The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศิลปะคิวบิสม์ (Cubism Art)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 37 พรพรรณ พ่วงพูน, 2024-04-08 06:43:34

ศิลปะคิวบิสม์ (Cubism Art)

ศิลปะคิวบิสม์ (Cubism Art)

ศิล ศิปะคิว คิ บิส บิ ม์ (Cubism Art) ครูผู้สอน นางสาวพรพรรณ พ่ว พ่ งพูน สื่อการเรียนรู้ ประกอบการสื่อ (เพิ่มพิ่เติม)


ZimCore Hubs | New Hire Launchpad "เป็น ป็ การค้น ค้ หาความงามจากรูป รู ทรง ของเหลี่ย ลี่ ม ลูก ลู บาศก์ ค้น ค้ หาโครงสร้า ร้ ง ตามความจริง ริ ที่เ ที่ป็น ป็ แท่ง ท่ ๆ มากกว่า ว่ จะ ไปเน้น น้ ที่ร ที่ ายละเอีย อี ดในธรรมชาติ"ติ


คิวบิสบิม์นัม์บนัเป็น ป็ วิวัวิฒวันาการของวงการศิลปะอย่า ย่ งสำ คัญ โดยศิลปินปิสอง คน คือ ฌอร์ฌร์บรักรั (อังกฤษ: George Braque) และ ปาโบล ปีกัปี กัสโซ (อังกฤษ: Pablo Picasso) ซึ่งซึ่ทั้งทั้สองต่างมีจุมีจุ ดเริ่มริ่ต้นแรงบันบัดาลใจจากผลงาน ของ พอล เซซาน (อังกฤษ: Paul Cezanne) ซึ่งซึ่มีคมีวามคิดว่า ว่ “โครงสร้า ร้ ง เรขาคณิตณิเป็น ป็ รากฐานของรูปทรงธรรมชาติทั้งมวล” และ ถ้าเข้า ข้ใจรูป รู ทรง ของโลกภายนอก และโครงสร้า ร้ งตามความเป็น ป็ จริงริแล้ว จงมองดูรู ดู ป รู เหล่านั้นนั้ ให้ เป็น ป็ เหลี่ยมเป็น ป็ ลูก ลู บาศก์ง่ายๆ ทั้งทั้ปิกัปิ กัสโซและบาร์คร์พยายามเน้น น้ คุณ คุ ค่าของ ปริมริาตร ของวัสวัดุกั ดุกับอากาศซึ่งซึ่สัมสัพันพัธ์กัธ์ กันเต็มไปหมดในภาพ อีกทั้งทั้ยังยั ปฏิเสธ หลักการของลัทธิอิธิ อิมเพรสชันชันิสนิม์ ซึ่งซึ่ละเลยความสำ คัญของรูป รู ทรงและมวล ปริมริาตร ศิลปินปิทั้งทั้สองต่างสำ รวจรายละเอียดของสิ่งสิ่ที่พวกเขาต้องการวาด ด้ว ด้ ยการวิเวิคราะห์แห์ละแยกแยะทำ ลายรูป รู ทรงเหล่านั้นนั้ ให้ก ห้ ลายเป็น ป็ ชิ้นชิ้เล็กชิ้นชิ้น้อ น้ ย ไม่ปม่ ะติดปะต่อกัน จากนั้นนั้ก็นำ มาสังสัเคราะห์ปห์ระกอบกันใหม่ ให้รู ห้ ป รู ทรงบางรูป รู ทับ กัน ซ้อ ซ้ นกัน หรือรืเหลื่อมล้ำ กันก็ได้ โดยมีจุมีจุ ดประสงค์สำ คัญในเรื่อรื่งการสร้า ร้ ง ความงามที่เกิดจากมวลปริมริาตรเป็น ป็ เป้า ป้ หมายสูง สู สุด สุ แนวคิด คิ ..จุด จุ เริ่ม ริ่ ต้น ต้ Paul Cezanne Pablo Picasso George Braque


