The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by em_adiwach_p, 2022-06-14 23:41:49

LANNA-SUITE Program note

LANNA-SUITE

Keywords: Lanna Suite,Flexible Ensemble

การแสดงดนตรี “ล้านนาสวีท”

ประพันธ์โดย

อดิวัชร์ พนาพงศ์ไพศาล



“LANNA SUITE”

Composed by

ADIWACH PANAPONGPAISARN









บรรเลงโดย
วงดุริยางค์เครื่องลมแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


ผู้อำนวยเพลง
ดร.นิพัต กาญจนะหุต
สุรพล ธัญญวิบูลย์





ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
พศ. 2563 

“ L a n n a S u i t e ล้ า น น า ส วี ท "

Program

ล้านนาสวีท

I. สร้อยเวียงพิงค์
II. สาวไหม
III. แห่เมือง
IV. น้อยไจยา
V. รำวงบ่าเก่า
VI. เสเลเมา
VII. ฤาษีหลงถ้ำ
VII. ล่องแม่ปิง

คำอธิบายเพลง

ล้านนาสวีท

บทประพันธ์เพลง “ล้านนาสวีท” บทประพันธ์เพลงชุด
สำหรับวงเฟล็กซิเบิลอองซอมเบิล (Flexible Ensemble)

ที่ใช้ทำนองเพลงพื้ นบ้านล้านนาเป็ นวัตถุดิบผสมผสาน
กับแนวคิดเทคนิคการประพั นธ์ดนตรีตะวันตกที่หลากหลาย

บทประพั นธ์เพลงชุดนี้ ประกอบไปด้วย 8 ท่อนเพลง ดังนี้



I. สร้อยเวียงพิงค์
II. สาวไหม
III. แห่เมือง

IV. น้อยไจยา
V. รำวงบ่าเก่า

VI. เสเลเมา
VII. ฤาษีหลงถ้ำ

VII ล่องแม่ปิง



จากท่อนเพลงทั้ง 8 ท่อนมีรูปแบบและลีลาของแต่ละบท
ประพันธ์เพลงที่มีความแตกต่างกัน และมีการสอดสำเนียงของ
ดนตรีพื้นบ้านล้านนาผ่านทำนองหลัก ทำนองรอง เสียงประสาน
รูปแบบและลีลาจังหวะ รวมไปถึงการเลียนสำเนียง การบรรเลง-
เครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนา เพื่อให้ผู้ฟังได้อรรถรสที่หลากหลาย

ซึ่งคงไว้ด้วยเอกลักษณ์ทางดนตรีล้านนา

I. สร้อยเวียงพิงค์



สร้อยเวียงพิงค์เป็นทำนองเพลงโบราณไม่ปรากฏนามผู้แต่ง
ทำนองเพลงนี้มีลีลาอ่อนช้อยสวยงาม นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกที่หลากหลาย

ตามแต่ละท้องถิ่น อาทิ มอญดำ รอบเวียง เตียวดง เป็นต้น
ท่อนเพลงนี้ใช้ทำนองสร้อยเวียงพิงค์เป็นวัตถุดิบในการสร้างทำนองและ

จังหวะของท่อนเพลงด้วยวิธีการที่หลากหลาย ประกอบไปด้วย
การใช้ทำนองดั้งเดิมอย่างตรงไปตรงมาการประดับตกแต่งทำนอง
การแปรทำนอง การพัฒนาโมทีฟทำนองสร้อยเวียงพิงค์ เป็นต้น
เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของท่อนเพลงอันเกิดมาจาก
ทำนองดั้งเดิม โดยระหว่างดำเนินดนตรีใช้เสียงประสานแบบกระด้าง
และการเปลี่ยนกุญแจเสียงเพื่อสร้างสีสันใหม่เกิดความน่าสนใจแก่ท่อนเพลง

II. สาวไหม



สาวไหม หรือปั่ นฝ้าย ประพันธ์ทำนองท่อนที่ 1 โดยพ่อครูไชยลังกา เครือเสน
และท่อนที่ 2 โดยเจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ ใช้ประกอบการฟ้อนสาวไหม

