-2-
คณุ ลกั ษณะของคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณ์ต่อพว่ ง
1. คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์มบี ทบาทกับชวี ิตประจำวนั อยา่ งมากมาย โดยเฉพาะการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้าไปประยุกต์ใชง้ าน
ตา่ งๆ เพราะสามารทำงานแทนมนุษย์ไดห้ ลากหลายชนิ้ งาน ลดขั้นตอน แรงงานและคา่ ใช้จา่ ย และในปจั จบุ นั
แนวโนม้ ในการใชง้ านคอมพวิ เตอรก์ ็มีเพิ่มมากขึ้นเร่ือยๆ
ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์
1. ทำงานได้รวดเรว็ คอมพิวเตอรม์ ีการประมวลผลรวดเร็วกว่ามนุษยห์ ลายเท่า จึงนยิ มนำมาใช้คดิ คำนวณ
เพอื่ ลดระยะเวลาการทำงาน ทำให้การทำงานตา่ งๆ รวดเร็วข้ึน
2. ทำงานไดถ้ ูกต้องแมน่ ยำ การประมวลผลของคอมพิวเตอรม์ คี วามผิดพลาดตำ่ หรือแทบจะไมม่ ีความ
ผิดพลาดเลย จุดเด่นนี้ คอมพิวเตอรจ์ ึงถกู นำมาใชใ้ นการคำนวณต่างๆ เชน่ ขอ้ มลู ด้านการเงิน บัญชี ฐานขอ้ มลู
วศิ วกรรม การควบคุมอปุ กรณ์ทางการแพทย์ ที่ต้องการความละเอยี ด แม่นยำสูง เช่น การผ่าตดั ดวงตา การ
ผ่าตดั สมอง
3. ทำงานได้อย่างต่อเน่อื ง จดุ เด่นน้ี ทำใหค้ อมพิวเตอร์ถกู นำมาใช้ในงานอุตสาหกรรม ซึ่งต้องการทำงานอยา่ ง
ต่อเนอ่ื ง ไม่มีการหยุดพกั เพือ่ ใหไ้ ด้ผลผลิตตามต้องการ
4. ทำงานท่ีมีความเส่ียง ลักษณะงานที่มีความเสยี่ ง อันตราย สกปรก งานท่เี ป็นภยั ต่อสุขภาพ ถงึ มักใช้
คอมพวิ เตอร์ในการปฏบิ ัตงิ านแทนมนษุ ย์ เช่น เกบ็ ก้รู ะเบิด เครื่องบนิ เล็กสอดแนม
5. ทำงานทีซ่ ับซ้อนหรือยงุ่ ยากได้ คอมพวิ เตอรถ์ ูกนำมาใช้งานในลักษณะงานทซ่ี ับซ้อน แทนมนษุ ยเ์ พ่ือ
เหตุผลของการลดตน้ ทนุ ในการจ้างงาน ทำใหก้ ารทำงานดังกล่าวเปน็ ไปได้อย่างรวดเรว็ ลดต้นทุนการผลติ ได้
6. ทำงานได้อเนกประสงค์ คอมพวิ เตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายอนั เนื่องมาจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ท่ี
สนองความต้องการของผใู้ ชง้ าน
7. ทำงานระยะไกลได้ เน่อื งจากคอมพวิ เตอร์สามารถเช่ือมโยงเขา้ กบั เครือข่ายได้ท่ัวโลก ทำใหไ้ มว่ า่ จะอยู่ที่ใด
ของโลกใบน้ี ก็สามารถสัง่ งานผ่านคอมพิวเตอร์ได้
8. ทำงานได้อยา่ งตรงไปตรงมา เน่อื งจากคอมพวิ เตอรม์ ีการประมวลผลท่ีแน่นอน ทำงานตามโปรแกรมท่ตี ง้ั
ไว้เทา่ น้นั คอมพิวเตอร์จงึ ถูกนำมาใช้ในการตัดสินใจแทนมนุษย์
คุณลักษณะเด่นพนื้ ฐานของคอมพิวเตอร์ในปัจจบุ ัน
1. ความเรว็
2. ความถกู ต้อง แม่นยำ
3. ความนา่ เช่ือถือ
4. การจดั เก็บข้อมลู
5. การติดตอ่ สื่อสาร
6. ความเปน็ อตั โนมตั ิ
ประเภทของเครอื่ งคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ในปจั จบุ ันแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 5 ประเภท ดังนี้
1. ซูปเปอร์คอมพวิ เตอร์ (Super Computer) เป็นคอมพิวเตอรท์ ่ีมีความเรว็ ในการประมวลผลสูงท่สี ุด มี
ราคาสูง มขี นาดใหญ่มาก ถูกสร้างมาเพื่อคำนวณทางคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ เช่น
การพยากรณ์อากาศล่วงหนา้ การวิเคราะหภ์ าพถา่ ยจากดาวเทยี ม งานจำลองท่ซี ับซ้อนมากๆ เป็นต้น
-3-
Super Computer ขององค์กร NASA
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ท่มี สี มรรถนะการทำงานสูง แตไ่ ม่
เนน้ ความเร็วในการคำนวณเป็นหลกั เหมือนซูปเปอร์คอมพวิ เตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ถูกใชใ้ นองคก์ รใหญๆ่
เช่น ธนาคาร ธรุ กิจสายการบิน เปน็ ตน้
3. มนิ คิ อมพิวเตอร์ (Minicomputer) เป็นเครื่องคอมพวิ เตอรท์ เี่ หมาะสำหรับใชใ้ นองค์กรขนาดกลาง ท่ี
ใหบ้ ริการข้อมลู แก่เคร่ืองลูกข่าย เชน่ โรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม เปน็ ตน้
4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ไี ดร้ ับความนยิ มมากท่สี ดุ ราคาไม่แพง
เหมาะสำหรับใชส้ ่วนตัวท่ีบ้าน ท่ีโรงเรียน และสำหนักงาน เชน่ การสืบคน้ ข้อมูล การทำรายงาน การดหู นัง ฟงั
เพลง เปน็ ต้น
Microcomputer
-4-
5. คอมพวิ เตอร์พกพาขนาดเลก็ (Handheld Computer) เปน็ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กท่ีสามารถจดั การ
กับข้อมลู ต่างๆ ในปจั จุบันได้ เช่นเดียวกบั ไมโครคอมพวิ เตอร์ แตม่ ีขนาดเลก็ สามารถพกพาได้สะดวก เชน่
ปาลม์ ทอ็ ป (Palmtop), พีดเี อ (PDA), ไอโฟน (iPhone), ไอแพด (iPad), แทบ็ เลต (Tablet) เป็นต้น
คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
อุปกรณ์ตอ่ พ่วง
อุปกรณ์ตอ่ พว่ ง หมายถึง อปุ กรณท์ ่ตี ่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งานในลกั ษณะตา่ งๆ อปุ กรณต์ อ่
พว่ งมหี ลายชนิด และมีความสำคญั ดงั นี้
1คยี ์บอร์ดหรือแป้นพิมพ์ (Keyboard)
เปน็ อปุ กรณพ์ ื้นฐานท่ีคอมพวิ เตอร์ทุกเครอื่ งจะต้องมี เน่อื งจากตวั คียบ์ อร์ดใชส้ ำหรับการพิมพ์หรือป้อมข้อมลู
ต่างลงไปในเครอื่ งคอมพิวเตอร์ ในตวั คีย์บอรด์ จะมีทั้งที่เป็นตัวอกั ษรทีเ่ ปน็ ภาษาหลกั ของแต่ละประเทศรวมทั้ง
ภาษาหลกั อยา่ งภาษาอังกฤษอยดู่ ว้ ย และยังมีข้อมลู ท้ังตัวเลขและฟังกช์ นั ตา่ งๆ ทจ่ี ำเป็นสำหรบั การใช้งานและ
อน่ื ๆ อีก เพ่ือใชส้ ำหรับลงข้อมูลในตัวเคร่ืองของเรา โดยส่วนใหญ่แล้วคีย์บอร์ดมลี ักษณะท่ีเปน็ ส่ีเหลี่ยมผนื ผา้
หรอื มีลกั ษณะทใ่ี กล้เคยี งกัน แต่ในปัจจบุ นั ก็อาจมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แลว้ แตค่ วามคิดสรา้ งสรรค์ของ
คนออกแบบ
การเช่อื มต่อแปน้ พมิ พ์ เขา้ กับคอมพวิ เตอร์ สามารถทำได้ 3 รปู แบบ ได้แก่
การเชอ่ิ มต่อโดยใชส้ ายท่ีมีหวั แบบวงกลม (PS/2) เวลามปี ัญหา ถอดเข้า-ออก ต้องรสี ตารท์ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์
