The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุมชนวิถีถิ่นตำบลท่าทอง 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Atthachaiarbsa, 2022-03-09 00:24:58

ชุมชนวิถีถิ่นตำบลท่าทอง 1

ชุมชนวิถีถิ่นตำบลท่าทอง 1

THATHONG

ชมุ ชนวัดจุฬามณี
ชมุ ชนวดั ศรรี ัตนาราม ชมุ ชนวดั สว่างอารมณ์ ชุมชนวัดหนองหัวยาง

โดย เทศบาลตาบลท่าทอง อาเภอเมือง จงั หวดั พิษณโุ ลก

ทป่ี รกึ ษา

จา่ สบิ เอกฉลอง นาคนวล นายกเทศมนตรตี าบลทา่ ทอง

นายไพศาล นวลทมิ รองนายกเทศมนตรีตาบลทา่ ทอง

นางสมใจ ย้มิ นุ่น รองนายกเทศมนตรีตาบลท่าทอง

นางเพญ็ พักต์ บัวดษิ ฐ์ เลขานุการนายกเทศมนตรีตาบลทา่ ทอง

นายพลั ลภ ลาทมุ ที่ปรกึ ษานายกเทศมนตรตี าบลท่าทอง

นางจารวุ รรณ วงศว์ าสน์ ปลัดเทศบาลตาบลท่าทอง

นายกรชิ ทูลยอดพันธ์ รองปลัดเทศบาลตาบลท่าทอง

บรรณาธิการ

นายไพศาล นวลทมิ รองนายกเทศมนตรีตาบลท่าทอง

นายสรุ พล บัวคา ประธานสภาวฒั นธรรมตาบลท่าทอง

นายฉลอง ภู่จั่น รองประธานสภาวัฒนธรรมตาบลท่าทอง

นางเตอื นใจ เปลี่ยนแสง รองประธานสภาวัฒนธรรมตาบลทา่ ทอง

นายสุวทิ ย์ ฟกั ทอง รองประธานสภาวัฒนธรรมตาบลท่าทอง

นายธชั ชัย สอนหาจกั ร ผอู้ านวยการกองการศึกษา

คณะกรรมการเครือขา่ ยวัฒนธรรมชมุ ชนวดั จุฬามณี / ชมุ ชนวัดสว่างอารมณ์ / ชมุ ชนวัดหนองหวั ยาง /

ชุมชนวดั ศรรี ตั นาราม (จงู นาง)

และบุคลากรกองการศกึ ษา เทศบาลตาบลท่าทอง อาเภอเมอื ง จงั หวดั พษิ ณุโลก

จดั ทาโดย

กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลทา่ ทอง อาเภอเมอื ง จงั หวดั พษิ ณโุ ลก

และนกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ิชาชีพ สาขารฐั ประศาสนศาสตร์ เอกการบรหิ ารจดั การภาครฐั

คณะสังคมศาสตร์และการพัฒนาท้องถน่ิ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบลู สงคราม

ประกาศคุณปู การ

หนังสือเล่มน้ี สาเร็จได้ ด้วยความกรุณาอย่างย่ิง ของจ่าสิบเอกฉลอง นาคนวล นายกเทศมนตรี
ตาบลท่าทอง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตาบลท่าทอง ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล ที่ได้เมตตา
อนุเคราะห์ใหด้ าเนนิ การจดั ทาหนังสอื เลม่ น้ี เป็นไปด้วยความเรียบรอ้ ยสมบูรณ์

ขอขอบพระคุณ กานนั ผใู้ หญ่บา้ น ท่ีอานวยความสะดวกในการลงพืน้ ที่ เข้าเก็บข้อมูลทั้ง 11 หมู่บ้าน
ของตาบลทา่ ทอง

ขอขอบพระคุณสภาวัฒนธรรมตาบลท่าทอง เครือข่ายวัฒนธรรมชุมชนวัดจุฬามณี เครือข่าย
วัฒนธรรมชุมชนวัดศรีรัตนาราม เครือข่ายวัฒนธรรมชุมชนวัดสว่างอารมณ์ เครือข่ายวัฒนธรรมชุมชน
วัดหนองหวั ยาง ท่ีไดก้ รณุ ารว่ มเป็นกองบรรณาธกิ าร ให้คาแนะนา ตรวจสอบ บอกเลา่ เร่ืองราวประวัติ ข้อมูล
ของชมุ ชน และใหค้ วามร่วมมือเป็นอยา่ งดีเยย่ี ม

ขอขอบพระคุณ หนึ่งมหาวิทยาลัย หน่ึงตาบล มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ลงพื้นท่ีปฏิบัติงานในตาบล
ท่าทอง ท่ีสบื ค้นขอ้ มลู ชมุ ชนเบอื้ งต้นใหเ้ ปน็ ฐานขอ้ มลู ในการจัดทารปู เลม่ น้ี

ขอขอบพระคุณ ผู้อานวยการกองการศึกษา เทศบาลตาบลท่าทอง ที่ได้กรุณาให้คาปรึกษา แนะนา
กลน่ั กรอง ตลอดจนชแี้ นะแนวทางแกไ้ ขปัญหาอปุ สรรค ข้อบกพรอ่ งต่างๆ ในระหวา่ งดาเนนิ การจัดทา รวมทั้ง
บุคลากรกองการศึกษา เทศบาลตาบลท่าทองทุกท่าน ท่ีค่อยอานวยความสะดวกในการจัดทาหนังสือเล่มนี้
และกล่ันกรองตรวจสอบขอ้ มลู แก้ไข ขอ้ เสนอแนะ จนสาเร็จสมบรู ณ์

คุณคา่ และประโยชนข์ องหนงั สอื เล่มน้ี จดั ทาขึน้ เพ่อื รวบรวมเป็นฐานขอ้ มูลชุมชนอันทรงคุณค่าไปด้วย
ประวัติ ความเป็นมา วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่จะเช่ือมต่อสู่การเป็นชุมชนท่องเท่ียววิถีถิ่น
ตาบลท่าทองในอนาคต

ขอขอบพระคุณ ผ้ทู ่ีมีสว่ นเก่ยี วขอ้ งทกุ ท่าน ทก่ี รณุ าให้ความช่วยเหลือและเป็นกาลังใจแก่คณะผู้จัดทา
จนกระท่ังทาใหง้ านสาเร็จลุล่วงไปดว้ ยดี

กองการศึกษา เทศบาลตาบลท่าทอง และ
นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์วชิ าชพี

สาขารฐั ประศาสนศาสตร์ เอกการบริหารจัดการภาครัฐ
คณะสงั คมศาสตร์และการพฒั นาทอ้ งถิ่น มหาวิทยาลยั ราชภฏั พิบลู สงคราม

CONTENT

กิจกรรมการทอ่ งเท่ยี ว

ตารางจัดกจิ กรรม
ดา้ นศาสนาและวฒั นธรรมประเพณไี ทยของตาบลท่าทอง

กิจกรรมประเพณี ชว่ งเดือน สถานที่

1. ประเพณีสงกรานต์ เมษายน วัดหนองหวั ยาง
รดนา้ ดาหวั ผสู้ ูงอายุ วดั จุฬามณี

2. ประเพณีวันเขา้ พรรษา กรกฎาคม วดั สวา่ งอารมณ์
วัดศรีรัตนาราม
3.ประเพณีวนั ออกพรรษา ตลุ าคม

4.ประเพณีลอยกระทง พฤศจิกายน

หมายเหตุ : สถานท่ีในการจัดงาน อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

ประเพณสี งกรานต์รดน้าดา้ หัวผู้สงู อายุ

สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซ่ึงสืบ
ทอดมาแต่โบราณ เป็นการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
จัดพิธีกรรมที่เกิดข้ึนในสมาชิกครอบครัว หรือชุมชน
บ้านใกล้เรือนเคียง สาหรับเทศบาลตาบลท่าทองได้จัด
งานประเพณีสงกรานต์ รดน้าดาหัวผู้สูงอายุตาบล
ท่าทองข้ึน โดยมีกิจกรรมต่างๆท่ีเป็นการอนุรักษ์
วัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ที่ดีงาม อาทิเช่น การสรง
น้าพระ การรดน้าดาหัวผู้สูงอายุแต่ละหมู่บ้าน
ตลอดจนปูชนียบุคคลที่ควรเคารพนับถือ กิจกรรม
ประกวดก่อพระเจดีย์ทราย รวมทั้งจัดกิจกรรมให้
ความสาคัญกับผู้สูงอายุในการบอกเล่าเรื่องราวผ่าน
กิจกรรม ท้ังการแสดงในรูปแบบการอนุรักษ์ประเพณี
สงกรานต์ท่ีถูกต้องแต่โบราณให้ลูกหลานได้ร่วมสืบสาน
ในการประกวดหรือกิจกรรมต่างๆที่ทางเทศบาลตาบล
ท่าทองได้จัดข้ึน รวมท้ังเพ่ือให้ประชาชนในตาบลท่า
ทองได้เล็งเห็นคุณค่าของผู้สูงวัยและร่วมกันดูแลผู้สูงวัย
ไมท่ อดท้ิงบุคคลสาคญั ในตาบลตลอดไป

ประเพณีวนั เข้าพรรษา
เทศบาลตาบลท่าทอง

คร้ังที่สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประทับอยู่

ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ มีเหตุการณ์เกิดข้ึน

คือ พวกชาวบ้านกลุ่มหน่ึงพากันกล่าวตาหนิพระสงฆ์ใน

พระพุทธศาสนาว่า ช่างไม่รู้จักกาลเวลาเสียเลยพากันจาริกไป

เร่ือย ๆ ไมห่ ยุดย้ังแม้ในระหว่างฤดูฝนบางครั้งก็ไปเหยียบข้าว

กล้าของชาวนาเสยี หาย ขณะท่ีพวกนิครนถ์นักบวช ในศาสนา

สาหรับเทศบาลตาบลท่าทอง ได้จัดกิจกรรม อ่ืนและฝูงนกยังหยุดพักผ่อน ไม่ท่องเท่ียวไปในฤดูฝนเช่นน้ี
ส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีเข้าพรรษา สืบสาน หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติเรื่องการเข้าพรรษาไว้
สิ่งทด่ี ีงามตามพุทธประวัติให้คงอยู่คู่กับชุมชน ว่า”อนุชานามิ ภิกขะเว วัสสัง อุปะคันตุง” แปลว่า “ภิกษุ
รณรงค์ให้ประชาชน รวมทั้งพุทธศาสนิกชน ท้ังหลาย เราอนุญาตให้พวกเธออยู่จาพรรษา”ต้ังแต่บัดน้ัน
ไดต้ ระหนักในความสาคัญของประเพณีตลอด เป็นต้นมา

