สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
67(แนว มช) พิจารณาขอ้ มูลในตารางต่อไปน้ี
จุดหลอม การนาไฟฟ้า การ
สาร เหลว (oC) ในสถานะของแขง็ ในสถานะของเหลว ละลายในน้า
A 681 ไมน่ า นา ละลาย
B 1085 นา นา ไมล่ ะลาย
C 192 ไม่นา ไมน่ า ละลาย
สารใดในตารางท่ีกาหนด ควรเป็นสารประกอบไอออนิก
1. A 2 B 3. C 4. A และ B
68(แนว มช) จากสมบตั ิของสารประกอบต่าง ๆ ที่กาหนดให้ สารประกอบใดท่ีมีโครงสร้างเป็นแบบ
โครงข่ายโควาเลนต์ การนาไฟฟ้า การละลายน้า
สารประกอบ จุดหลอมเหลว (oC)
A 3730 นาไฟฟ้าไดเ้ ฉพาะบางทิศทาง ไม่ละลาย
B 838 นาไฟฟ้า ไม่ละลาย
D 2700 ไมน่ าไฟฟ้า ไม่ละลาย
E 1540 นาไฟฟ้า ไมล่ ะลาย
1. A และ E 2. A และ D 3. B และ D 4. B และ E
ข. แนวโน้มของแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาค
โดยปกติแล้ว ธาตุท่ีมีแรงยึดเหน่ียวระหว่างอะตอมเป็ นพนั ธะโลหะจะมีแรงยึดเหน่ียว
มากกว่าแรงยึดเหนี่ยวแบบโครงร่างผลึกตาข่ายของพนั ธะโคเวเลนต์ และมากกว่าแรงยึดเหนี่ยว
ระหวา่ งโมเลกลุ แบบแวนเดอร์วาลส์ ตามลาดบั
และ ในกลุ่มพนั ธะโลหะแรงยดึ เหน่ียว จะมากข้ึนเม่ืออะตอมเลก็ ลง
ในกลุ่มพนั ธะโควาเลนส์โครงร่างผลึกจะมีแรงดึงดูดมากข้ึน เมื่อขนาดอะตอมเลก็ ลง
ในกลุ่มแรงแวนเดอร์วาลน้นั เมื่ออะตอมใหญข่ ้ึนมวลมากข้ึน แรงดึงดูดจะเพม่ิ มากข้ึน
แนวโนม้ แรงแนวโนม้ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาคจึงเป็นดงั น้ี
51
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทที่ 2 พนั ธะเคมี
ค. แนวโน้มของจุดเดือดและจุดหลอมเหลว
โดยทว่ั ไปแลว้ หากแรงดึงดูดระหวา่ งอนุภาคมีค่ามาก ก็จะทาให้จุดเดือดจุดหลอมเหลว มี
คา่ สูงดว้ ย ดงั น้นั แนวโนม้ จุดเดือดจุดหลอมเหลวจึงคลา้ ยแนวโนม้ ของแรงดึงดูดระหวา่ งอนุภาค
69. อะตอมของธาตุ A B C และ D สมมุติดงั ในตารางธาตุ 2
3
I II III IV V VI VII VIII 4
BD
AC
ขอ้ ใดเรียงลาดบั จุดหลอดเหลวจากสูงไปต่าไดถ้ ูกตอ้ ง
1. A > C > B > D 2. A > D > C > B
3. B > A > C > D 4. B > A > D > C
52
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
70. เหตุใดธาตุซิลิคอนจึงมีจุดหลอมเหลวสูงเป็นพิเศษ เม่ือเทียบกบั ธาตุอื่นในคาบเดียวกนั
1. เพราะขนาดอะตอมซิลิกอนมีขนาดเล็กที่สุดในคาบเดียวกนั
2. เพราะแรงดึงดูดระหวา่ งอะตอมซิลิกอนมีขนาดมากที่สุดในคาบเดียวกนั
3. เพราะขนาดอะตอมซิลิกอนมีขนาดใหญท่ ี่สุดในคาบเดียวกนั
4. เพราะซิลิกอนมีโครงสร้างเป็นผลึกตาข่าย
เ ฉ ล ย บ ท ที่ 2 พัน ธ ะ เ ค มี
1. ตอบข้อ 2. 2. ตอบข้อ 4. 3. ตอบข้อ 3. 4. ตอบข้อ 1.
5. ตอบข้อ 1. 6. ตอบข้อ 2. 7. ตอบข้อ 2. 8. ตอบข้อ 3.
9. ตอบข้อ 3. 10. ตอบข้อ 2. 11. ตอบข้อ 3. 12. ตอบข้อ 1.
13. ตอบข้อ 2. 14. ตอบข้อ 3. 15. ตอบข้อ 2. 16. ตอบข้อ 2.
17. ตอบข้อ 4. 18. ตอบข้อ 4. 19. ตอบ 1308 20. ตอบ 3260
21. ตอบ 258 22. ตอบข้อ 3. 23. ตอบข้อ 4. 24. ตอบข้อ 4.
25. ตอบข้อ 2. 26. ตอบข้อ 1. 27. ตอบข้อ 4. 28. ตอบข้อ 4.
29. ตอบข้อ 4. 30. ตอบข้อ 4. 31. ตอบข้อ 3. 32. ตอบข้อ 4.
33. ตอบข้อ 3. 34. ตอบข้อ 4. 35. ตอบข้อ 4. 36. ตอบข้อ 2.
37. ตอบข้อ 3. 38. ตอบข้อ 1. 39. ตอบข้อ 1. 40. ตอบข้อ 4.
41. ตอบข้อ 1. 42. ตอบข้อ 2. 43. ตอบข้อ 2. 44. ตอบข้อ 3.
45. ตอบข้อ 2. 46. ตอบข้อ 2. 47. ตอบข้อ 2. 48. ตอบข้อ 2.
49. ตอบข้อ 2. 50. ตอบข้อ 2. 51. ตอบข้อ 2. 52. ตอบข้อ 2.
53. ตอบข้อ 1. 54. ตอบข้อ 2. 55. ตอบ 428 56. ตอบ 493
57. ตอบ 921 58. ตอบข้อ 3. 59. ตอบข้อ 2. 60. ตอบข้อ 1.
61. ตอบข้อ 1. 62. ตอบข้อ 2. 63. ตอบข้อ 3. 64. ตอบข้อ 2.
65. ตอบข้อ 1. 66. ตอบข้อ 1. 67. ตอบข้อ 1. 68. ตอบข้อ 2.
69. ตอบข้อ 3. 70. ตอบข้อ 4.
