อาณาจกั รทวารวดี
อาณาเขตและทต่ี ้งั ศูนย์กลาง
อาณาจักรทวารวดี
ในระยะแรกสนั นิษฐานว่าตงั้ อย่ทู ่ีเมืองอ่ทู องจังหวดั สุพรรณบรุ ี ตอ่ มา
อาจยา้ ยไปอย่ทู ่ีเมืองนครปฐม หรือไม่ก็อยู่ท่ีเมืองคูบัว ในเขตจงั หวดั
ราชบรุ ใี นปัจจบุ นั เน่ืองจากบริเวณทงั้ 3 แห่ง ดงั กล่าว มีรอ่ งรอยเมือง
โบราณ ศิลปวัตถุ และโบราณสถานแบบทวารวดีเป็นจานวนมาก
เ ห มื อ น ๆ กัน แ ต่ ก็ ยัง ส รุ ป ไ ม่ไ ด้แ น่ น อ น โ ด ย พิ จ า ร ณ า ดัง นี้
1.เมอื งนครปฐมโบราณ ไดร้ บั การสนั นิษฐานวา่ น่าจะเคยเป็นราชธานีของอาณาจกั รทวาราวดีเจริญรุง่ เรือง
ขนึ้ ราวพทุ ธศตวรรษท่ี 12 โดยพิจารณาจากการคน้ พบเหรียญเงินถึง 2 เหรียญ ท่ีมีจารกึ วา่ ศรีทวารวดีศวร
ปณุ ยะ ซง่ึ แปลวา่ บญุ ของผเู้ ป็นเจา้ แห่งทวารวดี เมืองนครปฐมโบราณจึงน่าจะมีความสาคัญมากกวา่ เมือง
อ่ืนๆ คาว่า ทวารวดี ท่ีปรากฏสืบมา อยู่ในสรอ้ ยนามของเมืองหลวงเก่าของไทยในสมยั หลงั เช่น กรุงเทพ
ทวารวดศี รีอยธุ ยา ผงั เมืองนครปฐมโบราณท่ีมขี นาดใหญ่ท่ีสดุ ในประเทศไทย การพบจารกึ ภาษามอญท่ีเก่า
ท่ีสุดโบราณสถาน โบราณวัตถุท่ีพบอย่างมากมาย และโบราณสถานแต่ละแห่งล้วนมีขนาดใหญ่
2. เมืองอ่ทู อง สนั นิษฐานวา่ เมืองอ่ทู อง น่าจะเป็นเมืองหลวงหรือราชธานีอย่างนอ้ ยช่วงระยะเวลาหน่ึง
โดยพิจารณาจากการพบเหรียญเงินท่ีมีจารกึ ว่า ศรีทวารวดี ศวรปุณยะ จานวน 2เหรียญ ท่ีอาเภออทู่ อง
จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี เป็นแห่งเดียวท่ีพบจารกึ กลา่ วถงึ พระนามกษัตริย์ คือ พระเจา้ หรรษวรมนั จารกึ อย่บู น
แผน่ ทองแดง กาหนดอายจุ ากตวั อกั ษรประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 13-14 เมืองอทู่ องจงึ น่าจะเป็นเมืองหลวง
ของกษัตริยพ์ ระองคน์ ีโ้ บราณสถานโบราณวัตถุภายในเมืองและบริเวณใกลเ้ คียงท่ีพบอย่างหนาแน่น
โดยเฉพาะโบราณวตั ถุสมยั แรกกบั อิทธิพลอินเดีย เช่น ลูกปัดรูปแบบตา่ งๆ เหรียญโบราณ เป็ นเมืองท่ีมี
ความเจริญมานานไม่ขาดสาย ตงั้ แต่สมยั ก่อนประวตั ิศึาสตร์ และเจริญสืบเน่ืองต่อกันมาถึงสมัยฟูนัน
พทุ ธศตวรรษท่ี 6-9 อาจเป็นเมืองหลวงของฟนู นั ดว้ ยจนถงึ สมยั ทวาราวดี
3. เมืองลพบรุ ี โดยพิจารณาจากเหรียญเงินมีจารึกเป็นภาษาสนั สกฤตว่า ลวปุระ (หรือละโว้ ช่ือเดิม
ของเมอื งลพบรุ ี) ท่ีเมืองอทู่ อง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี พบโบราณสถานโบราณวตั ถเุ ป็นจานวนมาก