ช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ๓ เดอื น โดยจดั ขบวน

แห่เทยี นพรรษา จัดขบวนรณรงค์เก่ียวกับการ

ปฏิบัติตนที่ถูกต้อง เพ่ือให้ประชาชนลด ละ

เลิกด่ืมสุราและของมึนเมาในช่วงเข้าพรรษา

จัดการประกวดขบวนแห่เทียนพรรษา เพ่ือให้

หมู่บ้าน หน่วยงาน สถานศึกษา ชุมชนวัดใน

ตาบลทา่ ทองเป็นแบบอย่างที่ดีในการสืบทอด

พระพทุ ธศาสนา

ประเพณวี ันออกพรรษา

วันออกพรรษาตรงกับวันขึ้น ๑๕ค่า เดือน ๑๑ เป็นสาคัญวันหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ คือ
เป็นวันสิ้นสุดการจาพรรษา หรือออกจากพรรษาท่ีได้อธิษฐานเข้าจาพรรษาตลอดระยะเวลา ๓ เดือน ในวัน
ออกพรรษา ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เป็นวันท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ช้ันดาวดึงส์มายัง
โลกมนษุ ย์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปจาพรรษา และแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเทพบุตรพุทธมารดา ซึ่ง
อยู่สวรรค์ช้ันดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาท่ีชั้นดาวดึงส์วันออกพรรษายังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
“วันมหาปวารณา”

สาหรับเทศบาลตาบลท่าทอง ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีออกพรรษา สืบสานส่ิงที่ดีงาม
ตามพุทธประวัติให้คงอยู่คู่กับชุมชน รวมท้ังพุทธศาสนิกชน ให้ตระหนักในความสาคัญของพระพุทธศาสนา
ซ่ึงได้จดั กิจกรรมภายในงาน ไดแ้ ก่ จดั ขบวนจาลองเหตกุ ารณก์ ารตกั บาตรเทโวโรหณะ ข้าวสารอาหารแห้ง
จัดกจิ กรรมบรรยายธรรมมะเสวนาธรรม จัดกจิ กรรมการแขง่ ขันกฬี า การละเลน่ พื้นบา้ นของประชาชนใน
ตาบล เปน็ ตน้

ประเพณีวนั ลอยกระทง

ป ร ะ เ พ ณี ล อ ย ก ร ะ ท ง เ ป็ น ป ร ะ เ พ ณี ข อ ง ไ ท ย ท่ี ป ฏิ บั ติ สื บ ต่ อ กั น ม า
แต่โบราณในคืนวันเพ็ญเดือน๑๒ วันท่ีพระจันทร์เต็มดวง ในตานานท้าวศรี
จุฬาลักษณ์ได้กล่าวว่านางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระสนมเอกใน
พระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยเป็นผู้ริเร่ิมประดิษฐ์กระทงสาหรับลอยประทีป
เป็นรูปดอกบวั บานขน้ึ ซึง่ คนทวั่ ไปนยิ มทาตามสบื ต่อมาจนถงึ ปจั จุบัน
ส า ห รั บ เ ท ศ บ า ล ต า บ ล ท่ า ท อ ง ไ ด้ จั ด ง า น ป ร ะ เ พ ณี วั น ล อ ย ก ร ะ ท ง ข้ึ น
โดยมีกิจกรรมต่างๆที่เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของชาติ
ได้แก่ การประกวดประดิษฐ์กระทงงามอย่างไทย การประกวดนางนพมาศ
รวมท้ังจัดสถานที่ และตกแต่งท่าน้าสาหรับประชาชนในการเข้าร่วม
กิจกรรมลอยกระทง เพ่ือให้ประชาชนได้ร่วมขอขมาต่อพระแม่คงคาและ
ปลูกจิตสานกึ ให้ร้ถู งึ คุณค่าของนา้

1.จดั สถานที่ลอยกระทง
จั ด ก า ร ป ร ะ ก ว ด ก า ร จั ด ท า
กระทงงามอยา่ งไทย
2.จดั การประกวดนางนพมาศ
3.จัดกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์
บารุงรักษา แม่นา้ คูคลอง

ชุมชนวดั จฬุ ามณี
จงั หวดั พิษณโุ ลก

หมู่ท่ี 1 2 3

ประวตั คิ วามเปน็ มา

จากพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ กล่าวว่า สมเด็จพระบรมไตร
โลกนาถทรง สร้างวิหาร “วัดจุฬามณี” (พุทธศักราช 2007) และ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรง
ผนวช (พุทธศักราช 2008) ณ วัดจุฬามณี ได้ 8 เดือน 15 วัน แล้วลาผนวช จากหลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์ดังกล่าว ทาให้นักวิชาการในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้ให้ความสนใจและทาการค้นหาวัด
จุฬาณี โดยเข้าใจว่า “วัดจุฬามณี”เป็นวัดเก่าแก่ท่ีตั้งอยู่ในเขตของพระนครศรีอยุธยา จนกระท่ัง ปี
พุทธศักราช 2451 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ให้สมเด็จพระ
เจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร์ พระราชโอรสเสด็จขึ้นไปตรวจราชการมหาดไทยท่ีเมือง
พิษณุโลก พระองค์ทรงพบวิหาร พระอุโบสถ และมณฑปท่ีเหลือแต่ผนังท้ังสี่ด้าน ส่วนหลังคาพังหายไป
หมด ภายในมณฑปมีรอยพระพุทธบาท ส่วนด้านหลังมีแผ่นศิลาจารึกของวัดจุฬามณีจึงทาให้ทรงทราบ
เรื่องราวและบูรณะวัดจุฬาณี ต่อมาในสมัยพระอธิการพัฒน์ ฉนทสุโภ เป็นเจ้าอาวาส ได้เร่ิมทาการย้าย
วัดจากทตี่ ิดรมิ นา้ น่านมายงั บริเวณพระปรางค์ขอมในปัจจุบัน และเริ่มทาการก่อสร้างอุโบสถวัดจุฬามณี
(หลังใหม่) เม่ือปีพุทธศักราช 2510 มีขนาดกว้าง 24 เมตร ยาว 35 เมตร ทรงจตุรมุข และก่อสร้าง
เสรจ็ ในปพี ุทธศักราช 2539 ในสมัยพระครูพิทักษ์จุฬามณี เป็นเจ้าอาวาส ออกแบบโดย ศาสตราจารย์
หลวงวิศาลศิลปกรรม กรมศิลปากร โดยได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้า จากสมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระยศในขณะน้ัน) ได้เสด็จเป็นองค์ประธานตัดหวายลูกนิมิต
อุโบสถวัดจฬุ ามณี เมอ่ื วนั ที่ 30 ธนั วาคม พทุ ธศักราช 2539

พระพทุ ธรูปและพระสงฆท์ ส่ี าคญั

หลวงพ่อเพชร

เป็นพระพุทธรูปหินทราย หน้าตักกว้าง 2.70 เมตร สูง 3.80 เมตร
ประทับนัง่ ขัดสมาธิ บนฐานรองรับสูง 55 เซนติเมตร เดิมพบว่าพระพักตร์ชารุด
พระกรหัก ชาวบ้านจึงบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ พระพักตร์และพระกรใหญ่ขึ้น
แต่เดิมมีรูปแบบศิลปะเชียงแสน คล้ายหลวงพ่อเพชรท่ีพิจิตร พระเนตรเม็ด
พระศกเป็นเพชร ทีช่ าวบา้ นนามาประดบั จึงเรยี กว่า “หลวงพอ่ เพชร”

หลวงพ่อขาว

เป็นพระพุทธรูปป้ันสีขาว ปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา ขนาดหน้าตักกว้าง
2.40 เมตร สูง 3.30 เมตร เดิมประดิษฐานอยู่ที่เนินดินอินทราราม ค่ายทหาร
ต่อมาถูกอัญเชิญมาโดยทางเรือ ข้ึนท่ีตลิ่งวัดจุฬามณี ในสมัยพระอาจารย์พวง
เจา้ อาวาสวัดจุฬามณี เมื่อปีพุทธศักราช 2448 มีสภาพชารุดบางส่วน ต่อมาได้
จา้ ง หมอ่ มทุนผวิ ชา่ งชาวพมา่ เปน็ ผู้ปฏิสงั ขรณ์ อยูใ่ นสภาพปัจจบุ ัน

หลวงพ่อคง

เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ศิลปะสุโขทัย ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1.60
เมตร สูง 2 เมตร เดิมเป็นพระพุทธรูปประธาน ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ
หลังเก่าถูกกิ่งไม้ทับปรักหักพัง ชาวบ้านจึงย้ายไปสร้างอาคารก่ออิฐถือปูน เป็น
ผนังอาคารเก่า ต่อมาทางวัดได้สร้างอาคารใหม่ ชาวบ้านจึงเรียกว่า วิหารหลัง
เล็ก ทเ่ี ห็นในปัจจบุ ัน

หลวงพ่อดา

เป็นพระพุทธรูปปูนป้ันสีดา ขนาดหน้าตักกว้าง 85 เซนติเมตร สูง 110
เซนติเมตร ปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา ชาวบ้านได้อัญเชิญมาจากวัดจูงนางโดย
ทางเรือ มีสภาพชารุด โดยมีครูบุญทิว บูรณเขตต์ เป็นผู้บูรณะใหม่จนเสร็จ
สมบูรณ์ ปจั จบุ ันประดษิ ฐานอยใู่ นวหิ ารหลังเลก็ ด้านขา้ งหลวงพ่อคง

พระอธกิ ารพฒั น์ ฉนทสโุ ภ

อดตี เจ้าอาวาสวัดจฬุ ามณี

พระครูพทิ กั ษ์จฬุ ามณี (เปรยี้ ว ถาวโร)