53
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทที่ 2 พนั ธะเคมี
ตะลุยโจทย์ท่วั ไป ชุดที่ 1 บทที่ 2 พนั ธะเคมี
1. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเป็นความหมายของพนั ธะเคมี
1. แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอะตอมในโมเลกุล 2. แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุล
3. แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอะตอมแก๊สเฉ่ือย 4. ถูกทุกขอ้
2.1 พนั ธะโคเวเลนต์
2.1.1 การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ xx Z x xo Y
2. จากรูป Y และ Z คือธาตุใด xx x
YZ
1. H Cl
2. O F
3. S H
4. C S
3. เมื่ออะตอมของไฮโดรเจนเคลื่อนท่ีเขา้ ใกลก้ นั จนเกิดพนั ธะรวมกนั เป็นโมเลกลุ ณ จุดที่ อะตอม
ไฮโดรเจนท้งั สองสร้างพนั ธะน้นั เกิดปรากฏการณ์อะไรบา้ ง
1. เกิดแรงดึงดูดระหวา่ งอิเลก็ ตรอนและโปรตอน
2. เกิดแรงดึงดูดมากกวา่ แรงผลกั
3. อะตอมท้งั คู่มีพลงั งานศกั ยส์ ูงสุด
4. เกิดแรงดึงดูดและแรงผลกั ในปริมาณเท่ากนั
4. ตามปกติการรวมตวั ระหวา่ งโลหะกบั อโลหะจะเกิดพนั ธะไอออนิก แตม่ ีโลหะบางชนิดท่ีรวมตวั
กบั อโลหะแลว้ ไมเ่ กิดพนั ธะไอออนิก จงพิจารณาวา่ สารประกอบในขอ้ ใดท่ีไมใ่ ช่สารประกอบ
ไอออนิก
1. BeCl2 , BCl3 2. MgO , Al2O3 3. MgBr2 , SrCl2 4. CsCl , CaCl2
5(มช 31) สารประกอบในขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี เป็นสารประกอบโคเวเลนตท์ ้งั หมด
1. CO2 , CS2 , Rb2O 2. AsCl3 , BeH2 , N2O5
3. Ca2(PO4)3 , (NH4)2SO4 , CaS 4. Al2O3 , N2O3 , CIF
54
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
6(แนว En) ถา้ ธาตุ X , Y และ Z มีเลขอะตอมเป็น 7 , 14 และ 30 ตามลาดบั สารประกอบ
ในขอ้ ใดจดั เป็นสารโคเวเลนต์
ก. X รวมตวั กบั Cl ข. Y รวมตวั กบั Cl ค. Z รวมตวั กบั Cl
1. ก. และ ข. 2. ข. และ ค. 3. ก. และ ค. 4. ก. ข. และ ค.
7. เหตุใดเมื่ออะตอมของธาตุอโลหะเขา้ มาทาปฏิกิริยากนั จึงตอ้ งเกิดเป็นพนั ธะโคเวเลนต์
1. เพราะอะตอมธาตุอโลหะมีคา่ อิเล็กโทรเนกาติวติ ีและพลงั งานไอออไนซ์สูง
2. เพราะอะตอมธาตุอโลหะมีจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนมาก
3. เพราะอะตอมธาตุอโลหะมีระดบั พลงั งานอิเล็กตรอนหลายระดบั
4. เพราะอะตอมธาตุอโลหะมีโปรตอนในนิวเคลียสมาก
2.1.2 ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์
8. จงเรียงพลงั งานของพนั ธะตอ่ ไปน้ี จากพลงั งานต่าสุดไปหาพลงั งานสูงสุด
ก. C – H ข. C – Cl ค. C – C ง. C – O
1. ก , ค , ง , ข 2. ค , ง , ข , ก 3. ข , ค , ง , ก 4. ข , ง , ก , ค
9. เหตุใดพนั ธะสามจึงมีพลงั งานพนั ธะมากกวา่ พนั ธะเดี่ยว
1. เพราะจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนท่ีมาเขา้ ร่วมพนั ธะกนั มีมากกวา่ พนั ธะเด่ียว
2. เพราะจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนที่เหลือจากการร่วมพนั ธะกนั มีมากกวา่ พนั ธะเดี่ยว
3. เพราะนิวเคลียสของอะตอมที่เขา้ ร่วมพนั ธะมีขนาดเล็กกวา่
4. เพราะนิวเคลียสของอะตอมท่ีเขา้ ร่วมพนั ธะมีโปรตอนมากกวา่
10. เหตุใดพนั ธะสามจึงมีความยาวพนั ธะนอ้ ยกวา่ พนั ธะเด่ียว
1. เพราะจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนท่ีมาเขา้ ร่วมพนั ธะกนั มีนอ้ ยกวา่ พนั ธะเด่ียว
2. เพราะแรงดึงดูดระหวา่ งอิเล็กตรอนคู่ร่วมพนั ธะกบั นิวเคลียสมีมากกวา่
3. เพราะนิวเคลียสของอะตอมท่ีเขา้ ร่วมพนั ธะมีขนาดเลก็ กวา่
4. เพราะนิวเคลียสของอะตอมท่ีเขา้ ร่วมพนั ธะมีโปรตอนมากกวา่
11. อะตอมของธาตุไนโตรเจนรวมกนั เป็นโมเลกลุ เสถียรมากเพราะวา่ ในโมเลกลุ มี
1. พนั ธะโคออดิเนตโคเวเลนซ์ 2. พนั ธะเด่ียว
3. พนั ธะคู่ 4. พนั ธะสาม
55
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทที่ 2 พนั ธะเคมี
2.1.3 การเขียนสูตร และการเรียกช่ือของสารโคเวเลนต์
2.1.3.1 การเขยี นสูตรสารโคเวเลนต์
12. ธาตุ X อยหู่ มู่ 5A เมื่อรวมตวั กบั ธาตุ Y อยหู่ มู่ 7A สูตรของสารประกอบที่ไดค้ ือขอ้ ใด
1. XY 2. XY3 3. X2Y 4. X2Y3
13. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเป็นสูตรโครงสร้างที่ถูกตอ้ งของ H2O2
1. H O H 2. H O O H 3. H O H 4. H O H
OO O
14. ถา้ ธาตุ X มีเลขอะตอมเท่ากบั 7 สูตรแบบจุดของธาตุ X คือ
1. X 2. X 3. X : :4.X
15. สูตรแบบจุดของ NH2OH คือ 2. N.HH... :O....: H:
1. H :NHH....: O....: 4. H :N....: HO....: H:
3. H :N..H..: O....: H:
16. จานวนพนั ธะโคเวเลนซ์ของสารตอ่ ไปน้ี มีค่าเทา่ กบั ลาดบั ในขอ้ ใด ( ตอบตามลาดบั )