การเมืองการปกครองของอาณาจักรทวารวดี
การปกรองแบ่งเป็นแควน้ ๆ แตล่ ะกล่มุ จะมีเจา้ นายหรือหวั หนา้ ปกครอง เป็นระบบเครือญาติท่ี
เป็นพนั ธมิตร ตามลกั ษณะการปกครองแบบนครรฐั กษัตรยิ เ์ มอื งใดมอี าวโุ สกจ็ ะไดร้ บั การยอมรบั
ใหเ้ ป็นผูน้ า การจดั การการปกครองของอาณาจกั รทวารวดี แต่ละเมืองจะมีหัวหนา้ ปกครองซ่งึ
อาจเป็นกษัตริยห์ รือมีฐานะเทียบเท่า ในสงั คมมีการแบ่งชนชนั้ เช่น กษัตริยแ์ ละบรมวงศานวุ งศ์
ขนุ นาง พ่อคา้ ช่างฝีมือ และชาวนา มีเมืองต่างๆ ขนึ้ อย่กู บั อาณาจกั รทวารวดีได้แก่ เมืองคเู มือง
(สิงหบ์ รุ ี) เมืองจนั ทเสนและโคกไมเ้ ดน (นครสวรรค)์ เมืองหนองแซง (สระบุรี) ดงพระศรีมหาโพธิ์
หรือเมืองศรีวตั สะปรุ ะ (ปราจีนบรุ ี) เมืองศรเี ทพและเขาถมอรตั น์ (เพชรบรู ณ)์ เมืองคบู วั (ราชบุรี)
เมืองฟ้าแดดสงู ยาง (กาฬสินธุ์) ศูนยก์ ลางการปกครองของแควน้ อยู่ท่ีภาคกลางอาจเป็ นเมือง
นครปฐมหรือเมอื งอทู่ อง เพราะเหรยี ญเงินและแผ่นทองแดงท่ีพบท่นี ครปฐมมีจารกึ การอทุ ิศถวาย
พระราชกุศลแก่พระราชาแห่งทวารวดีแสดงถึงอาณาจักรทวารวดีมีกษัตริย์ปกครอง และมี
โบราณสถานในจงั หวดั นครปฐมหลายแหง่ เช่นท่ีวดั พระปฐมเจดยี ์ วดั พระประโทณวดั พระเมรุ วดั
ธรรมศาลา วดั ดอนยายหอม รวมทงั้ โบราณวตั ถุ พระพุทธรูปสมยั ทวารวดีอีกมากมาย รวมทั้ง
เสมาธรรมจกั รและกวางหมอบ สว่ นท่ีสนั นิษฐานวา่ เมอื งอ่ทู องอาจเป็นศนู ยก์ ลางอาณาจกั รทวาร
วดีอีกดว้ ย เพราะพบจารึกบนแผ่นทองแดงและเหรียญเงิน เช่นกัน ตลอดจนมีโบราณวัตถุทาง
การคา้ เช่น ถว้ ยชามเคร่ืองประดบั ทาจากเงิน ทอง สาริด เหรยี ญกษาปณเ์ ชน่ กนั
และยงั พบซากตวั เมอื งโบราณขนาดใหญ่มาก มีปราสาทราชวงั
พทุ ธศาสนาสมยั ทวาราวดี
ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๑-๑๖ในจดหมายเหตขุ องสมณะ
จีนเฮ่ียงจงั ตรงกบั พุทธศตวรรษท่ี ๑๒กล่าววา่ ถดั ไปจากทิศ
ตะวนั ออกของอินเดียทางมณฑลอสั สมั มีเทือกภูเขาใหญ่สี
ดาเทียมเมฆ (คือทิวเขาอารกนั โยมา) มีอาณาจกั รช่ือ “สิกห
ลี สกั ตกลอ้ ” (ศรีเกษตร คือ พมา่ )
ถดั อาณาจกั รนีไ้ ปอกี มีอาณาจกั รช่ือ “ตยุ ลอ้ กวั ต่ี” คาจีนท่ีวา่ นี้ ดร. เซเดสเ์ ป็นคนแรกท่ีสนั นิ
ฐานวา่ ตรงกบั คาทวาราวดี ต่อมาภายหลงั ไดพ้ บจารกึ กมั พูชาหลกั หน่งึ ออกช่ือเมือง “ทวาร
กะเดย” ซ่งึ สนบั สนนุ ขอ้ สนั นิฐานของ ดร. เซเดสม์ าก อาณาจกั รทวาราวดี เป็นอาณาจกั รท่ี
