The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สละผลไม้ทองในอนาคต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

สละผลไม้ทองในอนาคต

สละผลไม้ทองในอนาคต

Keywords: สละ

หมวดวชิ า เกษตรกรรม

รูปตน สละ

รูปดอกสละ รูปผลสละเปนพวง

กรมการศึกษานอกโรงเรียน 
กระทรวงศึกษาธิการ 

หมวดวชิ า เกษตรกรรม 

1.  การปอ งกนั และกาํ จัดศัตรูทเุ รยี นโดยวธิ ผี สมผสาน 
2.  การบรรจุหบี หอ และตลาดทเุ รยี น 
3.  สละผลไมทองในอนาคต 
4.  การผลติ ตนพนั ธุสละเพ่อื จาํ หนาย 
5.  การจัดการเล้ียงพอแมพ ันธตุ ะพาบนํา้  
6.  การผลิตตะพาบน้ําเพื่อการคา 
7.  การผลิตแมงกะพรุนแหง 
8.  การผลิตมังคุดเพื่อการคา

ชุดวชิ า 

สละผลไมทองในอนาคต 

หมวดวิชา เกษตรกรรม 
รหสั .... 

ศูนยการศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออก 

กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น 
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ชุดวชิ า 
สละผลไมทองในอนาคต 

คณะท่ีปรึกษา  อธิบดกี รมการศึกษานอกโรงเรยี น 
ผเู ชยี่ วชาญพิเศษกรมการศึกษานอกโรงเรยี น 
1.  ดร.รุง  แกวแดง  ผอู ํานวยการศูนยก ารศึกษานอกโรงเรยี น 
2.  ดร.บญุ เลิศ  มาแสง  ภาคตะวันออก 
3.  นายบุญสง   คูวรากุล 

คณะกรรมการชุดวิชา  ประธาน 
ผเู ชยี่ วชาญเนือ้ หา 
1. นายทวีป  ร่นื รมย  ผเู ขยี น 
2. นายทวปี   ร่นื รมย  นักเทคโนโลย ี
3. นายทวีป  รื่นรมย  นักวัดผล 
4. นายสัญชยั   รอบรู  บรรณาธิการ 
5. นางสาวสมทรง  นลิ นอย  เลขานุการ 
6. นางสาวสรุ ตั นา  บูรณะวทิ ย 
7. นายอดุล  เทีย่ งสนุ ทร 

พิมพครง้ั ท/่ี เดอื น/ป 
ISBN...... 
พมิ พท โี่ รงพมิ พ/  
สาํ นกั พิมพ................................สถานที่ตั้งเลขท่ี........โทร......... 
สงวนลิขสทิ ธิ์โดยกรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น กระทรวงศกึ ษาธิการ 
จํานวนพิมพ.........ราคา........บาท

ทําสวนผลไมในประเทศไทย    จําเปนตองคํานึงถึงสภาวะดิน 
ฟาอากาศ  โรค และแมลง รวมทง้ั การดแู ลรกั ษา ซง่ึ ปจ จบุ ันนใี้ นภาค 
ตะวันออก ผลไมท ม่ี ีชื่อเสียง ไดแก ทเุ รยี น เงาะ  มังคุด กระทอน 
เปน ตน  แตผ ลไมท กี่ ลา วมาจําเปน ตอ งมแี หลง นา้ํ ทสี่ มบรู ณ ตองการความเอาใจ 
ใสในการดูแลรักษามากมาย      สิ้นเปลืองตนทุนในการผลิตปละมาก  ๆ  และ 
เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว    ก็มักจะประสบปญหาเนื่องจากผลผลิตมีราคาถูก 
สละเปนผลไมท น่ี ยิ มปลกู กันมากในภาคตะวนั ออก   เพราะเปน ผลไมท่ีไมตอ ง 
ดูแลรักษามากมายนัก    อีกท้ังผลผลิตที่ออกมาก็ขายไดในราคาสูงกวาผลไม 
ชนิดอื่น ๆ อกี ทั้งตนทุนที่ใชในการผลิตก็ตา่ํ    จงึ นบั ไดวา สละตองเปน ผลไม 
ทองในอนาคตอยา งแนน อน 

ชดุ วิชานี ้ มงุ เนนใหช าวสวนไดรถู งึ วิธีการผลิตสละท่ถี ูกตอง ตามหลกั วชิ าการ 
และขายผลผลิตไดในราคาท่สี ูง เพอื่ เปนการเพม่ิ รายไดใ หกบั ครอบครัว 

กรมการศกึ ษานอกโรงเรียน  ขอขอบคณุ คณะกรรมการผลิตชุดวชิ า ตลอดจนผู 
เกี่ยวของในการจัดทาํ ชุดวิชาน้ีทุกทาน  และหวังเปนอยางยิ่งวา ชุดวิชานี้จะ 
สามารถอํานวยประโยชนใ หกบั   ชาวสวนและผสู นใจเปนอยางดี

(นายรงุ แกว แดง) 
อธบิ ดกี รมการศกึ ษานอกโรงเรยี น

คําแนะนําการใชชุดวิชา  หนา  
แบบทดสอบกอนเรยี น  ก 
โครงสรา งของชุดวิชา  ข 
ตอนที่ 1  สภาพภมู ิอากาศและพ้นื ทป่ี ลูกสละ  ค 

เรอื่ งท่ี 1 สภาพภมู อิ ากาศที่เหมาะสมกับสละ  2 
เร่ืองท่ี 2 พ้นื ทีป่ ลูกสละในภาคตะวนั ออก  2 
ตอนที่ 2  การปลูกสละ  5 
เร่ืองที่ 1 วิธกี ารปลกู สละ  6 
เรอ่ื งที่ 2 การเตรียมพน้ื ท่ีปลกู สละ  7 
เร่อื งท่ี 3 ประเภทของการปลูกสละ  8 
ตอนท่ี 3  การดแู ลรักษาสละ  11 
เรอ่ื งที่ 1 การดแู ลรกั ษาสละกอ นใหผล  12 
เรอ่ื งท่ี 2 การดูแลรกั ษาสละหลงั ใหผล  15 
ตอนท่ี 4  การปอ งกันและกําจัดศัตรูสละ  18 
เรอ่ื งที่ 1 โรคของสละ  19 
เรอ่ื งที่ 2 แมลงสาํ คัญท่ที าํ อันตรายตอสละ  22 
เรอ่ื งที่ 3 สัตวศตั รขู องสละ  25 
ตอนท่ี 5  การเก็บเกีย่ วและการตลาด  28 
เร่อื งที่ 1 ลักษณะผลสละท่เี กบ็ เกี่ยวได  29 
เรอื่ งท่ี 2 การตลาดสละ  31 
แบบทดสอบหลงั เรยี น  33 
แนวเฉลยกิจกรรม  34 
แหลง ความรแู ละเอกสารท่คี วรศึกษาเพิ่มเตมิ   35 
บรรณานุกรม  36



1.  ชดุ วชิ า สละผลไมท องในอนาคต เปน สื่อประกอบดว ยเอกสารชดุ วชิ า 
จํานวน  5  ตอน 

2.  ชุดวชิ านีจ้ ดั ทําขึน้ สําหรบั ผมู อี าชีพทาํ สวนสละหรือผสู นใจทวั่ ไป 
3.  ขบวนการเรียนการสอนในชุดวชิ าน ี้   เปนไปตามความสามารถของแตละ 

บุคคล   เพราะทานตอ งศึกษาหาความรูดว ยตัวทานเอง 
4.  ควรศกึ ษาโครงสรา งของชุดวชิ านี้ใหเ ขาใจเสียกอ น  เพอื่ จะไดท ราบจดุ เนน 

และขอบขา ยเน้ือหาของชุดวิชา 
5.  เพอื่ ใหร แู ละเขา ใจยง่ิ ขนึ้  ทา นตอ งปฏบิ ตั ิตามกจิ กรรมทก่ี าํ หนดไวใ นชดุ วชิ า 

