48
รางวัลรองชนะเลิศ อันดบั 1
ภมู ิปญั ญาเสริมรากพันธไุ์ ม้ หนึ่งเดยี วแปดร้วิ
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ด้านการประกอบอาชพี คณุ กุณฑล ฉลาดถ้อย อายุ 65 ปี เกดิ วันที่ 19
มีนาคม 2500 คุณยุพิน ฉลาดถ้อย อายุ 56 ปี เกิดวันที่ 11 กันยายน 2509 ที่อยู่ บ้านเลขที่ 2
หมทู่ ี่ 8 ต.วงั เย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา อาชีพเกษตรกร เปน็ เจา้ ของสวนเกษตรยพุ นิ บนพ้ืนท่ี
18 ไร่ มีประสบการณ์การเพาะปลูกและขยายพนั ธุ์พืชเพือ่ การจำหนา่ ย เปน็ เวลากวา่ 16 ปี
สวนเกษตรยพุ นิ ที่คุณกุณฑล คณุ ยุพิน ฉลาดถ้อย
พัฒนาจากสวนเล็ก ๆ ที่ทำในครัวเรือน นำมาสู่การศึกษา
ค้นคว้า เรียนรู้ พัฒนาความรู้ เกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพ
เกษตรกร โดยเฉพาะการขยายพันธุ์ไม้ ในช่วงแรกพบ
สภาพปัญหาเกี่ยวกับการขยายพันธุ์แบบตอนกิ่งและทาบ
กิ่ง ต้นไม้จะมรี ากแก้วท่ไี ม่แข็งแรง เมอื่ ตน้ ไมม้ อี ายุมากขึ้น
ทำให้ลำต้นเกิดการเอียง และมีการโค่นล้มได้ง่าย ต้นไม้
เจริญเติบโตช้า ทำให้คุณกุณฑล เกิดแนวคิดและดำเนิน
การทดลองการเสริมรากให้กับต้นไม้ เพื่อเพิ่มการหา
อาหารให้กบั ตน้ ไม้ รวมท้งั ออกแบบเพิ่มความแข็งแรงโดย
ใช้ไม้ค้ำยันให้ต้นไม้ แต่จากการสังเกตพบว่าถึงแม้การ
เสรมิ รากจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องลำต้นเอยี ง การโค่นล้ม
ของต้นไม้หมดไป ต้นไมม้ อี ายุยนื ยาวขึ้น แต่กย็ งั พบปัญหา
อีกหนึ่งอย่าง คือ ต้นไม้ที่ปลูกไว้นาน ๆ เป็นสิบปีขึ้นไป
ส่วนใหญ่มักจะเกิด “โรคเปลือกแตก” ถ้าปล่อยไว้
นาน ๆ โดยไม่รักษา จะทำให้ต้นไม้ต้นนั้นโทรม ผลผลิตไม่สมบูรณ์ ไม่ได้คุณภาพ การรักษา
49
คอ่ นขา้ งจะยงุ่ ยาก และผลที่ได้ไมค่ มุ้ ทุน เพราะต้องใช้เวลารักษาตดิ ตอ่ กันนาน สว่ นใหญช่ าวสวนท่ี
พบอาการของโรคเปลอื กแตกแล้วกจ็ ะโค่นท้ิงปลูกใหมจ่ ะคุ้มค่ากวา่ การรักษา
คณุ กุณฑลได้ทำการทดลอง เพอ่ื การแก้ปัญหาโรคเปลอื กแตก ดว้ ยการเสริมรากให้สูงพ้น
ระยะเปลือกแตกอย่างน้อยหน่งึ ไม้บรรทดั ขึน้ ไป หรอื มากกว่า หาเมล็ดพนั ธ์มุ าปลูกไวท้ ี่ใกล้ ๆ โคน
ต้นอย่างน้อย 2 ต้น ขึ้นไป หรือมากกว่า การปลูกให้เว้นระยะให้รอบโคนตน้ ถ้าปลูก 2 ต้นขึ้นไป
ให้ปลูกเมล็ดไว้ฝั่งตรงขา้ มกันเสมอ เมื่อเสริมรากไปแล้วจะชว่ ยยึดเกาะค้ำยันให้กับต้นไม้ได้ไปใน
ตัว เมล็ดที่นำมาปลกู ควรเป็นชนิดเดยี วกัน เมื่อปลูกตน้ ตอได้ขนาดเท่าดนิ สอหรือใหญก่ ว่าใหโ้ นม้
เฉอื นตน้ ตอไปตดิ กับตน้ ท่ที ำการเสริมราก เพอื่ ทำทางเล่ยี งให้กบั ตน้ ไม้น้ี รวมทงั้ เพม่ิ ความสูงให้พัน
