทธิพลตอ การควบคุมพฒั นาการทางเพศ
ตอมไรทอท่ีมีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนท่ีสําคัญ ไดแก
ตอมใตสมองหรือตอมพิทูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland)
และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซ่ึงตอมไรทอแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต
และพฒั นาการของวัยรุน
1.4 อารมณทางเพศ (sexuality) หรอื ความตองการทางเพศ (sexusl desire)
ในที่น้จี ะหมายถึง ความรสู ึกของบุคคลทีม่ ผี ลมาจากสิ่งเรา ภายในหรือสงิ่ เรา ภายนอก
ท่ีเปน ปจจัยท่ีมากระตุนใหเกดิ ความรูสกึ ทางเพศขึ้น โดยมีระดับความแตกตางมากนอยตา งกัน ขึน้ อยู
กบั ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละพ้ืนฐานทางดา นวุฒิภาวะของแตล ะบคุ คล
จากความหมายดงั กลา วจะเหน็ ไดวา สิ่งเราภายในและสิง่ เรา ภายนอกเปนปจจยั สําคัญ
ท่ีจะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดข้ึน และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เก่ียวของกับ
ความสําคญั ของอารมณท างเพศกบั วยั รนุ แลว สรปุ ประเดน็ ทีส่ ําคัญได ดังนี้

1) อารมณทางเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยที่
เกิดข้นึ ตามธรรมชาติ เปน ตัวบง ชีป้ ระการหน่งึ ทแี่ สดงใหเ ห็นถึงความสมบูรณข องพัฒนาการทางดาน
รา งกาย จติ ใจ และอารมณข องวยั รุน ทก่ี า วเขาสชู วงของวัยเจรญิ พนั ธมุ ากขน้ึ

2) ปจจุบนั ส่อื หลายรูปแบบท่ปี รากฏอยใู นสงั คมมีสวนชวยกระตนุ แรงขบั ทาง
เพศ (Sex drive) ของวยั รุนใหเ กิดอารมณทางเพศไดงายขึ้น การนาํ เสนอภาพหรือขอความที่เกี่ยวของ
กบั เรื่องเพศผานส่อื ตาง ๆ เปน ปจ จยั หนง่ึ ที่ยวั่ ยใุ หว ยั รนุ เกิดอารมณทางเพศที่เสยี่ งตอการมเี พศสัมพันธ
ไดงา ยและเร็วขึ้น โดยส่ือตาง ๆ เหลานอ้ี าจอยใู นรูปแบบของหนังสือหรอื ภาพยนตรบางประเภท รวม
ไปถงึ ขอมลู ท่ีไดจากการสบื คน ดวยระบบอนิ เทอรเน็ต ซ่ึงผลกระทบจากอารมณท างเพศในแงลบจะมี
มากยิง่ ขึ้น หากวัยรุนขาดความรคู วามเขา ใจในแนวทางการควบคุมอารมณท างเพศอยา งถกู ตอ ง จนใน
ทีส่ ุดอาจนาํ ไปสพู ฤติกรรมเสีย่ งตอการมเี พศสมั พันธโดยไมตั้งใจ และนํามาสูปญหาตาง ๆ ในสงั คมท่ี
เก่ียวขอ งกบั พฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนได

3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมที่ถูกตอง จะนําไปสู
ปญ หาพฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมเ หมาะสมของวัยรุน มากขนึ้ วยั รนุ แมจะเปนวัยทม่ี แี รงขบั ทางเพศสูงกวา

54

ทุกวัย และพรอมที่จะมีเพศสัมพันธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตสังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม
ยอมรับท่ีจะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี
เพศสมั พนั ธจ นกวาจะไดท าํ การสมรสหรอื ยูในชวงวัยทเ่ี หมาะสมอารมณทางเพศท่ีเกิดขึ้นในชวงการ
เขาสวู ยั รุน เปนพัฒนาการอยา งหน่งึ ที่แสดงใหเหน็ ถงึ ความพรอมของรางกายท่จี ะสบื ทอดและดาํ รงไว
ซึ่งเผาพันธุ โดยมีสิ่งเราสําคัญใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลักษณะของปจจัยที่เปนส่ิงเราภายใน
(intrinsic stimulus) และลักษณะของปจ จัยทีเ่ ปนสิ่งเราภายนอก (extrinsic stimulus)

1) ลักษณะของปจ จัยทเี่ ปนสง่ิ เรา ภายใน
ปจจัยที่เปนสิ่งเราภายใน ในท่ีนี้หมายถึง ส่ิงเราซ่ึงเปนผลที่เกิดจาก
กระบวนการเปลยี่ นแปลงตาง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในรางกาย โดยไดรับอิทธิพลมาจากการทํางานของระบบ
ตอมไรทอ ซึ่งผลิตฮอรโมน ออกมาเพ่ือกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเน่ือง
ฮอรโมนเพศเปนปจจัยภายในท่ีสําคัญท่ีเปนส่ิงเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น
และนําไปสกู ารเกดิ ความตองการทางเพศตามชวงวัย ในเพศชายฮอรโมนท่ีเปนปจจัยสําคัญในเร่ือง
ดงั กลาว คอื ฮอรโมนเทสโทสเตอโรน สว นในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน
ฟอลลิควิ ลาร
2) ลักษณะของปจจัยทเ่ี ปน ส่งิ เราภายนอก
ปจจัยท่ีเปนสิ่งเราภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ที่
สามารถกระตนุ หรอื ยั่วยุใหผ ูท ่รี บั รู หรอื ไดรับการถายทอดเกดิ ความรสู กึ ทเี่ กิดเปนอารมณทางเพศขึ้น
ประกอบดว ย
สอ่ื รูปแบบตาง ๆ ที่กระตุนหรือยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศ ปจจุบันมีส่ือ
หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะ สอ่ื ทางเพศ ไดน าํ เสนอภาพและ/หรือขอ ความทเ่ี กี่ยวกบั เพศ ซ่ึงมักจะ
นําไปสูการกระตุนหรือยั่วยุใหผูรับส่ือโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของสื่อในลักษณะ
ดงั กลา วทาํ ใหม ผี ูเปรยี บเปรยส่ือตาง ๆ เหลา น้ีเปน สนิ คา เพศพาณิชย ซงึ่ นับวันจะมีการผลติ และนาํ มา
เผยแพรใ หเ หน็ เพิม่ มากขึน้
สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปล่ียนไป ปจจุบันเปนที่ยอมรับกันอยาง
หน่ึงวา สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยไดเปลี่ยนไปจากเดิม นับต้ังแตท่ีมีการรับวัฒนธรรม
ตะวนั ตกเขาสสู งั คมไทย กอใหเ กดิ การเปลยี่ นแปลงข้ึนหลายลกั ษณะ โดยเฉพาะในประเทศไทยเกิด
ความเปล่ยี นแปลงทเี่ กยี่ วของกับเร่ือง การคบเพ่ือนตางเพศของวัยรุนไทย พบวามีอิสระเพ่ิมมากข้ึน
นอกจากนี้ปจจุบันสภาพของครอบครัวไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป ผูปกครองมีเวลาใกลชิดกับบุตร
หลานนอ ยลง ซงึ่ เปน ผลมาจากสภาพของภาวะเศรษฐกจิ นอกจากน้ยี ังพบวา ความมอี สิ ระของส่ือตอ
การนาํ เสนอเรื่องราวที่เกี่ยวของกับเพศ จัดไดวาเปนส่ิงเราภายนอกท่ีสําคัญ ท่ีสามารถที่จะเราและ
กระตนุ ใหว ยั รนุ เกิดความตอ งการทางเพศข้ึนได โดยเฉพาะหากขาดการดแู ลและการควบคมุ ที่ถกู ตอง
เหมาะสม

55

คานิยมและพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุน ผลจากสภาพ
ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เก่ียวของกับเร่ืองเพศท่ีเปล่ียนไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี
พฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตนวา คานิยมในเรื่องการแตงกายตามสมัยนิยม
(Fashion) ท่ีมากเกินควรของวัยรุน โดยไมคํานึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เชน ลักษณะการสวม
เสือ้ ผา ท่ีรัดรปู หรือเปดเผยสัดสวนรางกายของวัยรุนเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกลาวจะกระตุน
และยั่วยุใหว ยั รุนชายเกิดอารมณท างเพศได นอกจากน้ียังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมท่ีเกี่ยวกับความ
ตอ งการในการแสดงออกโดยอสิ ระ เปน ตน วา การเทย่ี วเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ
เพศตรงขาม หรอื การจับมอื ถือแขนอยางเปดเผยในทสี่ าธารณะ การอยตู ามลําพงั สองตอสอง หรือการ
ไมใหค วามสําคัญในเรอ่ื งการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซง่ึ สิ่งตา ง ๆ เหลานถี้ ือวาเปนปจ จัยภายนอกที่สามารถ
จะกระตุนหรอื ย่ัวยใุ หวยั รุนเกดิ อารมณท างเพศขนึ้ ได ความเปลี่ยนแปลงทเ่ี กดิ ขึน้ ในขณะท่ีวัยรนุ เกดิ การ
เปลีย่ นแปลงทางเพศ อารมณเพศหรือความตองการทางเพศที่เกิดขึ้นกับวัยรุน ไมวาจะเกิดจากสิ่งเรา
ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย
ลักษณะการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนกับสภาพ
รางกาย

1) ลกั ษณะการเปล่ยี นแปลงท่เี กดิ ขึน้ กบั สภาพจิตใจ
โดยปกตขิ ณะทีค่ นเราเกิดอารมณทางเพศจะพบวา มีจิตนาการที่เกี่ยวของกับ
เร่ืองเพศอยูในระดับหน่ึง ซึ่งจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพื้นฐาน
ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละความรูสึกของแตละคน และโดยทั่วไปพบวา ความต่ืนเตน
ทางเพศทีเ่ ปน พนื้ ฐานของการเกิดอารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวาเพศชาย อยางไรก็ตาม
ทั้งเพศชายและเพศหญงิ เมื่อเกดิ อารมณทางเพศขนึ้ หากความสามารถในการควบคุมอารมณและการ
จัดการในเรื่องดงั กลา วไมดพี อ กม็ ักจะสงผลใหเ กดิ ปญ หาทางดา นสขุ ภาพจติ ขน้ึ ได โดยเร่ิมจากภาวะ
ทางดา นจติ ใจที่เกิดความเครียดขน้ึ แลว นาํ มาสภู าวะของความวิตกกังวลท่ีเกี่ยวของกับเรื่องเพศ จน
อาจนําไปสูก ารขาดความเช่ือมน่ั ในตนเองได
2) ลักษณะการเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขน้ึ กับสภาพรางกาย
ขณะท่สี ภาพจติ ใตมีการเปลี่ยนแปลงและแสดงออกถึงความตองการทางเพศ
ปฏกิ ิรยิ าของรางกายที่แสดงใหเห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกายจะเห็นไดชัดเจน
มากข้นึ โดยเฉพาะรางกายท่แี สดงใหเ ห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกาย จะเห็นได
ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศท่ีมีการไหลเวียนของเลือดที่สงมามากขึ้น สงผลให
อวัยวะเพศเกิดการขยายตัว
เพศชาย พบวา บรเิ วณองคชาตหรือลงึ ค (penis) จะมขี นาดเพมิ่ ขึ้นและแข็งตัว
ขึ้น ผนงั ทห่ี มุ อัณฑะ (Scrotum) จะหนาขน้ึ ลูกอณั ฑะจะเคล่ือนตัวสูงข้นึ

56

เพศหญิง พบวาบริเวณอวยั วะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด
อาจมกี ารขบั นํ้าหลอลนื่ ออกมา รวมท้งั กลามเนอ้ื บริเวณดังกลา วยังอาจเกิดการหดรดั ตวั ขึน้ เปนระยะ

นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณทาง
เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพิ่มข้ึน ทําใหเลือดไหลเวียนเพ่ิมข้ึน เปนผลใหผิวหนัง
บรเิ วณทส่ี ังเกตได มกี ารเปลย่ี นแปลงเปนสีแดงเพิ่มขน้ึ เชน บรเิ วณใบหนา ลําคอ อก และหนา ทอ ง
นอกจากน้ี ในเพศหญิงหวั นมและเตา นมอาจมีการขยายตัวขึ้น

ผลกระทบดานลบท่ีเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุน จนนํามาสู
ปญหาทางสังคมที่เหน็ ไดชดั อีกประการหนึ่งในปจจุบัน คือ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสม
ของวัยรุน ซง่ึ นาํ มาสูปญหาตาง ๆ ตามมา เปนตนวา การเกิดปญหาการตั้งครรภที่ไมพึงประสงคใน
วัยรนุ การเกิดปญหาการตดิ โรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวัยรุน โดยปญหาเหลาน้ีถือวาเปน
ผลกระทบที่สืบเน่ืองมาจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุนที่ไมไดรับการควบคุมและจัดการท่ี
ถูกตองเหมาะสม ซ่ึงผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมท่ีสําคัญอีกประการหนึ่งใน
ปจ จบุ นั

แนวทางในการจดั การกบั อารมณทางเพศของวยั รนุ การจัดการกับอารมณทาง
เพศของวยั รนุ มีแนวทางการปฏบิ ตั ทิ ่ีสาํ คญั อยู 2 ลกั ษณะ ประกอบดว ย แนวทางการปฏิบัติเพ่ือระงับ
อารมณท างเพศ และแนวทางการปฏิบตั ิเพอื่ ผอ นคลายความตอ งการทางเพศ

1) แนวทางการปฏิบตั ิเพอื่ ระงับอารมณท างเพศ
แนวทางการปฏบิ ัตเิ พอ่ื ระงบั อารมณท างเพศ หมายถงึ ความพยายามในการท่ี
จะหลีกเลยี่ งตอสง่ิ เราภายนอกทมี่ ากระตุนใหอารมณทางเพศมีเพ่ิมมากข้ึน แนวทางในการปฏิบัติ มี
ดังนี้
หลีกเลีย่ งการดหู รืออานขอ ความจากสื่อตา ง ๆ ทีม่ ีภาพหรือขอความที่สามารถ
ยั่วยุใหเกิดอารมณทางเพศ เชน การดูหนังสือ หรือภาพยนตร หรือสื่ออินเทอรเน็ตที่มีภาพหรือ
ขอความที่แสดงออกทางเพศ ซึ่งเปน การย่วั ยุใหเกดิ อารมณท างเพศ
หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือการทําตัวใหวางหรือปลอยตัวใหมีความสบายเกินไป
เชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลับ การน่งั ฝนกลางวนั หรือนัง่ จิตนาการที่เก่ียวของกับเรื่องเพศ การอยู
ในสภาพของบรรยากาศท่ีมีแสงสเี สยี งทกี่ อ หรอื ปลุกเราใหเกิดอารมณท างเพศ
อยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นท่ี
สอดคลองกนั วา การบําบัดความใครดว ยตนเองโดยทั่วไปจะไมก อใหเกดิ ความผดิ ปกตทิ ้ังทางรางกาย
และจิตใจ แตก ไ็ มควรปฏบิ ัติบอยจนเกิดความหมกมุนตอเร่ืองดังกลาว ซึ่งจะกอใหเกิดเปนลักษณะ
นิสยั ซึง่ อาจสงผลลบตอ บคุ ลกิ ภาพและความเขมแข็งทางดานการควบคุมอารมณที่ดีได ดังน้ัน หากมี
ความจําเปนและไมสามารถที่จะหลีกเล่ียงการปฏิบัติในเร่ืองดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง
หลักการปฏิบัติทเี่ กยี่ วขอ งใน 3 ลกั ษณะทีส่ ําคัญ คอื ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปนพื้นฐาน

57

ตอ งคาํ นึงถึงสถานทใ่ี นการปฏิบัติ คอื ตอ งมคี วามเปน สว นตัว ไมประเจดิ ประเจอ และตอ งไมป ฏบิ ัติ
ดวยวิธกี ารทีร่ ุนแรง ซึ่งอาจกอ ใหเ กดิ บาดแผล หรอื มีการอักเสบ หรือตดิ เช้อื ได

1.5 การปรับตวั ทางเพศเม่ือเขาสวู ัยรุน
เม่ือเขาสูวัยรุน เพื่อชวยใหสามารถปรับตัวไดอยางถูกตองและเหมาะสมกับ
เพศของตนดียง่ิ ขนึ้ วยั รนุ ควรมีแนวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี
1) ศึกษาใหเ ขาใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เมื่อยาง
เขา สวู ัยรุน เราจะสงั เกตเห็นวามกี ารเปลีย่ นแปลงเกดิ ขึ้นในตวั เราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเรา
ไมส บายใจ เชน วัยรุนชายบางคนไมอยากพูดคุยกับเพ่ือนเพราะอายท่ีเสียงแตกพรา สําหรับวัยรุน
หญิงที่มีประจําเดือนเปนครั้งแรกอาจมคี วามรสู ึกกงั วลและมีอาการตาง ๆ เกิดข้ึน แตถาหากไดศึกษา
และทําความเขา ใจเก่ียวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกลาว จะทําใหเขาใจและสามารถปฏิบัติตนได
อยา งถกู ตอง
2) ปรับตวั เขากับเพอ่ื นตางเพศใหเ หมาะสม วัยรุน เปน วัยทมี่ ีการเปล่ียนแปลง
ทางเพศหลายอยางท้ังชายและหญงิ เรมิ่ มีความสัมพันธก นั ทางสังคมมากขึ้น ทําใหชายและหญิงตางมี
ความสนใจในเพื่อนตางเพศมากขึ้น การคบเพ่ือนตางเพศไมใชสิ่งเสียหาย แตตองปฏิบัติตนอยูใน
ขอบเขตท่เี หมาะสมและรูจ ักมารยาทที่ควรปฏบิ ัตติ อกัน ดงั นี้
ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเก้ียวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ
บรสิ ทุ ธิ์ใจ และควรใหค วามชวยเหลอื ฝายหญิง เชน ชวยถือของ สละที่น่ังให ไมแสดงกิริยาวาจาท่ี
ไมเ หมาะสม เชน พูดจาหยาบโลน หรือใชก าํ ลังรุนแรง เปนตน
ฝายหญิง ควรวางตัวใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในท่ีรโหฐานกับเพศตรง
ขามตามลําพัง ไมไปในที่เปล่ียว แตงตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาที่ไมเหมาะสม เชน สงเสียงดัง หรือ
กลาวคําผรุสวาท เปน ตน แสดงความมนี าํ้ ใจและใหเกยี รติฝา ยชาย
3) ควรรีบปรกึ ษาผูใหญเ ม่ือมปี ญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เกี่ยวกับเร่ืองเพศ วัยรุน
สว นมากมักจะมีความวิตกกงั วลในเรอ่ื งตาง ๆ เกี่ยวกับการเปล่ยี นแปลงทางดา นรา งกายและจติ ใจ เมือ่
มปี ญ หาเกิดขึ้นควรจะปรกึ ษาพอ แม ครู ญาตพิ น่ี อง และผใู หญทไ่ี ววางใจ เพราะทานมปี ระสบการณ
มากกวา เรา ยอมจะชวยแนะแนวทางปฏิบัติทถ่ี ูกตอ งใหแ กเราได
4) ปฏบิ ตั ิตามขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม โดยการเคารพเช่ือฟงผูใหญ
หมั่นศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดมั่นใน
ขนบธรรมเนยี มประเพณอี ันดีงามจะชว ยเตอื นใจใหเราปฏิบตั ิในทางทถี่ ูก

2. วยั รุนกับการคบเพ่ือน
วัยรุนเปนวัยท่ีใหความสําคัญกับเพ่ือนและตองการใหตนเองเปนท่ีนิยมชมชอบใน

กลุมเพอื่ น การมเี พ่ือนท่ีดจี ะทาํ ใหว ัยรุน มผี ทู คี่ อยรวมทุกขรวมสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ

58

แกไขปญหาอยา งถกู ตอ ง แตถาวยั รุนคบเพื่อนทไ่ี มดีก็จะชกั นําไปสูท างทไ่ี มดี วัยรุนจึงควรรูจักเลือก
คบเพ่ือนท่ีดแี ละสรา งความสมั พนั ธท ่ีดกี บั เพ่อื น ซึ่งจะชวยใหสามารถปรับตัวใหเ ขากับสงั คมไดตอไป

2.1 หลกั การคบเพื่อน
ควรมีหลักปฏิบัติในการคบเพ่ือน คือวัยรุนควรพิจารณากลุมเพ่ือนที่คบวามี

ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพ่ือนคนใดประพฤติตนในทางไมดี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา
ประพฤติในทางท่ีดี รจู ักปฏเิ สธและไมห ลงเชื่อคําชักชวนหรือปฏบิ ตั ิตามเพ่ือนที่มีความประพฤติไมดี
เชน ชวนใหห นีเรียนเที่ยวกลางคืน เลนการพนัน เสพสารเสพตดิ เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น
ใหปฏบิ ตั ิดังนี้ พดู ดว ยนํ้าเสียงหนัก
แนน ม่นั คง ควรบอกความรสู ึกดกี วา บอกเหตผุ ลหรอื ขออา ง เพราะความรูส กึ เปน เรอ่ื งสวนตัวของแต
ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพ่ือนอาจจะนําเหตุผลอ่ืนมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรูจัก
แนะนําและชักชวนเพื่อนปฏิบัติกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน
ภาษาตางประเทศ เรยี นคอมพิวเตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก
ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเปนการใชเ วลาวา งใหเ กดิ ประโยชน

2.2 หลกั ทั่วไปในการผกู มติ ร
หลักทั่วไปในการผูกมติ ร มีแนวทางในการปฏบิ ัติ ดังน้ี
1) รจู ักยอมรับคาํ ติชม เชน รับฟง ความคดิ เหน็ หรอื คาํ วิพากษวจิ ารณของผอู นื่

เก่ียวกับตวั เราเองดว ยความเตม็ ใจ เปน ธรรม ไมล าํ เอยี งเขา ขา งตนเอง และสามารถควบคมุ อารมณไ ด
2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนย้ิมงาย เปน

บุคลกิ ลักษณะท่ีดแี ละเปน เสนหที่ทาํ ใหผ พู บเห็นหรือคบคาสมาคมดว ยรสู ึกชมชอบ เกิดความสุขและ
ความสบายใจ นบั วาเปน สง่ิ สําคัญยง่ิ อยางหน่ึงทจ่ี ะนาํ ไปสูการตอนรับและความรวมมอื ทีด่ ี

3) รูจักออนนอมถอมตน ไมคุยโออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก
หรอื ยกตนขมผอู น่ื และรูจักยอมรบั ขอ บกพรอ งหรือความดอ ยของตนในดา นตาง ๆ

4) รูจักรับผิดชอบตอหนาที่ เชน หนาท่ีสําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี
หนาทใี่ หก ารศึกษาอมรมแกนักเรยี น นกั ศึกษา

5) รูจักประนีประนอม เม่ือเกิดปญหาหรืออุปสรรคข้ึน ควรจะมีการ
ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซึ่งเปนวิธีการหน่ึงที่คนเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี
เหตผุ ล

6) รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา ใหคิดเสมอวาอะไรก็ตามท่ีเราเองไมชอบ ไม
ตอ งการใหผอู น่ื กระทําตอเรา กจ็ งอยา กระทาํ สงิ่ นนั้ ตอบุคคลอ่ืน และถาตองการใหบุคคลอ่ืนกระทํา
ส่ิงใดตอ เราก็จงกระทําสง่ิ นนั้ ตอเขา

7) รูจักใหกําลังใจคนอ่ืน เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอื่นดวยการ
ชมเชย รูจักแสดงความชน่ื ชมยินดตี อ ความสําเร็จของเพอื่ นรว มหอง เพอื่ นรวมงาน เปนตน

59

8) รจู ักไววางใจคนอ่นื คอื รูจกั ไวเน้ือเช่อื ใจคนอนื่ บา งตามสมควร เพราะคน
อ่ืนอาจมีความดอยเกินไปในดานตาง ๆ ไดเชนเดียวกับเรา นอกจากนี้บางคร้ังการประเมินคา
ความสามารถของผูอน่ื ดอ ยเกนิ ไป อาจนํามาซง่ึ ความผิดหวังไดดวย

9) รูจักรวมมือกับคนอ่ืน เชน การใหความรวมมือกับหมูคณะในการ
ประกอบกจิ กรรมตาง ๆ ของสวนรวมดวยความเต็มใจ เพราะผูที่เห็นแกตัวหรือเอาแตไดยอมเปนที่
รงั เกียจของสังคม

10) รูจักเคารพสิทธิของผูอื่น เชน ไมควรใชทรัพยสิ่งของของผูอื่นโดย
พลการ ไมกา วกา ย หรือละเมดิ สทิ ธซิ ง่ึ เปนผลประโยชนอันชอบธรรมของผอู นื่

2.3 หลกั ในการสรางเสรมิ ความสมั พนั ธอ นั ดกี ับกลมุ เพอื่ น
หลักในการสรา งเสริมความสมั พนั ธอนั ดีกบั กลมุ เพ่อื น มีแนวทางปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
1) รูจ กั ตนเองและรูจ ักคนอน่ื วยั รนุ ตองมคี วามเขา ใจในความตองการของตน

และของเพื่อนยอมรับสภาพความเปน จรงิ ของตน และยอมรบั ความแตกตางในตวั เพ่ือนกับตัวเอง ไม
อจิ ฉาริษยาเพ่อื นท่มี ฐี านะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด
หยามเพ่ือนท่ีดอยกวา ตน แตใ หยนิ ดีกับความสําเร็จของเพ่ือน และคอยชว ยเหลอื สนบั สนุนเพื่อนหาก
มีโอกาส

2) มมี นุษยส มั พนั ธท่ีดี รูจกั พดู รูจักฟง เรยี นรูที่จะพูดเรื่องตาง ๆ ในจังหวัด
ทีเ่ หมาะสม เปดโอกาสใหเพ่อื นไดแสดงความคิดเห็น และรับฟงความคดิ เหน็ ของเพื่อน เอาใจใสใน
ตัวเพ่ือน และใหความสําคัญกับเพื่อนดวยความบริสุทธ์ิใจ ตลอดจนมีความซ่ือสัตยและจริงใจตอ
เพ่อื น

3) การมองโลก ใหมองในแงทีเ่ ปน จริง ไมม องในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก
หลอกลวงและคดโกงได แตไมมองคนในแงรา ยจนเกินไป อันจะทําใหเปน คนใจแคบ ไมร ูจกั การให
อภยั

4) มีนํ้าใจเปนนักกีฬา ยอมรบั ผดิ เม่อื รวู าตนผิด ปฏิเสธในสิ่งที่ตนไมสามารถ
ทําได เม่ือใหส ัญญาอยา งไรไวกบั ใครกต็ องพยายามทาํ ตามสัญญานัน้ ใหด ที ส่ี ุด นอกจากนี้ยังตองรูจัก
เสยี สละและใหอ ภัยแกเ พ่อื นเมอื่ เกดิ ขอ ผดิ พลาด โดยทําความเขาใจถึงสาเหตุท่ีทําใหเกิดขอผิดพลาด
นนั้ และรวมมอื กันปรับปรงุ แกไ ขตามสาเหตทุ เ่ี กดิ ขนึ้ ตอไป

หรือสงผลมากระทบ และเมื่อเกิดอารมณขึ้นก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ
แสดงออกดังกลาว มกั มีการเปลี่ยนแปลงหรอื แตกตางไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเห็นไดชัดเจนหรือ
อาจไมช ัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยูกบั ความสามารถในการปรับสภาพอารมณข องแตละบุคคล

60

เรือ่ งท่ี 3 พฤตกิ รรมทน่ี าํ ไปสูการมีเพศสมั พันธ

ปจจบุ นั ปญหาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมีหลายลักษณะ เชน
การมเี พศสัมพันธก อนวัยอันควร การตดิ เชอ้ื เอดสแ ละโรคตดิ ตอทางเพศสมั พันธ รวมท้งั การต้ังครรภ
ทไี่ มพ ึงประสงคในวยั รนุ ทง้ั ท่ีมาจากพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสมโดยตรง และมาจากอบุ ัติภัยทาง
เพศนับเปน ปญ หาทางเพศของวยั รนุ ที่อยใู นอนั ดับตน ๆ

อยางไรกต็ าม มีวัยรุนท่จี บั คกู นั บางคไู มม เี พศสมั พันธกัน ซงึ่ มีสาเหตุหลายประการ
เชน พอแมดแู ลเอาใจใสอ บรมส่ังสอนดี พอแมติดตามดแู ลอยางใกลชิด ไมเปดโอกาสใหทั้งคูไดอยู
ในสถานการณท่ีเส่ียงตอการมีเพศสัมพนั ธ วยั รนุ คดิ ไปขา งหนาเกิดความเกรงกลัววาจะมีปญหาตาง ๆ
ตามมามากมาย มีความละอายใจและรสู ึกวาผิด กลัวเสียชื่อเสียง และกลัวคนอื่นจะรู ไมมีโอกาสท่ี
จะไดกระทํา มีความยบั ยั้งชัง่ ใจ เปนตน

การจับคูกันนั้นสวนใหญจะทาํ ใหก ารเรียนแยล ง การมีคูร ักไมใชสัญลักษณของการ
ประสบความสาํ เรจ็ ในชีวิต ไมใชแฟช่ัน หากวัยรุนคนใดยังไมมีคูรักก็ไมควรรูสึกวาตัวเองดอยกวา
เพื่อนที่มีคนรัก ไมจําเปนท่ีจะตองคบกับใครสักคนเปนคูรัก เพียงเพราะตองการใหตนเองเหมือน
เพ่อื นคนอนื่ ๆ เทานั้น

ความคาดหวงั ในเรอื่ งความรักของผูหญิงและผชู ายทแ่ี ตกตางกันน้ัน เปน สิ่งท่วี ยั รุนที่
จับคูกนั ไมควรมองขา ม เพราะจะทาํ ใหรูวาหญิงและชายจะปฏบิ ัตติ อ คนรักตางกนั ผชู ายจะคดิ ถงึ เร่ือง
การไดสัมผัส ลวงเกินจนถึงข้ันมีเพศสัมพันธ จึงเปนสาเหตุหนึ่งท่ีจะทําใหผูหญิงตองเสียความ
บริสุทธิก์ อนวยั อนั ควร และมักไมค อยเตม็ ใจ ซ่ึงวยั รุน หญงิ จะตองระวังใหด ีในเร่อื งน้ี

1. พฤติกรรมที่เสี่ยงตอ การมเี พศสมั พนั ธ
วัยรุนเปน วยั ทเ่ี กดิ ความเปล่ียนแปลงและพัฒนาการอยางรวดเร็วในเร่ืองเพศ บางคน

จึงเกิดความสนใจในเพศตรงขา ม สนใจในเรือ่ งเพศ การจับคเู ปน คูรกั กัน การเกิดอารมณทางเพศ การ
ดูสอ่ื ลามก การมเี พศสมั พันธกับครู กั การมีสัมพนั ธก ับหญิงขายบรกิ ารทางเพศ หรอื การขายบรกิ ารทาง
เพศ

เม่อื เปน เชนนีผ้ ลเสยี ที่ตามมา ไดแ ก การมีเพศสัมพนั ธกอ นวัยอันควร ทําใหเกิดความ
วติ กกงั วล เสยี การเรยี นเพราะจะสนใจการเรียนนอยลง เกดิ การต้ังครรภที่ไมพึงประสงค การทําแทง
ปญ หาลูกไมมีพอ ทารกถกู ทอดทิง้ โรคติดตอทางเพศสมั พันธ โรคเอดส เปนตน

เหตุและผลดังกลาวขางตนนี้ มกั จะเรมิ่ จากตัวของวัยรนุ เองทีม่ ีพฤตกิ รรมเสยี่ งตอการ
มเี พศสมั พันธ ซง่ึ มีดงั นี้

1. สนใจเร่ืองเพศมาก ปกตวิ ัยรนุ กจ็ ะสนใจเรือ่ งเพศอยูแ ลว เพราะเปน ธรรมชาติของ
วัย แตถา หมกมุนกับเรอื่ งนม้ี ากเกินไป และโอกาสหรือสถานการณเอื้ออาํ นวยวยั รนุ อาจมีเพศสัมพนั ธ

61

โดยไมค ดิ ไมไ ดตัดสินใจหรอื ไมไดวางแผนลวงหนา คือปลอ ยใหเปนไปตามความตองการและอาจไม
คดิ ถึงผลกระทบท่จี ะเกดิ ขึ้นภายหลงั

2. มีความหมกมุนในเร่ืองเพศ มีวยั รุนจํานวนหน่ึงโดยเฉพาะวัยรนุ ชายทหี่ มกมุนใน
เรื่องเพศมากเกินไปอาจมีการสําเร็จความใครดวยตนเองบอยคร้ัง โดยไมพยายามหลีกเลี่ยง หรือ
พยายามจดั การกับอารมณท างเพศ ในผูห ญิงก็อาจมีบางแตไมมากเทาผูชาย บุคคลประเภทนี้มีความ
เสย่ี งตอ อาการมเี พศสมั พันธ

3. ชอบถูกเนื้อตองตัวเพศตรงขาม ผชู ายมักจะยินดีทไ่ี ดถ ูกเน้ือตองตัวผหู ญงิ หรอื ให
ผูหญิงมาถูกเน้อื ตองตัวตนเอง สว นผหู ญิงทคี่ ิดเชนเดยี วกบั ผูชายนก้ี ม็ บี าง การถูกเนื้อตองตวั กนั ทาํ ให
เกิดอารมณท างเพศได ถามโี อกาสหรอื สถานการณท ีเ่ อ้ืออาํ นวยกอ็ าจถึงข้นั การมเี พศสมั พนั ธกันได

เร่อื งน้ีมักจะพบเหน็ อยบู อยครง้ั ในหมูวัยรุนท่ีมักถือโอกาสถูกเนื้อตองตัวกัน ถาถูก
ผใู หญดุหรือเตือนก็จะบอกวา เปนเพ่อื นกนั ไมคดิ อะไร ถึงแมวาจะมบี างคนทไ่ี มไดค ดิ อะไรจรงิ ๆ แต
ก็ไมเหมาะสม เพราะจะถูกมองวาเปนหญิงสาวที่ไมรักนวลสงวนตัว ใหผูชายถูกเนื้อตองตัวงาย ๆ
ผูชายก็ไมเปนสุภาพบุรุษเพราะชอบหาเศษหาเลยดวยการถูกเนื้อตองตัวผูหญิง ดังน้ันนักเรียนควร
ปองกันและหลีกเล่ยี งไมใหเ กิดพฤตกิ รรมน้ี

4. คดิ วา การมเี พศสัมพันธไ มใ ชเรื่องเสยี หาย ไมว าชายหรอื หญิงที่คิดเชนนี้จะเปนผู
ทเ่ี สย่ี งตอการมเี พศสัมพันธมาก ผชู ายมกั จะคิดเชน น้ี ซ่ึงเปนนิสัยท่ีติดตัวของผูชายมาอยูแลว แตถา
ผูหญงิ คดิ เชนน้ีดว ยก็นับวา เปน การสนับสนุนใหผ ูชายสมหวงั ขนึ้ จนเปน เปนปญหาสําคัญปญ หาหนึ่ง
ในครอบครัวและสังคมไทย เพราะเปนความคิดที่นําไปสูการมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร ซึ่งจะ
กอ ใหเกิดปญ หาตามมามากมาย

5. ดูสอื่ ลามก ปจจุบนั นี้มสี ่อื ลามกขายกนั มากมายตามทองตลาด วัยรนุ หลายคนรูว า
แหลงซ้อื ขายอยทู ีใ่ ด การดูสื่อลามกประเภทน้ที าํ ใหผูด ูเกิดอารมณท างเพศ วยั รนุ เปน วัยท่ีอยากรอู ยาก
ลอง เม่ือดูแลวบางคร้ังอาจอยากทดลองทําตามคูพระนางในสื่อลามกนั้น ดังวัยรุนที่มีขาวลงหนา
หนังสือพมิ พวา ไปขม ขืนหรือไปมั่วสุมมเี พศสัมพันธกันแลวรับสารภาพวาทําตามอยางในส่ือลามกที่
เคยดู

6. เปนคนเจาชู คนเจาชูคนท่ีชอบมีคูรักหรือสามีภรรยามากกวา 1 คน หรือมีไป
เร่อื ย ๆ ตามความพอใจ วัยรุนท่ีเปนคนเจาชูจะมีใจกลาในเรื่องน้ี และขาดความรับผิดชอบในสิ่งท่ี
ตนเองกระทาํ ไมร ักใครจริง ถาเบื่อกพ็ รอมทจี่ ะทอดท้งิ บุคคลประเภทน้ีจะมีเพศสัมพันธงาย ๆ ไมคิด
อะไรมาก ผหู ญงิ เปน ฝา ยท่ีตองรับภาระในสิ่งที่ทัง้ คูไ ดก ระทาํ ลงไป เชน เปนฝา ยตงั้ ครรภอาจตอ งไป
ทําแทง หรอื ตองคลอดลูกแลว เลยี้ งลูกตามลําพัง เปน ตน จึงตอ งระวังคนเจา ชูและตองไมเ ปนคนเจา ชู

7. เคยมีประสบการณทางเพศมาแลว ไมวาจะเปนผูชายหรือผูหญิงที่เคยมี
ประสบการณในการมีเพศสัมพันธมาแลว ในครั้งตอ ๆ ไปมันจะไมคิดมาก ใจกลาข้ึน ไมกลัว
หรือไมก็ตดิ ใจในเพศรสจึงเปนมลู เหตทุ ่ีทาํ ใหเ กดิ ความเส่ยี งตอ การมเี พศสัมพันธซํา้ ไดอีก

62

8. เสพสารเสพติด ผูทีเ่ สพสารเสพตดิ จะเกิดอาการมนึ เมาเคลบิ เคลิม้ ขาดความรูสึก
ผดิ ชอบช่ัวดี ครองสติไมได จงึ มักทาํ อะไรลงไปแบบไมค ดิ อะไรมากหรืองง ๆ ไมคอยรูตัว ดังขาวที่
พบเหน็ บอย ๆ วา วยั รนุ ไปจดั ปารต้ยี าอี ยาบา หรอื ไมก็ไปดื่มแอลกอฮอล พอมึนเมาเสพสารเสพติด
หรือยอมมีเพศสมั พนั ธเ พ่อื แลกกบั สารเสพติดในกรณีที่ติดสารเสพตดิ แลว

9. ขาดความไตรตรอง บุคคลประเภทนี้มักไมคิดถึงผลที่จะตามมาหรือผลกระทบ
หลงั การมเี พศสมั พนั ธว าจะเปน อยางไร เปนคนแกปญหาเฉพาะหนาไปวันหน่ึง ไมคิดถึงอนาคตวา
เปน อยางไร ตัดสินใจโดยขาดสติ

10. อยากรอู ยากลอง วัยรนุ เปนวยั ทอ่ี ยากรอู ยากลองอยูแลว แตถาอยากรูอยากลอง
เรื่องเพศนน้ั นบั วาเปน อนั ตราย ปจ จัยที่กระตุนใหอยากรูอยากลองนอกจากจะมาจากตนเองแลว ยัง
อาจมาจากปจ จยั อน่ื ๆ เชน เพ่อื นชักชวน อา นหนังสอื ลามก
2. การหลกี เลีย่ งและปอ งกนั ตนเองจากสถานการณการเสีย่ งตอ การตั้งครรภโ ดยไมตัง้ ใจ

มผี ูห ญิงจาํ นวนไมน อยที่ตั้งครรภโดยไมตั้งใจ ทั้งน้ีเพราะไมคาดคิดมากอนวาจะมี
เพศสมั พนั ธกบั ผูชายซง่ึ อาจเปน ครู กั ของตนเอง เปนเพ่ือน คนแปลกหนา พอเลี้ยง หรือแมแตญาติ
ของตน และไมมีการปองกันการต้ังครรภแตอยางใด ดังน้ันผูหญิงควรเรียนรูถึงการหลีกเลี่ยงและ
ปองกนั ตนเองจากสถานการณเ ส่ียงตอ การตงั้ ครรภโ ดยไมต้งั ใจ ซ่ึงมีขอ แนะนาํ ดงั น้ี

1. ในกรณีเมือ่ อยกู บั คูรกั ของตนเอง ควรปฏิบตั ดิ ังนี้
1.1 ไมย อมใหคูร กั ไดส มั ผัส จบั มอื โอบกอด ถา ถูกกระทําเชน นี้ควรแสดงทาที

ไมพ อใจและปฏเิ สธการกระทําดังกลาวอยางจริงจัง มิฉะนั้นอาจนําไปสูการมีเพศสัมพันธเนื่องจาก
สภาพแวดลอมเหมาะสมและเปน ใจ

