The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 9 เมฆและการเกิดเมฆ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by piyawan, 2019-09-23 04:19:40

บทที่ 9 เมฆและการเกิดเมฆ

บทที่ 9 เมฆและการเกิดเมฆ

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |1| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

น้องๆ คงคนุ้ เคยกบั เมฆกนั เป็นอยา่ งดนี ะครบั เมฆบนทอ้ งฟ้ามรี ปู รา่ งต่างๆ มากมาย น้องๆ สงสยั หรอื ไม่
ว่า เมฆเกดิ ขน้ึ มาไดอ้ ยา่ งไร เมฆชนดิ ตา่ งๆ มลี กั ษณะอยา่ งไร เหตุใดจงึ มรี ปู รา่ งเชน่ นนั้ เรม่ิ เรยี นกนั เลยครบั

เมฆ (Cloud) คอื กลมุ่ กอ้ นของหยดน้าและผลกึ น้าแขง็ ทล่ี อยตวั อยใู่ นชนั้ บรรยากาศ เกดิ จากการควบแน่น
ของไอน้าและโดยมลี ะอองลอยเป็นแกนกลาง เมอ่ื สะสมไอน้าจนอม่ิ ตวั จะกอ่ ใหเ้ กดิ หยาดน้าฟ้า1 และตกลงมาสพู่ น้ื
โลกได้

9.1 ชนิดของเมฆ

น้องๆ รใู้ ชไ่ หมวา่ เมฆมหี ลายชนดิ การแบ่งชนดิ ของเมฆสามารถแบง่ ไดท้ งั้ ตามรปู รา่ งของเมฆ หรอื จะแบง่
ตามความสงู ของฐานเมฆกไ็ ด้ ดงั น้ี

9.1.1 การแบง่ ชนิดของเมฆตามรปู ร่าง
การแบ่งชนดิ ของเมฆตามรปู รา่ ง จะแบ่งได้ 3 ประเภท ดงั น้ี
1) เซอรร์ สั (Cirrus) เป็นเมฆทม่ี ลี กั ษณะเป็นรว้ิ ๆ ลอยอยใู่ นระดบั สงู
2) สเตรตสั (Stratus) เป็นเมฆทม่ี ลี กั ษณะเป็นแผน่ เป็นชนั้ สม่าเสมอ
3) ควิ มลู สั (Cumulus) เป็นเมฆทม่ี ลี กั ษณะเป็นกอ้ น เป็นมว้ น เป็นมดั เป็นแถบ

(จากซ้ายไปขวา) เซอรร์ สั (Cirrus) สเตรตสั (Stratus) และคิวมลู สั (Cumulus)

ทม่ี า : http://www.capetownskies.com/9879/21_cirrus_fingers.htm
http://ed101.bu.edu/StudentDoc/current/ED101fa09/ldisa/clouds.html,
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/239259

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |2| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ
1หยาดน้าฟ้า (Precipitation) หมายถงึ สงิ่ ทเ่ี กดิ จากการควบแน่นของไอน้าในบรรยากาศ แลว้ ตกลงมา
สพู่ น้ื โลก ตวั อยา่ งเชน่ ฝน ลกู เหบ็ หมิ ะ เป็นตน้
9.1.2 การแบง่ ชนิดของเมฆตามระดบั ความสงู ของฐานเมฆ

ชนิดของเมฆแบง่ ตามระดบั ความสงู ของฐานเมฆ

ทม่ี า : http://en.wikipedia.org/wiki/File:Wolkenstockwerke.png

เมฆเกอื บทกุ ชนดิ จะลอยอยใู่ นชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ โดยแบง่ ชนดิ ของเมฆตามระดบั ความ
สงู ของฐานเมฆไดด้ งั น้ี

1) เมฆชนั้ สงู (High level) อยทู่ ร่ี ะดบั ความสงู มากกวา่ 6,000 เมตร จากผวิ โลก บรเิ วณน้มี ี
อณุ หภมู ติ ่ากว่าจุดเยอื กแขง็ เมฆชนั้ น้ีจงึ ประกอบดว้ ยผลกึ น้าแขง็ การเรยี กชอ่ื จะใชร้ ากศพั ท์ prefix วา่ Cirr- ไดแ้ ก่
เซอรร์ สั (Cirrus, Ci) เซอรโ์ รสเตรตสั (Cirrostratus, Cs) เซอรโ์ รควิ มลู สั (Cirrocumulus, Cc)

(จากซ้ายไปขวา) เซอรร์ สั (Cirrus) เซอรโ์ รสเตรตสั (Cirrostratus) และเซอรโ์ รคิวมลู สั (Cirrocumulus)

ทม่ี า : http://www.capetownskies.com/9879/21_cirrus_fingers.htm
http://www.glogster.com/glog.php?glog_id=19428383&scale=54&isprofile=true
http://allweare9999.wordpress.com/2010/07/17/ทอ้ งฟ้าและปยุ เมฆ-บอกอะไ/

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |3| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพมิ่ เตมิ
2) เมฆชนั้ กลาง (Medium level) อยทู่ ร่ี ะดบั ความสงู 2,000 - 6,000 เมตร เมฆชนั้ น้ปี ระกอบดว้ ย
ละอองน้าและผลกึ น้าแขง็ การเรยี กชอ่ื จะใชร้ ากศพั ท์ prefix ว่า Alto- ไดแ้ ก่ อลั โตสเตรตสั (Altostratus, As) อลั โต
ควิ มลู สั (Altocumulus, Ac)

(จากซ้ายไปขวา) อลั โตสเตรตสั (Altostratus) และอลั โตคิวมลู สั (Altocumulus)

ทม่ี า : http://www.flickr.com/photos/valasif/5248867576/
http://campbellsclouds.wikispaces.com/Altocumulus

3) เมฆชนั้ ต่า (Low level) ฐานของเมฆจะอยทู่ ร่ี ะดบั ต่ากวา่ 2,000 เมตร องคป์ ระกอบของเมฆสว่ น
ใหญเ่ ป็นอนุภาคน้าเกอื บทงั้ หมด ไดแ้ ก่ ควิ มลู สั (Cumulus, Cu) สเตรตสั (Stratus, St)2 สเตรโตควิ มลู สั
(Stratocumulus, Sc) นมิ โบสเตรตสั (Nimbostratus, Ns)

(จากซ้ายไปขวา) สเตรโตคิวมลู สั (Stratocumulus) และนิมโบสเตรตสั (Nimbostratus)

ทม่ี า : http://www.wolken-online.de/wolkenatlas/stratocumulus/images/stratocumulus_undulatus_3.htm
http://www.windows2universe.org/earth/Atmosphere/clouds/cloud_il.html

2เมอ่ื เมฆสเตรตสั ลอยอยรู่ ะดบั พน้ื ดนิ จะเรยี กวา่ หมอก (Fog)

4) เมฆทก่ี ่อตวั ในแนวตงั้ (Vertical) สามารถกอ่ ตวั สงู ขน้ึ ไปไดห้ ลายกโิ ลเมตร เป็นเมฆทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ
พายแุ ละฝนฟ้าคะนอง ไดแ้ ก่ ควิ มโู ลนิมบสั (Cumulonimbus, Cb)

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |4| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

คิวมโู ลนิมบสั (Cumulonimbus)

ทม่ี า : http://fuckyeahweather.tumblr.com/post/189446751/single-cell-cumulonimbus-incus-mykonos-greece

5) เมฆทอ่ี ยเู่ หนอื ชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ (Extreme level) มอี ยดู่ ว้ ยกนั 2 ชนดิ อยา่ งทน่ี ้องๆ
เคยเจอมาแลว้ ในบทท่ี 7 ไดแ้ ก่ เมฆมกุ (Nacreous cloud) ในชนั้ บรรยากาศสตราโตสเฟียร์ และเมฆสกุ ใส
(Noctilucent cloud) ในชนั้ บรรยากาศมโี ซสเฟียร์

(จากซ้ายไปขวา) เมฆมกุ (Nacreous cloud) และเมฆสกุ ใส (Noctilucent cloud)

ทม่ี า : http://www.wayfaring.info/category/continents/antarctica/
http://www.telegraph.co.uk/earth/earthpicturegalleries/5400324/Extraordinary-Clouds-and-The-Cloud-Collectors-Handbook.html?image=6