ใหม่
การเชอิ่ มต่อโดยใชส้ ายทมี่ หี ัวแบบยเู อสบี (USB) สะดวก สามารถถอดเขา้ -ออก ไดท้ นั ไม่ต้องรีสตาร์ทเครื่อง
ใหม่
การเชิ่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless) สะดวก แตร่ าคาสูง และตอ้ งเปล่ียนแบ็ตเตอรร์ บ่ี อ่ ยคร้ัง
-5-
PS2
USB
Wiressless
มาส์ (Mouse)
เป็นอปุ กรณป์ ระเภทตัวชีท้ ีไ่ ดร้ ับขอ้ มลู จากการกดปุ่มขา้ งบนเมาส์ ทำหน้าที่คลิกปุ่มคำสง่ั ท่ีต้องการ มี
ลกั ษณะการเชื่อมต่อแบบคยี ์บอร์ด แบ่งเป็น 3 ประเภท
เมาส์ (mouse) คอื อุปกรณท์ ใี่ ช้ในการควบคุมการใช้งานในคอมพวิ เตอรช์ ิน้ หนึ่ง ซ่ึงออกแบบเพื่อใหพ้ อดี
กับการใช้งานโดยส่วนโค้งและส่วนเว้าโค้งเขา้ ตามกับอุ้งมือของผ้ใู ช้ โดยภายด้านใต้ของเมาส์จะมอี ุปกรณ์ซ่ึง
ตรวจจับการเคล่ือนไหวของเมาส์ โดยส่งสัญญาณไปที่คอมพวิ เตอร์เพอื่ แสดงผลของเคอรเ์ ซอรบ์ นหน้า
จอคอมพวิ เตอร์ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท
-6-
1.แบบทางกล (Mechanical)
เมาส์จะมีลอ้ ยางเปน็ ลูกกลิ้งอย่ดู ้านล่าง เม่ือผู้ใช้เมาส์เลอื่ นเมาส์ไปบนแผ่นรองเมาส์ (Mouse pad)
หรือพน้ื โตะ๊ จะทำใหล้ กู กลิ้งด้านลา่ งหมนุ และทำให้แกนภายในของเมาสห์ มุน กจ็ ะสง่ สญั ญาณเป็นพิกัดในการ
เลอ่ื นตำแหน่งช้ี (Mouse Pointer) ของเมาส์ไปยงั ตำแหนง่ ที่ต้องการบนจอภาพ เมื่อตอ้ งการเลือกสง่ ตา่ ง ๆ
บนจอภาพ ทำไดโ้ ดยการกดปุ่มซ้ายหรือขวา 1 ครั้ง (Click) หรือ 2 คร้ัง (Double Click) การทำงานของเมาส์
น้ีจะตอ้ งควบคุมดว้ ยโปรแกรมที่เรียกวา่ Mouse Driver
2.แบบใชแ้ สง (Optical mouse)
อาศยั หลักการสง่ แสงจาก Mouse ลงไปบนแผ่นรอง Mouse
3.แบบไรส้ าย (Wireless Mouse)
เปน็ Mouse ทีม่ กี ารทำงานเหมือน Mouse ทวั่ ไปเพยี งแต่ไม่มีการใช้สายไฟต่อออกมาจากตัว Mouse
ซง่ึ Mouse ชนิดนี้จะมีตวั รับและตวั สง่ สญั ญาณซึ่งทางด้านตวั รบั สัญญา
ณอาจจะเป็นหวั ต่อแบบ PS/2 หรือ แบบ USB ที่เรียกวา่ Thumb USB receiver ซ่งึ ใชค้ วามถว่ี ิทยุอยู่ที่
27MHz และปัจจบุ นั ใชแ้ บบ Nano receiver ซ่งึ ใช้ความถี่วิทยุท่ี 2.4 GHz
-7-
การเช่อื มตอ่ แป้นพิมพ์ เข้ากบั คอมพิวเตอร์ สามารถทำได้ 3 รูปแบบ ไดแ้ ก่
1. การเชิ่อมต่อโดยใชส้ ายทม่ี ีหัวแบบวงกลม (PS/2) เวลามปี ัญหา ถอดเขา้ -ออก ต้องรสี ตาร์ทเครอ่ื ง
คอมพิวเตอร์ใหม่
2. การเชอ่ิ มต่อโดยใช้สายทม่ี หี วั แบบยูเอสบี (USB) สะดวก สามารถถอดเข้า-ออก ไดท้ ัน ไมต่ ้องรีสตาร์ท
เครื่องใหม่
3. การเชิอ่ มต่อแบบไรส้ าย (Wireless) สะดวก แตร่ าคาสูง และต้องเปลีย่ นแบ็ตเตอรร์ บ่ี อ่ ยครงั้
POINTER
อปุ กรณ์ช้ีตำแหนง่ สำหรับเครื่องคอมพวิ เตอรโ์ นต้ บุ๊ค (Pointer)
เปน็ อปุ กรณ์รบั เขา้ ทส่ี ามารถติดกับตัวโน๊ตบคุ๊ สะดวกในการพกพา ซ่งึ มี 3ประเภท
ลกู กลมควบคุม Track Ball
แทง่ ช้ีควบคุม Track Point
แผน่ รองสัมผัส Mouse Pad
ก้านควมคุม Joystick
WEBCAM
เป็นอุปกรณร์ บั เขา้ ประเภทกล้องวีดีโอทส่ี ามารถบนั ทกึ ภาพเคลื่อนไหวผา่ นเว็บไซคแ์ ลว้ ปรากฎบน
หนา้ จอได้
-8-
MONITOR
จอภาพแบบซอี าร์ที (Cathode Ray Tube : CRT) มีลักษณะเหมือนจอโทรทัศน์ ทำงานโดยเทคโนโลยี
หลอดรงั สอี ิเลก็ ตรอน โดยยิงอเิ ล็กตรอนไปยังผวิ ดา้ นในจอเมื่อลำแสงว่งิ มาชนจะเกิดแสงสวา่ งขนึ้
จอภาพแบบแอลซีดี (Liquid Crystal Display : LCD) ทำงานโดย
อาศัยการเบ่ียงเบนแสงตามการควบคมุ ทิศทางของโพราไลเซช่นั ของวัตถุท่กี ้ันระหวา่ งแหลง่ กำเนดิ แสงและ
แผ่นเคลอื บสารเรืองแสง ปอ้ งแรงดันเขา้ ไปยังแผ่นเพลตเมื่อไดร้ ับแรงดนั ไฟฟา้ มีผลใหแ้ สดงจากแหล่งกำเนดิ
สามารถผา่ นทะลกุ ระทบกบั สารเรอื งแสงจนเกิดแสงสีท่ตี ้องการ จอภาพ
แบบแอลอดี ี (Light Emitting Diode : LED) หลกั ารทำงานคือการนำหลอดLED มาเรียงรายกันเป็นแถว
โดยภาพตา่ งๆจะเกิดขน้ึ จากการตดิ ดับของหลอด LED ทำให้เกิดภาพและสที ีไ่ ด้ชดั เจนกวา่ จอแสดงผลแบบอน่ื
ๆโดยจอแสดงผลแบบ LED น้ีเปน็ เทคโนโลยีทีม่ าทดแทนและปดิ จุดบกพร่องของจอแสดงผลแบบ LCD ซึง่ จอ
แบบ LED นนั้ จะไมม่ ีขอ้ จำกัดในเรื่องของมุมมอง และอตั ราการตอบสนองของภาพทีไ่ วกว่าแบบจอ LCD
นอกจากน้ันจอแบบ LED ยังประหยดั ไฟฟ้าได้ดีกวา่ แบบ LCD อีกดว้ ย
-9-
จอภาพแบบพลาสมา (Plasma) จอภาพที่ประกอบข้ึนจากแผ่นแก้วสองชดุ วางชิดกนั ช่องว่างนจี้ ะถูกแบง่
ออกเป็นเซลลแ์ สงกว้าง 100-200 ไมครอน มีชั้นผนัง (rib) กนั้ ไว้ โดยใช้ขั้วไฟฟา้ ในแนวกระจกคอยควบคุม
ตำแหนง่ ของเซลล์เหลา่ นัน้ แตล่ ะเซลลจ์ ะบรรจุกา๊ ซที่ผสมระหวา่ งก๊าซซีนอนและกา๊ ซเฉื่อยอ่นื ๆ กลไกการ
ทำงานของจอภาพพลาสมา จะมีการเรอื งแสงขน้ึ เองเหมือนการทำงานของหลอดไฟฟลอู อเรสเซนต์ กลา่ วคือ
ก๊าซในเซลลเ์ หลา่ นีเ้ มื่อถูกกระตุ้นด้วยแรงดันไฟฟ้าจะเกิดการไอออนไนซ์ข้ึนทำให้ก๊าซแตกประจแุ ละปล่อยแสง
อลุ ตราไวโอเล็ตออกมา สารเรื่องแสงจะดดู ซับอลุ ตราไวโอเล็ตและสรา้ งสที ่ีมองเห็นได้ดว้ ยตา ทำใหเ้ รามองเหน็
เปน็ ภาพได้
SPEAKER
ลำโพง (Speaker)
เปน็ อุปกรณท์ ี่แสดงผลเปน็ เสยี งโดยใชง้ านคู่กบั การด์เสียงซง่ึ เป็นอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ทำหน้าท่ีแปลง
สญั ญาณดิจิทัลให้เป็นอะนาล็อกแลว้ ส่งไปยังลำโพง ทำหน้าทถ่ี ่ายทอดและขยายสัญญาณเสยี งจากอปุ กรณ์กำเนดิ
เสียงภายในคอมพวิ เตอรเ์ ช่น ซาวดก์ าร์ดและชิปเสยี งบนเมนบอรด์ ไปยังผู้รบั หรอื ผใู้ ช้งาน (ในท่ีน้จี ะขอพดู ถึงแต่
กับลำโพงแบบมลั ติมีเดยี ที่ใช้กับคอมพิวเตอรเ์ ทา่ น้นั ) โดยถือเป็นอีกสว่ นประกอบหน่ึงสำคญั ในระบบเสียง