อดีตเจา้ อาวาสวดั จุฬามณี

โบราณสถาน

พระปรางค์วดั จฬุ ามณี

เป็นปรางค์ขนาดเล็ก ก่อด้วยศิลาแลงท่ีมีขนาดเล็กกว่าปรางค์ท่ัวไปในเมืองเก่าสุโขทัย และเมืองศรีสัช
นาลัย ทาให้ปรางค์มีขนาดเล็กกว่าในศิลปะขอม ฐานพระปรางค์มีขนาดกว้าง 14 เมตร สูง 18 เมตร องค์
ปรางคม์ ีตรมี ุขยนื่ ไปทางทศิ ตะวันออก ซงึ่ เป็นดา้ นหน้า มลี ายปน้ั หงส์คาบช่อดอกไม้ ที่มีความสวยงามแบบไทย
นอกจากนี้ยังมีภาพและลวดลายประดิษฐ์จากธรรมชาติ จากฐานตอนล่างแถบลายหน้ากระดาน บัวหน้า
กระดาน ลายกลีบบัวเชิงฐาน และยังกล่าวถึงการสร้างบางตาราว่าก่อสร้าง สมัยอยุธยาตอนต้น หรือ สมเด็จ
พระบรมไตรโลกนาถ แต่บางตาราไดก้ ลา่ ววา่ กอ่ สรา้ งกอ่ น และสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้เป็นผู้บูรณะ โดย
ในปจั จบุ นั ยังไม่สามารถระบชุ ่วงเวลากอ่ สร้างได้

พระวหิ ารหลังเก่า (วหิ ารหลวงพ่อเพชร)

เป็นอาคารแบบทรงโรงศิลปะอยุธยา ตัวอาคารมีผนังแบบสี่เหลี่ยม ผนังด้านหน้าทาหน้าที่รับน้าหนัก
ส่วนภายในอาคารจะมีเสาเอกอีกสองแถวทาหน้าที่รับโครงสร้างหลังคา ส่วนหลังคาทรงปีกนกหรือคลุมเตี้ย
(ทรงหน้าจว่ั ) มขี นาดความกว้าง 8.80 เมตร ยาว 26.40 เมตร สูง 3.75 เมตร สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ทรงสร้างข้ึนเมื่อปี พุทธศักราช 2007 ซ่ึงต่อมาพระวิหารได้ปรักหักพังคงเหลือแต่ผนังอาคารเพียงเล็กน้อย
ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันทาเป็นอาคารไม้มุงด้วยหญ้าคา คลุมกันแดดหลวงพ่อเพชร จนกระทั่งปีพุทธศักราช
2495 พลตารวจตรี หลวงอภบิ าลเขตนคร (ทองอยู่) ได้บริจาคเงนิ สรา้ งอาคารทบั ซอ้ นลงไปบนวิหารเก่า

มณฑป

เป็นมณฑปสูงมีพะไลโดยรอบ ขนาดกว้าง 5.50 เมตร ยาว 5.50 เมตร ประตูทางเข้าด้านหน้า
ทิศเหนือ เหลือแต่ผนังท้ังส่ีด้าน ส่วนหลังคาพังหายหมด ด้านหลังมีแผ่นหินศิลาจารึก ภายในมีรอยพระพุทธ
บาท ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ให้นาผ้าไปทาบรอยพระพุทธบาท ณ เขาพระสุวรรณบรรพต
และมาจาลองสลักลงบนแผ่นศิลา ประดิษฐานท่ีวัดจุฬามณี เพื่อไว้เป็นที่เคารพกราบไหว้บูชา ปัจจุบัน
ได้หายไป คงเหลือแต่กรอบหินสาหรับประดิษฐานรอยพระพุทธบาท มีขนาดกว้าง 70 เซนติเมตร
ยาว 180 เซนติเมตร ชาวบ้านจงึ เรยี กวา่ “มณฑปรอยพระพุทธบาท”

กาแพงแกว้ วดั จฬุ ามณี

เปน็ โบราณสถานที่ล้อมรอบบรเิ วณวดั เปน็ กาแพงอิฐถือปนู ขนาดความกวา้ ง 1 เสน้ 4 วา 48 เมตร
ความยาว 2 เส้น 18 วา หรือ 116 เมตร

ใบเสมา

ปัจจุบันอยู่รอบพระอุโบสถหลวงพ่อขาว ใบเสมาวัดจุฬามณี ทาด้วยหินชนวนสีเทาเข้ม มีขนาด 80
เซนติเมตร สูง 120-140 เซนติเมตร เป็นศิลปะสมัยอยุธยา เป็นใบเสมาคู่ปักรายรอบพระอุโบสถ
โดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงสร้างขึ้นและทรงผนวชท่ีวัดจุฬามณี เม่ือปีพุทธศักราช 2008 เป็นเวลา
8 เดือน 15 วนั ปัจจบุ ันได้ชารดุ แตกเสยี หาย แต่ยังมคี วามสมบูรณ์อยูบ่ ้างจานวนประมาณ 6 ใบ

เนนิ พระตาหนกั

มีลักษณะเป็นเนินดินสองเนิน เนินแรกเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า อยู่ฝั่งตะวันตกของถนนด้านหน้าวัดจุฬา
มณี บริเวณด้านใต้สระน้าโบราณ มีขนาดกว้าง 9 เมตร ยาว 17 เมตร ปจั จุบันยงั ปรากฏฐานอิฐและเนินดินสูง
ประมาณ 1 ฟุต ส่วนเนินพระตาหนักเนินที่ 2 อยู่ลึกถัดไปประมาณ 4 เมตร มีลักษณะเป็นสี่เหลียมด้านเท่า
ยาวด้านละ 12.80 เมตร สันนิษฐานว่าเนินดินท้ังสองเนินเป็นที่ต้ังพระตาหนักของสมเด็จพระบรมไตร
โลกนาถ ขณะทท่ี รงผนวชทีว่ ัดจฬุ ามณี

ศิลาจารกึ วดั จฬุ ามณี

ปัจจุบันยังติดอยู่ด้านหลังมณฑป สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2224 สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
คาจารกึ เปน็ ภาษาไทยท้งั หมด พบในสมยั รชั กาลท่ี 5 ปีพุทธศักราช 2451 ในศลิ าจารกึ แผ่นนี้

กล่าววา่ “สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงผนวชท่ีวัดจุฬามณี เมื่อปีพุทธศักราช 2007 ทรงผนวชเป็น
เวลานานถงึ 8 เดอื น 15 วนั จึงลาผนวช

วัฒนธรรม ประเพณี

เทศน์มหาชาติ
บวชนาคหมู่

ทาบุญกลางบา้ น

ธรรมชาติ

ต้นตาล

ต้นหัสคณุ

อาหารพนื้ ถ่ิน

ได้แก่ แกงฟกั ชกั ส้ม นา้ พริกกะปสิ ูตรหลวงพ่อพัฒน์ ยาปลาสลดิ แกงบอน แกงหยวก แกงขเี้ หลก็
แกงหัวตาล ขนมจนี ขนมฟกั กวน ขนมอีอบ๊

องค์ความรู้ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ชอื่ -สกุล ปราชญ์ชาวบา้ นหรอื เบอรโ์ ทรศพั ท์
ผู้รู้

1. ผ้ทู ี่รเู้ รอ่ื งคติธรรม ความเชอ่ื หลักปฏิบตั แิ ละขอ้ ห้าม เชน่ หมอดู นายอมั พร มาสม้ ซา่ 065-0183358
หมอไล่ผี

2. ผู้ที่รปู้ ระเพณี พิธีกรรมตา่ งๆ หรือเป็นผูน้ าในชุมชน นางสุชนิ โพธ์ดิ ี 089-5630691
นายเฟอื้ ย สิงหฤทธ์ิ 097-9976868
3. ศิลปิน เชน่ นักดนตรพี ื้นบา้ น นักแสดงพื้นบ้าน นกั รอ้ งพ้นื บา้ น นกั
แตง่ กลอน นกั วาดภาพ นายแฉลม พัฒนยม้ิ
นายแย้ม ตานิงาม
4. ผ้รู เู้ รอื่ งการปรุง การแปรรูป และการถนอมอาหารพน้ื บ้าน นายหยวก แปน้ นอ้ ย
นางยบั เปลยี่ นแสง
นางบญุ สม มีภ่เู พ็ง

5.ผู้รเู้ ร่อื งการหาอาหารจากธรรมชาติ เชน่ การหาปลา การเกบ็ เห็ด นายสรุ ยิ ะ กาญจนเตมีย์ 062-0418441
การตีผ้งึ

6. ผทู้ ่ีรเู้ รอื่ งการดูแลสุขภาพพ้ืนบ้าน เช่น หมอสมุนไพร หมองู หมอ นายอมั พร มาส้มซา่ (หมอเปา่ 065-0183358
กระดกู หมอนวด จบั เส้น หมอตาแย หมอน้ามนต์ หมอกระดกู หมอสมนุ ไพร)

7. ผ้ทู ีร่ ้เู รอ่ื งการใชพ้ ลังงานจากธรรมชาติ เชน่ เผาถ่าน การทา นายหยดุ นาคทอง
น้ามนั ยาง ข้ไี ต้

8. ผู้ท่รี ดู้ า้ นงานหตั ถกรรม เชน่ การทอผ้า สานเส่อื จักสานเคร่ืองใช้ นายไพจิตร กลน่ิ บา้ นหม้อ 087-3073005
ต่างๆ ในบา้ น และสาหรับการประกอบอาชีพ (จกั สาน)
094-6164770
9. นกั ประดษิ ฐ์ของตา่ งๆ ชา่ งทาสิ่งของตา่ งๆ เชน่ ชา่ งสร้างบ้าน นางเสน่ห์ แตงออ่ น 097-9325647
สร้างเรือ ผูร้ ู้การทาเครื่องหอม เครอ่ื งสาอาง ผรู้ ู้การทาสี ย้อมสีจาก นายชยั วฒั น์ แปน้ นอ้ ย (ชา่ งสี) 094-3671655
วสั ดุธรรมชาติ ร.ต.อ.ภาณพุ งศ์ ค้มุ ภัย (ชา่ งไม้
-
ชา่ งฝีมือต่างๆ)
นายสังวาล พรามนาค

10. ผู้รเู้ รื่องเกษตรกรรมพื้นบา้ น เชน่ การคัดเลอื กเมล็ดพนั ธุ์ การ นางพยุง นาคทอง 099-3399031
เพาะชากลา้ ไมพ้ ื้นบา้ น หมอดิน

11. ผรู้ ู้เรือ่ งต้นไมพ้ นื้ บ้าน ผู้ร้ดู ้านสัตว์และแมลงพืน้ บ้าน ผ้รู ดู้ า้ นภมู ิ - 065-0183358
ประเทศ
12. ผู้รู้ดา้ นการจดั การ เช่น พธิ ีกรงานบุญต่างๆ แม่งาน นายหน้า นายบุญสืบ ทองรองแกว้
13. ผรู้ ูห้ รอื ปราชญ์ชาวบ้านด้านอน่ื ๆ นายอัมพร มาสม้ ซ่า
นายบรรพต รัศมี

วดั ศรรี ัตนาราม(จูงนาง)