น้ีทุกกจิ กรรมอยา งละเอียด 
6.  กอนที่ทานจะไปพบผรู  ู   ทา นควรศึกษาลักาณะนิสัย  ใจคอของผูรเู สียกอ น 

เพอ่ื หาวธิ ีการทีด่ ีที่สดุ ในการพบแตล ะครงั้  
7.  ทา นตอ งทาํ การประเมินผลกอ นศึกษาชดุ วชิ า  และหลังแตล ะตอน พรอ มทงั้  

ประเมนิ ผลตามแบบทดสอบหลังเรยี น แลว ตรวจสอบกับแนวเฉลยท่ใี หไ ว 
8.  ทา นควรหาความรเู พมิ่ เติมจากแหลง ความรูตาง ๆ ท่ใี หไวท า ยชุดวชิ าน้ ี



แบบทดสอบกอนเรียน 

ใหผ เู รียนกาเครอื่ งหมาย û ทบั ตวั อกั ษรขอ ท่ีถกู ทสี่ ดุ  

1.  สละเปน ไมผ ลทขี่ น้ึ ไดด ใี นสภาพอากาศใด 

ก.  เย็นจัด  ข.  รอ นชน้ื  
ค.  ผนตกหนักและหนาว  ง.  รอนสลับกับอากาศหนาวจดั  

2.  พ้นื เพด้ังเดมิ ของพืชสกุลสละชอบข้ึนในพ้ืนทีแ่ บบใด 
ก.  หัวไรป ลายนา  ข.  ขางแมน้ําลาํ คลอง 

ค.  บนพื้นทปี่ าเขา  ง.  ชายหาดทะเล 
3.  สละ (เนนิ วง) มีปลกู มากที่จงั หวดั ใด 

ก.  ระยอง  ข.  จันทบรุ  ี
ค.  ตราด  ง.  ปราจีนบุรี 

4.  สละเหมาะสาํ หรับผลกู เปนพชื แซมของพืชหลักอะไร 
ก.  ยางพารา  ข.  สม  

ค.  องนุ   ง.  มะปราง 
5.  ถา ปลูกสละเปน พืชเดย่ี วระยะท่ีเหมาะสมคือ 

ก.  ระยะ 3 X 3 เมตร  ข.  ระยะ 4 X 4 เมตร 
ค.  ระยะ 5 X 5 เมตร  ง.  ระยะ 8 X 8 เมตร 

6.  หลุมท่ีขุดไวเพือ่ เตรียมปลกู สละควรมีขนาดใด 
ก.  50 X 50 X 50 ซม.  ข.  1 X 1 X 1 เมตร 

ค.  1.5 X 1.5 X 1.5 เมตร  ง.  2 X 2 X 2 เมตร 
7.  อัตราสว นระหวา งตน ตัวเมียตอตน ตัวผทู ี่ใหการผสมเกสรตดิ ผลดคี อื  

ก.  ตัวเมยี 5 ตนตอตวั ผู 1 ตน   ข.  ตวั เมยี 8 ตนตอ ตัวผู 1 ตน 
ค.  ตัวเมีย 10 ตน ตอ ตัวผู 1 ตน   ง.  ตัวเมีย 13 ตน ตอ ตัวผู 1 ตน  

8.  การตดั ทางใบจะทาํ เมื่อใด 
ก.  ฤดูหนาว  ข.  ฤดูแลง 

ค.  ปลายฤดูฝน  ง.  กลางฤดูแลง 
9.  ปุยสตู รใดท่ใี ชก บั สละชวงอายุ 1-4 ป 

ก.  15-15-15  ข.  16-20-0 
ค.  0-0-46  ง.  8-24-24 

10. ฤดูกาลใดเหมาะสาํ หรับปลูกสละ  ข.  ฤดูหนาว 
ก.  ฤดูแลง 

ค.  ปลายฤดูฝน  ง.  ตนฤดูฝน 



สาระสําคัญ 

สละเปนพืชท่ปี ลกู และดูแลรักษาไดงาย   มโี รคและแมลงรบกวนนอย    ใหผ ล 
ผลติ สูง   จําหนา ยไดราคาด ี เปนที่ตอ งการของตลาด 

จุดประสงค 

1.  รสู ภาพและพืน้ ท่ปี ลูกสละได 
2.  ปลูกสละใหเ จรญิ เติบโตได 
3.  ดแู ลรกั ษาสวนสละไดอยา งถูกตอง 
4.  ปองกันและกาํ จัดศัตรูของสละได 
5.  เก็บเก่ียวและจาํ หนายสละได 

ขอบขายเนื้อหา 

ชุดวชิ าน้ี ใชเ วลาเรียน 30 ชว่ั โมง  จาํ นวน 1 หนวยการเรยี น ประกอบดวยเนอ้ื หา 
วิชา 5 ตอน ดงั น ี้
ตอนท่ี 1 สภาพภูมอิ ากาศและพ้ืนทป่ี ลูกสละ  (จาํ นวน 3 ชัว่ โมง) 
ตอนที่ 2 การปลูกสละ  (จํานวน 7 ชั่วโมง) 
ตอนท่ี 3 การดแู ลรักษาสละ  (จํานวน 8 ชว่ั โมง) 
ตอนท่ี 4 การปอ งกนั และกําจัดศัตรูสละ  (จาํ นวน 6 ชัว่ โมง) 
ตอนที่ 5 การเกบ็ เกีย่ วและการตลาด  (จํานวน 6 ชั่วโมง) 

สาระสําคัญ 

สละเปนไมผลที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศรอนช้ืน 
มีพน้ื ที่ปลูกมากในภาค ตะวันออก 

จุดประสงค 

1.  บอกสภาพภูมอิ ากาศทเ่ี หมาะสมกับการปลูกสละ 
ได 

2.  บอกพื้นท่ปี ลูกสละในภาคตะวนั ออกได 

ขอบขายเนื้อหา 

เรอื่ งท่ี 1 สภาพภูมอิ ากาศทเ่ี หมาะสมกับสละ 
เรอ่ื งท่ี 2 พืน้ ทปี่ ลกู สละในภาคตะวนั ออก



เรื่องที่ 1 สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกบั สละ 

1.  สละเปน ไมผ ลทขี่ ึน้ ไดด ีในสภาพความชื้นสูง มีตนไมปกคลมุ  
2.  มฝี นตกชกุ พอประมาณ 
3.  มลี มพดั ไมร ุนแรง 
4.  พ้นื เพดั้งเดิมของพืชตระกูลน้ีจะชอบขึ้นบนปา เขา 

เร่อื งที่ 2 พื้นทป่ี ลกู สละในภาคตะวันออก

มีการปลูกสละเปนไมผลเพื่อการคามากในภาคตะวันออก  3  จังหวัด  คือ 
ระยอง   จนั ทบุรีและตราด 

จังหวดั ระยอง มีระกาํ  และ  สละ (ไมมหี นาม) พน้ื ทีท่ ี่มีระกาํ มากอยูเ ขตอาํ เภอ 
แกลง, อาํ เภอบานคาย, กง่ิ อําเภอเขาชะเมา ซึ่งเดมิ สว นใหญไ มมีการปลูก เพราะ 
เปน ระกาํ ปา   แตม กี ารดแู ลรกั ษาเปน อยา งด ีแตใ นปจ จบุ นั นเี้ รมิ่ มกี ารปลกู บา งแลว  

สละ (ไมมหี นาม) มกี ารปลกู นอ ย จะพบอยตู ามหัวไรปลายนาในเขตอําเภอเมอื ง 
สละ (เนนิ วง)  มีการปลูกกันนอยมาก 

จงั หวดั จนั ทบรุ  ี มกี ารปลูกระกาํ ในแถบอาํ เภอเมอื ง และอาํ เภอทาใหม  สวนแถบ 
อําเภอมะขาม   และอําเภอโปง นาํ้ รอ น  จะมีการปลูกและดูแลรกั ษาในลกั ษณะ 
ของระกาํ ปา    มีการปลกู แซมยางพาราบา ง  สละ (ไมมหี นาม)  มนี อ ยมากจะมี 
ปลูกตามหัวไรปลายนา   ในเขตอําเภอทาใหม   สละ (เนนิ วง)  จะมปี ลกู ทค่ี าย 
เนินวง  อําเภอเมอื ง  และอําเภอขลงุ  