ที่ปรับปรุงโดยวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ท่อนนี้ใช้ทำนองสาวไหมเป็นวัตถุดิบหลัก
ช่วงต้นของท่อนเพลงนำเสนอทำนองสาวไหมอย่างตรงไปตรงมา
โดยมีทำนองสอดประสานบรรเลงล้อเลียนไปกับทำนองหลัก

ช่วงกลางนำเสนอแนวคิดการเลียนสำเนียงการบรรเลงหล่าเจ่หรือแคนน้ำเต้า
ของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าผสมผสานทำนองหลักที่พัฒนาทำนองจากโมทีฟทำนองสาวไหม

ทำให้เกิดบรรยากาศของท่อนเพลงที่มีความแปลกใหม่แต่ยังคงทำนอง
ที่มีความสัมพันธ์กับทำนองดั้งเดิม ช่วงท้ายของท่อนเป็นการกลับมาของทำนองหลัก

โดยการซ้อนประโยคเพลง มีการใช้ทำนองสีสันช่วงท้าย
และจบด้วยการบรรเลงทำนองหลัก

III. แห่เมือง



แห่เมืองหรือเชียงแสนหลวงเป็นทำนองเพลงโบราณไม่ปรากฏนามผู้แต่ง
นิยมใช้บรรเลงประกอบการฟ้อนเล็บในวัฒนธรรมดนตรีล้านนาเชียงราย
ท่อนนี้ใช้ทำนองแห่เมืองเป็นวัตถุดิบหลักที่มีการปรับลักษณะจังหวะอย่างอิสระ
ในการประพันธ์ทำนองหลัก มีการใช้โมทีฟจากทำนองดั้งเดิมมาพัฒนา

เป็นองค์ประกอบต่าง ๆ ของท่อนเพลง มีการประพันธ์ทำนองรอง
ที่มีความพลิ้วไหวสอดรับกับทำนองหลัก และมีการประยุกต์ใช้หน้าทับพื้นเมือง

ในแนวเครื่องกระทบเพื่อเลียนสำเนียงและลักษณะจังหวะที่มีเอกลักษณ์
ของดนตรีพื้นบ้านล้านนา โดยระหว่างดำเนินดนตรีของท่อนเพลงนี้
มีเปลี่ยนสีสันเสียงจากการกระจายทำนองไปยังแนวเสียงต่าง ๆ
และเปลี่ยนกุญแจเสียงอย่างรวดเร็วสร้างบรรยากาศเสมือน

กำลังรับชมขบวนแห่ ขบวนฟ้อนเล็บหลากหลายขบวนในประเพณีล้านนา



IV. น้อยไจยา



น้อยไจยา หรือทำนองซอพระลอในพื้นที่วัฒนธรรมดนตรีล้านนาน่าน-แพร่
ประพันธ์บทโดยท้าวสุนทรพจนกิจ เพื่อประกอบพระนิพนธ์ละครของพระราชชายา
เจ้าดารารัศมี เรื่อง “น้อยไจยา” ท่อนเพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบทซอโต้ตอบกัน

ระหว่างตัวละครน้อยไจยา และ นางแว่นแก้ว ท่อนนี้มีอัตราจังหวะช้า
นำเสนอทำนองหลักที่คงความงดงามอ่อนช้อยของทำนองดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน

มีการกระจายทำนองไปยังแนวเสียงต่าง ๆ ได้บรรเลงเพื่อสร้างบรรยากาศ
เสมือนการซอโต้ตอบกันของตัวละคร มีการประพันธ์ทำนองสอดประสานบรรเลง
ควบคู่ไปกับทำนองหลัก อีกทั้งใช้การดำเนินคอร์ดแบบออมนิบัสร่วมกับการใช้ซีเควนซ์

ในการเปลี่ยนกุญแจเสียงอย่างนุ่มนวลให้ความละมุนกลมกล่อม
และเพิ่มความน่าสนใจในการดำเนินดนตรีของท่อนเพลงนี้