9.1.3 เมฆชนิดอ่ืนๆ
เมฆบางชนิดจะมคี วามแปลกตา มคี วามสวยงาม และหาไดย้ าก ซง่ึ เกดิ ไดจ้ ากทงั้ ปรากฏการณ์

ธรรมชาติ และจากการกระทาของมนุษย์ พไ่ี ดร้ วมภาพของเมฆเหลา่ น้ีมาใหช้ มกนั ครบั

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |5| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

(แถวบน) (จากซ้ายไปขวา) แมมมาทสั (Mammatus) เมฆลูกคลื่น (Billow cloud) และสเตรโตคิวมลู สั
(Stratocumulus)

(แถวล่าง) (จากซ้ายไปขวา) เมฆรปู เลนส์ (Lenticular cloud) เมฆรปู เหด็ (Mushroom cloud) เกิดได้จากทงั้
ภเู ขาไฟระเบิดและระเบิดนิวเคลียร์ และคอนเทรล (Contrail)3 เกิดจากการบินของเครือ่ งบินไอพ่น

ทม่ี า : http://www.clipmass.com/story/28218
http://www.toptenz.net/top-10-unusual-but-fascinating-cloud-formations.php/kelvin-helmholtz-wave-cloud
http://tariqweb.com/2011/03/04/stratocumulus-clouds/
http://www.collthings.co.uk/2008/06/10-very-rare-clouds.html
http://atomic-bomb-guides.blogspot.com/2011/07/mushroom-cloud-hat.html
http://contrailscience.com/aerodynamic-and-rainbow-contrails/

3คอนเทรล (Contrail) มองดคู ลา้ ยเมฆ แตไ่ มใ่ ชเ่ มฆ เกดิ จากการบนิ ของเครอ่ื งบนิ ไอพน่ ไอน้าซง่ึ พน่
ออกมาจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่ มอี ุณหภมู สิ งู เขา้ ปะทะกบั อากาศเยน็ ภายนอก จะทาใหไ้ อน้าในอากาศเกดิ การ
ควบแน่นเป็นหยดน้าหรอื ผลกึ น้าแขง็ มองเหน็ เป็นคอนเทรล

Q: 86. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ เมฆไมถ่ กู ตอ้ ง
1. เมฆเกดิ จากการควบแน่นของไอน้า
2. เมฆทกุ ชนดิ กอ่ ใหเ้ กดิ ฝนตก
3. เมฆแบง่ ไดห้ ลายชนดิ ทงั้ ตามรปู รา่ งและระดบั ความสงู
4. มเี มฆบางชนดิ ทอ่ี ยนู่ อกชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |6| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพมิ่ เตมิ

Q: 87. ขอ้ ใดไมใ่ ชช่ อ่ื เรยี กรปู รา่ งของเมฆ

1. สเตรตสั 2. ควิ มลู สั 3. เซอรร์ สั 4. นิมบสั

Q: 88. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นหยาดน้าฟ้า

1. ฝน 2. ลกู เหบ็ 3. หมิ ะ 4. ไอน้า

Q: 93. เมฆเกอื บทกุ ชนดิ จะลอยอยใู่ นชนั้ บรรยากาศใด

1. โทรโพสเฟียร์ 2. สตราโตสเฟียร์ 3. มโี ซสเฟียร์ 4. เทอรโ์ มสเฟียร์

Q: 95. สม้ สงั เกตเหน็ เมฆกอ้ นหน่ึง มลี กั ษณะเป็นแผน่ เรยี งกนั เป็นชนั้ ๆ คาดวา่ อยสู่ งู จากพน้ื ประมาณ x เมตร

เมอ่ื เวลาผา่ นไป เมฆกอ้ นน้ีจะมรี ะยะเชงิ มมุ เปลย่ี นไป 30 องศา เมฆกอ้ นน้ีจะอยหู่ า่ งจากจดุ ทเ่ี รม่ิ สงั เกตเป็น

ระยะทางขนานกบั ผวิ โลกประมาณ 1,800 เมตร คา่ x ทส่ี ม้ ประมาณไว้ มคี า่ เทา่ ไร และเมฆทส่ี ม้ สงั เกตเหน็ คอื

เมฆชนิดใด

1. 1,030 เมตร, สเตรตสั 2. 2,060 เมตร, นิมโบสเตรตสั

3. 3,100 เมตร, อลั โตสเตรตสั 4. 5,400 เมตร, เซอรโ์ รสเตรตสั

Q: 96. คอนเทรลเกดิ ขน้ึ จากสาเหตใุ ด

1. ไอน้าจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่ ปะทะกบั อากาศเยน็ ภายนอก

2. ไอน้าจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่ ปะทะกบั อากาศรอ้ นภายนอก

3. เครอ่ื งบนิ ไอพน่ บนิ เสยี ดสกี บั อากาศภายนอก

4. ควนั ทอ่ี อกมาจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่

Q: 97. เมฆชนิดใดมกั พบบรเิ วณยอดเขาสงู เกดิ จากการยกตวั ของอากาศเมอ่ื ชนกบั ภเู ขา

1. เมฆรปู เหด็ 2. เมฆรปู จานบนิ 3. เมฆลกู คลน่ื 4. แมมมาทสั

9.2 การเกิดเมฆ

9.2.1 กระบวนการการเกิดเมฆ

การทโ่ี ลกไดร้ บั ความรอ้ นจากรงั สขี องดวงอาทติ ย์ ทาใหผ้ วิ โลกมอี ณุ หภมู สิ งู ขน้ึ สง่ ผลใหก้ ลุ่ม
อากาศลอยตวั สงู ขน้ึ 4 และมปี รมิ าตรเพมิ่ ขน้ึ เน่อื งจากมคี วามกดอากาศลดลง จากนนั้ เมอ่ื กล่มุ อากาศลอยตวั สงู ขน้ึ
เรอ่ื ยๆ อณุ หภมู ขิ องอากาศกจ็ ะลดลงเรอ่ื ยๆ5 ดว้ ยอตั รา 10oC ต่อความสงู 1,000 เมตร จนกระทงั่ ถงึ ความสงู ระดบั
หน่งึ อณุ หภมู ขิ องกลุ่มอากาศลดลงเทา่ กบั อณุ หภมู ขิ องสงิ่ แวดลอ้ ม กลมุ่ อากาศจงึ หยดุ ลอยตวั 6 ณ จดุ ๆ น้ี อากาศจะ
มสี ภาพอม่ิ ตวั ดว้ ยไอน้าเน่อื งจากมอี ณุ หภมู ติ ่ากว่าจุดน้าคา้ ง7 เรยี กระดบั ความสงู น้วี า่ ระดบั การควบแน่น8 หากกลุ่ม
อากาศมกี ารลอยตวั สงู ขน้ึ ต่อไปอกี จะลอยขน้ึ โดยมอี ตั ราการลดลงของอณุ หภมู เิ ป็น 5oC ต่อความสงู 1,000 เมตร

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |7| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

กระบวนการเกิดเมฆ

ทม่ี า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-stability

อนุภาคทเ่ี กดิ ขน้ึ ระหว่างเกดิ การควบแน่นจะมขี นาดแตกต่างกนั อนุภาคแกนกลางการควบแน่น9 มี
ขนาดประมาณ 0.2 ไมครอน10 ละอองน้าขนาดเลก็ มขี นาด 20 ไมครอน ละอองน้าขนาดใหญม่ ขี นาด 50 ไมครอน
หยดน้าฝนมขี นาดประมาณ 2,000 ไมครอน โดยการเปลย่ี นแปลงขนาดของละอองน้าจะขน้ึ อยกู่ บั ปจั จยั ต่างๆ ไดแ้ ก่
การควบแน่นซา้ หลายครงั้ บนละอองน้า และการเคล่อื นทช่ี นกนั ของละอองน้าเน่อื งจากความปนั่ ปว่ นของกระแสลม

ขนาดของอนุภาคท่ีเกิดขึน้ ระหว่างเกิดการควบแน่น

ทม่ี า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/cloud

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |8| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ
แรงทก่ี ระทาต่อละอองน้าในเมฆมอี ยอู่ ยา่ งน้อย 2 ชนิด ไดแ้ ก่ แรงโน้มถว่ งของโลก (Gravitational
force) และแรงลอยตวั (Buoyant force) ซง่ึ ทศิ ทางของแรงทงั้ สองจะสวนทางกนั หากแรงลอยตวั มคี า่ มากกวา่ แรง
โน้มถ่วงของโลก จะทาใหล้ ะอองน้าลอยตวั อยใู่ นเมฆได้ แต่ถา้ หากแรงโน้มถว่ งของโลกมคี า่ มากกว่าแรงลอยตวั
ละอองน้าจะตกลงมาเป็นหยาดน้าฟ้า