C2H5OH , C4H8 , H2SO4 , NaH2PO4
1. 7 , 11 , 6 , 6 2. 7 , 10 , 6 , 5 3. 8 , 10 , 5 , 5 4. 8 , 11 , 6 , 6
17(แนว En) ขอ้ ใดที่อะตอมกลางมีจานวนอิเลก็ ตรอนคูโ่ ดดเด่ียวเท่ากนั
1. NCl3 , BeF2 2. H2O , IF3 3. H2S , NH3 4. SO2 , XeF4
18(แนว En) ในขอ้ ใดที่อะตอมกลางของสารท้งั สองมีจานวนอิเลก็ ตรอนคู่โดดเด่ียวรวมกนั ได้ 3 คู่
1. PBr3 , ClF3 2. H2O , H2S 3. PCl3 , I3 4. PCl5 , SF4
19. การเปรียบเทียบจานวนอิเล็กตรอนคูโ่ ดดเดี่ยวของอะตอมกลางตอ่ ไปน้ี ขอ้ ใดถูกตอ้ ง
1. PBr3 > NH 3 > B rO4 2. ICl3 > PCl3 > IO4
3. IO4 > B rO4 > NO 3 4. PCl3 > NO3 > BrF3
20. ธาตุคลอรีนรวมตวั กบั ธาตุใดจึงจะมีอิเล็กตรอนคู่โดดเด่ียวรอบอะตอมกลาง 2 คู่
1. ธาตุที่มีเลขอะตอมเท่ากบั 34 2. ธาตุที่มีเลขอะตอมเทา่ กบั 32
3. ธาตุท่ีมีเลขอะตอมเท่ากบั 19 4. ธาตุที่มีเลขอะตอมเทา่ กบั 14
56
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
2.1.3.2 การเรียกช่ือสารประกอบโคเวเลนต์
2.1.4 พนั ธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์ และแนวคดิ เกย่ี วกบั เรโซแนนท์
21. โครงสร้างในขอ้ ใดต่อไปน้ีไมถ่ ูกตอ้ ง
1. N N : O 2. O 3. O O : O 4. H O C O
HOO N O
H
22. พนั ธะระหวา่ ง S กบั O ใน SO2 จากการทดลองพบวา่ มีความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะ
เท่ากนั แสดงวา่
1. พนั ธะระหวา่ ง S กบั O เป็นพนั ธะคูแ่ ละพนั ธะเด่ียว
2. S กบั O มีการใชอ้ ิเล็กตรอนร่วมกนั 2 คู่เทา่ กนั
3. S กบั O มีการใชอ้ ิเลก็ ตรอนร่วมกนั 1.5 คูเ่ ท่ากนั
4. สามารถเขียนสูตรโครงสร้างแบบจุดเพียงสูตรเดียวกส็ ามารถแทนสมบตั ิของ SO2 ได้
23. ในปฏิกิริยา NH3 + H+ NH 4 ความยาวของพนั ธะที่เกิดจาก N กบั H+ จะมีความยาว
ของพนั ธะ
1. ยาวกวา่ พนั ธะ N – H อนั อื่นๆ 2. ส้ันกวา่ พนั ธะ N – H อนั อ่ืนๆ
3. เท่ากบั พนั ธะ N – H อนั อ่ืนๆ 4. สรุปไม่ได้
24. ตารางแสดงการเปรียบเทียบพลงั งานพนั ธะและความยาวพนั ธะระหวา่ งคาร์บอนและออกซิเจน
ในโมเลกุล CO , CH3OH และ CO2 ขอ้ ใดถูกตอ้ งท่ีสุด
พลงั งานพนั ธะ ความยาวพนั ธะ
1. CO2 มากกวา่ CH3OH CO2 ส้ันกวา่ CH3OH
2. CO มากกวา่ CH3OH CO ยาวกวา่ CH3OH
3. CO มากกวา่ CO2
4. CO2 นอ้ ยกวา่ CO CO ยาวกวา่ CO2
2.1.5 กฏออกเตต CO2 ส้ันกวา่ CO
25. การรวมตวั ของธาตุในสารขอ้ ใดที่ทุกสารไมเ่ ป็นไปตามกฎออกเตต
1. NH3 , H2O2 2. BF3 , PCl5 3. H2SO4 , SO3 4. H2CO3 , SO2
57
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
2.1.6 พลงั งานพนั ธะ
26. กาหนดพลงั งานพนั ธะใหด้ งั น้ี
H – H = 436 kJ / mol Cl – Cl = 242 kJ/mol H – Cl = 431 kJ / mol
จงคานวณปริมาณความร้อนที่เปล่ียนไปเน่ืองจากการเปลี่ยนแปลงต่อไปน้ี
H2(g) + Cl2(g) 2 HCl (g)
1. ดูดความร้อนเท่ากบั 184 kJ 2. คายความร้อนเทา่ กบั 184 kJ
3. ดูดความร้อนเท่ากบั 174 kJ 4. คายความร้อนเทา่ กบั 174 kJ
27. กาหนดพลงั งานพนั ธะใหด้ งั ต่อไปน้ี
พนั ธะ พลงั งานพนั ธะ (kJ/mol)
C – H 413
C = C 614
O = O 498
C = O 745
H – O 463
จงคานวณพลงั งานของปฏิกิริยาต่อไปน้ี C2H4(g) + 3O2(g) 2CO2(g) + 2H2O(g)
1. ดูดพลงั งาน 317 kJ 2. ดูดพลงั งาน 1,072 kJ
3. คายพลงั งาน 317 kJ 4. คายพลงั งาน 1,072 kJ
28. จงคานวณพลงั งานที่ใชใ้ นการเปลี่ยน
2C(s) + 3H2(g) + 12 O2(g) (CH3)2O(g)
กาหนด พลงั งานพนั ธะ
C – H = 415 kJ C – O = 350 kJ H – H = 436 kJ O =O = 494 kJ
4. 216.4 kJ
C(s) C(g) H = 718.4 kJ
1. 176.2 kJ 2. 183.1 kJ 3. 198.2 kJ
29(มช 33) พลงั งานท่ีใชใ้ นการเปล่ียนสถานะ H2O (l) H2O (g) = 200 กิโลจูล/โมล และ
ปฏิกิริยาน้ี H2O (l) 2H (g) + O (g) ดูดพลงั งานเทา่ กบั 1200 กิโลจูล พลงั งานพนั ธะ O–H
จะมีคา่ กี่กิโลจูล/โมล
58
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
30(มช 32) กาหนดให้ พลงั งานพนั ธะ (kJ/mol)
ชนดิ ของพนั ธะ 348
413
C–C
C–H
ถา้ ตอ้ งใชพ้ ลงั งาน 5518 kJ/mol ในการสลายโมเลกลุ เบนซีนในสถานะแกส๊ ใหเ้ ป็นอะตอมใน
สถานะแกส๊ ดงั สมการ C6H6 (g) 6 C (g) + 6 H (g) จงคานวณค่าพลงั งานพนั ธะของ
C=C ในโมเลกุลเบนซีน ( ในหน่วย กิโลจูล / โมล )
31. การเปล่ียนแปลงในขอ้ เป็นประเภทคายพลงั งาน
1. CH4(g) C(g) + 4H(g) 2. CCl4(g) C(g) + 4Cl(g)
3. H2O(l) H2O(g) 4. Na+(g) + Cl–(g) NaCl(s)
สมการต่อไปนีใ้ ช้ประกอบการตอบคาถาม 3 ข้อถัดไป
AB2(g) A(g) + 2B(g) …(I)
2AB3(g) A2(g) + 3B2(g) …(II)