V. รำวงบ่าเก่า



เพลงรำวงบ่าเก่า หรือเพลงรำวงแม่ปิง เป็นเพลงรำวงแบบพื้นเมือง
ที่ได้รับความนิยมในช่วงสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี

ท่อนนี้ใช้ทำนองรำวงบ่าเก่าเป็นวัตถุดิบหลักในการประพันธ์เพลง
ผนวกกับแนวคิดในการทำให้ท่อนเพลงมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ด้วยการนำทำนองดั้งเดิมมาแตกทำนองและปรับลักษณะจังหวะอย่างอิสระ

ผสมผสานกับการพัฒนาทำนองด้วยวิธีการที่หลากหลาย อาทิ
การปรับทำนอง การถอยหลังทำนอง และการเปลี่ยนโมดบนพื้นฐาน

ของบันไดเสียงเพนตาโทนิก เป็นต้น
ท่อนนี้นำเสนอด้วยลีลาแบบสแกร์ตโซ (Scherzo) ที่ให้ความกระฉับกระเฉงสนุกสนาน

มีการเปลี่ยนแนวเสียงที่บรรเลงทำนองหลักและเนื้อดนตรีอย่างรวดเร็ว
สร้างสีสันของดนตรีที่น่าสนใจ



VI. เสเลเมา

เสเลเมาประพันธ์ทำนองโดยครูรอด อักษรทับ จากการถอดเค้าทำนองซอล้านนา

ที่เรียกว่า ทำนองเงี้ยว โดยทำนองเพลงนี้มีลีลาที่สนุกสนาน
นิยมใช้ในการบรรเลงของวงดนตรีล้านนากันอย่างแพร่หลาย
ท่อนนี้นำเสนอทำนองเสเลเมาอย่างตรงไปตรงมาด้วยลีลาแบบมาร์ช (March)
ผสมผสานการพัฒนาทำนองด้วยการถอยหลังและการย่อส่วนทำนองเสเลาเมา
เกิดเป็นทำนองหลักช่วงกลางของท่อนเพลงที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับทำนองดั้งเดิม
อีกทั้งมีการประพันธ์ทำนองรองและทำนองสอดประสานเพิ่มเติม

เพื่อสร้างสีสันของดนตรีให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

VII. ฤาษีหลงถ้ำ



ฤาษีหลงถ้ำเป็นทำนองเพลงโบราณไม่ปรากฏนามผู้แต่ง
ทำนองเพลงนี้มีความไพเราะงดงาม จากเรื่องเล่ามุขปาฐะมีการกล่าวถึงทำนองเพลงนี้

ว่า เมื่อพระฤาษีได้ฟังเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะก็หลงทางจนกลับถ้ำไม่ได้
ท่อนเพลงนี้ใช้ทำนองฤาษีหลงถ้ำเป็นวัตถุดิบหลักในการประพันธ์เพลง

เริ่มด้วยการนำเสนอทำนองหลักจากโมทีฟทำนองฤาษีหลงถ้ำด้วยการกระจายทำนอง
ให้แนวเสียงต่าง ๆ ได้บรรเลงสร้างบรรยากาศของเสียงทำนองเพลงที่สะท้อนในถ้ำ

ตามด้วยการนำเสนอทำนองฤาษีหลงถ้ำอย่างเต็มรูปแบบ
ช่วงที่สองนำเสนอทำนองหลักที่พัฒนาด้วยการปรับทำนองโดยใช้บันไดเสียง

รูปแบบต่าง ๆ ผสมผสานการปรับลักษณะจังหวะอย่างอิสระ
และใช้เสียงประสานแบบกระด้าง จำลองเหตุการณ์การหาหนทางทางกลับถ้ำ
ของพระฤาษี โดยเสียงประสานแบบกระด้างเป็นเหมือนตัวแทนของอุปสรรค
ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ช่วงท้ายของท่อนเป็นการกลับมาของทำนองฤาษีหลงถ้ำ

อย่างเต็มรูปแบบที่สอดแทรกทำนองสอดประสานที่พริ้วไหว
เสมือนพระฤาษีได้ใช้ สติปัญหาทางกลับถ้ำได้สำเร็จ