1.2 ไมอ ยใู นทีล่ บั ตาคนสองตอ สอง เพราะคูรกั อาจจะลวงเกินเราได และย่ิงเรา
มีใจชอบฝายชายดวยกอ็ าจจะยินยอมจนถึงข้นั มีเพศสมั พนั ธได

1.3 ไมไ ปเที่ยวกนั แบบคางคืน เพราะการคางคืนจะเปนการเปดโอกาสใหฝาย
ชายลว งละเมิดทางเพศได

1.4 ไมควรดูสอ่ื ลามกโดยเฉพาะกบั ครู กั เพราะจะทําใหท้ังสองฝายเกิดอารมณ
ทางเพศและนาํ ไปสกู ารมีพฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสม

1.5 การไปเทย่ี วในงานวันสําคญั ตาง ๆ เชน วันวาเลนไทน วันลอยกระทง วัน
ข้ึนปใหม ที่เปน การเท่ียวในเวลากลางคืน แลวจะไปตอกันในสถานที่ท่ีอาจจะมีเพศสัมพันธกันได
ดังนนั้ การไปเท่ียวกบั ครู ักในวันสําคัญดังกลา วควรระมดั ระวังตัวใหด ี ถา เราคดิ วาไมนาไววางใจก็ไม
ควรไปโดยหาทางปฏเิ สธอยา งนุม นวล

1.6 การไปเทยี่ วงานสงั สรรคห รอื ตามสถานบันเทิงกับคนรักควรระมัดระวังตัว
ดวย เพราะอาจด่มื เครอื่ งดม่ื ท่มี แี อลกอฮอลแลว ทาํ ใหมึนเมาไมรสู ึกตวั

63

1.7 อยาใจออนถาถูกขอที่จะมีเพศสัมพันธดวย อยาหลงคารมเขาเปนอันขาด
และไมต อ งกลัวเขาโกรธ รักษาความบริสุทธิ์ของเราดีกวา หากพลาดพลั้งไปแลวก็ควรระวังอยาให
เกิดขึน้ อีก

2. ในกรณีเมือ่ อยกู บั เพอ่ื นชาย ควรปฏบิ ัติดงั นี้
2.1 อยา ใหมาถูกเน้ือตองตัวโดยไมจําเปน เพราะถาวันใดท่ีเพ่ือนชายมีโอกาส

ผูห ญิงอาจพลาดทาเสียทีได
2.2 อยา ไวใ จใครมากนัก มีเพ่ือนหลายคนทห่ี ลอกพาเพอ่ื นไปขมขืน บางรายให

เพื่อนคนอ่นื ๆ ขม ขืนดวยตามที่มขี าวใหพบเหน็ อยูบอย ๆ
2.3 ไมไปเท่ียวแบบคา งคืน ถงึ แมจ ะไปเปนหมูคณะก็ตองระมดั ระวัง
2.4 การไปเทยี่ วตามสถานบันเทิงแลว กลบั ดึกอาจเปนอันตราย ถามีเพ่ือนอาสา

ไปสงบา นก็ควรระวัง เพราะอาจพาไปทอ่ี นื่ ได
3. ในกรณีเมอื่ อยูก ับคนแปลกหนา ควรปฏบิ ัติดังน้ี
3.1 อยาไวใจคนแปลกหนาเปน อนั ขาด เพราะยังไมรูจักนิสัยใจคอเขาดีพอ ถา

หลงเชื่ออาจถูกเขาหลอกได โดยเฉพาะถาพบกันในสถานบันเทิงเริงรมยเขาอาจจะมองเราวาเปน
ผูห ญิงท่ีรักสนุก คงจะมีเพศสมั พนั ธด ว ยไมยาก

3.2 ไมควรเดินทางไปในท่ีเปล่ียวยามคํ่าคืน เพราะมีผูหญิงถูกคนรายลักพาตัว
ไปขม ขืนมาหลายรายจนนบั ไมถว นแลว ในสถานการณเ ชน นี้

3.3 อยาเชอ่ื คนทรี่ จู ักกนั ทางอนิ เทอรเนต็ ถงึ แมจะคยุ กันจนเหมอื นรูจักกันดีแลวก็
ตาม เพราะยังไมเ คยเห็นหนา กนั กย็ ังคงเปน คนแปลกหนา อยดู ี หญงิ สาวหลายรายท่ีถูกคนทรี่ ูจักกันทาง
อนิ เทอรเนต็ หลอกไปขมขนื บางรายมกี ารถายรูปไวเพื่อขมขแู ละตอ รองเร่อื งอืน่ ๆอกี ดวย

4. ในกรณีเม่อื อยกู บั พอ เลยี้ งหรือญาติ ผูห ญงิ ทีถ่ ูกคนใกลชดิ ในครอบครัวขม ขืนนั้น
มมี าก และมักไมยอมบอกใคร บางรายถกู ขม ขืนมานานนับป บางคร้ังเกดิ การต้ังครรภ เพราะคนใน
ครอบครวั นนั้ ใกลช ิดเหน็ กันอยูทุกวันหรือพบกันบอย ไวใจกันมาก ในเร่ืองน้ีผูหญิงควรปฏิบัติตน
ดังนี้

4.1 ใหสังเกตการณสัมผัสของบุคคลเหลานั้นวา สัมผัสดวยความเอ็นดูแบบ
ลกู หลานหรอื แบบชสู าว ถา มีการสัมผัสนาน ลบู คลํา จับตองของสงวน ตองระมัดระวงั อยา เขาใกล

4.2 ควรนอนในหองทีม่ ิดชดิ ใสก ลอนหรือลอ็ คกุญแจใหเรียบรอ ย
4.3 ถา บุคคลเหลาน้ันมึนเมาอยาไวใจ เพราะทําใหขาดสติ และกระทําในส่ิงท่ี
ไมค าดคดิ ได
4.4 การแตงตวั อยูบาน การอาบน้ําตอ งกระทาํ อยา งมิดชิด อยาเปดเผยเรือนราง
มากนัก เพราะอาจเปน การยัว่ ยุอารมณทางเพศแกบุคคลเหลา นัน้ ได

64

4.5 ถาถกู บคุ คลเหลา น้ันลวนลามควรบอกใหค นในบา นทราบ หรือรองตะโกน
ใหผูอ่ืนชว ยเหลือ ไมต องอายเพราะเขาทาํ ไมถูกตอง

ขอควรคดิ เก่ียวกบั การมเี พศสมั พันธ
มีผูหญิงบางคนท่ีคิดวาการมีเพศสัมพันธเปนเร่ืองปกติไมใชเรื่องผิด ไมรับรูถึง
ขนบธรรมเนยี มและวฒั นธรรมไทย จงึ ควรตรวจสอบตนเองวา มคี วามรบั ผิดชอบตอตนเองและสังคม
เพยี งใด โดยตอบคาํ ถามเหลานใ้ี หไ ดเสียกอนทจ่ี ะคิดมเี พศสัมพันธ
1. ถายนิ ยอมมเี พศสัมพนั ธ เราจะยอมรับกับผลท่ีจะตามมาไดเพียงใด เชน คําครหา
ของคนในสงั คม ความกลวั คนอนื่ จะลวงรู การตัง้ ครรภ การถูกผชู ายทิ้งหลังจากไดเสียกันแลว การ
เสียความบรสิ ทุ ธไิ์ ปแลวผูช ายคนน้ีคอื คนทีจ่ ะเปนคชู วี ิตของเราหรือไม เปนตน

2. เมื่อเรายังไมพรอมท่ีจะมีลูกจะปองกันตนเองอยางไร รูวิธีปองกันการต้ังครรภ
เพียงใด เมอ่ื ปอ งกันแลว จะผิดพลาดไดห รือไม ถา พลาดมลี กู ขึน้ มาจะทําอยางไร ผูชายจะรับผิดชอบ
หรอื ไม ตนเองไมอบั อายคนอ่นื ๆ หรือถา จะตอ งไปทําแทง การทําแทง มอี ันตรายเพียงใด

3. การตั้งครรภท ีไ่ มพงึ ประสงคในวยั รนุ
การต้ังครรภท ไี่ มพงึ ประสงคในวัยรุน หมายถึง การตั้งครรภท่ีเกิดขึ้นในวัยรุนเพศ

หญงิ ซึ่งเปน ผลสบื เนื่องมาจากการมเี พศสมั พนั ธท เี่ กิดขน้ึ โดยไมไ ดต ัง้ ใจ โดยอาจมีสาเหตสุ ําคัญมาจาก
พฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสมของวยั รนุ หรอื อาจเกดิ จากการถกู ขมขืนกระทําชําเรา

3.1 ปญหาและผลกระทบของการตั้งครรภที่ไมพ ึงประสงคใ นวยั รนุ
ปญหาการตงั้ ครรภทีไ่ มพ งึ ประสงคผ ลกระทบทสี่ ําคัญ ดงั น้ี
1) สง ผลกระทบตอ วยั รนุ ทตี่ ัง้ ครรภโดยไมพึงประสงคโดยตรง ซึ่งผลกระทบ

ดงั กลาวสรา งปญหาท่ตี ิดตามมา เปนตนวา
ปญหาทางดานจิตใจและอารมณ วัยรุนท่ีมปี ญ หาการตั้งครรภท ี่ไมพึงประสงค

มกั มคี วามรสู ึกวา ตนเองทําผิด เกิดความละอายใจ และมีความคิดวาไมมีใครรักใครตองการอีก ซึ่ง
บางคนอาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมและรุนแรงข้ึน หรือบางคนอาจไมแสดงออกและ
มกั เกบ็ กดอยากทาํ ลายชีวิตตนเอง ฯลฯ ซงึ่ ภาวะทางจิตใจและอารมณของวัยรุนที่ต้ังครรภโดยไมพึง
ประสงคน ี้จะมมี ากหรอื นอ ยข้ึนอยูกบั การยอมรับและความเขาใจของคนในครอบครัว ถาครอบครัว
ยอมรับเขา ใจ และใหอภยั ปญหาทางดา นจติ ใจและอารมณก ็จะลดนอ ยลงได

ปญหาทางดานสุขภาพ ปญ หาท่ีมักพบ คอื ปญ หาโรคเอดสและโรคติดตอ
ทางเพศสัมพันธ การมีเพศสัมพันธโดยไมไดมีการปองกันและคุมกําเนิดยอมมีโอกาสใหวัยรุนเพศ
หญิงไดร บั เชอ้ื เอดส หรอื โรคติดตอ ทางเพศสัมพนั ธจ ากฝา ยชายในอตั ราเสี่ยงที่สูง ปญหาทางทําแทง

65

ซงึ่ มกั จะสงผลกระทบตอผูทําแทง ไดโ ดยเปน อันตรายตอชีวิต ซึ่งมักเกิดจากการตกเลือดหรือการติด
เชอ้ื อยางรนุ แรง นอกจากนน้ั ยังเปน อปุ สรรคตอ การมีบุตรในอนาคต แมก ารทําแทงจะผานพน ไป แต
การทาํ แทงอาจทําใหเ กดิ การอกั เสบเร้อื รงั ในโพรงมดลกู และทอ มดลูก เปนผลใหโพรงมดลูกและทอ
มดลูกตบี ตนั มดลกู ทะลหุ รืออักเสบอยางรุนแรงเพราะเคร่อื งมอื ทาํ แทง ทาํ ใหบางคนตองตัดมดลกู ทิ้ง
หรือการขยายปากมดลูกขณะทําแทงทําให ปากมดลูกฉีกขาด หูรูดของปากมดลูกหลวม เกิด
ภาวการณแทงบุตรไดงาย และยังสงผลใหมีปญหาสุขภาพที่ตอเนื่อง โดยเฉพาะมักจะพบวามีการ
อักเสบเรอ้ื รงั ในชองเชงิ กราน

2) สง ผลกระทบตอครอบครัวของวัยรุนท่ีตั้งครรภโดยไมพึงประสงค มัก
พบเสมอวาเม่อื วยั รุนเพศหญงิ ตงั้ ครรภโดยไมพึงประสงคขึ้น วัยรุนของเพศชายมักจะไมแสดงความ
รับผิดชอบตอส่ิงที่เกิดขึ้นภาระความผิดชอบจึงตกเปนของฝายหญิงและครอบครัวเพียงฝายเดียว ถา
ครอบครัวฝายหญิงมคี วามเขา ใจและใหอภัยตอความผิดพลาดที่เกิดข้ึน และครอบครัวยังพรอมท่ีจะ
รวมแกปญ หาการเลีย้ งดเู ด็กทีจ่ ะเกิดขน้ึ ได กจ็ ะชว ยลดปญหาทางดา นอารมณแ ละจิตใจของวัยรุนเพศ
หญงิ ลงได แตในทางตรงขาม หากครอบครัวของวัยรุนเพศหญิงไมสามารถยอมรับปญหาที่เกิดข้ึน
ดังกลาวกอ็ าจสงผลใหเกดิ ปญหาตา ง ๆ ตามมาได

3) สงผลกระทบตอสังคมและประเทศชาติ การตั้งครรภท่ีไมพึงประสงคของ
วัยรนุ ทาํ ใหเ กิดปญ หาทางสงั คมตาง ๆ ตามมาดังทีไ่ ดกลาวมาแลว นอกจากนี้ ประเทศชาตติ อ งสญู เสีย
งบประมาณบางสวนทีต่ องนาํ มาใชเพอื่ การบาํ บัดรักษา ดูแลสุขภาพของวัยรนุ เพศหญิงท่ตี งั้ ครรภโดยไม
พงึ ประสงค ตองจัดงบประมาณในการเลีย้ งดปู ระชากรสว นหนง่ึ ท่ีเกดิ จากผลพวงของปญหาดงั กลา ว

3.2 การปองกันการตง้ั ครรภท ไ่ี มพ ึงประสงคใ นวัยรนุ
การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี

1) ตองรูจักหลีกเล่ียงสถานการณที่เอื้ออํานวยใหเกิดการมีเพศสัมพันธ มัก
พบวา การมีเพศสมั พันธท ไี่ มไ ดตัง้ ใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศที่เอื้อใหเกิด
โอกาสตอการมีเพศสมั พนั ธ เชน การอยูตามลําพังสองตอสองในท่ีลับตาคน หรือการเขารวมในกิจกรรม
พบปะสงั สรรคทมี่ ีการดมื่ เคร่ืองผสมแอลกอฮอล เปน ตน

2) ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพื่อแกไขสถานการณเส่ียงตอการมี
เพศสัมพันธ วิธกี ารหลกี เล่ยี งและแกไขสถานการณด งั กลาว ฝา ยหญงิ ตองนาํ ทกั ษะการปฏิเสธไปใช ซ่ึง
การปฏิเสธของฝายหญิงจะเปนสญั ญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสม
ออกมา แนวทางในการใชค าํ พดู ทเี่ ปน ทกั ษะของการปฏิเสธ มหี ลายขอ ความ เชน “หยุดนะ อยาทํา
แบบน”ี้ ฉนั ไมช อบหยดุ นะ” “อยา นะ ฉันจะตะโกนใหล ั่นเลย” “คุณไมมีสิทธ์ิท่ีจะทําแบบนี้” และ
อืน่ ๆ ตามความเหมาะสมซงึ่ คาํ พูดท่เี ปน ทักษะในการปฏิเสธมกั จะมีคําวา “ไม” “อยา ” หรือ “หยดุ ”

66

3) ตองรูจักใหเ กยี รตซิ ึ่งกันและกัน การท่ีฝายหญิงและฝายชายนําหลักความ
เสมอภาคทางเพศ และการวางตัวทเ่ี หมาะสมตอเพศตรงขามมาใช ถือวาเปนการใหเกียรติซ่ึงกันและ
กนั ซ่ึงจะชวยปองกันอารมณในขณะพบปะพูดคยุ กันไมใหพ ฒั นาไปสคู วามตองการทางเพศได

4) ตองระมดั ระวังในเรื่องการแตงกาย ปจจบุ ันรปู แบบการแตงกายของวัยรุน
โดยเฉพาะวัยรนุ เพศหญงิ มักนยิ มสวมเสอื้ ผา ทร่ี ัดรปู หรอื นอ ยช้ืนเกินไป ซ่ึงการแตงกายดังกลาวจะทํา
ใหเห็นรูปรางสัดสวนชัดเจนขึ้น การแตงกายในลักษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิด
อารมณและขาดความ
ยง้ั คดิ อาจนําไปสกู ารแสดงพฤตกิ รรมการลวงละเมิดทางเพศท่ีเปนอันตราย จนถึงการตั้งครรภท่ีไม
พงึ ประสงคในเพศหญงิ ได

5) ควรหลกี เลยี่ งการเดนิ ทางตามลาํ พังในยามวกิ าลหรือในเสนทางท่ีเปล่ียว
จากสถติ ขิ องวัยรุนเพศหญิงพบวา อันตรายที่ไดรับจากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือใน
เสนทางท่ีเปล่ียวผูคนสัญจรนอย ดังนั้น วิธีการปองกันท่ีดีที่สุดหากจําเปนจะตองเดินทางใน
สถานการณดังกลา ว ควรจะมีเพอื่ นหรือญาตริ ว มเดินทางไปดว ยเพ่อื ปองกันอนั ตรายทอี่ าจเกิดข้นึ

4. ความรเู บ้ืองตองเกีย่ วกบั กฎหมายคมุ ครองสทิ ธผิ ถู กู ลวงละเมิดทางเพศ
กฎหมายไดระบฐุ านความผิดเก่ียวกบั การถกู ลวงละเมดิ ทางเพศไว 2 ลกั ษณะ ดังนี้
4.1 ความผดิ ฐานขมขนื กระทาํ ชําเรา
ผูท่ีขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาตน โดย

เด็กหญิงนัน้ จะยนิ ยอมหรอื ไมก ็ตาม ตองระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แต 4-20 ป และปรบั ตั้งแต 8,000-40,000
บาท (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคหน่งึ )

ถาการกระทําความผิดตามวรรคแรก เปนการกระทําแกเด็กหญิงอายุไมเกิน
13 ป ตองระวางโทษจําคกุ ตั้งแต 7 ป ถงึ 20 ป และปรับต้ังแต 14,000-40,000 บาท หรือจําคุกตลอด
ชวี ติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง)

ถาการกระทําผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยรวมกระทํา
ความผิดดว ยกนั อนั มีลกั ษณะเปนการโทรมเด็กหญิง (คือรวมกันกระทําความผิดต้ังแต 2 คนข้ึนไป) โดย
เด็กหญงิ นั้นไมยินยอม หรือไดกระทําโดยมีอาวุธ เชน อาวุธปน หรือวัตถุระเบิด หรือโดยการใช
อาวุธอ่ืน ๆ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม)

แตม ขี อยกเวน คอื ถา การกระทาํ ดงั กลาวขางตนเปนการกระทําที่ชายกระทํา
กับเดก็ หญงิ อายมุ ากกวา 13 ป แตไ มเกิน 15 ป โดยเด็กหญิงน้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให
สมรสกัน ผกู ระทําผดิ ไมตองรบั โทษ และถาศาลอนุญาตใหสมรสกันในระหวางท่ีผูกระทําผิดกําลัง

67

รบั โทษในความผดิ นนั้ อยู ศาลตอ งสัง่ ปลอยผูกระทําความผิดนั้นไป (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา
277 วรรคส่ี)

ถา เปน การกระทาํ ชาํ เราเด็กหญงิ อายยุ ังไมเกิน 15 ป ซ่ึงมิใชภรรยาของตน โดย
เด็กหญิงน้ันจะยินยอมหรือไมก็ตาม หรือเปนการกระทําแกเด็กอายุไมกิน 13 ป แลวเปนเหตุให
เดก็ หญงิ ไดรบั อันตรายสาหัส เชน ไดรับบาดเจ็บสาหสั ผูกระทาํ ตองระวางโทษต้งั แต 15 ป ถึง 20 ป
และปรับต้ังแต 30,000-40,000 บาท หรือจาํ คกุ ตลอดชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (1) )
และหากเดก็ น้นั ถึงแกความตาย ผูก ระทําตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จําคุกตลอดชวี ติ (ประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (2) )

หากการกระทาํ ชาํ เราเด็กหญิงอายุยังไมเกิน 3 ป หรือการกระทําแกเด็กหญิง
อายยุ ังไมเกิน 15 ป ดังกลา วขางตน ไดรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการโทรมหญิง
หรือกระทาํ โดยมีอาวุธปน หรอื วัตถุระเบิดหรือโดยการใชอาวุธ และเปนเหตุใหเด็กหญิงผูถูกระทํา
ไดรบั อนั ตรายสาหัส ผูกระทาํ ตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จําคกุ ตลอดชวี ิต และหากเด็กหญิงที่
ถูกกระทําถงึ แกค วามตาย ผูก ระทําตองไดรับโทษประหารชีวิต และหากเด็กหญิงที่ถูกกระทําถึงแก
ความตาย ผูกระทําตอ งไดร ับโทษประหารชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตรี)