แรงลอยตวั จะมีทิศขึน้ ส่วนแรงโน้มถ่วงจะมีทิศลง

ทม่ี า : http://www.virtualsciencefair.org/2009/dong9a2/buoy.htm

4กระบวนการทอ่ี ากาศมกี ารลอยตวั น้ี เรยี กว่า การยกตวั ของกลุม่ อากาศ (Air parcel)
5ในชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ อณุ หภูมจิ ะลดลงตามความสงู ทเ่ี พมิ่ ขน้ึ
6เมอ่ื อากาศทร่ี อ้ นเกดิ การลอยตวั จะมกี ารคายความรอ้ นออกไปดว้ ย สง่ ผลใหอ้ ณุ หภมู ขิ องอากาศ
ลดลง เมอ่ื อณุ หภมู ขิ องอากาศลดลงเทา่ กบั อณุ หภมู ขิ องสง่ิ แวดลอ้ ม อากาศจะหยดุ ลอยตวั แตถ่ า้ หากอณุ หภมู ิ
ของอากาศลดลงจนน้อยกว่าอณุ หภมู ขิ องสงิ่ แวดลอ้ ม อากาศจะจมตวั ลง
7จุดน้าคา้ ง (Dew point) คอื อณุ หภมู ทิ ไ่ี อน้าในอากาศเกดิ การอมิ่ ตวั และเรมิ่ ควบแน่นเป็นหยดน้า
8ทร่ี ะดบั การควบแน่น ไอน้าจะควบแน่นบนอนุภาคของละอองลอย และกลายเป็นหยดน้าขนาดเลก็
9ละอองลอยทท่ี าหน้าทเ่ี ป็นแกนใหล้ ะอองน้าควบแน่น เรยี กวา่ อนุภาคแกนกลางการควบแน่น (Cloud
condensation nuclei, CCN)
10ไมครอน หรอื ไมโครเมตร มขี นาดเทา่ กบั 10-6 เมตร หรอื 0.001 มลิ ลเิ มตร

Q: 98. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั กลไกการยกตวั ของอากาศ
1. โลกไดร้ บั ความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์ ทาใหอ้ ากาศรอ้ นยกตวั สงู ขน้ึ
2. ขณะทอ่ี ากาศรอ้ นยกตวั ขน้ึ จะคายความรอ้ นไปดว้ ย เมอ่ื อณุ หภมู ลิ ดลงถงึ จดุ ๆ หน่งึ กจ็ ะหยดุ ยกตวั
3. ถา้ เมฆยกตวั ถงึ ระดบั การควบแน่นแลว้ แตอ่ ณุ หภมู ยิ งั สงู เกนิ ไป กจ็ ะยกตวั ขน้ึ ตอ่ ไป
4. ถกู ทุกขอ้

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |9| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพมิ่ เตมิ

Q: 99. ถา้ หากอณุ หภมู ขิ องอากาศลดลงต่ากว่าอณุ หภมู ขิ องสงิ่ แวดลอ้ ม จะเกดิ อะไรขน้ึ

1. กลุ่มอากาศจะยกตวั ต่อไป 2. กลุม่ อากาศจะลอยหยดุ กบั ท่ี

3. กลุม่ อากาศจะจมตวั ลง 4. กลมุ่ อากาศจะสลายไป

Q: 101. อนุภาคแกนกลางการควบแน่นไดม้ าจากสงิ่ ใด

1. เถา้ ภเู ขาไฟ 2. เกสรดอกไม้ 3. เขมา่ ควนั 4. ถกู ทกุ ขอ้

Q: 104. ขอ้ ใดเป็นปจั จยั ทท่ี าใหล้ ะอองน้าในเมฆเกดิ การเปลย่ี นแปลงขนาดได้

1. การควบแน่นซา้ หลายครงั้ 2. การชนกนั บ่อยครงั้
3. ความปนั่ ปว่ นของกระแสลม 4. ถกู ทกุ ขอ้

Q: 106. การกระทาระหว่างแรงเป็นแบบใดทท่ี าใหเ้ กดิ ฝนตก

1. แรงโน้มถว่ งมากกว่าแรงลอยตวั 2. แรงลอยตวั มากกวา่ แรงโนม้ ถ่วง

3. แรงลอยตวั มากกว่าแรงเสยี ดทาน 4. แรงโน้มถ่วงน้อยกว่าแรงเสยี ดทาน

9.2.2 ปัจจยั ที่ทาให้เกิดการยกตวั ของกลุ่มอากาศ

การยกตวั ของกลมุ่ อากาศเป็นปจั จยั สาคญั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ เมฆ ปจั จยั ทท่ี าใหก้ ล่มุ อากาศยกตวั ขน้ึ มอี ยู่
หลายอยา่ ง ไดแ้ ก่

1) ความรอ้ นของพน้ื ผวิ เกดิ จากรงั สขี องดวงอาทติ ยซ์ ง่ึ สอ่ งมายงั โลก ทาใหพ้ น้ื โลกและอากาศมี
อณุ หภมู สิ งู ขน้ึ สง่ ผลใหอ้ ากาศทร่ี อ้ นยกตวั ขน้ึ ตวั อยา่ งของเมฆทเ่ี กดิ จากกระบวนการน้ี เชน่ ควิ มลู สั สเตรโตควิ มลู สั
ควิ มโู ลนมิ บสั

อากาศยกตวั เนื่องจากมีอณุ หภมู ิสงู

ทม่ี า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-stability

2) การเปลย่ี นแปลงความสงู ของพน้ื ทห่ี รอื ภเู ขา เกดิ จากกระแสลมพดั เขา้ ปะทะกบั ภเู ขา ลมจะพดั
ไปขน้ึ ไปตามแนวของภเู ขา กลายเป็นกลุม่ ของอากาศทย่ี กตวั สงู ขน้ึ ทาใหเ้ รามกั พบเมฆอยบู่ นภเู ขา หลงั จากนนั้
อากาศจะเดนิ ทางกลบั ลงไปโดยมสี ภาพเป็นอากาศทแ่ี หง้ เพราะถกู ขโมยความชน้ื ไปกบั เมฆหมดแลว้ ซง่ึ อากาศท่ี

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |10| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

แหง้ จะทาใหแ้ นวดา้ นหลงั ภเู ขาไมม่ ฝี นตก หรอื เรยี กว่า เขตเงาฝน (Rain shadow) ตวั อยา่ งของเมฆทเ่ี กดิ ขน้ึ จาก
กระบวนการน้ี เชน่ ควิ มลู สั ควิ มโู ลนิมบสั

อากาศยกตวั เนื่องจากเคล่ือนท่ีขนึ้ ไปตามแนวเขา

ทม่ี า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-stability

3) การเคล่อื นทข่ี องอากาศเน่ืองจากแรงต่างๆ เกดิ จากการปะทะกนั ของกระแสลม จะทาใหม้ ี
แรงผลกั ดนั ใหอ้ ากาศลอยตวั สงู ขน้ึ เมฆทเ่ี กดิ ขน้ึ จากกระบวนการน้ี ไดแ้ ก่ เซอรโ์ รควิ มลู สั อลั โตควิ มลู สั อลั โตส
เตรตสั สเตรโตควิ มลู สั สเตรตสั

อากาศยกตวั ขนึ้ เนื่องจากการปะทะกนั ของลม

ทม่ี า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-stability

4) การเกดิ แนวปะทะอากาศ เกดิ จากการเขา้ ปะทะกนั ของมวลอากาศทม่ี อี ณุ หภมู ติ า่ งกนั ทาให้
อากาศทม่ี อี ณุ หภมู ติ ่ากว่ายกตวั สงู ขน้ึ กอ่ ใหเ้ กดิ เมฆไดห้ ลากหลายรปู แบบ เรอ่ื งของแนวปะทะอากาศศกึ ษาไดใ้ น
หวั ขอ้ ถดั ไปเลยครบั

Q: 107. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นปจั จยั การยกตวั ของกลมุ่ อากาศ