..แรงบัน บั ดาลใจ.. Paul Cezanne


โดยที่มาของชื่อชื่ คิวบิสบิ ม์นั้ม์ น นั้ มาจากการที่ จอร์จร์ บาร์คร์ ได้ส่ด้ งส่งานเขียขี นของเขาไปแสดง ในนิทนิ รรศการศิลปะที่หอศิลป์ Salon des Artistes Indepndants ในกรุงรุปารีสรี และ ถูกถู ปฏิเสธไม่ใม่ห้แห้ สดงงาน และนำ ผลงานทั้งทั้ หมดออกจากนิทนิ รรศการ โดยมีนัมี ก นั วิจวิ ารณ์แณ์ สดงความเห็นห็ เกี่ยวกับผลงานของ บาร์คร์ ว่าว่เป็นป็ การสร้าร้ งสี่เสี่ หลี่ยมลูกลู บาศก์ ขนาดเล็กทั้งทั้ สิ้นสิ้ และเป็นป็ ผลงานที่ไม่เม่ห็นห็ ความสำ คัญของรูปรู ทรงและตัดทอนทุกทุอย่าย่ง ออกไป ไม่ว่ม่าว่จะเป็นป็ อาคารบ้าบ้ นเรือรื น รูปรู ร่าร่งของสิ่งสิ่ ต่างๆ โดยบาร์คร์ ตัดทอนให้เห้ กิดรูปรู ทรงเรขาคณิตณิ และนำ ไปสู่รูสู่ ปรู ทรงแบบลูกลู บาศก์ โดยในแรกเริ่มริ่ นั้นนั้ ปิกัปิ กั สโซ และ บาร์คร์ เริ่มริ่ ทำ งานในแบบ คิวบิสบิ ม์ร่ม์ วร่มกันนั้นนั้ ปิกัปิ กั สโซเปิดปิ เผยว่าว่ “ ตอนที่เริ่มริ่ เขียขี นภาพ ใน แนวทางนี้นั้นี้ น นั้ พวกเขาไม่ไม่ด้ตั้ด้ ตั้งตั้ ใจจะสร้าร้ งรูปรู สี่เสี่ หลี่ยม แต่เพียพี งแต่ต้องการแสดงความ คิดพวกเขาออกมาเท่านั้นนั้ ” และการที่จะแสดงออกให้ตห้ รงกับความคิดของทั้งทั้ สองคน มันมั จำ เป็นป็ อย่าย่งยิ่งยิ่ ที่จะต้องทำ การค้นหาโครงสร้าร้ งใหม่ด้ม่วด้ ย จำ เป็นป็ ที่ต้องเปลี่ยนแนว ศิลปะไปในทางตรงกันข้าข้ มกับศิลปะอิมเพรสชันชั นิสนิ ม์ ด้วด้ ยเหตุดัตุงดั นี้ เขาจึงจึ ต้องละเลย เรื่อรื่ งสี และสัมสั ผัสผั เพื่อพื่ หันหั ไปค้นหาเรื่อรื่ งโครงสร้าร้ ง ซึ่งซึ่ จะเป็นป็ พื้นพื้ ฐานขององค์ประกอบ โดยจัดจั ระเบียบี บเสียสี ใหม่ George Braque โครงสร้าร้ ง..ความคิด


ZimCore Hubs | New Hire Launchpad C U B I S M A R T รูป รู ร่า ร่ ง รูป รู ทรง เรขาคณิต ณิ


ZimCore Hubs | New Hire Launchpad คิว คิ บิส บิ ม์แ ม์ บบเหลี่ย ลี่ มมุม มุ ระยะที่ 1 คิวบิสม์แบบเหลี่ยมมุม (อังกฤษ : FACET CUBISM) ระหว่าง ค.ศ. 1907-1909 เป็นคิวบิสม์ แบบเริ่มต้น ระยะนี้ศิลปินจะทำ การสร้างสรรค์โดยการ แบ่งแยกวัตถุ หรือรูปภาพออกเป็นส่วนประกอบทาง เรขาคณิตที่แน่นอน หรืออาจเรียกว่าตัดเป็นเหลี่ยม มุมอย่างหน้าเพชร (FACET) ก็ได้ ปล้วจึงนำ เอาส่วน ประกอบย่อยเหล่านั้นมาจัดองค์ประกอบใหม่เข้าด้วย กัน ซึ่งการแสดงออกในระยะเริ่มต้นของคิวบิสม์นี้ แสดงให้เห็นอิทธิพลของเซซานน์อย่างชัดเจน ด้วย พวกเขาได้นำ ลักษณะรูปแบบของเซซานน์มาเป็นจุด ดลใจและแนวทางการพัฒนาของตน นอกจากนั้น ศิลปินคิวบิสม์ยังสนใจศึกษาศิลปกรรมของชนเผ่า อนารยะชาวอาฟริกา และศิลปกรรมแบบอาร์เคอิค ของกรีกโบราณ ระหว่าง ค.ศ. 1907-1909