จังหวัดตราด    มีการปลูกดูแลรักษาระกําปา  ในเขตอําเภอเขาสมิง    สวนสละ 
(ไมม หี นาม)นยิ มหลกู เปน สว นใหญ  ในเขตอําเภอเมอื ง โดยมกี ารดแู ลรกั ษาสวน 
อยางด ี  สละ (เนนิ วง) 
มีการปลูกนอย    แต 
ปจจุบัน  น้ี ก็เริ่ มปลูก 
กนั มากขนึ้  

เมื่อป พ.ศ.  2537  พบ  ภาพ แปลงปลูกสละขนาดใหญ
วาจันทบุรมี ีพน้ื ที่ปลกู  
ประมาณ  2,893  ไร 
และตราด  มพี นื้ ทปี่ ลูก 
2,149 ไร 



กิจกรรมท ่ี 1

ใหผเู รียนไปพบผูรแู ลว ปรกึ ษา เรอ่ื งสภาพภมู ิอากาศทเี่ หมาะสมกับสละ พรอ ม
กบั สาํ รวจพืน้ ท่ปี ลกู สละในทองถ่นิ ของตนเองแลวบันทึกตามรายการทีใ่ หไ ว 

วันท่.ี .....................เดอื น.........................................................พ.ศ......................... 
ผรู ชู ่อื ...................................................................................................................... 
ท่อี ย.ู ....................................................................................................................... 
สภาพภูมิอกาศท่เี หมาะสมกับสละ........................................................................ 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
ระกํามพี ้ืนทปี่ ลกู ประมาณ.................................................................................ไร 
สละ (ไมม ีหนาม) มพี ืน้ ท่ีปลูกประมาณ............................................................ไร 
สละ (เนนิ วง) มีพ้ืนทีป่ ลกู ประมาณ..................................................................ไร

กิจกรรมท ี่ 2

ใหผ เู รยี นรวมกลมุ แลว อภปิ รายถงึ เรอ่ื ง พนั ธสุ ละทน่ี ยิ มปลกู แลว สรปุ บนั ทกึ ผล
การอภิปรายตามรายการท่ีใหไ ว 

สรปุ บันทึกผลการอภปิ รายกลมุ  
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 

4

กิจกรรมที่  3

จงทําเครอ่ื งหมาย ü หนา ขอ ที่ถูก และเครอื่ งหมาย û หนา ขอท่ีผดิ  

1.  สละเปน ไมผ ลทข่ี ้นึ ไดด ใี นสภาพอากาศรอ นช้นื  
2.  สละ (ไรหนาม) ชอบข้นึ ในสภาพอากาศเยน็ จัด 
3.  ดั้งเดิมแลวสละชอบขึ้นตามปลายนา 
4.  มกี ารปลูกสละ (เนินวง) มากทจี่ งั หวัดตราด 
5.  ปจจุบนั นี้ จงั หวัดชลบุรมี ีพนื้ ที่ปลกู สละมากท่สี ุด ในภาคตะวนั ออก 



สาระสําคัญ 

สละเปนไมผลท่ี ปลูกเปนพืชเดี่ ยวในแปลงใหญ  หรือ 
ปลูกแซมพชื อ่ืนก็ได   โดยตน พนั ธุท่ีนาํ มาปลกู ไดมา จากการ 
ขยายพันธุ ดวยเมลด็  หนอ หรือลําตน 

จุดประสงค 

1.  อธิบายวิธีการปลูกสละได 
2.  ปฏบิ ตั ิการเตรียมพ้ืนทป่ี ลกู สละได 
3.  บอกประเภทของการปลกู สละได 

ขอบขายเน้ือหา 

เรื่องที่ 1 วธิ กี ารปลกู สละ 
เร่อื งที่ 2 การเตรียมพืน้ ทป่ี ลูกสละ 
เรื่องที่ 3 ประเภทของการปลกู สละ



เร่อื งท่ี 1 วธิ ีการปลูกสละ 

1.1  ปลกู เปน พชื แซม 
1.2  ปลกู เปน พชื เดยี่ ว

1.1  ปลูกเปนพืชแซม 

ในการปลกู สละเปน พืชแซมน้นั  ตอ งปลูกไปพรอม ๆ  กบั พชื หลกั น้ัน ๆ โดย 
ปลูกสลับแถวกัน ซงึ่ จะทาํ ใหส ละเจริญเตบิ โตไปพรอม ๆ  กบั พืชหลักนนั้  ใน 
ชว งระหวางการปลกู ในป 1-3  แตหลังจากนั้นพชื หลักก็จะโตสงู คลมุ ตน สละ 
จึงทาํ ใหสละไดรมเงา   แตถาหากปลูกสละเม่ือพืชหลักโตแลวจะมีผลทําให 
สละโตชา  เนอื่ งจากไดร บั แสงแดดนอยไมเพยี งพอตอการสงั เคราะหแสง จึงทาํ  
ใหท างใบสละยาวกวาปกติ  เมือ่ ทางใบยาวชลดู จะทาํ ใหห ักลมไดง าย  ถา มกี าร 
ใชปุยเรงการเจริญเติบโตมากกจ็ ะยิง่ ทาํ ใหกาบใบหักงายยิ่งขึ้น 

พืชหลักที่เหมาะสมสาํ หรบั ปลูกสละเปนพชื แซม ไดแ ก ยางพารา สะตอ หรือ 
ไมอ่ืน ๆ ท่ีมีทรงพุมไมทึบมากนัก    เพื่อใหแสงแดดสองลงมาถึงตนสละ 
การปลูก    สละเปนพืชแซมตองปลูกใหอยูระหวางแถวของพืชหลัก  เชน 
ปลกู สละแซม ระหวางแถวของยางพารา

ตนสละทป่ี ลกู แซมพชื อื่น 



1.2  ปลูกเปนพชื เด่ียว 

สละสามารถปลูกเปนพืชเด่ียวในแปลงใหญไ ด  เพื่อสะดวกในการดูแลรักษา 
ระยะปลกู   ขึน้ อยกู ับความตอ งการของแตล ะคน ถาหากวาปลกู ถี ่ เม่ือสละโต 
ข้ึนก็จะทําใหดูแลรกั ษาลําบาก   แตถาปลูกหางเกินไปก็จะทําใหเปลืองเนื้อท่ ี
ระยะปลูกท่นี ยิ มกนั ในปจจบุ ัน คือ ระยะ  6 X 4 เมตร   หรือ ระยะ 5 X 5 เมตร

ตนสละทป่ี ลกู เปน พชื เดย่ี ว 

เรอ่ื งท่ี 2 การเตรยี มพ้ืนทปี่ ลูกสละ

2.1  การไถเตรียมดิน 

ควรมีการไถเตรียมพื้นท่ี เพอ่ื กําจัดวัชพชื และปรับพื้นท่ ี ในกรณที ี่เปนพนื้ ทต่ี ่ํา 
ควรมีการไถเพ่ือยกรองปองกันนํ้าทวมขัง  การไถเตรียมดิน  ควรทาํ  2  คร้ัง 
คร้ังแรกเปนการไถเพ่อื เปด หนา ดนิ  และกลบั พลิกหนาดนิ  การไถคร้ังที่ 2  เปน 
การไถพรวนเพื่อยอยเม็ดดิน การไถพรวนควรทาํ ในขณะท่ีดินมีความช้ืนพอ 
สมควร 

2.2  การขุดหลุม 

เมอื่ มกี ารไถเตรียมดินเรยี บรอ ยแลว ก็ทาํ การจัดระบบระหวา งแถวและตน  เสร็จ 
แลว กข็ ดุ หลมุ เพ่ือปลกู  หลมุ ทข่ี ุดมขี นาด 50 X 50 X 50 เซนติเมตร 