1. ความรอ้ น 2. แมน่ ้า 3. ภเู ขาสงู 4. การปะทะของลม

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |11| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

Q: 108. บรเิ วณดา้ นหลงั ของภเู ขาทม่ี กี ารปะทะกบั กระแสลมจะมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. มฝี นตกหนกั แต่ไมบ่ ่อย 2. มฝี นตกไมห่ นกั แตต่ กบอ่ ยมาก

3. มฝี นน้อยมาก 4. มอี ากาศแปรปรวน มพี ายขุ นาดใหญ่

Q: 110. เมฆชนดิ ใดทม่ี กั พบเหน็ คกู่ บั การยกตวั ของกล่มุ อากาศโดยการเปลย่ี นแปลงภมู ปิ ระเทศ

1. แมมมาทสั 2. สเตรโตควิ มลู สั 3. เมฆรปู เลนส์ 4. เมฆมกุ

9.2.3 แนวปะทะอากาศ

แนวปะทะอากาศ (Front) เกดิ จากการปะทะกนั ของมวลอากาศ11 เมอ่ื มวลอากาศอนุ่ เคลอ่ื นทเ่ี ขา้
ปะทะกบั มวลอากาศเยน็ จะทาใหเ้ กดิ รอยต่อของมวลอากาศหรอื แนวปะทะอากาศนนั่ เอง แนวปะทะอากาศมคี วาม
กวา้ งไมต่ ่ากว่า 60 กโิ ลเมตร โดยสว่ นใหญ่จะอยรู่ ะหวา่ ง 150 - 400 กโิ ลเมตร แบง่ ออกไดเ้ ป็นหลายประเภท ดงั น้ี

1) แนวปะทะอากาศอนุ่ (Warm front) เกดิ จากการทม่ี วลอากาศอนุ่ เคลอ่ื นทเ่ี ขา้ หามวลอากาศเยน็
มวลอากาศเยน็ มคี วามหนาแน่นมากกวา่ จะจมตวั อยเู่ บอ้ื งลา่ ง ทาใหม้ วลอากาศอนุ่ ยกตวั สงู ขน้ึ ไป ทาใหเ้ กดิ ฝนตก
เป็นบรเิ วณกวา้ ง ตกไมแ่ รงแต่นาน เมฆทเ่ี กดิ จากแนวปะทะอากาศชนดิ น้ี ไดแ้ ก่ เซอรร์ สั เซอรโ์ รสเตรตสั อลั โตส
เตรตสั นิมโบสเตรตสั สเตรตสั

แนวปะทะอากาศอ่นุ (Warm front)

ทม่ี า : https://sites.google.com/site/chaipatcomputer/kar-keid-fn-3/naew-patha-xa-ka

2) แนวปะทะอากาศเยน็ (Cold front) เกดิ จากการทม่ี วลอากาศเยน็ เคล่อื นทเ่ี ขา้ แทนทม่ี วลอากาศ
อนุ่ มวลอากาศเยน็ จะดนั ใหม้ วลอากาศอนุ่ ยกตวั ขน้ึ ไปอยา่ งรวดเรว็ กอ่ ใหเ้ กดิ พายฝุ นฟ้าคะนอง ฝนตกหนกั อากาศ
แปรปรวน เมฆทเ่ี กดิ จากแนวปะทะอากาศชนดิ น้ี ไดแ้ ก่ ควิ มลู สั ควิ มโู ลนมิ บสั

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |12| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

แนวปะทะอากาศเยน็ (Cold front)

ทม่ี า : https://sites.google.com/site/chaipatcomputer/kar-keid-fn-3/naew-patha-xa-ka

3) แนวปะทะอากาศรวม (Occluded front) เกดิ จากการทม่ี วลอากาศเยน็ สองกลุ่มทม่ี สี มบตั ติ ่างกนั
เคล่อื นทเ่ี ขา้ มาปะทะกนั แลว้ ดนั ใหม้ วลอากาศอนุ่ ยกตวั ขน้ึ ไปอยบู่ นมวลอากาศเยน็ กอ่ ใหเ้ กดิ พายฝุ นเพราะมเี มฆ
ควิ มโู ลนิมบสั เกดิ ขน้ึ

แนวปะทะอากาศรวม (Occluded front)

ทม่ี า : http://www.flyingfamilies.com/occluded-fronts.html

4) แนวปะทะอากาศคงท่ี (Stationary front) เกดิ จากการทม่ี วลอากาศเยน็ และมวลอากาศอนุ่
เคล่อื นทเ่ี ขา้ ปะทะกนั แตแ่ นวปะทะอากาศมคี วามสมดุล กลา่ วคอื มวลอากาศทงั้ สองจะอยกู่ บั ทไ่ี มม่ กี ารเคล่อื นท่ี
เพราะมวลอากาศทงั้ สองมแี รงผลกั เทา่ กนั แตค่ วามสมดุลจะเกดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลาสนั้ ๆ เทา่ นนั้ เมอ่ื แรงผลกั มมี ากขน้ึ จะ
กอ่ ใหเ้ กดิ แนวปะทะอากาศแบบอน่ื ขน้ึ

11มวลอากาศ (Air mass) หมายถงึ กอ้ นของอากาศทม่ี อี ณุ หภมู แิ ละปรมิ าณไอน้าในอากาศสม่าเสมอ
อาจกนิ พน้ื ทบ่ี รเิ วณกวา้ งและคงสภาพไดย้ าวนาน มวลอากาศมคี ณุ สมบตั แิ ตกต่างกนั ไปตามแตล่ ะพน้ื ทท่ี ป่ี ก
คลมุ แบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด คอื มวลอากาศเยน็ (Cold air mass) และมวลอากาศอนุ่ (Warm air mass)

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |13| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพมิ่ เตมิ

Q: 111. ตามปกตแิ ลว้ เมอ่ื อากาศอนุ่ กบั อากาศเยน็ เขา้ มาปะทะกนั จะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศอนุ่ อยเู่ หนอื อากาศเยน็ 2. อากาศเยน็ อยเู่ หนืออากาศอนุ่

3. ไมม่ อี ากาศชนดิ ใดกนิ กนั ลง 4. สรปุ ไมไ่ ด้

Q: 114. แนวปะทะอากาศอนุ่ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศรอ้ นเคล่อื นทไ่ี ปแทนอากาศเยน็ 2. อากาศเยน็ เคลอ่ื นทไ่ี ปแทนอากาศรอ้ น

3. อากาศเยน็ ปะทะกนั และแทนทอ่ี ากาศรอ้ น 4. อากาศรอ้ นเคล่อื นทเ่ี ขา้ หาอากาศเยน็

Q: 117. ผลทไ่ี ดจ้ ากแนวปะทะอากาศเยน็ จะเป็นอยา่ งไร

1. พายฝุ นฟ้าคะนอง 2. พายหุ มิ ะ 3. ฝนแลง้ 4. ฝนหลงฤดู

Q: 118. แนวปะทะอากาศรวมมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศรอ้ นเคลอ่ื นทไ่ี ปแทนอากาศเยน็ 2. อากาศเยน็ เคล่อื นทไ่ี ปแทนอากาศรอ้ น

3. อากาศเยน็ ปะทะกนั และแทนทอ่ี ากาศรอ้ น 4. อากาศรอ้ นเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ หาอากาศเยน็

Q: 120. เพราะเหตุใด จงึ เกดิ สมดลุ กนั ระหว่างมวลในแนวปะทะอากาศคงท่ี

1. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั มขี นาดเทา่ กนั 2. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั เป็นชนิดเดยี วกนั

3. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั มแี รงผลกั เทา่ กนั 4. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั มจี านวนประจเุ ทา่ กนั

9.2.4 เสถียรภาพของอากาศ

เสถยี รภาพของอากาศ (Atmospheric stability) หมายถงึ สภาวะของบรรยากาศทม่ี ผี ลต่อการ
เคล่อื นทข่ี น้ึ ลงของอากาศในแนวดงิ่