ชมุ ชนวัดศรรี ัตนาราม (จงู นาง)
หมูท่ ่ี 4 5 11

ประวัติความเป็นมา

วัดศรีรัตนาราม เดิมชื่อว่า วัดจูงนาง ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ไม่พบผู้สร้างว่าเป็นผู้ใด
ทราบเพียงวา่ เป็นวัดเกา่ วดั หนึง่ ของจังหวัดพษิ ณุโลก โดยมกี ารพจิ ารณาลักษณะทางสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้าง
ภายในวัด ตัวอย่างเช่น วิหารหลวงพ่อขาว เจดีย์ 5 องค์ สันนิษฐานว่าวัดจูงนาง สร้างประมาณสมัยอยุธยา
ตอนต้น และไดข้ ้ึนทะเบียนเป็นวัดตามระเบยี บของราชการเมอื่ พ.ศ.2400

ต่อในปี พ.ศ.2509 วัดจูงนาง ได้เปลี่ยนช่ือวัดเป็น วัดศรีรัตนาราม โดยพระพิษณุบุราจารย์
(แพ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่)
เปน็ ผดู้ าเนินการเพื่อความเหมาะสมกับสมัยนิยมและอาจมีนัยเพ่ือตั้งช่ือวัดให้เป็นอนุสรณ์แห่งความ
ดใี นการพฒั นาวัดของเจา้ อาวาสทไี่ ด้รบั สมณศกั ด์ทิ ่ี พระครูศรีรัตนาภรณ์ ( ไซ่ ธมฺมกาโม ) จึงมีชื่อท่ี
ลกั ษณะใกลเ้ คยี งกนั

ในปี พ.ศ.2516 วัดศรีรัตนาราม ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นวัดที่ได้รับ
พระราชทานวิสุงคามสีมา ตามประกาศสานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง พระราชทานวิสุงคามสีมา
ประกาศ ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2516 มีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนาม
รับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 20 ตอนท่ี 16
วันท่ี 16 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2516

หลวงพ่อขาว

มีอายุมากกว่า 100 ปี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยอยุธยาตอนต้น
ปางมารวิชัย ปูนป้ันขนาดหน้าตักกว้าง 3 เมตร สูง 3.5 เมตร
ประดิษฐานบนซากวิหารโบราณหน้าหมู่เจดีย์ย่อไม้ อยุธยา อันมี
ศิลปกรรมที่งดงามยิ่ง 5 องค์ ซ่ึงกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็น
โบราณสถานเมอ่ื ปีพ.ศ. 2528

หลวงพ่อหนา้ ทอง

หลวงพ่อไซ่ชะลอการย้ายมาจากซากโบสถ์เก่าวัดหน้าทอง
ใกล้ๆ เพื่อมาประดิษฐานเป็นพระพุทธปฏิมากรประธานอุโบสถใหม่
วัดศรรี ัตนาราม หลวงพ่อไซ่สร้างข้ึนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2513 และได้
ถวายการลงรักปดิ ทองใหม่ เดมิ องคพ์ ระเป็นสดี า

พพิ ิธภณั ฑพ์ รครศู รรี ตั นาภรณ์ (ธมฺมกาโม)

จดั สร้างเมือ่ ปี พ.ศ. 2561

พระเกจิ
หลวงพอ่ ไซ่

พระครูศรีรัตนาภรณ์ นามเดิมชื่อไซ่ นามสกุล ปุญญฤทธ์ิ
นามฉายา ธมฺมกาโม เกิดเดือนตุลาคม 2447 ตรงกับเดือน
11 ปีมะโรง ท่ีบ้านศาลาแดงหมู่ท่ี 3 ตาบลท่าโพธ์ิ อาเภอ
เมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก บิดาช่ือนายจู มารดา
ชอ่ื นางเขียว มีพ่ีน้องรว่ มบิดามารดา 6 คน ไดแ้ ก่

1. นายแบน ปุญญฤทธ์ิ

2. นางตง่ิ เลย่ี มสกลุ

3. พระครศู รีรตั นาภรณ์(ไซ่ ปญุ ญฤทธ)์ิ

4. นางฮวย เเซ่เจียง ขณะเม่ือเยาว์วัย บิดา มารดา ได้ทาการส่งเข้าเรียน

5. นายสรวง ปุญญฤทธ์ิ หนังสือกับพระที่วัดจูงนาง เมื่ออายุ 20 ปี ได้อุปสมบทเป็น

6. นายเก้ยี ว ปุญญฤทธิ์ พระภิกษุท่ีวัดจูงนาง โดยมีพระวรญาณมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์

พระอธิการพริ้ง เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เพิก เป็น

อนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเมื่อเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช

2471 ณ วัดจูงนาง ตาบลท่าทอง อาเภอเมือง จังหวัด

พษิ ณโุ ลก

ตาแหน่งท่ีได้รบั แตง่ ตง้ั

- พ . ศ . 2 4 7 7 ไ ด้ รั บ ก า ร แ ต่ ง ตั้ ง เ ป็ น เ จ้ า อ า ว า ส
วดั ศรีรตั นาราม (จงู นาง)

- พ.ศ.2480 ได้รับการแต่งต้ังเป็นกรรมวาจาจารย์
สมณะศกั ดิ์

- พ.ศ.2494 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระธรรมธร ในนาม
พระธรรมธรไซ่ ธมฺมกาโม

- พ.ศ.2495 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน
ในนาม พระครไู ซ่ ธมฺมกาโม

- พ.ศ.2509 ได้รับพระราชทานแต่งต้ังสมณะศักดิ์ในนาม
พระครศู รรี ัตนาภรณ์

- พ.ศ.2513 ไดร้ บั พดั เกยี รตคิ ุณจากกระทรวงศึกษาธิการ

หอสวดมนต์

อาคารหอสวดมนต์ เป็นอาคารไม้ 2 ช้ัน สร้างข้ึนเม่ือปี พ.ศ.2493 มีหลวงพ่อไซ่ ธมฺมกาโม
เป็นเจ้าอาวาสวัดจูงนาง เป็นผู้ออกแบบแปลนการก่อสร้าง มีพระภิกษุในวัดและกรรมการวัดเป็นช่าง
ก่อสร้าง ขนาดกวา้ ง 13 เมตร ยาว 20 เมตร

เจดีย์ 5 องค์

เจดียพ์ ระประธาน วัดศรรี ัตนาราม เปน็ เจดีย์ทเ่ี หลือ 5 องค์ ตงั้ อยู่บรเิ วณดา้ นหลงั วหิ ารหลวงพ่อขาว
โดยมีเจดียป์ ระธานตั้งอยู่ตรงกลาง ซ่ึงน่าจะสรา้ งข้นึ สมยั อยธุ ยาตอนต้นพรอ้ มกบั การสร้างวหิ ารหลวงพ่อ
ขาว โดยเจดียป์ ระจาทิศใต้และทศิ เหนอื มลี ักษณะสถาปตั ยกรรมกรงุ ศรีอยธุ ยาตอนปลาย และเจดีย์
ประจาทศิ ตะวนั ออก ทิศตะวนั ตก สันนษิ ฐานวา่ สร้างขนึ้ ภายหลังสมยั อยุธยาตอนปลาย พรอ้ มกับการ
บรู ณะเจดียป์ ระจาทศิ เหนือและทิศใต้

ศาลตากู่ ( ศาลคนจนี )

ต้ังอยู่บรเิ วณทางเข้าหนา้ วัดจูงนางประตูทางเขา้ หลวงพ่อขาว ซ่งึ การทมี่ ศี าลตากู่นั้นจึงสันนิษฐาน
ได้ว่า ในสมัยก่อนมีคนจีนอาศัยอยู่เป็นจานวนมาก ส่วนใหญ่นิยมของเร่ืองโชคลาภ และมักแก้บน
ด้วยประทดั

ศาลเจ้าพ่อนอ้ ย เปน็ ทนี่ ับถอื ของชาวบา้ นหมู่ 5

แพโบสถน์ า้ (ศาลาทางน้า)

ในสมยั กอ่ นแพโบสถน์ า้ เปน็ ท่าเรือในการสัญจรทางนา้ ของชาวบ้าน ใน
ปัจจบุ นั เปน็ แพใหอ้ าหารปลา (แหล่งอภยั ทาน) และจัดงานวันลอยกระทงประจาปี

ตน้ ไม้สาคัญ
ตน้ โพธ์ิใหญ่ อายมุ ากกวา่ 100 ปี

ตน้ สกั ใหญ่ 100 ปี 3 คนโอบ

ธรรมชาติ

- ท่าควาย คอื ทางเดนิ นาควายมาอาบน้ามาจากบึงแก่งใหญ่
- ท่าตาสุก คือบา้ นตาสุกอยตู่ รงทา่ นา้ น้นั จึงเรยี กว่าท่าตาสุก
- ท่ากลาง คือจะอยู่ตรงกลางระหวา่ งทา่ ควายกบั ท่าตาสุกเป็นท่าทเี่ รอื มอญมาจอด

ขายสนิ คา้ เชน่ โอ่งน้า,อ่างนา้ ,เครื่องใช้ต่าง ๆ ในชว่ งหน้าหนาวและเปน็ ท่าเรอื
ขายข้าวมาจอด(และมีรบั จา้ งหาบขึน้ ฝัง่ )

การละเล่นพ้ืนบ้านและมหรสพ งานวัดในสมัยก่อน

จะ มีลิเกคณะ พรมณี ,แ ก้ วมารินข องวัด จูงนา ง
หนงั กลางแปลง-การละเล่น เล่นลูกช่วง ผู้หญิงกับผู้ชาย
อยู่คนละฝ่ัง โยนรับกันไปมา ใครแพ้จะได้ออกไปรา
เล่นอีเตย อีฮึม ไอ้ห้า งูกินหาง วิ่งกระสอบ วิ่งสามขา
งานสมโภชหลวงพอ่ ขาวหลวงพ่อไซ่