2.3  การเตรียมดินปลูก 

เมื่อขุดหลุมเรียบรอยแลว  นําปุยคอกหรือปุยหมักประมาณ  1  ปบ  นํามา 
คลุกเคลา กับดนิ ท่ ี  ขุดจากหลมุ  แลว นาํ สวนทค่ี ลุกเคลาแลวกลับใสไ ปในหลมุ  
กอนใสสวนผสมท่ีหลุมใหรองกนหลุมดวยรอคฟอสเฟต     ประมาณคร่ึง 
กระปองนม    เพราะรอคฟอสเฟตจะชวยใหรากสละเจริญเติบโตและแข็ง 
แรงดีย่งิ ข้ึน 

เร่อื งที่ 3 ประเภทของการปลกู สละ

3.1 ปลูกสละโดยใชต นพันธุจากเมล็ด 

เม่อื เตรียมหลมุ ปลูกเสรจ็ แลว ก็ใชตนที่เพาะไดจ ากเมลด็ ทมี่ ีทางใบ 5-10 ใบ มา 
ปลกู หลมุ ละ 3-4  ตน  โดยหา งกันประมาณตน ละ 1  คืบ เม่ือปลกู ตนสละเสร็จ 
แลว ก็ใชดินกลบใหแนน   และใหสงู กวา ปากหลุมเลก็ นอ ย  เพื่อปอ งกันการยบุ  
ตวั ของดิน  เสรจ็ แลวรดน้ําใหชมุ  เม่อื ปลกู ไป  แลว ประมาณ 4-5 ป   สละกจ็ ะ 
เริ่มออกดอก โดยจะมที ั้งตนตวั ผูและตัวเมีย ใหตดั ตนตัวผทู ิ้ง โดยเหลืออัตรา 
สวน ตัวผู 1 ตน ตอ ตวั เมยี 5 ตน  จะทําใหต ดิ ผลด ี

3.2 การปลกู สละโดยใชตนพันธุจากหนอ 

ตน พันธุจากหนอซง่ึ ไดจากหนอ ทีแ่ ยกจากตน ตวั เมีย  ฉนน้ั เมือ่ นําหนอ มาปลกู  
ก็จะเปน ตวั เพศเมยี  และมลี ักษณะเหมือนตน แมท ุกประการ ฉนนั้ ในการปลกู จะ 
ตองปลูกตนจากหนอ 5 หลุม แลว สลบั ดว ยการปลกู จากเมลด็ 1 หลุม เพอ่ื ชวย 
ในการผสมใหติดลกู ดีข้ึน 

3.3 การปลูกโดยใชตนพันธุจากลาํ ตน 

การปลกู วิธีน้ีกโ็ ดยการใชตน พนั ธุท ข่ี ยายพันธุจ ากลําตน  ลักษณะการปลูกและ 
วธิ กี ารปลกู   เหมอื นกบั การปลูกโดยใชตน พนั ธจุ ากหนอทุกประการ 

ฤดกู าลทเี่ หมาะสมในการปลกู พืชตระกูลสละ คอื ตน ฤดูฝน จะทําใหส ละเจริญ 
เติบโตไดดี      และเม่ือปลูกเสร็จแลว  จําเปนตองทํารมเงาเพื่อบังแดดและลม 
หลงั จากปลูกเสรจ็ แลว ควรใชหญา แหง  หรอื ฟางแหง มาคลุมโคน เพอ่ื เปนการ 
รักษาความช้ืนในดิน 



กิจกรรมท่ี  4

ใหผเู รียนปฏบิ ตั กิ ารปลกู สละตามวธิ กี ารทไี่ ดศกึ ษาจากชุดวชิ านี้ แลว บนั ทกึ ผล
การปฏบิ ัติตามรายการท่ีใหไว 

1.  วิธกี ารปลูกสละ.............................................................................................. 
............................................................................................................................... 
2.  ขนาดหลมุ ปลกู .............................................................................................. 
............................................................................................................................... 
3.  พนั ธุข องสละที่ปลกู ....................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
4.  การไถเตรียมดนิ ............................................................................................. 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
5.  การเตรยี มดนิ ปลูก.......................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
6.  ประเภทของการปลูก..................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
7.  จํานวนตนสละท่ีปลูก...............................................................................ตน 
8.  ขอเสนอแนะ.................................................................................................. 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
...............................................................................................................................

10 

กจิ กรรมที ่ 5

จงทําเครอื่ งหมาย ü หนาขอทีถ่ ูก และเครอ่ื งหมาย û หนา ขอทผี่ ดิ  
........1.  สละเหมาะสาํ หรบั ปลกู เปน พชื แซมในสวนยางพารา 
........2.  ควรปลกู สละแซมยางพาราโดยปลกู สละสลับกบั ยางพารา ไปจนตลอด 

ความยาวของแถวปลูก 
........3.  ในการปลูกสละเปน พืชแซมตอ งปลกู สละไปพรอม ๆ กับพชื หลัก 
........4.  ปจ จุบนั นิยมปลกู สละเปน พชื เดย่ี วโดยปลูกระยะ 2 X 2 เมตร 
........5.  ในการปลกู สละควรมีการไถเตรยี มดนิ 2 คร้งั  
........6.  หลมุ ที่ใชปลูกสละควรมีขนาด 50 X 50 X 50 เซนติเมตร 
........7.  การปลูกสละตอ งรองกนหลมุ ดวยร็อคฟอสเฟต เพือ่ ชวยใหร ากเจรญิ  

เติบโตและแข็งแรง 
........8.  การปลูกสละท่ีใชต นพนั ธุจ ากเมลด็ จะตอองมที างใบ 5 - 10 ใบ 
........9.  การปลูกสละจากเมล็ดจะมีทงั้ ตนตวั ผูและตัวเมียตองตัดตนเพศผูท้ิง 

ให เหลอื อัตราเพศผู  1  ตน ตอตัวเมยี 10 ตน  
....... 10.การปลกู สละท่ีใชต น พันธจุ ากหนอหรือลาํ ตน จะทําใหไดส ละท่ีเปน 

เพศเมียเทา น้ัน

11 

สาระสําคัญ 

การดแู ลรกั ษาสละในระยะกอ นใหผ ลและระยะหลงั  
ใหผลท่ีดีและถูกตอง      จะเปนการประหยัดตนทุน 
และชว ยเพ่ิมผลผลติ  

จุดประสงค 

1.  ปฏิบัติการดแู ลรกั ษาสละกอ นใหผลได 
2.  ปฏิบัติการดูแลรกั ษาสละหลังใหผลได 

ขอบขายเน้ือหา 

เร่ืองท่ี 1 การดแู ลรักษาสละกอ นใหผล 
เรื่องที่ 2 การดแู ลรกั ษาสละหลงั ใหผล

12 

เรอื่ งที่ 1 การดแู ลรกั ษาสละกอ นใหผล

1.1  การปองกันและกําจัดวัชพืช 

การกาํ จดั วชั พชื ในชว งทต่ี นยังเล็กอย ู มักจะใชจ อบถากหญา แลว นําไปคลมุ โคน 
ตน กอ นท่จี ะทําการใสปุย  ในชว งตน ฝนและปลายฝน  หรือใชม ีดดายหญาเขา 
คลุมโคนตน    วัชพืชที่ควรจะ    ระวัง  คือวัชพืชที่ขึ้นเปนเถา  โดยเถาจะไปพัน 
กานและใบ  โดยเฉพาะใบออนที่อยูปลายยอดสุด      ทําใหยอดไมคล่ีออกจึง 
สงั เคราะหแ สงไมไ ได  ถา พบตอ งตดั ออกและแกส ว นเถาทพี่ นั ยอดออกทนั ท ีและ 
ทําการขดุ หัวเถาทิง้ เพอ่ื ไมใ หเจริญเติบโตตอไป 
การใชส ารเคมกี าํ จัดวชั พืช  ไมแ นะนําใหใช   หากมคี วามจาํ เปน กใ็ ชโดยระมัด 
ระวงั    โดยเฉพาะสารเคมกี าํ จดั วัชพืชในกลมุ ของพาราครอท   ซึง่ สารเคมีใน 
กลุมน้ีจะทําลายสว นท่ีเปน ส ี  เขียวของพชื  เหตุท่ตี องระวงั เน่อื งจากกา นและใบ 
ของพืชสกลุ สละมีสเี ขียว ถา เกิดมกี ารใชโ ดยไม  ระมัดระวงั สารเคมกี ระเด็นไป 
ถูกกานและใบจะทาํ ใหตายได 