เมอ่ื กอ้ นอากาศยกตวั จะมปี รมิ าตรเพม่ิ ขน้ึ และมอี ณุ หภมู ลิ ดลง จนกระทงั่ อณุ หภมู ขิ องกลุม่ อากาศ
ลดลงจนเทา่ กบั อณุ หภมู ขิ องสงิ่ แวดลอ้ มกจ็ ะหยดุ การยกตวั แตถ่ า้ หากอณุ หภมู ขิ องกอ้ นอากาศลดต่าลงไปอกี กจ็ ะ
ทาใหก้ อ้ นอากาศเกดิ การจมตวั เราเรยี กสภาวะของอากาศแบบน้วี ่า อากาศมเี สถียรภาพ (Stable air) ถา้ กลุ่มอากาศ
ยกตวั สงู จนเหนอื ระดบั ควบแน่น และไมส่ ามารถยกตวั ต่อขน้ึ ไปไดอ้ กี จะทาใหเ้ กดิ เมฆในแนวราบ อากาศทม่ี ี
เสถยี รภาพจะมที อ้ งฟ้าแจม่ ใส มกั พบในชว่ งฤดหู นาวหรอื ในเวลาเชา้

แต่ในฤดฝู นหรอื ในชว่ งบา่ ยของฤดรู อ้ น กลมุ่ อากาศจะยกตวั ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ แมจ้ ะยกตวั ขน้ึ เหนือ
ระดบั ควบแน่นแลว้ แตก่ ย็ งั มอี ณุ หภมู สิ งู กวา่ สงิ่ แวดลอ้ ม ทาใหก้ ลมุ่ อากาศยกตวั สงู ขน้ึ ไปอกี ก่อใหเ้ กดิ เมฆทก่ี อ่ ตวั ใน
แนวตงั้ เชน่ ควิ มลู สั ควิ มโู ลนมิ บสั เราเรยี กสภาวะของอากาศแบบน้วี า่ อากาศไมม่ เี สถยี รภาพ (Unstable air)
ทอ้ งฟ้าจะมเี มฆปกคลุม และมหี ยาดน้าฟ้า

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |14| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

(จากซ้ายไปขวา) อากาศมีเสถียรภาพ (Stable air) และอากาศไม่มีเสถียรภาพ (Unstable air)

ทม่ี า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-stability

เสถยี รภาพของอากาศสามารถตรวจวดั ไดด้ ว้ ยอปุ กรณ์ทเ่ี รยี กว่า บอลลนู หยงั่ อากาศ
(Radiosonde)

บอลลูนหยงั่ อากาศ (Radiosonde)

ทม่ี า : http://www.flickr.com/photos/laikolosse/4444151595/

Q: 122. อากาศทม่ี เี สถยี รภาพ จะมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. ทอ้ งฟ้าแจ่มใส 2. มเี มฆมาก 3. มพี ายุ 4. ถกู ทงั้ 2. และ 3.

Q: 124. มโี อกาสพบอากาศทไ่ี มม่ เี สถยี รภาพในชว่ งเวลาใดมากทส่ี ดุ

1. ตอนบา่ ยๆ ของเดอื นพฤษภาคม 2. ตอนเชา้ ๆ ของเดอื นพฤศจกิ ายน

3. ตอนหวั ค่าของเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 4. กลางดกึ ของเดอื นสงิ หาคม

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |15| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

ตอนท่ี 1 ข้อ 1 - 10 จงจบั ค่คู ณุ สมบตั ิกบั ชนิดของเมฆให้ถกู ต้อง

คณุ สมบตั ิของเมฆ ชนิ ดของเมฆ

1. เป็นเมฆฝน มลี กั ษณะเป็นแผน่ ก. ควิ มลู สั
2. เป็นกอ้ น อยใู่ นระดบั กลาง มองดคู ลา้ ยฝงู แกะ ข. เซอรร์ สั
3. เป็นรว้ิ ๆ องคป์ ระกอบสว่ นใหญ่เป็นผลกึ น้าแขง็ ค. อลั โตควิ มลู สั
4. เป็นกอ้ น ลอยตวั อยใู่ นระดบั ต่า อาจพฒั นาไปเป็นเมฆฝน ง. ควิ มโู ลนมิ บสั
5. สง่ิ คลา้ ยเมฆทเ่ี กดิ จากการบนิ ของเครอ่ื งบนิ ไอพน่ จ. สเตรโตควิ มลู สั
6. เมฆพายฝุ นฟ้าคะนอง กอ่ ตวั ในแนวตงั้ ฉ. นิมโบสเตรตสั
7. ลอยตวั อยตู่ ่า อาจพบเหน็ เป็นลาทส่ี วยงามแปลกตา ช. เมฆมกุ
8. เกดิ ขน้ึ ในชนั้ บรรยากาศสตราโตสเฟียร์ ซ. คอนเทรล
9. เกดิ ขน้ึ ในชนั้ บรรยากาศมโี ซสเฟียร์ ฌ. เมฆรปู เหด็
10. มลี กั ษณะแปลกตา เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากทงั้ ภเู ขาไฟระเบดิ และระเบดิ นิวเคลยี ร์ ญ. เมฆสกุ ใส

ตอนที่ 2 ข้อ 11 - 35 จงขีดผิดหน้าข้อท่ีผิด แล้วแก้ไขให้ถกู ต้อง

_____ 11. เมฆเกดิ จากการควบแน่นของไอน้าโดยมลี ะอองลอยเป็นแกนกลาง
_____ 12. การแบง่ ชนดิ ของเมฆตามรปู รา่ ง จะแบง่ ได้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ เซอรร์ สั ลกั ษณะเป็นกอ้ น สเตรตสั
ลกั ษณะเป็นแผน่ และควิ มลู สั ลกั ษณะเป็นรว้ิ
_____ 13. เมฆเกอื บทุกชนิดจะลอยอยใู่ นชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ ยกเวน้ เมฆมกุ ทอ่ี ยใู่ นชนั้ บรรยากาศสตรา
โตสเฟียร์ และเมฆสกุ ใส ทอ่ี ยใู่ นชนั้ บรรยากาศมโี ซสเฟียร์
_____ 14. เซอรร์ สั เซอรโ์ รสเตรตสั และเซอรโ์ รควิ มลู สั ต่างกจ็ ดั เป็นเมฆชนั้ สงู
_____ 15. อลั โตควิ มลู สั ควิ มลู สั และควิ มโู ลนมิ บสั ตา่ งกจ็ ดั เป็นเมฆชนั้ กลาง
_____ 16. สเตรโตควิ มลู สั นมิ โบสเตรตสั สเตรตสั ตา่ งกจ็ ดั เป็นเมฆชนั้ ต่า
_____ 17. ควิ มโู ลนมิ บสั จดั เป็นเมฆทก่ี อ่ ตวั ในทางตงั้ กอ่ ใหเ้ กดิ พายฝุ นฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรง
_____ 18. เมฆชนั้ สงู จะประกอบดว้ ยผลกึ น้าแขง็ สว่ นเมฆชนั้ ต่าจะประกอบดว้ ยอนุภาคน้า
_____ 19. เมอ่ื เมฆควิ มลู สั ลอยตวั อยรู่ ะดบั พน้ื ดนิ จะเรยี กวา่ หมอก

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |16| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพมิ่ เตมิ