A+(g) + B–(g) AB(s)
…(III)
32. การเปลี่ยนแปลงในสมการใดเป็นการเปล่ียนแปลงประเภทคายความร้อนอยา่ งแน่นอน
1. I 2. II 3. III 4. II และ III
33. การเปลี่ยนแปลงในสมการ II มีการสลายพนั ธะและเกิดพนั ธะอยา่ งละกี่พนั ธะ
1. 3 , 2 2. 3 , 4 3. 6 , 2 4. 6 , 4
34. การเปล่ียนแปลงในสมการใดไม่สามารถตดั สินไดแ้ น่นอนวา่ เป็นการเปล่ียนแปลงประเภท ดูด
หรือคายพลงั งาน
1. I 2. II 3. III 4. II และ III
35. กา๊ ซไฮโดรเจนสลายเป็นอะตอมไฮโดรเจน ดงั สมการ H2(g) + 436 kJ 2H(g)
ขอ้ สรุปใดถูกตอ้ ง
1. อะตอมของไฮโดรเจนมีพลงั งานต่ากวา่ โมเลกุลของไฮโดรเจน
2. ถา้ ใหพ้ ลงั งาน 436 kJ แก่กา๊ ซไฮโดรเจน 1 โมเลกุล จะสลายเป็นอะตอมไฮโดรเจน 2
อะตอม
59
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
3. โมเลกลุ ของไฮโดรเจนมีเสถียรภาพนอ้ ยกวา่ อะตอมของไฮโดรเจน
4. เมื่ออะตอมของไฮโดรเจนรวมตวั กนั เป็นโมเลกุลของไฮโดรเจนจะมีการคายพลงั งาน
2.1.7 รูปร่างของโมเลกลุ
36. โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ี่มีรูปร่างเป็นรูปสามเหล่ียมแบนราบ (Trigonal plane) คือ
1. ClF3 2. NH3 3. NO 3 4. CH4
37. โมเลกลุ โคเวเลนตข์ องสารในขอ้ ใดต่อไปน้ีมีรูปร่างเป็นรูปพีระมิดฐานสามเหล่ียม
1. BF3 2. SO3 3. NO 3 4. ClO 3
38. สารคู่ใดมีรูปร่างเป็นรูปงอท้งั คู่
1. H2O , ICl2 2. H2S , SO2 3. H2O , CO2 4. H2O , BeCl2
39. โมเลกลุ โคเวเลนซ์ท่ีมีรูปร่างโมเลกลุ เหมือน CH4 คือสารประกอบในขอ้ ใด
1. XeF4 , CCl4 , SiCl4 2. SiCl4 , NO 4 , XeF4
3. CCl4 , NO 4 , SiCl4 4. B rF4 , XeF4 , SiF4
40. โมเลกุลโคเวเลนซ์ท่ีมีรูปร่างโมเลกลุ เหมือน CCl4 คือสารประกอบในขอ้ ใด
1. XeF4 , CH4 , SiCl4 2. SiCl4 , NO 4 , XeF4
3. CH4 , NO 2 , SiCl4 4. B rF4 , XeF4 , SiF4
41. สารในขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี มีรูปร่างโมเลกุลเหมือนกนั ท้งั หมด
1. BeCl2 H2O H2S 2. CH4 SiH4 CHCl3
3. CO2 H2O SO2 4. BF3 NH3 PH3
42. สารใดเม่ือเขียนสูตรแบบจุดจะคลา้ ยคลึงกนั มากที่สุด
1. NH 4 , CH4 , SiCl4 2. NH3 , PH3 , BCl3
3. H2O , NaCl , CH4 4. CCl4 , XeF4 , SiH4
43. X มีจานวนโปรตอน = 17 ดงั น้นั รูปร่างของ XF3 และ I X จะเป็นดงั น้ี
2
1. สามเหล่ียมพีรามิด เส้นตรง 2. สามเหลี่ยมแบบราบ มุมงอ
3. รูปตวั T เส้นตรง 4. รูปตวั T มุมงอ
44. ธาตุ X และธาตุ Y มีเลขอะตอม 5 และ 15 ตามลาดบั สารประกอบคลอไรดข์ องธาตุท้งั สอง
มีสูตรและรูปร่างโมเลกุลอยา่ งไร
60
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
สูตรโมเลกุล รูปร่างโมเลกลุ
1. XCl เส้นตรง
YCl5 พรี ะมิดคู่ฐานสามเหล่ียม
2. XCl2 มุมงอ
YCl5 พรี ะมิดคูฐ่ านสามเหลี่ยม
3. XCl3 สามเหลี่ยมแบนราบ
YCl3 พีระมิดฐานสามเหลี่ยม
4. XCl3 สามเหล่ียมแบนราบ
YCl3 สามเหล่ียมแบนราบ
45(มช 39) การจดั ตวั ของทุกอะตอมในโมเลกลุ ใดท่ีไม่อยใู่ นระนาบ (plane) เดียวกนั
1. AsH3 2. ClF3 3. ICl4 4. XeF4
46. ธาตุคลอรีนรวมตวั กบั ธาตุในขอ้ ใดจึงจะไดโ้ มเลกุลรูปพรี ะมิดคู่ฐานสามเหลี่ยม
1. ธาตุ Y มีเลขอะตอม = 50 2. ธาตุ X มีเลขอะตอม = 33
3. ธาตุ B มีเลขอะตอม = 14 4 ธาตุ A มีเลขอะตอม = 6
47. มุมระหวา่ งพนั ธะในโมเลกุลใดมีคา่ มากที่สุด
1. OF2 2. NF3 3. CF4 4. BF3
48. สารที่มีมุมระหวา่ งพนั ธะมากที่สุดไดแ้ ก่
1. SiCl4 2. Cl2O 3. BCl3 4. SF6
49(แนว En.) ขอ้ ใดเรียงคา่ มุมพนั ธะไดถ้ ูกตอ้ ง
1. CH4 > BCl3 > CO2 > PCl3 2. PCl3 > BCl3 > CH4 > CO2
3. BCl3 > CO2 > PCl3 > CH4 4. CO2 > BCl3 > CH4 > PCl3
50. มุม H – X – H มีค่ามากที่สุดในสารใด
1. โบรอนไตรไฮไดรด์ 2. แอมโมเนีย 3. ไฮโดรเจนซลั ไฟด์ 4. มีเทน
2.1.8 สภาพข้ัวของโมเลกุลโคเวเลนต์
51. กาหนดคา่ อิเลก็ โทรเนกาติวติ ี (EN) ของธาตุตา่ งๆ ดงั น้ี
H = 2.2 , C = 2.5 , N = 3.1 , Cl = 3.2 , O = 3.5
สารที่มีพนั ธะโคเวเลนตแ์ บบที่มีข้วั นอ้ ยท่ีสุดคือสารใด
1. CH4 2. H2O 3. NH3 4. HCl
61
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทที่ 2 พนั ธะเคมี
52. ธาตุไฮโดรเจนเกิดพนั ธะกบั ธาตุใดจะไดพ้ นั ธะมีข้วั แรงที่สุด
1. ธาตุ A ( Z = 9 ) 2. ธาตุ B ( Z = 11 )
3. ธาตุ C ( Z = 17 ) 4. ธาตุ D ( Z = 35 )
53. ขอ้ ใดเรียงลาดบั ความแรงของสภาพข้วั ของพนั ธะจากนอ้ ยไปหามากไดถ้ ูกตอ้ ง
1. C–O < C–S < P–P < B–F 2. C–S < P– P < B–F < C–O
3. P–P < C–S < C–O < B–F 4. B–F < C–O < C–S < P–P
54. ขอ้ ใดเป็นโมเลกลุ ชนิดมีข้วั ท้งั หมด
1. H2O , O2 , HCl 2. HCl , H2S , CO2