ศิลปินปิผู้(ผู้ร่ว ร่ ม)บุกเบิกบิงานศิลปะคิวบิสบิม์ GEORGES BRAQUE "หน้าที่ของวิทยาศาสตร์คืร์ คือการสร้า ร้ งความเชื่อมั่น, หน้าที่ของศิลปะคือการสร้า ร้ งความปั่นป่วน" จิตจิรกร ศิลปินปิคอลลาจ ศิลปินปิภาพพิมพิพ์ และประติมากร ชาวฝรั่งรั่เศส ในปี 1908 เขาและเพื่อพื่นศิลปินปิ ปาโบล ปิกัปิ กัสโซ่ (PABLO PICASSO) ร่ว ร่ มกัน ทำ การทดลองใช้รู ช้ ป รู ทรงทางเรขาคณิตณิ (ซึ่งซึ่ได้แ ด้ รงบันบัดาลใจส่ว ส่ นหนึ่งมาจากผล งานในช่ว ช่ งสุด สุ ท้ายของ ปอล เซซานน์(PAUL CÉZANNE) ที่มีอมีงค์ประกอบใน ภาพเป็น ป็ รูป รู ทรงเรขาคณิตณิ ) มาใช้ใช้ นการทำ งานศิลปะจนกลายเป็น ป็ แนวทางใหม่ ขึ้นขึ้มา ด้ว ด้ ยการวาดภาพที่ไม่ยึ ม่ ดยึหลักทัศนียภาพโดยสิ้นสิ้เชิงชิและทำ ลายรูป รู ทรง ของสิ่งสิ่ที่พวกเขาวาดจนกลายเป็น ป็ ชิ้นชิ้ส่ว ส่ นของพื้นพื้ผิวผิแบนราบรูป รู ทรงเรขาคณิตณิ ชิ้นชิ้เล็กชิ้นชิ้ น้อย มาประกอบขึ้นขึ้เป็น ป็ รูป รู ทรงเชิงชินามธรรม ฌอร์ช ร์ บราก 1882-1963


ZimCore Hubs | New Hire Launchpad ยุค ยุ คิว คิ บิส บิ ม์แ ม์ บบวิเ วิ คราะห์ ระยะที่ 2 คิวบิสม์แบบวิเคราะห์ (อังกฤษ : ANALYTICAL CUBISM) ระหว่าง ค.ศ. 1909-1912 เป็นคิวบิสม์ที่ถูกสร้างขึ้น ด้วยการแตกแยกรูปแบบ จริงของวัตถุเพิ่มมากขึ้น แล้วจึงนำ มาวิเคราะห์ (ANALYZED) ประกอบผ่านผลงาน แสดงให้เห็นแง่ มุมต่างๆของวัตถุไปพร้อมกัน คิวบิสม์แบบวิเคราะห์นี้ เป็นการๅวิเคราะห์เกี่ยวกับรูปทรงและพื้นที่ พื้นระนาบ ของวัตถุได้ถูกสร้างขึ้นในแนวใหม่ จากการศึกษา โครงสร้าง และการแสดงให้เห็นแง่มุมต่างๆ (ANGULAR AND FACETED PLANES) ของวัตถุสิ่ง เดียวกันได้หลายด้าน ในส่วนเนื้อหาศิลปะนั้นศิลปิน สามารถสร้างสรรค์ด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย เช่น เป็น ภาพคน หุ่นนิ่ง หรือทิวทัศน์ โดยการใช้สีที่มีลักษณะไม่ ฉูดฉาด ภาพระยะนี้มักถูกคลุมไว้ด้วยสีเทา สีน้ำ ตาลอม แดง สีเขียว และสีดิน ระหว่าง ค.ศ. 1909-1912