สำหรบั ชดุ ลำโพงแบบมลั ตมิ เี ดยี ทีใ่ ชก่ ับคอมพวิ เตอร์โดยทั่วไปในปัจจุบันสามารถแบง่ ออกเป็นประเภทต่างๆได้
ดังน้ี
-10-
ชุดลำโพงมลั ตมิ ีเดยี สำหรับคอมพิวเตอร์ท่ัวไป
ร่นุ ธรรดาจะเปน็ สเตอรโิ อท่ีมีแค่ลำโพงซา้ ย-ขวาตวั เลก็ 2 ข้าง หรอื ดีข้นึ มาหนอ่ ยก็จะเปน็ แบบท่มี เี ครือ่ งขยาย
เสยี งหรอื แอมป์(Amplifier) ในตวั พอเสยี บสายตอ่ เขา้ กบั การ์ดเสยี งก็ใชไ้ ด้เลย (ถ้ามีแอมป์ในตวั อาจต้องเสียบ
ปลกั๊ ไฟดว้ ย)
ชุดลำโพงพรอ้ มซปั วุฟเฟอร์
เปน็ ชุดลำโพงแบบ 3 จุด หรอื เรียกกนั กว่า 2.1
Channel ประกอบดว้ ยลำโพงแยกเสยี งซา้ ยขวา 2 จุด และลำโพงเสียงท้มุ หรือซปั วูฟเฟอร์ (Sudwoofer) ที่
ชว่ ยเพม่ิ เสียงท้มุ ใหห้ นักแแน่นขึน้ อีก 1 จดุ บางรุ่นอาจมีปุ่มเพ่มิ /ลดเสียงทุ้ม-แหลมให้คุณปรับเสยี งได้ตามใจ
ชอบมาให้ด้วย
-11-
SCANNER
เครอ่ื งสแกน (Scanner)
สแกนเนอร์ (Scanner) คอื อุปกรณซ์ ่ึงจับภาพและเปล่ยี นแปลงภาพจากรูปแบบของ อนาล็อกเปน็ ดิจติ อล
ซงึ่ คอมพวิ เตอรส์ ามารถแสดง เรียบเรยี ง เก็บรกั ษาและผลิต ออกมาได้ ภาพน่นั อาจจะเปน็ รปู ถา่ ย
ขอ้ ความ ภาพวาด หรือแม้แตว่ ัตถุสามมิติ สามารถใชส้ แกนเนอรท์ ำงานตา่ งๆ
1. เครอื่ งอ่านรหัสแทง่ อุปกรณ์รับเข้าทท่ี ำงานโดยหลักการของการสะท้อนแสง เคร่ืองจะส่องลำเสียงไปยัง
รหัสบนสนิ ค้าจากนน้ั จะเปลยี่ นรหสั เป็นสญั ญาณไฟฟ้าผ่านสายท่ีเชอ่ื มต่อกบั คอมพิวเตอร์
เคร่อื งกราดตรวจหรือสแกนเนอร์ เป็นอปุ กรณร์ ับเข้าประเภทรูปภาพและข้อความท่ีอยู่บนสิ่งพมิ พ์โดยใชห้ ลัก
สะท้อนแสง ข้อมูลจะถูกแปลงในแบบที่คอมพิวเตอรเ์ ขา้ ใจและเกบ็ ไวใ้ นหน่วยความจำ
PRINTER
ประเภทของเครื่องพิมพแ์ ละการใช้งาน
เครอ่ื งพมิ พท์ เ่ี ราใช้งานกันอยู่ทุกวนั น้ี มกี ่ีชนดิ หรอื กี่ประเภท และแต่แบบมีลักษะอยา่ งไร ประเภท
ของ printer แบบต่างๆ และการใชง้ านท่ีแตกต่างกัน เพ่อื ท่ีจะได้เลอื กใชง้ าน printer แตล่ ะแบบได้อยา่ ง
เหมาะสม
ประเภทของ printer แบบตา่ งๆ และการใช้งาน
1. Dotmatrix printer เครือ่ งพิมพป์ ระเภทน้ใี นสมยั ก่อนเคยเปน็ ที่นยิ ม ลกั ษณะการพิมพเ์ ปน็ แบบ
ใชห้ ัวเข็ม และไม่ได้ใช้ตลบั หมึกแต่ใชผ้ า้ หมึกแทน
-12-
การใชง้ าน มักใช้พิมพ์งานท่ีต้องการทำสำเนา เนอื่ งจากเคร่อื งพิมพ์ลักษณะนมี้ ีแรงกด และสามารถพมิ พ์
กระดาษตอ่ เน่ืองได้ และอายุการใช้งานค่อนข้างนาน แต่มีข้อเสยี อยู่ที่คุณภาพงานพมิ พ์ต่ำเม่อื เทียบกับ
printer ประเภทอน่ื ๆ และมีเสียงดงั ขณะพิมพ์งาน
2. Inkjet printer เครอ่ื งพมิ พ์อิงคเ์ จท็ นี้ ในปจั จุบนั คอ่ นข้างไดร้ ับความนยิ มค่อนข้างมาก เน่ืองจาก
ราคาทไี่ ม่สูงจนเกินไป คณุ ภาพงานพมิ พ์เปน็ ท่ียอมรบั และการใชง้ านได้ค่อนขา้ งหลากหลาย ลกั ษณะการ
พมิ พ์ จะเป็นการพ่นหมึกพิมพ์เปน็ หยดๆ ลงบนกระดาษ
การใชง้ าน สามารถพิมพง์ านไดห้ ลากหลาย เอกสาร, ภาพถา่ ย, โปสการด์ แตโ่ ดยทั่วไปมกั มีขนาดไมเ่ กิน
A3 และมีสินค้าให้เลือกหลายรุ่นตามระดบั ราคา และฟงั กช์ ันท่ีต้องการ
3. Laser printer ลกั ษณะการพิมพข์ อง printer ประเภทน้ี ใชเ้ ทคโนโลยเี ดียวกบั เคร่ืองถา่ ย
เอกสาร คือยงิ เลเซอรไ์ ปสรา้ งภาพบนกระดาษในการสรา้ งรูปภาพ หรอื ตัวอักษร ซง่ึ ผลลัพธท์ ี่ออกมาจะมี
-13-
คุณภาพสูงมากกวา่ เคร่ืองพิมพ์แบบพน่ หมกึ
การใชง้ าน เหมาะสำหรับการพมิ พ์ท่ีต้องการคณุ ภาพทีส่ ูงมากข้ึน เอกสารสำคัญตา่ งๆ หรอื งานทีต่ ้องการ
ความคมชดั และสวยงามมากกว่าการพิมพ์อิงค์เจ็ทโดยทวั่ ไป แต่เครอื่ ง print ประเภทนม้ี ีราคาสงู และ
ต้นทนุ ในการใชง้ านและบำรุงรกั ษากส็ งู มากขึน้ ดว้ ย
4. Plotter เป็นเครื่องพมิ พช์ นดิ ที่ใชป้ ากกาในการเขียนขอ้ มลู ตา่ งๆ ลงบนกระดาษท่ที ำมา
เฉพาะงาน พล็อตเตอรท์ ำงานโดยใช้วิธเี ลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาได้ 6-8 สี ความเร็วในการทำงาน
ของ พล็อตเตอร์มหี นว่ ยวดั เป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Second : IPS) ซ่ึงหมายถึงจำนวนนิว้ ที่พลอ็ ตเตอร์
สามารถ เลอ่ื นปากกาไปบนกระดาษ
5. Multi-function printer เครื่องพมิ พ์ประเภทน้เี ป็น printer ที่รวบรวมฟังกช์ ันทหี่ ลากหลายในการ
ทำงานไว้ในเครื่องตวั เดียว เช่น สามารถ scan, copy หรอื รับ-สง่ แฟ็กซ์ ไดใ้ นตัวเอง ทำให้มคี วาม
สะดวกสบายในการใชง้ านที่ค่อนข้างมาก แต่ทัง้ นี้ราคาก็มักจะสงู ตามความสามารถที่มากขนึ้ ด้วย
-14-
MODEM
โมเด็ม เปน็ อปุ กรณ์สำหรับคอมพวิ เตอร์อย่างหน่งึ ท่ชี ว่ ยใหค้ ุณสมั ผัสกบั โลกภายนอกได้อย่างงา่ ยดาย โมเด็ม
เป็นเสมอื นโทรศัพท์สำหรบั คอมพวิ เตอร์ที่จะชว่ ยใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์ของคณุ สามารถส่อื สารกบั คอมพิวเตอร์
อื่นๆ ได้ทัว่ โลก โมเดม็ จะสามารถทำงานของคุณใหส้ ำเรจ็ ได้ก็ดว้ ยการเช่อื มต่อระหวา่ งคอมพิวเตอร์ของคุณเข้า
ค่สู ายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึง่ โมเดม็ จะทำการแปลงสัญญาณดจิ ติ อล (digital signals) จากเคร่อื ง
คอมพวิ เตอร์ใหเ้ ปน็ สัญญาณอนาล็อก (analog signals) เพ่ือใหส้ ามารถสง่ ไปบนค่สู ายโทรศัพท์
โมเดม็ มาจากคำวา่ MOdulator/DEModulator โดยแยกการทำงานออกเปน็ Modulation คอื การแปลง
สัญญาณดจิ ติ อล จากเครื่องคอมพวิ เตอร์ ตน้ ทางให้กลายเปน็ สญั ญาณอะนาลอกแลว้ สง่ ไปตามสายโทรศัพท์
และ Demodulation คอื การเปลี่ยนจากสญั ญาณอะนาลอก ที่ได้จากสายโทรศัพทใ์ ห้กลบั ไปเป็นสัญญาณ
ดิจิตอล เพ่ือสง่ ต่อไปยัง เคร่ืองคอมพิวเตอรป์ ลายทาง สัญญาณจากคอมพิวเตอรเ์ ป็นสญั ญาณ Digital มีแค่ 0
กับ 1 เท่านน้ั เม่ือเปล่ยี นมาเป็นสัญญาณอะนาลอกอย่ใู นรูปทีค่ ล้ายกับสญั ญาณไฟฟา้ ของ โทรศพั ท์ จงึ ส่งไป