VIII. ล่อ
งแม่ปิง



ล่องแม่ปิงเป็นทำนองเพลงโบราณไม่ปรากฏนามผู้แต่ง
ทำนองเพลงนี้มีลีลาอ่อนช้อยพลิ้วไหวเหมือนการไหลของกระแสของแม่น้ำปิง
ท่อนนี้ใช้ทำนองล่องแม่ปิงเป็นวัตถุดิบหลักในการประพันธ์เพลง ช่วงนำของท่อนนี้นำเสนอ

ทำนองหลักจากการพัฒนาโมทีฟทำนองล่องแม่ปิงด้วยลีลาแบบแฟนแฟร์
ต่อมาเป็นการนำเสนอทำนองล่องแม่ปิงอย่างตรงไปตรงมาตามด้วยการแปรทำนอง
ในลักษณะต่าง ๆ ด้วยลีลาที่หลากหลายแตกต่างกันในแต่ละตอน สร้างสีสันของดนตรี
ที่น่าสนใจให้แก่ท่อนเพลง มีการพัฒนาโมทีฟจากทำนองล่องแม่ปิงในการประพันธ์
ช่วงเชื่อมทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับทำนองหลัก อีกทั้งแนวเครื่องกระทบ

มีการประยุกต์ใช้หน้าทับพื้นเมือง และลีลาการตีกลองสะบัดชัย
เพื่อเลียนสำเนียงของดนตรีพื้นบ้านล้านนา

วงดุริยางค์เครื่องลมแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
KASETSART UNIVERSITY WIND SYMPHONY

ในปีพุทธศักราช 2524 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ประกาศก่อตั้งภาควิชา ศิลปนิเทศ
อย่างเป็นทางการโดยเป็นภาควิชาที่เปิดสอนทางด้านสาขาวิชาดนตรีตะวันตก สาขาดนตรีไทย
และสาขาสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นภาควิชาหนึ่งของคณะมนุษยศาสตร์ ทางสาขาวิชาดนตรีตะวันตก

ได้พยายามพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมภายในเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพแก่นิสิตโดยจัดให้มี
กิจกรรมแสดงดนตรีในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการแสดงศิลปนิเทศคอนเสิร์ต ซึ่งเป็นกิจกรรม

ต่อเนื่อง ทุก ๆ ปี ในการแสดงช่วงปีแรก ๆ ที่ผ่านมาจะเป็นการรวมวงเฉพาะกิจสำหรับ
แต่ละคอนเสิร์ตบางครั้งต้องไปเชิญนักดนตรีภายนอกมาร่วมบรรเลง

ในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการปรับระเบียบการรับนิสิตเข้าเรียนเพิ่มมากขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์
ที่จะจัดตั้งวงSYMPHONIC BAND ให้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ต่อมาใน ปีพุทธศักราช 2540

โดยดำริของ ศาสตราจารย์ ดร. ธีระ สูตบุตร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ กมลา นาคะศิริ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ และรองศาสตราจารย์
ดร.ธวัชชัย นาควงษ์ หัวหน้าภาควิชาศิลปะนิเทศในสมัยนั้น ได้ก่อตั้งวงดุริยางค์แห่งมหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ขึ้น ภายใต้การกำกับดูแลของ ภาควิชาศิลปนิเทศ คณะมนุษยศาสตร์โดยใช้ชื่อว่า

KASETSART UNIVERSITY SYMPHONIC BAND
ซึ่งนับว่าเป็นวง SYMPHONIC BAND ในระดับมหาวิทยาลัยวงแรก ๆ ของเมืองไทยเริ่มต้นด้วย
การรวบรวมนิสิตสาขาวิชาเอกดนตรีตะวันตก และนิสิตที่มีประสบการณและมีใจรักในวงดนตรี
ประเภทนี้ จัดตั้งเป็นวงโดยมีสมาชิกประมาณ 35 คน ภายหลังจากวงฯได้มีการพัฒนาขึ้นเป็น

