ANINTROVERT
EXTROVERINTAN
WORLD
"THE QUIET WAY TO
HAPILY"
เมื่อพูดถึงคำว่า อินโทรเวิร์ต (Introvert) บางคนอาจเข้าใจว่าเป็นคน
ที่ชอบอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงสังสรรค์ ทำตัวแปลกแยกจากคนหมู่มาก
หรือมักเศร้าหม่นอยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงต่อต้านสังคม (Antisocial)
ซึ่งไม่ใช่ความจริงเสียทั้งหมด เพราะหลายอย่างที่การเป็นอินโทรเวิร์
ตกลับให้ข้อดี และทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่าง Productive
หากรู้จักพัฒนาตนเองได้ถูกต้อง
คนเราจะเป็นอินโทรเวิร์ตหรือไม่ ต้องย้อนกลับไปดูตั้งแต่ตอน
กำเนิด หลายคนบอกว่า เด็กเปรียบเหมือนผ้าขาว แต่ไม่มีใครเป็นสี
ขาวในแบบเดียวกันทั้งหมด บางคนอาจเป็นเฉดหนึ่ง ในขณะที่อีกคน
เป็นอีกเฉด
ถามว่านิยามที่แท้จริงของคนที่เป็นอินโทรเวิร์ตคืออะไร อธิบายให้
เข้าใจง่ายขึ้น คนกลุ่มนี้คือคนที่สามารถรับสิ่งเร้าได้ดี จนบางทีถึงขั้น
ดีเกินไป ทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยหรือต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ
เมื่อเจอแสง สี เสียง หรือผู้คนจำนวนมาก
ถึงขั้นมีงานวิจัยที่ทดลองกับเด็กทารกจำนวนหลายชีวิต โดยสมมติ
เหตุการณ์ให้พวกเขาต้องเจอเสียงดังและภาวะรบกวนต่างๆ ผลที่ได้
คือ มีเด็กกลุ่มหนึ่งตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสิ่งเหล่านั้น ทั้งร้องไห้
ถีบเท้า และแสดงออกอีกหลายรูปแบบ กลับกัน เด็กอีกกลุ่มกลับมี
ท่าทีนิ่งเฉย ไม่รู้สึกอะไร ทำให้พอจะสรุปผลได้ว่า เด็กกลุ่มแรกมี
โอกาสเติบโตมาเป็นคนอินโทรเวิร์ตมากกว่า ชอบความสงบและ
สันโดษ ในขณะที่เด็กกลุ่มที่สองอาจเป็นพวกเอ็กซ์โทรเวิร์ต
(Extrovert) หรือกลุ่มคนที่ชอบเจอผู้คน พร้อมสังสรรค์ และไม่ได้รับ
สิ่งเร้ารวดเร็วเท่ากลุ่มแรก
"มีหลายคนที่เป็นอินโทรเวิร์ตแล้วประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ วอร์เรน บัฟเฟตต์ บิล เกตส์
รวมถึงยังมีงานวิจัยเล่าว่า 80% ของเด็กที่ไม่ค่อยพูดในชั้นเรียน
ผลการเรียนดีกว่าเด็กที่พูดเจื้อยแจ้วอีกด้วย"
S-Social
ลองเช็กดูว่าคุณเป็นคนที่ชอบชาร์จพลังด้วยการเข้าสังคมหรือไม่ การพักผ่อนของ
คุณคือการออกไปปาร์ตี้พบปะผู้คนหรือเปล่า ถ้าใช่ คุณอาจไม่อยู่ในกลุ่มอินโทรเวิร์ต
เพราะพวกเขามักชอบความสงบและสันโดษมากกว่าการออกไปเจอสังคม
T-Thinking
ลักษณะวิธีคิดของคนที่เป็นอินโทรเวิร์ตจะมีความซับซ้อนและลุ่มลึก เปรียบเหมือน
เครื่องกรองน้ำที่ผ่านหลายขั้นตอน เจอทั้งนุ่น ทราย ถ่านหิน กรวดหยาบ กรวด
ละเอียด ถึงจะกลั่นมาเป็นคำพูดหรือการแสดงออกอะไรบางอย่าง กลับกัน คนที่เป็น
เอ็กซ์โทรเวิร์ตอาจเหมือนผ้าขาวบาง คิดได้อย่างไรก็พูดเลย ไม่ได้กลั่นกรองมากนัก
A-Anxious
คนอินโทรเวิร์ตมักมีความระแวดระวังต่อเรื่องต่างๆ ในชีวิตมากเป็นพิเศษ และจะ
วางแผนอย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่ถ้าคิดมากเกินไปก็
อาจทำให้วิตกกังวลง่าย จึงควรบาลานซ์ให้ดี เพื่อทำให้ไม่ส่งผลเสียกับตัวเอง
R-Restrain
เนื่องจากคนที่เป็นอินโทรเวิร์ตต้องใช้พลังในการแสดงออกแต่ละครั้ง ทำให้พวกเขามี
ลิมิตการแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกของตัวเองในแบบที่พอดี ไม่ผลีผลาม
ตอบโต้ในทันทีหากเกิดอะไรขึ้น แต่จะค่อยๆ คิดวิเคราะห์จนเข้าใจ ข้อดีคือพวกเขาอาจ
เกิดข้อผิดพลาดน้อยกว่าคนที่แสดงออกทันที แต่ข้อเสียคือบางครั้งอาจดูเหมือนคน