4.2 ความผิดฐานกระทําอนาจารตอเด็ก
ผทู ีก่ ระทาํ อนาจารแกบ ุคคลอายุตํา่ กวา 15 ป โดยขเู ข็ญดวยประการใด ๆ โดย

ใชก าํ ลงั ประทษุ ราย โดยบุคคลนั้นอยูในภาวะท่ีไมสามารถขัดขืนได หรือโดยทําใหบุคคลน้ันเขาใจ
ผดิ วาตนเปน บคุ คลอืน่ ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ 10 ป หรือปรับไมเกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําท้ัง
ปรบั (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหน่งึ )

ถา การกระทาํ อนาจารนนั้ กระทาํ ตอ เดก็ อายุไมเ กนิ 15 ป และผกู ระทําผดิ ได
กระทาํ โดยการขเู ขญ็ ดวยประการใด ๆ โดยใชกาํ ลังประทุษราย โดยบคุ คลนัน้ อยูในภาวะทไ่ี มสามารถ
ขัดขนื ได หรอื โดยทําใหบ ุคคลน้นั เขา ใจผิดวาตนเปนบุคคลอ่ืน มีโทษหนักคือ ผูกระทําตองระวาง
โทษจําคุกไมเกิน 15 ป หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรือทั้งจําท้ังปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 279 วรรคสอง) หากการกระทําดังกลาวขางตน เปนเหตุใหผูถูกกระทําไดรับอันตรายสาหัส
ผกู ระทาํ อนาจารตองระวางโทษจําคุกตั้งแต 5 ป ถึง 20 ป และปรับตั้งแต 10,000-40,000 บาท และ
หากผูถกู กระทําถึงแกค วามตาย ผกู ระทําตอ งระวางโทษประหารชีวติ หรือจาํ คุกตลอดชีวิต (ประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 280)

การขม ขนื กระทําชําเราผเู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกเด็กอายุไมเกิน 15 ป
โดยเดก็ นัน้ จะยินยอมหรอื ไมก ต็ าม เปน ความผิดอาญาแผนดนิ ไมสามารถยอมความกนั ได

68

แตถาเปนการขมขืนกระทําชําเราหญิงท่ีมิใชภรรยาตน โดยเด็กหญิงน้ัน
ไมใ ชผ เู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกบ ุคคลอายตุ ํ่ากวา 15 ป ท้ังสองกรณีนี้ ถามิไดกระทําตอหนา
ธารกํานลั คอื ในท่เี ปด เผย
และไมเ ปน สาเหตใุ หผ ถู ูกกระทาํ ไดรับอันตรายสาหสั หรือถึงแกความตาย หรือมิไดเ ปน การกระทําแก
ผูส ืบสันดาน คอื ลูก หลาน เหลนของตนเอง มใิ ชเ ปน การกระทําตอ ศิษยซ่ึงอยใู นความดูแล มิใชเปน
การกระทําตอผูอ ยใู นความควบคุมตามหนาท่รี าชการ หรือมใิ ชเ ปนการกระทําตอผูอยูในความพิทักษ
หรอื ในความอนุบาล กรณีท้ังหมดที่กลาวมาเปนความผิดอันยอมความได คือเปนกรณีที่ผูเสียหาย
หรือผูถกู กระทาํ และผกู ระทําความผิดตกลงหรือสมัครใจไมเอาความตอกัน ก็เปนอันเลิกแลวตอกัน
(ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281)

กจิ กรรม

1. สรีระรา งกายทีเ่ กยี่ วขอ งกับการสบื พันธขุ องเพศหญิงและเพศชาย มีอะไรบาง จงอธิบายพอสังเขป
เพศหญิง________________________________________________________________

______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________

เพศชาย________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________

2. เขียนสรปุ เก่ียวกับการเปล่ยี นแปลงเพ่ือเขา สวู ัยหนมุ สาว
เพศหญิง________________________________________________________________

______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________

69

______________________________________________________________________________
เพศชาย________________________________________________________________

______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________

3. วธิ กี ารหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมทีน่ ําไปสูก ารมีเพศสัมพนั ธก อนวัยอนั ควรมอี ะไรบาง
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________

เรอ่ื งที่ 4 สุขภาพทางเพศ

“ความสขุ ”เปน สิง่ ทม่ี นุษยทกุ คนตองการไมเคยถูกจํากดั ดวยเพศ วัย ชนชาติ
“สขุ ภาวะทางเพศ”กเ็ ปนเร่ืองท่ที กุ คนลวนตอ งการเชน กัน

แผนงานสรางเสริมภาวะทางเพศ โดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ
(สส.)และมูลนธิ สิ รา งความเขาใจเร่ืองสุขภาพผูหญิง (สคส.)ไดดําเนินงานผลักดันวาระการสรางสุข
ภาวะทางเพศขน้ึ อยา งตอ เนอื่ ง เพราะสขุ ภาวะทางเพศไมไ ดมีความหมายแคบๆแคเรื่องเพศสัมพันธแต
มีความหมายลึกซึง้ และมติ ทิ ่ีกวา งกวา นนั้

เร่ืองเพศจึงไมใชแคเรื่องของเนื้อตัวรางกายแตยังหมายถึงความรับผิดชอบการดูแลสุขภาพ
รางกายการสรางความสัมพันธท่ีดีระหวางกันการเคารพสิทธิกันและกันและความเทาเทียม เพราะ
สงั คมน้นั มีความหลากหลายทางเพศมากวา แคห ญงิ หรือชาย

ผทู ม่ี สี ขุ ภาวะทางเพศทดี่ ีกจ็ ะปฏิบตั ติ อคนทีม่ ีวถิ ที างเพศแตกตา งจากตัวเองดวยความเคารพไม
วา จะเปน สาวประเภทสองหรือหญิงรักหญิงชายรักชาย หรือผูที่รักสองเพศและยังปฏิบัติกับเพ่ือคูรัก
หรือชายทสี่ ําคัญคือมคี วามรับผิดชอบตอสังคมและตนเองในเรอื่ งการมเี พศสมั พันธท ่ีปลอดภัย

สงั คมจาํ เปนตอ งลบความคิดทางลบวาเรอื่ งเพศเปนเร่ืองเพศเปนเรื่องสกปรก อันตรายที่ตอง
หลกี ใหห า งแตความจริงเราจําเปนตอ งศึกษาเรียนรูใ หเขา ใจเพราะเรอื่ งเพศเปน สิ่งท่สี ามารถแสดงออก
อยา งอสิ ระมคี วามสุขบนพน้ื ฐานของความปลอดภัยเพ่ือดาํ เนนิ ชีวติ ไดอยางเปน สขุ

70

แผนงานสรางเสรมิ สุขภาวะทางเพศไดจ ัดทําความรูส ุขภาวะทางเพศในแตละชวงวัยไวเพราะ
แตล ะชว งวยั กจ็ ะมีความสนใจและความตอ งการตา งกนั

ในวยั เดก็ เปน ชว งเวลาแหง การสรา งพน้ื ฐานสุขภาวะทางเพศท่ดี ีได เด็กเล็ก อายุ 5-8 ป เริ่มรบั รู
ไดถงึ บทบาททางเพศวาสังคมสรางใหหญงิ ชายมีความแตกตางกนั ดว ยกจิ กรรม ดว ยการกําหนดกรอบ
กฎเกณฑต า งๆทีช่ ายทาํ ได หญงิ ทาํ ไมได หญงิ ทําได ชายทาํ ไมไ ด ซงึ่ ขดั ขวางพฒั นาการและสรา งความ
เขา ใจผดิ ๆใหเ ดก็

วันแรกรุน อายุ 9-12 เปนชว งวัยท่ีตองเตรียมความพรอมเพ่ือกาวเขาสูวัยรุน ซึ่งชวงน้ีเปนวัย
แหง การเปล่ยี นแปลงการไดร บั ขอ มูลทถี่ กู ตองและพรอ มใช จงึ เปน สงิ่ ทท่ี ําใหเ ด็กมภี ูมิคุมกันท่ีจะเขาสู
วัยรุนไดอยางสวยงามจําเปนตองเขาใจและอธิบายถึงการเปล่ียนแปลงนั้นและเปดโอกาสใหเด็ก
รบั ผิดชอบในครอบครวั ใหเ ดก็ ไดต ดั สินใจดวยตัวเองและรบั ผดิ ชอบผลท่ีจะตามมาไมใชตดั สนิ ใจแทน
ทุกอยาง

เดก็ วยั น่เี ริ่มจะมกี ารเปล่ยี นแปลงทางอารมณ และความรูสึกทางเพศ ไมใชเร่ืองผิดแตการให
ขอ มลู และความรูทีถ่ กู ตองเปนสง่ิ จําเปน การตอบคาํ ถามแบบตรงไปตรงมา เปดโอกาสใหเ ด็กไดเรียนรู
ในสิ่งทเี่ หมาะท่คี วรเปนเรอ่ื งทคี่ วรสง เสรมิ

เมอ่ื กาวเขาสูวัยรนุ ชว งอายุ 13-18 ป ชว งแหง การเปลยี่ นแปลงในทุก ๆ ดา น จําเปนตองไดรับ
ขอ มูลเร่ืองเพศอยา งถกู ตองและรอบดา น เพ่อื ใหเ ทาทันการเปล่ียนแปลงของตัวเอง ท้ังดานกายใจและ
อารมณ

จาํ เปนตอ งสรา งทักษะของเพศสมั พนั ธที่ปลอดภัยรว มไปกับความรับผิดชอบเพื่อใหสามารถ
แยกแยะไดวาเซก็ สไ มใ ชแ คเรอื่ งสนุกแตม ีผลทจ่ี ะตามมาอีกมากมาย การใหความรูอ ยางตรงไปตรงมา
ไมท าํ ใหเรอ่ื งเซก็ สเ ปน ความผดิ ละอาย ทําใหเกิดเพศสมั พนั ธท่ปี ลอดภัยและมคี วามรับผดิ ชอบขึน้ ได

ผูใหญจําเปนตองเขาใจกระบวนการเรียนรูของมนุษยวาตองใชเวลาในการส่ังสมความรู
ประสบการณความภูมิใจในตัวเองจึงสามารถมีเพศสัมพันธที่มีความสัมพันธที่มีความปลอดภัยและ
เปน สุขได “การใหข อ มูลไมไดเปน การช้ีโพรงใหกระรอก แตเปนการสรางความเขาใจและทักษะใน
ชวี ิตใหเ ดก็ สามารถเตบิ โตเปนผูใหญท่เี ขาใจและมคี วามรับผดิ ชอบได
วิธีการปฏบิ ัติเพอ่ื การมสี ุขภาพทางเพศท่ดี ี ควรคํานงึ ถงึ

การมเี พศสัมพนั ธที่ปลอดภยั โดยไมเปลี่ยนคูหรือมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชสามีภรรยา
ของตน ถาคดิ จะมีเพศสัมพันธกับบุคคลที่ไมใชคูของตนควรปองกันความไมปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น
โดยใชถงุ ยางอนามยั

เนนการรักษาความสะอาดสวนบุคคล เมอื่ มีเพศสมั พันธแลวควรตองรีบทําความสะอาดสวน
บคุ คลไมหมกั หมม เพราะจะทาํ ใหเ กดิ เชอ้ื โรคซึ่งเปนตน เหตขุ องอาการคนั จนลกุ ลามเปน โรคที่อวัยวะ
เพศได

71

ควรมีเพศสมั พนั ธแบบธรรมชาติ ไมผิดธรรมชาติของคนปกติ เชน การใชว ัตถุแปลกปลอมใน
การรวมเพศ การรว มเพศโดยใชว ตั ถเุ ลยี นแบบธรรมชาตเิ ชน ตุก ตายาง ใหคํานงึ ถึงความปลอดภยั

การคมุ กาํ เนดิ
เปน สวนหนงึ่ ของการวางแผนครอบครวั ในเร่อื งระยะทพ่ี รอมจะมบี ุตรเม่อื ใดคํานวณบตุ รทจี่ ะ
มีก่ีคน หรือระยะหางของการมีบุตรเวนนานเทาใด ท้ังน้ีเพื่อใหเหมาะสมกับความพรอมและความ
ตอ งการของคูส มรส การคุมกาํ เนิดเปนวธิ กี ารปฏบิ ัตเิ พ่ือปอ งกันการต้ังครรภ
การวางแผนครอบครัวและการคมุ กําเนดิ
การวางแผนครอบครัวและการคุมกําเนิด (Family Planning and Birth Control) คือการที่ คู
สมรสวางแผนในเร่ืองการมีบุตรวาจะมีบุตรเมื่อใด จะมีบุตรกี่คน แตละคนจะเวนนานเทาใดท้ังน้ี
เพอื่ ใหเหมาะสมกบั ความพรอมและความตองการของคสู มรส สวนการคุมกําเนิดน้ันเปนวิธีการเพื่อมิ
ใหเกดิ การตง้ั ครรภซ ่งึ มีอยหู ลายวธิ ี
1.การใชถงุ ยางอนามยั (Condom) ถุงยางอนามยั มลี ักษณะเปนถุงท่ที าํ ดวยยางบางๆยดื ได ใช
สวมอวยั วะเพศชายขณะทแ่ี ข็งตัวพรอ มท่จี ะรวมเพศ การใชถ ุงยางอนามัยเปนการปอ งกนั ไมใ หต วั อสจุ ิ
เขา ไปในโพรงมดลกู ผสมกับไขข องฝา ยหญิงได เพราะถูกถงุ ยางปองกนั ไว ตวั อสจุ แิ ละนํ้าอสุจจิ ะอยู
ในถงุ ยางอนามยั เมือ่ ใชเสรจ็ แลว จะถอดออกใหใ ชกระดาษชําระจบั ขอบถุงยางใหก ระชบั อวัยวะเพศ
กอ นแลว จึงถอดถุงยางออกแลว นําไปทิง้ ถังขยะมกี ารผลิตถงุ ยางอนามัยสําหรับผหู ญิงใชเ หมอื นกนั
ขนาดใหญก วา ถุงยางอนามยั ท่ีผูชายใชแตไ มคอ ยไดร ับความนิยม

2.การรับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด(Contraceptive Pill) ยาเม็ดคุมกําเนิดจะประกอบดวย
ฮอรโมนสังเคราะห 2 ชนดิ คอื เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน ซึ่งจะออกฤทธ์ิคลายกับฮอรโมนที่มีอยู
ตามธรรมชาตใิ นรา งกายของผหู ญิง และสรา งกลไกตา งๆ ในรา งกายเพือ่ ที่จะปองกันการตั้งครรภดวย
การปองกันไมใ หไขส กุ และยบั ยงั้ การตกไข ตลอดจนทําใหม ูกบริเวณ ปากมดลกู เหนียวขนจนตวั อสุจิ
จะผานเขาสูโพรงมดลูกไดยาก แตถากลไกทั้ง 2 ประการน้ีไมไดผล มันจะเปล่ียนแปลงเยื่อบุโพรง
มดลกู ไมใ หเ หมาะสมสําหรับการฝงตัวของไขท่ีถูกผสมแลว ยาเม็ดคุมกําเนิดที่ใชอยูทั่วไปมี 3 แบบ
คอื

2.1 แบบ 21 เมด็ ยาเม็ดในแผงจะประกอบดว ยฮอรโ มนทัง้ หมด การเร่มิ รบั ประทานยาเม็ดแรก
ใหเ ร่ิมตรงกับวันของสปั ดาหท ี่ระบแุ ผงยา เชน ประจําเดือนมาวันแรกคือวันศุกรก็เร่ิมกินที่ “ศ” หรือ
วันศกุ ร โดยรับประทานวนั ละ 1 เม็ดเปน ประจําทุกวนั ตามลกู ศรชจี้ นหมดแผง หลังจากน้ันใหหยุดใช
ยา 7 วนั เมือ่ หยุดยาไปประมาณ 2-3 วนั ก็จะมเี ลอื ดประจาํ เดือนมาและเมอ่ื หยุดจนครบ 7 วันแลวไมวา
เลือดประจาํ เดือนจะหมดหรอื ไมก ต็ ามใหเรมิ่ แผงใหมทันที

72

2.2 แบบ 28 เมด็ ยาเมด็ ในแผงหน่ึงจะประกอบดว ยฮอรโมน 21 เม็ด และสวนทีไ่ มใชฮ อรโ มน
อีก 7 เม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กหรือใหญกวา 21 เม็ดแรก การเริ่มรับประทานยาแผงแรกใหเร่ิม
รับประทานยาในวันแรกทป่ี ระจําเดอื นมา โดยรับประทานยาเม็ดแรกในสวนทีร่ ะบุวาเปนจุดเร่ิมตน 1
แลว รบั ประทานทุกวนั ตามลกู ศรชจ้ี นหมดแผง โดยเมื่อรบั ประทานหมดแผงแลว ใหรบั ประทานยาแผง
ใหมตอไปเลยทันทีไมวาประจําเดือนจะหมดหรือยังก็ตาม วิธีรับประทานแบบ 28 เม็ดจะคอนขาง
สะดวกกวาแบบ 21 เมด็ ที่ไมตอ จดจําวนั ท่ตี องหยุดยา

ถาลมื รบั ประทาน 1 เมด็ ใหร ับประทานทนั ทีเมื่อนึกได และรับประทานเม็ดตอ ไปเวลาเดิม ถา
ลมื รับประทาน 2 เม็ด ใหร ับประทานยาวนั ละ 2 เม็ด ติดตอกันไปเปนเวลา 2 วันโดยแบงรับประทาน
ตอนเชา 1 เม็ด ตอนเยน็ 1 เม็ด และใชว ธิ กี ารคมุ กาํ เนิดแบบอ่นื รวมดวย เชนใชถ งุ ยางอนามัยเปนเวลา 7
วนั ถา ลมื รับประทาน 3 เม็ดขึน้ ไป ควรหยุดยาและรอใหเ ลือดประจําเดือนมากอ นแลวคอยเริ่มแผงใหม
และใชวิธีการคุมกําเนิดแบบอนื่ รวมดว ย

2.3 แบบรบั ประทานหลังรว มเพศภายใน 24 ชั่วโมง แตเดือนหน่งึ ไมควรใชเกิน4 คร้ัง ยาน้ีใช
กินทันทหี รอื ภายใน 24 ช่วั โมงหลงั รวมเพศ และควรกนิ ยาอีกหน่ึงเม็ดในเวลา 12 ชว งโมงตอ มายาเม็ด
นี้มกั มปี ริมาณของฮอรโมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง การใชยาชนิดนี้ใหผลเสียมากกวาผลดี พบวา
เปน อาการขา งเคียง คือ คล่นื ไส อาเจียน มีเลอื ดออกมากกวา ปกติ และทําใหทอ นําไขเ คลื่อนไหวชา อนั
เปน เหตทุ ําใหเกิดทอ งนอกมดลูกได

3.การฝงยาเม็ดคุมกาํ เนดิ ใตผวิ หนงั ยาประเภทน้ีมีสวนประกอบของเอสโตรเจนสูงมีฤทธ์ิทํา
ใหไขทีผสมแลวไมสามารถฝงตัวไดในผนังมดลูก เปนยาเม็ดคุมกําเนิดชนิดฝงไวใตผิวหนังบริเวณ
ดานใตท องแขนของฝา ยหญงิ มีลกั ษณะเปนแคปซูลเลก็ ๆ 6 อัน ยาจะซมึ จากแคปซลู เขาสูรางกายอยาง
สม่ําเสมอ สามารถคุมกําเนิดไดนานถึง 5 ป ตัวยาที่ใสในแคปซูลเปนชนิดเดียวกับ ยาเม็ดคุมกําเนิด
แบบ 21 เม็ด

4.การใสหวงอนามัย (Iucd :: Intra Uterine Contraceptive Device) ใชโดยการใสหวง
อนามัยไวในโพรงมดลูก ซึ่งแพทยจะเปนผูใสหวงให สามารถคุมกําเนิดได 3-5 ป แลวจึงมาเปลี่ยน
ใหมแตก ็มบี างชนดิ ที่ตองเปล่ียนทุกๆ 2 ป วิธีน้ีไมเ หมาะสําหรบั ผูหญงิ ท่ียงั ไมเ คยมบี ตุ ร