3. H2O , CaCl2 , HF 4. HCl , NH3 , H2S
55. สารในขอ้ ใดท่ีโมเลกุลมีข้วั ท้งั 3 ชนิด
1. CO2 , CO , H2CO3 2. CHCl3 , SO2 , NO
3. NH3 , BCl3 , PCl5 4. CHCl3 , H2O2 , SiCl4
56. สารประกอบในขอ้ ตอ่ ไปน้ี ขอ้ ใดบา้ งท่ีโมเลกลุ ไมม่ ีข้วั ท้งั หมด
1. CH3OH , CCl4 , NH3 2. CH2Cl2 , NH 4 , H2S
3. Cl2CO , C2H4 , PCl3 4. BF3 , SiH4 , CO2
57. โมเลกุลชุดใดท่ีมีจานวนของสารมีข้วั ตอ่ สารไม่มีข้วั เทา่ กบั 3 : 1
1. NH3 , H2O , PCl5 , SF6 2. CH4 , HF , NH3 , CHCl3
3. CH4 , NH3 , HF , BF3 4. NH3 , HF , H2O , H2Se
58. โมเลกุลตอ่ ไปน้ี ขอ้ ใดเป็นโมเลกลุ ท่ีมีสภาพข้วั ของโมเลกุลชนิดเดียวกนั
1. PCl3 , BBr3 , PCl5 2. BrCl3 , CS2 , OF2
3. AsF5 , SO2 , XeO3 4. CO2 , GeBr4 , PBr5
59. พิจารณาโมเลกลุ ดงั รูปต่อไปน้ี ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีถูก
Cl 1. พนั ธะยอ่ ยมีข้วั โมเลกลุ มีข้วั
B 2. พนั ธะยอ่ ยมีข้วั โมเลกลุ ไม่มีข้วั
Cl Cl 3. พนั ธะยอ่ ยไม่มีข้วั โมเลกลุ มีข้วั
4. พนั ธะยอ่ ยไมม่ ีข้วั โมเลกุลไม่มีข้วั
62
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทที่ 2 พนั ธะเคมี
60. คาร์บอนเตตระคลอไรด์ (CCl4) เป็นสารไม่มีข้วั เพราะเหตุใด
1. พนั ธะ C – Cl เป็นพนั ธะไมม่ ีข้วั
2. เป็นสารที่มีโครงผลึกร่างตาขา่ ย
3. เฉพาะโมเลกลุ ท่ีเป็นเส้นตรงเท่าน้นั ท่ีเป็นโมเลกลุ มีข้วั
4. พนั ธะ C – Cl ซ่ึงเป็นพนั ธะมีข้วั จดั เรียงกนั อยา่ งสมมาตรในโมเลกุล ทาใหข้ ้วั หกั ลา้ ง
กนั หมด
61. พิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ีขอ้ ใดถูกตอ้ ง
1. NCl3 เป็นโมเลกลุ มีข้วั รูปร่างโมเลกลุ เป็นสามเหล่ียมแบนราบ
2. PBr3 และ BCl3 มีรูปร่างโมเลกุลเหมือนกนั และเป็นโมเลกลุ มีข้วั
3. SCl2 และ SCO เป็นโมเลกุลมีข้วั รูปร่างโมเลกุลเป็นเส้นตรง
4. CS2 เป็นโมเลกลุ ไมม่ ีข้วั รูปร่างโมเลกุลเป็นเส้นตรง
62. ธาตุ A มีค่าพลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ท่ี 1 ถึงลาดบั สุดทา้ ยดงั น้ี
1.407 , 2.862 , 4.585 , 7.482 , 9.452 , 53.274 และ 64.368
เมื่อธาตุ A รวมตวั กบั ธาตุไฮโดรเจน จะไดโ้ มเลกลุ มี ลกั ษณะอยา่ งไร
1. มีสูตรเป็น AH และเป็นโมเลกุลมีข้วั
2. มีสูตรเป็น AH5 และโมเลกุลเป็นรูปพรี ะมิดคู่ฐานสามเหล่ียม
3. มีรูปร่างเป็นพีระมิดฐานสามเหลี่ยมและโมเลกลุ มีข้วั
4. มีรูปร่างเป็นรูปเส้นตรงและโมเลกลุ ไม่มีข้วั
2.1.9 แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ 2. พนั ธะโคเวเลนต์ และแรงลอนดอน
63. แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุลเป็นแรงชนิดใด 4. พนั ธะไอออนิก และแรงลอนดอน
1. แรงไดโพล-ไดโพล และพนั ธะโคเวเลนต์
3. พนั ธะไฮโดรเจน และแรงลอนดอน
64. อะตอมของธาตุใดท่ีมีแรงยดึ เหน่ียวชนิดแรงลอนดอน
1. อะตอมที่มีเลขอะตอมเท่ากบั 19 2. อะตอมท่ีมีเลขอะตอมเท่ากบั 20
3. อะตอมท่ีมีเลขอะตอมเทา่ กบั 35 4. อะตอมท่ีมีเลขอะตอมเทา่ กบั 36
65. ก๊าซใดตอ่ ไปน้ีที่แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ มีคา่ มากที่สุด
1. ฮีเลียม 2. ไฮโดรเจน 3. คาร์บอนไดออกไซด์ 4. ไนโตรเจน
63
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
66. ขอ้ ความตอ่ ไปน้ีขอ้ ใดถูกตอ้ งท่ีสุดเกี่ยวกบั การเรียงลาดบั ความแขง็ แรงของแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ ง
อนุภาค
1. แรงลอนดอน < พนั ธะโคเวเลนต์ < พนั ธะไฮโดรเจน < พนั ธะไอออนิก
2. แรงลอนดอน < แรงไดโพล-ไดโพล < พนั ธะไฮโดรเจน < พนั ธะโคเวเลนต์
3. พนั ธะโคเวเลนต์ < พนั ธะไฮโดรเจน < พนั ธะโลหะ < พนั ธะไอออนิก
4. แรงไดโพล-ไดโพล < แรงลอนดอน < พนั ธะไอออนิก < พนั ธะโคเวเลนต์
67. สารใดในโมเลกุลตอ่ ไปน้ี : CH3OCH3 , C2H5OH , CH3NH2 , CH3OH , (CH3)3N ,
CH3SH , CH3F , HCOOH ที่มีพนั ธะไฮโดรเจนยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุล
1. CH3NH2 CH3OH HCOOH C2H5OH
2. C2H5OH CH3NH2 CH3OH CH3F
3. CH3OH (CH3)3N CH3SH CH3F
4. CH3OCH3 C2H5OH CH3NH2 CH3OH
68. สารประกอบโคเวเลนตต์ ่อไปน้ีขอ้ ใดที่มีจุดเดือดสูงที่สุด
1. CH2 – CH – CH3 2. CH3 – O – CH3
3. CH3 – CH2 – OH 4. CH3 – CH2 – CH3
69. H2O มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูงกวา่ HF เพราะเหตุใด
1. เพราะพนั ธะไฮโดรเจนระหวา่ ง H – O แขง็ แรงกวา่ ระหวา่ ง H – F
2. เพราะในโมเลกลุ ของ HF มีแรงแวนเดอร์วาลส์ (ลอนดอน) และพนั ธะไฮโดรเจน