1.2  การตัดทางใบ 

การตัดทางใบ  เปนส่งิ ทจ่ี ําเปน เชน กัน  ปกตพิ ชื สกลุ สละจะแตกใบออ น 
ประมาณ  8-12  ใบ  ใน  1  ป  และใบท่ี แตกกอนก็จะแก 
ไมสามารถที่จะปรุงอาหารได  ดังน้ันการตัดแตงทางใบ  จึงตองตัดทางใบ 
ที่มีสีเหลือง การตัดควรตัดใหชิดลาํ ตน ใหมากท่ีสุด เมื่อตัดแลวใหนาํ ทางใบ 
มาตัดเปนทอนส้ั น  ๆ  นําไปคลุมโคนตน      ฤดู  ท่ี ควรทําการตัดแตงกานใบ 
ควรเปน ชว งปลายฤดูฝน  กระทําปละ 1 ครั้ง 

ภาพ ชาวสวนขณะตัดทางใบ

13 

1.3 การใหน ้ํา 

การใหน าํ้  หลังจากปลูกพชื สกุลสละไปแลว   เมอ่ื ตนฤดูฝน เมอื่ ยา งเขา ฤดูแลง ก ็
ตองใหน้ํา    ถาไมใหนํ้าพืชที่ปลูกจะชงักการเจริญเติบโต    ใบเหลืองเห็นได 
ชดั เจน  การใหน ํ้ากระทําได   หลายวธิ ี เชน  ใชส ายยาง หรอื ใชการใหน ํ้าแบบ 
มินสิ ปรงิ เกอร จะประหยดั น้ําไดม ากกวาสายยาง   แตลงทุนสูง  ปกติถาหาก 
เกษตรกรปลกู พชื สกลุ สละจาํ พวกระกาํ หรอื สละไมม หี นาม สวนใหญจ ะใหน า้ํ  
แบบสายยาง  เพราะลงทุนตอ ไรตา่ํ คุมกับการลงทุน  เนอื่ งจากราคาผลผลิตที ่
ขายไดตํ่า สวนการปลูกพืชสกุลสละประเภทสละ (เนินวง)  เกษตรกรมักจะ 
ใหน า้ํ  ในระบบมนิ สิ ปรงิ เกอร ถงึ แมก ารลงทนุ   จะสงู กวา กค็ มุ คา เมอ่ื เปรยี บเทยี บ 
กับราคาท่ีขายไดตอ กโิ ลกรมั คอ นขา งสงู  

1.4 การใสปยุ  

การใสปยุ    พชื สกุลสละในระยะเร่ิมปลกู ถึงปที่  4  ควรใชปยุ สูตรเสมอ เชน 
15-15-15  หรือ  16-16-16  โดยอัตราท่ีใสคํานวนจากอายุของตน โดยเอา  2 
ไปหารอายุของตนสละ เชน สละอาย ุ 4 ป เอา  2  ไปหารได  2  ก็ใส ปุย  2 
กิโลกรมั ตอ ตน ตอป โดยแบงใส 2  ครง้ั  ๆ ละเทา ๆ  กัน ใสช วงตนฝนและ 
ปลายฝน  โดยหวานปุยใตทรงพุมตนใหท่ัว  และควรมีการใสปุยคอกหรือปุย 
อินทรีย ในอตั ราตนละ 1-2 ปบ

ชาวสวนขณะใหป ยุ แกตนสละ

14

กิจกรรมท ี่  6

ใหผ เู รยี นปฏบิ ัตกิ ารดแู ลรกั ษาสละกอ นใหผ ลในสวนของตนเอง แลว บันทึกผล
การปฏิบัติตามรายการทีใ่ หไ ว 
1.  การปองกันและกาํ จัดวัชพืช 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
2.  การตัดทางใบ 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
3.  การใหน้ํา 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
4.  การใสป ยุ  
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 

15 

เรื่องที่ 2 การดแู ลรกั ษาสละหลังใหผ ลแลว 

2.1  การปองกันและกําจัดวัชพืช 

เมือ่ เราปลกู พชื สกลุ สละมาเปนเวลา ประมาณ  4 ป สละก็จะแตกกานและทาง 
ใบปกคุลมเตม็ พ้ืนท่ี  จงึ มผี ลทําใหว ัชพืชขน้ึ นอย  แตถ า หากมีวัชพืชมากกด็ าย 
หญาแลว เอาหญาท่ีดายน้ันคลุมโคนตน  

2.2  การตัดทางใบ 

พืชสกุลสละจะแตกใบออนอยตู ลอดเวลา และจะมีใบแกอ ยตู ลอด ฉนน้ั  จาํ เปน  
ตอ งตดั ใบทแ่ี กท ง้ิ  โดยตดั ในชว งปลายฤดฝู น โดยตดั ใหช ิดกบั ลําตนใหม ากทส่ี ดุ  
ขณะตัดทางใบก็ตัดแตง ทะลาย   และทาํ ความสะอาดโคนตน ไปดวย 

2.3 การใสป ุยและใหนา้ํ  

การใสป ยุ  ใหใชปุยสตู รเสมอ เชน 15-15-15 หรอื 16-16-16 โดยใชในอตั ราเชน  
เดียวกับการปฏิบัติการใสปุยชวงสละยังไมใหผล    จากน้ันควรใสปุยอินทรีย 
อตั รา  3-4 ปบตอตน   โดยใสปุยอินทรยี ใ นชว งเก็บผลแลว  คอื ปลายฤดูฝน 

การใหน ้าํ จะตอ งใหน ํ้าอยา งพอเพียงและสมํ่าเสมอ เพอื่ ใหผ ลโต สมบรู ณ  ไมล ีบ 
ควรใหน า้ํ 3-5 วนั ตอ คร้งั

16 

2.4  การชวยผสมเกสร 

ตอ งมกี ารชว ยผสมเกสรพชื สกลุ สละ เพราะวา ตน ทเี่ ปน เพศเมยี กจ็ ะมเี ฉพาะเกสร 
เพศเมียอยางเดียว    การชวยผสมเกสรโดยการใชดอกเพศผูท่ีบานเต็มท่ีแลว 
ไปแตะ ท่ดี อกเพศเมยี    ซงึ่ ดอกเพศเมยี ใน 1  ทะลาย จะบานไมพ รอ มกนั  ฉนนั้  
ในดอก ตัวเมีย 1 ทะลาย  ตองนําดอกเพศผูไปผสม  ประมาณ 3 วัน ระยะ เวลาท ่ี
เหมาะสาํ หรับการผสม คือ ชวง  07.00-12.00 น.  เพราะดอกสละจะบานใน 
ชวงเชา 

ชาวสวนขณะผสมเกสร

2.5 การคลมุ ผล 

สละทีใ่ หผ ลโตแลว จาํ เปน ตองคลุมผลเพื่อปองกันสตั วแ ทะเล็ม เชน  กระรอก 
หนู ฉนั้นตองคลุมผลไวดวยกระสอบปุย  โดยจะคลุมผลในชวงกอนผลสุก 
ประมาณ 2 เดือน เมื่อคลมุ ผลแลว   จะทาํ ใหผลมสี สี วยสดนารับประทานเปน ท ่ี
ตองการของตลาด

17 

กิจกรรมท่ ี 7

ใหผ เู รยี นปฏบิ ัตกิ ารดแู ลรกั ษาสละหลังใหผลในสวนของตนเอง แลวบนั ทกึ ผล
การปฏิบัตติ ามรายการท่ีใหไว 

1.  การปองกันและกําจัดวัชพืช....................................................................... 
............................................................................................................................... 
2.  การตัดทางใบ............................................................................................. 
............................................................................................................................... 
3.  การใสปุยและใหนํ้า.................................................................................... 
............................................................................................................................... 
4.  การชวยผสมเกสร....................................................................................... 
............................................................................................................................... 
5.  การคุมผล.................................................................................................... 
.............................................................................................................................. 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
...............................................................................................................................