ย่ิงใหญ่ ตงั้ อยู่ท่ามกลางพม่ากบั ขอม เจริญขนึ้ ในขณะท่ีอาณาจักรฟนู นั เส่ือมลง พวกมอญ
ทางลมุ่ แมน่ า้ เจา้ พระยา ประกาศตงั้ เป็นอิสระภาพตงั้ เป็นอาณาจกั รทวาราวดีขนึ้
อาณาเขตเร่ิมตง้ั แต่ล่มุ แม่นา้ เจา้ พระยาตอนใต้ (นครปฐมน่นั เอง) แผ่เขตขึน้ ไปตลอดภาคอีสานและทางใตถ้ ึง
เมืองนครศรีธรรมราช ไดพ้ บจารกึ ภาษามอญโบราณหลายหลกั ในล่มุ แม่นา้ เจา้ พระยา และล่มุ แม่นา้ ปิง (แต่
หนงั สือของอาจารย์ วสิน อินทสระ กลา่ ววา่ ทางตอนใตแ้ ผไ่ ปเมืองครหิ จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านีปัจจุบนั และตอนบน
ของแหลมมลายู)อาณาจกั รทวาราวดีประชาชนนบั ถือนิกายเถรวาท ซึ่งมีความสมั พนั ธก์ บั ทางอินเดีย เน่ืองจาก
เคยเจริญมาก่อนในสมยั ที่เป็นสวุ รรณภูมิ อาณาจกั รนีจ้ ึงเจริญอย่างรวดเร็วและมีอานาจขึ้นมาภายหลงั ใช่ว่า
อาณาจกั รทวาราวดีจะเผยแผ่อานาจแค่เท่านี้ ยงั แผ่อานาจขยายขึน้ ไปทางภาคอีสานทั้งภาค เช่น การขุดพบ
ศิลปะวัตถุต่างๆ มากมาย การขุดพบกรุสมบัติท่ีคูบัว จ. ราชบุรี พุทธศิลปะแบบทวาราวดี ภาคอีสานพบ
โบราณสถานเป็นเมืองเก่าชื่อ เมืองฟ้าแดดสูงยากนกนคร ไดพ้ บพระพุทธรูป เสมาธรรมจกั ร ทาด้วยศิ ลา
อาณาจกั รทวาราวดี มีความสมั พนั ธก์ บั ชาวพทุ ธอินเดียในล่มุ แม่นา้ คงคามาก เพราะฉะนน้ั พุทธศิลปะที่มีจึง
ลอกเลียนแบบของราชวงศค์ ปุ ตะ และศิลปะสว่ นใหญ่ก็คน้ พบที่จงั หวดั นครปฐมและสพุ รรณบุรี หนงั สือของ
อาจารย์ วสิน อินสระ กล่าววา่ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๒อานาจของทวาราวดีขยายขนึ้ ไปถึงลพบรุ ีและแผ่ขึน้ ไป
ทางเหนือของประเทศไทยปัจจบุ นั ถึงลาพนู ดงั มีตานานเลา่ วา่ พระนางจามเทวี เป็นกษัตริยเ์ ชือ้ สายมอญจาก
ลพบรุ ีขนึ้ ไปครองเมืองหรภิ ุญไชย คือลาพูน ไดอ้ าราธนาพระสงฆผ์ ทู้ รงพระไตรปิฎกไปประกาศศาสนา พระ
เหล่านน้ั ลว้ นเป็นพทุ ธสาวกฝ่ ายเถรวาททง้ั สิน้ ทาใหป้ ระชาชนชาวหริภญุ ไชยม่นั คงในพทุ ธศาสนาอย่างเถร
วาทมาจนถงึ สมยั ปัจจบุ นั
วถิ ีชีวติ ของคนสมยั ทวารวดี
• สภาพสงั คมทวารวดีนนั้ ลกั ษณะไม่น่าจะเป็นอาณาจกั ร คงเป็นเมืองขนาดต่าง ๆ ซง่ึ พฒั นาขยายตวั จาก
สงั คมครอบครวั และสงั คมหมบู่ า้ นมาเป็นสงั คมเมืองท่ีมีชุมชนเล็ก ๆ ลอ้ มรอบ มีหวั หน้าปกครอง มีการ
แบ่งชนชนั้ ทางสงั คม นอกจากนีย้ งั มีการใชศ้ าสนาเป็นเคร่ืองมือในการปกครอง ความสมั พันธร์ ะหว่าง