การเทศน์มหาชาติ 13 กณั ฑ์

ประเพณีการทาขวัญข้าว จะใช้เคร่ืองกระยาสารท

ชาวบ้านจะพากันร้องว่า “ วันดีคืนดี วันนี้มาทาขวัญ

ข้าว ให้แม่โพสพ” แล้วนาแป้งไปพรมที่ต้นข้าว เอา

เคร่ืองกระยาสารทเอาใส่ชะลอมและน่ังไหว้ ขอพรบอก

พระแม่โพสพ ให้ได้ข้าว อย่าให้มีโรค อย่าให้มีหนูมากิน

ข้าว พอเก่ียวข้าวเสร็จชาวบ้านก็จะนา หัวหมู ไก่

มาแก้บน ประเพณีงานบวชนาคหมู่วัดศรีรัตนาราม ชาวบ้าน

จะช่วยกันทากับข้าว ในงานก็จะมี ขนมจีน ใช้ครกในการตาแป้ง

นวดแล้วบีบเป็นเส้นและจะมีการรอ้ งเพลงแหน่ าคมเี นอื้ เพลงครา่ วๆ

ว่า “เออ เอิง เอยๆพ่อนาคเอย บวชไปเถิดนะพ่อนาคเถิด จันเอ๋ย

บวชไปให้นานๆ ให้เป็นสมภาร เจ้าวัด ฮาไฮ้” จะมีการขานรับ

หรือร้องเย้าแหย่นาค “มองๆมาซะหน่อย จงแหงะหน้ามาน้าตา

น้องจะไหลย้อย เอานมมาล่อ นมเท่าหม้อเท่าไห จะบวชไปได้

อย่างไร ละเอย......” “คู่รักคู่ใคร่จะหลงใหลนาคเอย....” สมัยก่อน

ชาวบ้านเล่าว่าตอนบวชใครอยากเป็นลิงเป็นข้างให้มามาบวชที่วัด

สว่างอารมณถ์ า้ อยากเป็นชา่ งไม้ให้มาบวชท่ีวัดจงู นาง

ประเพณีลอยกระทง

มีแข่งเรอื เรอื ชาวบ้าน เรือหาปลา แขง่ 3,5,7 คน

อาหารพนื้ บ้าน

อาหารคาว ป้าบาหยันเป็นแม่ครัว แกงไก่
ไทยใส่กล้วยดิบ ต้มเส้นแกงร้อน ข้าวเหนียว
ปลาเหด็

อาหารหวาน

ข้าวเหนียวเปียกน้ากะทิเม็ดแมงลัก
และขนมฟกั กวน จะมีชว่ งเดือน 4 ของทุกปี

องค์ความร้ภู ูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ช่ือ-สกุล ปราชญช์ าวบ้านหรอื ผู้รู้ เบอรโ์ ทรศพั ท์

๑.ผรู้ ้เู ร่ืองคตธิ รรม ความเช่อื หลักปฏิบัตแิ ละ นายบญุ สม ราชพริง้

ขอ้ ห้าม เชน่ หมอดู หมอไลผ่ ี

๒.ผ้รู ปู้ ระเพณี พิธกี รรมหรือเป็นผูน้ าในชมุ ชน นายเทยี บ พันเอย่ี ม
นายตาบ แก้วดวงเลก็
นายยวน บุญคง

๓.ศิลปิน เช่น นกั ดนตรพี ืน้ บา้ น นักแสดง นายตาบ แกว้ ดวงเลก็
พ้ืนบ้าน นักรอ้ งพน้ื บ้าน นกั แต่งกลอน นักวาด นายทองเริม่ นเิ วทนา
ภาพ

๔.ผู้ท่รี ู้เรื่องการปรงุ การแปรรปู และการ นางบาหยัน ปนุ่ ปาน
ถนอมอาหาร นางร้อย โบแก้ว
๕.ผทู้ ี่รู้เร่อื งการกาอาหารจากธรรมชาติ เช่น นายสมคดิ กลิ่นรกั
การหาปลา การเก็บเหด็ การตีผึง้

๖.ผู้ท่รี ูก้ ารดูแลสขุ ภาพพนื้ บ้าน เช่น หมอ นายเทยี บ พนั ธเุ์ อ่ียม

สมุนไพร หมองู หมอกระดกู หมอนวด จบั เส้น นางศศญิ า ยม้ิ โพธ์ิ

หมอตาแย หมอนา้ มนต์ นายประเทือง ดว้ งบา้ นยาง

๗.ผ้ทู ร่ี เู้ ร่อื งการใชพ้ ลังงานจากธรรมชาติ เชน่

เผาถา่ น การทาน้ามนั ยาง ขีไ้ ต้

๘.ผู้ทร่ี ดู้ ้านงานหัตถกรรมเช่น การทอผา้ สาน

เสอ่ื จักสานเครอื่ งใชต้ ่าง ๆ ในบา้ น และ

สาหรบั การประกอบอาชีพ

๙.นกั ประดิษฐข์ องต่าง ๆ ช่างทาสิ่งของต่าง ๆ นายกราย จันทร์อนิ

เช่น สร้างบา้ น สร้างเรอื ผรู้ ู้การทาเครือ่ งหอม นายเกษม ลาวเกษม

เคร่อื งสาอาง ผู้รู้การทาสยี อ้ มสีจากวัสดุ

ธรรมชาติ

๑๐.ผรู้ ู้เร่ืองเกษตรกรรมพ้นื บ้าน เชน่ การ นายหอม บุญก๋อ

คดั เลือกเมลด็ พันธ์ุ การเพาะชากล้าไมพ้ ื้นบ้าน

หมอดนิ

๑๑.ผู้รูเ้ ร่ืองต้นไม้พืน้ บ้าน ผรู้ ู้ดา้ นสัตว์และ

แมลงพ้นื บา้ น ผู้รู้ด้านภูมศิ าสตร์

๑๒.ผรู้ ดู้ า้ นการจดั การ เช่นพิธกี รงานบุญ นางกัณฐกิ า อนิ ดี

ตา่ ง ๆ แมง่ าน นายหนา้

๑๓.ผู้รู้หรือปราชญช์ าวบ้านดา้ นอนื่ ๆ

ชุมชนวดั สว่างอารมณห์ มู่ ๖ ๘ ๑๐

ประวตั คิ วามเปน็ มาวัดสวา่ งอารมณ์

วัดสว่างอารมณ์ ก่อตั้งเม่ือไหรไม่ปรากฏ เดิมทีมีชื่อว่า “วัดกอก” เคยมีเจ้าอาวาสมาแล้ว 12 รูป
มีอุโบสถหลังแรกเมื่อปี พ.ศ. 2463 ต่อมาอุโบสถหลังเก่าชารุดทรุดโทรมลง ทางคณะกรรมการวัดจึงได้สร้าง
อุโบสถหลังใหม่ข้ึนในปี พ.ศ. 2526 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เม่ือวันท่ี 27 พฤษภาคม พ.ศ.2526
เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร เมื่อก่อนศาลาการเปรียญหลังเก่าตั้งอยู่บริเวณตรงต้นสมอ
มีทางขึ้นตรงหอระฆังเก่าทางฝ่ังริมแม่น้า มีการเรียนการสอนบนศาลา หลังจากน้ันปี พ.ศ. 2495 มีการสร้าง
ศาลาเปรียญหลังใหม่ขึ้นมาอยู่ในท่ีต้ังปัจจุบัน เนื่องจากศาลาหลังเก่าอยู่ติดริมแม่น้าแล้วค่อนข้างชารุดทรุด
โทรม มีสาเหตุมาจากเด็กนักเรียนทั้งในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงมาเรียนจานวนมาก โรงเรียนที่มีอยู่จึงไม่พอ
รองรับจึงมาใช้ศาลาวัดและโรงลิเกเก่าข้างอุโบสถเป็นห้องเรียน โดยสร้างขึ้นใหม่ในสมัยท่ีหลวงพ่อพิณเป็นเจ้า
อาวาส จนแล้วเสร็จในช่วงหลวงพ่อทรัพย์เป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป ปัจจุบันบริหารจัดการ ดูแล และปกครอง
โดยเจ้าอาวาสพระครูพลิ าศกติ ติคณุ (พระอาจารย์บญุ สม)

พระพทุ ธรปู และพระสงฆท์ ่สี าคญั

หลวงพ่อเหลอื ง

หลวงพ่อเหลืองพระพุทธรูปคู่วัดสว่างอารมณ์ เม่ือก่อนต้ังอยู่
บริเวณใกล้ริมน้า แต่พอต่อมาน้ากัดเซาะ ส่งผลให้ตล่ิงทรุด จึงย้าย
หลวงพ่อเหลืองเข้ามาอยู่ข้างใน ย้ายคร้ังแรกองค์หลวงพ่อเหลือง
ยังคงเป็นสีดาอยู่ จนกระทั่งย้ายครั้งท่ีสองจึงมีการบูรณะให้เป็น
องค์สเี หลืองทอง ประมาณ 50 ปีทีแ่ ลว้

หลวงพ่อคล้าย

หลวงพ่อพนิ

หลวงพอ่ ทรัพย์

สถานทีส่ าคญั

ศนู ยว์ ัฒนธรรมพพิ ธิ ภณั ฑ์พ้ืนบ้าน

กอ่ ตั้งศนู ยว์ ัฒนธรรมพิพธิ ภัณฑพ์ ้ืนบา้ น ในวันที่ 1 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2541 โดยนายเปยี่ ม สง่ ชน่ื

หอระฆังเก่า

ก่อสร้างโดย รองอามาตย์ตรี
ขุนประศณเขตตรัฐ (แหม จุลบริสุทธิ์)
ในปีพุทธศกั ราช 2504

ต้นสมอ

หลวงพอ่ คล้ายให้คนนาเมล็ดมาจากตาบลสมอแข
นามาปลูกท่ีวัดสว่างอารมณ์ โดยปัจจุบันยังมีต้นสมออยู่
ตรงบริเวณประตูทางเข้าวัดสว่างอารมณ์ ตรงหน้าวิหาร
หลวงพ่อพินและหลวงพ่อทรัพย์ มีอายุประมาณเกือบ
100 ปี

บึงแก่งใหญ่

อ ดี ต บึ ง แ ก่ ง ใ ห ญ่ เ ป็ น ส ถ า น ท่ี อุ ด ม ส ม บู ร ณ์
บรเิ วณรอบบึงแกง่ ใหญ่ มนี าลอ้ มรอบ และเปน็ แหล่งน้า
ขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูแล้งชาวบ้านจะรวมตัวกันหาปลา
ตามบริเวณที่น้าแห้งขอดเพราะง่ายต่อการจับปลา โดย
ปัจจุบันไม่ปรากฏให้เห็นแล้ว เน่ืองจากมีการถมดินใน
การปลูกสร้างโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ศูนย์
วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพิษณุโลก โรงพยาบาลพุทธ
ชินราชแหง่ ใหม่ หมบู่ ้านจัดสรร และสถานทรี่ าชการ

บึงไผ่นกดี

ในอดีตบริเวณนี้ มีไผ่ขึ้นเป็นจานวนมากและมีนกหลายชนิดได้มาอาศัย
อยู่ โดยมีเขตติดต่อมาจากบึงแก่งใหญ่ ปัจจุบันไม่มีปรากฏให้เห็นแล้ว
เนอื่ งจากมีการเปลยี่ นมาทาการเกษตร และถมดนิ ในการสรา้ งท่อี ย่อู าศยั

