ธุรกิจท่พี กั แรม
กิตต์กิ ัญญา จันทร์โอกล่มุ 3 เลขที่ 32
รัตนาวรรณ ปาสา กล่มุ 3 เลขท่ี 61
รายงานนเี้ ป็ นส่วนหน่ึงของการศึกษาวิชาการค้นคว้าและการเขียนรายงานเชิงวิชาการ
สาขาวิชาการจดั การการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี
ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2564
ก
คานา
รายงานฉบบั บน้ีจดั ทาข้นึ เพอ่ื ปฏบิ ตั ิการเขียนรายงานการคน้ ควา้ ที่ถกู ตอ้ งอยา่ งเป็นระบบ
อนั เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษารายวชิ า 01-210-017 การคน้ ควา้ และการเขยี นรายงานเชิง
วิชาการ ซ่ึงจะนาไปใชใ้ นการทารายงานคน้ ควา้ สาหรับรายวชิ าอ่นื ไดอ้ ีกการท่ีผจู้ ดั ทา
เลือกทาเรื่อง “ธุรกจิ ที่พกั แรม” เน่ืองจากในปัจจุบนั มธี ุรกิจท่พี กั แรมเป็นจานวนมากและมี
รูปแบบที่พกั แรมแตกต่างกนั ออกไป ดงั น้นั จึงมคี วามจาเป็นอย่างมากทจ่ี ะตอ้ งนาเสนอ
ความรู้ความเขา้ ใจที่ถูกตอ้ งเกย่ี วธุรกิจทีพ่ กั แรม
รายงานเลม่ น้ีกลา่ วถึงเน้ือหาเก่ยี วกบั ความหมาย ประเภท ลกั ษณะ รูปแบบของท่พี กั เหมาะ
สาหรับผทู้ ีต่ อ้ งการรบั รู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ธุรกิจท่พี กั แรมที่ถูกตอ้ งและทราบแนวโนม้ ของ
ธุรกิจพกั แรม
ขอขอบคุณ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. พนิดา สมประจบ ท่ีกรุณาให้ความรู้และคาแนะนาโดย
ตลอดรวมไปถึงเจา้ ของบทความ ที่ผเู้ ขยี นใชอ้ า้ งอิงทกุ ท่าน หากมีขอ้ บกพร่องประการใด
ผเู้ ขียนขอนอ้ มรับไวเ้ พ่อื ปรับปรุงตอ่ ไป
กติ ต์กิ ญั ญา จนั ทร์โอ
รตั นาวรรรณ ปาสา
22 ตุลาคม 2564
ข
ค
สารบัญ
หนา้
คานา………………………………………………………………………………………. ก
สารบญั ภาพประกอบ……………………………………………………………………… ช
บทท่ี
1 บทนา…………………………………………………………………………………. 1
1.1 ความหมายของที่พกั แรม……………………………………………………….. 1
1.2 วิวฒั นาการทพี่ กั แรม……………………………………………………………. 2
1.2.1 วิวฒั นาการของธุรกิจท่ีพกั แรมในตา่ งประเทศ……………………………. 2
1.2.1.1 ธุรกิจที่พกั แรมในกลมุ่ ประเทศภาคพ้ืนยุโรป…………………….. 2
1.2.1.2 ความเป็นมาของธุรกจิ ท่พี กั แรมในประเทศองั กฤษ………………. 3
1.2.1.3 ความเป็นมาของธุรกจิ ที่พกั แรมในสหรัฐอเมริกา………………... 4
1.2.2 ววิ ฒั นาการธุรกจิ ท่ีพกั แรมในประเทศไทย………………………………… 4
1.3 ความสาคญั ของท่ีพกั แรม………………………………………………………… 5
1.3.1 ความสาคญั ของธุรกจิ ท่ีพกั แรมในดา้ นเศรษฐกิจ………………………… 6
1.3.2 ความสาคญั ของธุรกิจทพ่ี กั แรมในดา้ นสงั คม…………………………….. 6
2 การประกอบธุรกจิ ที่พกั แรม……………………………………………………………. 9
2.1 รูปแบบของทีพ่ กั แรม…………………………………………………………….. 9
2.2 การแบง่ ประเภทของทพ่ี กั แรม……………………………………………………. 17
2.3 ปัจจยั สาคญั ของทพี่ กั แรม………………………………………………………… 20
2.4 กฎหมายโรงแรม…………………………………………………………………… 21
3 การจดั การธุรกิจที่พกั แรม………………………………………………………………. 26
3.1 ประเภทของที่พกั แรม……………………………………………………………… 26
3.2 ประเภทของแขกที่มาพกั …………………………………………………………… 28
ง
จ
สารบญั (ต่อ)
หน้า
4 แนวโนม้ ของธุรกิจทพ่ี กั แรม…………………………………………………. 31
4.1 ขอ้ มลู พ้นื ฐานที่พกั แรม………………………………………............... 29
4.2 สถานการณท์ ี่ผา่ นมาของธุรกจิ ท่พี กั …………………………………... 32
4.3 ภาวะวกิ ฤตของทพ่ี กั แรมในวิกฤตการณ์ COVID-19 …………………. 33
5 บทสรุป……………………………………………………………………… 36
บรรณานุกรม………………………………………………………………………….. 40
ฉ
ช
สารบัญภาพประกอบ
ภาพท่ี หนา้
1 โรงแรม Hotel……………………………………………………………… 8
2 รีสอร์ท Resort…………………………………………………………….. 9
3 โมเต็ล Motel……………………………………………………………… 10
4 โฮสเตย์ Home Stay………………………………………………………. 11
5 ฟาร์มสเตย์ Farm Stay……………………………………………………. 11
6 เกสตเ์ ฮาส์ Guesthouse................................................................................ 11
7 เซอร์วิสอพาร์ทเมนต…์ …………………………………………………… 12
8 คอนโดมิเนียมโฮเต็ล………………………………………………………. 13
9 บงั กะโล Bungalow………………………………………………………… 13
10 ลอดจ์ Lodge………………………………………………………………... 14
ซ
1
บทที่ 1
บทนา
ธุรกิจท่ีพกั แรม หรือธุรกิจโรงแรม ( Accommodation or Hotel Business ) ธุรกิจที่ให้บริการท่ี
พกั อาศยั แก่นักท่องเท่ียว รวมท้งั บริการอาหารและเครื่องด่ืม ตามความต้องการของนักท่องเท่ียว
โดยคิดค่าตอบแทนเพื่อผลกาไรของธุรกิจน้นั ๆ แต่ในปัจจุบนั นิยมใชค้ าวา่ ธุรกิจโรงแรมมากกว่า
“ ธุรกจิ ทพ่ี กั แรม ” ( กญั ญา พงศจ์ นั ทรเสถยี ร, ม.ป.ป : ออนไลน)์
อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเป็นหน่ึงกาลงั สาคญั ในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจในประเทศไทยท่ี
สร้างรายได้มหาศาลจากนักท่องเที่ยวท้ังชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเขา้ มาท่องเท่ียวใน
ประเทศไทยอย่างต่อเน่ืองส่งผลให้การประกอบธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยมีแนวโนม้ ขยายตวั
อย่างเพิ่มข้ึน ประกอบกบั มาตราการส่งเสริมการท่องเท่ียวภายในประเทศส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมมี
การขยายตวั ตามไปดว้ ย การประกอบธุรกิจโรงแรมจตอ้ งไดร้ ับอนุญาตจากนายทะเบียนโรงแรม จึง
ตอ้ งมีการย่ืนขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมซ่ึงตอ้ งอยู่ภายใตห้ ลกั เกณฑท์ ี่กฎหมายบญั ตั ไิ ว้
( พทั ธ์ธีรา ศรีประทกั ษ,์ 2558 : 31 - 32 )
1.1 ความหมายของธรุ กิจโรงแรม
ในเบ้ืองต้นต้องเขา้ ใจคาว่า “ธุรกิจ” เสียก่อนซ่ึง ราณี อิสิชยั กุล ได้ให้ความหมายคาว่า
“ธุรกิจ” หมายถึง กิจกรรมด้านการผลิตสินค้าหรือบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของ
ผบู้ ริโภค โดยมีจดุ มงุ่ หมายในการแสวงหากาไร ส่วนคาวา่ “ธุรกิจท่องเทีย่ ว (Tourism Business)”
หมายถงึ กิจกรรมดา้ นการผลิตสินคา้ และบริการ เพือ่ อานวยความสะดวกและตอบสนองของนกั
เดินทางเพ่ือให้นกั ทอ่ งเท่ียวสามารถทอ่ งเท่ียวได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยมีจดุ มุ่งหมายเพ่ือแสวงหา
กาไร
คาว่า “พกั แรม” ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง พักคา้ งคืน
เช่น ลกู เสือไปพกั แรม ส่วนคาวา่ “ที่” (Place หรือ Position)” มาจากคาว่า สถานที่ ซ่ึงแปลว่า ทต่ี ้งั
หรือแหล่ง เช่น สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ตากอากาศ สถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจ เช่นน้ี เมื่อรวม
ความหมายท้งั สองคาเขา้ ดว้ ยกนั ท่ีพกั แรม จึงหมายถงึ สถานท่ีสาหรับพกั คา้ งคืน
2
เพียงแต่ไมใ่ ช่การคา้ งคืนประจาเป็นปกตอิ ย่างเช่นบ้าน หรือหอพกั แต่การตีความท่ีถูกตอ้ งควร
หมายถึง สถานท่ีสาหรับพกั คา้ งคืนเป็ นการชั่วคราว ในขณะเดินทางเพื่อท่องเท่ียว ทากิจธุระ
อบรม สัมมนา เป็นตน้
สุวฒั น์ จุธากรณ์ ได้อธิบายถึงคาว่า “ ธุรกิจท่ีพักแรม ” ไวว้ ่า ธุรกิจที่พักแรมน้นั มีหลาย
ประเภท เช่น โรงแรม โมเตล็ เกสตเ์ ฮาส์ รีสอร์ท ทีต่ ้งั แคมป์ บา้ นพกั ตากอากาศ บงั กะโล แพ เป็น
ตน้ ซ่ึงสถานท่ีพกั จะตอ้ งสะอาด ปลอดภยั และมรี าคาที่เหมาะสมกบั สภาพที่พกั แตล่ ะประเภท
ดงั น้นั ธุรกิจท่ีพกั แรม หมายถงึ การใหบ้ ริการด้วยการจดั สถานที่ ( Place ) เพ่ือใช้สาหรบั รองบั ผู้
เดนิ ทางที่ตอ้ งการพกั คา้ งคืนในระหว่างการเดินทางท่องเท่ียวหรืออบรม สมั มนาหรือทาธุรกจิ อื่น
และมีการอานวยความสะดวกในด้านอ่ืนๆ เช่น อาหารและเครื่องด่ืม ความสะอาด ปลอดภัย
ในขณะที่พักอาศัยโดยมีจุดมุ่งหมายในการแสวงหากาไรจากการให้บริการดงั กล่าว ( สุวฒั น์
จุธากรณ์ , 2554 : 5)
1.2 วิวฒั นาการธรุ กจิ ที่พักแรม
1.2.1 วิวัฒนาการของธรุ กิจท่พี กั แรมในต่างประเทศ
ธุรกจิ ท่พี กั แรมมปี ระวตั ิความเป็นมาท่ีเก่าแกแ่ ละยาวนานมากเกอื บ 2,000
ปี เพราะไมว่ ่ายุคสมยั ใดก็ตาม ผูท้ ี่เดินทางไปทอ่ งเทย่ี วกไ็ ม่สามารถเดนิ ทางไปถงึ สถานทีต่ ่างๆได้
ท้งั หมด ภายในเวลาหน่ึงวนั จึงทาให้เกดิ ธุรกิจที่พกั แรมสาหรบั บริการท่ีพกั ผ่อนนอนหลบั ให้แก่
นกั ท่องเทีย่ วในระหว่างการเดินทางในทุกยุค ทกุ สมยั จึงทาให้ธุรกิจท่ีพกั แรมและผูท้ ่ีเดนิ ทางเป็น
ของคูก่ นั มาต้งั แตส่ มยั โบราณและมวี ิวฒั นาการทีส่ มั พนั ธใ์ กลช้ ิดกบั การเดินทางเสมอ โดยรูปแบบ
ของ ธุรกิจที่พกั แรมจะผนั แปรไปตามวตั ถุประสงค์ของผูเ้ ดินทางและความเจริญก้าวหน้าของ
ระบบ การคมนาคมขนส่งอย่างสอดคลอ้ งกนั
(1.2.1.1) ธุรกิจท่ีพกั แรมในกล่มุ ประเทศภาคพ้ืนยโุ รป
ในยุคโบราณ ( Early History ) มนุษยม์ ีการเดินทางท้ังทางบกและทางทะเล โดย
วตั ถุประสงคเ์ พื่อการอพยพยยา้ ยถ่ินฐาน คา้ ขายสินคา้ ปกครองดินแดนอ่ืนๆหรือแมแ้ ต่การจาริก
แสวงบญุ และประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนา ทาให้เกิดทีพ่ กั แรมแบบ ทาเวิร์น ( Tavern ) ซ่ึปรากฏ
ในมหากาพย์ Iliad and Odyssey ของจินตกวที ี่ชื่อ โฮเมอร์ (Homer) จงึ มีการจดั
3
ท่ีพกั แรมใหก้ บั ผูเ้ ดนิ ทางที่สะทอ้ นแนวคดิ วา่ ผูค้ นในยุคน้นั เชื่อวา่ ผูม้ าเยือนถิน่ ของตนอาจ
เป็นท้งั ตวั แทนของภูตผีหรือพระเจา้ หากมีการต้อนรับหรือรับรองอย่างดีย่อมทาให้ผูต้ อ้ นรับ
น้นั ไดบ้ ญุ ตามความเช่ือทางจติ วญิ ญาณซ่ึงมลี กั ษณะมุ่งเนน้ ไมตรีจิตเป็นสาคญั
อาณาจักรโรมัน ( RomanEmpire ) เมื่ออาณาจักรโรมันได้รับชัยชนะครอบครองพ้ืนท่ี
บางส่วนของทวีปยุโรปแล้ว จึงมีการสร้างถนนสายหลักยาว 51,000 ไมล์ เพื่อเชื่อมโยง
ดินแดน ท่ีอยู่ในครอบครองและเมืองสาคญั ทาให้เกิดธุรกิจท่ีพกั แรมตามถนนสายดังกล่าว
สาหรับให้บริการ พ่อคา้ ต่างแดน ขา้ ราชการหรือนักเดินทางมาหาความสาราญรวมถึงที่พัก