ทางสายโทรศัพทไ์ ด้
โมเด็มแต่ละประเภทจะมีคุณลกั ษณะท่ีแตกต่างกันดังน้ี
1. ความเรว็ ในการรบั – สง่ สัญญาณ ความเร็วในการรับ – ส่งสัญญาณ หมายถงึ อัตรา (rate) ทโี่ มเดม็
สามารถทำการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู กับโมเด็มอนื่ ๆมหี นว่ ยเป็น บติ /วนิ าที (bps) หรือ กิโลบติ /วนิ าที (kbps)
ในการบอกถึงความเรว็ ของโมเด็มเพื่อให้ง่ายในการพดู และจดจำ มักจะตัดเลขศูนย์ออกแลว้ ใช้ตัวอกั ษร
แทน เช่น โมเด็ม 56,000 bps จะเรยี กว่า โมเด็มขนาด 56 K
2. ความสามารถในการบบี อดั ข้อมูล ข้อมูลข่าวสารทส่ี ่งออกไปบนโมเด็มน้นั สามารถทำใหม้ ีขนาดกะทัดรดั
ดว้ ยวิธกี ารบีบอดั ข้อมูล (compression) ทำใหส้ ามารถส่งขอ้ มลู ไดค้ ร้ังละเปน็ จำนวนมากๆ เปน็ การเพิ่ม
ความเรว็ ของโมเด็มในการรบั – สง่ สญั ญาณ
3. ความสามารถในการใชเ้ ป็นโทรสาร โมเดม็ รนุ่ ใหม่ๆ สามารถสง่ และรับโทรสาร (Fax capabilities) ได้ดี
เชน่ เดียวกบั การรับ – สง่ ข้อมูล หากคณุ มีซอฟท์แวรท์ เี่ หมาะสมแล้วคุณสามารถใช้แฟคซ์โมเด็มเปน็
เครอื่ งพมิ พ(์ printer)ได้เม่อื คุณพมิ พ์เข้าไปที่แฟคซ์โมเด็มมันจะสง่ เอกสารของคุณไปยังเครือ่ งโทรสารท่ี
ปลายทางได้
4. ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด โมเด็มจะใชว้ ธิ ีการควบคุมความผดิ พลาด (error control)
ต่างๆ มากมายหลายวธิ ใี นการตรวจสอบเพื่อการยืนยันว่าจะไม่มีข้อมูลใดๆสญู หายไประหว่างการส่งถา่ ย
ข้อมูลจากคอมพวิ เตอร์เครอ่ื งหนึ่งไปยงั อกี เคร่ืองหน่ึง
-15-
5. ออกแบบให้ใชไ้ ด้ทั้งภายในและภายนอก โมเด็มทจ่ี ำหนา่ ยในท้องตลาดทัว่ ๆ ไปจะมี 2 รูปแบบ คือ
โมเดม็ แบบติดต้ังภายนอก (external modems) และ แบบติดตัง้ ภายใน (internal modems)
6. ใชเ้ ป็นโทรศพั ทไ์ ด้ โมเด็มบางรุ่นมกี ารใส่วงจรโทรศัพทธ์ รรมดาเข้าไปพร้อมกับความสามารถในการรบั –
ส่งข้อมูลและโทรสารด้วย
โมเด็ม(Modems) สามารถแบ่งการใช้งานออกไดเ้ ป็น 3 อยา่ งคือ
1. Internal
2. External
3. PCMCIA
1.Internal Modem
Internal Modem เปน็ โมเด็มทม่ี ลี ักษณะเปน็ การ์ดเสียบกบั สล็อตของเครื่องอาจจะเปน็ แบบ ISA หรือ
PCI ข้อดีกค็ ือ ไม่เปลืองเน้ือท่ี ราคาไม่แพงมากนัก ใช้ไฟเล้ียงจาก Mainboard ข้อเสียคือ ตดิ ตัง้ ยากกว่าแบบ
ภายนอก เนื่องจากติดตง้ั ภายในเครื่องทำให้ใช้ไฟในเครื่องอันสง่ ผลใหเ้ พ่ิมความร้อน ในเครือ่ ง เคลือ่ นย้ายได้ไม
สะดวกยาก ใช้ได้เฉพาะเคร่อื งคอมแบบ PC เท่านั้นไมส่ ามารถใช้งานกบั NoteBook ได้
2.External Modem
External Modem เปน็ โมเดม็ ที่ติดต้งั ภายนอกโดยจะตอ่ กับ Serial Port โดยใช้หวั ตอ่ ที่เป็น DB-25
หรอื DB-9 ต่อกับ Com1, Com2 หรือ USB ข้อดคี ือ สามารถเคล่อื นย้ายไปใช้กบั เครื่องอ่นื ได้ ติดต้ังได้ง่าย ไม่
-16-
เพิ่มความรอ้ นให้กบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เน่ืองจากติดตัง้ อยู่ภายนอกและใชแ้ หลง่ จ่ายไฟภายนอก สามารถใช้
งานกับเคร่ือง NoteBook ได้เน่อื งจากต่อกับ Serial Port หรือ Parallel Port มไี ฟแสดง สภาวะการทำงาน
ของโมเด็ม ข้อเสีย มรี าคาคอ่ นขา้ งสูง เกิดปัญหาจากสายต่อได้ง่าย ในการเลือกใช้จงึ ต้องดูหลายประการเชน่
ความสะดวกในการใชง้ าน คอมพิวเตอร์ เป็นรุ่นเก่า ก็ควรใชแ้ บบ internal และหากมีแต่ Slot ISA ก็ตอ้ ง
เลอื กแบบ ISA Internal หากตอ้ งการเคลอ่ื นย้ายไปใช้กับ เครือ่ งอื่นอยู่เรื่อยก็ต้องใชแ้ บบภายนอก หากให้
สะดวกก็ควรเป็น แบบ Internal ครับจะได้ความไวที่ โดยมากจะสงู กว่าแบบภายนอก มีปัจจัยหลายอยา่ งใน
การเลอื กตอ้ งดดู ว้ ยวา่ ISP (Internet Service Provider) ผใู้ หบ้ รกิ ารอินเทอรเ์ น็ต ท่ีคุณใชน้ น้ั รองรับ
มาตรฐาน V.90 ขอ้ เสยี ของโมเดม็ ร่นุ ใหม่ ๆ ทม่ี ีราคาถกู ท่ีเป็น Internal PCI คือผูผ้ ลดิ เขาจะตดั ชิพที่ ทำหน้าที่
ตรวจสอบความผิดพลาด แกไ้ ขสัญญาณรบกวน (Error Correction) ทีม่ ีมาก ในสายโทรศพั ท์ในบางท่ี แล้วไป
ใช้ความสามารถของซพี ียูมาทำหนา้ ทีน่ ้แี ทน ทำให้เกดิ การใช้ งานซพี ียเู พ่ิมมากข้นึ ทำให้ความเร็วของ เคร่ือง
ลดลง หรอื สัญญาณโทรศัพท์อาจตดั หรอื เรียกว่าสายหลุดได้ สำหรับคณุ สมบตั ิ ที่ควรมขี องโมเด็มคอื DSVD ท่ี
ทำให้โมเดม็ สามารถสง่ ผ่าน ข้อมูล Voice และ Data ได้ในขณะเดียวกนั ได้โดยความ เรว็ ไมล่ ดลง และดูสิง่ ที่ให้
มาด้วยเชน่ ซอฟท์แวร์ตา่ ง ๆ รวมท้งั ดวู า่ สามารถใช้อ่านอ่นื ๆ ไดเ้ ช่น Fax, Voice, Mail และ Call ID เปน็ ตน้
3.PCMCIA
เป็น Card ทใี่ ช้งานเฉพาะ โดยใชก้ บั Notebook เป็น Card เสยี บเขา้ ไปในช่องสำหรบั เสยี บ Card
โดยเฉพาะสะดวกในการพกพา ในปจั จบุ นั Modem สำหรบั Notebook จะตดิ มาพร้อมกันอยแู่ ล้วทำให้ความ
นิยมในการใช้ Card Modem ชนิดน้ีลดน้อยลง
CASE
เคส (Case)
เปน็ โครงหรือกล่องสำหรับประกอบอุปกรณต์ า่ ง ๆ ของคอมพิวเตอร์ไว้ภายใน การเรยี กชอื่ และขนาด
ของเคสจะแตกต่างกันออกไป ซ่งึ ในปัจจุบนั มีหลายแบบที่นิยมกนั แล้วแต่ผซู้ ื้อจะเลอื กซื้อตามความเหมาะสม
ของงาน และสถานทีน่ ้ัน
-17-
เคสก็เปรยี บได้กับตัวถังรถยนตท์ ท่ี ำหน้าท่หี ุ้มหอ่ ชิ้นส่วนต่างๆ ของเครอื่ งยนต์ มีลักษณะ เป็นกล่องโลหะ
สเ่ี หลีย่ มทำหน้าท่ีหมุ้ ห่อชน้ิ ส่วนตา่ งๆ ของ คอมพิวเตอร์ เคสมีหลายแบบ เช่น แบบนอนหรอื Desktop เคส
แบบต้งั หรอื Tower ซ่งึ เคสแบบนี้ยังแยกย่อยไปอีก เช่น แบบ Mini Tower (แบบมิน)ิ Medium Tower
(แบบมิเดี้ยม) หากจะเลอื กซ้ือแนะนำให้เลือกแบบ Tower ขนาด อย่างน้อย ต้อง Medium ซ่งึ เปน็ เคสขนาด
กลางๆ รองรับการต่อเติมอุปกรณต์ า่ งๆ ได้อย่างเพียงพอ อุปกรณต์ ่างๆ ไม่ถกู ติดตั้งใกลช้ ิดกนั มากเกินไป ซง่ึ จะ