5.การฉดี ยาคมุ กําเนดิ ใชก บั ผูหญิงฉดี ครงั้ หนงึ่ ปอ งกันไดนาน 3 เดอื น อาจมีขอเสียอยูบางคือ
เมอื่ ตองการมีบุตรอาจตองใชเวลานานกวาจะต้ังครรภ และไมเหมาะสําหรับผูท่ีมีประจําเดือนมาไม
สม่าํ เสมอ

73

6.การนบั ระยะปลอดภัย (Count safe Period) คือนับวันกอนประจําเดือนมา 7 วัน และหลัง
ประจําเดอื นมา 7 วนั เพราะไขยังไมส กุ และเย่ือบุโพรงมดลูกกําลังเปล่ียนแปลง แตถาประจําเดือนมา
ไมแ นน อน การคมุ กาํ เนิดวิธีน้ีอาจผดิ พลาดได

7.การหล่งั อสุจภิ ายนอก คอื การหลัง่ น้ําอสจุ อิ อกมานอกชอ งคลอด แตก็อาจมีนํ้าอสุจิบางสวน
เขา ไปในชองคลอดได วธิ นี ี้จงึ มโี อกาสต้ังครรภไดสูง

8. การผาตดั ทําหมนั เปนการคมุ กาํ เนิดแบบถาวร ดังนัน้ ผูท่ีคดิ จะทําหมันจะตองแนใจแลววา
จะไมม ีบตุ รอีก ซงึ่ สามารถทําไดท งั้ ผูหญงิ และผูช าย

8.1 การทาํ หมันชาย ทําโดยแพทยใชเวลาประมาณ 10 นาที โดยการใหผ ูท ี่จะทําหมันนอนบน
เตียงผาตัด มีมานก้ันมิใหเห็นขณะท่ีแพทยกําลังผาตัดเจาหนาที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศออก
เลก็ นอ ยแลว แพทยจ ะฉดี ยาชาเฉพาะที่ แลวจึงเจาะถุงอัณฑะเพื่อผูกทอ อสุจโิ ดยไมต อ งเย็บ หามแผลถูก
น้าํ 3 วนั หลงั ทําหมนั ชายแลวจะตองคมุ กําเนิดแบบอ่ืนไปกอนฝายชายจะหล่ังน้าํ อสุจิประมาณ 15 ครัง้
แลวนํา้ อสุจคิ ร้ังท่ี 15 หรือมากกวาไปใหแพทยตรวจวายังมีตัวอสุจิหรือไม ถาแพทยตรวจวาไมมีตัว
อสจุ ิแลว กส็ ามารถมเี พศสมั พนั ธไ ดโ ดยไมต องใชก ารคุมกําเนิดแบบอนื่ อกี ตอไปเลย

8.2 การทาํ หมันหญงิ แบงออกเปน 2 แบบคอื
1.การทาํ หมนั เปย ก คอื การทําหมันหลังคลอดบตุ รใหมๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะ

จะทําไดงายเนื่องจากมดลูกยังมีขนาดใหญและลอดตัวสูง โดยขอบบนอยูสูงเกือบถึงสะดือวิธีน้ีจะ
ผาตัดทางหนาทอง

2.การทําหมนั แหง คอื การทาํ หมนั ในระยะปกตขิ ณะทีไ่ มมีการต้ังครรภหรือหลังการ
คลอดบตุ รมานานแลว มดลูกจะมีขนาดปกตแิ ละอยลู กึ ลงไปในองุ เชิงกราน การทําหมันแหงอาจทําได
หลายวิธี เชน ผา ตัดทางดานหนาทอ ง ผาตัดทางชอ งคลอด โดยใชเคร่อื งมือตางๆที่ทันสมัยชวยการไป
รับบริการทําหมันนี้สามารถไปรบั บรกิ ารไดใ นหลายหนวยงานทใ่ี หบรกิ ารทางดานสาธารณสขุ ทง้ั ของ
ภาครัฐและเอกชน เชน โรงพยาบาลตางๆ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมวางแผน
ครอบครวั แหง ประเทศไทย สมาคมทําหมันแหงประเทศไทย เปนตน

9.การคุมกาํ เนิดดวยยาเม็ดคุมกําเนิดฉุกเฉิน เปนการปองกันการตั้งครรภเฉพาะฉุกเฉินเชน
การมีเพศสัมพนั ธโดยไมไ ดใชการปองกันวธิ ีอื่นมากอ น ใชถุงยางอนามัยเสร็จแลวไมแนใจวารั่วหรือ
แตก ลมื กนิ ยาแบบประจาํ วันติดตอกันสองวัน ใสหวงอนามัยแตหวงหลุด มีเพศสัมพันธในชวงที่ไม
ปลอดภัย กรณีถกู ขมขนื ซง่ึ องคก รอนามัยโลกไดใหการรับรองวาการกินยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน
เปน วิธที ป่ี ลอดภยั และมีประสิทธภิ าพในการปองกนั การต้งั ครรภไดระดบั หน่งึ

74

ยาเม็ดคมุ กําเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพสูงก็ตอเม่ือ มีการนํามาใชตามขอบงช้ีท่ีกําหนดไว
และใชเ ทา ท่ีจําเปน เทานน้ั สาํ หรบั ผลขา งเคยี งที่เกิดข้ึนบอย คอื การมีรอบระดูผดิ ปกติ คลื่นไสอาเจียน
แตห ากใชบอ ยและตอเนอ่ื งมโี อกาสตัง้ ครรภน อกมดลกู ได

การทาํ แทง
การทําแทง หมายถึง การทําใหการตั้งครรภส้ินสุดกอนอายุครรภ 28 สัปดาหสําหรับใน
ประเทศไทยการทาํ แทง ยังไมเปน เรอื่ งท่ผี ิดกฎหมายไมวา จะกระทาํ โดยแพทยปรญิ ญาหรอื หมอเถ่ือนก็
ตาม กฎหมายจะอนุญาตใหทําแทงได 2 กรณี คือ กรณีถูกขมขืนและกรณีต้ังครรภน้ันเปนอัตราตอ
สุขภาพของมารดาและทารกในครรภ เทาน้ัน
เม่ือเกิดการต้ังครรภไมพ่ึงประสงคเด็กวัยรุนจะเกิดความกังวลจากความไมพรอมที่จะเปน
ผูรับผิดชอบกับการมีบุตร จึงคิดหาวิธีการทําลายเด็กในครรภ โดยการทําแทงกับหมอเถื่อนท่ีผิด
กฎหมาย ผดิ ศลี ธรรม เพราะในสงั คมไทยไมเ ปด ใหม ีการทาํ แทงแบบเสรี นอกจากการตั้งครรภในคร้ัง
นน้ั แพทยพิจารณาใหทาํ แทงได ในกรณีอาจเกดิ อันตรายถึงชวี ิตผูเปนแม เชน การทอ งนอกมดลกู ครรภ
เปนพิษ ทองไขปลาดุก หรือในกรณีท่ีแมไดรับเช้ือโรคหลังจากการตั้งครรภแลว เชน ไดรับเช้ือหัด
เยอรมัน
การทําแทงโดยทวั่ ไปของเด็กวยั รนุ จะทาํ แทง กับผทู ี่ไมม คี วามรูดา นการแพทยทแี่ ทจ ริง จึงทํา
ใหเกิดอันตรายกับผูมาทําแทง เชน เกิดการตกเลือด หรือไดรับอันตรายอาจเกิดการติดเชื้อโรค จาก
เคร่ืองมือ อุปกรณท่ีนํามาใช เกิดความสกปรกจากการใชอุปกรณ สถานท่ีจนทําใหมารดาเปน
บาดทะยกั ไดด ว ย
การแทงบตุ รทท่ี าํ ใหเกิดอันตรายตอสุขภาพของผูเ ปน แมเนอื่ งจากมบี างสวนของทารกหรือรก
หลงเหลอื อยูจึงตอ งนําสวนทเ่ี หลอื ออกจากมดลูกใหห มดโดยแพทยต อ งใชเคร่ืองดูดหรือใชวิธีขูดจาก
โพรงมดลูก หรอื อาจตอ งใชฮอรโมนที่ใหใหมดลูกเกิดการบีบตัวขับสวนท่ีคางออกและในบางกรณี
แพทยตองใชย าปฏิชีวนะเพ่ือการรกั ษาหรอื ปองกันการติดเชอื้ ตดิ เชอ้ื HIVS
สว นใหญเกิดจากการมีเพศสัมพันธกับบุคคลอื่นท่ีไดรับเชื้อไวรัส HIV ในรางกายรองลงมา
เกดิ จาการใชสารเสพตดิ ชนดิ ฉีดเขา เสนเลือดทาํ ใหไ ดร บั เชื้อ HIV จากเลือดที่สัมผัสหรือเลือดท่ีไดรับ
เขาสรู างกาย
บคุ คลที่มีโอกาสไดร บั เชื้อไวรสั HIV VS โดยไมไ ดเกดิ จากการมเี พศสมั พันธและไมไดใ ชเ ข็ม
ฉดี ยาใด ๆ สว นหนง่ึ จะเกดิ กบั บคุ คลสวนหน่ึงทางการแพทย ท่ีมีโอกาสสัมพันธน้ําเลือดน้ําเหลือง ท่ี
คัดหล่งั จากผูปว ยโดยไมไดปองกนั ตนเองโดยการใชถ ุงมอื กอนสมั ผสั กับผูป วยจงึ มีโอกาสไดรับหรือ
ตดิ เชื้อ HIV VS ไดก ารต้งั ครรภเ มอ่ื ไมมีความพรอม
การมเี พศสัมพนั ธกอนวัยอันควร เปน ปญ หาของสงั คมไทยมากขน้ึ ท้ังนเี้ พราะคานิยมในเรื่อง
การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง หรือการเห็นคุณคาในการรักษาความบริสุทธ์ิของตนจนถึงวัย
แตงงาน เด็กวยั รุนปจจุบันไมไดคํานึงถึง ทั้งนี้อาจเปนเพราะการดูแลเอาใจใสใหการอบรมจากบิดา

75

มารดามนี อยลง เด็กยุคใหมร ับอารยะธรรมความกาวหนาหรืออิทธิพลตางประเทศมากข้ึน จึงไมคอย
เชอื่ ฟงบิดามารดา จงึ เปน สง่ิ จาํ เปนทตี่ องปลกู ฝง ใหเกิดจิตสํานกึ โดยครอบครวั ชุมชนโรงเรียนสถาบัน
ทมี่ ีสวนเกยี่ วขอ งควรเขา มามบี ทบาทรณรงคปองกันปญหานรี้ วมกัน

การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร เปนพฤติกรรมท่ีกอใหเกิดปญหาตางๆตามมาในชีวิต
ตลอดจนเปนปญหาหรือภาระแกสังคม ชุมชนดวย เชนเกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธและยังเปน
บคุ คลแพรเ ชือ้ โรคทางเพศสมั พนั ธแกค นอ่ืนดวยถาบุคคลนั้นใหบริการทางเพศการตั้งครรภเมื่อไมมี
ความพรอมหรือต้ังครรภโดยไมคาดคิดนอกจากจะสงผลกระทบตอชีวิตของตนเองแลว ยัง สงผล
กระทบตอ ครอบครัว ทาํ ใหบ ดิ ามารดา ญาตพิ นี่ องอับอายเสียใจรวมสง ผลกระทบตอสังคม เชน ปญ หา
เด็กถกู ทอดท้ิงเพราะพอ แมไมต อ งการบตุ ร หรือไมพ รอ มจะรับเลีย้ งดูบุตรเน่อื งจากยังไมมีอาชีพ เรียน
ไมจบ

ดงั นนั้ จงึ ตองใหค าํ แนะนําอบรมสงั่ สอนใหพฤติกรรมตนอยูในกรอบของสังคมที่ดีไมยุงเกี่ยว
เรื่องเพศสัมพันธปองกันตนเองไมปลอยตัวใหมีเพศสัมพันธในวัยที่ยังไมสมควรใหต้ังใจศึกษาเลา
เรียน และสามารถประกอบอาชีพจนเล้ียงตัวเองไดแลว จงึ คดิ มีครอบครัวภายหลัง

1.สอนความรเู ร่อื งเพศ เพศสัมพนั ธและการคุมกําเนดิ แกเ ดก็ นักเรยี น นักศึกษาท่กี าํ ลงั กา วเขา สู
วยั รุนพรอ งท้งั ชี้ใหเหน็ ขอ ดีขอเสยี ของการมีเพศสัมพันธกอ นวัยอันควร และการต้ังครรภเ ม่อื ไมพรอม
โดยเนนยํ้าใหเห็นผลเสีย ไดแก การสูญเสียโอกาสในการศึกษา และการประกอบอาชีพการงานท่ีดี
ตลอดจนโอกาสในการเจอคูครองที่ดีในอนาคต

2.สอนวัยรุน ชายใหมคี วามรบั ผดิ ชอบและใหเ กยี รติผหู ญงิ เนอื่ งจากในสังคมไทยยัง ยกยอง
เพศชายวาเปนเพศที่แข็งแรงกวาจึงควรสอนใหผูชายมีความคิดท่ีจะปกปองชวยเหลือ เพศหญิง
มากกวานอกจากน้ีเพศชายจะตองใหเกียรติผูหญิงและมีความรับผิดชอบในการกระทําของตนเอง
ปญหาการทําแทงสว นใหญพบวา ฝา ยชายไมยอมรับการต้งั ครรภ

3.ปลกู ฝงคานิยมในการรักนวลสงวนตัวตั้งแตวัยเด็ก และเนนยํ้ามากขึ้นในวัยรุน ไดแกการ
แตงกายใหสุภาพ ไมแตงกายลอแหลม ยั่วยุอารมณเพศตรงขามซ่ึงเปนเหตุใหเกิดการขมขืนกระทํา
ชําเรา

4.สอนใหร จู ักการปฏเิ สธในสถานการณท่ีไมเหมาะสมไดแกปฏิเสธท่ีจะไปเท่ียวตอหลังเลิก
เรียน ปฏเิ สธท่จี ะไปไหนๆกบั เพ่อื นชายตามลาํ พังไมเ ปดโอกาสใหเพศตรงขา มถูกเน้อื ตองตัว เปนตน

แนวทางการแกไขปญหาการตัง้ ครรภไ มพ่งึ ประสงคน ค้ี งตอ งเร่มิ จากการปลกู ฝง นสิ ยั ตั้งแตวัย
เดก็ ใหสอดคลอ งกบั สภาพสงั คมในยุคโลกาภิวัฒนน ้ี เชอ่ื วาปญหาการทําแทงผิดกฎหมายอาจเบาบาง
ลงไป

76

บทท่ี 4
สารอาหาร

สาระสําคัญ
ความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วยั ของรา งกาย เปนความตองการสารอาหารในบคุ คลแตละ

ชว ง และแตล ะเพศ ยอ มมีความแตกตางกนั เปนที่ยอมรบั กนั ทั่วไปแลววา อาหารมสี วนสําคัญอยางมาก
ในวัยเด็กทั้งในดานการเจรญิ เติบโตของรา งกายและการพัฒนาการในดานความสัมพนั ธของระบบการ
เคลอ่ื นไหวของรา งกาย

ผลการเรยี นรูทคี่ าดหวัง
1. วเิ คราะหปญหาสขุ ภาพทเ่ี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลกั โภชนาการ
2. บอกสารอาหารทีร่ า งกายตอ งการตามเพศ
3. อธิบายวธิ กี ารประกอบอาหารเพือ่ รักษาคุณคาของอาหาร

ขอบขายเนอ้ื หา
เรื่องที่ 1. สารอาหาร
เร่ืองที่ 2. วิธีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคณุ คา ของสารอาหาร
เร่ืองที่ 3. ความเชื่อและคานยิ มเกยี่ วกบั การบรโิ ภค
เรอ่ื งท่ี 4. ปญ หาสุขภาพท่เี กดิ จากการบริโภคอาหารไมถูกหลักโภชนาการ

77

เรือ่ งท่ี 1 สารอาหาร

ปริมาณความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วัยและสภาพรางกาย ความสําคัญของอาหารและ
ความตองการสารอาหารในบุคคลแตละชวง และแตละเพศ มีความแตกตางกันตามธรรมชาติ ดังนั้น
ปรมิ าณของสารอาหารท่ีควรไดรับในแตละบคุ คลจะแตกตางกนั

1. ความตองการสารอาหารในวยั เด็ก
เปนท่ียอมรับกันท่ัวไปแลววา อาหารมีสวน สําคัญอยางมากในวัยเด็กท้ังในดานการ
เจริญเตบิ โตของรา งกายและการพฒั นาการในดา นความสัมพันธของระบบการเคลือ่ นไหวของรางกาย
ตลอดจนในดานจิตใจ และพฤติกรรมในการแสดงออกและปจจัยที่มีสวนสําคัญที่ทําใหเด็กไดรับ
อาหารที่ถกู หลกั ทางโภชนาการ ไดแก
1.ครอบครัวทคี่ อยดูแลและเปน ตวั อยา งท่ีดี
2.ตวั เดก็ เอง ทจี่ ะตองถูกฝก ฝน
3.ส่ิงแวดลอมทําใหเ กิดการปฏิบตั อิ ยางคนขางเคยี ง
อาหารที่ถูกหลักโภชนาการในวัยเดก็ น้ัน เปน ทที่ ราบดอี ยแู ลววาเด็กตองการอาหารครบท้ัง 3
ประเภท เพอ่ื การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการ สง่ิ ทต่ี องคาํ นึงถึงคอื อาหารทีใ่ หเดก็ ควรไดรับ ไดแก
1.อาหารท่ีใหโปรตีน ไดแก นม ไข เนื้อสัตว ตลอดจนโปรตีนจากพืชจําพวกถั่วเขียว ถั่ว
เหลือง
2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแกข า ว แปง นํา้ ตาล ไขมนั และนาํ้ มัน สวนน้ําอัดลม หรือขนมหวาน
ลกู กวาดตาง ๆ ควรจํากัดลง เพราะประโยชนน อ ยมากและบางทที าํ ใหมปี ญ หาเรอื่ งฟน ผดุ ว ย
3.อาหารทีใ่ หวิตามินและเกลือแรไดแ ก พวก ผัก ผลไม และอาหารทม่ี ใี ยอาหารที่มีสวนทําให
เก็บไมท อ งผูก
2. ความตองการสารอาหารของเด็กวยั เรยี น
ในปจ จบุ ัน ภาวะของความเรง รบี ในสังคมอาจจะทาํ ใหพอแมหรือผปู กครองละเลยเรอ่ื งอาหาร
เชาของเด็กวัยเรยี น เดก็ วยั เรยี นเปน วยั ทีร่ างกายกําลังเจริญเติบโต ตองการอาหารเชา ถ า เ ด็ ก ไ ม ไ ด
รบั ประทานอาหารเชา จะทาํ ใหเ ด็กขาดสมาธใิ นการเรียน สมองมึน งวง ซึม และถาเด็กอดอาหารเปน
เวลานาน ๆ ติดตอ กัน จะทําใหมีผลเสยี ตอระบบการยอ ยอาหาร และเปนโรคขาดสารอาหารไดดังนั้น
การเลอื กอาหารเชา ทีเ่ ด็กวัยเรยี นควรไดร บั ประทานและหาไดง า ย คอื นมสด 1 กลอ ง ขาวหรือขนมปง
ไข อาจจะเปนไขด าว ไขล วก หรอื ไขเ จียว ผลไมท ่หี าไดง าย เชน กลวยนํ้าวา มะละกอ หรือสม เทาน้ี
เดก็ กจ็ ะไดรบั สารอาหารท่ีเพียงพอแลว
3. ความตอ งการสารอาหารในวัยรุน
วยั รุน เปนวยั ท่มี กี ารเจรญิ เติบโตในดา นรางกายอยางมาก และมีการเปล่ียนแปลงทางอารมณ
และจิตใจคอนขางสูง มีกิจกรรมตาง ๆ คอนขางมากทั้งในดานสังคม กีฬา และบันเทิง ความตองการ
สารอาหารยอ มมมี ากขนึ้ ซึ่งจะตอ งคํานึงทง้ั ปรมิ าณและคณุ ภาพใหถูกหลกั โภชนาการ