เมืองต่อเมืองหรือรฐั ตอ่ รฐั ไมใ่ ช่ความสมั พนั ธโ์ ดยการเมือง แต่โดยการคา้ ศาสนา และความเหมือนกัน
ทางวฒั นธรรม
• เศรษฐกิจของชุมชนทวารวดีคงจะมีพืน้ ฐานทางการเกษตรกรรม มีการคา้ ขายแลกเปล่ียนระหว่างเมือง
หรือการคา้ ขายแลกเปล่ียนกบั ชุนชนภายนอก ชุมชนทวารวดีเร่ิมตน้ แนวความเช่ือแบบพุทธศาสนา ใน
ลทั ธิเถรวาท ควบค่ไู ปกบั การนบั ถือศาสนาพราหมณห์ รือฮินดโู ดยเขมร และในตอนทา้ ยคติความเช่ือได้
เปล่ียนแปลงไป
• ทงั้ ลทั ธิไศวนิกาย และลทั ธิไวษณพนิกาย โดยศาสนาพราหมณ์ หรือศาสนาฮินดจู ะแพร่หลายในหมชู่ ม
ชนชนั้ ปกครอง ในระยะหลงั เม่ือเขมรเขา้ ส่สู มยั เมืองนคร เศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรมทวารวดีก็ถูก
ครอบงา
ลักษณะและความเป็ นอย่ขู องชาวทวารวดี
• จากโบราณสถานตามท่ีต่างๆ ทาใหท้ ราบว่าเมืองสมยั ทวารวดีมีกาแพงดินและคูเมืองล้อมรอบ
ภายในเมืองมสี ระนา้ ๒ แห่ง บางเมอื งมสี ระ อยหู่ นา้ ประตเู มอื ง ภายในเมืองมีระบบระบายนา้ รางดี
แสดงถึงความเป็นรฐั ชลประทานภายในแผ่นดิน โบราณสถานภายในตวั เมืองมีนอ้ ยแต่ มีมากอยู่
รอบตวั เมือง จากเคร่ืองปั้นดนิ เผาและเคร่ืองประดบั พบวา่ คนสมยั ทวารวดีมีใบหนา้ กลมและเหล่ียม
ริมฝีปากหนา บางคนผมหยิก ทั้งชายหญิงมีทรงผมท่ีแปลก สวมตุม้ หูเป็นห่วงโตบางคนสวม
สรอ้ ยคอหรือห่วงเงิน บา้ งใชล้ ูกปัดสีต่างๆ มาประดบั กายน่งุ ผา้ โจงกระเบน มีสายคาดท่ีเอว สวม
แหวนทาดว้ ยสาริด หวั แหวนมีทงั้ ธรรมดาและมีตรา พบว่าพาหนะเป็นปนู ปั้นมีทงั้ สาเภา ชา้ งมา้ เรือ
สาเภาใชค้ า้ ขายกบั ตา่ งประเทศเพราะพบลกู ปัดมตี รา เป็นของท่ีทามาจากเมืองจีนหรือประเทศแถบ
ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียน
หลกั ฐานแสดงความเป็ นมาของ
อาณาจกั รทวารวดี
• การศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการในสมัยต่อมาต่างก็ยอมรับว่า ในดินแดนประเทศไทยมี
อาณาจกั รทวารวดีเม่ือไดพ้ บเหรียญเงิน 2 เหรียญท่ีโบราณสถานเนินหิน ใกลว้ ดั พระประโทน
จังหวัดนครปฐมเม่ือ พ.ศ.2486เหรียญเงินทั้งสองนั้น ดา้ นหน่ึงมีข้อความจารึกเป็ นภาษา
สนั สกฤตอา่ นไดว้ า่ ศรีทวารวดี ศวรปณุ ยะ ซง่ึ แปลเป็นภาษาไทยวา่ บญุ ของผเู้ ป็นเจา้ แห่งทวารวดี
จงึ เป็นส่ิงยา้ วา่ อาณาจกั รทวารวดีนนั้ มีอยจู่ รงิ
• หลงั จากนนั้ ไดพ้ บเหรียญท่ีมีจารกึ แบบเดยี วกนั นีอ้ ีก เหรยี ญท่ีอาเภออ่ทู อง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ีและ