_____ 20. เมอ่ื ไอน้าทพ่ี น่ ออกมาจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่ ปะทะกบั อากาศเยน็ ทอ่ี ยภู่ ายนอก จะทาใหไ้ อน้าเกดิ การ
ควบแน่น มองเหน็ เป็นคอนเทรล
_____ 21. เมฆเกดิ จากการทอ่ี ากาศรอ้ นลอยตวั สงู ขน้ึ แลว้ มอี ณุ หภมู ลิ ดต่าลงจนทาใหไ้ อน้าเกดิ การควบแน่น
_____ 22. จุดทอ่ี ณุ หภมู ขิ องกลุ่มอากาศลดลงจนเทา่ กบั อณุ หภมู ขิ องสง่ิ แวดลอ้ ม กลมุ่ อากาศจะลอยตวั อยกู่ บั ท่ี มี
สภาพอมิ่ ตวั ดว้ ยไอน้าเน่อื งจากมอี ณุ หภมู ติ ่ากว่าจุดน้าคา้ ง เรยี กว่า ระดบั การควบแน่น
_____ 23. เมอ่ื อากาศลอยตวั สงู ขน้ึ จะมปี รมิ าตรลดลง เน่อื งจากความกดอากาศเพม่ิ ขน้ึ
_____ 24. อนุภาคแกนกลางการควบแน่นมขี นาด 200 นาโนเมตร ละอองน้าขนาดเลก็ มขี นาด 0.02 มลิ ลเิ มตร
ละอองน้าขนาดใหญม่ ขี นาด 0.005 เซนตเิ มตร หยดน้าฝนมขี นาด 0.002 เมตร
_____ 25. แรงทก่ี ระทาต่อละอองน้าในเมฆมอี ยอู่ ยา่ งน้อย 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ แรงโน้มถ่วงของโลก และแรงลอยตวั แรง
ทงั้ สองกระทาในทศิ ทางตงั้ ฉากกนั
_____ 26. หากแรงลอยตวั มคี า่ มากกวา่ แรงโน้มถ่วงจะทาใหเ้ กดิ ฝนตก
_____ 27. ในชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ อณุ หภมู จิ ะลดลงตามความสงู ทเ่ี พม่ิ ขน้ึ
_____ 28. เมฆเกดิ ขน้ึ จากการยกตวั ของกลมุ่ อากาศ
_____ 29. อณุ หภมู ิ ภมู ปิ ระเทศ และการเคล่อื นทข่ี องกระแสลม ลว้ นเป็นปจั จยั ทม่ี สี ว่ นทาใหอ้ ากาศยกตวั ขน้ึ
_____ 30. โดยปกตแิ ลว้ แนวปะทะอากาศจะมคี วามกวา้ งอยรู่ ะหว่าง 150 - 400 กโิ ลเมตร
_____ 31. เมอ่ื มวลอากาศเยน็ กบั มวลอากาศอนุ่ เคล่อื นทเ่ี ขา้ ปะทะกนั มวลอากาศเยน็ จะเป็นฝา่ ยทย่ี กตวั ขน้ึ
กอ่ ใหเ้ กดิ เมฆ
_____ 32. มวลอากาศ แบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด คอื มวลอากาศเยน็ และมวลอากาศอนุ่
_____ 33. ความเสถยี รภาพของอากาศ เป็นสง่ิ ทก่ี าหนดทศิ ทางการเคล่อื นทข่ี องกล่มุ อากาศ
_____ 34. อากาศทไ่ี มม่ เี สถยี รภาพ มกั จะพบในฤดหู นาวและเวลากลางคนื
_____ 35. อปุ กรณ์ทใ่ี ชต้ รวจวดั ความเสถยี รภาพของอากาศ เรยี กวา่ บอลลนู หยงั่ อากาศ

ตอนท่ี 3 ข้อ 36 - 85 จงเติมคาลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง

36. เมฆ คอื อะไร_________________________________________________________________________
37. เมฆเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร___________________________________________________________________
38. การแบ่งชนดิ ของเมฆสามารถแบง่ ไดก้ ร่ี ปู แบบ อะไรบา้ ง__________________________________________
______________________________________________________________________________________
39. การแบง่ ชนิดของเมฆตามรปู รา่ ง แบ่งออกไดเ้ ป็นกช่ี นิด อะไรบา้ ง___________________________________
______________________________________________________________________________________
40. เซอรร์ สั มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร_____________________________________________________________
41. สเตรตสั มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร____________________________________________________________
42. ควิ มลู สั มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร_____________________________________________________________

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |17| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

43. การแบง่ ชนดิ ของเมฆตามระดบั ความสงู แบ่งไดก้ ช่ี นั้ อะไรบา้ ง_____________________________________
44. เมฆทอ่ี ยใู่ นระดบั สงู สดุ จะมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร________________________________________________
45. จงยกตวั อยา่ งของเมฆชนั้ สงู ______________________________________________________________
46. ขอ้ สงั เกตงา่ ยๆ ในการระบวุ า่ เป็นเมฆชนั้ สงู หรอื เปลา่ คอื อะไร_____________________________________
47. ขอ้ สงั เกตงา่ ยๆ ในการระบุวา่ เป็นเมฆชนั้ กลางหรอื เปลา่ คอื อะไร___________________________________
48. จงยกตวั อยา่ งของเมฆชนั้ กลาง____________________________________________________________
49. จงยกตวั อยา่ งของเมฆชนั้ ต่า______________________________________________________________
50. เมฆทก่ี อ่ ตวั ในแนวตงั้ มลี กั ษณะอยา่ งไร______________________________________________________
51. เมฆทก่ี อ่ ตวั ในแนวตงั้ ไดแ้ ต่เมฆชนดิ ใด______________________________________________________
52. เมฆทอ่ี ยเู่ หนือชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง และอยใู่ นชนั้ บรรยากาศใด___________________
______________________________________________________________________________________
53. คอนเทรล เกดิ จากอะไร มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร_________________________________________________
______________________________________________________________________________________
54. เมฆชนิดใดทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดจ้ ากทงั้ ระเบดิ นิวเคลยี รแ์ ละภเู ขาไฟ________________________________________
55. เมฆชนดิ ใดมกั พบตามบรเิ วณภเู ขาสงู _______________________________________________________
56. เพราะเหตใุ ด อากาศทล่ี อยตวั สงู ขน้ึ จงึ มปี รมิ าตรเพมิ่ ขน้ึ __________________________________________
57. ในชว่ งแรกทอ่ี ากาศลอยตวั ขน้ึ จะมกี ารเปลย่ี นแปลงอณุ หภมู เิ ป็นอยา่ งไร_____________________________
______________________________________________________________________________________
58. เพราะเหตใุ ด อากาศทล่ี อยตวั อยจู่ งึ หยดุ ลอยตวั ________________________________________________
59. เพราะเหตุใด อากาศทห่ี ยดุ ลอยตวั จงึ มสี ภาพอม่ิ ตวั ดว้ ยไอน้า______________________________________
60. ระดบั ความสงู ทอ่ี ากาศหยุดลอยตวั เรยี กวา่ อะไร________________________________________________
61. หากอากาศลอยตวั สงู ขน้ึ ไปอกี จะมอี ตั ราการเปลย่ี นแปลงของอุณหภมู เิ ป็นเทา่ ไร________________________
62. กระบวนการทอ่ี ากาศลอยตวั เรยี กวา่ อะไร____________________________________________________
63. หากยงั มกี ารลดลงของอณุ หภมู ภิ ายในกลมุ่ อากาศทห่ี ยดุ ลอยตวั แลว้ จะเกดิ อะไรขน้ึ _____________________
64. จดุ น้าคา้ ง คอื อะไร_____________________________________________________________________
65. อนุภาคแกนกลางการควบแน่น คอื อะไร______________________________________________________
66. ปจั จยั ทท่ี าใหเ้ กดิ การยกตวั ของกลมุ่ อากาศมอี ะไรบา้ ง___________________________________________
______________________________________________________________________________________
67. ดวงอาทติ ยส์ ง่ ผลต่อการลอยตวั ของอากาศไดอ้ ยา่ งไร____________________________________________
______________________________________________________________________________________
68. เมฆทอ่ี ยบู่ นภเู ขาเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร_________________________________________________________
69. เขตเงาฝนเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร______________________________________________________________
70. แรงผลกั ดนั ใหอ้ ากาศลอยตวั สงู ขน้ึ เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร____________________________________________

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |18| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

71. แนวปะทะอากาศเกดิ จากอะไร_____________________________________________________________
72. มวลอากาศ คอื อะไร____________________________________________________________________
73. มวลอากาศแบ่งออกไดเ้ ป็นกช่ี นดิ อะไรบา้ ง___________________________________________________
74. แนวปะทะอากาศมขี นาดประมาณเทา่ ไร_____________________________________________________
75. แนวปะทะอากาศมกี ป่ี ระเภท อะไรบา้ ง______________________________________________________
76. แนวปะทะอากาศอนุ่ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร___________________________________________________
77. แนวปะทะอากาศเยน็ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร___________________________________________________
78. แนวปะทะอากาศรวม มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร__________________________________________________
79. แนวปะทะอากาศคงท่ี มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร__________________________________________________
80. เสถยี รภาพของอากาศ หมายถงึ อะไร_______________________________________________________
81. ลกั ษณะของอากาศมเี สถยี รภาพเป็นอยา่ งไร__________________________________________________
______________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________
82. อากาศมเี สถยี รภาพจะพบไดใ้ นชว่ งเวลาใด___________________________________________________
83. ลกั ษณะของอากาศทไ่ี มม่ เี สถยี รภาพเป็นอยา่ งไร_______________________________________________
______________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________
84. อากาศทไ่ี มม่ เี สถยี รภาพจะพบไดใ้ นชว่ งเวลาใด________________________________________________
85. อปุ กรณ์ทม่ี ไี วใ้ ชต้ รวจวดั เสถยี รภาพของอากาศคอื อะไร__________________________________________