ลำดับ และมีการรับสมาชิกเพิ่มเติมขึ้น โดยมีการนำเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย
คือ DOUBLE BASS เข้ามาร่วมบรรเลง สมาชิกในวงได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 55 คน

และได้เปลี่ยนชื่อจากวง SYMPHONIC BAND มาเป็น
“KASETSART UNIVERSITY WIND SYMPHONY”

KASETSART UNIVERSITY WIND SYMPHONY (ชื่อย่อว่า K.U. WINDS)
มีความมุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้นิสิตมีความรู้ความสามารถ

และพัฒนาทางด้านดนตรีประเภทนี้ ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล
อันจะเป็นอีกบทบาทหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

วง K.U. WINDS จึงเปรียบเสมือนสื่อทางวัฒนธรรมที่จะแสดงออกถึงเกียรติภูมิ
และศักยภาพของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการทำนุบำรุงและเผยแพร่ด้านศิลปวัฒนธรรม

ทั้งภายในและนานาประเทศสืบไป

ดร. นิพัต
กาญจนะหุต

CONDUCTOR

อาจารย์ดร.นิพัต กาญจนะหุต สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกจาก
University of North Texas โดยเป็นผู้ได้รับทุนการศึกษาจาก University of North
Texas Academic and Graduate Assistantship Tution Scholarship Award

อาจารย์ดร.นิพัต สำเร็จศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับสองจากคณะ
ศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2533

อาจารย์ดร.นิพัต เป็นชาวกระบี่โดยกําเนิด เริ่มการศึกษาดนตรีในระดับมัธยมศึกษา
ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ในระหว่างปี พ.ศ. 2531 - 2538

อาจารย์ดร.นิพัต มีโอกาสบรรเลงร่วมกับวง Bangkok Symphony Orchestra
ในฐานะนักดนตรี Horn และทำงานร่วมกับวาทยกรและนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงหลายท่าน
ในปี พ.ศ. 2533 อาจารย์ดร.นิพัต ผ่านการสอบคัดเลือกให้เข้าร่วมแสดงในงาน 1st ASEAN

Symphonic Band Workshop ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์
และในปีเดียวกัน อาจารย์ดร.นิพัต ได้ผ่านการสอบคัดเลือกให้เข้าร่วมบรรเลงกับวง

Asian Youth Orchestra Music Camp and Concert Tours 1992
ระหว่างศึกษาอยู่ที่ University of North Texas อาจารย์ดร.นิพัต ได้ศึกษาวิชาเอก

การอำนวยเพลงกับ ศาตราจารย์ Eugene Migliaro Corporon
ศาสตราจารย์ Dennis Fisher และ Dr.Nicholas Williams

นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาการอำนวยเพลงให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีของ
College of Music, University of North Texas เป็นวาทยกรรับเชิญในวง North Texas

Wind Symphony วง North Texas Symphonic Band
และวง North Texas Concert Band นอกจากนี้ อาจารย์ดร.นิพัต ยังทำหน้าที่ drill

designer ให้วง The Green Brigade Marching Band ศึกษาการเป่า Horn กับ
Dr.Williams Scharnberg และได้ร่วมบรรเลงกับวง North Texas Wind Symphony

ตลอดช่วงเวลาที่ทำการศึกษาที่ University of North Texas

ในฐานะวาทยกรประจำวง Kasetsart University Wind Symphony
อาจารย์ดร.นิพัต ได้ร่วมงานกับนักดนตรีระดับโลกหลายท่าน อาทิ Dr.Boris Berman
ซึ่งเป็นนักเปียโนและอาจารย์ผู้สอนเปียโนของ Yale University ดร.อินทุอร ศรีกรานนท์

และ Dr.Timothy Thompson จาก University of Arkansas
ในปี พ.ศ. 2554 อาจารย์ดร.นิพัต ได้รับเชิญให้เป็นวาทยกรในวง UCLA Wind Ensemble

ที่นั่น อาจารย์ดร.นิพัต ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนนักศึกษาปริญญาโทด้านการ
อำนวยเพลง และในปีพ.ศ. 2556 - 2557 อาจารย์ดร.นิพัต ได้รับเชิญให้เป็นวาทยกรกำกับวง