แรมสาหรับผูเ้ ดินสาร ( PostingHouse ) ในกิจการสื่อสารและไปรษณียแ์ ต่ต่อมาอาณาจักร
โรมนั ล่มสลายทาใหท้ วปี ยุโรป เขา้ สู่ยคุ กลาง ( The Middle Ages ) ซ่ึงเป็นยคุ มืด (Dark Ages)
เพราะเกิดสงครามและการปลน้ สะดม ทาให้ประชาชน ประสบภาวะยากจนและความไม่
ปลอดภยั จึงทาให้ผูค้ นไม่นิยมเดินทาง เม่ือเป็ นเช่นน้ีธุรกิจที่พักแรมส่วนใหญ่จึงต้องปิ ด
กิจการลงโดยท่ีนกั เดินทางในยุคน้ีจะมีแต่เพียงนกั จาริกแสวงบุญผูส้ อนศาสนาเป็นส่วนมาก
ซ่ึงพวกเขาจะพกั แรมอยูต่ามวัด (Hospices) หรือ ท่ีพักแรมขนาดเล็กซ่ึงต้องอยู่ใกลว้ ดั ซ่ึงมี
มาตรฐานการบริการท่ีต่ามาก มีเพียงแค่การปูฟูกไว้ รับรองแขกเพ่ือพกั รวมกนั ในห้องโถง
กลาง และให้บริการอาหารแบบประหยดั เชน่ ขนมปัง เน้ือสตั ว์ เบยี ร์ เป็นตน้
ยุคฟ้ืนฟูศิลปะวิทยาการ ( The Renaissance ) เกิดระบบคมนาคมขนส่งโดยใชร้ ถม้า
โดยสาร ( StagecoachTravel ) สาหรับเดนิ ทางไกลท่ีใช้วลาในการเดินทางหลายวนั ทาให้เกิด
ธุรกจิ ที่พกั แรมเกิดข้ึนตามเส้นทางท่ีรถมา้ ว่ิงผ่าน เพ่ือรองรับผูโ้ ดยสารและมา้ ที่จาเป็นต้อง
คา้ งคนื ในระหว่างการเดนิ ทาง จงึ ทาให้เกดิ ท่ีพกั แรมประเภท “โรงเต๊ยี ม” (Inn)
(1.2.1.2) ความเป็นมาของธุรกจิ ทีพ่ กั แรมในประเทศองั กฤษ
ธุรกิจทีพ่ กั แรมเจริญเติบโต ไปตามเส้นทางของระบบการคมนาคม กล่าวคือ ใน
ยุคที่มกี ารเดนิ ทางไกลดว้ ยรถมา้ โดยมาจาก กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษไปสู่เมอื งอะดินบะ
ระ สก็อตแลนด์ ธุรกิจท่ีพักแรม (Stagecoach Travel) ก็เจริญเติบโตข้ึนตามเส้นทางที่รถม้า
โดยสารสญั จรผ่านดว้ ย
4
ซ่ึงตอ่ มาเมื่อการคมนาคมขนส่งทางรถไฟขยายตวั มีเสน้ ทางเช่ือมโยงไปยงปั ระเทศต่างๆทาให้
ชาวองั กฤษสามารถเดินทางไปยงั อาณานิคมและทวีปอเมริกาซ่ึงเพ่ิงถูกคน้ พบในปี ค.ศ. 1492
โดย Chritopher Columbus จึงทาใหธ้ ุรกจิ ทีพ่ กั แรมแพร่ขยายเขา้ ไปสู่ประเทศดงั กล่าวมากยิ่งข้นึ
(1.2.1.3) ความเป็นมาของธุรกจิ ท่พี กั แรมในสหรฐั อเมริกา
เริ่มมจากการขยายตัว ของการคมนาคมขนส่งทางรถไฟ ซ่ึงช่วยให้ประชาชน
เดินทางได้โดยสะดวกยิ่งข้ึนรวมท้งั พอ่ คา้ ก็สามารถประกอบธุรกจิ การคไ้ ด้มากข้นึ จงึ มสี ่วนชว่ ย
กระตุ้น ทาให้เกดิ ความนิยมเดินทางท่องเที่ยว และดาเนินธุรกิจการคา้ อย่างแพร่หลาย ส่งผลให้
เกิดธุรกิจทพ่ี กั แรมบริเวณใกลส้ ถานีรถไฟข้ึนและเกิดการพฒั นาจนกลายเป็นโรงแรมขนาดใหญ่
ท่ีมีความหรูหราพร้อมจัดสรรสิ่งอานวยความสะดวกให้แก่นักเดินทาง ซ่ึงโรงแรมลกั ษณะน้ี
เรียกว่า แกรนด์โฮเต็ล (Grand Hotel) แต่ต่อมาเม่ือมีการคมนาคมทางอากาศและทางรถยนต์
ได้รับความนิยมมากย่ิงข้ึนจึงทาให้ธุรกิจที่พกั แรม ปรบั เปล่ียนทาเลท่ีต้งั จากเดิมท่ียึดตามแนว
เส้นทางรถไฟโดยเปลี่ยนไปอยใู่ กลก้ บั สนามบิน และถนนสายหลกั มากข้ึน ตอ่ มาธุรกจิ ท่พี กั แรม
มีการขยายตวั และเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงมีการสร้างโรงแรมจานวนเพิ่มสูงข้ึนถึงจานวนหน่ึง
รอ้ ยแห่งและมีการพฒั นาธุรกิจทพี่ กั แรมในรูปแบบใหม่ ๆ เชน่ ในเมอื งดักลาส มลรฐั แอริโซนา
มีการสร้างห้องพกั ท่ีมีลานจอดรถส่วนตวั อยู่ในบริเวณเดียวกัน เรียกว่า “ โมเตล็ ( Motel ) ”
ซ่ึงป็นการรวบคาของ Motorcar และ Hotel
1.2.2 วิวฒั นาการธุรกจิ ท่ีพักแรมในประเทศไทย
ความเป็นมาของที่พกั แรมในประเทศไทยน้นั มมี าต้งั แต่สมยั กรุงสุโขทยั และกรุงศรี
อยธุยาเกิดข้ึนจากชาวบ้านต่างเมืองเดินทางไปมาเพื่อทาการคา้ ขายหรือเพ่ือการเล่นการพนัน
หวย กันภายในเมืองแลว้ ไม่สามารถเดินทางกลบั ภูมิลาเนาไดภ้ ายในวนั น้นั จึงทาให้ต้องขอ
อาศยั พกั คา้ งแรมตามบา้ นเรือนของญาติพ่นี อ้ ง เพ่อื นฝูงหรือแมก้ ระทง่ั ตามวดั วาอาราม
ซ่ึงพอนานวนั จงึ เกิดความไมส่ ะดวกและมีจานวนผูค้ นท่ีมากย่ิงข้ึนจึงมกี ารสร้าง “ ศาลาท่ีพกั
คนเดนิ ทาง ” ไวใ้ นหมบู่ า้ นริมทางเดินในป่ าและริมแม่น้าลาคลอง โดยมีลกั ษณะเป็นเรือนแถว
ช้นั เดยี ว เป็นห้องพกั รวมสาหรับใชพ้ กั อาศยั กนิ อยู่หลบั นอน
การประกอบธุรกิจที่พักแรมได้เกิดข้ึนคร้งั แรกในประเทศไทย เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2405
ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวแห่งกรุงรตั นโกสินทร์ เกิดทพ่ี ักแรม
ที่เรียกว่า “ บอร์ดด้ิงเฮาส์ (Boarding House) ” สาหรับใช้รองรับนักธุรกิจหรือนักท่องเที่ยว
ชาวต่างชาติ ซ่ึงเป็ นผลสืบเน่ืองมาจากการทาสนธิสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศ
5
องั กฤษและประเทศ ต่าง ๆ ในทวปี ยุโรป ที่สามารถเจรจาตกลงทาคา้ ขายกนั ไดอ้ ย่างเสรี จึงทา
ให้ชาวต่างชาตินิยม เดินทางเขา้ มาในประเทศไทยและมีถ่ินพานกั อยู่ทวั่ ราชอาณาจักรไทยซ่ึง
ไดแ้ ก่ นกั การทตู พ่อคา้ นายทหารมิชชนนั ารี เป็นตน้
นอกจากน้ี ในปี พ.ศ. 2409 รัฐบาลไทยได้สร้างท่ีพกั ตากอากาศชายทะเลข้ึนแห่งแรกเนื่องจาก
ชาวต่างชาตินิยมการพักผ่อนตากอากาศ แต่คนไทยสมัยน้ันยงั ไม่รูจ้ ักการพกั ผ่อนตากอากาศ
ชายท ะเลพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงมีพระราชดาริให้สร้างพระตาหนักมหา
ราชาและมหาราชินี ท่ตี าบลอ่างหิน จงั หวดั ชลบุรี สาหรับให้ชาวต่างชาติเช่าตากอากาศโดยท่ี
ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั มกี ารสร้างโรงแรม โอเรียลเต็ล (Oriental
Hotel) ในปี พ.ศ. 2419 ซ่ึงนบั เป็นโรงแรมทเ่ี ก่าแกท่ สี่ ุดในประเทศไทยโดยสรา้ งเป็นอาคารไม้
ช้นั เดียวขนานไปกบั ริมฝ่งั แม่น้าเจา้ พระยาโดยนาย C.Salje นกั เดนิ เรือ ชาวเดนมาร์ก ซ่ึงต่อมา
มีการปรับปรุงขยายเป็ นตึกพร้อมมีส่ิงอานวยความสะดวกสาหรับผู้พัก เช่น หนังสือพิมพ์
บิลเลียด เชา่ เรือ และเป็นโรงแรมที่มีไฟฟ้าใชใ้ นเดอื นเมษายนพ.ศ.2434
ท้งั น้ีในช่วงปี พ.ศ. 2468-2477 เศรษฐกิจประเทศไทยประสบภาวะลาบากเพราะ วิกฤต
เศรษฐกิจทวั่ โลก ทาให้พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้วงั
พญาไทเป็ น “โฮเต็ลวงั พญาไท” เปิ ดดาเนินการคร้งั แรกเมื่อเดือนธนั วาคม พ.ศ. 2469 ซ่ึงจดั
เป็น โรงแรมท่ียอดเยี่ยมทีส่ ุดในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเมอ่ื เทียบกบั ประเทศจนี ประเทศญีป่ ่ ุน
ประเทศอินเดียและประเทศสิงคโปร์ ในยุคสมัยน้ันเนื่องจากเป็นโรงแรมท่ีดัดแปลงมาจาก
พระราชวงั จงึ มคี วามหรูหรา มกี ารประดับตกแต่งอาคารดว้ ยศิลปะทีว่ ิจิตรงดงาม มหี อ้ งอาหาร
หอ้ งนั่งเล่น ห้องเต้นรา และสนามเทนนิส ซ่ึงปัจจุบนั โฮเต็ลวงั พญาไทกลายเป็ นโรงพยาบาล
พระมงกุฎเกลา้ ตามคาส่งั ของคณะปฏิวตั ิเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
1.3 ความสาคัญของธุรกิจที่พกั แรม
ปัจจุบันอุตสาหกรรมที่พกั แรมมีการเจริญเติบโตข้ึนอย่างรวดเร็ว ดังน้ัน ลกั ษณะการ
ดาเนินการ จดั การของโรงแรมในอดีตกบั ปัจจุบนั จึงมคี วามแตกต่างเนื่องจากหลายปัจจยั อาทิ ขนาด
ของทีพ่ กั แรม สถานท่ีต้งั ตลอดจนสิ่งอานวยความสะดวกที่มไี วบ้ ริการเป็นต้น ในอดีตการบริหาร
ในธุรกิจท่ีพักแรม ส่วนมากเจ้าของกิจการจะเป็ นผู้ดูแลและบริหารงานเองเน่ืองจากคู่แข่งขนั ใน
ธุรกจิ ยงั มนี อ้ ยแตใ่ นปัจจบุ นั สภาพเหล่าน้ีเปลยี่ นแปลงไปเน่ืองจากมโี รงแรมขนาดใหญจ่ านวนหลาย
ร้อยห้องพกั และมีส่ิงอานวยความสะดวกท่ีครบครันเกิดข้ึนจานวนมากจึงจาเป็ นต้องมีการระดม
เงินทุนจานวนมากเพื่อสร้างสิ่งดึงดูดใจต่าง ๆ ให้ลูกค้า มาใช้บริการและเกิดความประทับใจ
6
ประกอบกับการเดินทางท่ีสะดวกสบายมากข้ึนในปัจจุบนั ส่งผลให้มีการเดินทางระหว่า งประเทศ
อย่างกวา้ งขวาง ดังน้ัน ระบบการจักการในธุรกิจที่พกั แรม จึงจาเป็ นต้องใช้หลักการบริหารตาม
มาตรฐานสากลและการบริหารงานอย่างมอื อาชีพ
1.3.1 ความสาคญั ของธุรกจิ ทพ่ี ักแรมในด้านเศรษฐกิจ
การเจริญเตบิ โตของกิจการดา้ นที่พกั แรมและการทอ่ งเที่ยวส่งผลใหเ้ กิดรายได้และการจา้ ง
งาน ภายในประเทศ เกิดการกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นผูท้ ี่เป็ นแรงงานในธุรกิจ
ท่องเที่ยวและธุรกิจอ่ืนท่ีเกี่ยวเนื่อง ท้ังน้ีนอกจากการจ่ายค่าท่ีพักแรมและบริการอื่นๆ จากนัก
ทอ่ งเที่ยวแลว้ ยงั มกี ารจบั จ่ายใชส้ อยในคา่ ใชจ้ ่ายอื่นๆ ตามมาอกี ดว้ ย เชน่ การบริการจัดนาเที่ยว การ
ขนส่ง ของท่ีระลึก ฯลฯ ส่งผลให้อาชีพการบริการในธุรกิจการท่องเท่ียวมีการขยายตัวมากยิ่งข้ึน
เพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการต่าง ๆ ของนกั ท่องเท่ยี ว
ความสาคญั ของธุรกจิ ทพี่ กั แรมในดา้ นเศรษฐกิจสามารถสรุปไดด้ งั น้ี
1. ทาใหเ้ กดิ การสร้างงานและอาชีพให้แกค่ นในชุมชน
2. นารายไดเ้ ขา้ สู่ประเทศและสรา้ งเม็ดเงนิ หมนุ เวียนในระบบเศรษฐกจิ
3. เป็นแหลง่ รับซ้ือสินคา้ และผลติ ภณั ฑจ์ ากอุตสาหกรรม อน่ื ๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ ง อาทิ อาหารและ
เคร่ืองดื่ม ของท่ีระลึก เฟอร์นิเจอร์ ของประดบั ตกแต่ง ฯลฯ
4. สนบั สนุนกจิ กรรมทางการท่องเท่ยี วและส่งเสริมการลงทนุ ในภูมภิ าค
1.3.2 ความสาคญั ของธุรกิจทพี่ ักแรมในด้านสังคม
จากการที่กิจการท่ีพกั แรมได้ส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้และการจ้างงานให้กับคนใน
ชมุ ชนน้นั ย่อมส่งผลต่อคณุ ภาพชีวิตที่ดีข้ึน กล่าวคอื มีการกระจายรายไดไ้ ปยงั ส่วนต่างๆของชุมชน
โดยเฉพาะ อย่างย่ิงชุมชนที่มีแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานท่ีสาคัญ ๆ ต้งั อยู่ ซ่ึงสามารถดึงดูดให้
นกั ท่องเที่ยวสนใจเดินทางมาเย่ียมชม ทาให้คนในชุมชนน้ันมีรายได้มากข้ึนช่วยลดปัญหาการ
ว่างงาน การอพยพแรงงาน จากทอ้ งถิน่ เขา้ สู่เมืองใหญ่
ความสาคญั ของธุรกจิ ทพ่ี กั แรมในดา้ นสังคมสามารถสรุปไดด้ งั น้ี
1. ช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็ นอยู่ของท้องถ่ิน เช่น ระบบสาธารณูปโภค การคมนาคม