จากเปลือกท่ีเป็นโรคอย่างน้อย 1 ไม้บรรทดั ข้ึนไป และถ้าจะให้สะดวกควรปลูกต้นตอใหห้ ่างออก
จากโคนต้นเล็กน้อย หรือตามความเหมาะสม เพียงแค่นี้ก็จะได้พันธุ์ไม้เสริมรากที่สมบูรณ์ปลอด
โรคเปลือกแตก และมีผลผลติ มากขน้ึ
วัสดอุ ปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการเสริมราก
1. มีดบางหรือมดี ทใี่ ช้สำหรบั ขยายพนั ธ์ุ 4. กรรไกรตัดแต่งก่ิง
2. นำ้ ยาปอ้ งกนั เชอ้ื รา 5. ต้นตอ
3. เชือกฟาง 6. เทปพลาสติกสำเรจ็ รูป ขนาด 0.5 x 12
นิ้ว
วธิ ีการเสริมราก
1. ใช้มีดที่มีความสะอาดและคม เฉือนลงบนกิ่ง
พนั ธ์ุให้ลกึ ติดเน้ือไม้เข้าไป 1 ใน 3 ของกง่ิ เป็นแผลยาว 2
นิ้ว ตัดเอาเปลือกที่เฉือนออกให้มีขนาดและลักษณะ
เชน่ เดียวกับรอยเฉือนของตน้ ตอ
2. นำรอยเฉอื นทั้งสองมาประกบกนั ให้แนบสนิท
พันพลาสติกให้แน่น โดยจากบนลงล่างเพื่อป้องกันน้ำซมึ
เข้าเพราะจะทำใหแ้ ผลเน่า
3. ใชเ้ ชอื กผกู ถุงท่หี ้มุ โคนต้นแม่ใหต้ ดิ กบั ก่ิงพันธุ์
เพือ่ ไมใ่ หต้ ้นตอแกวง่
50
ภูมิปัญญา องค์ความรู้ของคุณกุณฑล คุณยุพิน ฉลาด
ถ้อย ที่ได้จากการทดลอง พัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับ
การเสริมรากต้นไม้ภายในสวนเกษตรยุพินของตนเอง เป็นที่ร้จู ัก
ของชาวบ้านและคนท่ัวไป โดยเข้ามาศึกษาแนวคดิ วิธีการทำให้
เกดิ การเผยแพร่ภูมิปญั ญา และเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ของชุมชน
ผลผลิตของสวนเกษตรยพุ นิ ได้รบั รางวลั “ผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรขน้ึ ทะเบียนเปน็ ผลิตภัณฑ์
OTOP ของจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับการตรวจวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) และได้รับการคัดสรร OTOP อยู่ในระดับ 5 ดาว ปี พ.ศ. 2547
และปี พ.ศ. 2549 ส่วนพันธุ์ไม้เสริมรากไม่ได้ขึ้นทะเบียน OTOP เนื่องจากไม่อยู่ในเงื่อนไข
หลักเกณฑ”์
51
กศน.อำเภอแปลงยาว ร่วมจัดกิจกรรมให้กับนักศึกษา
ประชาชน โดยเรียนรู้ความรู้ ภูมิปัญญา การเสริมรากต้นไม้ จาก
คุณกุณฑล คุณยุพิน ฉลาดถ้อย อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่ได้เรียนรู้
นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ และเผยแพร่ความรู้จากภมู ิปัญญาเสรมิ
ราก นอกจากนี้ กศน.อำเภอแปลงยาว ได้ร่วมกันพัฒนารายวิชา
เลือกเสรี “การเสริมรากต้นไม้” ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา
ตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ทำให้มีการต่อยอดความรู้
และนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้อยา่ งแพรห่ ลาย
ตำแหนง่ ท่ตี ้งั