ZimCore Hubs | New Hire Launchpad คิว คิ บิส บิ ม์สั ม์ ง สั เคราะห์ ระยะที่ 3 คิวบิสม์แบบสังเคราะห์ (อังกฤษ : SYNTHETIC CUBISM) ระหว่าง ค.ศ. 1912-1914 คิวบิสม์แบบ สังเคราะห์มีพัฒนาการล้ำ หน้า เกินกว่าคิวบิสม์ที่ผ่านมามาก ศิลปินแสดงออกด้วยการจัดองค์ประกอบมากขึ้น และหยิบ เอาเรื่องราวที่ง่ายและใกล้ตัวมาเป็นเนื้อหาแสดงออก เช่น แผ่นกระจก วัตถุที่ปรากฏนห้องทำ งาน อาทิ แก้วเหล้า กล่อง ยาสูบ บุหรี่ ขวดเหล้า ไพ่ เศษผ้า เครื่องดนตรี หนังสือพิมพ์ โดยการใช้เทคนิคการปะติด (COLLAGE) เข้ามาช่วย หรือที่ เรียกว่า “FLAT-PATTERN CUBISM” จัดวางลงบนผิว ระนาบด้านตั้งและนอนในลักษณะแบนราบ ด้วยโครงสรา้ง ของสีที่เข้ากันในลักษณะลึกลับน่าอัศจรรย์ จิตรกรรมคิวบิสม์ ในระยะหลังนี้ จะแสดงรูปทรงต่างๆ ของวัตถุด้วยการแบ่ง แยกออกจากกัน และวางทับ ซ้อนกันด้วยผิว ระนาบ(OVERLAPPING PLANES) และเส้น มีค่าของสีและ ลักษณะผิวพื้นที่แตกต่างกัน ดังเช่น ภาพหญิงสาวกับกีต้าร์ ของ จอร์จ บาร์ค และภาพคนเล่นไพ่ ของปิกัสโซ ซึ่งศิลปิน ทั้งสองมีเป้าหมายด้านการแสดงออกมากกว่าคำ นึงถึงเนื้อหา ร ะ ห ว่ า ง ค . ศ . 1 9 1 2 - 1 9 1 4


ปาโบล ปิกัปิ กัสโซ (PABLO PICASSO, 1881-1973) ผลงานสำ คัญ ::La Vie, 1903./ Family of Saltimbanques, 1905. /Les Demoisselles D’AVIGON, 1907./Woman with Mandolin, 1910./Girl with Mandolin, 1910./Pierrot and Harlequin, 1910./ Women in White, 1923./ Three Dances, 1925./Woman of Algiers, 1932./Girl before for a mirror, 1932. /Weeping Woman, 1937./Guernica, 1937. ยุคสีน้ำสีน้ำเงิน ยุคสีชสีมพู ยุคอิทธิพธิลแอฟริกริา ยุคบาศกนิยนิม ยุคนิยนิมแบบแผนและเหนือนืจริงริ ยุคสุดสุท้าย เป็น ป็ บุคคลที่นิตนิยสาร ไทม์ ยกย่อย่งให้เห้ป็น ป็ ศิลปินปิที่มีพมีรสวรรค์ในการสร้าร้งสรรค์มาก ที่สุดสุในคริสริต์ศตวรรษที่ 20


กระแสคิวบิสบิม์มีม์คมีวามเชื่อชื่ทางศิลปะว่า ว่ การแสดงออกทางศิลปะ นอกจากจะต้องไม่แ ม่ สดงเชิงชิการถ่ายทอดตามความเป็น ป็ จริงริตามตาเห็น ห็ แล้ว ศิลปินปิยังยัจะต้องกลั่นลั่กรองรูป รู ทรงด้วยการวิเวิคราะห์แห์ละสังสัเคราะห์รูห์ ป รู ทรงให้เ ห้ หลือเพียพีงแก่นแกนที่แท้จริงริและมั่นมั่คงแข็ง ข็ แรงด้ว ด้ ยปริมริาตรของ รูปทรงที่แข็ง ข็ แรงอัดแน่น น่ ส่ว ส่ นมิติมิ ติแห่ง ห่ ความลึกถูก ถู ทำ ให้ปห้ รากฏด้ว ด้ ยการใช้ เหลี่ยมมุมประดุจ ดุ เพชรที่ถูก ถู เจียจีระไน ทำ ให้เ ห้ กิดเงาทับซ้อ ซ้ นและเล่นแง่มุม ด้วยขอบเขตของภาพ ที่ประสานสัมสัผัสผักันอย่า ย่ งเป็น ป็ จังจัหวะภายใต้การให้สี ห้ สี ที่ไม่ฉู ม่ ด ฉู ฉาดรุนแรง เปลี่ยนแปลงรูป รู ทรงธรรมชาติ มาสู่กสู่ ารจัดจัองค์ ประกอบแบบนามธรรมทางเรขาคณิตณิ ในลักษณะทับซ้อ ซ้ นกันบ้า บ้ ง หรือรืมี รูปทรงบางใสซ้อ ซ้ นสลับกันบ้า บ้ ง ใช้สี ช้ แสีบนราบปราศจากแสงและเงา มีคมีวาม กลมกลืนหรือรืตัดกัน


Cubism Art


Monoprint ภาพพิมพิพ์จ พ์ ากวัส วั ดุธ ดุ รรมชาติ


Cubism Art


Click to View FlipBook Version