ขนส่ง ความปลอดภยั ระบบการตดิ ตอ่ ส่ือสาร เป็นตน้
7
2. ลดปัญหาการวา่ งงานและชุมชนแออดั จากการอพยพเขา้ มาขายแรงงานในเมืองใหญ่เป็นจานวน
มากอนั จะเป็นผลทาให้เกิดปัญหาสังคมต่างๆตามมา
3. เป็นแหล่งบนั เทงิ ของชมุ ชนเพ่อื การพกั ผ่อนหย่อนใจ
4. เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์แ ละศูนยร์ วมกิจกรรมทางสงั คม เช่นการจดั ประชุมสัมมนา การ
จดั งานสังสรรคต์ า่ งๆ เป็นตน้
8
9
บทที่ 2
การประกอบธุรกิจท่ีพกั แรม
ธุรกิจที่พัแรมนับว่าเป็ นบริการท่ีมีความสาคัญอย่างหน่ึงท่ีสามารถตอบสนองความ
ต้ องก าร ข อ งแ ข ก ผู้ท่ี พัก ใ น ก าร พั กค้างคื น ร ะ ห ว่างก าร เดิ น ท างไป สู่ จุด ห ม าย ป ล าย ท างไ ด้
(Destination) และเนื่องจากกจิ กรรมการท่องเท่ียวในปัจจุบนั มคี วามหลากหลายและแปลกใหมม่ าก
ข้ ึ นจึงท าให้ มี การป รั บ เป ล่ีย นรู ป แบ บ การ ใ ห้ บ ริ การไป ต าม กิจ กร ร ม และ ความ ต้ องการขอ ง
นักท่องเท่ียว ซ่ึงประเภทของธุรกิจท่ีพักแรมมีลักษณะการดาเนินธุรกิจและบริการท่ีคล้ายหรือ
เหมอื นกบั โรงแรมแตม่ ีช่ือเรียกแตกตา่ งกนั ออกไป
2.1 รูปแบบของทพ่ี กั แรม
(ภาพที่ 1 “โรงแรม Hotel” โรงแรม The Idle Residence: ออนไลน์)
1) โรงแรม ( Hotel ) มาจากภาษาฝร่ังเศสสมัยเก่าว่า Ostel ซ่ึงหมายถึง สถานท่ี
ประกอบการซ่ึงมีอาหาร เคร่ืองด่ืมและท่ีพักสาหรับให้บริการคนเดินทางที่จ่าย
ค่าบริการน้นั ท้งั น้ี โรงแรมมีความสาคญั ตอ่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
ของประเทศอยา่ งมาก เพราะเป็นท่ีรู้จักและนิยมในหมู่นกั เดินทางมากที่สุด ซ่ึงแขกผู้
มาพกั มกั คาดหวงั วา่ จะได้รับการบริการที่หรูหราและมีสิ่งอานวยความสะดวกพรอ้ ม
บริการเสริมในดา้ นต่าง ๆ เช่น
10
บริการอาหาร เครื่องดื่ม สระว่ายน้า บริการซักรีด ห้องออกกาลังกาย รวมถึงมาตรฐาน
บริการท่ีสะอาด ยอดเย่ียม และปลอดภยั ยิ่งหากโรงแรมมีการบริการท่ีมีมาตรฐานสูง
เทยี บเท่ากบั ระดบั สากลไดม้ ากเท่าใด ย่อมสามารถดึงดูดนกั ท่องเทยี่ วใหเ้ ขา้ ไปใชบ้ ริการ
ไดม้ ากข้นึ เท่าน้นั ซ่ึงจะเป็นการสร้างรายได้ ให้แก่อุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ียวไดเ้ ป็นอย่าง
มาก
( ภาพที่ 2 “รีสอร์ท Resort” หมอ่ นไหมรีสอร์ท : ออนไลน์)
2) รีสอร์ท ( Resort ) เป็ นสถานท่ีพักตากอากาศท่ีสร้างข้ึนในรูปแบบบ้านพกั หรือ
อาคารหลายหลงั โดยมีห้องพกั จานวนหน่ึงให้แกแ่ ขกผูพ้ กั และเก็บค่าบริการเป็น “ค่าเชา่ ” ซ่ึง แขกผู้
พกั มีวตถั ปุ ระสงคเ์ พื่อต้องการการพกั ผ่อน ( Recreation ) หรือเพ่ือหาความเพลิดเพลินด้วยการ ทา
กิจกรรมตามอธั ยาศยั หรือในบางกรณีอาจมกี ารจดั กจิ กรรม การสมั มนาเชิงวชิ าการรวมอยู่ดว้ ยก็ได้
11
ภาพที่ 3 “โมเต็ล Motel ” ( MN Destine, 2556)
3)โมเต็ล ( Motel ) เป็นสถานที่พกั แรมที่รวมถอ้ ยคาว่า Moter-car เขา้ กบั Hotel ซ่ึงมี
ทาเลที่ต้งั อยใกลก้ บั ถนนสายหลกั หรือริมถนนของชานเมอื ง เพื่อให้นกั ทอ่ งเที่ยวท่ีขบั รถเดนิ ทางมา
ไกลสามารถนารถเขา้ จอดใกล้บริเวณห้องพักของตนได้ ซ่ึงโมเต็ลมักเป็ นท่ีพักแรมขนาดเล็ก
ประมาณ 50 ห้อง แบ่งเป็นส่วนห้องพกั และส่วนของที่จอดรถของแขกผูพ้ กั ซ่ึงผูท้ ี่มาใชบ้ ริการ มกั
เป็นผูท้ ่ีตอ้ งการพกั คา้ งคืนเพยี งคืนเดยี วเพ่อื พกั ผ่อนเอาแรงแลว้ ขบั รถยนตท์ ่องเทย่ี วตอ่ ไป ในวนั รุ่ง
ข้นึ
( ภาพที่ 4 “โฮสเตย์ Home Stay” ตบู นาโฮมสเตย,์ : ออนไลน์ )
4) โฮมสเตย์ (Home Stay) เป็นท่ีพกั แรมซ่ึงเจา้ ของบ้านจดั สร้างห้องหรือดดั แปลง หอ้ งภายใน
บา้ นให้เป็นหอ้ งพกั สาหรบั ตอ้ นรบั นกั ทอ่ งเท่ยี วโดยมกี ารจดั เตรียมอาหารทอ้ งถ่ิน
12
ให้แกน่ กั ท่องเท่ียวท่ีมาพกั รวมท้งั มกี ารจดั กิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นการมุ่งเนน้ ใหน้ กั ทอ่ งเท่ยี ว
ได้เรียนรู้วิถีชีวิตประเพณีและวัฒนธรรมของชมุ ชนน้ัน และมีการแลกเปล่ียนความรู้ความคิดเห็น
ระหวา่ งเจา้ ของบา้ นกบั แขกผมู้ าเยอื น ทาให้เกิดมิตรภาพที่ดีแกก่ นั ซ่ึงธุรกิจท่ีพกั แรมแบบโฮมสเตย์
มกั มีต้น ทุนในการลงทุนน้อย จึงทาให้ทุกครอบครัวและทุกชุมชนสามารถดาเนินการได้เอง อนั
เป็นการสรา้ งรายไดแ้ ละการพ่ึงพาตนเองให้แกช่ าวบา้ นในชุมชนไดเ้ ป็นอย่างดี
ภาพท่ี 5 “ฟาร์มสเตย์ Farm Stay”Baan NoK Farmstay, : ออนไลน์ )
5) ฟาร์มสเตย์ ( Farm Stay ) เป็นการจดั ท่ีพกั และบริการที่เก่ียวขอ้ งกบั การทอ่ งเท่ยี วใน
ฟาร์มซ่ึงเป็นเรือกสวน ไร่นาหรือฟาร์ม เล้ียงสัตว์โดยต้งั อยู่ในภูมิประเทศท่ีสวยงามประกอบกับ
เป็นแหล่งวฒั นธรรมเฉพาะท่ีน่าสนใจนกั ทอ่ งเท่ียวจะไดเ้ รียนรูก้ ารประกอบอาชีพกจิ กรรม
ประจาวนั ของครอบครัวในทอ้ งถิน่ และไดเ้ ที่ยวชมแหล่งทอ่ งเท่ียวท่ีสาคญั ในบริเวณน้นั ดว้ ย
( ภาพท่ี 6 “เกสตเ์ ฮาส์ Guesthouse” Ben Guesthouse , : ออนไลน์ )
13
6) เกสต์เฮาส์ ( Guesthouse ) เป็ นท่ีพักแรมที่มีลกั ษณะเป็ นบ้าน (House) มกั อยู่บน
เส้น ท างถน นใ กล้กับ แห ล่งท่ีผู้เช่ าพักจ ะ ต้องเข้าไป ท าธุ ร กิจห รื อท่ องเที่ ย วซ่ ึ งเห ม าะ สาห รั บ
นกั ท่องเที่ยวที่ตอ้ งการเช่าสาหรบั นอนพกั ผ่อนเฉพาะในเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันจะออกไป
ท่องเท่ียวยงั แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ท้ังน้ี เกสต์เฮาส์มักมีอัตราค่าเช่าท่ีค่อนข้างต่าโดยท่ีภายใน
ห้องพักอาจมี เตียงและห้ องน้ ารวม ไว้เพ่ือให้ บ ริ การซ่ ึ งต่อมามีการพัฒนาให้มีส่ิ งอานวยความ
สะดวกในหอ้ งพกั เพมิ่ มากข้ึน เชน่ มีโทรทศั น์ สญั ญาณอินเตอร์เนต็ เคร่ืองปรบั อากาศ ตลอดจนมี
อาหารและเคร่ืองดื่มไวบ้ ริการแก่นกั ทอ่ งเทยี่ วดว้ ย
( ภาพท่ี 7“เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ ServiceApartment”
ศิริ เซอร์วิส อพาร์เมนท,์ : ออนไลน์)
7) เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ ( ServiceApartment ) เป็นรูปแบบท่ีพกั ท่ดี ดั แปลงมาจาก
อพาร์ทเมนตท์ท่ีก่อสร้างเพ่ือขายหรือเพ่ือให้เช่าเป็ นรายเดือนหรือมากกว่ารายเดือนข้ึนไป โดยมี
สญั ญาเชา่ และมีการวางมดั จาเมื่ออพาร์ทเมนตเ์ หล่าน้ีมีปัญหาจึงดดั แปลงเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์
ท่ีเปิ ดบริการให้เช่ารายวันและราคาถูกกว่าโรงแรมโดยทั่วไป เพราะมาตรฐานการให้บริการ
ลกั ษณะห้องพกั หรือส่ิงอานวยความสะดวกต่างๆอาจจะมีไม่เทา่ กบั การบริการของโรงแรม
14
( ภาพท่ี 8 “คอนโดมิเนียมโฮเต็ล Condominium Hotel”
แสนศริ ิCondo , : ออนไลน์)
8) คอนโดมิเนียมโฮเต็ล ( Condominium Hotel ) คือการรวมเอารูปแบบของห้องชุด
กบั คอนโดมิเนียมเขา้ ดว้ ยกนั แทนที่ห้องพกั ธรรมดาทว่ั ไป ห้องพกั มีลกั ษณะคลา้ ยกบั บ้านหลงั หน่ึง
ซ่ึงประกอบด้วยห้องนอน ห้องน้า ห้องรับแขก ห้องครัว และห้องอ่ืน ๆ ส่วนใหญ่เจ้าของมักทา
สัญญาจา้ งบริษทั เขา้ ไปบริหารเพ่ือทาธุรกจิ เปิ ดให้เช่าหอ้ งพกั แบบรายวนั ชว่ั คราวแบบโรงแรม
9) ห้องพักพร้อมอาหารเช้า (Bed & Breakfast : B & B) เป็นที่พกั แรมขนาดเล็กซ่ึงเกิด
จากเจา้ ของบ้านยงั มีห้องว่างเหลอื อย่จู งึ จดั เป็นห้องนอนสาหรบั แบ่งใหน้ ักทอ่ งเที่ยวเขา้ พกั เพ่ือแลก
กบั ค่าเช่าโดยคา่ เชา่ จะคดิ รวมกบั บริการในการจดั เตรียมอาหารเชา้ โดยไม่รวมไปถงึ อาหารม้ืออ่ืน ๆ
ซ่ึงมกั ไดร้ ับความนิยมในหมู่นักท่องเทย่ี วเป็นอย่างมากเพราะมีลกั ษณะที่สามารถแลกเปลย่ี นความ
คิด เห็ น และ สาน สั ม พันธ์ ระห ว่ างเจ้าข องบ้าน กับ ท่ องเท่ี ยว ซ่ ึ งม าจาก ท้ องถ่ิน และ ว ัฒ น ธรรม ท่ี
แตกต่างกันทาให้ต่างฝ่ ายได้รับความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่แปลกใหม่โดยที่พกั มกั มี
ราคาถกู และให้บริการอย่างเป็นกนั เอง
(ภาพที่ 9 “บงั กะโล Bungalow” เกาะชา้ ง บงั กะโล , : ออนไลน์)
15
10) บังกะโล ( Bungalow ) เป็นบ้านพกั ยกพ้ืนช้ันเดียวมีระเบียงกวา้ งสรา้ งดว้ ยรูปแบบ
และวสั ดุท่ีง่าย ไม่ซับซ้อน อยู่ใกลบ้ ริเวณท่ีท่องเที่ยวแต่ไม่มีสิ่งอานวยความสะดวกให้แก่ผู้มาพัก
มากเทา่ ใดนัก มกั ต้งั อยู่ในแหล่งทอ่ งเท่ยี วท่ีสวยงามและยงั มสี ภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติท่สี มบูรณ์
เช่น บริเวณชายทะเล เกาะ อา่ ว ภูเขา น้าตก ทะเลสาบ เป็นตน้ ซ่ึงมีความสัมพนั ธ์ควบคู่ไปกบั การ
ท่องเทยี่ วเชิงนิเวศน์ (Ecotourism)
( ภาพที่ 10 “ลอดจ์ Lodge” ศรีนวล ลอดจ์ , : ออนไลน์)
11) ลอดจ์ (Lodge) เป็นท่ีพกั แรมที่มสี ่ิงอานวยความสะดวกและให้บริการแกผ่ ูเ้ ขา้ พกั
เช่นเดียวกับโรงแรม เพียงแต่ยงั ไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ึนทะเบียนเป็ นโรงแรม ซ่ึงในปัจจุบนั ที่พัก
ประเภทน้ีกาลังเป็ นกระแสนิยมของ “สถานท่ีพักแรมเชิงนิเวศ ( Ecolodge ) ท่ีเน้นการรักษา
สภาพแวดลอ้ มให้ยง่ั ยืนชื่นชมทศั นียภาพโดยไมร่ บกวนหรือทาลายสิ่งแวดลอ้ มให้เสื่อมโทรม
12) ท่ีพักบนเรือแบบบ้าน ( HouseBoat ) อาจเป็นเรือหรือเรือนแพสาหรบั ใช้อยู่อาศยั แบบบา้ น
โดยสร้างข้ึนลกั ษณะลอยน้าด้วยวตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ให้บริการนกั ทอ่ งเที่ยวสาหรับแลกกบั ค่าเช่า ท่ีพกั
ซ่ึงในมลรัฐฟลอริดา สหรฐั อเมริกา เรียกวา่ “Fletel” ซ่ึงเป็นที่นิยมอยา่ งมากในหมนู่ กั ทอ่ งเท่ียว
16
13) การต้ังแคมป์ พักแรม (Campground ) เป็นการเช่าพ้ืนทกี่ ลางแจง้ ซ่ึงจดั ไวเ้ พอื่ ต้งั เตน้ ท์
(Tent) โดยเจา้ ของสถานท่ีจะต้องให้บริการข้นั พ้นื ฐาน และอานวยความสะดวกให้แก่ นกั ทอ่ งเทยี่ ว
ซ่ึงเหมาะสาหรับนกั ทอ่ งเทยี่ วที่ชื่นชอบการทอ่ งเท่ียวแบบใกลช้ ิดกบั ธรรมชาติ
14) การจอดรถคาราแวน ( CaravanParking ) เป็ นการจัดพ้ืนท่ีไวส้ าหรับนักท่องเท่ียว