78

ปจจยั ท่ีสาํ คญั คือ
1.ครอบครวั ควรปลกู ฝงนสิ ัยการรบั ประทานอาหารท่ถี กู หลกั โภชนาการ เร่ิมตนจากที่บานท
สาํ หรับวัยรุนที่พยายามจํากัดอาหารลง คนในครอบครัวจะตองใหค าํ แนะนาํ เพ่ือไมไปจํากัดอาหารท่ีมี
คุณคา และจาํ เปนตอรา งกาย
2.วยั รนุ จะเร่มิ มคี วามคิดเห็นเปน ของตัวเองมากขึ้น การรบั ความรเู กยี่ วกบั โภชนาการ มีความ
จาํ เปน เพือ่ ใหเหน็ ความสําคัญของการรบั ประทานอาหารทมี่ คี ุณคา ทางโภชนาการอยา งสมา่ํ เสมอซึ่งจะ
มีผลดีตอ ตัววัยรุน เองโดยตรง
3.สิง่ แวดลอ มในโรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษาอทิ ธิพลจากเพือ่ นฝูงมีสวนท่ีทําใหวัยรุนเลียนแบบ
กนั เรอ่ื งการรับประทานอาหาร ตลอดจนการบริโภคสารอนั ตราย เชน เหลา บุหรี่ และยาเสพติด การ
ดูแลอยางใกลชิดตลอดจนการสนับสนุนใหวัยรุนเลนกีฬา หรือทํากิจกรรมท่ีมีประโยชนจะมีผล
ทางออม ทําใหนิสัยท่ีดีในการบริโภคอาหารไมถูกเบี่ยงเบนไป ความตองการอาหารที่ใหโปรตีน
พลงั งาน และวติ ามนิ ตองเพยี งพอสําหรับวยั รนุ วติ ามนิ ตอ งเหมาะสมและโดยเฉพาะอยางย่ิงอาหารท่ีมี
เกลอื แรประเภทแคลเซยี มและเหลก็ ตองเพียงพอ
4. ความตอ งการสารอาหารในวยั ผูใหญ
วัยผูใหญถงึ แมจ ะหยุดเจรญิ เติบโตแลว รางกายยังตองการสารอาหารอยางครบถว น เพ่ือนําไป
ทํานุบํารุงอวัยวะ และเนื้อเย่ือตาง ๆ ของรางกาย ใหคงสภาพการทํางานท่ีมีสมรรถภาพตอไป และ
ปจจัยสําคัญอยางหน่ึง ท่ีจะทําใหวัยผูใหญยังคงแข็งแรงไดแก การบริโภคอาหารที่ถูกตองตามหลัก
โภชนาการ การควบคมุ อาหารในวัยผูใหญ มขี อ แนะนาํ ดังนี้
1.ใหบริโภคอาหารหลายชนิด เนื่องจากไมมีอาหารชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีใหคุณคาทาง
โภชนาการไดครบถวน
2. บริโภคอาหารในปรมิ าณทีพ่ อเหมาะ เพ่อื ใหนาํ้ หนกั อยใู นเกณฑท ีต่ องการ
3. หลกี เลย่ี งการรับประทานท่มี ีไขมันมากเกินไป
4. บริโภคอาหารที่มีปริมาณของแปงและกากใยใหเพียงพอ
5. หลกี เล่ยี งการบรโิ ภคอาหารทีป่ รุงดว ยปริมาณนา้ํ ตาลจํานวนมาก
6. หลกี เลี่ยงการบรโิ ภคอาหารเคม็ มากเกนิ ไป
7. หลกี เลี่ยงเครอ่ื งดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอล
5. ความตองการสารอาหารของวยั ผูสงู อายุ
ผูสงู อายใุ นทน่ี ้หี มายถึงผทู ีอ่ ยใู นวยั 60 ปขนึ้ ไป
สําหรบั ปญหาเร่ืองอาหารการกนิ หรือโภชนาการในวัยน้ี ขอใหรบั ประทานอาหารใหครบทุก
หมูและควบคุมปริมาณ โดยดูจากการควบคุมนํ้าหนักตัวไมใหมากข้ึน และกรณีน้ําหนักเกินอยูแลว
ควรจะลดน้าํ หนักใหสัมพันธกับสวนสูง

79

ขอ แนะนําในการดูแลเรอื่ งอาหารในผสู งู อายมุ ดี ังนี้
1.โปรตีน ควรใหรับประทานไขวันละ 1 ฟอง และด่ืมนมอยางนอยวันละ 1 แกวสําหรับ

โปรตนี จากเนือ้ สัตวควรลดนอ ยลง
2.ไขมัน ควรใชน ้าํ มันถว่ั เหลืองหรือนา้ํ มนั ขาวโพด ในการปรุงอาหารเพราะเปนน้ํามันพืชท่ีมี

กรดไลโนเลอกิ
3.คารโบไฮเดรต คนสูงอายุควรรับประทานขาวลดลงและไมควรรับประทานนํ้าตาลใน

ปรมิ าณทม่ี าก
4.ใยอาหาร คนสงู อายคุ วรรับประทานอาหารที่เปนพวกใยอาหารมากขึ้น เพอ่ื ชวยปองกันการ

ทอ งผูกชว ยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลอื ดและลดอบุ ัตกิ ารของการเกดิ มะเร็งลาํ ไสใหญล งได
5.นํา้ ด่ืม คนสูงอายคุ วรดมื่ นํา้ ปรมิ าณ 1 ลติ รตลอดท้ังวัน แตทัง้ นสี้ ามารถปรบั เองไดต ามความ

ตองการของรางกาย โดยสังเกตดูวาถาปสสาวะมีสีเหลืองออน ๆ เกือบขาว แสดงวาน้ําในรางกาย
เพียงพอแลว สวนเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลรวมท้ังนํ้าชา กาแฟ ควรงดเวนถาระบบยอยอาหารในคน
สงู อายไุ มดี ทา นควรแบงเปน มอ้ื ยอย ๆ แลว รบั ประทานทีละนอย แตหลายม้ือจะดีกวา แตอาหารหลัก
ควรเปนมือ้ เดียว

6.ความตอ งการสารอาหารในสตรีตั้งครรภ
สตรีตั้งครรภ นอกจากตองมีสารอาหารทั้ง 6 ประเภทไดแกโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมัน
วติ ามนิ เกลือแร และนํา้ ในอาหารท่ีรบั ประทานเปน ประจําใหครบทุกประเภทแลว สตรีตั้งครรภตอง
ทราบอกี วา ควรทีจ่ ะเพ่ิมสารอาหารประเภทใด จึงจะทําใหเด็กในครรภไดร ับประโยชนสงู สุดดงั น้ี
1.อาหารท่ีใหโ ปรตนี ไดแกไ ข นม เนื้อสัตว เครื่องในสัตวและถ่ัวเมล็ดแหง สตรีต้ังครรภจึง
ควรรับประทานไขวันละ 1-2 ฟอง นมสดวันละ 1-2 แกว เนื้อสัตวบกและสัตวทะเล ซึ่งจะไดธาตุ
ไอโอดีนดวยอาหารประเภทเตาหูและนมถ่ัวเหลือง ก็มีประโยชนในการใหโปรตีนไมแพเนื้อสัตว
เชน กนั
2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแ ก ขา ว แปง นาํ้ ตาล ไขมันและนํา้ มนั สตรตี ัง้ ครรภค วรรับประทาน
ขา วพอประมาณรวมกบั อาหารทีใ่ หโ ปรตนี ดงั กลา วแลว ควรใชน ้าํ มันพชื ซ่ึงมีกรดไขมนั จําเปน ในการ
ประกอบอาหาร เชน นํ้ามนั ถัว่ เหลอื ง นํ้ามนั ขาวโพด สตรีตั้งครรภควรจะตอ งรบั อาหารทีจ่ ะใหพลงั งาน
มากขนึ้ วันละปริมาณ 300 แคลลอร่ี
3.อาหารท่ีใหว ิตามนิ และเกลอื แร สตรีตัง้ ครรภต องการอาหารท่ีมีวิตามินและเกลือแรเพิ่มข้ึน
ควรรับประทานอาหารประเภทผักและผลไมทุกๆวันเชนสม มะละกอ กลวย สลับกันไป จะไดใย
อาหารเพอื่ ประโยชนใ นการขบั ถายอุจจาระดว ย เกลือแรท ส่ี ําคัญควรรับประทานเพิ่มไดแก แคลเซียม
ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม เหล็ก สังกะสี และไอโอดีน สวนวติ ามนิ ไดแ กก ลมุ ที่ละลายในไขมัน เชน เอ ดี
อี เค และท่ลี ะลายในนา้ํ ไดแ กวิตามินบีและวิตามินซี

80

รา งกายเราตอ งการสารอาหารทม่ี ีอยูใ นอาหารตางๆ เพื่อใหมีสุขภาพท่ีดี แตเราจะตองรูวาจะ
กนิ อยางไร กินอาหารอะไรบา งมากนอ ยเพยี งใดจึงจะไดส ารอาหารครบเพียงพอกับความตองการของ
รางกาย ขอปฏิบัติการกนิ อาหารเพ่ือสุขภาพที่ดีของคนไทย 9 ขอหรือโภชนาการบัญญัติ 9 ประการน้ี
จะชวยไดถ าทานปฏิบตั ิตามหลกั ดังตอ ไปน้ี

1.กนิ อาหารครบ 5 หมแู ตล ะหมูใหหลากหลายและหมน่ั ดูแลนาํ้ หนกั ตัว
2.กินขาวเปนอาหารหลัก สลบั กับอาหารประเภทแปง เปน บางมือ้
3.กินพชื ผักใหมากและกินผลไมเปนประจาํ
4.กินปลา เนอื้ สตั วท ี่ไมตดิ มนั ไข ถัว่ เมลด็ แหงเปน ประจํา
5.ดื่มนมใหเหมาะสมตามวัย
6.กนิ อาหารทม่ี ไี ขมันพอสมควร
7.หลกี เลย่ี งการกินอาหารรสหวานจดั และเคม็ จดั
8.กินอาหารทสี่ ะอาดปราศจากการปนเปอ น
9.งดหรอื ลดเครือ่ งดมื่ ที่มแี อลกอฮอล
สารตานอนมุ ูลอิสระ
ในรางกายของคนเราเซลลจ ะผลติ สารชนิดหนึง่ เพอื่ ทาํ ลายเนื้อเยื่อตนเองเพิ่มมากข้ึน สารน้ัน
เรยี กวาอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระน้ีเปนตัวการสําคัญท่ีทําใหเกิดปญหาทางสุขภาพหลายประการ ทั้ง
ภาวะความจําเส่อื ม โรคมะเรง็ เปนตน
ในขณะเดียวกันรางกายก็สามารถจัดการกับอนุมูลอิสระไดโดยสรางสารตานอนุมูลอิสระ
ออกมาในกระแสเลือด เพื่อจับกับอนุมูลอิสระไดถึง 99.9 % คงเหลือทําลายเซลลอยูเพียง 0.1% แต
กระนั้นก็ทาํ ใหเ ซลลเ กดิ การบาดเจ็บและยงิ่ นานวนั รอยแผลก็สะสมมากข้ึน เมื่อคนเราแกลงรางกายก็
จะสรางสารตานอนมุ ูลอิสระลดลงรางกายจะตองการสารตา นอนุมูลอสิ ระมากข้ึน เพอื่ สง ผลใหอายุยืน
สุขภาพแขง็ แรงตอ ตานโรคชรา โรคมะเร็ง เปน ตน
สารตานอนมุ ูลอสิ ระทส่ี าํ คญั ท่เี ราพบในแหลง อาหาร มีดงั น้ี
1.เบตา-แคโรทีน มีมากในแครอท และผักสีเหลืองสมผักสีเขียวเขมตางๆเชนมะเขือเทศ
ฟก ทอง ตาํ ลึง ผักบุง ผกั กวางตงุ ผักคะนา ยอดแค เปนตน
2.วิตามินซี มีมากในฝรง่ั สม มะขามปอ ม มะนาว มะเขอื เทศ ผกั ผลไมส ด ตางๆ ผกั คะนาและ
กระหล่ําดอกมีวติ ามินซสี ูงมาก วติ ามนิ ซี ถกู ทาํ ลายไดงาย ดว ยความรอนความขึน้ และแสง
3.วติ ามินอี มใี นรําละเอยี ด ในพวกธญั พืชท่ีไมขัดขาว ขา วโพด ถัว่ แดง ถั่วเหลือง ผักกาดหอม
เมลด็ ทานตะวนั งา น้าํ มนั รํา น้ํามนั ถั่วลสิ ง น้าํ มันจากเมลด็ พืชตา งๆ
4.ซีลเิ นยี ม พบในอาหารทะเลเนื้อสัตวธญั พืชที่ไมขดั ขาวนอกจากนี้ยังมีสารที่พบในผักผลไม
ที่มคี ณุ สมบัติในการตา นสารอนุมลู อสิ ระซ่งึ สามารถจับกบั อนมุ ลู อสิ ระลดอันตรายไมใหเ กดิ โรคมะเรง็

81

ได พบไดม ากในตระกลู สม องุน และผลไมสดอื่นๆรวมทั้งผักผลไมตางๆ เชน กระเทียม ผักตระกูล
ผกั กาด

ตวั อยา ง

ประเภทและจํานวนของอาหารท่ีคนไทยควรรับประทานอาหารใน 1 วนั

สาํ หรบั เด็กอายุ 6 ปข ึน้ ไปถงึ วยั ผูใหญแ ละผูส ูงอายโุ ดยแบงตามการใหพลังงาน

กลุมอาหาร หนว ยครวั เรือน พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)ี
1,600 2,000 2,400

ขา ว – แปง 1 ทพั พี = 60 กรัม หรือ คร่งึ ถว ยตวง 8 ทพั พี 10 ทัพพี 12 ทพั พี

ผกั 1 ทัพพี = 40 กรัม หรือ ครึ่งถวยตวง 4 (6) ทพั พี 5 ทพั พี 6 ทพั พี

ผลไม 1 สว น = สม เขียวหวาน 1 ผล หรือ 3 (4) สวน 4 สวน 5 สวน
กลวยนาํ้ วา 1 ผล หรอื เงาะ 4 ผล

เน้ือสัตว 1 ชอ นกนิ ขา ว = ปลาทคู รึ่งตวั หรือ 6 ชอ น 9 ชอน 12 ชอ น
ไขครงึ่ ฟอง หรือไกครง่ึ นอ ง กินขา ว กินขาว กินขา ว

นม 1 แกว = 250 ซซี ี 2 (1) แกว 1 แกว 1 แกว

นํ้ามัน

นํ้าตาล และ ชอ นชา ใชแ ตนอยเทา ท่ีจาํ เปน

เกลือ

หมายเหตุ เลขใน ( ) คือปรมิ าณทีแ่ นะนาํ สาํ หรับผใู หญ

1,600 กิโลแคลอรี สําหรบั เด็กอายุ 6-13 ป

หญงิ วัยทาํ งานอายุ 25-60 ป

ผูสูงอายุ 60 ปข ึ้นไป

2,000 กิโลแคลอรี สําหรบั วัยรนุ หญิง-ชาย อายุ 14-25 ป

วัยทาํ งานอายุ 25-60 ป

2,400 กโิ ลแคลอรี สําหรบั หญงิ -ชาย ทใ่ี ชพลังงานมากๆ เชน เกษตรกร

ผูใ ชแ รงงาน นักกีฬา

สรปุ

อาหารเปน ปจ จยั ท่มี ผี ลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย การรับประทานอาหาร

ควรยดึ หลกั โภชนาการ เพ่ือใหไ ดพลงั งานและสารอาหารท่ีพอเพียง วัยรุน เปนวัยท่ีกําลังเจริญเติบโต

จงึ ควรบริโภคอาหารใหถ ูกตอ งตามหลักโภชนาการ

82

เรอื่ งที่ 2 วธิ ีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคุณคา ของสารอาหาร
1. หลกั การปรงุ อาหารที่ถกู สขุ ลักษณะ
เพื่อใหไดอาหารท่ีสะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางโภชนาการ มีหลักการปรุงอาหารที่ถูก

สุขลกั ษณะ โดยคํานึงถงึ หลกั 3 ส คอื สงวนคุณคา สุกเสมอ สะอาดปลอดภยั
สงวนคุณคา คือ การปรุงอาหารจะตองปรุงดวยวิธีการปรุง ประกอบเพื่อสงวนคุณคาของ

อาหารใหม ปี ระโยชนเตม็ ที่ เชน การลางใหส ะอาดกอนหน่ั ผัก การเลอื กใชเ กลือเสริมไอโอดีน
สุกเสมอ คือ ตอ งใชความรอนในการปรุงอาหารใหส กุ โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสตั วท้ังนี้

เพ่ือตองการจะทําลายเชื้อโรคท่ีอาจปนเปอนมากับอาหาร การใชความรอนจะตองใชความรอนใน
ระดับทส่ี งู ในระยะเวลานานเพยี งพอท่ีความรอนจะกระจายเขาถึงทุกสวนของอาหาร ทําใหสามารถ
ทาํ ลายเชื้อโรคไดอยา งมีประสทิ ธภิ าพ

สะอาดปลอดภัย คือ จะตองมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของอาหารกอนการปรุง
ประกอบวาอยูในสภาพท่ีสะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เชน เน้ือหมูสด ตองไมมีเม็ดสาคู (ตัวออน
พยาธิตัวตืด) นา้ํ ปลา จะตองมเี คร่ืองหมาย อย.รับรอง เปนตน และจะตองมีกรรมวีธีข้ันตอนการปรุง
ประกอบอาหารท่สี ะอาด ปลอดภัยและถกู สุขลักษณะ มีผปู รงุ ผูเสิรฟอาหารท่มี สี ุขวิทยาสวนบุคคลทดี่ ี
รจู ักวธิ กี ารใชภ าชนะอุปกรณและสารปรุงแตงรสอาหารท่ีถูกตองเชน วีการสดปริมาณสารพิษกําจัด
ศตั รพู ืชที่ตกคางในผักสด การใชช อนชมิ อาหารเฉพาะในการชมิ อาหารระหวา งการปรงุ อาหาร

2. หลักการทาํ อาหารใหสะดวกและรวดเร็ว
อาหารทปี่ รุงเองนอกจากจะประหยัดแลวยังไดอาหารท่ีสะอาด สด ใหม มีรสถูกปากและลด
ความเส่ียงจากการมสี ารเคมปี นเปอนแต เวลา มักจะเปน ขอจํากดั ในการลงมือทําอาหาร แมบานอาจมี
วิธีการเตรยี มอาหารพรอ มปรุงในวันหยดุ เกบ็ ไวใ นตูเ ย็นแลวนํามาปรุงใหมไดโดยใชเวลานอยแตได
คุณคา มากเรม่ิ จากอาหารประเภทเนอื้ สัตว เชน หมู ไก กุง ปลา เมือ่ ซ้ือมาจัดเตรียมตามชนิดที่ตองการ
ปรุงหรอื หงุ ตม แลว ทาํ ใหสกุ ดวยวธิ ีการตมหรือรวน แลว แบง ออกเปน สว นๆตามปริมาณที่จะใชแตละ
คร้ัง แลวเกบ็ ไวใ นตเู ยน็ ถา จะใชใ นวนั รุงข้ึน หรือเก็บไวในชอ งแชแขง็ ถาจะเก็บไวใชนาน เมอ่ื ตองการ
ใชก็นําออกมาประกอบอาหารไดทันที โดยไมตองเสียเวลา รอใหละลายเหมือนการเก็บดิบๆ ทั้งช้ิน
ใหญโ ดยไมห่ัน การเตรียมลวงหนาวิธีน้ี นอกจากจะสะดวก รวดเร็วแลว ยังคงรสชาติและคุณคาของ
อาหารอีกดวย
3. หลักการเก็บอาหารใหสะอาดปลอดภัย
การเกบ็ อาหารตามหลกั การสขุ าภบิ าลอาหารมวี ตั ถปุ ระสงคเ พื่อยดื อายุของอาหารทีใ่ ชบริโภค
โดยจะตอ งอยใู นสภาพทีส่ ะอาดปลอดภยั ในการบริโภค หลักการในการเก็บอาหารใหคํานึงถึงหลัก 3
ส. คือสดั สวนเฉพาะ สิง่ แวดลอ มเหมาะสม สะอาดปลอดภยั
สัดสว นเฉพาะ คือ ตอ งเก็บอาหารใหเปน ระเบียบ แยกเก็บตามประเภทอาหารโดยจัดใหเปน
สัดสว นเฉพาะไมปะปนกัน มีฉลากซ้ือหรือเครอ่ื งหมายอาหารแสดงกํากับไว

83

สงิ่ แวดลอมเหมาะสม คือ ตองเก็บอาหารโดยคํานึงถึงการจัดสภาพส่ิงแวดลอมใหเหมาะสม
กับอาหารแตล ะประเภทโดยคํานงึ ถึงอุณหภูมิความชื้นเพื่อชวยทําใหอาหารสดสะอาดเก็บไดนานไม
เนา เสยี งายสง่ิ แวดลอมของอาหารจะจัดการใหอยูในสภาพที่จะปองกันการปนเปอนได เชน การเก็บ
อาหารกระปองในบริเวณทมี่ ี อาหารหมนุ เวียน สูงจากพืน้ อยา งนอย 30 ซม. การเกบ็ นมพาสเจอไรสไว
ในอุณหภูมิตํ่ากวา 7 องศาเซลเซยี ส เปน ตน