กจิ กรรมท ี่ 8 จงทําเครอ่ื งหมาย ü หนาขอทีถ่ กู และเครื่องหมาย û หนาขอ ที่ผิด 

........1.  สละเปนพืชทีท่ นแลง  ฉนั้นไมจ ําเปน ตอ งใหน า้ํ  ก็สามารถเจรญิ เติบโต 
และใหผลผลิตไดด ี

........2.  การใสป ุยสละอายุ 1-4 ป  ควรใชปยุ สูตร 16-0-0 เปนสูตรหลัก 
........3.  การใสปุยสละควรใสในชวงตน ฤดูฝนและปลายฤดูฝน 
........4.  สละจะมีใบแกอ ยตู ลอดเวลา ฉน้นั ตองตัดใบแกท ้ิงในชว งปลายฤดูฝน 
........5.  ในการตัดทางใบควรตดั ตรงสวนกลางของทางใบเทาน้ัน 
........6.  การใสปุยสละหลงั เกบ็ เกย่ี วแลว ใชปยุ สตู ร 15-15-15 
........7.  ระยะเวลาทเี่ หมาะสมสําหรับการชวยผสมเกสรคอื  เวลา 07.00-12.00  น. 
........8.  สละเปน พชื ทมี่ ีทงั้ ดอกเพศผแู ละเพศเมียอยูใ นตนเดยี วกัน 
........9.  สละเมอื่ ตดิ ผลแลว จะตอ งใหน าํ้ อยา งสมํา่ เสมอประมาณ 3-5 วนั ตอ ครง้ั  
.......10. ปยุ อนิ ทรยทใี่ สใ หก บั ตนสละ ควรใสในชว งปลายฤดฝู น 

18 

สาระสําคัญ 

การทาํ สวนสละเพื่อใหไดผลดีตองมกี ารปองกัน และ 
กําจดั โรคแมลง  และสตั วศ ัตรูสละดว ย 

จุดประสงค 

1.  ปฏิบัติการปอ งกนั และกําจัดโรคของสละได 
2.  ปองกันและกาํ จัดแมลงท่ีสาํ คัญของสละได 
3.  ปองกันและกําจัดสัตวศ ัตรูสละได 

ขอบขายเนื้อหา 

เร่อื งท่ี 1 โรคของสละ 
เรือ่ งที่ 2 แมลงสําคญั ที่ทําอนั ตรายตอสละ 
เรอ่ื งที่ 3 สตั วศ ัตรูของสละ

19 

เร่อื งที่ 1 โรคของสละ

โดยปกติแลว   พืชสกลุ สละมกั จะไมมีโรครบกวนมากนัก  แตก ็มีโรคท่ีพบได 
บอ ย ๆ ไดแก 

1.1  โรคผลเนา

สาเหตุ เกิดจากเช้อื รา 
อาการ ระยะแรกหลังจากผลไดร ับเช้ือโรคแลว จะเรมิ่ มีอาการชาํ้  ตอมาจะเนา  
และลุกลามขยายไปทั่ วท้ั งทะลาย  มักจะเกิดในชวงท่ี มีฝนตกชุก  ซึ่ งมี 
ความช้นื แฉะ  ท่บี รเิ วณโคนตน สละ 

การปองกันกําจัด  การปองกันท่ีดีทําไดโดยการตัดทางใบสม่ําเสมอ  เพ่ือให 
ตนโปรงมีอากาศถายเทไดสะดวก    และตองพยายามระวังอยาใหผลเกิดแผล 
หรือ รอยชํา้  เพ่ือปองกนั ไมใ หเช้ือราเขาสูผลได  และควรหมั่นตรวจดูผลสละ 
วา มีโรค หรอื ไม  ถา พบโรคควรใชยากาํ จดั เชอื้ ราฉดี พน 

โรคผลเนา

20 

1.2  โรคยอดเนา แหง

สาเหตุ เกิดจากเชือ้ โรคทีท่ ําใหเกิดโรคใบรว งในยางพารา 
อาการ ยอดสละทแี่ ตกมาใหม  ๆ  หลังจากไดรบั เชอ้ื โรคแลว จะมอี าการเนาแหง 
ใบไมค ล ี่ มกั จะเกดิ ในฤดูฝน โรคน้ีจะไมท ําใหต นสละตายแตก ็มีผลทาํ ใหส ละ 
ชงักการเจรญิ เติบโตได

โรคยอดเนา แหง

21

กิจกรรมที่  9

ใหผ เู รยี นปฏบิ ตั กิ ารปอ งกนั กาํ จดั โรคของสละในสวนของตนเอง แลว บนั ทกึ ผล
การปฏิบตั ติ ามรายการทีใ่ หไ ว 

โรคที่พบในสวนสละ........................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
ลกั ษณะอาการ....................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
การปองกนั กําจัด................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 

22 

เรอื่ งที่ 2 แมลงสําคัญทีท่ าํ อนั ตรายตอสละ 

2.1  ดวงงวงและดวงแรด 

ดว งแรด ดวงงวง 

เปนดวงชนิดเดียวกับที่ทําลายมะพราว โดยดวงแรด  จะกัดกินแทะเปลือก 
บริเวณ  ยอดและกาบใบใหเปนแผล    แลว ดว งงวงก็จะเขา ไปวางไข  เจาะกิน 
เขาไปในยอด และลําตน ทําใหยอดและลาํ ตน เนาตายในที่สุด

การปองกนั กาํ จดั  
ดวงแรด 

- ทาํ ความสะอาดบรเิ วณสวนไมใ หม แี หลง ขยายพันธโุ ดยเฉพาะซากกอง 
ปุยหมกั  จะตองไ มก องท้งิ เกนิ 3 เดือน เมื่อเกิน 3 เดือน ควรเกลี่ยใหกระจาย 

- ใชเช้อื ราเขียวใสในแหลง ทีต่ วั หนอนอยูจะทําลายทกุ ระยะการเจริญเติบโต 

- ใสลูกเหม็นบริเวณกาบรอบ ๆ ยอดออน ตนละ 6-8 ลกู  เพือ่ ขับไลด ว งแรด 

- ใสทรายในซอกกาบ 

ดวงงวง 
ใชส ารฆา แมลงประเภท คลอรไ พรฟิ อส เชน  ลอรส แบน 40% E.C. อตั รา 20 ซซี  ี
ตอน้ํา  20  ลิตร  ฉีดพน  2  ฃร้ัง  หางกัน  14  วัน  และหยุดการใชสารเคม ี
กอ นการเกบ็ เกย่ี ว 15 วนั

23

2.2 เพลยี้ ไฟ 

เปนแมลงที่จะเขาไปทําลายชอดอก  ซ่ึงจะทาํ ใหการติดผลนอย  ผลท่ีติดไม 
สมบรู ณ 
การปองกันกาํ จัด ใหฉดี พนสารเคมชี นดิ ดูดซึมท่บี ริเวณดอก ในชวงกอนดอก 
บานและหลงั   ดอกบาน โดยฉดี ประมาณ 2-3 คร้งั  

เพลยี้ ไฟ 

2.3 หนอนใย 

ม ี 2  ชนิด 
1.  ตัวเล็ก 
2.  ตัวใหญ 

โดยหนอนใยทาํ ลายดอก,  ผลออ น  ชักใยคลมุ และกดั กนิ  
การปองกนั   ทําความสะอาดตน  เมือ่ พบใยก็ทําลายใยทิง้   หรอื ใชส ารดดู ซมึ ฉีด 
พน