สามแยกตน้ หว้า

ตั้งอยู่อยู่บรเิ วณทางแยกตน้ หว้า หมู่ที่ 10 โดยมีต้นไม้ขนาดใหญ่เรียกว่า ต้นหว้า เป็นสัญลักษณ์ใน
การสัญจรไปมาของชาวบา้ นในสมยั กอ่ น ต่อมาทางราชการไดม้ ีการขยายทางทาถนน และตัดต้นหว้าท้ิงทา
ให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทาให้ชาวบ้านมีความเชื่อว่า การโค่นต้นหว้าท้ิงทาให้เกิดอุบัติเหตุ โดยมีการสร้าง
ศาลข้ึนพรอ้ มกบั การบวงสรวงศาลเจ้าแม่ตน้ หวา้ ขึ้น โดยหลงั จากน้ันอุบตั เิ หตกุ ล็ ดน้อยลงไป

เจ้าแมต่ ้นสาโรง (บ้านไร่ หมทู่ ี่ 6)

เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ประจาหมู่บ้าน มีอายุประมาณ 100 ปี
เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นท่ีกราบไหว้บูชา บนบานศาลกล่าวขอพรใน
เร่ืองต่างๆ โดยมีการแก้บนด้วย ลิเก นางรา หนังกลางแปลง หัวหมู
เหล้าขาว เป็นต้น และมีอีกความเชื่อหน่ึงท่ีสืบทอดกันมา ผู้ใด
บวชนาค จะต้องมากราบไหว้ขอขมาทุกครั้ง ก่อนจะเข้าอุโบสถที่วัด
ปัจจุบันมีการโค่นท้ิงต้นสาโรงไปแล้ว เนื่องจากอยู่ในเขตที่ดินส่วน
บุคคล เหลือแต่เพียงศาลเจ้าแม่สาโรงเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณริมร้ัวของ
เจ้าของบา้ นปจั จุบัน

ศาลเจ้าพ่อแพลอย

ต้ังอยู่ในหมู่ท่ี 8 บ้านวังกระบาก ติดกับแม่น้าน่าน
และเป็นพน้ื ทใ่ี ช้สัญจรทางนา้ ในสมัยก่อน มีลักษณะเป็นคุ้ง
น้าวน จึงเกิดเหตุแพแตกอยู่บ่อยคร้ัง จึงทาให้ชาวบ้าน
บริเวณดังกล่าว ได้สร้างศาลเจ้าพ่อแพรลอยขึ้นมา
เพือ่ ขอให้สญั จรได้อย่างปลอดภยั

นอกจากลุงเปี่ยมจะเป็นนักปราชญ์ชาวบ้านทาง กระดาษรังผง้ึ
เร่ืองการทาพวงเต่าร้ัง และกระดาษรังผึ้งแล้ว ยังเป็น
ผู้ดูแลศูนย์วัฒนธรรมของตาบลท่าทอง มาตั้งแต่อายุ เป็นภูมิปัญญาของคุณตาเปี่ยม ส่งชื่น ท่ีมี
19-20 ปี โดยเป็นผ้อู อกค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาศูนย์ ความสวยงาม สีสันสดใสเอาไว้ตกแต่งตามเพดาน
วัฒนธรรมมและจากเงินท่ีประชาชนร่วมกันทาบุญถวาย บ้านเพ่ือความสวยงาม หรือไว้สาหรับกั้นฉากเวลา
กัณฑ์เทศน์มหาชาติท่ีวัดสว่างอารมณ์ ตาบลท่าทอง มีงานพิธีมงคลต่างๆ ได้ทุกงาน เช่น งานบวช งาน
โดยปจั จบุ ันลุงเปี่ยมไดเ้ สียชีวติ ลงแล้ว ข้ึนบ้านใหม่ อีกทั้งทางโรงเรียน สถานศึกษาต่างๆ
ไ ด้ เ ชิ ญ คุ ณ ต า เ ปี่ ย ม ไ ป ท า ก า ร ส อ น วิ ธี ก า ร ท า
กระดาษรังผ้ึง ให้แก่เด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา
และบุคคลทั่วไป

โดยประกอบอาชีพทากระดาษรังผ้ึงเป็น
เวลานานกว่า 40 ปี โดยการคิดค้นภูมิปัญญาน้ี
เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตนเองของลุงเป่ียม ถือเป็น
บุคคลสาคัญระดับประเทศทางด้านภูมิปัญญา
ท้องถ่ินได้รับรางวัลต่างๆมากมาย และมีบทบาท
สาคัญในการอนุรักษภ์ มู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน

งานสมโภชหลวงพ่อเหลือง หลวงพอ่ คล้าย

เ ป็ น ง า น ป ร ะ จ า ปี ข อ ง วั ด ส ว่ า ง อ า ร ม ณ์
จะจัดข้ึนได้ช่วงเดือน 4 เข้าเดือน 5 (มีนาคม
– เมษายน) มีการจัดบวชนาคหมู่ 2 วัน 2 คืน โดย
ในงานจะมีแขง่ ขันชกมวย ลิเก ราวงย้อนยุค ล้วงไห
พาโชค เป็นตน้

ประเพณสี งกรานต์

มีการจัดงานขึ้นในวันท่ี 16 เมษายน ของทุกปี ชาวบ้านไร่ หมู่ท่ี 6 และชาวบ้าน

ในตาบลท่าทอง จะมาร่วมทาบุญตักบาตร และสรงน้าพระ ที่วัดสว่างอารมณ์ และในช่วง

บ่ายจะมีการแข่งขันก่อพระเจดีย์ทรายเพ่ือสร้างความสามัคคีกันในหมู่คณะให้ทุกคนมีส่วน
รว่ มในการสืบทอดประเพณีอันดงี ามนเี้ ปน็ ประจาทกุ ปี

ทาบญุ กลางบา้ น

การทาบุญกลางบ้านของชาวบ้านไร่ หมู่ท่ี 6
ตาบลท่าทอง ได้มีการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
โดยจะเร่ิมประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี ก่อนเร่ิม
ฤดทู าไร่ทานา เพอ่ื เป็นขวญั และกาลงั ใจให้กบั ชาวบา้ น

วันออกพรรษา

ประเพณีวนั ออกพรรษาและตักบาตรเทโว

ชาวบ้านไร่ หมู่ท่ี 6 และชาวบ้านในเขต
ตาบลท่าทอง จะมาร่วมงานทาบุญตักบาตรเทโว
ที่จัดขึ้น ณ วัดสว่างอารมณ์ และมีการแข่งขัน
กีฬาของชาวตาบลท่าทองท้ัง 11 หมู่บ้าน
โดยจัดการแข่งขันกีฬาหลายชนิด เช่น ฟุตบอล
เซ ปั ก ต ะ ก ร้ อ เ ป ต อ ง แ ล ะ กี ฬ า พ้ื น บ้ า น
เป็นประจาทุกปี โดยการเป็นเจ้าภาพในการ
จัดการแข่งขันได้รับการสนับสนุนงบประมาณ
จากเทศบาลตาบลท่าทอง

เรอื ยาววดั สวา่ งอารมณ์

ประวตั ิความเปน็ มาของเรอื ยาว ชาวบา้ นไร่ เดมิ ทีเป็น
เรือของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยชาวบ้าน
และผู้ใหญ่บ้านได้นามาตกแต่งเพ่ิมเติมจนเป็นเรือของวัดสว่าง
อารมณ์ มีช่ือเรอื แมศ่ รจี ันทร์ หาญห้าว และเทพพษิ ณุ

แรงบันดาลใจคือเพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณี
ซึ่งสมัยก่อนมีการทอดผ้าป่าหัวเรือ โดยนาผ้าป่าไปถวายที่วัด
พระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร มีเรือหลายลามารวมตัวกัน
และมีการแข่งขันกันเพื่อสร้างความสนุกสนาน รื่นเริง ของผู้
มาร่วมทอดผ้าป่า จึงทาให้มีประเพณีการแข่งขันเรือยาวสืบ
ทอดมาถงึ ปัจจบุ นั

การทาเรอื ของวัดสวา่ งอารมณ์มีต้ังแต่ 30 ฝีพาย 40
ฝีพาย 50 ฝีพาย ซ่ึงเกิดจากชาวบ้านมาช่วยกันทาและมีการ
พัฒนามาเร่ือยๆ ในอดีตเคยมีประเพณีแข่งขันเรือยาวในช่วง
วันออกพรรษาบริเวณท่าน้าหน้าศาลาการเปรียญหลังเก่า
ต้ังแต่สมัยหลวงพ่อทรัพย์ และในปัจจุบันประเพณีแข่งเรือยาว
ไม่ได้มีการจัดต่อเน่ืองมาหลายปีแล้ว แต่ยังมีเรือที่มีช่ือเสียง
ของวัดสว่างอารมณ์ คือ เรือแม่ศรีจันทร์ หาญห้าว
และเทพพิษณุ ที่ตั้งแสดงไว้เพื่อเป็นการสืบสานสิ่งที่มีค่าทาง
วฒั นธรรมของชุมชนใหค้ นรุ่นหลังไดศ้ กึ ษาเรียนรู้ สบื ไป

กลองยาว

เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่ใช้ในการเล่นในงาน
บุญใหญ่ รับแขกที่มาเย่ียมชมจากหมู่บ้านอื่น
ต่อมามีการรวมตัวกันของผู้สูงอายุในหมู่บ้าน จึงมี
การฝึกซ้อม จนสามารถรับงานต่างๆได้ และเป็น
สร้างรายได้อีกทางหน่ึงของชาวบ้านในอดีตจนถึง
ปัจจุบนั

แตรวง

แตรวงที่เป็นที่รู้จักกันในชุมชม
และจะจ้างในงานบวช งานบุญต่าง
ได้แก่ “แตรวงรุ่งนภา” ประวัติแตรวง
รุ่งนภามีการกอ่ ต้ังขึ้นมาเมื่อ 30 ปีก่อน
โดยเกิดจากคุณพ่อ คุณแม่แห่เรือเพลง
ทาให้เกิดความรักในเสียงเพลงและมี
เช้อื สายดนตรีในตวั จึงได้จัดต้ังวงดนตรี
หรือแตรวงรุ่งนภาขึ้นจนเป็นที่รู้จักของ
คนในชมุ ชนเป็นอย่างดี อีกท้ังยังรับงาน
ทง้ั ในพื้นท่ีและนอกพน้ื ท่ีในปัจจบุ ัน