สะอาดปลอดภัย คอื ตองเก็บอาหารในภาชนะบรรจุที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย มีการ
ทําความสะอาดสถานท่ีเกบ็ อยางสมํา่ เสมอไมเ ก็บสารเคมที เี่ ปนพิษอ่ืนๆเชน การใชถุงพลาสติก/กลอง
พลาสตกิ สําหรบั บรรจอุ าหารในการบรรจุอาหารทีเ่ กบ็ ไวในตูเยน็ /ตูแชแ ขง็ เปน ตน

4. อณุ หภูมิเทา ไหรจ ึงจะทําลายเช้อื โรคได
เชื้อจุลินทรียมีอยูทั่วไปตามสิ่งแวดลอมมนุษย สัตว อาหาร ภาชนะอุปกรณและสามารถจะ
ดํารงชีวิตอยูไดในชวงอุณหภูมิต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส จนถึง 75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ
เช้ือจุลนิ ทรยี ท ่ีกอใหเ กดิ โรคระบาดทางเดินอาหารมกั จะเปนเช้ือจุลินทรียทสี่ ามารถเจริญเติบโตไดดีที่
อุณหภมู หิ อ งประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถงึ 40 องศาเซลเซยี ส
ฉะน้นั การทาํ ลายเช้อื จุลินทรยี ท กี่ อใหเ กดิ โรคระบบทางเดินอาหารจําเปนจะตองกําหนดชวง
อุณหภูมิทเี่ หมาะสมเพอื่ จะไดแนใ จวา เชื้อจุลินทรียถ ูกทําลายจนหมดส้ินในขบวนการผลิตอาหารทาง
อุตสาหกรรมการทําลายเชอ้ื โรคจําเปนตอ งอาศัยอณุ หภูมทิ ่เี หมาะสมควบคไู ปกบั ระยะเวลาที่เหมาะสม
จึงจะมีประสิทธิภาพในการทําลายที่ดี คืออุณหภูมิที่สูงมากใชระยะเวลาสั้น(121องศาเซลเซียสเปน
เวลา 1 นาที)และอุณหภมู ทิ ต่ี ํา่ ใชระยะเวลานาน(63 องศาเซลเซียส เปนเวลา 30 นาที)ทงั้ ท่ยี ังมีปจจัยอื่น
ทเ่ี กยี่ วของในการควบคมุ ไดแกป ริมาณเชือ้ จลุ ินทรียประเภทของอาหารคาความเปน กรด ดา ง ความช้นื
สําหรับในการปรุงประกอบอาหารในครัวเรอื นอณุ หภูมิท่ีสามารถทําลายเช้ือจุลินทรีย คือ 80
องศาเซลเซียส-100 องศาเซลเซยี ส (อุณหภมู นิ ้ําเดือด)เปนเวลานาน 15 นาทีสําหรับอุณหภูมิในตูเย็น 5
องศาเซลเซยี ส-7องศาเซลเซียส เช้ือจลุ ินทรียส ามารถดํารงชีวิตอยูได และสามารถเพิ่มจํานวนไดอยาง
ชาในขณะท่ีอณุ หภูมิแซแข็งต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส เช้อื จุลินทรียส ามารถดํารงอยไู ดแตไมเพ่ิมจํานวน
อณุ หภูมทิ เี่ ช้อื จุลินทรยี ตายคือ-20องศาเซลเซียส และฉะนั้นเพ่ือความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร
โดยเฉพาะอาหารเนื้อสัตวควรปรุงอาหารใหสุกเสมอโดยทั่วทุกสวนที่อุณหภูมิสูงกวา 80 องศา
เซลเซียส ขนึ้ ไปหรอื สุกเสมอ สะอาด ปลอดภัย
5. อณุ หภูมทิ เี่ หมาะสมในการเกบ็ อาหารสดประเภทเน้ือสัตว
อาหารเนื้อสัตวสด เปนอาหารที่มีความเส่ียงสูง เพราะมีปจจัยเอ้ือตอการเนาเสียไดงาย คือมี
ปริมาณสารอนิ ทรียส งู มปี รมิ าณน้ําสงู ความเปน กรดดา งเหมาะสมในการเจรญิ เตบิ โตของเช้อื จุลนิ ทรยี 
การเกบ็ เนือ้ สตั วส ดท่ีถูกสุขลักษณะ คือตองลางทําความสะอาดแลวจึงหั่นหรือแบงเน้ือสัตว
เปน ชน้ิ ๆ ขนาดพอดีที่จะใชใ นการปรงุ ประกอบอาหารแตละครั้งแลวจึงเก็บในภาชนะท่ีสะอาดแยก
เปนสัดสวนเฉพาะสําหรับเน้ือสัตวสดที่ตองการใชใหหมด ภายใน 24 ชั่วโมงสามารถเก็บไวใน

84

อุณหภมู ิตูเย็นระหวา ง 5 องศาเซลเซียส -7 องศาเซลเซียสในขณะทีเ่ นอื้ สตั วส ดทต่ี องการเก็บไวใชนาน
(ไมเกิน7วัน)ตองเก็บไวในอุณหภูมิตูแชแข็ง อุณหภูมิตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส ท้ังนี้เม่ือจะนํามาใช
จาํ เปน จะตองนํามาละลายในไมโครเวฟ แตถาละลายในน้ําเย็นจะตองเปล่ียนนํ้าทุก 30 นาที เพื่อให
อาหารยงั คงความเย็นอยแู ละน้ําท่ใี ชละลายไมเปนแหลงสะสมของเช้อื จลุ นิ ทรยี ท่อี าจจะปนเปอนมาทํา
ใหมีโอกาสเพ่ิมจาํ นวนไดม ากขนึ้ จนอาจจะเกดิ เปนอนั ตรายได

สรุปอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเก็บอาหารเนื้อสัตวสดคืออุณหภูมิตูเย็นตํ่ากวา 7 องศา
เซลเซียสในกรณีทจี่ ะใชภายใน 24 ชว่ั โมง และตา่ํ กวา 0 องศาเซลเซียส (อุณหภมู แิ ชแข็ง) ในกรณีที่จะ
ใชภายใน 7 วนั ซึ่งเปน อุณหภมู ิทเ่ี ชือ้ จุลนิ ทรยี ย งั คงดาํ รงชวี ิตอยูไดแตมีอัตราการเจริญเติบโตตํ่าจนถึง
ไมมกี ารเจริญเตบิ โตทาํ ใหสามารถเก็บรกั ษาเนือ้ สัตวใหส ด ใหม สะอาด ปลอดภัย

6. ภาชนะบรรจอุ าหารสําคญั อยา งไร
ภาชนะบรรจุอาหารเปนปจจัยสําคัญที่เส่ียงตอการปนเปอนเชื้อโรค สารเคมีท่ีเปนพิษกับ
อาหารที่พรอมจะบรโิ ภค ทัง้ นี้ สามารถจะกอใหเกดิ การปนเปอ นไดทุกข้ันตอน ตง้ั แตขั้นตอนการเก็บ
อาหารดิบ ขัน้ ตอนการเสริ ฟ ใหก บั ผบู ริโภค
ขน้ั ตอนการเกบ็ อาหารดิบถา ภาชนะบรรจทุ ําดวยวสั ดุท่เี ปน พษิ หรือภาชนะทปี่ นเปอนเช้อื โรค
กจ็ ะทําใหอ าหารทบี่ รรจุอยูปนเปอ นไดโ ดยเฉพาะภาชนะบรรจอุ าหารเน้ือสัตวสด เม่ือใชแลวตองลาง
ทําความสะอาดใหถูกตองกอนจะนํามาบรรจุเนื้อสัตวสดใหมเพราะอาจจะเปนแหลงสะสมของ
เชื้อจลุ นิ ทรยี ไดงา ยขัน้ ตอนการปรุงประกอบอาหารถาภาชนะอปุ กรณที่ใชใ นการปรุง ประกอบอาหาร
ถา ภาชนะอุปกรณที่ใชในการปรุงประกอบมีการปนเปอนดวยสารเคมีที่เปนพิษ ก็สามารถปนเปอน
อาหารที่ปรุงประกอบไดเชน ตะแกรงทาสีบรอนดเวลาปงปลา สีบรอนด และสารตะก่ัวก็อาจจะ
ปนเปอนกับเนื้อปลาไดใชภาชนะพลาสติกออนใสน้ําสมสายชูทําใหมีการปนเปอนสารพลาสติก
ออกมากบั นา้ํ สมสายชูทาํ ใหม กี ารปนเปอ นสารพลาสติกออกมากบั นาํ้ สม สายชไู ด
ขั้นตอนการเสิรฟอาหารพรอมบริโภคอาหารปรุงสําเร็จถาภาชนะที่ใชลางไมสะอาดมีการ
ปนเปอนเชื้อจลุ ินทรียสารเคมที ี่เปน อันตรายกจ็ ะปนเปอ นอาหารจนอาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายกับผบู ริโภค
ได
ฉะน้ันเพ่อื ใหไดภ าชนะอุปกรณท่ีสะอาด ปลอดภัย ส่ิงสําคัญก็คือจะตองรูจักวิธีการเลือกใช
ภาชนะอุปกรณท ถี่ กู ตอ งไมท าํ จากวัสดุที่เปน พษิ และใชใ หเ หมาะสมกบั ประเภทของอาหารรวมทง้ั ตอง
รูจักวธิ ีการลางและการเกบ็ ภาชนะอุปกรณใ หถกู ตอ ง

เรื่องที่ 3 ความเช่อื และคา นยิ มเกี่ยวกบั การบรโิ ภค

คานิยม (Value) หมายถึง ลักษณะดานสังคมซึ่งมีความเช่ือถือ (Beliefs) กันอยาง
กวา งขวาง ซึ่งเปนแนวทางในการพิจารณาพฤตกิ รรมที่เหมาะสม โดยมีการยอมรับอยา งแพรห ลายจาก
สมาชิกของสงั คม หรือหมายถึง ความเช่ือถือของสวนรวมซึ่งมีมานาน โดยมีจุดมุงหมายเพ่ือการมี

85

ชวี ิตอยูรว มกันเปน ความรสู กึ เกีย่ วกบั กจิ กรรม ความสมั พนั ธกัน หรือจดุ มงุ หมายซึ่งมีความสําคัญตอ
ลักษณะหรอื ความเปน อยขู องชุมชน สิง่ ทคี่ นกลุมหน่ึง ๆ วาอะไรก็ตามท่ีคนในสังคมสวนใหญชอบ
ปรารถนาหรอื ตองการใหเปน

ในปจจุบนั เรามักจะใหย ินวา คนไทยมีคา นิยมชอบใชของตา งประเทศ ชอบเลยี นแบบ
ชาวตางประเทศโดยรับเอาวัฒนธรรมของตางประเทศเขามามาก โดยลืมคิดถึงความเสียหายท่ีจะ
เกดิ ขึ้น ซงึ่ คําวา “คา นยิ ม” ถือวา เปนปจจัยภายนอกซึ่งเปนปจจัยที่มีอิทธิพลตอความรูสึกนึกคิดของ
บุคคลเปน สิ่งที่เกดิ ขึ้นจากการเรียนรู หรือสิ่งอื่นใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ
บุคคลเปนส่ิงที่เกดิ ข้ึนจากการเรียนรู หรือส่ิงอ่ืนใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ
บุคคลท่ีอยูในสังคมน้ัน ๆ ซ่ึงความสําเร็จหรือความลมเหลวของธุรกิจทางการตลาดขึ้นอยูกับความ
สอดคลอ งกบั คานิยมเปน สาํ คัญ ดงั น้ัน คา นยิ มจึงเก่ยี วของกบั การตอบสนองตอ ส่ิงกระตุนดวยวิธีที่มี
มาตรฐาน ซึง่ บุคคลจะถกู กระตุน ใหม ีสว นรวมในพฤติกรรมเพอ่ื ใหบรรลุคานยิ ม และความเกี่ยวของ
กับพฤติกรรมผูบริโภคและกลยุทธทางการตลาด ในขณะที่แตละช้ันของสังคมจะมีลักษณะของ
คานิยมและพฤตกิ รรมในการบริโภคจะแตกตา งกันออกไป ตวั อยางคานิยมกับพฤติกรรมการบริโภค
ของคนไทย มดี ังนี้

1. กลมุ คา นยิ มความร่าํ รวย และนยิ มใชข องจากตา งประเทศ
จดุ เดนท่ีเปนนสิ ัยของคนไทย
ชอบทําตัววาตัวเองเปนคนร่ํารวยเน่ืองมาจากการใชสินคา สินคาท่ีนิยมใชจะเปน

สนิ คา ท่นี าํ เขามาจากตางประเทศเทาน้ัน
สว นท่เี กยี่ วขอ งกับพฤติกรรมการบริโภค
เปนบคุ คลทชี่ อบใชข องแพง ๆ ทําใหคนอน่ื มองวาตัวเองเปนผูที่รํ่ารวย ตองการให

คนยกยองนับถือ เปนคนที่ตองมีเกียรติ ตองการเปนผูนําในการใชสินคา นิยมใชสินคาที่นําเขามา
เทานั้น มองวาสินคาในประเทศเปนสินคาท่ีไมมีคุณภาพ ไมมีมาตรฐาน เปนสินคาดอยคุณภาพ
จะรูสึกภูมิใจทุกครั้งเมื่อไดใชสินคาท่ีเปนสินคาจากตางประเทศ ชอบไปเที่ยวตางประเทศเพื่อไป
ซื้อสินคา บางครั้งซ้ือมาแลวก็ไมไดใชประโยชนก็จะซ้ือ หรือบางครั้งอาจจะไมมีเวลาไปเท่ียว
ตางประเทศก็ชอบฝากใหคนอื่นซ้ือ มีความเปนตางชาติสูงมาก จะเปนบุคคลท่ีเนนการแตงกายดี
ตั้งแตศ ีรษะจรดเทา เพื่อเสริมสรางบุคลิกภาพ สรางความนาเชื่อถือ นิยมใชบัตรเครดิตการด ชอบ
ความสะดวกสบายไมชอบการรอคอยนาน ๆ ชอบสังคมกับเพ่ือนท่ีมีฐานะรํ่ารวย เทาเทียมกัน ไม
ชอบคบหาสมาคมกันคนทีด่ อ ยกวา หรือจนกวา ทําอะไรคิดถึงตัวเองมากกวาคนอ่ืน บางคร้ังอาจจะ
ประสบกบั ปญหาทางดานการเงินแตกลัววา คนอื่นจะรูถึงฐานะของตนเองตองยอมกูเงินเพ่ือพยุงฐานะ
ของตนเองก็ยอมเพื่อรักษาภาพลักษณของตนเอง โดยไมตองการใหใครมามองวาตัวเองจนลําบาก
หรือต่ําตอยกวา คนอ่ืน

86

ผลกระทบกับคา นิยมแบบน้ี
ลักษณะแบบน้ี ควรจะปรับปรุงแกไขเพือ่ สังคมจะไดดีขึ้น โดยเฉพาะคนรุนใหมไม
ควรใหฟุงเฟอซ่ึงจะเปนการสรางคานิยมที่ไมดี และถือวาคานิยมแบบนี้จะเปนอันตรายตอ
ประเทศชาตอิ ยา งมาก ซึง่ อาจกอ ใหเ กิดความเสียหาย เทากับวาประเทศของเราไดตกไปเปนเมืองข้ึน
ของตา งชาติ ซ่ึงเปน การยากทเ่ี ราจะกูประเทศชาตกิ ลับคนื มาได ซ่ึงควรจะไดมกี ารปรับปรุงแกไ ข

2. คานยิ มสุขภาพดี
จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ยั ของคนไทย
เปนบคุ คลท่ีรกั ษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัว เพ่ือท่ีจะไดมชี วี ิตยนื ยาว
สวนทีเ่ กี่ยวของกับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค
พฤติกรรมของบุคคลที่มีคานิยมสุขภาพดี มักจะเปนคนท่ีดูแลตนเองเปนอยางดี มี

การออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ ชอบความสะอาด ไปพบแพทยเปนประจํา มีการพักผอนอยาง
เพียงพอเลอื กรบั ประทานอาหารทีม่ คี ุณคา มปี ระโยชนตอรา งกาย เพื่อทําใหสุขภาพแข็งแรง รวมทั้ง
ดูแลคนในครอบครวั ดว ยตอ งการใหคนในครอบครวั ปราศจากโรคภัยไขเ จบ็ ตองการมีชีวติ ท่ยี นื ยาว มี
รา งกายทีแ่ ข็งแรงและสมบรู ณ ชอบพักผอ นอยูกบั บาน และทานอาหารในบา นเพราะเนน ความสะอาด
ชอบดหู นงั ฟง เพลงอยูใ นบา น

สินคา ที่นยิ มบริโภค ไดแ ก
1. อาหารมงั สวริ ัติ
2. อาหารเสรมิ
3. นมทีม่ แี คลเซียม เพื่อเสริมสรา งกระดูก
4. นมพรอ งมันเนย, โยเกิรต
5. วิตามินตา งๆ เชน วิตามินซ,ี วติ ามินบี ฯลฯ
6. ผกั ปลอดสารพษิ
7. ดื่มน้ําผลไม
8. ดม่ื นํ้าแร
9. โสมเกาหล,ี เหด็ หลินจอื
10. ไกตนุ ยาจีน, ไกด าํ
11. ยารักษาโรค (จากแพทยสงั่ )
ผลกระทบกบั คานิยมแบบนี้
เปน คา นิยมทด่ี ีนาจะมีการสนับสนนุ เพราะจะทาํ ใหคนมสี ขุ ภาพดขี ึ้น เพือ่ ชวี ติ ความ

87

เปน อยใู นครอบครวั ดีข้ึน และทาํ ใหครอบครวั มคี วามสุขมากขน้ึ
บุคคลที่มีคา นิยมแบบนี้
เปน บคุ คลทมี่ ีฐานะในระดับ B ข้นึ ไป และเปน ผูด ูแลเอาใจใสตอสขุ ภาพ
กลุมเปาหมาย เปนกลมุ วยั กลางคนท่ีเนนดูแลสุขภาพใหแข็งแรงปลอดจากโรคภัย

ไขเจ็บ

3. คา นยิ มรักความสนกุ
จดุ เดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย
เปนบุคคลที่รักความสนุก มีความร่ืนเริงอยูตลอดเวลา ชอบ ENTERTAIN ชอบ

สงั สรรคไมวา จะเปนเทศกาลใดกต็ าม
สวนทีเ่ กย่ี วขอ งกับพฤตกิ รรมการบริโภค
ลักษณะของพฤติกรรมบุคคลจะเปนบุคคลท่ีรักสนุก ชอบความรื่นเริง มีความ

สังสรรคในหมูญาติพี่นอง เพื่อนฝูงอยูตลอดเวลา ไมวาจะเปนการจัดปารตี้ทุกสิ้นเดือน หรือเปน
เทศกาลตาง ๆ เชน วันขนึ้ ปใหม, วันตรษุ จีน, วันสงกรานต ฯลฯ ทุกเทศกาลก็จะมีความสนุกสนาน
ตลอดเวลา

สนิ คา ทนี่ ิยมบริโภค ไดแก
1. รบั ประทานอาหารทกุ ชนดิ เชน อาหารกับแกลม อาจทําทานเอง หรือไป

ทานนอกบาน
2. เครอื่ งดื่มทกุ ชนิด เชน นาํ้ อดั ลม
3. ผลไมต าง ๆ (ผลไมไทยและผลไมนาํ เขา)
4. ขนมขบเค้ยี วตา ง ๆ
5. ดม่ื สุรา (ผลิตในประเทศไทยและนําเขา จากตา งประเทศ)
6. ชอบรอ งเพลง KARAOKE (อาจจะรอ งเพลงอยูในบาน หรอื ตาม

สถานเริงรมยตา ง ๆ)
7. ชอบดูภาพยนตร
8. ชอบไปรบั ประทานอาหาร และฟงเพลงตามโรงแรม, หองอาหารตา ง ๆ