ส่วนในโมเลกุลของน้ามีพนั ธะไฮโดรเจนอยา่ งเดียว
3. เพราะ H2O สามารถสร้างพนั ธะไฮโดรเจนได้ 2 พนั ธะต่อ 1 โมเลกลุ แต่ HF
สร้างพนั ธะไฮโดรเจนไดเ้ พยี ง 1 พนั ธะต่อ 1 โมเลกลุ
4. เพราะโมเลกลุ H2O มีสภาพข้วั สูงกวา่ HF ทาใหเ้ กิดพนั ธะไฮโดรเจนที่แขง็ แรงกวา่
70. ขอ้ ใดมีลาดบั ของความแรงของแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลจากมากไปหานอ้ ย
1. HF , H2O , H2S , NH3 2. HF , H2O , NH3 , H2S
3. H2O , HF , H2S , NH3 4. H2O , HF , NH3 , H2S
71. ถา้ กราฟระหวา่ งจุดเดือดกบั มวลโมเลกลุ ของสารประกอบไฮไดรดข์ องธาตุในหมู่ 6 เป็นดงั
แสดง คาอธิบายท่ีถูกตอ้ งของกราฟเป็นอยา่ งไร
64
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
1. น้ามีจุดเดือดสูงเพราะแรงดึงดูดระหวา่ งโมเล- จดุ เดอื ด (oC)
100 H2O
กลุ เป็นแรงดึงดูดระหวา่ งข้วั บวกกบั ข้วั ลบ
2. น้ามีจุดเดือดสูงเนื่องมาจากโครงร่างตาขา่ ย 50 H2Te
ขณะเป็ นของแขง็ 0
3. แนวโนม้ จาก H2S ถึง H2Te เป็นดงั แสดง –50 20 H420S 60 H2Se
เน่ืองจากความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอเพมิ่ ข้ึน –100
80 100120130
4. ไมม่ ีขอ้ ใดถูกตอ้ ง มวลโมเลกลุ
72. โมเลกุลโคเวเลนตม์ ีข้วั หรือไม่มีข้วั เราสามารถบอกไดโ้ ดยอาศยั ขอ้ มูลในขอ้ ใด
1. รูปร่างของโมเลกุลและจุดเดือด 2. ชนิดของธาตุที่รวมกนั เป็นโมเลกุล
3. คา่ อิเลก็ โทรเนกาติวติ ีของธาตุ 4. ถูกท้งั 1 , 2 และ 3
73. ขอ้ ความตอ่ ไปน้ี
ก. แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอะตอมคูห่ น่ึง ๆ ในโมเลกุลเรียกวา่ พนั ธะเคมี
ข. การสลายพนั ธะเป็นการเปล่ียนแปลงประเภทคายพลงั งานและปฏิกิริยาเป็นปฏิกิริยาคาย
ความร้อน
ค. การเกิดพนั ธะเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดพลงั งานและปฏิกิริยาเป็นปฏิกิริยาดูด
ความร้อน
ง. พนั ธะไอออนิกเป็นแรงดึงดูดไฟฟ้าสถิตระหวา่ งประจุไฟฟ้าตา่ งชนิด
จ. พนั ธะโคเวเลนตเ์ กิดจากการท่ีอะตอมใชอ้ ิเล็กตรอนร่วมกนั เป็นคู่ ๆ
จงพจิ ารณาขอ้ ใดถูกตอ้ งท่ีสุด
1. ก. ข. ค. 2. ค. ง. จ. 3. ง. จ. ก. 4. ข. ค. ง.
2.1.10 สมบัติของสารประกอบโคเวเลนต์
2.1.11 สารโครงร่างผลกึ ตาข่าย
74. แกรไฟตส์ ามารถนาไฟฟ้าไดเ้ พราะ
1. พนั ธะระหวา่ งคาร์บอนในแกรไฟตเ์ ป็นพนั ธะโลหะ
2. แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งช้นั เป็นแรงแวนเดอร์วาลส์
3. เวเลนซ์อิเล็กตรอนของคาร์บอนใชใ้ นการเกิดพนั ธะโคเวเลนตไ์ ม่หมด
4. พนั ธะระหวา่ งคาร์บอน – คาร์บอนไมแ่ ขง็ แรงสลายไดง้ ่ายเม่ือผา่ นกระแสไฟฟ้า
65
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
75(แนว En) แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุล Br2 , S8 , O2 และแกรไฟตจ์ ะมีค่าเรียงลาดบั ดงั น้ี
1. Br2 > S8 > O2 > แกรไฟต์ 2. S8 > Br2 > O2 > แกรไฟต์
3. แกรไฟต์ > Br2 > S8 > O2 4. แกรไฟต์ > S8 > Br2 > O2
76. สารใดจดั วา่ เป็นสารประเภทไม่มีสูตรโมเลกลุ
1. โซเดียมคลอไรด์ 2. ซิลิกา้ 3. เพชร 4. ถูกทุกขอ้
77. สารตอ่ ไปน้ี สารกลุ่มใดมีแรงดึงดูดระหวา่ งโมเลกลุ ในลกั ษณะเดียวกนั
1. BCl3 , NCl3 , ICl3 2. SiC , MgO , SiO2
3. H2S , H2O , F2O 4. CS2 , CO2 , XeF2
2.2 พนั ธะไอออนิก
2.2.1 การเกดิ พนั ธะไอออนิก
78. พนั ธะไอออนิกควรเกิดกบั ธาตุคูใ่ ด
1. ธาตุที่มีค่าอิเลก็ โทรเนกาติวติ ีใกลเ้ คียงกนั
2. ธาตุที่มีคา่ อิเลก็ โทรเนกาติวติ ีเทา่ กนั
3. ธาตุท่ีมีคา่ อิเล็กโทรเนกาติวติ ีแตกตา่ งกนั มากกวา่ 1.7
4. ธาตุท่ีมีพลงั งานไอออไนเซชนั เทา่ กนั
79. อะตอมคู่ใดบา้ งในขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีท่ีไม่รวมตวั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์
1. คาร์บอนกบั กามะถนั 2. ซิลิคอนกบั ออกซิเจน
3. โซเดียมกบั คลอรีน 4. คลอรีนกบั โบรมีน
2.2.2 โครงสร้างสารประกอบไอออนิก
80. ในสารประกอบซีเซียมคลอไรด์ ไอออนบวกมีไอออนลบลอ้ มรอบและสัมผสั เท่าไร และไอออน
ลบมีไอออนบวกลอ้ มรอบและสมั ผสั เทา่ ใด
1. 6 , 6 2. 6 , 8 3. 8 , 6 4. 8 , 8
2.2.3 การเขยี นสูตร และการเรียกช่ือสารประกอบไอออนิก
2.2.3.1 การเขียนสูตรสารประกอบไอออนิก
81. สูตรท่ีถูกตอ้ งของสารประกอบอะลูมิเนียมซลั เฟต แบเรียมออกไซด์ และโพแทสเซียมเปอร์
คลอเรต ไดแ้ ก่
66
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
1. Al(SO4)3 BaO KClO4 2. Al2(SO4)3 BaO KClO4
3. Al(SO4)2 Ba2O KClO4 4. Al2(SO4)3 BaO KClO3
82(แนว En) ธาตุ A , B และ C มีเลขอะตอม 3 , 11 และ 17 ตามลาดบั สูตรของสารประ