อาหาร

แกงบอน ต้มหวั ปลาเกลือ น้าพริกกะปิ
ผัดไท ตม้ จืดไข่ลกู รอก แกงหยวก

ขนม

ขนมไขเ่ หยี้ ข้าวแตน ข้าวเกรียบว่าว ขนมกล้วย
ขนมใส่ไส้ แป้งข้าวหมาก กล้วยทอด กล้วยเบรกแตก
ขนมขา้ วต้มมดั ขนมเทยี น

องค์ความรู้ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ชือ่ -นามสกลุ ปราชญ์ชาวบ้านหรือผูร้ ู้ เบอรโ์ ทรศัพท์

1. ผทู้ มี่ คี วามรูค้ ติธรรม ความเชอื่ หลักปฏิบตั แิ ละข้อ - -
ห้าม เชน่ หมอดู หมอไลผ่ ี

2. ผู้ทร่ี ู้ประเพณี พิธีกรรมตา่ งๆ หรือเป็นผนู้ าในชุมชน นายสุรพล บัวคา 098-7480173
พระครูพลิ าศกติ ตคิ ุณ -
3. ศลิ ปนิ เชน่ นกั ดนตรีพ้ืนบา้ น นกั แสดงพนื้ บา้ น นายจาเนียร ยอดเกตุ
นกั ร้องพ้นื บา้ น นกั แต่งกลอน นกั วาดภาพ นางสมสวย บญุ เปย่ี ม 081-0468535

4. ผู้รเู้ รื่องการปรุง การแปรรูปและการถนอมอาหาร นางลาไย กันแตง

พืน้ บา้ น นางสายหยุด บัวดิษฐ์

5. ผู้รู้เร่อื งการหาอาหารจากธรรมชาติ เชน่ การหาปลา นายลอย อ่อนดี -

การเกบ็ เหด็ การตีผง้ึ นายณรงค์ฤทธ์ิ ทิมจันทร์

6. ผู้ทร่ี ู้เรือ่ งการดูแลสขุ ภาพพน้ื บ้าน เชน่ หมอสมุนไพร นายบุญมี กันแตง -
หมองู หมอกระดูก หมอนวด จบั เส้น หมอตาแย
หมอนา้ มนต์

7. ผู้ที่รกู้ ารใช้พลังงานจากธรรมชาติ เชน่ เผาถ่าน การ นายไพเราะ มาทอง 089-5655052
ทาน้ามนั ยาง ข้ไี ต้ 087-9756292
089-6440190
8. ผู้ทรี่ ู้ดา้ นงานหตั ถกรรม เช่น การทอผ้า สานเสอื่ จกั นางเพียงฤทยั ดางาม -
สานเครื่องใชต้ า่ งๆในบา้ นและสาหรับการประกอบอาชพี นางกาหลง แปน้ สง่

นางสมสวย บวั ออ่ น
นางมาลัย กนั แตง

9. นักประดษิ ฐ์ของตา่ งๆ ช่างทาสงิ่ ของตา่ งๆ เช่น ช่าง นายอานวย สนส่ง 086-7616751
081-8877278
สร้างบ้าน สรา้ งเรือ ผู้รกู้ ารทาเครือ่ งหอม เครอื่ งสาอาง นางสุนิตย์ วัสสตุ ตะมะ

ผูร้ ู้การทาสี ยอ้ มสีจากวัสดุธรรมชาติ นายณรงค์ฤทธ์ิ ทิมจันทร์

10. ผู้รูเ้ รอ่ื งการเกษตรกรรมพน้ื บา้ น เช่น การคดั เมล็ด นายเสมียร ชยั เชย
พนั ธ์ุ การเพาะชากล้าไมพ้ ้นื บา้ น หมอดิน

11. ผรู้ ู้เรือ่ งต้นไมพ้ นื้ บา้ น ผู้รดู้ ้านสัตว์และแมลงพื้นบา้ น นายสรรเสิญ สขุ โกสา 081-0415891
ผรู้ ดู้ ้านภมู ิประเทศ
-
12. ผูร้ ู้ด้านการจัดการ เช่นพธิ กี ร งานบญุ ตา่ งๆ แม่งาน นายจาเนยี ร ยอดเกตุ
084-5981800
นายหน้า นายสุรพล บวั คา 091-3921292

13. ผรู้ ู้หรอื ปราชญช์ าวบา้ นดา้ นอน่ื ๆ นางประสาน โตสุข
นางอรอินท์ บัวคา

ชมุ ชนวัดหนองหัวยาง หมู่ท่ี ๗ , ๙

หม่บู ้านหนองหัวยาง (หมทู่ ี่ 7 ) ได้แยกออกจากบ้านไร่ (หมู่ที่ 6 ) ตาบลท่าทอง มีต้นยางขนาดใหญ่ ใช้ใน
การบอกการเดินทางในสมัยก่อน เม่ือเห็นต้นยางใหญ่ จะบ่งบอกได้ว่า ที่ตรงนั้นคือเขตบ้านหนองหัวยาง ส่วนมาก
เส้นทางบ้านหนองหัวยางเป็นช่วงระหว่างทางจากบ้านไร่ไปสู่บ้านบางแก้วของอาเภอบางระกาท่ีเป็นทางล้อทาง
เกวยี นชาวบ้านไดส้ ัญจรไปมาเป็นประจา ในระหว่างทางมีหนองน้าและต้นยางขนาดใหญ่ ชาวบ้านที่เดินทางไปมา
จึงได้หยุดพักอาศัยท่ีใต้ร่มต้นยางและได้ดื่มน้าจากหนองน้า ชาวบ้านยุคน้ันจึงเรียกว่า “หนองหัวยาง” พอมี
ชาวบา้ นไปอยู่กันมากจึงแยกหมบู่ า้ นออกจากหม่ทู ่ี 6 บา้ นไรม่ าเป็นหมู่ที่ 7 บ้านหนองหัวยางจึงมีความเป็นมาของ
หมู่บ้านหนองหัวยางจนถงึ ปจั จุบนั

หมบู่ ้านไผ่วงค์ (หมทู่ ่ี 9 ) มีลกั ษณะเปน็ เกาะคือมีต้นไผ่ล้อมรอบเป็นวงกลมรอบหมู่บ้านเป็นจานวนมากจึง
เรียกว่า “หมู่บ้านไผ่วงค์” เดิมเป็นหมู่บ้านหนองหัวยางหมู่ 7 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ต่อมามีชาวบ้าน
เพ่มิ ขึน้ เร่อื ยๆจึงขอขยายแยกหมู่บ้านมาเป็นบ้านไผ่วงค์ ม.9 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก แยกมาจาก ม.7 เมื่อ
วันท่ี 3 สิงหาคม 2528 นายเล่ือน จาดศรี ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ้านไผ่วงค์ เป็นคนแรก ต่อมา
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2548 ผู้ใหญ่เล่ือน จาดศรี อายุครบ 60 ปี หมดวาระ และมีเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ซึ่งนาย
วเิ ชียร ฟกั ทอง ไดร้ ับเลอื กมาเปน็ ผใู้ หญบ่ ้าน (เป็นคนท2ี่ ) เม่ือวันท่ี 1 เมษายน 2548 เป็นต้นมา

วดั หนองหวั ยาง

ต้ังอยู่ที่บ้านหนองหัวยาง หมู่ที่
7 ตาบลท่าทอง อาเภอเมืองพิษณุโลก
จัง ห วั ด พิ ษ ณุโ ล ก สั ง กั ด ค ณ ะ ส ง ฆ์
มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเน้ือที่ 9 ไร่
2 งาน สร้างขึน้ เป็นวดั นบั ต้งั แต่ประมาณ
พ . ศ . 2 4 8 2 มี น า ม ต า ม ช่ื อ บ้ า น
ซึ่งหมู่บา้ นน้มี หี นองนา้ และต้นยางอยู่เป็น
จานวนมาก จึงถือเป็นนิมิตหมายเรียก
เป็นชอื่ หมบู่ ้าน

ภายในพระวิหาร ประดิษฐาน หลวงพ่อกึ่งพุทธกาล เป็นพระพุทธรูปท่ีชาวบ้านหนองหัวยาง

หมู่ 7 และหมู่ 9 เคารพและศรัทธากราบไหว้ ซ่ึงหลวงพ่อกึ่งพุทธการ เดิมประดิษฐาน อยู่ที่วัดพระขาว
ชัยสิทธิ์ ตาบลบ้านกร่าง อาเภอเมืองพิษณุโลก โดยมีชาวบ้านหนองหัวยาง นาโดย ตาบุญและตาวัน ได้
อัญเชิญเคลื่อนย้ายหลวงพ่อกึ่งพุทธกาล จากวัดพระขาวชัยสิทธ์ิ ผ่านการขึ้นล้อเกวียนเดินทางมา
ประดิษฐานไว้บนศาลาการเปรียญวัดหนองหัวยาง หลังจากนั้นได้มีการสร้างพระวิหารขึ้นมา จึงย้ายมา
ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร ต้ังแต่ปี พ.ศ.2500 ปีระกา เดิมเป็นพระพุทธรูปเนื้อปูนสีขาวขุ่น หลังจาก
นั้นมีการทาสีทองทับจากเดิม เมื่อตอนพิธีตัดลูกนิมิต วัดหนองหัวยาง ช่วงเดือนมกราคม พ.ศ.2543
ชาวบ้านมีความเชื่อและศรทั ธามีพทุ ธคณุ เก่ียวกับเรอ่ื ง แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายในการเดินทาง
เปน็ ต้น

งานสมโภช หลวงพ่อก่งึ

งานสมโภชหลวงพ่อกงึ่ จัดขึ้นเป็น
ประจาทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน
เพ่ือให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมใน
การบารุงพระพุทธศาสนา ให้เจริญสืบ
อยู่ตอ่ ไปจนช่วั ลกู ชว่ั หลาน

กิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วย การแสดง
มหรสพต่างๆทีท่ างวัดจัดแสดงข้ึน เพื่อให้ชาวบ้านได้ร่วมกัน
ทาบุญเพ่ือนาเงินไปบารุงสถานท่ีต่างๆในการพัฒนาวัดให้
เจริญงอกงามย่ิงขึ้นไป และยังมีการละเล่นต่างๆให้ชาวบ้าน
ได้มาร่วมสนกุ กนั เพ่อื สรา้ งความสามัคคใี ห้กับคนในชุมชน