ท่ีเมืองโบราณบา้ นคเู มือง อาเภออินทรบ์ รุ ี จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี แหง่ ละเหรยี ญ
ความเชื่อในอาณาจกั รทวารวดี
ทวารวดเี ร่ิมตน้ แนวความเช่ือแบบพทุ ธศาสนา ในลทั ธิเถรวาท ควบคู่ไปกบั การ
นบั ถือศาสนาพราหมณห์ รือฮินดู ทงั้ ลทั ธิไศวนิกาย และลทั ธิไวษณพปกครอง
ในระยะหลงั เม่อื เขมรเขา้ สสู่ มยั เมอื งนคร เศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรมทวาร
วดีก็ถกู ครอบงาโดยเขมร และในตอนทา้ ยคติความเช่ือไดเ้ ปล่ียนแปลงไนิกาย
โดยศาสนาพราหมณ์ หรอื ศาสนาฮินดจู ะแพรห่ ลายในหมชู่ มชนชนั้ ป
มรดกวฒั นธรรมอาณาจกั รทวารวดี
มรดกทางวฒั นธรรม ดา้ นวฒั นธรรมประเพณี และ ความเช่ือเก่ียวกบั พระพทุ ธศาสนา ไดแ้ ก่ การ
ทาบญุ ในโอกาสตา่ งๆ การบวช คติความเช่ือเร่ืองพระมหากษัตริยเ์ ป็นพระโพธิสตั ว์ การสรา้ งพระพิมพ์
และพระพทุ ธรูป วฒั นธรรมสมยั ทวารวดี ไดส้ รา้ งความเป็นปึกแผ่นและทาใหเ้ กิดความเป็นอนั หน่งึ อนั
เดียวกนั ในการหลอมรวมและผสมผสานความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมของชนแตล่ ะกล่มุ ใหม้ ีแกนกลาง
ในการหลอมรวมและผสมผสานความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมของชนแตล่ ะกลมุ่ ใหม้ วี ฒั นธรรมเดียวกนั
คอื “วฒั นธรรมทางพทุ ธศาสนา ” เช่น ธรรมเนียมการบูชาพระบรมธาตแุ พร่หลายมากในสมยั ทวารวดี
โดยมีหลักฐานจากการสร้างเสมา อันเป็นศิลปะสมัยทวารวดี แสดงการสลักภาพสถูป ซ่ึงเป็ น
สญั ลกั ษณก์ ารบชู าพระธาตุ การสรา้ งวดั เป็นศนู ยก์ ลางชมุ ชน การสรา้ งเจดียโ์ ดยใชอ้ ิฐดินเผาเป็นวสั ดุ
ก่อสรา้ งและฉาบดว้ ยปูนซีเมนต์ นอกจากนั้นศิลปะดา้ นประติมากรรมยังมีการสืบทอดการสรา้ ง
พระพุทธรูป และการทาลวดลายปูนปั้นเป็นรูปคน ยักษ์ และสตั วต์ ่างๆ เพ่ือประดบั ตกแต่ง ศาสนา
สถานใหด้ สู วยงาม วฒั นธรรมท่ียงั คงมรี อ่ งรอยเหลืออย่จู นปัจจบุ นั
การเส่ือมสลายของอาณาจกั รทวารวดี
ตอนปลายสมยั ทวารวดี เมืองตา่ งๆ ของอาณาจกั รทวาราวดสี ว่ นใหญ่ถกู ทิง้ รา้ งสาเหตุเกิดจาก
แม่นา้ สาคญั เคยไหลหลอ่ เลยี้ งเมืองตนื้ เขนิ หรอื เปล่ยี นเสน้ ทางเดิน ทาใหข้ าดแคลนนา้ เมือง
บางเมืองตอ้ งยา้ ยท่ีตงั้ ไปอยทู่ ี่ใหม่ใกลท้ างนา้ แตก่ ็มีบางเมืองมีการอยู่อาศยั ติดตอ่ มาอยา่ งไม่