ตอนท่ี 4 ข้อ 86 - 125 จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องท่ีสดุ

86. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ เมฆไมถ่ กู ตอ้ ง

1. เมฆเกดิ จากการควบแน่นของไอน้า

2. เมฆทกุ ชนดิ กอ่ ใหเ้ กดิ ฝนตก

3. เมฆแบ่งไดห้ ลายชนดิ ทงั้ ตามรปู รา่ งและระดบั ความสงู

4. มเี มฆบางชนิดทอ่ี ยนู่ อกชนั้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์

87. ขอ้ ใดไมใ่ ชช่ อ่ื เรยี กรปู รา่ งของเมฆ

1. สเตรตสั 2. ควิ มลู สั 3. เซอรร์ สั 4. นิมบสั

88. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นหยาดน้าฟ้า

1. ฝน 2. ลกู เหบ็ 3. หมิ ะ 4. ไอน้า

89. เมฆทล่ี อยอยใู่ นระดบั สงู ประกอบดว้ ยเกลด็ น้าแขง็ มลี กั ษณะเป็นรว้ิ ๆ คอื เมฆชนิดใด

1. เซอรร์ สั 2. เซอรโ์ รควิ มลู สั 3. นมิ โบสเตรตสั 4. ควิ มโู ลนมิ บสั

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |19| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

90. เมฆทม่ี ลี กั ษณะเป็นกอ้ น ลอยอยทู่ ค่ี วามสงู ประมาณ 3,500 เมตร จดั เป็นเมฆชนิดใด

1. ควิ มลู สั 2. อลั โตควิ มลู สั 3. อลั โตสเตรตสั 4. สเตรโตควิ มลู สั

91. เมฆชนดิ ใดทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ พายฝุ น

1. นมิ โบสเตรตสั 2. ควิ มโู ลนิมบสั 3. เซอรโ์ รสเตรตสั 4. ถกู ทงั้ 1. และ 2.

92. เมฆชนดิ ใดทก่ี อ่ ตวั ในทางตงั้ สงู ขน้ึ ไปไดห้ ลายกโิ ลเมตร

1. สเตรตสั 2. นมิ โบสเตรตสั 3. เซอรโ์ รสเตรตสั 4. ควิ มโู ลนมิ บสั

93. เมฆเกอื บทุกชนิดจะลอยอยใู่ นชนั้ บรรยากาศใด

1. โทรโพสเฟียร์ 2. สตราโตสเฟียร์ 3. มโี ซสเฟียร์ 4. เทอรโ์ มสเฟียร์

94. จากขอ้ 93. เมฆชนิดใดทอ่ี ยนู่ อกเหนือชนั้ บรรยากาศดงั กลา่ ว

1. เมฆมกุ 2. เมฆสกุ ใส 3. คอนเทรล 4. ถกู ทงั้ 1. และ 2.

95. สม้ สงั เกตเหน็ เมฆกอ้ นหน่ึง มลี กั ษณะเป็นแผน่ เรยี งกนั เป็นชนั้ ๆ คาดว่าอยสู่ งู จากพน้ื ประมาณ x เมตร เมอ่ื เวลา

ผา่ นไป เมฆกอ้ นน้ีจะมรี ะยะเชงิ มมุ เปลย่ี นไป 30 องศา เมฆกอ้ นน้จี ะอยหู่ า่ งจากจุดทเ่ี รมิ่ สงั เกตเป็นระยะทางขนาน

กบั ผวิ โลกประมาณ 1,800 เมตร คา่ x ทส่ี ม้ ประมาณไว้ มคี า่ เทา่ ไร และเมฆทส่ี ม้ สงั เกตเหน็ คอื เมฆชนิดใด

1. 1,030 เมตร, สเตรตสั 2. 2,060 เมตร, นมิ โบสเตรตสั

3. 3,100 เมตร, อลั โตสเตรตสั 4. 5,400 เมตร, เซอรโ์ รสเตรตสั

96. คอนเทรลเกดิ ขน้ึ จากสาเหตใุ ด

1. ไอน้าจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่ ปะทะกบั อากาศเยน็ ภายนอก

2. ไอน้าจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่ ปะทะกบั อากาศรอ้ นภายนอก

3. เครอ่ื งบนิ ไอพน่ บนิ เสยี ดสกี บั อากาศภายนอก

4. ควนั ทอ่ี อกมาจากเครอ่ื งบนิ ไอพน่

97. เมฆชนดิ ใดมกั พบบรเิ วณยอดเขาสงู เกดิ จากการยกตวั ของอากาศเมอ่ื ชนกบั ภเู ขา

1. เมฆรปู เหด็ 2. เมฆรปู จานบนิ 3. เมฆลกู คลน่ื 4. แมมมาทสั

98. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั กลไกการยกตวั ของอากาศ

1. โลกไดร้ บั ความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์ ทาใหอ้ ากาศรอ้ นยกตวั สงู ขน้ึ

2. ขณะทอ่ี ากาศรอ้ นยกตวั สงู ขน้ึ จะคายความรอ้ นไปดว้ ย เมอ่ื อณุ หภมู ลิ ดลงถงึ จุดๆ หน่งึ กจ็ ะหยดุ ยกตวั

3. ถา้ เมฆยกตวั ถงึ ระดบั การควบแน่นแลว้ แต่อณุ หภมู ยิ งั สงู เกนิ ไป กจ็ ะยกตวั ขน้ึ ต่อไป

4. ถกู ทกุ ขอ้

99. ถา้ หากอณุ หภมู ขิ องอากาศลดลงต่ากว่าอณุ หภมู ขิ องสงิ่ แวดลอ้ ม จะเกดิ อะไรขน้ึ

1. กลมุ่ อากาศจะยกตวั ตอ่ ไป 2. กลุม่ อากาศจะลอยหยดุ กบั ท่ี

3. กล่มุ อากาศจะจมตวั ลง 4. กลมุ่ อากาศจะสลายไป

100. ขอ้ ใดเป็นผลผลติ ทไ่ี ดจ้ ากการควบแน่นของไอน้า

1. ละอองน้า 2. หยดน้า 3. เกลด็ น้าแขง็ 4. ถกู ทกุ ขอ้

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |20| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพม่ิ เตมิ

101. อนุภาคแกนกลางการควบแน่นไดม้ าจากสงิ่ ใด

1. เถา้ ภเู ขาไฟ 2. เกสรดอกไม้ 3. เขมา่ ควนั 4. ถกู ทกุ ขอ้

102. ทร่ี ะดบั การควบแน่น กลมุ่ อากาศจะมอี ณุ หภมู ลิ ดต่าลงจนเทา่ กบั อณุ หภมู ขิ องสงิ่ แวดลอ้ ม อณุ หภมู ดิ งั กลา่ วมี

ชอ่ื เรยี กว่าอะไร

1. จุดน้าคา้ ง 2. จดุ น้าคา้ งแขง็ 3. จุดการควบแน่น 4. จดุ เปลย่ี นสถานะ

103. ขอ้ ใดเรยี งลาดบั ขนาดของอนุภาคทเ่ี กดิ ระหว่างการควบแน่นจากเลก็ ไปหาใหญ่ไดถ้ กู ตอ้ ง

1. ละอองลอย หยดน้าฝน ละอองน้า 2. ละอองลอย ละอองน้า หยดน้าฝน

3. ละอองน้า ละอองลอย หยดน้าฝน 4. หยดน้าฝน ละอองลอย ละอองน้า

104. ขอ้ ใดเป็นปจั จยั ทท่ี าใหล้ ะอองน้าในเมฆเกดิ การเปลย่ี นแปลงขนาดได้

1. การควบแน่นซา้ หลายครงั้ 2. การชนกนั บ่อยครงั้

3. ความปนั่ ปว่ นของกระแสลม 4. ถกู ทกุ ขอ้

105. แรงชนดิ ใดเป็นปจั จยั ทท่ี าใหล้ ะอองน้าลอยตวั หรอื ตกลงมาเป็นฝน

1. แรงโน้มถ่วง 2. แรงลอยตวั 3. แรงเสยี ดทาน 4. ถกู ทงั้ 1. และ 2.