คุณกุณฑล หรือคุณยุพิน ฉลาดถ้อย บ้านเลขที่ 2 หมู่ 8 ตำบลวังเย็น อำเภอแปลงยาว
จังหวดั ฉะเชิงเทรา โทร.081-9492181
การเดินทาง
การเดินทาง จากตัวเมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา ใช้เส้นทางหมายเลข 304 เมื่อถึงสี่แยก
บางคล้า ให้เลี้ยวเข้าสู่อำเภอแปลงยาว จากนั้นเมื่อถึงสีแ่ ยกทุ่งสะเดา ตำบลวังเย็น ให้ใช้ทางตรง
ถนนหมายเลข 3010 ประมาณ 5 กิโลเมตร สวนจะอยู่ทางซา้ ยมือ
ขอ้ มลู เน้ือหา คุณกุณฑล - คุณยุพนิ ฉลาดถอ้ ย
เรื่องราว เขยี นโดย นางสาววไิ ลรตั น์ ศรีรงุ่
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นายบรรเจดิ สังขเ์ จริญ
ขอ้ มูล TKP อา้ งอิง https://shorturl.asia/Hs5QN
52
รางวลั รองชนะเลศิ อันดบั 2
นวดแผนไทยวัดบา้ นดอน
กลุ่มอนุรักษ์การนวดไทยวัดบ้านดอน
หรือรู้จักกันในนามว่า ศูนย์สมุนไพรและ
การแพทย์แผนไทยวัดบ้านดอน มีประวัติ
ความเป็นมา คือ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน
พ .ศ. 2 5 3 9 ไ ด้มีก าร ปร ะ ชุมก ลุ่ม
อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อ.ส.ม.) ของ
สถานีอนามัยบ้านดอน นางชั้นเชิง แจ่ม
แจ้ง ได้เสนอโครงการแพทย์แผนไทยที่
ได้รับการอบรมจากสาธารณสุข จงั หวดั ระยอง เม่ือไดอ้ ธบิ ายรายละเอยี ดของโครงการให้ท่ีประชุม
ทราบไดร้ บั ความเห็นชอบจากสมาชิกในกลมุ่ ดว้ ยดี วา่ เหน็ ควรจดั ตงั้ โครงการนวดไทยขึ้น
หลงั จากทส่ี มาชกิ ทุกคนในกลุ่มเห็นด้วยกับ
โครงการ จึงได้มีการปรึกษาหารือกัน เรื่องทนุ ทรพั ย์
ในการดำเนนิ โครงการ จงึ ไดล้ งมตกิ ันจดั งานสังสรรค์
มีรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายคงเหลือ 75,000 บาท
กลุ่ม อ.ส.ม. จึงได้ประชุมกันอีกครั้งในหัวข้อของ
สถานที่ตั้งกลุ่ม เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มมีความเห็น
ตรงกันว่าสถานีอนามัยบ้านดอนคับแคบเกินไป
จึงจัดประชุมอีกครั้งพร้อมด้วยชาวบ้าน เลือก
สถานที่ตั้งกลุ่ม จาก 3 สถานที่ 1) อนามัยบ้าน
ดอน 2) ที่อ่านหนังสือพิมพ์สี่แยกบ้านดอน 3)
วัดบ้านดอน ผลปรากฏว่า เสียงค่อนข้างมากให้
จัดตัง้ ทีว่ ัดบ้านดอน และในขณะเดียวกนั พระครู
ปลัดวิรัตน์ อคคธมโม เจ้าอาวาสวัดบ้านดอนได้
เสนอยกศาลาถือศีลดั้งเดิมที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
มาก่อสร้างอาคารนวดริมสระน้ำด้านตะวันตก เป็นห้องนวด 5 เตียง ห้องประคบ 2 เตียง ส่วน
เงินทุนท่ไี ดจ้ ากการจัดงานเลยี้ งสงั สรรค์ จัดสรา้ งห้องอบสมนุ ไพรชายหญงิ 2 ห้อง และห้องน้ำอีก
2 ห้อง การทำงานได้รับความรูจ้ ากคุณสมวรรณ มุกดาสนิท เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด และ