ที่มาเช่าพ้ืนท่ีเพื่อจอดรถคาราแวน ซ่ึงเป็ นรถท่ีมีหลงั คาพ่วงกบั รถยนต์ (Tiailer) และมีท่ีนอนอยู่
ภายใน โดยบริเวณดังกล่าวเจา้ ของพ้ืนท่ีผูใ้ ห้เช่าจะจดั ให้มีบริการดา้ นสุขาภิบาล เช่น ห้องอาบน้า
หอ้ งสุขา น้าดื่ม ทอ่ ระบายน้า ถงั ขยะ เป็นตน้ รวมไปถึงร้านอาหาร ร้านคา้ ปั๊มน้ามนั ดว้ ย
15) รถตู้เพ่ือนันทนาการ ( RecreationalVehicle ) มกั เดนิ ทางเป็นครอบครัวกล่มุ เพ่ือน ฝูง
ซ่ึงเป็ นท่ีนิยมแพร่หลายในประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริ กา มีลักษณะเป็ นรถบรรทุกที่
ดา้ นหลงั คนขบั มีห้องน้า ห้องครวั ห้องนอน สามารถขบั ไดต้ ลอดท้งั วนั และเม่ือใกลถ้ ึงเวลาพลบค่า
ก็จะมาจอดตามสถานที่พกั แรมกลางแจง้ ซ่ึงอาจมีท้งั ภาครัฐและภาคเอกชนเป็นผูด้ าเนินการโดยจะ
อานวยความสะดวกข้นั พ้ืนฐาน เช่น หอ้ งอาบน้า ห้องครัว ห้องสว้ ม ร้านขายอาหาร ร้านสะดวกซ้ือ
หรือท่ีเสียบปลก๊ั โทรศพั ทอ์ นิ เตอร์เนต็ เป็นตน้ ( อนุพงศ์ สุขสมนิตย์ , ม.ป.ป. : 25)
16) โฮสเทล (Hostel) คือที่พักที่มีพ้ืนที่ใช้งานร่วมกับผู้อ่ืนที่มาพักอาศัยในช่วงเวลา
เดียวกัน เพื่อให้ได้ที่พักในราคาประหยดั โดยมีพ้ืนที่ใช้สอยร่วมกัน ได้แก่ ห้องนอน ห้องน้า
ห้องครัว ห้องนั่งเล่น เป็นต้น เมื่อมีพ้ืนที่ใช้งานร่วมกัน จึงก่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มคน
ท่มี าพกั อาศยั พูดคุยเพอื่ แลกเปลยี่ นประสบการณ์กนั ปัจจุบนั โฮสเทลมีการพฒั นามสี ่ิงอานวยความ
สะดวกครบครนั ให้เป็นมากกว่าท่พี กั ราคาถกู (ณ-ฌรี แกน่ ทอง , 2559 : 6 )
17
2.2 การแบ่งระเภทของท่พี กั แรม
การจดั แบ่งประเภทของท่ีพกั แรมแตกต่างกนั ออกไปตามวตั ถุประสงค์ในการจดั ประเภท ซ่ึง
อาจข้ึนอยู่กบั ทาเลท่ีต้งั การเขา้ พกั อาศยั ของแขก การบริหารงาน การจดั บริการแก่แขก หรือข้ึนอยู่
กบั องค์ประกอบอ่ืนๆ ดงั น้นั การจัดแบง่ ประเภทของท่ีพกั แรมจึงไม่มีขอ้ ยุติแน่นอน ซ่ึงยกตวั อยา่ ง
ไดด้ งั น้ี
เฮนคิน ไดแ้ บ่งโรงแรมออกเป็น 3 ประเภท
1. โรงแรมเพ่ือการพาณิชย์ หรือโรงแรมแขกพกั ไม่ประจา (Commercial or Transient Hotels)
โรงแรมประเภทน้ีมีมากกว่าประเภทอ่ืนๆ ทาเลท่ีต้งั อยูใ่ นเมือง ท้งั น้ีเพือ่ ความสะดวกในการติดต่อ
ธุรกิจ แขกซ่ึง พกั ในโรงแรมดงั กลา่ วแลว้ เป็นนกั ธุรกิจ นกั ท่องเทีย่ วทีม่ ิไดม้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เชา่ อยู่
เป็นท่พี กั ประจา
2. โรงแรมแขกพกั ประจา (Residential Hotels) มวี ตั ถุประสงคใ์ นการใหแ้ ขกเชา่ พกั อาศยั อยู่
ประจามกี ารจดั ห้องอาหารบริการแกแ่ ขกและลูกคา้ ทว่ั ไป ทาเลทต่ี ้งั โดยปกตแิ ลว้ อย่ใู นบริเวณชาน
เมืองเพ่ือเหมาะแก่ การเป็ นที่พักอาศยั แต่ก็มีบางโรงแรมต้ังอยู่ใกลย้ ่านธุรกิจ เพ่ืออานวยความ
สะดวกแกแ่ ขกในการติดต่อการงาน
3. โรงแรมรีสอร์ท (Resorts Hotel) มกั ต้งั อยใู่ นบริเวณใกลช้ ิดกบั ธรรมชาติ เพ่ือให้แขกได้
พกั ผ่อน สัมผสั กบั ธรรมชาตอิ ยา่ งแท้จริง โรงแรมต้องจดั บริการต่างๆ โดยเนน้ บริการทางดา้ นการ
กีฬา และนนั ทนาการ ตลอดจนกิจกรรมในการบนั เทิงอื่นๆ ใหก้ บั แขกผูม้ าพกั ซ่ึงมีวตั ถุประสงคใ์ น
ดา้ นการพกั ผ่อนเป็นหลกั
สตีดมอนและคาซาวานา ได้จัดแบ่งประเภทของโรงแรมโดยยึดพ้ืนฐานทางด้านขนาดของ
โรงแรม เป้าหมายการตลาด ระดบั ของการบริหาร และการเป็นเจ้าของหรือการเป็นสมาชิกของ
องคก์ รในการบริหาร โรงแรมไวด้ งั น้ี
1. การแบ่งตามขนาดโรงแรม (Hotel Size) การแบ่งตามขนาดของโรงแรม สามารถนับได้
จากจานวน ห้องพกั ซ่ึงมาสามารถแยกไดเ้ ป็น 4 ขนาด คือ ห้องพกั ทม่ี ีจานวนต่ากว่า 150
ห้อง ห้องพกั ระหวา่ ง 150–299 ห้อง ห้องพกั ระหว่าง 300–599 ห้อง และห้องพกั ระหวา่ ง
600 ห้องข้นึ ไป
18
2. การแบง่ ตามเป้าหมายดา้ นการตลาด (Hotel Target Markets) เป้าหมายดา้ นการตลาดของ
โรงแรมมีหลายประเภท แตท่ ่สี าคญั อาจแบง่ ไดด้ งั น้ี
2.1 โรงแรมเพ่อื การพาณิชย์ (Commercial Hotels) 2.2 โรงแรมสนามบิน (Airport Hotels)
2.2 โรงแรมสนามบิน (Airport Hotels)
2.3 โรงแรมห้องชุด (Suite Hotels)
2.4 โรงแรมแขกพกั ประจา (Residential Hotels) 2.5 โรงแรมรีสอร์ท (Resort Hotels)
2.6 โรงแรมซ่ึงจดั หอ้ งพกั และอาหารเชา้ (Bed and Breakfast)
2.7 โรงแรมคอนโดมเิ นียม (Condominium Hotel)
2.8 โรงแรมบ่อนการพนนั (Casino Hotels)
2.9 ศูนยป์ ระชุม (Conference Centers)
3. การแบง่ ตามระดบั การบริการ (Levels and Service) แบง่ ได้ 3 ประเภทดงั น้ี
3.1 การบริการระดบั โลก (World – Class Service) โรงแรมประเภทน้ีมีเป้าหมายในการ
รบั แขกระดับบุคคลสาคญั ของประเทศ หรือบุคคลสาคญั ของโลก นักธุรกิจผูม้ ง่ั คงั่ และบุคคลผู้มี
ช่ือเสียงอ่นื ๆ
3.2 การบริการระดับกลาง มีเป้าหมายในการรับแขกทว่ั ไปท้งั นักธุรกิจนกั ท่องเท่ียว
รายบุคคล และหมู่คณะ การบริการของโรงแรมอยู่ในระดับมาตรฐาน แต่สิ่งอานวยความ
สะดวกสบายต่างๆ
อาจลดนอ้ ยกวา่ โรงแรมทมี่ ีการบริการระดบั โลก
3.3 การบริการระดบั ประหยดั (Economy or Limited Service) โรงแรมประเภทน้ีเก็บ
ค่าบริการถูกกว่าโรงแรม 2 ประเภทดังกล่าวแลว้ การจดั อุปกรณ์ข้นั พ้ืนฐานสาหรับแต่ไม่หรูหรา
การบริการท่ี ไดม้ าตรฐาน แตร่ าคาประหยดั คือ นโยบายสาคญั ของโรงแรมประเภทน้ี
4. การแบ่งตามความเป็ นเจ้าของและการเป็ นสมาชิกในสถาบันโรงแรม ( Ownership and
Affiliation) แยกไดเ้ ป็น 2 ประเภทคือ
4.1 โรงแรมบริหารงานอย่างอิสระ (Independent Hotels) โรงแรมประเภทน้ีบุคคลคน
เดียวหรือคณะบุคคลเป็นเจ้าของ การบริหารงานเป็นอิสระ ไม่ข้ึนอยู่กับโรงแรมอื่นๆ จึงทาให้มี
ความคลอ่ งตวั และมีอานาจในการบริหารงาน
19
แต่ก็มีขอ้ จากดั ในด้านประสบการณ์ในการบริหารงาน การสร้างเครือข่ายดา้ น การตลาด และการ
ขยายธุรกจิ ในอนาคต
4.2 โรงแรมเครือข่าย (Chain Hotels) โรงแรมเครือข่ายจัดแบ่งการบริหารงานออกเป็ น 3
ประเภท ดงั น้ี
4.2.1 การบริหารโดยบริษัทแม่ (Parent Company) โรงแรมเครือข่ายในลักษณะน้ี
ทรัพยส์ ิน การบริหารงาน เป็นของบริษทั แม่ท้งั หมด
4.2.2 การบริหารโดยพนั ธสัญญา (Management Contract) เป็ นรูปแบบหน่ึงของ การ
บริการโรงแรมแบบเครือขา่ ยทรพั ยส์ ินในการจดั สร้างโรงแรมเป็นของบุคคลภายนอกบริษทั แม่ แต่
ตอ้ งการใชร้ ะบบการบริหารงานแบบเครือขา่ ย
4.2.3 การบริหารงานแบบแฟรนไชส์ (Franchise Groups) ระบบแฟรนไชส์จะวาง ระบบ
การจดั การบริหารหนา้ ท่ีของบุคลากร การวางแผนพฒั นาองค์กร ระบบการตลาดออกแบบในการ
ตกแต่ง โรงแรม การใช้วสั ดุอุปกรณ์ และการวางระบบงานบริการให้ได้มาตรฐาน เจ้าของธุรกิจ
โรงแรมในระบบแฟรน ไชสม์ ีสิทธิ และอานาจในการจดั การแต่ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ขอ้ ตกลงซ่ึงใหไ้ ว้
กบั ระบบแฟรนไชส์
การจดั แบ่งประเภทของโรงแรมดงั กล่าวแลว้ ยงั ไม่มีขอ้ ตกลงสากล ดงั น้นั การจดั แบ่งประเภท จึง
แตกต่างกนั ออกไปข้ึนอยกู่ บั วตั ถปุ ระสงคข์ องผูจ้ ดั ประเภทว่าใชห้ ลกั การอะไร เช่น การเขา้ พกั อาศยั
ทต่ี ้งั ของโรงแรม การบริการ การบริหาร ราคาหอ้ งพกั ขนาดของโรงแรม หรือหลกั การอนื่ ๆ
( กรมเจราระหว่างประเทศ, 2554 : ออนไลน์)
20
2.3 ปัจจยั สาคญั ของทีพ่ ักแรม
ปัจจยั แห่งความสาเร็จของโรงแรม
ความสาเร็จของโรงแรมไม่ได้ได้มาอย่างง่ายๆ แต่ละโรงแรมก็มีกลยุทธ์มาประชนั กนั เพ่อื ให้ธุรกิจ
โรงแรมของตนเองอยู่ใหไ้ ดใ้ นยุคท่ีการแข่งขนั สูงแข่งกบั คา่ ครองชีพ อย่างไรก็ตาม ถึงจะไม่ไดเ้ ป็น
โรงแรมขนาดใหญ่ แต่ถา้ มีปัจจัยเหล่าน้ีเป็นส่วนประกอบ ก็ใช่ว่าการจะประสบความสาเร็จเป็ น
เร่ืองท่ีไกลเกินเอ้อื ม
1.การตลาดดจิ ิตอล ส่ิงท่ีตอ้ งทามากที่สุดในยุคน้ีคือ การตลาดออนไลน์ คณุ มีตวั เลอื กเดียว
หากอยากจะประสบความสาเร็จ คือ จาเป็นต้องทา ไม่ต้องทาทุกช่องทางท่ีมีก็ได้ แต่ก็ต้องมีบ้าง
อย่างน้อยก็จะได้มีช่องทางไวใ้ ห้โปรโมทโรงแรม ส่วนช่องทางที่สาคญั ควรมีไว้ เพราะส่งผลต่อ
ความน่าเชื่อถือ ก็คือ เว็บไซตข์ องโรงแรมเองนั่นเอง อีกช่องทาง ก็คือ Facebook ท่ีนาเสนอขอ้ มูล
รูปภาพ และพูดคุยกับลูกเพจได้อย่างเป็ นกันเอง ลองดูเคล็ดลับอื่นๆได้ท่ี 8 เคล็ดลับการตลาด
ออนไลน์ ทจ่ี ะพลกิ โฉมหนา้ ใหมใ่ ห้โรงแรมของคุณ
2.เทคนิคการขาย เร่ืองท่ีสาคญั และขาดไปไม่ไดเ้ ลยกค็ ือ การขายห้องพกั ความงา่ ยของการ
ดรู าคา(อ่าน กลยทุ ธ์ต้งั ราคาหอ้ งพกั โรงแรม Hotel Pricing Strategy) และกดจองห้องพกั ไดจ้ ากหน้า
เวบ็ เลย กเ็ ป็นอกี หน่ึงเทคนิคที่จะทาใหล้ กู คา้ ตดั สินใจไดเ้ ร็วข้นึ
3.การบริหารจดั การรายได้ อยา่ งที่เคยเขยี น เร่ือง การบริหารรายไดโ้ รงแรม(Hotel Revenue
Management) ไปแลว้ เมื่อมีรายไดเ้ ข้ามา ก็จะต้องบริหารจัดการให้ดี ไม่ว่าจะเป็ นการนาเงินมา
ลงทุนต่อ หรือการนาไปเป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ จะต้องใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ให้คุม้ ค่ามากท่ีสุด
หากเป็นไปได้ก็แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนให้ชดั เจน ท้งั น้ีท้ังน้ัน คุณอาจจะต้องมีความรู้ด้านบญั ชี
ประกอบกบั ขอ้ มลู สถานการณ์ทางการเงิน เพ่ือจดั ทางบประมาณไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึง
การจดั สรรห้องพักอย่างมืออาชีพ เช่น แบ่งห้องไวใ้ ห้ Travel Agent เจ้าประจา หรือแขก VIP ที่
มกั จะตดั สินใจจองในนาทีสุดทา้ ย
4.สภาพแวดลอ้ ม ถือเป็นเร่ืองทส่ี รา้ งความยง่ั ยืนให้โรงแรม เพราะสภาพแวดลอ้ มเป็นส่ิงท่ี
จะคงอยู่อย่างถาวร เป็นท่ีจดจาของลูกคา้ ปัจจยั หลกั ที่ทาให้ลูกคา้ เลือกพกั โรงแรมของคุณ แต่อย่า
ลืมวา่ ต่อให้สภาพแวดลอ้ มดีแคไ่ หน แตถ่ า้ นาเสนอออกไปให้ลูกคา้ เห็นไมไ่ ดก้ ็ไม่มคี วามหมาย
21
5.บคุ ลากร กุญแจหลกั ของการทาโรงแรม ลกู คา้ จะยอมจ่ายเงินมากกวา่ ให้กับการบริการท่ี