ทำให้เกิดความร้อน เพราะการระบายอากาศไมด่ ี
MAINBOARD
เมนบอรด์ (Mainboard)
คอมพิวเตอรส์ ่วนบุคคลนน้ั มสี ว่ นประกอบมากมายในเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ซ่งึ อปุ กรณ์ทกุ ชน้ิ มีความสำคัญ
ในหนา้ ทข่ี องอุปกรณน์ นั้ ๆแต่มีอปุ กรณห์ นง่ึ ทเ่ี ปล่ยี นเสมือนร่างกายท่ีคอยเปน็ ตวั ประสานใหส้ มองสงั่ งานให้กบั
ส่วนตา่ งๆได้ อปุ กรณ์ชน้ิ นีก้ ็คือ เมนบอร์ด (Mainboard) สมองกค็ ือ ซพี ยี ู (CPU) และสว่ นประกอบตา่ งๆกค็ ือ
การด์ จอ ฮารด์ ดกิ ส์ และอื่นๆ
-18-
แผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ที่รวมเอาช้นิ ส่วนอเิ ล็กทรอนิกสท์ ี่สำคัญๆมาไวด้ ้วยกัน ซงึ่ เปน็ ส่วนที่ควบคมุ การ
ทำงานของ อุปกรณต์ ่างๆ ภายในพีชีทง้ั หมด มลี กั ษณะเป็นแผน่ รูปร่างสี่เหลย่ี มแผน่ ทใี่ หญ่ที่สุดในพชี ี ทจ่ี ะ
รวบรวมเอาชิปและไอชี (IC = Integrated Circuit) รวมท้ัง การด์ ต่อพว่ งอืน่ ๆ เอาไว้ดว้ ยกนั บนบอรด์ เพยี งอนั
เดียวเครอื่ งพชี ที ุกเคร่ืองไม่สามารถทำงาน ได้ถ้าขาดเมนบอร์ด
เมนบอร์ด (Mainboard) นั้นมีช่ือเรียกอยหู่ ลายชือ่ ด้วยกนั อาทิ มาเธอรบ์ อรด์ (motherboard), ซสิ
เตม็ บอรด์ (system board), ลอจกิ บอร์ด (logic board) หรือในบางประเทศก็เรียกวา่ โมโบ (mobo) ซ่ึงเป็น
คำยอ่ จาก motherboard
-19-
แผงวงจรอิเล็กทรอนิกสท์ ี่มสี ่วนสำคญั มากของคอมพิวเตอร์ เป็นแผงวงจรหลกั ท่คี อยสั่งการใหอ้ ปุ กรณ์ต่างๆที่มี
การเช่อื มต่อทำงานตามคำสงั่ ซง่ึ เมนบอร์ดนน้ั จะเป็นแผงวงจรทีร่ วมเอาอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ไว้ด้วยกัน อาทิ ซ็
อกเกต็ สำหรับใส่ ซพี ยี ู (CPU) และหน่วยความจำหลกั และหน่วยความจำถาวร มีไบออสเป็นเฟริ ม์ แวร์ พร้อม
ชอ่ งให้สามารถเสยี บอปุ กรณ์ เพือ่ เชื่อมต่ออปุ กรณเ์ สริมอน่ื ๆ โดยสามารถเช่อื มต่อไดท้ ง้ั อุปกรณภ์ ายในและ
อปุ กรณ์เช่ือมต่อภายนอก เมนบอร์ดได้มกี ารพฒั นาเทคโนโลยีมาอยา่ งต่อเน่ืองซ่ึงในปจั จบุ ันได้มรี ูปแบบ
ทีน่ ยิ มใชง้ านในคอมพวิ เตอรส์ ว่ นบุคคลกค็ ือ ATX (Advance Technology Extension) โดยเราสามารถแบบ
ชว่ งการพัฒนาเมนบอรด์ ไดด้ ังน้ี
• PC/XT เป็นรุน่ บกุ เบิกสร้างขึ้นโดยบริษทั IBM
• AT (Advance Technology) มชี ่ือในยคุ 386 แต่ตกร่นุ เมอื่ มรี ุ่น ATX
• ATX เปน็ รนุ่ ที่เป็นทน่ี ยิ มใชม้ ากท่สี ุดในปจั จบุ ัน
• ETX ใช้ใน embedded systems
• LPX ออกแบบโดย Western Digital BTX (Balanced Technology eXtended) เปน็ แผงวงจรหลักรุ่น
ใหมท่ ถี่ ูกนำเสนอโดย Intel Mini-ITX (VIA Epia) ออกแบบโดย VIA
• WTX (Workstaion Technology eXtended) เป็นแผงวงจรหลักสำหรับระบบคอมพิวเตอรข์ นาดใหญ่
ในปจั จุบันมาตรฐานเมนบอรด์ ที่ใช้อยู่ก็มีอยู่ 2 แบบคือ ATX และ เมนบอรด์ มาตรฐาน Mini-ITX เป็น
เมนบอรด์ ขนาดเลก็ สำหรบั คอมพิวเตอร์ทีมีขนาดเล็กจะสงั เกตไดว้ า่ ขนาดเมนบอรด์ จะเลก็ กว่าเมนบอรด์ ทว่ั ไป
ซึง่ เมนบอร์ดร่นุ Mini – ITX นจี้ ะใช้เพ่ือความบันเทงิ เสยี เป็นส่วนใหญ่
หน้าที่ของเมนบอร์ด
-20-
เมนบอรด์ เป็นแผงวงจรหลกั ท่ีมีความสำคัญซึ่งมีหน้าท่ีคอยควบคุมและจัดการให้กับอุปกรณต์ ่างๆ
ทำงานเช่ือมโยงกนั โดยเมนบอรด์ จะรบั สง่ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆจากตัวอปุ กรณต์ ่างๆไปยังซีพียู และรบั คำสงั่ ท่ีไดร้ บั การ
ประมวลผลจากซพี ียู นำไปสง่ ให้อุปกรณ์นั้นๆเพอื่ ให้การทำงานตา่ งๆไม่ติดขดั
ประโยชน์ของเมนบอรด์ มอี ะไรบ้าง
เมนบอรด์ เปน็ สว่ นประกอบท่ีสำคัญมาก ซึง่ ประโยชน์ของเมนบอรด์ น้ันมีหลายอยา่ งดว้ ยกัน เมนบอร์ด
เปน็ แผงวงจรหลกั ในการเช่ือมตอ่ และควบคมุ อุปกรณต์ า่ งๆในเคร่ือง ถ้าเมนบอรด์ ไม่มีคุณภาพอาจจะทำให้
ข้อมลู และอปุ กรณ์ต่าง ๆเสียหายได้
ซ่งึ ถา้ เมนบอรด์ ท่ีใชง้ านมีเสถียรภาพและคุณภาพทดี่ ี จะทำให้การทำงานในแตล่ ะคร้ังไหลลน่ื อปุ กรณท์ ุกอย่าง
จะทำงานอยา่ งไม่มีสะดุด เป็นผลใหเ้ พมิ่ อายุการใช้งานของอปุ กรณท์ ีเ่ ชื่อมตอ่ อยูด่ ว้ ย การพัฒนารูปแบบ
และมาตรฐานเมนบอรด์ ท่ีมีมาอยา่ งต่อเนอ่ื งนนั้ ก็เพอ่ื ป้องกันจดุ ด้อยทต่ี ้องระวังไม่ใหเ้ กดิ กับอปุ กรณ์ทีต่ ิดต้งั ใน
เมนบอรด์ มากท่สี ุด จุดทีต่ ้องระวังมากทสี่ ุดก็คือเร่ืองของความรอ้ น สาเหตทุ ่ีปจั จบุ ันนิยมใช้มาตรฐาน ATX
(Advance Technology Extension) กเ็ พราะวา่ มีการวางตำแหนง่ ซพี ียูและอุปกรณต์ ่างๆให้สามารถระบาย
ความร้อนไดด้ นี ั้นเอง
CPU
หนว่ ยประมวลผลกลาง หรอื ซพี ยี ู (Central Processing Unit)
CPU หรอื ทเี่ รารู้จกั ในช่ือเต็มว่า Central Processing Unit หลายคนคงจะรู้มาก่อนแล้วว่าหน้าที่ของซีพยี ู
มีหนา้ ทอ่ี ะไรในคอมพิวเตอร์ ซง่ึ คอมพิวเตอร์จะขาดซีพยี ไู ม่ไดเ้ ลย ถา้ จะเปรยี บเทียบกับร่างกายมนุษย์ซีพียูก็
-21-
คอื สมองท่ีมีหน้าทสี่ ง่ั การการทำงานของร่างกายและตรวจสอบการทำงานวา่ ร่างกายมกี ารทำงานทผี่ ิดปกติหรือ
เปล่า แต่หลายคนก็ยงั ไม่ร้จู กั ซีพยี ูอย่างลึกซงึ้ เน้ือหาในบทความนี้จะเจาะลึกถึงอุปกรณ์ฮาร์แวร์ที่เราเรยี กว่า
CPU
CPU (Central Processing Unit) ซ่ึงเปน็ อปุ กรณฮ์ าร์แวร์ทป่ี ระกอบดว้ ยสารซิลกิ อนท่ีเปน็ สารกึ่งตวั นำ
ทางอิเล็กทรอนิกสผ์ สมกับสารบา้ งอย่างท่ีสามารถทำให้มีการเหนีย่ วนำไฟฟ้าได้ โดยสารซลิ ิกอนที่มีการผสมกบั
สารวสั ดุบางชนิดเรยี บรอ้ ยแล้วเราจะเรียกว่าทรานซิสเตอร์ ภายในซีพียูจะประกอบดว้ ยทรานซิสเตอร์หลายสิบ
ลา้ นตัว หรือมากกวา่ นนั้ แน่นอนว่า ทรานซิสเตอรเ์ หล่าน้ีมีหน้าทคี่ อยควบคุมอปุ กรณต์ า่ ง ๆในคอมพวิ เตอร์ไม่