24 

กิจกรรมท่ี  10

ใหผูเรียนสาํ รวจแมลงที่ทาํ อันตรายตอสละในสวนของตนเอง แลวปฏิบตั ิการ 
ปอ งกนั กาํ จดั   พรอมบนั ทึกผลการปฏบิ ัติตามรายการทใ่ี หไว 

วนั  เดอื น ป ท่สี าํ รวจ............................................................................................ 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
แมลงที่สํารวจพบ.................................................................................................. 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
อาการของตนสละทถี่ ูกแมลงทาํ ลาย..................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
วิธกี ารปองกนั กําจดั แมลง..................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
ผลของการปฏิบัติการปองกันกําจดั แมลง............................................................. 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 

25 

เรอ่ื งท่ี 3 สัตวศ ัตรขู องสละ 

สัตวศัตรทู ี่สาํ คัญในการทําลายผลสละ ไดแก หนู  กระรอก กระแต โดยสัตว 
เหลาน้ีจะทําการกัดกินผลในชวงผลเร่ิมสุก 

หนู  กระรอก กระแต 
การปอ งกนั กาํ จดั  
­  ทาํ ความสะอาดบรเิ วณแปลง 
­  อนรุ กั ษส ตั วศ ตั รธู รรมชาต ิ เชน  งสู งิ  เหยยี่ ว นกเคา แมว  ฯลฯ 

หอยทาก กดั กนิ ดอกและผล 
การปอ งกนั กาํ จดั  
­  เกบ็ ทาํ ลายหรอื นําไปบดทาํ ปยุ หมกั  
­  ใชเ หยอ่ื พษิ ลอ  

วชั พชื ทส่ี าํ ฃญั และการปอ งกนั กาํ จดั  
วชั พชื ทพี่ บในสวนสะละ แบง ออกไดเ ปน 2 พวกใหญ  ๆ ฃอื  
­  วชั พชื ใบแคบ เชน  หญา ตา หญา ตนี กา หญา ตนี นก เปน ตน  
­  วชั พชื ใบกวา ง เชน  สาบเสอื  ผกั โขม เปน ตน  

การปอ งกนั กาํ จดั  
­  ใชแ รงงานหรอื เฃรอื่ งจกั รตดั วชั พชื เหนอื ระดบั ผวิ ดนิ  
­  ใชว สั ดคุ ลมุ ดนิ  ไดแ ก  เศษซากวชั พชื   ทางใบสละ จะชว ยลดการงอกวชั พชื  
­  การใชส ารเคมี

26

กิจกรรมที่  11

ใหผูเรียนสํารวจสัตวศัตรูพืชในสวนสละของตนเอง แลวปฏิบัติการปองกัน
กาํ จดั พรอมบันทกึ ผลการปฏบิ ตั ติ ามรายการทีใ่ หไ ว 

วัน เดือน ป ทส่ี าํ รวจ............................................................................................ 
สัตวศ ัตรูทสี่ าํ รวจพบ............................................................................................. 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
ลกั ษณะอาการของสละท่ีถกู สัตวศัตรูทาํ ลาย....................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
วิธกี ารปอ งกนั กําจัดสัตวศ ัตรูสละ......................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
ผลของการปฏิบัตกิ ารปองกันกาํ จดั สัตวศตั รูสละ................................................ 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 

27 

กจิ กรรมท่ี  12

จงทาํ เคร่ืองหมาย üหนาขอความท่ถี กู และเคร่ืองหมาย û หนา ขอ ความท่ีผิด 

.........1. สละเปนไมผลที่พบวามกั จะตดิ โรคไปจากสวนทุเรียน 
.........2. โรคผลเนาของสละมักจะเกิดข้ึนในชวงท่ีมีฝนตกชกุ  
.........3. โรคผลเนา ของสละมีสาเหตมุ าจากเช้ือแบคทเี รีย 
.........4. การปองกนั โรคผลเนาทําไดโ ดยการตดั ทางใบใหโปรง 
.........5. โรคใบรว งในยางพารา เปนสาเหตทุ ําใหเ กดิ โรคยอดเนา แหง ในสละ 
.........6. โรคยอดเนาแหงมกั จะเกดิ ข้ึนในฤดูฝน 
.........7. โรคยอดเนาแหง ถา เกิดแลวจะมผี ลทําใหตนสละตายได 100% 
.........8. ถาพบตนสละท่ีถกู ดวงทาํ ลายมากวิธที ี่ดี คอื  ตอ งเผาทําลายตนสละ 

ทง้ั ตน 
.........9. ตองฉีดพน สารเคมีชนดิ ดดู ซมึ  เพอ่ื อปอ งกันเพลย้ี ไฟ ในระยะกอนและ 

หลังดอกสละบาน 
........10.นกฮกู  นกขุนทอง นกหวั ขวาน ถอื วาเปนสตั วศ ัตรูสละท่สี าํ คัญ

28 

สาระสําคัญ 

การเก็บเก่ียวสละท่ีดีและถูกตอง   จะสงผลให 
จาํ หนา ยสละไดในราคาสูง 

จุดประสงค 

1.  อธิบายลักษณะผลสละที่ตองเกบ็ เกี่ยวได 
2.  บอกวิธีการจําหนายสละได 

ขอบขายเน้ือหา 

เร่ืองท่ี 1 ลกั ษณะผลสละที่เก็บเกยี่ วได 
เรื่องท่ี 2 การตลาดสละ

29 

เรื่องที่ 1 ลักษณะผลสละท่ีเกบ็ เก่ียวได

การเกบ็ เกีย่ วผลสละเพอื่ จาํ หนา ยใหก ับลกู คา นนั้    ชาวสวนสละจะตองพจิ ารณา 
จากสงิ่ ตาง ๆ ดังตอ ไปน ี้
1.  นบั อายุผล ซงึ่ วธิ นี สี้ ว นใหญช าวสวนมกั จะไมทํากนั  จะทํากนั เฉพาะนกั วชิ า 
การ  โดยวธิ นี จ้ี ะเริ่มนบั ตง้ั แตด อกบาน จนถงึ ผลสุกแก จะใชระยะเวลา 7 เดือน 
2.  การบีบผล  ผลสละท่ีสุกแกเต็มท่ีแลว จะมีลักษณะเม่ือบีบดู ผลจะน่ิม 
เปลือกฟู 
3.  ดสู ผี วิ  ผลสละที่แกส กุ  จะเปล่ยี นสผี วิ จากสีน้ําตาล เปน สแี ดง 
4.  การชิม เปนวธิ ีสดุ ทายท่ีปฏิบัติ ถาชิมดูแลว  รสชาดหวานกแ็ สดงวาตัดไป 
จาํ หนายได 
โดยทวั่  ๆไปแลว  ในการตดั สละไปจาํ หนา ยเราจะใชวธิ กี ารดูสละท่ีแกหลาย ๆ 
วิธปี นกนั ไป ในการตดั สละ จะตอ งตดั สละเปนกระปุก ๆ ไป เพราะสละ  1 
ทะลาย จะสุกไมพรอ มกนั  โดยสละกระปกุ สุดทา ยจะสุกกอนเพราะ ดอกจะ 
บานกอ น 

ผลสละทแ่ี กสกุ
พรอ มเก็บจําหนา ย

30 

กจิ กรรมท่ี  13

ใหผูเรยี นศกึ ษาวีดทิ ัศน เร่อื งการเก็บเก่ยี วผลสละ แลวสรปุ บันทึกเนอ้ื หาสาระ
จากวีดทิ ศั นอ ยางละเอียด 

สรุปเนื้อหาสาระจากวีดิทัศน. ............................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
...............................................................................................................................