ดกี วา่ เร่ืองน้ีคงตอ้ งข้ึนอยกู่ บั ดวงนิดหน่อย เพราะถา้ คุณไดเ้ จอกบั พนกั งานดีๆ มี Service Mind แขก
กจ็ ะมองว่าโรงแรมท้งั โรงแรมของคณุ ดูแลดี บริการดี คุม้ ค่าแกก่ ารมาพกั ผ่อน
6.ไอเดียท่ีเป็นจุดขาย ความคดิ สร้างสรรค์ เป็นอีกส่ิงหน่ึงท่ีโรงแรมพงึ ทา เพื่อสรา้ งจดุ ขาย
ให้กับตวั เอง ซ่ึงควรจะมีความชัดเจน ท้ังการดีไซน์ และการจัดกิจกรรมให้เป็ นไปในทิศทาง
เดียวกนั
7.นวตั กรรมในโรงแรม “เทคโนโลยี” สร้างความสะดวกสบาย และแปลกใหม่ให้แขกได้
เสมอ ยกตวั อย่างที่ญี่ป่ ุน ใช้เทคโนโลยีสุดล้าภายในโรงแรม & And Hostel อยา่ ง Internet of thing
ซ่ึงจะผูกทุกสิ่งอย่างเขา้ สู่โลกอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการเปิ ด-ปิ ด สวิตซ์ไฟจากแอพในสมาร์ท
โฟน ไปจนถึง หุ่นยนต์ Bocco ที่สามารถโตต้ อบกบั แขกผูเ้ ขา้ พกั ผ่านแอพจากสมาร์ทโฟน ซ่ึงทา
หนา้ ทีเ่ ป็น Reception ไดส้ บายเลยทเี ดียวถงึ ตอนน้ีในประเทศไทยจะยงั ไม่มนี วตั กรรมอย่าง IOT แต่
ถา้ โรงแรมไหนมีลูกเลน่ ด้านนวตั กรรมให้ลูกคา้ ใชล้ ่ะก็ รับรองเลยวา่ คุณจะเหนือกวา่ คู่แขง่ ข้ึนมาอีก
หลายกา้ วเลยล่ะ
2.4 กฎหมายโรงแรม
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศวา่ โดยทีเ่ ป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าดว้ ยโรงแรม
พระราชบญั ญตั นิ ้ีมีบทบญั ญตั ิบางประการเก่ยี วกบั การจากดั สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซ่ึง
มาตรา ๒๙ ประกอบกบั มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย บญั ญตั ิ
ให้กระทาได้โดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา
พระราชบญั ญตั ิข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดงั ตอ่ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ ้ีเรียกว่า “พระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗”
มาตรา ๒๑ พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั เมอ่ื พน้ กาหนดหน่ึงร้อยแปดสิบวนั นบั แต่วนั ถดั จากวนั
ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลิก
(๑) พระราชบญั ญตั โิ รงแรม พุทธศกั ราช ๒๔๗๘
(๒) พระราชบญั ญตั โิ รงแรม (ฉบบั ที่ ๒) พุทธศกั ราช ๒๔๘๔
(๓) พระราชบญั ญตั โิ รงแรม (ฉบบั ท่ี ๓) พุทธศกั ราช ๒๔๙๕
(๔) พระราชบญั ญตั โิ รงแรม (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓
22
บรรดากฎหมาย กฎ หรือขอ้ บงั คบั อื่นใดในส่วนที่บัญญัติไวแ้ ลว้ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี หรือซ่ึงขัด
หรือแยง้ กบั บทบญั ญตั แิ ห่งพระราชบญั ญตั ิน้ี ให้ใชพ้ ระราชบญั ญตั นิ ้ีแทน
มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี
“โรงแรม” หมายความว่า สถานทีพ่ กั ท่ีจดั ต้งั ข้ึนโดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ในทางธุรกจิ เพอ่ื ให้บริการที่พกั
ชว่ั คราวสาหรบั คนเดนิ ทางหรือบคุ คลอ่ืนใดโดยมคี า่ ตอบแทน ท้งั น้ี ไมร่ วมถึง
(๑) สถานที่พักท่ีจัดต้งั ข้ึนเพ่ือให้บริการที่พกั ช่วั คราวซ่ึงดาเนินการโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐ หรือเพื่อการกุศล หรือการศึกษา ท้งั น้ี โดยมิใช่เป็นการ
หาผลกาไรหรือรายไดม้ าแบ่งปันกนั
(๒)สถานที่พกั ทจ่ี ดั ต้งั ข้นึ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อให้บริการท่พี กั อาศยั โดยคิดคา่ บริการเป็นรายเดือน
ข้นึ ไปเท่าน้นั
(๓) สถานทีพ่ กั อ่ืนใดตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง
“ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตาม
พระราชบญั ญตั นิ ้ี
“ผจู้ ดั การ” หมายความว่า ผจู้ ดั การโรงแรมตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
“ผพู้ กั ” หมายความวา่ คนเดินทางหรือบคุ คลอ่ืนใดที่ใชบ้ ริการทพ่ี กั ชวั่ คราวของโรงแรม
“ใบอนุญาต” หมายความวา่ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
“นายทะเบียน” หมายความวา่ ผูซ้ ่ึงรฐั มนตรีแตง่ ต้งั ให้เป็นนายทะเบยี นตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
“พนกั งานเจา้ หนา้ ที่” หมายความว่า ผูซ้ ่ึงนายทะเบียนแต่งต้งั ให้ปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
โดยแต่งต้งั จาก
(๑) ขา้ ราชการตารวจต้งั แต่ช้นั สญั ญาบตั รข้ึนไป หรือ
(๒) ขา้ ราชการพลเรือนต้งั แตร่ ะดบั สามข้นึ ไป หรือ
(๓) ขา้ ราชการหรือพนกั งานส่วนทอ้ งถ่นิ ต้งั แต่ระดบั สามข้ึนไป
“คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการส่งเสริมและกากบั ธุรกิจโรงแรม
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผูร้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบญั ญัติน้ี และให้มี
อานาจแตง่ ต้งั นายทะเบยี น ออกกฎกระทรวงกาหนดค่าธรรมเนียมไม่เกนิ อตั ราทา้ ยพระราชบญั ญตั ิ
น้ี ยกเวน้ ค่าธรมเนียม และกาหนดกจิ การอืน่ หรือออกประกาศเพอื่ ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
กฎกระทรวงและประกาศน้นั เมือ่ ไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้
23
มาตรา ๖ ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและกากับธุรกิจโรงแรมคณะหน่ึง ประกอบด้วย
ปลดั กระทรวงมหาดไทยเป็ นประธานกรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้
บญั ชาการตารวจแห่งชาติ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมโยธาธิการและผงั เมือง อธิบดีกรม
ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมอนามัย ผู้อานวยการสานักงานนโยบายและแผน
ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ผูว้ ่าการการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย ผูแ้ ทนกระทรวงการ
ทอ่ งเที่ยวและกีฬา ผูแ้ ทนกระทรวงวฒั นธรรม นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเทยี่ ว นายกสมาคม
ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ นายกสมาคมโรงแรมไทย ผูแ้ ทนสมาคมโรงแรมไทย ผูแ้ ทนสภา
อตุ สาหกรรมท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย และผทู้ รงคณุ วฒุ ิจานวนห้าคนซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งต้งั จาก
ผูท้ รงคุณวุฒิภาคเอกชนซ่ึงมีความรู้และประสบการณ์ดา้ นโรงแรมหรือด้านการท่องเที่ยว โดย
คานึงถึงการกระจายผูท้ รงคุณวุฒิซ่ึงมีความรู้และประสบการณ์ด้านโรงแรมไปตามประเภทของ
โรงแรมท่กี าหนดไวใ้ นกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๑๓ เป็นกรรมการให้ผูแ้ ทนกรมการปกครอง
เป็ นเลขานุการ ผูแ้ ทนสานักงานตารวจแห่งชาติและผูแ้ ทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็ น
ผชู้ ่วยเลขานุการ
มาตรา ๗ ให้กรรมการผูท้ รงคณุ วฒุ ิซ่ึงคณะรัฐมนตรีแตง่ ต้งั มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสอง
ปี ในกรณี ที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงคณะรัฐมนตรี แต่งต้ังพ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ ให้
คณะรฐั มนตรีแต่งต้งั ผูท้ รงคณุ วุฒิในประเภทเดียวกันเป็นกรรมการแทน และให้ผูไ้ ดร้ ับแต่งต้งั อยู่
ในตาแหน่งเท่ากับวาระท่ีเหลืออยู่ของผู้ซ่ึงตนแทน ในกรณี ท่ีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึง
คณะรัฐมนตรีแต่งต้งั ดารงตาแหน่งครบวาระแลว้ แต่ยงั มิได้มกี ารแต่งต้งั กรรมการผูท้ รงคณุ วุฒิข้ึน
ใหม่ ใหก้ รรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ซิ ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระปฏิบตั หิ นา้ ที่ไปพลางกอ่ นจนกวา่ จะได้
แตง่ ต้งั กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ใิ หม่
กรรมการผูท้ รงคุณวุฒิซ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งต้งั อีกได้แต่ต้องไม่เกินสอง
คราวตดิ ตอ่ กนั
มาตรา ๘ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผูท้ รงคณุ วฒุ ิซ่ึงคณะรฐั มนตรีแต่งต้งั
พน้ จากตาแหน่งเมือ่
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะไม่สุจริตต่อหนา้ ทห่ี รือมีความประพฤตเิ ส่ือมเสีย
(๔) เป็นบคุ คลลม้ ละลาย
(๕) เป็นคนไรค้ วามสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
24
(๖) ได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้จาคุก เวน้ แต่เป็นโทษสาหรับความผิดที่ไดก้ ระทา
โดยประมาท หรือความผดิ ลหุโทษ
มาตรา ๙ การประชุมคณะกรรมการตอ้ งมีกรรมการมาประชุมไม่นอ้ ยกวา่ ก่งึ หน่ึงของจานวน
กรรมการท้งั หมด จึงจะเป็นองคป์ ระชมุ
ในกรณีท่ปี ระธานกรรมการไม่อยู่ในทปี่ ระชุมหรือไม่อาจปฏิบตั หิ นา้ ท่ไี ด้ ใหก้ รรมการทม่ี าประชุม
เลือกกรรมการคนหน่ึงเป็นประธานในที่ประชุม การวนิ ิจฉยั ช้ีขาดของท่ีประชมุ ให้ถือเสียงขา้ งมาก
กรรมการคนหน่ึงให้มีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเท่ากนั ให้ประธานในท่ีประชุม
ออกเสียงเพ่ิมข้ึนอกี เสียงหน่ึงเป็นเสียงช้ีขาด
มาตรา ๑๐ ให้คณะรรมการมอี านาจหนา้ ทด่ี งั ตอ่ ไปน้ี
(๑) ใหค้ าแนะนาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามมาตรา ๑๓
(๒) ให้คาแนะนาแก่รัฐมนตรีในการออกประกาศกาหนดเขตท้องที่หน่ึงท้องที่ใดเป็ นเขตงดออก
ใบอนุญาตตามมาตรา ๑๔
(๓) พจิ ารณาวนิ ิจฉยั อทุ ธรณค์ าสัง่ ของนายทะเบยี นตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
(๔) เสนอแผนและมาตรการต่างๆ เก่ยี วกบั การส่งเสริมและการกากบั ดูแลธุรกิจโรงแรม
(๕) เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงหรือประกาศตาม
พระราชบญั ญตั นิ ้ี
(๖) ปฏิบัติการอื่นใดตามท่ีพระราชบัญญัติน้ีหรือกฎหมายอื่นบญั ญตั ิให้เป็ นอานาจหน้าที่ของ
คณะกรรมการหรือตามทรี่ ฐั มนตรีมอบหมาย