วา่ จะเป็นการคำนวณ หรือการวเิ คราะห์ข้อมูล แต่การทำงานของซีพียูจะมีความร้อนสงู ทำให้ตอ้ งมกี ารตดิ ซิงค์
และพัดลมระบายความร้อนให้กับซพี ียเู สมอ เน่ืองจากถ้าเกดิ ใหค้ วามร้อนในตวั ซีพียูสูงมากอาจจะทำให้ซีพียู
ชำรดุ และเสียได้ในทสี่ ดุ
CPU Intel 8088 รุ่นแรกๆที่ถูกผลิตมาใชง้ าน
ทำหนา้ ของ CPU
อย่างที่กลา่ วไปแลว้ ในตอนตน้ วา่ ซพี ยี ู (CPU)เปรยี บเสมือนสมองของมนุษย์ท่ีคอยควบคุมร่างกายและ
ตรวจสอบการทำงานของร่างกาย ซีพยี ูก็ทำงานเช่นเดยี วกัน
1. เร่มิ จากการได้คำสัง่ จากอุปกรณน์ ำข้อมูล (input) ที่เชอ่ื มต่อกับคอมพวิ เตอร์ คำสงั่ เหลา่ นั้นจะถกู ส่งมา
เก็บไว้ในหนว่ ยความจำหลักหรอื ที่เราเรยี กวา่ แรม (RAM) แรมจะคอยจัดเรยี งคำส่ังตามลำดับที่คำส่งั เข้า
มาและตามระดับความสำคัญ โดยแรมมีหน้าที่ป้อนคำสัง่ ต่างๆทล่ี ะคำส่ังให้กับซีพียู (CPU)
2. เม่ือซีพียูได้รบั คำสั่งท่ีเกบ็ ไว้ในหน่วยความจำหลักแล้วกท็ ำการประมวลผลทีละคำส่ังที่เข้ามาตามลำดับ
หลังจากประมวลผลเสรจ็ แล้วก็จะส่งผลลัพธท์ ป่ี ระมวลผลเสรจ็ ไปยัง RAM อีกครั้ง
3. (RAM) จะรบั ผลลพั ธจ์ ากการประมวลผลของซีพยี ูในรูปแบบคำสัง่ แรมจะทำการสง่ คำสั่งไปยงั อปุ กรณ์ท่ี
อยู่ในคำสัง่ ท่ปี ระมวลผล หลงั จากทีค่ ำสัง่ ถกู ทำจนเสรจ็ แรมก็จะสง่ ข้อมลู ไปแจง้ กับซีพียูว่าคำสัง่ ท่สี ่งมาได้
มกี ารปฏิบตั เิ รยี บรอ้ ยแล้ว
-22-
จากการทำงาน 3 ขัน้ ตอนข้างตน้ เรียกว่าครบวงจรการทำงานของซีพียูในระบบคอมพิวเตอร์ โดย
ความเร็วในการประมวลผลแตล่ ะครั้งจะข้นึ อยูก่ ับความสามารถในซีพียนู ้นั ๆที่มีการสรา้ งข้นึ มานนั้ เอง
ระบบคอมพวิ เตอรใ์ ดๆจะทำงานไม่ได้เลยถา้ ขาด CPU
ประโยชน์ของซพี ยี ู
ประโยชนข์ องซีพยี ูก็คือการควบคุมการทำงานของคอมพวิ เตอรใ์ ห้ทำงานอยา่ งเปน็ ระบบด้วยการคดิ คำนวณ
และประมวลผลคำส่ังต่าง ๆที่ได้รับมาจากหน่วยความจำหลัก ถา้ ไม่มีซีพียเู ครื่องคอมพวิ เตอรก์ ็จะไม่สามารถ
ทำงานได้ดว้ ย
ความเป็นมาของซีพยี ู
ในตลาดของซพี ียนู นั้ มีผู้ผลิตซีพยี ูอยหู่ ลายค่ายด้วยกันแต่ในบทความนจ้ี ะเล่าถึงคา่ ยซีพียูท่ีเปน็ ค่ายใหญ่ 2 ค่าย
ท่ีคอยแข่งขนั และฟาดฟันในด้านเทคโนโลยีของซีพียมู าโดยตลอด 2 คา่ ยยักษใ์ หญ่น้ีกค็ ือ Intel (อนิ เทล) และ
AMD (เอเอ็มด)ี
ประวตั คิ วามเปน็ มาของซีพยี ู Intel น้ันมีมาอย่างยาวนานตง้ั แตเ่ ร่มิ มีการผลิตซีพยี ูชอื่ ของซีพียู intel กอ็ ยใู่ น
อันดับตน้ ๆของผู้ผลิตซีพียเู สมอมา ซึ่งอนิ เทลพัฒนาซีพยี ูต้ังแต่ซพี ียู 8086, 8088 และซีพยี ใู นตระกูล 80×86
มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาถึง Celeron Pentium II และ Celeron Pentium III ซง่ึ 2 รุ่นน้เี ป็นรนุ่ ที่ได้
สร้างช่อื ให้กบั อินเทลเป็นอย่างมาก มีการพฒั นา Pentium 4 ขน้ึ มารองรับการทำงานของคอมพวิ เตอร์ให้ใช้
งานได้หลากหลายขึ้น
การพฒั นาซีพยี ูของอินเทลไม่ได้หยุดเพยี งแค่ Pentium 4 เทา่ นนั้ เพราะหลงั จากนนั้ ไมน่ านอนิ เทลก็ได้เปดิ ตวั
ซพี ยี ูท่ีทำงานไดเ้ ร็วกว่าซีพียูรุ่นเกา่ ๆท่ีผา่ นมาด้วยการเปดิ ตัวซพี ยี รู ่นุ Core 2 Duo และ Core 2 Extreme
หรอื ทีเ่ รารู้จกั ในชอ่ื ว่าDual-Core โดยรุน่ ลา่ สดุ ของ intel จะเป็น รุ่นอินเทล คอร์ (Intel Core) รนุ่ นไี้ ดม้ ีการ
พฒั นามาต้งั แตค่ อร์ i3 ,คอร์ i5, คอร์ i7 และคอร์ i7 เอกซ์ตรีม (Core i7 Extreme ) มีความเรว็ สูงสุด 3.2
GHz ในรุ่น LGA1366ทำงานดว้ ย FSB 800/1066/1333/1600MHz มี L2 Cache ขนาด 8 MB ค่า TDP
สงู สุด 130 W
-23-
Intel Core i Series, CPU ท่ไี ด้รับความนิยมสงู สุดในปจั จุบนั
ประวัตขิ องซีพียู AMD ซง่ึ ผลิตมาจากบริษัท Advanced Micro Device (AMD) เปน็ ซีพยี ทู ่สี ร้างช่อื และทำให้
ทกุ คนรู้จัก AMD อยา่ งกวา้ งขวางมาจากรุ่น K5 ที่ออกมาชนกบั ซพี ยี ูของ intel ในรนุ่ Pentium หลงั จากนนั้
ซพี ียู AMD กอ็ อกร่นุ ตา่ งๆที่มีความสามารถเทียบเท่ากบั ซีพียูจากอนิ เทล แต่ราคาของซพี ียู AMD จะถูกกวา่
ทำให้ซพี ียู AMD เป็นทส่ี นใจของหลายคนในเวลาน้ัน หลังจากนน้ั AMD ได้ม่งุ เน้นพัฒนาซพี ยี ใู ห้มี
ความสามารถเทยี บเทา่ กบั ซีพียูจากค่าย Intel โดยออกมาซีพยี มู าอีกหลายรุ่น ดังนี้ K5 ,K6, K6-2
,Sharptooth (K6-III), K6-2+, K6-III+, K7 / Athlon , Argon ,Thunderbird (Athlon), Palomino
(Athlon), Thoroughbred (Athlon) ,Barton (Athlon), Spitfire (Duron), Duron, Morgan (Duron),
Appoloosa (Duron) ,Mustang, SledgeHammer, ClawHammer และซีพียรู ุน่ ลา่ สดุ และไดร้ บั ความนิยม
อยา่ งมากก็คอื AMD FX-8350 น่ันเอง
CPU รนุ่ AMD FX-8350
จากข้อมูลที่ได้มาจะสังเกตได้ว่า บรษิ ทั อนิ เทล จะมกี ารพฒั นาซพี ยี ูอยา่ งต่อเนอื่ งภายใต้ช่ือรุน่ เดิม ซงึ่ ตอนนี้อนิ
เทลก็มซี ีพยี ูรนุ่ Core i7 เป็นรุ่นล่าสดุ แต่รุ่นทนี่ ยิ มทสี่ ุดก็คือ INTEL Core i5-4440 ซึ่งเป้าหมายทางการตลาด
ระหว่างอนิ เทลและเอเอ็มดนี ้ันแตกต่างกนั เน่ืองจาก AMD จะเน้นตลาดในกลุ่มลูกค้าระดับกลางราคาของซีพียู
-24-
AMD จะถกู กว่าราคาของ Intel เสมอโดยเทียบกบั ความสามารถของซีพยี ู แตเ่ รื่องของการใชง้ านกค็ งแลว้ แต่
วา่ ผใู้ ชง้ านชอบใจจะใชค้ า่ ยไหนเพราะท้งั 2 คา่ ยต่างก็เปน็ ซีพียูที่มีคณุ ภาพด้วยกนั ท้ังส้นิ
VGA
การ์ดแสดงผล (Display or VGA)
การ์ดแสดงผลใชส้ ำหรับเกบ็ ข้อมูลที่ได้รบั มาจากซีพียู โดยที่การ์ดบางรุ่นสามารถประมวลผลได้ในตัวการ์ด
ซึง่ จะชว่ ยแบง่ เบาภาระการประมวลผลใหซ้ ีพยี ู จงึ ทำใหก้ ารทำงานของคอมพวิ เตอร์นน้ั เรว็ ขึ้นด้วย ซง่ึ ตวั การด์