ที่ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น หรือดูไม่ให้ความร่วมมือนั่นเอง
อินโทรเวิร์ตไม่ได้แปลว่าขี้อายหรือเกลียดสังคม ดังนั้น หากต้อง
ทำงานเกี่ยวกับการพบปะผู้คน เช่น การพรีเซนต์งานต่อหน้าคน
จำนวนมาก คนกลุ่มนี้อาจทำได้ดีด้วยซ้ำ เพราะเขาคิดมาเป็นอย่างดี
โครงสร้างสคริปต์ละเอียด วางแผนตั้งแต่ต้นจนจบ อาจยากหน่อย
ในเรื่องของการเปล่งเสียงพูด เพราะต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง แต่
หากได้ฝึกฝนทักษะจนชำนาญ ก็อาจทำให้พวกเขาเก่งกาจไม่น้อย
เลยทีเดียว กลับกัน บางคนที่เป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตก็อาจไม่ชอบพรี
เซนต์งาน หากเขารู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดี เพราะคนกลุ่มนี้สามารถ
พูดไปได้เรื่อยๆ ไม่มีจังหวะหยุด ทำให้ขาดเมจิกโมเมนต์ จนทำให้คน
ดูรู้สึกเหนื่อย แถมพอไม่ได้การตอบรับตามที่คาดหวัง คนไม่สนุก ไม่
ตลก ไม่ชอบใจกับสิ่งที่เขากำลังแสดงออก ก็อาจรู้สึกเสียความมั่นใจ
ไปทันที
บางคนเข้าใจว่าอาการ Introvert มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้า
เพราะดูจากลักษณะการเก็บตัวไม่เข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียวแล้วช่าง
คล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้าอย่างมาก ซึ่งอันที่จริงคน Introvert จะมี
ความเสี่ยงสูงต่อโรคซึมเศร้า หากเมื่อใดพบว่าไม่เข้าใจอารมณ์และ
บุคลิกภาพของตัวเอง ก็พยายามนำไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น จนทำให้
เกิดความกดดันตัวเอง ส่งผลทำให้เกิดภาวะความเครียด และเมื่อ
เครียดมาก ๆ ก็ส่งผลต่อภาวะของโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน จึงทำให้คน
Introvert จึงมีความสุขได้ไม่มากเท่ากับคนที่เป็น Extrovert โดยมี
งานวิจัยระบุว่า คน Extrovert จะมีความสุขมากกว่า มีแนวโน้มเป็น
โรคซึมเศร้าน้อยกว่าคนที่มีบุคลิกแบบ Introvert
นอกจากอินโทรเวิร์ต เอ็กซ์โทรเวิร์ต ยังมี แบบ ทดสอบ MBTI ด้วยนะ
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ยังมีแบบทดสอบอื่นๆ ที่ใช้ในการจำแนกบุคลิกภาพของ
คนได้อีกหลากหลาย โดยหนึ่งในแบบทดสอบที่หลายคน รวมถึงในหลายๆ บริษัทให้
ความสนใจ ก็คือ MBTI หรือ Myers-Briggs Type Indicator นั่นเอง
MBIT คือ แบบวัดบุคลิกภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีจุดประสงค์เพื่อเป็นแนวทาง
ในจำแนกบุคลิกภาพของแต่ละคน และในบางบริษัทอาจใช้หาคนที่เหมาะสมกับงาน
ให้เหมาะสมมากขึ้น
ซึ่งแบบทดสอบนี้ มีคำแนะนำว่าไม่ต้องใช้เวลาในการคิดวิเคราะห์ แต่ควรตอบตรง
ตามสัญชาตญาณตัวเองให้มากที่สุด เพราะจะได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับตัวเองที่สุด
และผลลัพธ์ที่ได้จะประมวลออกมาเป็นตัวอักษร 4 ตัว จากทั้งหมด 8 ตัว ดังนี้
บุคลิกภาพ
E – Extroversion ชอบเข้าสังคม
I – Introversion ชอบอยู่คนเดียว
การรับรู้ข้อมูล
S – Sensing ใช้ความรู้สึก
N – Intuition ใช้สัญชาตญาณ
การตัดสินใจ
T – Thinking ใช้เหตุผล
F – Feeling ใช้ความรู้สึกส่วนตัว
การใช้ชีวิต
J – Judging มีระเบียบการวางแผน
P – Perceiving ใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่น
รวมแล้ว จะสามารถแบ่งออกเป็น 16 แบบ ด้วยกัน ซึ่งแต่บุคลิกก็จะมีนิสัย
พฤติกรรมลงรายละเอียดมากขึ้นกว่าการแค่การจำแนกว่าเป็น อินโทรเวิร์ต เอ็กซ์
โทรเวิร์ต หรือ แอมบิเวิร์ต