มาตรา ๑๑ ใหค้ ณะกรรมการมอี านาจแต่งต้งั คณะอนุกรรมการเพอ่ื พจิ ารณาหรือปฏิบตั ิการอย่าง
หน่ึงอย่างใดแทนคณะกรรมการหรือตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมายได้
ในกรณีที่คณะกรรมการแต่งต้งั คณะอนุกรรมการเพ่ือพิจารณาหรือปฏิบตั กิ ารในเร่ืองทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับ
องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นใด คณะกรรมการตอ้ งแต่งต้งั ผูแ้ ทนองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินน้ัน
เป็นอนุกรรมการในเรื่องดงั กลา่ วดว้ ย เวน้ แต่กรณีการแต่งต้งั คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาตาม
25
26
บทที่ 3
การจัดการธุรกจิ ท่ีพกั แรม
3.1 ประเภทของที่พกั แรม
ประเภทของโรงแรมมเี กณฑท์ ใี่ ชใ้ นการแบ่งดงั น้ี
1. แบ่งตามทาเลทต่ี ้งั
2. แบ่งตามหนา้ ที่
3. แบ่งตามจานวนห้องพกั
4. แบ่งตามราคาค่าหอ้ ง
5. แบง่ ตามระยะเวลาทลี่ กุ คา้ มาพกั
โรงแรมทีแ่ บ่งตามทาเลทต่ี ้งั ( Location )
โรงแรมในเมืองใหญ่ ( Large Cities ) ซ่ึงต้ังอยู่ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจการท่องเที่ยว
ตลอดจนสถานบนั เทิงต่าง ๆ ลกั ษณะของโรงแรมมกั มีขนาดใหญ่ต้งั แต่ 100 ห้องตกแต่งหรูหรามี
บริการอ่นื ๆ ครบครนั
โรงแรมในเมืองเล็ก ( Small Cities ) มักต้ังอยู่ในเมืองเล็ก ลูกค้าส่วนใหญ่คือนักธุรกิจ
นกั ทอ่ งเท่ยี ว นกั เดนทาง และลูกคา้ ในทอง้ ถิ่นทม่ี าสงั สรรค์
โรงแรมชานเมือง ( Saburban Hotel ) ต้ังอยู่ชานเมืองหรือนอกเมือง มีการคมนาคมสะดวก
บรรยากาศเงียบสงบ มีอากาศบริสุทธ์ิโรงแรมสถานตากอากาศ ( Resort Hotel ) จะแบ่งเป็ น 2
ประเภท คือ
โรงแรมทตี่ ้งั อยูใ่ กลส้ ถานท่ีทอ่ งเท่ียว เชน่ ภเู ขา ทะเล ทะเลสาบ ฯลฯ
โรงแรมที่ไมม่ ีธรรมชาตดิ ึงดูดนกท่องเที่ยว เป็นรงแรมที่มุ่งเน้นด้านกิจกรรมนนั ทนากาต่าง ๆ
เช่น สนามกอลฟ์ ขม่ี า้ ฯลฯ
โรงแรมท่าอากาศยาน ( Airport Hotel ) ต้ังข้ึนเพื่อให้บริการท่ีสนามบิน ท้ังน้ีเพราะ
สนามบินส่วนใหญต่ ้งั อยู่ไกลเมอื ง
โรงแรมทแี่ บ่งตามหนา้ ที่
โรงแรมเพ่อื การคา้ หรือการพาณิชย์ ( Commercial Hotel ) มุ่งเนน้ บริการนกั ธุรกจิ พ่อคา้ ท่มี า
ตดิ ต่อธุรกิจ
27
โรงแรมเพือ่ การพกั ผอ่ น ( Resort Hotel ) มกั ต้งั อยตู่ ามสถานทีท่ ่องเที่ยวท่ีสวยงาม มีบริการ
ดา้ นต่าง ๆ ครบครนั
โรงแรมเพ่ือการประชมุ ( Convention Hotel ) โรงแรมทม่ี ีวตั ถุประสงคข์ องการดาเนินงาน
เพือ่ จดั เป็นท่ีประชุมสัมมนา หรืออบรมอ่นื ๆ โดยจดั ห้องไวใ้ ห้บริการ
โรงแรมเพื่อการพกั อาศัย ( Residential Hotel ) เป็นลกั ษณะให้เาห้องพกั ถาวรในรูปของ
หอ้ งชุด
โรงแรมเพื่อให้บริการแกกก่นกั ท่งอเทีย่ วโดยใชร้ ถยนตเ์ ป็นพาหนะ ( Motel ) มกั ต้งั อยตู่ าม
ถนนสายสาคญั ๆมีท่จี อดรถตดิ กบั หอ้ งพกั
โรงแรมที่แบ่งตามจานวนห้องพกั
โรงแรมขนาดเล็ก คือ โรงแรมทมี่ หี ้องพกั เด่ยี วต่ากว่า 30 ห้อง
โรงแรมขนาดกลาง คอื โรงแรมท่มี ีห้องพกั มากกวา่ 30 ห้องไมเ่ กนิ 100 หอ้ ง
โรงแรมขนาดใหญ่ คือ โรงแรมทีม่ หี ้องพกั มากกว่า 100 ห้อง ตกแต่งหรูหรา มบี ริการครบครัน
โรมแรมท่ีแบ่งตามระยะเวลาทล่ี กู คา้ มาพกั
1)โรงแรมสาหรบั พกั ชว่ั คราว ( Transient Hotel ) คือโรงแรมทล่ี ูกคา้ มาพกั เป็นระยะเวลา
ส้ัน ๆ
2) โรงแรมสาหรบั พกั ประจา ( Residential Hotel ) คอื โณงแรมประเภทให้ลกู คา้ เชา่ พกั
เป็นเวลาอยา่ งนอ้ ย 1 เดอื น โดยคดิ ค่าเชา่ เป็นรายเดอื น หรือห้องพกั จะเป็นประเภทห้องชุด
ระดบั มาตราฐานของโรงแรม
การจดั กลมุ่ โดยวิธีใหด้ าวมดี งั น้ี
กลุ่มดาวเดียว หมายถึง โรงแรมที่มขี นาดเลก็ ส่ิงอานวยความสะดวกและเฟอร์นิเจอร่าย ๆ
และพอใช้ มีห้องน้า ห้องส้วมเพียงพอในลกั ษณะของการใช้ร่วมกนั มีบริการอาหารและเครื่องด่ืม
สาหรับผมู้ าพกั เท่าน้นั บรรยากาศเป็นกนั เอง
กลุ่มสองดาว หมายถึง โรงแรมที่ตกแต่งไว้อย่างดีมีระดับห้องพักสูงกว่าระดับดาวเดียว
ห้องพักกว้างข้ึน มีห้องน้าในตวั อาหารมีครบครันข้ึน ไม่บริการอาหารและเครื่องด่ืมสาหรับ
บุคคลภายนอก
กลุม่ สามดาว หมายถึง โรงแรมที่ตกแต่งไวอ้ ย่างดี ห้องพกั กวา้ งข้ึน มสี ่ิงอานวยความสะดวก
ต่าง ๆ มากข้ึน มหี อ้ งน้าทมี่ อี า่ งอาบน้า มบี ริการอาหารและเครื่องด่ืมสาหรับบุคคลภายนอก
กลุ่มส่ีดาว หมายถึง โรงแรมขนาดใหญ่ ตกแต่งดีเป็ นพิเศษ มาตราฐานสูงในดา้ นบริการ
และความสะดวกสบาย มีห้องอาหารมากกว่า 1 หอ้ ง
28
กลุ่มห้าดาว หมายถึง โรงแรมขนาดใหญ่ประเภทหรู มีมาตราฐานสากลระดบั สูงในทุก ๆ
ดา้ น คอื ท้งั ดา้ นห้องพกั หอ้ งอาหาร การบริการ และสิ่งอานวยความสะดวกต่างๆ
3.2 ประเภทของแขกทมี่ าพัก
1. บุคคล หรือคณะบุคคล(Individual or Group) บุคคลเหล่าน้ีมีวตั ถุประสงคใ์ นการเดินทาง
เพอ่ื ประกอบธุรกิจมม่ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มหรือคณะใด จะเขา้ พกั คา้ งในโรงแรมเพยี ง 1 หรือ 2 คืน
แต่จะเขา้ พกั บ่อยคร้งั ประมาณปี ละ 15–20 คร้ัง ไม่ค่อยคานึงถงึ อตั ราคา่ ห้องพกั แต่ตอ้ งการความเอา
ใจใส่เป็นพิเศษจากโรงแรม บางโรงแรมไดจ้ ดั โปรแกรมพิเศษท่ีนามาใชไ้ ดผ้ ลดีทางการตลาด
2. กลุ่มบริษัท(Corporate Group) การเดินทางของกลุ่มบริษัทมีวตั ถุประสงค์เพ่ือประกอบ
ธุรกจิ ซ่ึงแตกต่างจากวตั ถุประสงคข์ องกลุ่มบุคคล กลุ่มบริษทั จะเขา้ ร่วมประชุมหรือการสัมมนาท่ี
จดั ข้ึนในโรงแรมห้องพักของกลุ่มบริษทั ที่มีการสารองล่วงหน้าโดยพักค้างประมาณ 2–4 คืน
ผูบ้ ริหารระดบั สูงของบริษทั ได้รับการจัดแยกโดยเฉพาะ ส่วนตาแหน่งผู้บริหารระดับกลางหรือ
ระดบั ตน้ อาจให้หอ้ งพกั ร่วมกนั กลุ่มบริษทั มกั พอใจโรงแรมทจี่ ดั บริการเป็นกนั เอง
3. กลุ่มประชุมและสมาคม(Convention and Association Groups) ความแตกต่างของกลุ่ม
ประชุมและสมาคมกบั กลุ่มบริษทั อยู่ท่จี านวนของผเู้ ขา้ ร่วมประชุมทม่ี จี านวนมากเป็นจานวน 1,000
คน เช่น การประชุมระดับโลกของสมาคมการท่องเท่ียวแห่งสหรัฐอเมริกามีผูเ้ ขา้ ร่วมประชุมปี ละ
5,000–7,000 คน และการประชุมภตั ตาคารระดับชาติทจ่ี ัดข้ึนที่เมืองชิคาโก มีผูเ้ ขา้ ร่วมประชุมและ
ร่วมชมนิทรรศการและการแสดงสาธิตด้านอาหารถึง 90,000คน ทุกปี ผูเ้ ขา้ ร่วมประชมุ จะพกั คา้ งใน
โรงแรมขนาดใหญ่โดยมีข้อตกลงการจ่าย ในลกั ษณะเข้าพกั เป็นกลุ่มท่ีรวมท้งั ค่าห้องพกั อาหาร
และบริการอื่น ๆ สาหรับโรงแรมขนาดเล็กมีห้องพกั และบริการค่อนขา้ งจากัดมกั จะขายห้องพัก
ให้กบั กลุ่มธุรกจิ ในช่วงนอกฤดูกาลโดยให้อตั ราค่อนขา้ งจูงใจ โดยปกติแลว้ ผูเ้ ขา้ ร่วมประชุมจะพกั
คา้ งประมาณ 3–4 คืน และพกั ร่วมกบั ผูเ้ ขา้ ประชุม
4. นกั ท่องเที่ยว(Leisure Travelers) นักท่องเทย่ี วส่วนใหญ่เดนิ ทางมาพร้อมกบั ครอบครัว มี
วตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื การท่องเท่ียวเยีย่ มชมสถานที่ต่าง ๆ หรือมาเยี่ยมญาติหรือมิตรสหาย เน่ืองจากเป็น
การท่องเที่ยวตามฤดูกาลห้องพกั จะเตม็ เป็นส่วนใหญ่ และการจ่ายค่าห้องพกั จงึ ตอ้ งจ่ายในอตั ราเต็ม
ราคา เวน้ ในกรณีทีน่ ักท่องเท่ียวเป็นสมาชิกของสมาคมหรือสโมสรท่ีได้รับการลดหย่อนด้านค่าท่ี
พกั
5. กลุ่มผูม้ าพกั คา้ งระยะ(Long–term Stay) แขกประเภทน้ีเป็นผทู้ าการยา้ ยหลกั แหล่งพานัก
เน่ืองจากการยา้ ยสถานที่ทางานซ่ึงรอการหาที่อยู่ที่ถาวร ส่วนใหญ่เป็ นแขกประเภทบุคคล หรือ
ครอบครวั ที่ประกอบอาชีพรับราชการหรือทหารประจาการ มีความจาเป็นท่ีต้องการห้องท่ีใหญ่มี
29
สถานที่และอุปกรณ์ประกอบอาหาร โรงแรมมาริออต (Marriott Hotel) เป็ นตวั อย่างที่ดีในการ
ออกแบบลกั ษณะอานวยความสะดวกให้กบั แขกท่ีประสงคเ์ พือ่ การพกั คา้ งระยะยาว กล่าวคอื มเี น้ือท่ี
เป็นส่วนของหอ้ งพกั ผอ่ น ห้องนอน ตูเ้ ส้ือผา้ และห้องครวั
6. ผูเ้ ดินทางมากบั สายการบิน(Airline Related Guests) โดยทวั่ ไปบริษทั สายการบินได้ทา
การตกลงอตั ราค่าห้องพกั กับโรงแรมเพื่อให้เป็นสถานท่ีสาหรับคา้ งของกัปตนั และลูกเรือ รวมท้งั
ผูโ้ ดยสารท่ีมีเหตุขัดข้องฉุกเฉิน เช่น ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้เนื่องจากต้องเผชิญกบั อากาศ
แปรปรวน ห้องพกั สาหรับแขกลกั ษณะน้ีได้ตกลงไวใ้ นอตั ราต่าาและจดั กลุ่มห้องพกั ในส่วนท่ีไม่
ดึงดูดความสนใจ
7. ข้าราชการพลเรือนและทหารประจาการ(Government and MilitaryTravelers) แขก
ประเภทขา้ ราชการพลเรือนและทหารประจาการอาศยั การเบิกจ่ายตามอตั ราค่าเบ้ียเล้ียงและท่ีพัก
ของทางราชการ โดยทว่ั ไปโรงแรมจะกาหนดอตั ราค่าห้องพกั ตามขอ้ ตกลงหรือกาหนดอตั ราไวต้ ่า
กว่าปกติ
8. แขกสุดสัปดาห์(Getaway Guests) แขกประเภทสุดสัปดาห์มีความสาคญั ต่อโรงแรม
เนื่องจากเขา้ พกั เป็นกลุ่มใหญ่ ปกติจะเป็นพนกั งานของบริษทั ที่มาจัดประชุมในช่วงปลายสัปดาห์
คือ เขา้ พกั ในคืนวนั ศุกร์และออกจากโรงแรมในคืนวนั เสาร์จึงเลือกโรงแรมที่ไม่ไกลจากสถานท่ี
พานัก การพกั ค้างมีลกั ษณะเพ่ือการประชุมและเป็ นการสนุกร่ืนเริงไปในตวั ทางโรงแรมจะลด
อตั ราค่าห้องพกั พร้อมจดั อาหารและกจิ กรรมบนั เทงิ ให้
9. แขกหลากหลายประเภท(Guest Mix) ในการจาแนกประเภทของผูเ้ ขา้ พกั คา้ งในโรงแรม
ที่โรงแรม สามารถรับการจัดบริ การพิเศษได้ ครอบคลุมกลุ่ มผู้รับบริ การหลากห ลายประเภทใน
ลกั ษณะผสมซ่ึงประกอบด้วยนกั ธุรกิจประเภทบุคคล ประเภทเขา้ ร่วมประชุมสมั มนาและประเภท
ทมี่ าเพ่ือการท่องเที่ยวและพกั ผ่อน โรงแรมที่มแี ขกในลกั ษณะผสมเช่นน้ีจะให้ความเอาใจใส่ดูแล
เป็ นพิเศษจึงจะทาให้กิจการประสบความสาเร็จ โรงแรมที่กาหนดจัดบริการพิเศษให้กับแขก
หลากหลายจึงต้องดาเนินกลยุทธ์ทางการตลาดท่ีมุ่งคานึงถึงความหลากหลายของกลุ่มเป้าหมาย
รวมท้งั ก่อนการก่อต้งั ยงั ตอ้ งคานึงถงึ สถานทแี่ ละทาเล ขนาดของโรงแรม การอานวยความสะดวก
30
31
บทท่ี 4
แนวโน้มของธุรกจิ ทพี่ ักแรม