53
โรงพยาบาลวังจนั ทร์ และตามภูมปิ ัญญาชาวบ้าน เพือ่ การรักษาโรคพื้นฐานเหมือนหมอโบราณท่ี
สบื ทอดกันมาและศึกษา หาความรู้ ความชำนาญจากแหลง่ วชิ าเพิม่ เติม
โดยรับการสนับสนุน เรื่องอาคารสถานที่ (สร้างโรงนวด) จัดตั้งคณะกรรมการเข้า
ช่วยเหลือจากทางวัดบ้านดอน โดยการนำของ พระครูปลัดวิรัตน์ อคคธมโม และมีนายเยี่ยม
ท่าฉลาด เป็นประธาน มีกจิ การนวด ประคบ และอบสมุนไพรใหช้ อ่ื ว่า “ศนู ย์อบสมุนไพร วดั บ้าน
ดอน” ครั้งแรก มีผู้ปฏิบัติงานทั้งนวด อบ ประคบ รวม 17 คน มีเตียง 5 เตียง ปัจจุบันมีเตียง
25 เตียง หมอ 25 คน บุคลากรรวมทั้งสิ้น 41 คน ได้รับการสนับสนุนจากทางราชการ อบต.
อบจ. ด้วยดีเสมอมาและยกย่องใหเ้ ป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ในตำบลเชงิ เนินที่นับวา่ ดีเด่นซ่ึงมีการนวด
หลายอยา่ ง การประคบอบสมุนไพรเป็นที่สนใจ ซ่ึงใชช้ ่ือ “กลมุ่ อนุรักษก์ ารนวดไทยวัดบ้านดอน”
กลมุ่ อนรุ กั ษ์การนวดแผนไทยวดั บา้ นดอน เปดิ ดำเนินการวนั ท่ี 11 กรกฎาคม 2540 ซึ่งอยภู่ ายใต้
การควบคุมดูแลของสาธารณสุข หลังจากนั้นได้มีการโยกย้ายมาอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ
วัดบ้านดอน โดยมี นายวิรัช ไหวพริบ เปน็ ประธานกลมุ่ อนรุ ักษก์ ารนวดไทยวดั บ้านดอน
ในช่วงระยะเวลาก่อตั้งนี้ ทางกลุ่มอนุรักษ์การนวดไทยวัดบ้านดอน ได้ส่งผู้สนใจการนวดไทยไปศึกษา
หลักสูตร การนวดจากสถาบันต่าง ๆ จบหลักสูตรได้รับเกียรติบัตรรับรองก่อนจึงจะพิจารณารับเข้า
ทำงาน หมอนวด ทกุ คนตอ้ งมใี บประกอบการนวด หรอื ใบมาตรฐานหมอ
อาคารนวด 4 หลงั คือ
1) อาคารการนวดไทย
2) อาคารห้องอบสมนุ ไพร
3) อาคารเรือนไทยเสรมิ ความงามหลงั คลอด
4) อาคารประคบสมนุ ไพร
มีเตยี งทัง้ หมด 24 เตียง หมอนวดและเจา้ หนา้ ท่รี วมทง้ั หมด 33 คน
54
ประโยชนข์ องการนวด
1) คลายอาการปวดเมอื่ ยกลา้ มเน้อื
2) การกระต้นุ การไหลเวยี นของโลหติ ให่ดยี ่ิงขนึ้
3) นวดเนอ้ื คลายเครยี ดจากอาการเกรง็ ของกล้ามเนอื้
4) บรรเทาอาการปวดศรี ษะโรคไมเกรน อมั พฤกษ์ อัมพาต
ประเภทของการนวด การนวดทศี่ ูนย์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี
1) นวดตัว สำหรับท่านที่ต้องการการผ่อนคลาย โดยการนวดทั่วร่างกายโดยหมอนวด
ทีม่ ีความชำนาญ และพรอ้ มใหค้ ำแนะนำที่ดี
2) นวดฝา่ เทา้ สาหรับท่านทตี่ อ้ งการนวดเฉพาะจุด เน้นการนวดฝ่าเทา้ โดยเฉพาะ
3) นวดประคบ สาหรับท่านท่ีตอ้ งการใชส้ มุนไพรเพอื่ ให้ระบบโลหิตไหลเวยี นไดด้ ี
4) อบสมนุ ไพร สำหรับท่านท่ีตอ้ งการเขา้ ไปอบตวั ด้วยความรอ้ นจากในห้องที่ใช้ไอนำ้