31 

เร่ืองที่ 2 การตลาดสละ

การจําหนายผลของพืชสกุลสละ 

จะมี 3 ลักษณะ คอื  
1.  เกษตรกรชาวสวนสละเก็บจากสวนของตนเอง 
แลว นําไปจําหนา ยท่ตี ลาดใน อําเภอ  หรอื จังหวดั  ในทอ งถ่นิ ของตนเอง 
2.  มีพอคาคนกลางเขา ไปซื้อผลผลิตจากสวนโดยตรง แลวนําไปจําหนายท่ ี
ตลาดในทองถน่ิ  หรอื ตา งจงั หวดั  
3.  วางจาํ หนายขา งถนน โดยเกษตรกรชาวสวนจะตดั ผลสละ มาวางขาย 
พรอ มกับผลไมชนิดอน่ื ที่ขา งถนน  โดยทาํ แผงรานขายขา งทางถนน  วิธนี จ้ี ะ 
ขายได ราคาดี 

การจําหนา ยสละ

32 

กจิ กรรมท่ี  14

ใหผ เู รยี นสํารวจตลาดจาํ หนา ยสละในทอ งถนิ่ ตลาดในระดบั อาํ เภอ ตลาดระดบั
จังหวดั ของตนเองพรอ มบนั ทึกผลการสํารวจตามรายการที่ใหไว 

วนั  เดอื น ป ท่ีสาํ รวจ............................................................................................ 
ผลจากการสาํ รวจตลาดทองถนิ่  
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
ผลจากการสาํ รวจตลาดระดบั อาํ เภอ 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
ผลจากการสาํ รวจตลาดระดับจังหวัด 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
............................................................................................................................... 
...............................................................................................................................

33 

แบบทดสอบหลงั เรยี น

ใหผ เู รียนกาเครอ่ื งหมาย û ทบั ตัวอักษรขอ ทีถ่ กู ที่สดุ  

1.  สละจะแตกใบออนใน 1 ป จาํ นวนก่ีใบ 
ก.  4 - 6 ใบข.  8 - 12 ใบ 
ค.  12 - 14 ใบ  ง.  14 - 16 ใบ 
2.  สละอายุ 6 ป ควรใสป ยุ จํานวนเทาใด ในรอบปนั้น 
ก.  2  กโิ ลกรมั   ข.  3  กโิ ลกรมั  
ค.  4  กิโลกรัม  ง.  5  กโิ ลกรัม 
3.  สละหลงั ใหผลผลติ แลว  ควรใชป ุยสตู รใด 
ก.  16-20-0  ข.  0-0-60 
ค.  16-16-16  ง.  8-24-24 
4.  ระยะเวลาใดเหมาะสาํ หรบั ชว ยผสมเกสรของสละ 
ก.  07.00 - 12.00 น.  ข.  12.00 - 16.00 น. 
ค.  16.00 - 20.00 น.  ง.  20.00 - 24.00 น. 
5.  การคลมุ ผลมีประโยชนอ ยา งไร 
ก.  ปองกนั หน ู ข.  ปอ งกนั กระรอก 
ค.  ทาํ ใหผ ลมสี ีสวย  ง.  ถูกทุกขอ 
6.  โรคผลเนามีสาเหตมุ าจากเชอ้ื อะไร 
ก.  รา  ข.  แบคทเี รีย 
ค.  ไวรสั   ง.  โปรโตซัว 
7.  โรคผลเนามกั จะเกิดในฤดูกาลใด 
ก.  ฤดูแลง  ข.  ฤดูหนาว 
ค.  ฤดูฝน  ง.  กลางฤดูหนาว 
8.  โรคยอดเนา แหง ในสละเกิดจากเชอื้ ใด 
ก.  เชอ้ื โรคใบหงิกในยางพารา  ข.  เชื้อโรคใบรว งในยางพารา 
ค.  เชอ้ื โรคใบไหมใ นทเุ รยี น  ง.  เชอื้ โรคยอดเนา ในทเุ รยี น 
9.  เพล้ยี ไฟจะไปทาํ ลายสว นใดของสละ 
ก.  ใบ  ข.  ยอด 
ค.  ชอดอก  ง.  กาบใบ 
10. ผลสละทกี่ ินไดต องมีอายตุ ้ังแตด อกบานถงึ แกนานเทาใด 
ก.  5 เดือน  ข.  6 เดือน 

ค.  7 เดอื น  ง.  8 เดอื น

เฉลยแบบทดสอบกอ นเรยี น  34  4.  ก  5.  ค 
9.  ก  10.  ง 
1.  ข  2.  ค  3.  ข 
6.  ก  7.  ก  8.  ค  4.  û  5.  û 

แนวเฉลยกิจกรรม  3.  û  4.  û  5.  ü 
9.  û  10.  ü 
กิจกรรมท่ี 3  3.  ü 
8.  ü  4.  ü  5.  û 
1.  ü  2.  û  9.  ü  10.  ü 
3.  ü 
กจิ กรรมที่ 5  8.  û  4.  ü  5.  ü 
9.  ü  10.  û 
1.  ü  2.  ü  3.  û 
6.  ü  7.  ü  8.  ü 

กิจกรรมท่ี 8 

1.  û  2.  û 
6.  ü  7.  ü 

กิจกรรมท่ี 12 

1.  û  2.  ü 
6.  ü  7.  û 

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น

1.  ก  2.  ข  3.  ค  4.  ก  5.  ง 
6.  ก  7.  ค  8.  ข  9.  ค  10.  ค 

35 

แหลง ความรแู ละเอกสารทค่ี วรศกึ ษาเพ่มิ เติม

1.  นายทวีป  รืน่ รมย  นกั วิชาการเกษตร 6 สํานักงานการเกษตรภาคตะวันออก 
จังหวัดระยอง  โทร. 038-611578 

2.  นายไพฑรู ย  ปฏิบตั  ิ  นักวิชาการเกษตร 6  สาํ นักงานเกษตรจงั หวัดระยอง 
โทร. 038-611202 

3.  สํานักงานเกษตรจงั หวดั จนั ทบุรี  โทร. 039- 
4.  สาํ นกั งานเกษตรจังหวัดตราด  โทร. 039- 
5.  สาํ นักงานเกษตรจงั หวดั ระยอง  โทร. 038-611202 

36 

สําหรับนกั ศกึ ษา ประชาชน และทานท่สี นใจชดุ วิชาอาชีพ 

ป 2538  กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น  ไดผ ลิตชดุ วชิ าอาชพี   รนุ ท ่ี 1 
จาํ นวน  136  ชุดวิชา  ในสาขาวชิ าพชื   ไมผล  สตั วน า้ํ จดื   สัตวน้าํ เค็ม 
ตัดเย็บเสอ้ื ผา   ดัดผม  เสรมิ สวย  การถนอมอาหาร  การประกอบอาชีพ  การปน 
การจกั สาน  การหลอ   การพมิ พ  การประดิษฐ 
ทุกชดุ วชิ าเขยี นโดยผเู ชย่ี วชาญ และผมู ชี อื่ เสยี งในสาขาออาชีพนน้ั  ๆ โดยเฉพาะ 
ทั้งในสวนกลางและระดับภาค  ทา นสามารถเรียนรูและเขาใจไดง าย  แนะนาํ  
วธิ กี ารขั้นตอนตาง ๆ ครบถว น   ทา นสามารถปฏบิ ัตไิ ดดวยตนเอง  จนยดึ เปน  
อาชพี ได 

ศูนยการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด  หรือ 
ศูนยบริการการศึกษานอกโรงเรียนอาํ เภอทุกอําเภอ

37 

ทวปี   รน่ื รมย. สถานการณก ารผลติ และการตลาดพชื สกลุ ระกําในภาคตะวนั ออก, 
เอกสารประกอบการประชุมสมั มนาแถลงผลงานประสานงานวจิ ยั  
และสง เสรมิ การเกษตร, ระยอง: สํานกั งานการเกษตรภาคตะวนั ออก, 
2536. 

ศูนยวิจัยพืชสวนจนั ทบุรี.  พชื สกลุ ระกํา,  จนั ทบุรี:  ศูนยว จิ ยั พชื สวนจันทบุร,ี  
2536. 

พนัส  บรู ณศิลปน .  เทคนคิ การปลกู สละของอนิ โดนีเซยี ,  วารสารกสิกร  5 
(กันยายน-ตุลาคม),  2537.



ผลสละเปน ทลาย
ตนสละเปน สวนสวยงาม 


Click to View FlipBook Version