4.1 ข้อมลู พน้ื ฐานทพ่ี กั แรม
ความหนาแน่นของสถานประกอบการที่พกั แรม
จากการสุ่มตวั อย่างและประมาณค่าทาง สถิติ พบว่า มีจานวนสถานประกอบการท่ีพักแรม ทั่ว
ประเทศ ท้งั ส้ิน ประมาณ 24,391 แห่ง
หากพิจารณาเป็นรายจงั หวดั พบว่า จังหวดั ท่ีมีสถานประกอบการที่พกั แรมหนาแน่น มากที่สุด 3
อนั ดบั แรก คือ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และเชียงใหม่ ตามลาดับ ส่วนจงั หวดั ที่มีสถาน- ประกอบการท่ี
พกั แรมหนาแน่นนอ้ ยท่ีสุด 3 อนั ดบั คอื อ่างทอง ปัตตานี และสมทุ รสาคร
จานวนห้องพกั
สถานประกอบการท่พี กั แรมทว่ั ประเทศ มีจานวนหอ้ งพกั ท้งั ส้ินประมาณ 721,501 ห้อง โดยสถาน
ประกอบการในภาคใต้ มีจานวนห้องพกั มากท่ีสุดประมาณ 225,257 ห้อง รองลงมาคือ ภาคกลาง
และภาคเหนือมีประมาณ 192,930 หอ้ ง และ 108,618 ห้อง ตามลาดบั สาหรับสถานประกอบการใน
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมีจานวนห้องพกั นอ้ ยทสี่ ุดคือประมาณ 95,350 ห้อง
จานวนผเู้ ขา้ พกั
สาหรับผูเ้ ขา้ พักในสถานประกอบการท่ีพกั แรม ปี 2560 มีจานวน ท้งั สิ้นประมาณ 158.5 ลา้ นคน
โดยผเู้ ขา้ พกั ประมาณ 47.6 ลา้ นคน เข้าพกั ในสถาน- ประกอบการในภาคกลางมากท่ีสุด รองลงมา
คือผเู้ ขา้ พกั ในสถานประกอบการในภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ประมาณ 41.7 ลา้ นคน และ 34.2
ลา้ นคน ตามลาดบั สาหรับสถานประกอบการ ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมีผูเ้ ขา้ พัก น้อยท่ีสุด
ประมาณ 14.2 ลา้ นคน
หากเปรียบเทียบจานวนของ ผู้เข้าพักทั่วประเทศ พบว่า ผู้เข้าพักที่ เป็ นชาวไทยมีมากกว่า
ชาวต่างชาติ ประมาณ 18.7 ลา้ นคน
เมื่อพิจารณา เป็ นรายภาค พบว่า ผู้เข้าพักในภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ส่วนใ หญ่เป็ น
ชาวตา่ งชาติ ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ผเู้ ขา้ พกั ส่วนใหญเ่ ป็นชาวไทย
คนทางานและลูกจา้ ง
คนทางานในสถานประกอบการ ที่พักแรมท่วั ประเทศ มีท้งั ส้ินประมาณ 323,850 คน โดยเป็ น
คนทางานโดยไม่ไดร้ ับ ค่าจา้ งเงินเดอื นประมาณ 36,114 คน หรือ ร้อยละ 11.1 และลกู จา้ งประมาณ
287,736 คน หรือรอ้ ยละ 88.9
32
เมอ่ื พิจารณาคนทางานในสถานประกอบการท่พี กั แรมในแตล่ ะภาค พบว่า สถานประกอบการทีพ่ กั
แรมในภาคใต้ มีคนทางานมากท่ีสุดประมาณ 113,355 คน หรือ รอ้ ยละ 35.0 ดา้ นการจา้ งงาน พบว่า
สถานประกอบการท่ีพักแรมในภาคใต้มีลูกจ้าง มากท่ีสุดคือ 103,939 คน หรือร้อยละ 36.1
รองลงมาคือสถานประกอบการที่พักแรม ในภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ภาคเหนือ และภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ตามลาดบั
คา่ ตอบแทนแรงงาน
ในปี 2560 ลูกจ้างในสถาน- ประกอบการท่ีพกั แรมทว่ั ประเทศ ไดร้ ับ ค่าตอบแทนแรงงานท้งั สิ้น
ประมาณ 59,003.0 ลา้ นบาท หรือเฉลีย่ ตอ่ คนตอ่ ปี ประมาณ 205,059 บาท โดยใน กรุงเทพมหานคร
มลี ูกจ้างไดร้ ับ ค่าตอบแทนแรงงานเฉล่ียต่อคนต่อปี สูง ที่สุดประมาณ 269,900 บาท ส่วนใน ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ลูกจ้างได้รับ ค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ยต่อคนต่อปี ต่าท่ีสุดคือ ประมาณ
129,537 บาท
รายรับและคา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินกจิ การ
การดาเนินกิจการในรอบปี 2560 ของสถานประกอบการที่พกั แรมทว่ั ประเทศ มีมูลค่ารายรับและ
คา่ ใชจ้ ่ายท้งั ส้ิน ประมาณ 210,861.9 ลา้ นบาท และ 164,799.9 ลา้ นบาท ตามลาดบั โดยมรี ายรับและ
คา่ ใชจ้ ่ายเฉลย่ี ต่อ กจิ การประมาณ 8.6 ลา้ นบาท และ 6.7 ลา้ นบาท ตามลาดบั เมื่อพิจารณาตามภาค
พบว่า สถานประกอบการท่ีพักแรมในภาคใต้ มีมูลค่า รายรับและค่าใช้จ่ายสูงท่ีสุดประม าณ
79,179.7 ลา้ นบาท และ 63,766.2 ลา้ นบาท ตามลาดบั ในขณะทสี่ ถานประกอบการทพ่ี กั แรมในภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีมูลค่ารายรับและ คา่ ใชจ้ ่ายตา่ ที่สุดประมาณ 9,197.8 ลา้ นบาท และ 6,077.9
ลา้ นบาท ตามลาดบั
4.2 สถานการณ์ท่ีผ่านมาของธุรกิจทพ่ี ัก
ช่วงปี 2544-2550 จานวนนกั ท่องเที่ยวตา่ งชาตแิ ละไทยขยายตวั เฉล่ยี 7.4% และ 6.2% ต่อปี
ตามลาดบั แต่อตั ราการเขา้ พกั (Occupancy Rate) อยใู่ นระดบั ต่าเฉลี่ย 60.7% เนื่องจากธุรกจิ โรงแรม
และที่พกั มีการขยายการลงทุนอย่างมาก จากน้ันในชว่ งปี 2551-2557 จานวนนกั ท่องเทย่ี วตา่ งชาติ
และไทยขยายตวั เร่งข้นึ ในอตั ราเฉลี่ย 8.5% และ 7.5% ต่อปี ตามลาดบั แต่อตั ราเขา้ พกั ลดลงอยา่ งมี
นยั สาคญั เฉลย่ี อยทู่ ี่ 56.8% เน่ืองจากในชว่ งเวลาเดยี วกนั จานวนห้องพกั ของโรงแรมเพมิ่ ข้ึนเฉล่ีย
8.0% ตอ่ ปี จากกอ่ นหนา้ (2544-2550) ท่ีเพ่มิ ข้นึ 6.5% ต่อปี รวมถงึ อปุ ทานจากนอกธุรกิจโรงแรม
อาทิ อพาร์ตเมนตแ์ ละคอนโดมเิ นียม ท่ีเปิ ดบริการใหเ้ ช่าเป็นรายวนั ทาใหก้ ารแข่งขนั รุนแรงข้ึน
ชว่ งปี 2558-2562 จานวนนักท่องเที่ยวตา่ งชาตแิ ละไทยขยายตวั ตอ่ เน่ืองส่งผลให้อตั ราเขา้ พกั
เฉลย่ี ทว่ั ประเทศปรบั เพ่มิ ข้ึนโดยลาดบั มาเฉล่ียอย่ทู ี่ 68.8% ซ่ึงเป็นระดบั ท่ผี ปู้ ระกอบการพงึ พอใจ
[3] สาหรับปี 2562 จานวนนกั ท่องเท่ยี วตา่ งชาติสูงสุดเป็นประวตั กิ ารณอ์ ยู่ท่ี 39.9 ลา้ นคน ขยายตวั
33
4.6% ต่อเน่ืองจากทเี่ ติบโต 7.3% ในปี 2561 (ตารางที่ 3) ส่งผลใหอ้ ตั ราเขา้ พกั เฉลยี่ อยใู่ นระดบั สูงสุด
เป็นประวตั ิการณท์ ี่ 71.4% ปัจจยั สนับสนุนไดแ้ ก่ (1) การเพมิ่ ข้นึ ของจานวนเทีย่ วบินท้งั เทีย่ วบินตรง
และเชา่ เหมาลา รวมถงึ การเติบโตของสายการบนิ ตน้ ทนุ ต่า และ (2) มาตรการส่งเสริมการทอ่ งเท่ียว
อาทิ ยกเวน้ คา่ ธรรมเนียม VOA สาหรบั นกั ทอ่ งเที่ยวจาก 21 ประเทศ[4] ดา้ นนกั ท่องเท่ยี วไทย
เดนิ ทางในประเทศปี 2562 มีจานวน 166 ลา้ นทริป เทา่ กบั ปี 2561 ตลาดนกั ท่องเทย่ี วในประเทศไม่
ขยายตวั มีสาเหตุหลกั มาจากนกั ท่องเทย่ี วชาวไทยเดินทางไปตา่ งประเทศ (Thai outbound tourists) มี
จานวนสูงสุดเป็นประวตั ิการณ์ท่ี 10.4 ลา้ นคน เพ่ิมข้ึน 4.8% จากปี 2561 อานิสงสจ์ ากเงนิ บาทแข็ง
คา่ และแผนส่งเสริมการท่องเท่ยี วของรฐั บาลหลายประเทศ อาทิ ญป่ี ่ นุ เวยี ดนาม
4.3 ภาวะวิกฤตของทพี่ ักแรมในวิกฤตการณ์ COVID-19
ปี 2563 ธุรกจิ ท่องเท่ียวและโรงแรมทวั่ โลกเผชิญกบั ภาวะวิกฤตอย่างทไ่ี ม่เคยเกดิ ข้นึ มากอ่ น
จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทาให้รัฐบาลในหลายประเทศทวั่ โลกออกมาตรการปิ ดเมือง
(Lockdown) เพื่อควบคมุ การเดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้จานวนนักท่องเท่ียวทวั่ โลกหดตวั
รุนแรงเป็นประวตั ิการณ์ 74% จากปี 2562 (ภาพท่ี 9) โดยเฉพาะภมู ิภาคเอเชียแปซิฟิก (-84%) อาทิ
สิงคโปร์ (-85.1%) ไทย (-83.2%) เกาหลใี ต้ (-85.6%) และญป่ี ่ นุ (หดตวั เกือบ 90%)
ปัจจุบนั สถานการณ์การแพร่ระบาดทว่ั โลกยงั อยูใ่ นภาวะคบั ขนั หลายประเทศรวมท้งั ไทยเผชิญกบั
การระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้จานวนผูป้ ่ วยใหม่ยงั คงเพิ่มข้ึนต่อเน่ือง (ภาพท่ี 10) โดยคาดว่า
จานวนนกั ทอ่ งเที่ยวตา่ งชาติจะกลบั มาสู่ระดบั ใกลเ้ คียงกบั ปี 2562 ในปี 2567 เนื่องจาก
(1) การพฒั นาวคั ซีน ซ่ึงรวมถึงประสิทธิภาพของการป้องกนั เช้ือ การผลติ และแจกจ่าย ยงั มคี วามไม่
แน่นอน
(2) แม้จะเร่ิมผลิตและแจกจ่ายวคั ซีนไปในหลายประเทศแล้ว แต่องค์การอนามยั โลก (World
Health Organization: WHO) แนะนาว่าการเกิดภูมิคมุ้ กนั หมู่ (Herd immunity) จาเป็นต้องมีการฉีด
ใหค้ รอบคลุม 65-70% ของจานวนประชากร ซ่ึงตอ้ งใชเ้ วลาและงบประมาณมหาศาล และ
(3) ความเชื่อม่ันของนักท่องเท่ียวจะไม่ฟ้ื นตัวเร็วเหมือนวิกฤตในอดีต โดย University of
California ประเมินว่า หลงั การแพร่ระบาดยุตลิ ง ความกังวลของประชาชนที่มีต่อโรคระบาดจะยงั
ดารงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 3-6 เดือน นอกจากน้ี รายได้และกาลงั ซ้ือท่ีลดลงรุนแรงทาให้ความ
ตอ้ งการเดินทางซ่ึงถอื วา่ เป็นสินคา้ ฟ่ มุ เฟือยยงั ตอ้ งใชเ้ วลาในการฟ้ืนตวั
ธุรกิจโรงแรมเผชิญภาวะซบเซาต่อเน่ืองในปี 2564 ผลจากวิกฤต COVID-19 ทาให้มีการเลิกจ้าง
แรงงานภาคท่องเที่ยวสูงเป็นประวตั ิการณ์ ผลจากการปิ ดกิจการของธุรกจิ โรงแรมและธุรกิจอื่นที่
เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมจะทยอยฟ้ื นตวั ไดใ้ นปี 2565-2566 หลัง
วิกฤต COVID-19 คลีค่ ลาย วจิ ยั กรุงศรีคาดวา่ จะมีการใช้วคั ซีนอย่างแพร่หลายชว่ งคร่ึงหลงั ปี 2564
34
ซ่ึงจะหนุนความเช่ือมั่นของนักท่องเท่ียวท้งั ชาวไทยและต่างชาติ โดยจานวนนักท่องเท่ียวไทยมี
แนวโน้มฟ้ื นตวั ก่อน ปัจจยั หนุนจากมาตรการกระตุ้นการท่องเท่ียวในประเทศของภาครฐั ขณะที่
จานวนนักท่องเท่ียวต่างชาติค่อยๆ ฟ้ื นตัว เนื่องจากประเทศต่างๆ มีแนวโน้มจะส่งเสริมการ
ทอ่ งเทีย่ วในประเทศเป็นลาดับแรก ด้านผูป้ ระกอบการ รายใหญ่ยงั มีศกั ยภาพในการลงทุนตอ่ เน่ือง
แต่อาจล่าชา้ กวา่ แผนเดมิ ขณะที่ผูป้ ระกอบการ SMEs ยงั เผชิญกบั การแข่งขนั รุนแรงและมีโอกาส
สูงท่ีจะปิ ดกจิ การ
โรงแรมในจังหวดั ท่องเที่ยวหลัก (กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต) ยงั คงซบเซาจากการลดลงของ
นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2564 แมจ้ ะกระเต้ืองข้ึนในปี 2565-2566: คาดรายไดท้ ยอยฟ้ื นตวั ตามทิศ
ทางการทอ่ งเท่ยี วในอกี 2-3 ปี ขา้ งหน้า แต่โดยรวมยงั อยู่ในระดับต่าเมื่อเทียบกับชว่ งกอ่ น COVID-
19 โดยอตั ราเขา้ พกั เฉล่ยี จะอยู่ที่ 50-55%
ในประเทศของภาครัฐ ในระยะ 3 ปี ขา้ งหนา้ จานวนนักท่องเที่ยวในประเทศจะยงั ไม่กลบั ไปสู่
ระดบั ก่อนวกิ ฤต ส่งผลให้รายไดม้ ีแนวโนม้ ฟ้ืนตวั อยา่ งจากดั