Ohio University Wind Symphony
ในระหว่างการศึกษาระดับปริญญาโท และ ปริญญาเอก อ.ดร.นิพัต ได้ทำหน้าที่ assistant
producer ในการบันทึกเสียง CD และ DVD ของ UNT ที่นำออกเผยแพร่ในหลายสำนัก เช่น
Klavier, Mark Records, GIA, และUNT อาจารย์ดร.นิพัต ได้เขียนบทความในสารานุกรม
สำหรับวงดุริยางค์เครื่องลมชุด Teaching Music Through Performance in Band

Vol.10 (2015), Middle School (2015), Vol.11 (2017), และ Vol.12 (2020)
ที่นำเผยแพร่โดยสำนักพิมพ์ GIA อาจารย์ดร. นิพัต ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในการสัมมนาทาง

ด้านวงดุริยางค์เครื่องลม และเป็นกรรมการตัดสินการประกวดดนตรีทั้งระดับประเทศ
และนานาชาติ ของหลายสถาบัน อาทิเช่น WMC 2005, 2009, 2017

(Kerkrade, the Netherlands), WAMSB 2000-2012, กรมพละศึกษา เป็นต้น
ปัจจุบัน ดร.นิพัต กาญจนะหุต ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาควิชาดนตรี
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สุรพล
ธัญญวิบูลย์

CON
DUCTOR

อาจารย์สุรพล เริ่มเล่นดนตรีครั้งแรก ในวงเครื่องสายไทย
ที่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
และร่วมฝึกหัดดนตรีอย่างจริงจัง ในวงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จนสําเร็จ
การศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา และได้ศึกษาต่อทางดนตรี โดยตรงในระดับปริญญาตรี

ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ในเครื่องดนตรีเอกทรอมโบน
(ศิลปศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยม อันดับสอง)

อาจารย์สุรพล มีโอกาสเขาร่วมอบรมด้านวงดุริยางค์เครื่องลมที่
Tenri High School, Nara ณ ประเทศ ญี่ปุ่น กับอาจารย์ Kikuo Atarashi
และที่ Mid-West Band and Orchestra Clinic ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภายหลังได้เป็นอาจารย์ประจําที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เป็นผู้ร่วมก่อตั้งวงดุริยางค์เครื่องลมแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
และวงดุริยางค์เครื่องลมกึ่งอาชีพนนทรีออร์เคสตราวินด์

อาจารย์สุรพล ได้รับเชิญให้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดวงดนตรีทั้งใน
ประเทศและต่างประเทศ อาทิเช่น สิงคโปร์มาเลเชีย ฮ่องกงและสาธารณรัฐประชาชนจีน

และเป็นวิทยากรเผยแพร่ความรู้ด้านวงดุริยางค์เครื่องลมให้กับเยาวชนทั่วประเทศ
ไทยและประเทศสิงคโปร์เป็นประจําทุกปี

ปัจจุบันอาจารย์สุรพล ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำ อยู่ที่ภาควิชาดนตรี คณะ
มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อาจารย์สุรพลยังเป็นที่ปรึกษาให้กับวงดุริยางค์เครื่องลมในประเทศอีก เช่น
วงมิลเลียนวินด์ฟิลฮาร์โมนิค วงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย - Thai Youth Winds

อดิวัชร์

พนาพงศ์ไพศาล

COM
POSER



อดิวัชร์ พนาพงศ์ไพศาล อาจารย์ประจำแขนงวิชาดุริยางศิลป์ โปรแกรมวิชาศิลปกรรมศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์
และผู้ควบคุมวง CRRU Brass Project ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาดนตรี จากวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต
และระดับปริญญาตรี สาขาดนตรีตะวันตก จากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อดิวัชร์เข้าร่วมการอบรมด้านการบรรเลงเครื่องดนตรีทรอมโบน การอำนวยเพลง
และการสอนวงดุริยางค์เครื่องลมจากศิลปินและอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและ

ต่างประเทศมากมาย ด้านการเรียบเรียงเสียงประสานและการประพันธ์เพลง
อดิวัชร์ได้ศึกษาเพิ่มเติมจากผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธ์

และอาจารย์จิณณวัตร มั่นทรัพย์ ผลงานการสร้างสรรค์ทางดนตรีของอดิวัชร์
มีความหลากหลาย ทั้งการอำนวยเพลง การเรียบเรียงเสียงประสาน และการประพันธ์เพลง

นอกเหนือจากงานสอน อดิวัชร์ได้รับเชิญเป็นวิทยากรให้ความรู้ทางด้าน
การปฏิบัติเครื่องลมทองเหลืองและการบรรเลงวงดุริยางค์เครื่องลม
ทั้งในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง และได้ร่วมเป็นกรรมการตัดสิน
การประกวดดนตรีต่าง ๆ ที่จัดขึ้นทั้งในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือ

รายชื่อนักดนตรีและทีมงานบันทึกเสียง

OBOE
นายกรวิชญ์ ยะหะยอ
นางสาวสุดาทิพย์ ทรัพย์สินธุ์
FLUTE
นางสาวชญาดา ชาคริตนิรันดร์ (PICCOLO)
นายปฏิภาณ พูลสวัสดิ์
นายเสฎฐวุฒิ ชื่นรัมย์
CLARINET
ดร.ณัฐพล เบญจธรรมนนท์
นางสาวธรรมพร เมืองจำนงค์
นางสาวภัทรานิษฐ์ มณีวัฒนโรจน์
BASSOON
นายภีมวัจน์ พจนากนกกุล
SAXOPHONE
นายกรวิชญ์ บำรุงศรี
นายธันชลัส สำราญจิตร
นางสาวเบญจวรรณ ต้อมคำ
นางสาววชิราวรรณ ไชยนพวัฒน์
นายอนุรักษ์ พันธุ์วงษ์
TRUMPET
นางสาวฟ้ากมล ลัดดางาม
นายริวยะ ไซโตะ
นายวรรษรักษ์ วีระโพธิ์
นายศิรวิทย์ ปราณพ
นายศุภวันชัย ประกายกิจ
นายฤทธิพร หิรัญภัทรอนันต์
HORN
นางสาวชัชชญา สุวรรณพิทักษ์
นายฐิติภัทร์ ชัยกิมานนท์
นายพีรพัฒน์ หัตถี

รายชื่อนักดนตรีและทีมงานบันทึกเสียง

TROMBONE
นายปฏิญญา โปษยะลักษณ์
นายภคพงศ์ โตพิทักษ์กุล
นายภาสกร พงษ์สะพัง
นายลัทธสิทธิ์ พักตระเกษตริน
EUPHONIUM
นางสาวชวิศา เจริญสุข
นายชวิกร ใจปลื้ม
TUBA
นายฐิติกร มาสูงเนิน
นายธนากร มิตรทอง
นายศิรัณฐ์ อ่อนพร้อม
PERCUSSION
นายกรรชัย นราภรณ์รุ่งโรจน์
นายคีตนันท์ คุ้มมงคล
นายณฐกร ภูสอดสี
นายนพพล พุ่มสุขเจริญ
นายภคพล ลิมปิสุข
RECORDING AND EDITING ENGINEER
อาจารย์ประทีป เจตนากูล
ASSISTANT RECORDING AND EDITING ENGINEER
นางสาวฐานิชา อินเดอร์เซ็นต์
นายเมธาสิทธิ์ ปิติสุริยพงษ์
นายวรพล ดวงแก้ว
PHOTOGRAPHER
นายกันต์ฤทธิ์ สวัสดิสุข
นายกฤตบุญ สวัสดิสุข
COORDINATOR
นางสาวเอกวิไล ปานทอง

** นักดนตรีของ KASETSART UNIVERSITY WIND SYMPHONY
มีความสำคัญเท่ากันทุกคน ลำดับรายชื่อของนักดนตรีเรียงตามตัวอักษรเท่านั้น

มิได้มีการชี้เฉพาะเจาะจงตำแหน่งใดๆ


Click to View FlipBook Version