กอบในขอ้ ใดถูกตอ้ ง
1. A2C และ B2C 2. AC2 และ BC2
3. AC และ BC 4. AC3 และ BC3
83(แนว En) X , Y และ Z มีเลขอะตอม 9 , 7 และ 11 ตามลาดบั สารประกอบคลอไรดข์ อง
ธาตุเหล่าน้ีควรมีสูตรอยา่ งไร
1. XCl2 , YCl , ZCl4 2. XCl4 , YCl3 , ZCl2
3. XCl3 , YCl2 , ZCl3 4. XCl , YCl3 , ZCl
84. สารประกอบท่ีเกิดจากธาตุ A ซ่ึงมีเลขอะตอม 17 กบั ธาตุ B ซ่ึงเลขอะตอม 20 ขอ้ ความใด
ถูกตอ้ ง
1. สารประกอบมีสูตรเป็น B2A และมีพนั ธะโคเวเลนต์ จา่ ย 2e รับ
2. สารประกอบมีสูตรเป็น B2A และมีพนั ธะไอออนิก 1โBลeหะ A
3. สารประกอบมีสูตรเป็น BA2 และมีพนั ธะโคเวเลนต์ อโลหะ
4. สารประกอบมีสูตรเป็น BA2 และมีพนั ธะไอออนิก
85(แนว En) ถา้ O , P , Q และ R เป็นธาตุที่มีเลขอะตอม 7 , 11 , 17 และ 20 ตามลาดบั หาก
รวมกนั เป็นสารประกอบขอ้ ใดถูก
1. ระหวา่ งธาตุ O กบั ธาตุ Q เกิดสารไอออนิกมีสูตรเป็น OQ3
2. ระหวา่ งธาตุ P กบั ธาตุ O เกิดสารโคเวเลนตม์ ีสูตรเป็น PO
3. ระหวา่ งธาตุ P กบั ธาตุ Q เกิดสารโคเวเลนตม์ ีสูตรเป็น Q2P3
4. ระหวา่ งธาตุ R กบั ธาตุ O เกิดสารไอออนิกมีสูตรเป็น R3O2
86. สารประกอบท่ีเกิดจากธาตุหมู่ IIA กบั หมู่ VIA และสารประกอบท่ีเกิดจากธาตุหมู่ VIIA
กบั ไฮโดรเจน ขอ้ ใดเหมือนกนั สาหรับสารประกอบท้งั สอง
1. พนั ธะท่ีเกิดข้ึน 2. อตั ราส่วนจานวนอะตอมที่เกิดเป็นสารประกอบ
3. จุดเดือด 4. ขอ้ 1 และ 2
67
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
87(มช 39) สารประกอบไอออนิกมีสูตร X2Y ถา้ X เป็นธาตุที่มีเลขอะตอมเท่ากบั 19 แลว้ Y
ควรเป็นธาตุท่ีมีเลขอะตอมเป็นเทา่ ใด
1. 14 2. 15 3. 16 4. 17
2.2.3.2 การเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก
2.2.4 พลงั งานกบั การเกดิ พนั ธะไอออนิก
88. ข้นั ตอนการเกิดผลึก CaBr2 ข้นั ใดท่ีเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทคายพลงั งาน
1. Ca(s) Ca (g) 2. Br2(g) 2 Br (g)
3. Ca(g) Ca2+ (g) + 2 e 4. 2 Br (g) + 2 e 2 Br– (g)
89. กาหนดให้
Li(s) Li(g) H1 = 150 kJ / mol
F2(g) 2F(g) H2 = 80 kJ / mol
Li(s) Li+(g) + e H3 = 520 kJ / mol
F(g) + e– F(g)
H4 = 330 kJ / mol
Li+(g) + F–(g) LiF(s)
H5 = 1010 kJ / mol
จงคานวณพลงั งานของปฏิกิริยา Li(s) + 12 F2(g) LiF(s)
1. คายความร้อน 630 kJ 2. ดูดความร้อน 650 kJ
3. คายความร้อน 670 kJ 4. ดูดความร้อน 580 kJ
2.2.5 สมบัติของสารประกอบไอออนิก
2.2.5.1 สมบัตบิ างประการของสารประกอบไอออนิก
90. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดในการพสิ ูจน์วา่ K2SO4(s) เป็นสารประกอบไอออนิก
1. K2SO4 มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูงกวา่ สารอ่ืน ๆ ท่ีมีมวลโมเลกุลใกลเ้ คียงกนั
2. K2SO4 เป็นของแขง็ ไม่นาไฟฟ้า แต่เม่ือหลอมเหลวจะนาไฟฟ้าได้
3. K2SO4 ละลายน้าไดด้ ี สารละลายนาไฟฟ้าได้
4. K2SO4 มีความดนั ไอต่ามาก
68
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
91. จากเรื่องผลึก NaCl ขอ้ ใดผดิ
1. โซเดียมไอออนจะถูกลอ้ มรอบดว้ ยคลอไรดไ์ อออน 8 ไอออน
2. คลอไรดไ์ อออนเรียงตวั เป็นรูปทรงเหลี่ยมแปดหนา้ ลอ้ มรอบโซเดียมไอออน
3. CsCl มีลกั ษณะผลึกต่างจาก NaCl
4. ในสภาวะธรรมชาติ ผลึก NaCl ไม่นาไฟฟ้า
92. เกี่ยวกบั สารประกอบไอออนิกขอ้ ใดถูกตอ้ ง
1. สารประกอบออกไซดข์ องโลหะ (M) หมูท่ ี่ I , II , III มีสูตรเคมีเป็น M2O , MO2 ,
M2O3 ตามลาดบั
2. พนั ธะไอออนิกเป็นพนั ธะที่เกิดจากแรงดึงดูดระหวา่ งประจุไฟฟ้าของไอออนบวก และ
ไอออนลบ
3. สารประกอบไอออนิกส่วนใหญ่จะเป็นของแขง็ สามารถละลายน้าและนาไฟฟ้าไดด้ ี
4. โลหะท่ีมีคา่ พลงั งานไอออไนเซชนั สูงจะสามารถเกิดพนั ธะไอออนิกไดง้ ่ายและแขง็ แรง
กวา่ โลหะท่ีมีคา่ พลงั งานไอออไนเซชนั ต่า
93. ขอ้ ใดต่อไปน้ีท่ีเรียงลาดบั อุณหภูมิจุดเดือดของโมเลกุลจากนอ้ ยไปหามากไดถ้ ูกตอ้ ง
1. He < C2H6 < KBr < C2H5OH 2. He < C2H6 < C2H5OH < KBr
3. C2H6 < He < C2H5OH < KBr 4. He < C2H5OH < C2H6 < KBr
2.2.5.2 การละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก
94. เกลือ MI มีพลงั งานโครงผลึก 692 kJ/mol และมีพลงั งานไฮเดรชนั 705 kJ/mol ดงั น้นั จะ
ทานายไดว้ า่
1. เกลือ MI ละลายไดด้ ีข้ึนเม่ือเพ่มิ อุณหภูมิ 2. เกลือ MI ละลายในน้าไดด้ ี
3. เกลือ MI ไม่ละลายในน้าเลย 4. เกลือ MI ละลายในน้าไดเ้ ลก็ นอ้ ย
95. เมื่อให้ NaCl 1 โมล ละลายในน้า จะมีการเปลี่ยนแปลงดงั น้ี
1. NaCl (s) + 788 kJ Na+(g) + Cl–(g)