หนองเรือโกรน

คลองคู

ตั้งอยู่ในพ้ืนที่หมู่ 7 ตาบลท่าทอง อาเภอเมือง
พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก มีเขตติดต่อกับหมู่บ้าน
โป่งหม้อข้าว หมู่ที่ 4 ตาบลท่านางงาม อาเภอ
บางระกา จังหวดั พิษณุโลก คลองคูมีธรรมชาติท่ีติด
กับไร่นาของชาวบ้าน มีพ้ืนท่ีเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า
มีความยาวของคลองประมาณ 2 กิโลเมตร กว้าง
ประมาณ 80-100 เมตร ใช้ในการเกษตรกรรม
และการประมง มีสายพันธ์ุสัตว์น้า หลายชนิด อาทิ
เช่น ปลาตะเพียน ปลาสวาย ปลานิล ปลาสร้อย
ปลายี่สก เป็นต้น และมีการตกแต่งพื้นท่ีโดยรอบ
คลองด้วยการปลูกต้นไม้นานาพันธ์ุ เพ่ือความ
สวยงาม ปรับภูมิทัศน์ของหมู่บ้าน เพ่ือเป็นสถานท่ี
ทอ่ งเท่ยี วเชงิ ธรรมชาตใิ นอนาคต

ความเช่อื

ชาวบ้านจะเชื่อเร่ืองพ่อปู่ แม่แก่ พ่อแก่ ร่างทรง
ในการรักษาอาการเจ็บป่วย หรือความเช่ือ ถือว่าเม่ือเกิดเรื่อง
อะไรท่ีเราไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้ ก็จะมาหาหมอดูร่างทรง
ให้ชว่ ยหา ช่วยบอก เพื่อให้เราเกิดความสบายใจ

ความเช่ือเร่ืองการอยู่ไฟคลอดลูก ชาวบ้านเชื่อเรื่องการ
อยไู่ ฟหลังคลอดลูก จะทาให้ตอนฝนตกหนัก หรืออากาศหนาว
มาก ถ้าไม่ได้อยู่ไฟฟืน จะทาให้เกิดร่างกายขาดความอบอุ่น
หรือร่างกายจะไม่เเข็งเเรงเหมือนก่อน วัสดุในการอยู่ไฟคือ ยา
ถา่ น ใบหวั แห้วหมู ถา่ นไม้สัก

ความเชอ่ื เร่อื งผกี ระสือจะมากินรกเด็ก

เม่ือบ้านไหนคลอดลกู ก็ต้องนาหนามพุทรา กา้ มปู ตะขอ มาเเขวนตามบา้ นเพือ่ กัน
กระสือ มากนิ รกเด็ก เพราะมันจะเกย่ี วไส้กระสือเพือ่ ไมใ่ ห้มายุง่ กับเด็กเกิดใหม่

อาหารพน้ื บา้ น แกงขี้เหล็ก

แกงบอน

ขนมจีนน้ายา แกงหยวกกล้วย
ผัดเผด็ หนูนา ผัดเผ็ดไกบ่ ้าน

ปลาเห็ด

ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน ประเพณีรับขวัญข้าว ที่ชาวบ้านเช่ือถือว่า

พระแม่โพสพ เปน็ ผคู้ ุ้มครองดแู ลตน้ ขา้ ว ใหเ้ จรญิ งอก
งาม ได้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ มีความเช่ือถือว่า แม่
โพสพเป็นผู้หญิงตกใจง่าย เสียขวัญง่าย จึงมักมีการ
ทาพิธีรับขวัญแม่โพสพ ทุกๆคร้ังท่ีมีการเปล่ียนแปลง
เกิดข้ึน กับต้นข้าว จึงทาให้แม่โพสพ พึงพอใจ
แล้วทาให้ได้ผลผลิตข้าวท่ีสมบูรณ์ เป็นการสร้าง
ขวัญกาลังใจในการทานาให้กับชาวบ้านได้อย่างดี

ทาบุญกลางบ้าน เป็นประเพณีท่ีจัดนอกศาสนสถาน ชาวบ้านจะเลือกจัดประมาณเดือน

กุมภาพันธถ์ ึงเดอื นมถิ ุนายน จะมีการทาบญุ ใส่บาตร และมกี ารปน้ั ดินต๊กุ ตา ผอู้ ยูอ่ าศยั ในครวั เรือน สัตว์
เล้ียงของตน ไปวางตามทางสามแพร่ง เพ่ือสะเดาะเคราะห์ โดยมีการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ มาสวดพระ
พุทธมนต์ในชว่ งเช้าและถวายภตั ตาหาร เพือ่ เปน็ การบาเพญ็ กศุ ล เสรมิ สร้างสิริมงคลแกห่ ม่บู า้ น

ประเพณีเเข่งเรือหาปลา เป็นการ ประเพณีการเเข่งรถไถนาทางเลน

จัดกิจกรรมให้คนในหมู่บ้านได้มีส่วนร่วม จัดขึ้นเพ่ือสร้างความสนุก ให้กับชาวบ้าน
ในการสร้างความสนุก ความสามัคคีของ เพื่อมาเที่ยวชมรถไถนาของหมู่บ้านเรา
คนในชุมชน เป็นการนาวิถีชีวิตของคนใน หมู่บ้านหนองหัวยางได้รับถ้วยรางวัล
ชุมชนท่ีใช้เรือกาปั่นของชาวบ้านมาใช้ใน ระดับประเทศสร้างความภาคภูมิใจ ให้กับ
การเเข่งขัน เพื่อสร้างความสนุกสนาน หมู่บ้านเป็นอย่างมาก จะจัดงานหลังเก็บ
กิจกรรมคลายเครียด ประเพณีเเข่งเรือหา เกี่ยวขา้ วเสร็จ
ปลาจัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 12 ก่อนวัน
ลอยกระทง 1 วันของทกุ ปี ราวงย้อนยุค ในสมัยก่อนเคยมี

ราวงกลองยาว วงปี่พาทย์ และป่ีพาทย์
มอญ ปัจจุบันวงกลองยาวได้สูญหายไป
แล้วเหลอื เพียงเคร่ืองดนตรี ซง่ึ ได้ถวายไว้
ให้เจ้าอาวาสวัดหนองหัวยางดูแลเก็บ
รักษา เน่ืองจากไม่มีคนสืบต่อราวง
กลองยาวเพราะคนตีกลองได้เสียชีวิตลง
จึงไม่มีใครมาสานต่อ ในปัจจุบันจะมี
ราวงย้อนยุคเข้ามาแทน และสามารถ
จ้างนางราย้อนยุคไปราในโอกาสต่างๆ
หรือจ้างนางราไปราถวายหลวงพ่อกึ่ง
พุทธการ จากการบนบานศาลกล่าว
ขอพร สงิ่ ศักด์ิสิทธิ์ เป็นต้น

องค์ความรู้ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น ช่ือ-สกุล ปราชญ์ชาวบ้านหรือผ้รู ู้ เบอรโ์ ทรศพั ท์

1. ผทู้ ีร่ ้เู รอ่ื งคติธรรม ความเชื่อ หลัก นายมี กลน่ิ หอม 065-757-8152
095-034-0659
ปฏิบัตแิ ละข้อหา้ ม เช่น หมอดู หมอไลผ่ ี นายจรัญ กลน่ิ หอม 090-199-5296

นางบญุ ธรรม โตรปู สม 092-032-1490

2. ผู้ท่รี ู้ประเพณี พธิ กี รรมตา่ งๆ หรือ นางเวง เทยี นหอม 089-562-3877
095-034-0659
เปน็ ผู้นาในชมุ ชน

3. ศลิ ปิน เชน่ นักดนตรีพืน้ บา้ น นายแดง จาดศรี

นกั แสดงพ้ืนบา้ น นกั ร้องพนื้ บ้าน นัก

แตง่ กลอน นกั วาดภาพ

4. ผรู้ เู้ รอ่ื งการปรุง การแปรรปู และการ นางหลา่ บวั เกดิ

ถนอมอาหารพ้นื บา้ น นางนา้ เยน็ จาดศรี

5.ผรู้ ู้เรอื่ งการหาอาหารจากธรรมชาติ นายเชยี ง

เชน่ การหาปลา การเกบ็ เหด็ การตผี ้ึง นายปรัง ท่มิ เถือ่ น

นายโปรด เสอื แพร

6. ผทู้ ่ีรู้เรือ่ งการดแู ลสุขภาพพน้ื บา้ น นายสวุ ิทย์ ฟกั ทอง

เช่น หมอสมนุ ไพร หมองู หมอกระดูก

หมอนวด จับเส้น หมอตาแย หมอ

นา้ มนต์

7. ผู้ที่รู้เรอ่ื งการใชพ้ ลงั งานจาก นางวันเพ็ญ โสภณ

ธรรมชาติ เชน่ เผาถา่ น การทา นายพล รุ่งแจ้ง

นา้ มนั ยาง ข้ไี ต้

8. ผ้ทู ีร่ ดู้ ้านงานหัตถกรรม เช่น การทอ นายแก แสงแผน

ผา้ สานเส่อื จักสานเคร่อื งใช้ต่างๆ ใน นายแวง สุขโชติ

บา้ น และสาหรับการประกอบอาชพี นางร้วิ กลิ่นหอม

9. นกั ประดษิ ฐข์ องต่างๆ ชา่ งทาสงิ่ ของ นายพล รงุ่ แจ้ง

ตา่ งๆ เช่น ช่างสร้างบ้าน สรา้ งเรอื ผู้รู้ นายมงคล ทมิ เถ่ือน

การทาเครอื่ งหอม เคร่ืองสาอาง ผรู้ ้กู าร นายสชุ าติ บัวเกดิ

ทาสี ยอ้ มสจี ากวัสดุธรรมชาติ

10. ผู้รู้เรื่องเกษตรกรรมพนื้ บา้ น เช่น นางจาเนยี ร นอ้ ยทา่ ทอง

การคดั เลือกเมลด็ พนั ธุ์ การเพาะชากลา้

ไม้พนื้ บา้ น หมอดิน

11. ผูร้ ู้เรื่องต้นไม้พืน้ บ้าน ผรู้ ูด้ ้านสตั ว์ นายพล รุ่งแจ้ง

และแมลงพ้ืนบา้ น ผรู้ ูด้ า้ นภมู ปิ ระเทศ

12. ผรู้ ู้ดา้ นการจัดการ เชน่ พธิ ีกรงาน นางเวง เทียนหอม

บญุ ตา่ งๆ แม่งาน นายหนา้ นายบุญชอ่ ขาจยุ้

นายสุวิทย์ ฟักทอง

13. ผูร้ ้หู รอื ปราชญช์ าวบา้ นด้านอนื่ ๆ นางบญุ ธรรม โตรปู สม

นายจรัญ จาดศรี


Click to View FlipBook Version