และตามคาเฟ
9. ชอบไปเทีย่ วตามสถานที่ในตา งจงั หวัด เชน ไปนํ้าตก, ภเู ขา และทะเ

ผลกระทบกับคานิยมแบบน้ี
บคุ คลที่มคี านยิ มแบบนีอ้ ยา งนอ ยก็นาจะสนับสนุน เพราะทําใหเกิดสภาพคลองทาง
การเงนิ ทําใหเ งนิ ทองไมไ หลออกนอกประเทศ มกี ารใชจ ายภายในประเทศ ซ่งึ เปนการกระจายรายได

88

ไปยงั สถานทอ งเท่ียวตางๆ ภายในประเทศไดเปน อยางดี ทาํ ใหมีการจบั จา ยใชสอยและเปนการสราง
รายไดใหกับชุมชนตางๆ และแหลงทองเที่ยวตางๆ ทําใหคนมีอาชีพมากข้ึนซ่ึงจะทําใหเกิดการ
หมนุ เวยี นทางดา นการเงินอาจสงผลใหภ าวะทางเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น

4. คา นิยมบริโภคนยิ ม
จุดเดน ทเ่ี ปนนสิ ัยของคนไทย
เปนบคุ คลที่มีนิสัยชอบบรโิ ภคเปน หลกั ซงึ่ ไมไ ดคาํ นงึ ถงึ คุณภาพ
สว นทเี่ กย่ี วขอ งกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภค
ลักษณะพฤติกรรมการบริโภคชอบรับประทานอาหารนอกบาน พยายามสรรหา

รานอาหารทีอ่ รอ ยๆ ไมวา จะอยูใกลหรือไกล ถา ข้ึนช่ือในระดับ เชลลชวนชิม, แมชอยนางรํา และ
ไมล องไมร ู ซึ่งมใี บรับประกัน ชอบที่จะไปทดลองชมิ ดวู าอรอ ยสมช่ือหรือเปลา ชอบรานอาหารที่มี
ลกั ษณะสะอาด มคี วามสะดวกสบาย มที จ่ี อดรถสะดวก บางครั้งบรโิ ภคมากจนเกินความจําเปนและ
มผี ลตอ สขุ ภาพ ทาํ ใหเ กดิ โรคตางๆ ไดงาย เชน โรคไขมันอุดตัน โรคเบาหวาน ความดัน อาหาร
ไมยอยอาหารเปนพิษ ฯลฯ

สินคา ที่นยิ มบริโภค ไดแก
1. อาหารทกุ ชนดิ เชน รา นอาหารดังๆ
2. อาหาร fast food เชน KFC, McDonald
3. รา นอาหารญ่ปี ุน เชน Oishi, ฟูจิ
4. รานไอศกรมี เชน Swensens
5. ขนมขบเค้ยี วตางๆ
6. เครือ่ งดื่มทกุ ชนิด
7. สรุ ายีห่ อตางๆ
ผลกระทบกับคา นิยมแบบน้ี
บุคคลท่ีมีคา นยิ มแบบน้ี อาจจะปนทอนสุขภาพได เพราะไมไดระมัดระวังในเร่ือง
ของการรับประทานอาหาร ควรจะมกี ารปรบั ปรงุ แกไขเพ่ือใหมีสุขภาพแข็งแรง และมีชีวิตท่ียืนยาว
ได ผูที่มีคานิยมบริโภคแบบนี้ ถาเปนผูสูงอายุจะทําใหเกิดอันตรายตอสุขภาพ เชน มักจะพบกับ
โรคภยั ไขเ จ็บตางๆ และมักจะมอี ายุสน้ั

เรื่องที่ 4 ปญ หาสุขภาพท่เี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ ูกหลกั โภชนาการ

ปจจุบันการดําเนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมือง เปนไปอยางเรงรีบ ทําใหการ
บรโิ ภคอาหาร ก็เนน อาหารตามทีร่ ับประทานไดสะดวกรวดเร็ว เชน อาหารฟาสตฟูด (Fast Food) ทํา
ใหเ กิดปญ หาโรคอว น และโรคอนื่ ๆอีกมาก ดงั นัน้ จึงควรทาํ ความเขาใจถึงองคป ระกอบสําคญั ดงั น้ี

89

1) อาหาร (Food) หมายถึงสิ่งที่เรากินไดและมีประโยชนตอรางกาย ส่ิงที่กินไดแตไมเปน
ประโยชนหรือใหโ ทษแกร า งกาย อาทิ สุรา เห็ดเมา เรากไ็ มเ รยี กส่งิ นน้ั วา เปน อาหาร

2) โภชนาการ (Nutrition) มีความหมายกวางมากกวาอาหาร โภชนาการ หมายถึง เรื่องตางๆ
ที่วาดวยอาหาร อาทิ การจัดแบงประเภทสารอาหาร ประโยชนของอาหาร การยอยอาหาร โรคขาด
สารอาหาร เปน ตน โภชนาการเปนวิชาสาขาหน่ึงซึ่งมีลักษณะเปน วิทยาศาสตรประยุกต ที่กลา วถงึ การ
เปลี่ยนแปลงตางๆของอาหารที่เรารับประทานเขาไปเพื่อใชประโยชนในดานการเจริญเติบโตและ
ซอมแซมสวนตา งๆของรางกาย

3) สารอาหาร ( Nutrient) หมายถึง สารเคมีที่เปนสวนประกอบสําคัญในอาหาร สารเคมี
เหลาน้มี ีความสาํ คญั และจําเปน ตอ รา งกาย อาทิ เปนตัวทําใหเกิดพลังงานและความอบอุนตอรางกาย
ชวยในการเจรญิ เตบิ โต ชวยซอ มแซมสว นท่สี กึ หรอทาํ ใหร า งกายทาํ งานไดตามปกติ เม่ือนําอาหารมา
วเิ คราะหจ ะพบวา มีสารประกอบอยูมากมายหลายชนดิ ถา แยกโดยอาศัยหลักคุณคาทางโภชนาการจะ
แบงออกเปน 6 ประเภท ไดแ กโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมนั วติ ามิน เกลือแร และน้าํ

4) พลงั งานและแคลอรี่
ไขมัน คารโบไฮเดรต และโปรตีน ใหประโยชนแกรางกายหลายอยางที่สําคัญคือ การใช
พลงั งานแกรา งกาย พลังงานในทน่ี ้หี มายถึงพลงั งานทรี่ า งกายจาํ เปน ตองมี ตอ งใชและสะสมไว เพ่ือใช
ในการทํางานของอวัยวะทั้งภายในและภายนอกรา งกาย
นักวิทยาศาสตรวัดปริมาณของพลังงานหรือกําลังงานที่ไดจากอาหารเปนหนวยความรอน
เรยี กวาแคลอร่ี โดยกําหนดวา 1 แคลอรี่ เทา กบั ปริมาณความรอ นท่ที าํ ใหนํา้ 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงข้ึน 1
องศาเซลเซียส แตในทางโภชนาการพลังงานท่ีไดรับจากการอาหารท่ีกินเขาไป 1 แคลอรี่ (ใหญ)
เทากบั ปริมาณ ความรอ น ท่ีทาํ ใหน้ํา 1 กิโลกรัม มอี ุณหภูมสิ ูงขน้ึ 1 องศาเซลเซียส
5) อาหารหลกั 5 หมู อาหารเปน สง่ิ จาํ เปนยง่ิ สําหรับการเจรญิ เติบโต การบํารุงเลี้ยงสวนตางๆ
ของรา งกาย มักพบวาบางคนเลอื กท่ีจะกินและไมก ินอาหารอยางหนึ่งอยางใด ซ่ึงเปนการกระทําท่ีไม
ถูกตอง หากไมกินอาหารตามความตองการของรางกาย การกินอาหารตองคํานึงถึงคุณคาของ
สารอาหารมากกวา ความชอบหรอื ไมช อบ การเลือกกินหรอื ไมกินอาหารเกิดจากสาเหตุหลายประการ
ดงั น้ี
ความคุนเคย เราจะเลือกอาหารที่เราคนุ เคยหรอื กินอยเู ปนประจํา และจะไมเลือกกินอะไรท่ีไม
คนุ เคยดงั นั้นจึงมีอาหารอีกหลายอยางท่เี รายังไมเคยกิน ซง่ึ อาจจะอรอ ยถูกปากก็ได
รสชาติ หรือความ “อรอย” เปนเหตุผลท่ีคนเราเลือกอาหาร ความอรอยของแตละคนจะไม
เหมอื นกัน อาหารอยา งหนึ่งบางคนจะบอกวา อรอ ยแตบ างคนจะเฉยๆ หรอื ไมอรอ ย
ลักษณะเฉพาะของเน้ืออาหาร อาทิ บางคนชอบอาหารกรอบ อาหารนุม บางคนชอบเคี้ยว
อาหารพวกเนอื้ ทเี่ หนียวๆ เปน ตน

90

ทศั นะคติ ของคนไทยครอบครวั หรอื เพ่ือนจะมีอิทธิพลตอความชอบไมชอบอาหารของทาน
อาทใิ นครอบครวั ทพ่ี อ ไมกินตนหอมหรือผักชีเลย ไปกินอาหารท่ีไหนก็จะเขี่ยตนหอมผักชีออกจาก
จานทุกครัง้ ลกู ๆก็จะเลยี นแบบกลายเปนไมชอบไปดวย

ดังน้ันเพื่อสุขภาพเราจึงควรลองกินอาหารท่ีไมเคยกินทีละอยางสองอยางโดยคํานึงถึง
ประโยชนข องมนั มากกวา เมอ่ื ไดล องกินแลวอาจะพบวา จริงๆ แลวมันก็อรอยไมแพอาหารจานโปรด
และไมเ กิดปญหาสุขภาพที่เกิดจากการบริโภคอาหารไมถ กู หลกั โภชนาการดวย

ปญ หาจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลักโภชนาการไดแก
- ภาวะทุพโภชนาการ
- ภาวะโภชนาการเกิน (โรคอว น)
ภาวะทพุ โภชนาการ (Malnutrition)
ภาวะทุพโภชนาการ หมายถงึ ภาวะที่รางกายไดรับสารอาหารผดิ เบ่ยี งเบนไปจากปกติ อาจเกดิ
จากไดรับสารอาหารนอ ยกวา ปกตหิ รือเหตุ ทตุ ิยภูมิ คอื เหตเุ นอื่ งจากความบกพรองตางจากการกินการ
ยอยการดดู ซมึ ในระยะ 2-3 ปแรกของชีวิต จะมีผลกระทบตอระดับสติปญญา และการเรียนภายหลัง
เนอ่ื งจากเปน ระยะท่มี ีการเจรญิ เตบิ โตของสมองสงู สุด ซงึ่ ระยะเวลาที่วิกฤติตอพัฒนาการทางรางกาย
ของวัยเด็กมากที่สุดน้ันตรงกับชวง 3 เดือนหลังการต้ังครรภจนถึงอายุ 18-24 เดือนหลังคลอด เปน
ระยะทมี่ ีการปลอกหมุ เสนประสาทของระบบประสาท และมีการแบงตวั ของเซลล
ประสาทมากท่ีสดุ เมอื่ อายุ 3 ป มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต ถึงรอยละ 80 สําหรับผลกระทบทาง
รางกายภายนอกท่ีมองเห็นไดคือเด็กมีรูปรางเตี้ย เล็ก ซุบผอม ผิวหนังเหี่ยวยนเน่ืองจากไขมันช้ัน
ผิวหนงั นอกจากน้อี อวัยวะภายในตางๆ กไ็ ดรบั ผลกระทบเชน กนั
1. หวั ใจ จะพบวา กลามเนอ้ื หวั ใจไมแ นน หนา และการบบี ตวั ไมดี
2. ตับ จะพบไขมันแทรกอยูในตับ เซลลเน้ือตับมีลักษณะบางและบวมเปนน้ําสาเหตุให

ทํางานไดไ มดี
3. ไต พบวาเซลลท วั่ ไปมลี กั ษณะบวมนา้ํ และติดสจี าง
4. กลามเนอ้ื พบวา สวนประกอบในเซลลลดลง มีน้าํ เขา แทนท่ี
นอกจากการขาดสารอาหารแลว การไดร ับอาหารเกิน ในรายทอ่ี ว นฉุก็ถือเปน ภาวะทุพโภชนาการเปน
การไดรบั อาหารมากเกินความตองการ พลังงานท่ีมมี ากน้ันไมไดใ ชไป พลงั งานสว นเกินเหลาน้ันก็จะ
แปลงไปเปนคลอเรสเตอรรอลเกาะจับแนนอยูตามสวนตางๆของรางกาย และอาจลุกลามเขาสูเสน
เลอื ด ผลทต่ี ามมาก็คอื โรคอว น โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ และโรคตา งๆ
การประเมนิ สภาวะโภชนาการ
1. ประวตั ิ ทีน่ ําเดก็ มาจากโรงพยาบาลเพ่ือหาสาเหตุชกั นําใหเ กิดภาวะขาดสารอาหาร
2. การตรวจรางกาย เพือ่ หารอ งรอยการผดิ ปกตซิ ่งึ เกดิ จากการขาดสารอาหารและวิตามิน

91

การตรวจรางกาย เพือ่ ประเมินสภาวะโภชนาการของเด็กแบง ไดเปน 2 ตอน คอื การตรวจรา งกายท่ัวไป
กบั การตรวจโดยการวัดความเจรญิ ทางรางกาย

การตรวจรางกายทวั่ ไปโดยแพทย จะเปน แนวทางชว ยประเมินสภาวะของเดก็ และเปน
แนวทางวินจิ ฉยั การขาดสารอาหารและวิตามนิ

การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรางกาย เปนการวัดขนาดทางรางกายคือ สวนสูง
และนํา้ หนกั เพ่อื บอกถงึ โภชนาการของเดก็

ภาวะโภชนาการเกิน
เมอ่ื คนเราบริโภคอาหารชนดิ ใด ชนิดหน่ึง เกินความตองการของรางกาย จะทําใหเกิดภาวะ

โภชนาการเกินจนเกดิ โรคได และโรคทีเ่ กดิ จากภาวะโภชนาการเกิน เปนสาเหตุของการสูญเสียชีวิต
เปนจํานวนไมนอย และเปนตนเหตุของการเจ็บปวยที่ตองเสียคาใชจายในการรักษายาวนานเชน
โรคหวั ใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคอวน เปนตน

โรคหวั ใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease)
โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด เปนสาเหตกุ ารตายทสี่ ําคัญในลาํ ดับตน ๆ ของประชาชนไทยมาโดย

ตลอด โรคดังกลาวเปนการเปล่ียนแปลงทางอายุรศาสตรที่เก่ียวของกับหัวใจและหลอดเลือด ซ่ึงจะ
หมายรวมถึงโรคตางๆ และภาวะอาการของโรค เชน โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary heart disease)
ภาวะหลอดเลอื ดหัวใจแขง็ (Arteriosclerosis) และอาการความดนั เลือดสงู (Hypertension) เปนตน โรค
ที่สาํ คญั ในกลุม น้ีคอื โรคหลอดเลอื ดหวั ใจหรือโรคหลอดเลือดหวั ใจตีบ ซงึ่ จดั วาเปน โรคที่เปนสาเหตุ
ของการปว ย และการตายที่สูงของประชาชนชาวไทยในปจ จุบัน

โรคหลอดเลอื ดหัวใจ
โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ เปน โรคชนิดหนึง่ ที่เกดิ จากหลอดเลือดแดงหวั ใจแข็ง ตีบ ตนั ขาดความ
ยืดหยนุ หลอดเลือดหัวใจตีบหรือตนั หรือเกิดจากล่มิ เลอื ดอดุ ตันหลอดเลือดหัวใจ จนทําใหกลามเน้ือ
หัวใจขาดเลอื ด หรอื ทาํ ใหกลา มเน้อื หัวใจตาย โรคนี้เปนสาเหตุสําคัญของอัตราการปวยการตาย ของ
คนไทยในปจจบุ ัน และมีแนวโนม จะเพมิ่ มากขน้ึ ในอนาคต
สาเหตุ
1. กรรมพนั ธุ ผูที่พอแม ปยู า ตายาย ปวยเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจจะมคี วามเส่ยี งมากกวา
ไขมนั ในหลอดเลอื ด ถาสูงกวา ปกติจะทาํ ใหห ลอดเลอื ดแข็ง เส่ียงตอการเปน โรคหลอดเลือดหัวใจ
2. ความดันเลอื ดสูง
3. เบาหวาน ผทู เี่ ปนเบาหวานมกั จะเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจดว ย
4. ความอวน ความอว นกับโรคหลอดเลือดหัวใจ มักจะเกิดข้ึนดวยกันเสมอ โดยเฉพาะคน

อวนทพ่ี งุ มกั จะมีไขมนั ในเลอื ดสูงจนเปน โรคหลอดเลือดหัวใจดวย

92

5. ออกกําลังกายนอยหรือขาดการออกกําลังกาย การไหลเวียนเลือดไมคลองพอ การเผา
ผลาญพลงั งานนอย ทาํ ใหส ะสมไขมนั จนกลายเปนโรค

6. ความเครียด และความกดดนั ในชีวิต อาจสงผลทําใหเ ปน โรคนไี้ ด
7. การสบู บุหร่ี สารนิโคตินและทารจ ากควันบุหร่มี ผี ลตอ การเกดิ โรคนี้
นอกจากสาเหตทุ ี่สาํ คญั ดังกลาว ซ่ึงจดั วาเปน ปจจัยทส่ี ามารถเปลี่ยนแปลงได อาจมีปจจัยเส่ียง
อ่ืน ๆ ท่ีเปนสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เชน เพศ อายุ เชื้อชาติ เปนตน จากการศึกษา
พบวา เพศชายเส่ยี งตอการเกดิ โรคนมี้ ากกวา เพศหญิง ยกเวนผูหญิงในวัยหมดประจําเดือนเนื่องจากมี
ระดับฮอรโ มนเอสโตรเจนลดลง มไี ขมนั ในเลือดสูง สําหรบั อายุพบวามีอัตราการเกิดโรคนี้สูงมากใน
ผสู ูงอายุ และเชอ้ื ชาติพบวา ในคนผิวดํามีอตั ราการเกิดโรคนมี้ ากกวาคนผิวขาว

อาการ
1. เจบ็ หนา อกเปนๆ หายๆ หรือเจบ็ เมือ่ เครียด หรอื เหน่อื ย ซง่ึ เปนลักษณะอาการเรม่ิ แรก
2. เจบ็ หนา อกเหมอื นมีอะไรไปบบี รดั เจบ็ ลึกๆ ใตก ระดกู ดา นซา ยราวไปถึงขากรรไกรและ
แขนซา ยถงึ นว้ิ มือซา ย เจบ็ นานประมาณ 15-20 นาที ผูปวยอาจมีเหง่ือออกมาก คล่ืนไสหายใจลําบาก
รูสกึ แนนๆ คลา ยมเี สมหะตดิ คอ บางครั้งมีอาการคัดจมูกคลายเปนหวัด เมอ่ื เปนมากจะมอี าการหนา มืด
คลา ยจะเปน ลม และอาจถึงขั้นเปน ลมได บางครัง้ พอเหน่อื ยกจ็ ะรูสกึ งวงนอนและเผลอหลบั ไดงาย
3. ผปู ว ยมีอาการหวั ใจส่ัน หวั ใจเตนไมสมาํ่ เสมอ
4. ในกรณีทร่ี นุ แรง อาการเจบ็ หนาอกจะรนุ แรงมาก มักจะเกิดจากการที่มีล่ิมเลือดไปอุดตัน
บริเวณหลอดเลอื ดท่ตี บี ทําใหเกิดกลา มเน้ือหวั ใจตาย ผูป ว ยอาจมีอาการหวั ใจวาย ชอ็ ก หัวใจหยุดเตน
ทําใหเ สียชวี ิตอยา งกะทันหันได

การปองกัน
1. หากพบวา บุคคลในครอบครวั มปี ระวัติเปนโรคน้ี ควรเพ่ิมความระมัดและหลีกเล่ียงจาก
ปจจัยเส่ยี ง เพราะอาจกระตนุ การเกดิ โรค
2. ลดอาหารทีท่ าํ จากน้ํามันสตั ว กะทิจากมะพราว น้าํ มนั ปาลม และไขแดง
3. ไมควรรบั ประทานอาหารทมี่ รี สเค็มจดั
4. ลดอาหารจาํ พวกแปง คารโบไฮเดรต รบั ประทานอาหารพวกผกั ผลไมม ากๆ
5. งดอาหารไขมนั จากสัตวแ ละอาหารหวานจัด
6. ออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ
7. พกั ผอ นใหเ พยี งพอวนั ละ 6-8 ชัว่ โมง และหาวธิ ผี อ นคลายความเครียด
8. หลกี เล่ียงหรอื งดการสบู บุหรี่


Click to View FlipBook Version