โรงแรมในจังหวัดทั่วไป รายได้มีแนวโน้มลดลงแม้จะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้น
ท่องเท่ียวในประเทศ เนื่องจากจังหวดั พ้ืนที่ส่วนใหญ่รองรับนักท่องเท่ียวท่ีเดินทางผ่านเพ่ือไป
จงั หวดั ศนู ยก์ ลางภูมิภาค/แหล่งทอ่ งเทีย่ วสาคญั ทาใหอ้ ตั ราการเขา้ พกั มแี นวโนม้ อยู่ในระดบั ต่ากว่า
เม่ือเทยี บกบั 2 พ้ืนที่ดงั กลา่ วขา้ งตน้
ธุรกิจโรงแรมทุกพ้ืนท่ียงั คงแข่งขนั รุนแรง จากภาวะอุปทานส่วนเกิน ท้งั จากธุรกิจเดียวกัน
และธุรกิจบริการท่ีพกั รูปแบบอ่ืน และเม่ือผนวกกบั อุปสงคท์ ี่ฟ้ื นตวั อย่างช้าๆ ทาให้การปรับราคา
หอ้ งพกั ทาไดค้ ่อนขา้ งยาก โดยเฉพาะพ้ืนท่ีท่องเทย่ี วหลกั ท่ีพ่งึ พานกั ท่องเทย่ี วต่างชาติ (Puttacherd
Lunkam , 2564 : ออนไลน์)
35
36
บทที่ 5
บทสรุป
ธุรกิจโรงแรมที่พักเป็ นธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับธุรกิจท่องเที่ยว เม่ือธุรกิจการ
ทอ่ งเที่ยวเติบโต ธุรกจิ โรงแรมท่ีพกั ก็มีการเติบโตเช่นเดียวกัน สาหรับจงั หวดั เชียงใหม่ ซ่ึงเป็น 1
ใน 5 จงั หวดั ที่ไดร้ ับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมีอตั ราการเติบโตของนักท่องเที่ยวและจานวน
โรงแรมท่ีพกั เพิ่มข้ึนทกุ ปี อย่างตอ่ เน่ือง ส่งผลให้ธุรกจิ โรงแรมท่ีพกั ยงั มโี อกาสเตบิ โตได้อีก อกี ท้งั
ในปัจจุบนั การใช้ พ้ืนที่ใชส้ อยของท่พี กั เพ่ือให้เกิดประโยชนส์ ูงสุดภายใตแ้ นวคิดCo-Living Space
เพ่ือตอบสนอง พฤติกรรมผูบ้ ริโภคท่ีเปล่ียนแปลงไปโดยเน้นการใชช้ ีวิตแบบสมดุล (Work Life
Balance) ไดร้ ับความ นิยมสูงข้นึ
ปัจจุบนั อุตสาหกรรมท่ีพกั แรมมีการเจริญเตบิ โตข้ึนอย่างรวดเร็ว ดงั น้นั ลกั ษณะการ
ดาเนินการ จดั การของโรงแรมในอดีตกบั ปัจจบุ นั จงึ มคี วามแตกตา่ งเนื่องจากหลายปัจจยั อาทิ ขนาด
ของทพี่ กั แรม สถานทต่ี ้งั ตลอดจนส่ิงอานวยความสะดวกทีม่ ีไวบ้ ริการเพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการ
ต่าง ๆ ของนกั ทอ่ งเทีย่ วทางดา้ นเศรษฐกจิ และดา้ นสังคม
และเนื่องจากกิจกรรมการท่องเท่ียวในปัจจบุ นั มีความหลากหลายและแปลกใหมม่ ากข้ึนจึง
ทาให้มกี ารปรบั เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการไปตามกิจกรรมและความตอ้ งการของนกั ทอ่ งเท่ียว ซ่ึง
ประเภทของธุรกิจท่พี กั แรมมลี กั ษณะการดาเนินธุรกิจและบริการที่คลา้ ยหรือเหมือนกบั โรงแรมแต่
มชี ่ือเรียกแตกต่างกนั ออกไป
1.โรงแรมHotel
2.รีสอร์ท Resort
3.โมเต็ล Motel
4.โฮมสเตย์ Home Stay
5.ฟาร์มสเตย์ Farm Stay
6.เกสตเ์ ฮาส์ Guesthouse
7.เซอร์วสิ อพาร์ทเมนท์ Service Apartment
8.คอนโดมเิ นียม โฮเตล็ condominiums Hotel
9.หอ้ งพกั พร้อมอาหารเชา้ Bed & Breakfast
10.บงั กะโล Bungalow
11.ลอดจ์ Lodge
37
12.ทีพ่ กั บนเรือเเบบบา้ น House Boat
13.การต้งั เเคมป์ พกั เเรม Campground
14.การจอดรถคาราเเวน CaravanParking
15.รถตูเ้ พื่อนนั ทนาการ Recreational Veluicle
16.โฮสเทล Hoste
การจดั แบ่งประเภทของท่ีพกั แรมแตกตา่ งกนั ออกไปตามวตั ถปุ ระสงค์ในการจดั ประเภท ซ่ึง
อาจข้ึนอยู่กับทาเลท่ีต้งั การเขา้ พกั อาศยั ของแขก การบริหารงาน การจัดบริการแก่แขก หรือข้ึนอยู่
กบั องค์ประกอบอ่ืนๆ ดงั น้นั การจัดแบ่งประเภทของที่พกั แรมจึงไมม่ ีขอ้ ยุติแน่นอน ซ่ึงยกตวั อย่าง
ไดด้ งั น้ี
1. โรงแรมเพื่อการพาณิชย์ หรือโรงแรมแขกพักไม่ประจา (Commercial or Transient Hotels)
2. โรงแรมแขกพกั ประจา (Residential Hotels)
3. โรงแรมรีสอร์ท (Resorts Hotel)
ประเภทของแขกท่ีมาพกั มีดงั น้ี
1. บคุ คล หรือคณะบคุ คล(Individual or Group)
2. กลมุ่ บริษทั (Corporate Group)
3. กลุ่มประชุมและสมาคม(Convention and Association Groups)
สถานการณท์ ่ผี ่านมาของธุรกจิ ทีพ่ กั
ช่วงปี 2544-2550 ธุรกิจโรงแรมและที่พกั มกี ารขยายการลงทนุ อย่างมาก จากน้นั ในชว่ งปี 2551-
2557จานวนนักท่องเทย่ี วต่างชาติและไทยขยายตวั เร่งข้นึ แต่อตั ราเขา้ พกั ลดลงอยา่ งมีนยั สาคญั
เน่ืองจากในช่วงเวลาเดยี วกนั จานวนห้องพกั ของโรงแรมเพิม่ ข้นึ รวมถึงอปุ ทานจากนอกธุรกิจ
โรงแรมอาทิ อพาร์ตเมนตแ์ ละคอนโดมิเนียม ทเ่ี ปิ ดบริการใหเ้ ชา่ เป็นรายวนั ทาให้การแขง่ ขนั รุนแรง
ข้ึน ชว่ งปี 2558-2562 จานวนนักท่องเทย่ี วตา่ งชาตแิ ละไทยขยายตวั ตอ่ เน่ืองส่งผลใหอ้ ตั ราเขา้ พกั
ปรบั เพม่ิ ข้นึ ซ่ึงเป็นระดบั ทผ่ี ปู้ ระกอบการพงึ พอใจ
ปี 2563 ธุรกิจท่องเท่ียวและโรงแรมทว่ั โลกเผชิญกับภาวะวิกฤตอย่างท่ีไม่เคยเกิดข้ึนมาก่อน
จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทาให้รัฐบาลในหลายประเทศทวั่ โลกออกมาตรการปิ ดเมือง
(Lockdown) เพื่อควบคมุ การเดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้จานวนนักท่องเท่ียวทว่ั โลกหดตวั
รุนแรงเป็นประวตั กิ ารณ์
ปัจจุบนั สถานการณ์การแพร่ระบาดทว่ั โลกยงั อยู่ในภาวะคบั ขนั หลายประเทศรวมท้งั ไทยเผชิญกับ
การระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้จานวนผู้ป่ วยใหม่ยังคงเพ่ิมข้ึนต่อเน่ือง โดยคาดว่าจานวน
นกั ทอ่ งเท่ยี วต่างชาติจะกลบั มาสู่ระดบั ใกลเ้ คยี งกบั ปี 2562 ในปี 2567 เน่ืองจากการพฒั นาวคั ซีน ซ่ึง
38
รวมถึงประสิทธิภาพของการป้องกันเช้ือ การผลิตและแจกจ่าย ยงั มีความไม่แน่นอนแมจ้ ะเริ่มผลิต
และแจกจ่ายวคั ซีนไปในหลายประเทศแลว้ แต่องคก์ ารอนามยั โลก (World Health Organization:
WHO) แนะนาว่าการเกิดภูมิคุม้ กันหมู่ (Herd immunity) จาเป็ นต้องมีการฉีดให้ครอบคลุม ของ
จานวนประชากร ซ่ึงต้องใช้เวลาและงบประมาณมหาศาล และความเช่ือมน่ั ของนกั ท่องเท่ียวจะไม่
ฟ้ื นตัวเร็วเหมือนวิกฤตในอดีต หลงั การแพร่ระบาดยุติลง ความกังวลของประชาชนที่มีต่อโรค
ระบาดจะยงั ดารงอยู่ต่อไปอีกอย่างนอ้ ย 3-6 เดือน นอกจากน้ี รายไดแ้ ละกาลงั ซ้ือท่ีลดลงรุนแรงทา
ให้ความตอ้ งการเดนิ ทางซ่ึงถอื วา่ เป็นสินคา้ ฟ่ ุมเฟือยยงั ตอ้ งใชเ้ วลาในการฟ้ืนตวั
ธุรกิจโรงแรมเผชิญภาวะซบเซาต่อเนื่องในปี 2564 ผลจากวิกฤต COVID-19 ทาให้มีการเลิกจ้าง
แรงงานภาคท่องเที่ยวสูงเป็นประวตั ิการณ์ ผลจากการปิ ดกิจการของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอ่ืนที่
เก่ียวเน่ืองกับการทอ่ งเทยี่ ว ธุรกิจโรงแรมจะทยอยฟ้ื นตวั ไดใ้ นปี 2565-2566 หลงั วิกฤต COVID-19
คล่ีคลาย คาดว่าจะมีการใชว้ คั ซีนอย่างแพร่หลายช่วงคร่ึงหลงั ปี 2564 ซ่ึงจะหนุนความเช่ือมน่ั ของ
นกั ทอ่ งเที่ยวท้งั ชาวไทยและต่างชาติ โดยจานวนนกั ท่องเทย่ี วไทยมแี นวโน้มฟ้ืนตวั ก่อน เนื่องจาก
ประเทศตา่ งๆ มีแนวโนม้ จะส่งเสริมการท่องเทย่ี วในประเทศเป็นลาดบั แรก ดา้ นผปู้ ระกอบการ ราย
ใหญย่ งั มีศกั ยภาพในการลงทนุ ต่อเน่ือง แต่อาจลา่ ชา้ กว่าแผนเดมิ
ย่างไรก็ตาม ในระยะ 3 ปี ข้างหน้า จานวนนักท่องเที่ยวในประเทศจะยงั ไม่กลบั ไปสู่ระดับก่อน
วิกฤต ส่งผลใหร้ ายไดม้ แี นวโนม้ ฟ้ืนตวั อยา่ งจากดั
โรงแรมในจงั หวดั ทวั่ ไปรายไดม้ แี นวโน้มลดลงแมจ้ ะไดร้ ับแรงหนุนจากมาตรการกระตนุ้ ท่องเทีย่ ว
ในประเทศ เน่ืองจากจังหวดั พ้ืนท่ีส่วนใหญ่รองรับนักท่องเที่ยวท่ีเดินทางผ่านเพื่อไปจังหวัด
ศูนยก์ ลางภูมิภาคแหล่งท่องเที่ยวสาคัญ ทาให้อตั ราการเขา้ พกั มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ากว่าเมื่อ
เทียบกบั 2 พ้นื ที่
39
40
บรรณานกุ รม
________.“ธุรกิจบริการ” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.dtn.go.t [ สบื ค้น เมอ่ื 8สงิ หาคม2564]
นงคน์ ุช ศรีธนาอนันต.์ การโรงแรมเบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลยั ธุรกิจบณั ฑติ , 2544.
________.“เอกสารการสอนชดุ วิชาการจดั การและเทคนิคการบริการในโรงแรม”. พมิ พค์ ร้ังที่ 2.
นนทบุรี : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. ประกาศคณะกรรมการนโยบายการ
ท่องเท่ียวแห่งชาตเิ รื่องแผนพฒั นาการทอ่ งเที่ยวแห่งชาติ, 2542.
จารุรศั ม์ ธนูสิงห์ และ วารชั ตม์ ธมั บรุ ุษ. แนวทางการบริหารจดั การโรงแรม. ศลิ ปศาสตร์
มหาบณั ฑติ สาขาวิชาการโรงแรมและการ ทอ่ งเที่ยว คณะวทิ ยาการจดั การและสารสนเทศ
ศาสตร์มหาวิทยาลยั พะเยา, 2558.
_________.“ โรงแรมทเ่ี ป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ ม Green Hotel”. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
http://www.deqp.go.th/service-portal/g- green/greenhotel/derivation/ [สืบคน้ เม่อื 8สิงหาคม
2564]
ดวงมณี โกมารทตั . ธุรกจิ โรงแรมในประเทศไทย.วารสารการบญั ชีและการจดั การมหาวิทยาลยั
มหาสารคาม, 2554.
นิรมล กิตกกิ ุล.การบริหารต้นทนุ . พิมพค์ ร้งั ที่ 3. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , 2552.
พรรณิภาซาวคา.กลยทุ ธ์การบริหารจัดการภายในโรงแรม.กรณีศกึ ษาโรงแรมขนาดเลก็ ในเขตอาเภอ
เมืองจงั หวดั เชียงราย.วารวทิ ยาลยั ดุสิตธานี,2559.
________.“วจิ ยั กรุงศรี "แนวโนม้ ธุรกิจ/อุตสาหกรรม ปี 2562-2564: ธุรกิจโรงแรม" [ออนไลน์].
เขา้ ถงึ ไดจ้ าhttps://www.krungsri.com/th/research/industry/industryoutlook/Services/Hotels/IO/io-
hotel-21.[สืบคน้ เม่อื 8สิงหาคม2564]
คมเนตร เนตรประไพ. “อนาคตโรงเเรมอยทู่ ่เี เหล่งท่องเที่ยว"[ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ าก:
http://info.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=6487,2535. [สืบคน้ เมือ่ 8สิงหาคม2564].
รุจาภา แพง่ เกสร. “การใชส้ ื่อการตลาดทางตรงในการส่งเสริมธุรกจิ โรงแรมในประเทศ ไทย”..
มหาวิทยาลยั อสี เทริ ์นเอเชีย.การจดั แบง่ แผนกงานต่างๆในโรงแรม[ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://th.jobsdb.com/th- [สืบคน้ เม่อื 8สิงหาคม2564].