ขาดชว่ งจนถึงสมยั อยธุ ยาในชว่ งปลายพทุ ธศตวรรษที่ 16 อิทธิพลทางวฒั นธรรมและการเมือง
จากเขมรจากดา้ นตะวนั ออกไดแ้ ผเ่ ขา้ มายงั ภาคกลางของประเทศไทยวฒั นธรรมทวาราวดีที่เคย
รุง่ เรอื ง ไดถ้ กู วฒั นธรรมเขมรเขา้ ครอบงาจนลม่ สลายลงการสนิ้ สดุ ของอาณาจกั รทวารวดีอาจ
เป็นเพราะสาเหตุ 2 ประการ คือ
ประการแรกความแปรเปล่ียนของสภาพภมู ิศาสตรแ์ ม่นา้ เปล่ียนทางเดิน
เชน่ ในเมืองอทู่ องหรอื ทะเลตืน้ เขินกลายเป็นแผ่นดินงอกลึกออกไปในทะเล
ทาใหต้ วั เมืองที่เคย ตง้ั อยรู่ มิ ทะเลเชน่ เมืองนครปฐมเดิมต้องรน่ เขา้ ไปอยใู่ น
แผ่นดิน เพราะมีหลักฐานว่า ได้พบซากสมอเรือและเปลือกหอยทะเล
มากมายที่บริเวณเมืองนครปฐมเก่าทาใหก้ ารคมนาคมติดต่อยากลาบาก
ประการท่ีสอง อาจเป็นเพราะอิทธิพลของขอมที่แผ่ขยายเขา้ มาในพุทธ
ศตวรรษที่ 16 ทง้ั ทางดา้ นการปกครองและวฒั นธรรมจนยากที่จะปอ้ งกนั ได้
ศิลปะสมยั ทวารวดีท่ียงั คงเหลือใหเ้ ห็นหลายอย่างเช่นพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ในท่าประทบั น่งั
หอ้ ยพระบาท ศิลาสลกั รูปวงลอ้ มธรรมจกั รกบั กวางหมอบ ซง่ึ หมายถงึ พระพทุ ธเจา้ แสดงปฐมเทศนา
ณ ป่ าอิสิปตนมฤคทายวนั เมืองพาราณสี พบท่ีเมืองนครชยั ศรีจงั หวดั นครปฐม พระพุทธรูปปนู ปั้น
ดินเผาและพระพิมพ์ พบท่ีเมืองอ่ทู อง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี ซากโบราณสถานหลายแห่งท่ี เมืองคบู วั
จงั หวดั ราชบรุ ี พบประติมากรรมดินเผา และปนู ปั้นสตรีเล่นดนตรี และลกู ปัดท่ีทาดว้ ยแกว้ หิน และ
ดินเผาท่ีเมอื งอทู่ อง จงั หวดั สพุ รรณบุรีภาชนะดินเผา พบหมอ้ มีสนั หมอ้ กน้ กลม ชาม ไห ถว้ ย หมอ้
นา้ พวย และหมอ้ นา้ ขวดผิวเรียบ มีทงั้ แบบมจี ารกึ และไมม่ จี ารกึ บนเหรยี ญ แตท่ ัง้ สองแบบ มกั มภี าพ
สญั ลกั ษณอ์ นั เป็นมงคลตา่ งๆ เพ่ือแสดงถงึ อานาจและความย่ิงใหญ่ของกษัตริย์ หรือเพ่ือความอดุ ม
สมบูรณแ์ ก่พืชพนั ธุธ์ ัญญาหารตามคติอินเดีย เช่น ภาพรูปพระอาทิตย์ รูปบัลลงั ก์ แสดงถึงความ
ย่ิงใหญ่ ภาพศรีวตั สะ หรือเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ภาพโคและลกู โค ภาพกวาง ภาพหม้อนา้
แสดงการเพ่ิมพูนทางการเกษตร เหรียญ มีจารึกคงผลิตขึ้นใช้เน่ืองในโอกาสพิเศษ
รายชื่อสมาชิก
1.นาย ชนิ พฒั น์ เม่งเฮงสนั เลขที่ 12
2.นางสาว กฤตยา คาปาเครอื เลขที่ 20
3.นางสาว ณฏั ฐาชลล์ ชัตไพรบลู ย์ เลขท่ี 22
4.นางสาว มิ่งมาฎา แก้วพนิ ิจ เลขท่ี 32