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ควรรู้ก่อนการไปนวดคือ โรคหรืออาการที่ไม่แนะนาให้นวด เช่น
โรคตดิ ตอ่ เมาสุรา มีบาดแผล โรคความดัน สตรีมีรอบเดอื น สตรีมคี รรภ์ (พอนวดได้แต่ไม่แนะนา
ให้นอนคว่ำ)
การใช้บริการ
การใช้บริการนวดทั้งตัวมีท่าต่าง ๆ เกือบ 100 ท่า หรือ นวดเฉพาะแห่ง เช่น นวดหน้า,
นวดฝ่าเท้า, นวดศรี ษะคลายเครยี ด
ประโยชนข์ องการประคบ
การประคบสมุนไพรใช้ร่วมกับการนวดไทยให้ผลรักษาทั้งจากตัวยาสมุนไพรและความ
รอ้ น จึงชว่ ยบรรเทาอาการปวดเม่อื ยทำใหเ้ ส้นเอ็นหย่อน แก้เคล็ดขัดยอก ฟกชำ้ ได้ดี คอื
1) บรรเทาอาการปวดเม่ือย
2) ลดอาการปวดบวมอกั เสบของข้อ
55
3) ลดอาการเคลด็ ขัดยอกของกล้ามเน้อื เอน็ และขอ้ ต่อ
4) ชว่ ยในการไหลเวียนของโลหิต
5) ช่วยให้เนอ้ื เยือ่ พังผดื คลายตวั
ประโยชน์ของการอบสมนุ ไพร
1) กระตุ้นการไหลเวียนของโลหติ ให้ดีขึน้
2) ช่วยลดความดันโลหิตสงู แก้ผด ผื่น กลากเกลื้อน
3) ชว่ ยใหม้ ดลกู เขา้ อู่เรว็ สำหรับสตรีหลงั คลอด
4) บรรเทาอาการปวดเม่ือยของร่างกาย
5) แกโ้ รคเหน็บชา อัมพฤกษ์ อัมพาต
6) ช่วยลดอาการหอบหืด
7) ช่วยลดไขมนั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
เปิดให้บริการเวลา 07.00 – 16.00 น. หยุดทุกวนั พระ สามารถสอบถามขอ้ มลู เพมิ่ เติมไดท้ ่ี
หมายเลขโทรศัพท์ 0 3899 1573, 09 9121 2585 และ 08 1982 1294
ข้อมูลเนอื้ หา เร่อื งราว เขยี นโดย นางสาวชรสิ รา เคหาวติ ร
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวชริสรา เคหาวติ ร/
เพจกลมุ่ อนุรกั ษ์การนวดไทยวัดบ้านดอน จ.ระยอง
56
รางวลั ชมเชย
ภูมิปญั ญา “ทฤษฎีแหล่งเรยี นรแู้ บบเศรษฐกจิ พอเพียง จากมะเหมย่ี วฟาร์ม”
มะเหมี่ยวฟาร์มไส้เดือน ขอองนางสาวศิริพร สรณะ ขับเคลื่อนกระบวนการทำงานโดย
ใชห้ ลักแนวทางการดำเนินชีวติ ตามหลักทฤษฎขี องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดย
ยึดแนวทาง “อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง”
โดยนำพระราชดำริว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียง “...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำ
ตามลำดับขั้น ต้องสร้างพืน้ ฐานคอื ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องตน้ ก่อน
โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถกู ต้องตามหลักวชิ าการ เมื่อไดพ้ ้ืนฐานความมั่นคงพร้อม
พอสมควร และปฏบิ ัตไิ ดแ้ ลว้ จึงค่อยสรา้ งค่อยเสรมิ ความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขนั้ ที่สูงขึ้น
โดยลำดับตอ่ ไป...” (18 กรกฎาคม 2517)