106. การกระทาระหวา่ งแรงเป็นแบบใดทท่ี าใหเ้ กดิ ฝนตก

1. แรงโน้มถ่วงมากกวา่ แรงลอยตวั 2. แรงลอยตวั มากกวา่ แรงโนม้ ถว่ ง

3. แรงลอยตวั มากกว่าแรงเสยี ดทาน 4. แรงโน้มถว่ งน้อยกวา่ แรงเสยี ดทาน
107. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นปจั จยั การยกตวั ของกล่มุ อากาศ

1. ความรอ้ น 2. แมน่ ้า 3. ภเู ขาสงู 4. การปะทะของลม

108. บรเิ วณดา้ นหลงั ของภเู ขาทม่ี กี ารปะทะกบั กระแสลมจะมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. มฝี นตกหนกั แตไ่ มบ่ ่อย 2. มฝี นตกไมห่ นัก แตต่ กบ่อยมาก

3. มฝี นน้อยมาก 4. มอี ากาศแปรปรวน มพี ายขุ นาดใหญ่

109. จากขอ้ 108. บรเิ วณดงั กลา่ วมชี อ่ื เรยี กวา่ อะไร

1. เขตหลงั เขา 2. เขตเงาฝน 3. เขตสลาลม 4. เขตตน้ น้าใส

110. เมฆชนิดใดทม่ี กั พบเหน็ คกู่ บั การยกตวั ของกลมุ่ อากาศโดยการเปลย่ี นแปลงภมู ปิ ระเทศ

1. แมมมาทสั 2. สเตรโตควิ มลู สั 3. เมฆรปู เลนส์ 4. เมฆมกุ

111. ตามปกตแิ ลว้ เมอ่ื อากาศอนุ่ กบั แนวอากาศเยน็ เขา้ มาปะทะกนั จะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศอนุ่ อยเู่ หนอื อากาศเยน็ 2. อากาศเยน็ อยเู่ หนืออากาศอนุ่

3. ไมม่ อี ากาศชนิดใดกนิ กนั ลง 4. สรปุ ไมไ่ ด้

112. แนวปะทะอากาศหมายถงึ สว่ นใดของมวลอากาศ

1. มวลอากาศเยน็ 2. มวลอากาศอนุ่ 3. รอยต่อของมวลอากาศ 4. ถกู ทงั้ 1. และ 2.

113. โดยสว่ นใหญแ่ ลว้ แนวปะทะอากาศจะมคี วามกวา้ งอยใู่ นชว่ งใด

1. 15 - 60 กโิ ลเมตร 2. 60 - 150 กโิ ลเมตร 3. 150 - 400 กโิ ลเมตร 4. 400 - 2,000 กโิ ลเมตร

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรือคดั ลอกบทความไปใช้โดยมิได้รบั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |21| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพมิ่ เตมิ

114. แนวปะทะอากาศอนุ่ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศรอ้ นเคลอ่ื นทไ่ี ปแทนอากาศเยน็ 2. อากาศเยน็ เคล่อื นทไ่ี ปแทนอากาศรอ้ น

3. อากาศเยน็ ปะทะกนั และแทนทอ่ี ากาศรอ้ น 4. อากาศรอ้ นเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ หาอากาศเยน็

115. ผลทไ่ี ดจ้ ากแนวปะทะอากาศอนุ่ จะเป็นอยา่ งไร

1. ฝนตกแรง แตไ่ มน่ าน 2. ฝนตกไมแ่ รง แต่นาน

3. ฝนตกแรง และนาน 4. ฝนตกไมแ่ รง และไมน่ าน

116. แนวปะทะอากาศเยน็ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศรอ้ นเคลอ่ื นทไ่ี ปแทนอากาศเยน็ 2. อากาศเยน็ เคล่อื นทไ่ี ปแทนอากาศรอ้ น

3. อากาศเยน็ ปะทะกนั และแทนทอ่ี ากาศรอ้ น 4. อากาศรอ้ นเคล่อื นทเ่ี ขา้ หาอากาศเยน็

117. ผลทไ่ี ดจ้ ากแนวปะทะอากาศเยน็ จะเป็นอยา่ งไร 3. ฝนแลง้ 4. ฝนหลงฤดู
1. พายฝุ นฟ้าคะนอง 2. พายหุ มิ ะ

118. แนวปะทะอากาศรวมมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศรอ้ นเคลอ่ื นทไ่ี ปแทนอากาศเยน็ 2. อากาศเยน็ เคลอ่ื นทไ่ี ปแทนอากาศรอ้ น

3. อากาศเยน็ ปะทะกนั และแทนทอ่ี ากาศรอ้ น 4. อากาศรอ้ นเคล่อื นทเ่ี ขา้ หาอากาศเยน็

119. ผลทไ่ี ดจ้ ากแนวปะทะอากาศรวม จะเป็นอยา่ งไร

1. อากาศสงบ 2. ฝนตกพราๆ 3. พายฝุ น 4. พายหุ มิ ะ

120. เพราะเหตุใด จงึ เกดิ สมดลุ กนั ระหว่างมวลในแนวปะทะอากาศคงท่ี

1. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั มขี นาดเทา่ กนั 2. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั เป็นชนิดเดยี วกนั

3. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั มแี รงผลกั เทา่ กนั 4. มวลอากาศทม่ี าปะทะกนั มจี านวนประจเุ ทา่ กนั

121. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นชนดิ ของมวลอากาศ

1. มวลอากาศเยน็ 2. มวลอากาศอนุ่ 3. มวลอากาศรอ้ น 4. ถกู ทงั้ 1. และ 2.

122. อากาศทม่ี เี สถยี รภาพ จะมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

1. ทอ้ งฟ้าแจ่มใส 2. มเี มฆมาก 3. มพี ายุ 4. ถกู ทงั้ 2. และ 3.

123. เสถยี รภาพของอากาศจะสง่ ผลตอ่ การเคลอ่ื นทข่ี องอากาศในรปู แบบใด

1. การปะทะกนั 2. การเคล่อื นทใ่ี นแนวราบ

3. การเคลอ่ื นทใ่ี นแนวดง่ิ 4. ถกู ทงั้ 2. และ 3.

124. มโี อกาสพบอากาศทไ่ี ม่มเี สถยี รภาพในชว่ งเวลาใดมากทส่ี ดุ

1. ตอนบา่ ยๆ ของเดอื นพฤษภาคม 2. ตอนเชา้ ๆ ของเดอื นพฤศจกิ ายน

3. ตอนหวั ค่าของเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 4. กลางดกึ ของเดอื นสงิ หาคม

125. อปุ กรณ์ตรวจวดั เสถยี รภาพของอากาศ มชี อ่ื ว่าอะไร

1. บอลลกู ตรวจวดั สภาพอากาศ 2. บอลลนู หยงั่ อากาศ

3. เครอ่ื งสเปกโตรโฟโตมเิ ตอร์ 4. เครอ่ื งเรง่ อนุภาคอากาศ

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรอื ลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต

GEOBAMBOO พแ่ี บมบู - อนพชั มมี งั่ คงั่ |22| วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระเพมิ่ เตมิ

บรรณานุกรม

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี 2554. หนงั สอื สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ โลก ดาราศาสตร์
และอวกาศ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ รุ สุ ภา
ลาดพรา้ ว.

วรี ะศกั ดิ ์อดุ มโชค สาขาเทคโนโลยพี น้ื พภิ พ ภาควชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื พภิ พ คณะวทิ ยาศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ 2552. อตุ นุ ยิ มวทิ ยาทวั่ ไป. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ.

www.wikipedia.org
www.lesa.biz

“สิ่งท่ีเราต้องการมากท่ีสดุ มกั ต้องแลกด้วยสิ่งที่มคี ่ามากที่สดุ เสมอ...”

© 2011 All Rights Reserved. www.Edu-deo.com
สงวนลิขสิทธ์ิโดย www.Edu-deo.com ห้ามผใู้ ดทาซา้ หรือลอกเลียนแบบ หรอื คดั ลอกบทความไปใช้โดยมิไดร้ บั อนุญาต


Click to View FlipBook Version