2. Na+(g) + Cl–(g) Na+(aq) + Cl–( aq) + 784 kJ
การละลายน้าของ NaCl 1 โมล จะมีการดูดหรือคายพลงั งานเท่าใด
1. ดูดความร้อน 4 kJ 2. คายความร้อน 4 kJ
3. เกลือน้ีจะไมล่ ะลายน้า 4. ขอ้ มูลไมเ่ พียงพอท่ีจะหาคาตอบ
69
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทที่ 2 พนั ธะเคมี
96. จากขอ้ มูลตอ่ ไปน้ี Li+(g) + Cl–(g)
Li(aq) + Cl–(aq) + 883 kJ
LiCl (s) + 883 kJ H2O
Li+(g) + Cl–(g)
NaCl(s) + 776 kJ H2O Na+(g) + Cl–(g)
Na+(g) + Cl–(g) Na+(aq) + Cl–(aq) + 776 kJ
KCl(s) + 690 kJ H2O K+(g) + Cl–(g)
K+(g) + Cl–(g) K+(aq) + Cl–(aq) + 686 kJ
ขอ้ ใดถูกตอ้ ง
1. การละลายของ LiCl เพิ่มข้ึนเม่ืออุณหภูมิเพมิ่ ข้ึน
2. พลงั งานไฮเดรชนั ของ LiCl มีค่าต่าสุด เพราะ Li+ มีขนาดเล็กสุด น้ามาลอ้ มรอบได้
นอ้ ยสุด
3. การละลายของ NaCl ลดลงเม่ืออุณหภูมิสูงข้ึน
4. การละลายของ KCl เพ่ิมข้ึนเม่ืออุณหภูมิสูงข้ึน
ข้อมูลต่อไปนีใ้ ช้สาหรับตอบคาถาม 3 ข้อถัดไป
97. เกลือ A ละลายน้าแลว้ ทาใหอ้ ุณหภูมิเพ่ิมข้ึน แตเ่ กลือ B ละลายน้าแลว้ ทาใหอ้ ุณหภูมิลดลง
ถา้ เขียนกราฟแสดงการละลายของสารละลายอ่ิมตวั A และ B ในน้าที่อุณหภูมิต่าง ๆ ควรจะ
ไดร้ ูปกราฟดงั ขอ้ ใด (หมายเหตุ แกนต้งั คือการละลาย g/H2O 100 g. แกนนอนคืออุณหภูมิ )
1. B 2. A
A B
3. B A 4. A B
70
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทท่ี 2 พนั ธะเคมี
98. ขอ้ สรุปต่อไปน้ีขอ้ ใดถูกตอ้ ง
1. แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งไอออนของ A กบั H2O มากกวา่ ระหวา่ งไอออนบวกและลบ
ของ A
2. เกลือ B มีพลงั งานโครงร่างผลึกเป็นบวกจึงดูดความร้อน
3. เกลือ A ละลายน้าไดม้ ากกวา่ เกลือ B
4. ไมม่ ีคาตอบที่ถูกตอ้ ง
99. ถา้ เปรียบเทียบพลงั งานไฮเดรชนั ของ A และ B จะเป็นดงั น้ี
1. พลงั งานไฮเดรชนั ของ A เทา่ กบั B
2. พลงั งานไฮเดรชนั ของ A มากกวา่ B
3. พลงั งานไฮเดรชนั ของ B มากกวา่ A
4. ยงั สรุปไม่ได้
2.2.6 ปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนิก
100. เม่ือนาสารละลาย Ba(NO3)2 มาผสมกบั สารละลาย Na2SO4 ปรากฏวา่ เกิดตะกอนสีขาวข้ึน
สมการไอออนิกที่แสดงการเกิดตะกอนสีขาวคือขอ้ ใด
1. Ba(NO3)2(aq) + Na2SO4(aq) BaSO4(s) + 2 NaNO3(aq)
2. Ba2+(aq) + SO42 (aq) BaSO4(s)
3. Ba(NO3)2(aq) + Na2SO4(aq) BaSO4(s) + 2 NaNO3(s)
4. Na+(aq) + NO3 (aq) NaNO4(s)
3. พนั ธะโลหะ
101(แนว En) ถา้ เลขอะตอมของ X และ Y เทา่ กบั 11 และ 20 ตามลาดบั เลขออกซิเดชนั ของธาตุ
ท้งั สองควรเป็นเทา่ ใดในสารประกอบ และสารประกอบของ X และ Y ควรมีสูตรเป็นอยา่ งไร
1. +1 , +2 ; ไม่เกิด 2. –5 , +2 ; Y5X2
3. –3 , +2 ; Y3X2 4. +1 , –2 ; X2Y3
71
สรปุ เขม้ เคมี เลม่ 1 http://www.pec9.com บทที่ 2 พนั ธะเคมี
เฉลยตะลุยโจทย์ท่วั ไป บทที่ 2 พนั ธะเคมี
1. ตอบข้อ 1. 2. ตอบข้อ 1. 3. ตอบข้อ 4. 4. ตอบข้อ 1.
5. ตอบข้อ 2. 6. ตอบข้อ 1. 7. ตอบข้อ 1. 8. ตอบข้อ 3.
9. ตอบข้อ 1. 10. ตอบข้อ 1. 11. ตอบข้อ 4. 12. ตอบข้อ 2.
13. ตอบข้อ 2. 14. ตอบข้อ 3. 15. ตอบข้อ 3. 16. ตอบข้อ 4.
17. ตอบข้อ 2. 18. ตอบข้อ 1. 19. ตอบข้อ 2. 20. ตอบข้อ 1.
21. ตอบข้อ 2. 22. ตอบข้อ 3. 23. ตอบข้อ 3. 24. ตอบข้อ 1.
25. ตอบข้อ 3. 26. ตอบข้อ 2. 27. ตอบข้อ 4. 28. ตอบข้อ 3.
29. ตอบ 500 30. ตอบ 665.33 31. ตอบข้อ 4. 32. ตอบข้อ 3.
33. ตอบข้อ 4. 34. ตอบข้อ 2. 35. ตอบข้อ 4. 36. ตอบข้อ 3.
37. ตอบข้อ 4. 38. ตอบข้อ 2. 39. ตอบข้อ 3. 40. ตอบข้อ 3.
41. ตอบข้อ 2. 42. ตอบข้อ 1. 43. ตอบข้อ 3. 44. ตอบข้อ 3.
45. ตอบข้อ 1. 46. ตอบข้อ 2. 47. ตอบข้อ 4. 48. ตอบข้อ 4.
49. ตอบข้อ 4. 50. ตอบข้อ 1. 51. ตอบข้อ 1. 52. ตอบข้อ 1.
53. ตอบข้อ 3. 54. ตอบข้อ 4. 55. ตอบข้อ 2. 56. ตอบข้อ 4.
57. ตอบข้อ 2. 58. ตอบข้อ 4. 59. ตอบข้อ 2. 60. ตอบข้อ 4.
61. ตอบข้อ 4. 62. ตอบข้อ 3. 63. ตอบข้อ 3. 64. ตอบข้อ 4.
65. ตอบข้อ 3. 66. ตอบข้อ 2. 67. ตอบข้อ 1. 68. ตอบข้อ 3.
69. ตอบข้อ 3. 70. ตอบข้อ 4. 71. ตอบข้อ 4. 72. ตอบข้อ 4.
73. ตอบข้อ 3. 74. ตอบข้อ 3. 75. ตอบข้อ 4. 76. ตอบข้อ 4.
77. ตอบข้อ 4. 78. ตอบข้อ 3. 79. ตอบข้อ 3. 80. ตอบข้อ 4.
81. ตอบข้อ 2. 82. ตอบข้อ 3. 83. ตอบข้อ 4. 84. ตอบข้อ 4.
85. ตอบข้อ 4. 86. ตอบข้อ 2. 87. ตอบข้อ 1. 88. ตอบข้อ 4.
89. ตอบข้อ 1. 90. ตอบข้อ 2. 91. ตอบข้อ 1. 92. ตอบข้อ 2.
93. ตอบข้อ 2. 94. ตอบข้อ 2. 95. ตอบข้อ 1. 96. ตอบข้อ 4.
97. ตอบข้อ 4. 98. ตอบข้อ 4. 99. ตอบข้อ 4. 100. ตอบข้อ 2.
101. ตอบข้อ 1.
72