แสดงผลน้นั จะมีหนว่ ยความจำในตวั ของมนั เอง ถา้ ตวั การด์ มีหนว่ ยความจำมาก กจ็ ะรบั ข้อมูลจากซีพียูได้มาก
ข้ึน ซึ่งจะชว่ ยให้การแสดงผลบนจอภาพมีความเรว็ สูงขึ้นด้วย
การ์ดแสดงผลอาจเรยี กอีกอย่างหน่ึงวา่ การ์ดวีดีโอหรอื การด์ จอ เปน็ ส่วนทีท่ ำหนา้ ทนี่ ำผล การประมวล
จากซีพยี ูไปแสดงบนจอภาพ การ์ดแสดงผลมีอยหู่ ลายแบบ ข้ึนอยู่กบั ลักษณะการนำไป ใชง้ าน ถา้ หากเป็นการ
ใชง้ านทัว่ ๆ ไป เช่น พิมพ์งานในสำนักงาน ใช้อนิ เตอรเ์ นต็ อาจใชก้ าร์ดแบบ 2 มิติ ก็เพยี งพอแล้ว แตห่ ากเป็น
การ เลน่ เกมใชโ้ ปรแกรมประเภทกราฟิก 3 มิติ ก็ควรเลือกการด์ จอ ทจ่ี ะ ช่วยแสดงผลแบบสามมิติหรอื 3D
การ์ด
การด์ จอบางแบบอาจถูกออกแบบตดิ ไว้กับเมนบอร์ด โดยเฉพาะเมนบอร์ดแบบ ATX ซ่ึงมี อยู่หลายย่หี ้อ
ที่ไดร้ วมการ์ดจอเขา้ กับเมนบอรด์ อาจสะดวกและ ประหยัด แตห่ ากพูดถึงประสิทธิภาพ โดยรวมของเคร่ือง
แลว้ อาจจะไมด่ ีเทา่ กบั การ์ดที่แยกตา่ งหากจากเมนบอร์ด ซ่งึ อาจแบ่งชว่ งของการ ใช้การด์ จอได้ดังนี้
1. การ์ดจอแบบ ISA และ VL
เปน็ การด์ จอท่ใี ช้กบั เคร่อื งคอมพวิ เตอร์รนุ่ เก่า 386 และ 486 ร่นุ แรกๆ การด์ รุ่นน้ี สามารถ แสดงสไี ดเ้ พียง
256 สเี ทา่ นัน้ การดภู าพ จึงอาจจะไมส่ มจริงเท่าไรนัก เพราะขาดสีบางสีไป
-25-
2. การด์ จอแบบ PCI
เป็นการ์ดจอทใี่ ช้กบั เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 486 รุ่นปลายๆ เช่น 486DX4-100 และเครื่องระดับ เพนเทยี มหรือ
คอมพิวเตอร์ท่มี คี วามเรว็ ตัง้ แต่ 100 MHz ถึง ประมาณ 300 MHz จะมคี วามเรว็ ในการแสดงผลสงู กว่าการด์
จอแบบ ISA
3. การ์ดจอแบบ AGP
เป็นการด์ จอที่แสดงผลได้เร็วที่สดุ เร่มิ ใชก้ ับเครื่องคอมพิวเตอร์รนุ่ AMD K6-II/III, K7, Duron, Thunderbird,
Athlon XP, Cyrix MII, MIII, VIA Cyrix III, Pentium II, III, IV และ Celeron เป็นการด์ ท่ใี ชก้ นั อยู่ในปัจจบุ ัน
การด์ จอบางรุน่ จะมชี ่อง TV Out สามารถต่อสายไปยังทวี ีได้ กรณีทต่ี ้องการดหู นงั หรอื ร้อง คาราโอเคะ ก็ต่อ
เขา้ จอ 29″ รอ้ งกนั ใหส้ ะใจไปเลย
4. การ์ดจอแบบ 3 มิติ
การด์ จอสำหรับงานกราฟคิ เล่นเกมสามมิติ ตัดต่อวีดโี อ ราคาแพงกวา่ การ์ด จอสามประเภทแรก และผู้ใชส้ ว่ น
ใหญ่กจ็ ะเป็นคอเกมเมอร์ทงั้ หลาย เพราะคนใชง้ าน ทว่ั ๆ ไป อย่างเราๆ การ์ดธรรมดา ก็พอแลว้ มนั แพงครบั
บางตัว 20,000 กวา่ บาท เกือบซอ้ื เครื่องดๆี ได้อีกตัว การ์ดจอต่างๆ เหล่านี้จะมี ตวั ประมวลผล (GPU) ช่วย
ประมวลผลหรอื คำนวณเกี่ยวกับการสร้างภาพใหป้ รากฏบนจอ ซง่ึ จะทำให้ การแสดงภาพทำได้ดีมากกวา่ การด์
จอท่ัวๆไป จึงต้องมีพัดลมช่วยระบายความร้อน ดว้ ยการด์ จอแบบน้ี อาจมีอินเตอรเ์ ฟสหรือลักษณะการ
เช่ือมต่อแบบ PCI หรอื AGP แตส่ ว่ นใหญ่ในตอนน้ีจะเป็นแบบ AGP มากกว่า
ตัวอย่างการ์ดจอ 3 มิติ Asus V7700 Ultra, Winfast GF2 Ultra, Hercules 3D Prophet II Ultra, Ati
Radeon All-In-Wonder เปน็ ต้น ส่ิงสำคัญท่ตี อ้ งร้เู กี่ยวกบั การด์ จอกค็ ือ การด์ จอนั้นๆ เปน็ แบบ ISA,
PCi หรอื AGP และ เปน็ การ์ดแบบ 2 มติ หิ รอื 3 มิติ ซ่ึงต้องมพี ัดลมระบายความรอ้ นดว้ ย
การเลือกซื้อการด์ จอ
การเลอื กซื้อการ์ดจอใหด้ ูท่เี มนบอรด์ ก่อนว่ารองรับการ์ดจอแบบใด และก็ดทู จ่ี ุดประสงค์ในการ นำการด์ จอมา
ใชง้ านด้วย ถา้ ใชท้ ำงานทัว่ ๆ ไป ก็ไมม่ ีปัญหา ใช้การ์ด จอท่ัวๆ ไปได้อยู่แลว้ แต่ถา้ เล่นเกม ต้องการด์ จอแบบ 3
D ส่วนท่านใดทีเ่ ปน็ ครู อาจารย์ วทิ ยากร อาจเลอื กแบบท่ีมี TV Out เพ่อื ต่อ ออกทวี เี วลาบรรยาย
-26-
RAM
RAM เป็นหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ ย่อมาจาก Random Access Memory การมี แรมมากจะทำให้
คอมพิวเตอร์ทำงานไดเ้ รว็ ขน้ึ และใช้งานโปรแกรมใหญๆ่ ได้ดียง่ิ ขึ้น โดยเฉพาะ โปรแกรมประเภทกราฟิกหรอื
เปิดใชง้ านหลายๆ โปรแกรม ในเวลาเดียวกนั ได้ (Multitasking) ความจุ ของแรมจะมหี นว่ ยวัดเปน็ ไบต์ (Byte)
แรมมีหลายประเภท ราคาก็แตกต่างกนั ไป
• DRAM (Dynamic RAM) เป็นหนว่ ยความจำท่มี รี าคาถูกสุดและทำงานชา้ ที่สุด นิยมนำมาใช้ เปน็
หน่วยความจำหลกั ของเครื่องคอมพิวเตอร์
• EDO RAM (Enhanced Data Output RAM) เป็นแรมที่มีการพฒั นาประสทิ ธิภาพการทำงาน และการ
แสดงผลกราฟิกไดด้ ีกว่า แรมแบบธรรมดาหรือ SIMM RAM ถูกออกแบบมาใหใ้ ชง้ านร่วมกบั เคร่ือง
คอมพวิ เตอร์ระดับเพนเทยี มหรอื ใชก้ ับเมนบอรด์ Socket 7
• SDRAM เปน็ หนว่ ยความจำที่ทำงานเร็วกวา่ DRAM และ EDO RAM และไดร้ บั ความนยิ ม อยา่ งมากใน
ปัจจบุ นั โดยใช้ในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ระดบั Celeron, Pentium II, III, 4, Amd Duron และ
Thunderbird หรอื ใช้กับเมนบอรด์ แบบ Socket 370, Slot I และ Socket A และก็อาจมีใช้กบั
เมนบอรด์ แบบ Socket 7 บางรุน่ ทีใ่ ช้ซีพียูของ Cyrix หรอื AMD เชน่ Cyrix MII, III, Amd K6-II, K6-III
• RDRAM เปน็ หน่วยความจำท่ีทำงานเร็วกว่า SD RAM มีราคาค่อนข้างแพง โดยใชก้ ับซีพียู เพนเทียมโฟร์
ของอินเทล ท่ีมีความเร็ว 1 Gb ขึน้ ไป
• DDR SDRAM เนอ่ื งจาก RDRAM แพงเกนิ ไป ไมเ่ ปน็ ท่ีนยิ ม จึงได้มีการผลิตแรมแบบ DDR SDRAM ขึน้ มา
เพ่ือใช้กบั ซีพียคู วามเรว็ สูงของเอเอม็ ดีและอินเทลระดบั 1 Gb ขนึ้ ไป จะมีอยู่ใน เมนบอร์ดบางรุ่น เช่น
MSI K7T266 Pro สำหรบั ซีพียขู องเอเอม็ ดี และบางรนุ่ อาจจะมใี ห้เลือกใช้ทั้ง SDRAM และ DDR
SDRAM ในเมนบอรด์ เดยี วกัน
HARDDISK
ฮารด์ ดิสก์ (Harddisk)
ฮารด์ ดสิ ก์ เปน็ อุปกรณ์ท่ใี ช้ในการเกบ็ ขอ้ มลู หรือโปรแกรมต่างๆ ของคอมพวิ เตอร์ โดยฮารด์ ดิสค์จะมี
ลักษณะเป็นรปู สี่เหล่ียมที่มีเปลอื กนอกเปน็ โลหะแขง็ และมีแผงวงจรสำหรบั การควบคมุ การทำงานประกบอยู่ที่
ดา้ นล่าง
-27-
พร้อมกับช่องเสยี บสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยง ส่วนประกอบภายในจะถกู ปิดผนึกไว้อย่างมดิ ชดิ โดย
ฮารด์ ดิสค์ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแผน่ จานแม่เหล็ก(platters) สองแผน่ หรอื มากกว่ามาจัด เรยี งอยู่บนแกน
เดียวกันเรยี ก Spindle ทำให้แผ่นแมเ่ หลก็ หมุนไปพร้อม ๆ กนั จากการขับเคลื่อนของมอเตอร์ แตล่ ะหน้าของ
แผ่นจานจะมีหัวอา่ นเขียนประจำเฉพาะ โดยหวั อา่ นเขียนทุกหวั จะเช่ือมติดกันคลา้ ยหวี สามารถเคลื่อนเขา้
ออกระหว่างแทรก็ ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
ฮาร์ดดิสกเ์ ป็นอปุ กรณ์ท่ีมคี วามสำคญั มาก และจำเป็นตอ้ งมีในคอมพิวเตอร์ทุกเครือ่ ง เพื่อเก็บ ขอ้ มูลไฟลห์ รอื
โปรแกรมต่างๆ ฮารด์ ดิสก์ในปัจจุบนั มีมากมาย หลายย่ีหอ้ ทงั้ ความเร็วและความจุ ก็แตก ต่างกนั
ส่วนประกอบของฮาร์ดดิสก์
1. ตำแหนง่ ตอ่ สายเคเบิล้ จะมี 40 ขาหรอื 40 Pin สำหรบั ตอ่ สายรับสง่ ขอ้ มลู ระหว่าง เมนบอร์ดกับตัว
ฮารด์ ดสิ กใ์ ห้พจิ ารณาว่าขาที่ 1 อยู่ดา้ นใด สว่ นมากจะต่อ ฮาร์ดดสิ ก์ที่ใช้เป็นตวั ติดต้ัง โปรแกรมกับสาย
IDE0 หรือ Primary IDE และหากจะต่อเพ่ิมอาจต่อพ่วง กับ HD ตวั แรก ตอ่ ที่ขอ้ ต่อ ตรงกลางหรอื ต่อกบั
สาย IDE 1
2. ตำแหน่งตอ่ ไฟเขา้ ฮารด์ ดิสก์
3. ตำแหน่งเซต็ จมั เปอรซ์ งึ่ จะมี 2 แบบหลักๆ คือ Master สำหรับกำหนดใหฮ้ าร์ดดิสก์ตวั นั้นๆ เปน็ ตัวหลกั ใช้
สำหรับตดิ ต้ัง โปรแกรมต่างๆ เชน่ Windows 98/ME ฯลฯ และ Slave สำหรบั กำหนด ให้ฮาร์ดดสิ กต์ ัว
นนั้ ๆ เปน็ ฮารด์ ดสิ ก์ตัวรองสำหรับเกบ็ ข้อมลู เพยี งอยา่ งเดยี ว บนตวั ฮาร์ดดสิ ก์ โดยปกติ จะพิมพข์ ้อความ
อธิบายวธิ ี เซต็ ไว้
-28-
การเลือกซื้อฮาร์ดดสิ ก์
การเลือกซอื้ ฮาร์ดดสิ ก์ ใหพ้ ิจารณาทีค่ วามจุ ปจั จุบันควรเลอื กไม่ตำ่ กว่า 10 Gb ความเร็วตอ้ งดู ทเ่ี มนบอร์ด
ของคณุ รองรบั UDAM ทีค่ วามเรว็ เท่าไร เช่น ATA 100 ก็เลอื กซื้อฮารด์ ดิสกท์ ่รี องรบั การรับสง่ ข้อมลู ท่ี 100
MHz ตอ่ วินาทหี รอื สงู กวา่ มาใช้ และสดุ ท้ายในเรอื่ งของการรบั ประกันระบไุ ว้ กปี่ ี เจา้ นัน้ ๆ เคลมง่ายหรอื ไม่
IDE Harddisk SATA Harddisk
ตัวอย่างและรายละเอียดเกีย่ วกับฮารด์ ดิสก์
Conner 15 Gb. 5400 rpm IDE UDMA 66
Western Digital 10 Gb 7200 rpm IDE UDMA 66/100
Seagagte ST318451LW 18 Gb 15000 rpm SCSI
ความแตกตา่ งของฮารด์ ดิสก์ท้งั 3 แบบ
-29-
1. Conner มีความจุ 15 Gb ความเรว็ รอบ 5,400 rpm หรอื หมุนท่ีความเรว็ 5,400 รอบต่อนาที เช่อื มต่อ
แบบ IDE สามารถรบั สง่ ข้อมูลไดท้ ี่ความเรว็ 66 Mb ตอ่ วินาที
2. Western Digital 10 Gb ความเรว็ รอบ 7,200 rpm หรอื หมนุ ที่ความเร็ว 7,200 รอบต่อนาที เชือ่ มตอ่
แบบ IDE สามารถรับส่งข้อมูลไดท้ ่ีความเร็ว 100 Mb ต่อวนิ าที
3. Seagate ST3184512W 18.4 Gb ความเร็วรอบ 15,000 rpm ใช้การเช่อื มต่อแบบ SCSI (อา่ นว่า สะ-
กัซ-ซ)่ี เป็นรปู แบบการเชื่อมต่อทม่ี ีความเร็วสูง สามารถรับส่งข้อมูลไดม้ ากกวา่ 2 แบบแรก สว่ นราคาก็
มหาแพงตามไปดว้ ย นยิ มใชฮ้ าร์ดดิสกแ์ บบน้ีกับระบบเน็ตเวริ ์ค โดยติดต้งั ในเคร่ืองแม่ข่าย หรอื เซิรฟ์ เวอร์
มากกวา่ จะนำมาใชต้ ามบ้าน
โดยสรปุ ประสทิ ธิภาพของฮารด์ ดสิ ก์ขึ้นอยู่กับความเร็วรอบในการหมนุ หมนุ เรว็ ก็หาข้อมลู ไดเ้ ร็ว
ความสามารถในการรบั ส่งขอ้ มลู และสุดท้ายก็เรอ่ื งการรับประกัน ส่วนใหญ่จะอยทู่ ี่ 3 ปี ก่อนซ้ือ กส็ อบถามให้
ละเอยี ด และกเ็ ลือกซื้อฮาร์ดดิสก์ให้สัมพันธก์ ับเมนบอร์ดด้วย เชน่ เมนบอร์ดรองรบั แค่ UDMA 66 การซื้อ
ฮาร์ดดสิ ก์ทมี่ ี ความสามารถแบบ ATA 100 มาใชก้ ็ไม่สามารถใช้งานฮารด์ ดสิ กไ์ ด้เตม็ ประสิทธภิ าพ เพราะ
เมนบอรด์ สามารถรับสง่ ข้อมลู ไดส้ ูงสดุ แค่ 66 MHz เท่าน้นั เอง
FLASH DRIVE
แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
Flash Drive, Handy drive, USB drive, Thumb Drive หลายช่ือนค้ี งเป็นทีค่ นุ้ หูของใครหลายคน
เธอๆเอา Flash Drive มาให้ฉันหน่อย…เดี๋ยวไปเอา Handy drive มาคดั ลอกข้อมลไปตรวจสอบนะ ท่ี Flash
Drive มีความจำเปน็ ในการทำงานมากขนาดนี้ ก็เพราะว่า Flash Drive คือ อุปกรณค์ อมพเิ ตอรส์ ำหรับเก็บ
ข้อมลู โดยใช้หน่วยความจำแบบแฟลชทำงานร่วมกบั USB
ตัวอย่างของ Flash Drive ความจุขนาดตา่ งๆ
หน่วยความจำแฟลช สมองของ Flash drive
สมองสำคัญของ Flash drive คอื หน่วยความจำแฟลช (Flash memory) เป็นอปุ กรณ์ในการเกบ็ ข้อมลู ของ
คอมพิวเตอร์ที่เราสามารถลบและเขียนใหม่ได้ เพราะมลี ักษณะการทำงานทเี่ ป็นอิเลก็ ทรอนกิ ส์ท้งั หมด
-30-
แตกต่างจากฮารด์ ดสิ กท์ ี่ในขณะทำงานจะมจี านแม่เหล็กหมนุ ตลอดเวลา และ Flash drive น้นั ยังมขี นาดเลก็
น้ำหนักเบา เหมาะแก่การพกพาไปยังท่ีตา่ งๆ และเหตผุ ลสำคัญอย่างท่บี อกไปแล้ว คือ เปน็ อุปกรณ์ทสี่ ามารถ
เขยี นข้อมูลลงไป และสามารถลบเพ่ือเขยี นใหมไ่ ด้ มีความทนทาน อีกทง้ั ยงั สามารถเลือกขนาดความจไุ ด้
หลากหลายมากยิ่งข้ึนตามความต้องการ แตกตา่ งจากในสมัยก่อนทจ่ี ะมเี พยี งแผน่ ดิกส์ เท่านั้นทส่ี ามารถเกบ็
ข้อมูลแล้วพกพาไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ แต่แผน่ ดิกส์ก็มขี ้อจำกัดตรงที่พนื้ ท่ีในการเก็บข้อมูลเกบ็ ได้น้อย และไม่
มีความทนทาน
ประโยชนข์ อง Flash drive
1. เปน็ หนว่ ยความจำรองของคอมพวิ เตอร์
2. ใชเ้ ก็บข้อมลู เพ่ือสำรองไฟล์งานตา่ ง ๆ
3. ช่วยใหเ้ ราสามารถคัดลอกไฟลข์ อ้ มูลจากคอมพวิ เตอรเ์ คร่ืองหนึง่ ไปยงั อกี เครื่องได้