มาปรับใชก้ บั ตนเองและครอบครัว รวมถึงสมาชกิ ในกลมุ่ เครอื ข่าย โดยสรา้ งความมั่นคง
ทางเศรษฐกิจพื้นฐานก่อน นั่นคือเริ่มจากตนเองและครอบครัว ทำให้พอมีพอกินก่อนจากนั้นจึง
ตามด้วยชุมชน โดยใช้แนวทางการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้ เพื่อสร้างพื้นฐานและความ
มั่นคง ก่อนเน้นการพัฒนาในระดับสูงขึ้นไป “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริชแ้ี นะแนวทาง การดำเนินชวี ิตแกช่ าวไทยมาโดยตลอดและ
ไดท้ รงเนน้ ยำ้ แนวทางการแก้ไขเพอ่ื ให้รอดพ้น และสามารถดำรงอย่ไู ดอ้ ย่างมน่ั คงและยั่งยืนภายใต้
กระแสโลกาภวิ ัตนแ์ ละความ เปลีย่ นแปลงตา่ ง ๆ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรชั ญาชีถ้ ึงแนวการดำรง
อยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ
ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง ความพอเพียง ความ
พอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร
ต่อการกระทบใดๆ อันเกดิ จากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้
ความรอบคอบ ให้มีสำนกึ ในคณุ ธรรม ความซอื่ สตั ย์สุจริต และให้มคี วามรอบรู้ทเี่ หมาะสม ดำเนิน
57
ชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ
เปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลก
ภายนอกไดเ้ ป็นอย่างดี
โดยนางสาวศิรพิ ร สรณะ ไดก้ ลา่ ววา่ ต้งั แตต่ นและครอบครวั ได้นำหลักแนวคิดเศรษฐกิจ
พอเพียงมาใช้นั้น ได้สร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัวอย่างมาก เนื่องจากการรู้จักอยู่
อย่างพอเพียง พอประมาณนั้นไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น มีมากใช้
มาก มนี อ้ ยใชน้ อ้ ย อย่ใู หไ้ ด้ในสถานการณ์ท่ียากลำบากและปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กับสภาพแวดลอ้ มภายใน
ชุมชน รู้จักผลิตใช้เอง แสวงหาความรู้ใหม่ๆโดยไม่พึ่งปัจจัยภายนอก แต่ให้พึ่งปัจจัยจากภายใน
สง่ิ รอบตัว นำมาประยุกต์ใช้ นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังเพ่มิ พูนความรู้แก่ตนเอง ครอบครัวและ
ชุมชนอีกด้วย อยู่ได้อย่างมีสุข ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ต้องแสวงหาภายนอก
แตค่ วามสุขนั้นเร่ิมไดจ้ ากตนเอง
หากท่านใดสนใจวิถีชีวิตแบบพอเพียงตามแบบอย่างของนางสาวศิริพร สรณะ โดย
วิธีการพึ่งพาตนเอง ยึดหลัก พออยู่ พอกิน พอใช้ ความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความ
ฟุ่มเฟือย ในการดำรง สามารถนำหลกั ทฤษฎีของเศรษฐกิจพอเพยี งของในหลวงรชั กาลท่ี 9 ไปปรับ
ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถไปศึกษาค้นควา้ หรือพดู คยุ แลกเปล่ียนความรู้ต่าง ๆ
กับนางสาวศิริพร สรณะ ที่แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญา “มะเหมี่ยวฟาร์มไส้เดือน” ได้ทุกวัน เพราะ
นอกจากความร้เู รอ่ื งหลกั ทฤษฎขี องเศรษฐกิจพอเพยี งของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ยังมีการจำลอง
ตัวอย่างของการใช้ชวี ติ แบบพอเพยี งใหไ้ ด้ดอู กี ด้วย ซึ่งนางสาวศริ พิ ร สรณะ กล่าววา่ ยินดีอยา่ งย่ิงท่ี
จะมอบความรู้และแนะนำอาชีพให้กับผ้ทู ่ีสนใจจะเพิ่มรายได้ ลดรายจา่ ย หรือทำอาชพี เสริม กย็ นิ ดี
ที่จะส่งเสริม เนือ่ งจากอยากใหผ้ ้ทู ่สี นใจไดน้ ำความรู้ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์กบั ตัวเองอย่างแทจ้ ริง
58
สดุ ท้ายนห้ี ากทา่ นใดสนใจสามารถติดต่อได้ท่ี “มะเหมี่ยวฟาร์มไส้เดือน” เลขทตี่ ัง้ 97/4
หมู่ที่ 6 ต.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี 22140 หรือโทร 08 6078 7712 ได้ทุกวนั ภายในชุมชนตำบล
โปง่ น้ำร้อน ขบั เคล่อื นโดย นางสาวศริ ิพร สรณะ ภมู ิปัญญาชาวบ้านประจำแหล่งเรียนรู้ เป็นแหล่ง
เรยี นรเู้ พือ่ สร้างความร้ใู ห้กับชาวบ้านในชุมชน ประเภทบุคคลทว่ั ไปทีอ่ ยู่ในชุมชนตำบลโป่งน้ำร้อน
ซึง่ สามารถถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ต่าง ๆ ทงั้ ด้านอาชีพ การใช้ชวี ิตในวิถีพอเพียง โดยมฐี านการเรียนรู้
ให้กบั ผู้เรียนได้เรยี นรู้ พรอ้ มสถานท่อี ปุ กรณ์ และแนวทางการแนะนำสิ่งดี ๆ ใหก้ ับผูท้ ่ีสนใจเข้ามา
เยี่ยมชมแหง่ เรียนรู้
“ความเจรญิ ของคนทง้ั หลายยอ่ มเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเล้ียงชีพชอบ
เป็นสำคัญ” เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเชน่ ผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับ
วัตถชุ ีวิต โดยจะอย่ใู นกจิ กรรม “ออมวันน้ี เปน็ เศรษฐวี นั หนา้ ”
ผเู้ รยี บเรียง นางสาวอมรรตั น์ บุญเพ็ง ครู กศน.ตำบล
ขอ้ มลู อ้างองิ นางสาวศิริพร สรณะ เจ้าของแหล่งเรยี นรู้
ขอ้ มูลรปู ภาพ facebook มะเหมยี่ วฟารม์ ไส้เดือน https://www.facebook.com/Jkosalanan
แหล่งข้อมลู จาก เว็บไซต์ มูลนิธชิ ัยพฒั นา
https://www.chaipat.or.th/site_content/item/3579-2010-10-08-05-24-39.html
59
รางวลั ชมเชย
“มหัศจรรยป์ ยุ๋ หมักเตมิ อากาศ” โดยคณุ บุญธรรม คชรินทร์
นายบุญธรรม คชรินทร์ อายุ 62 ปี
เป็นปราชญ์เกษตรตำบลตาขัน ด้าน
เศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบันอยบู่ า้ นเลขที่ 3
หมู่ที่ 7 บ้านหนองขนุน ตำบลตาขัน
อำเภอบ้านคา่ ย จังหวดั ระยอง
นายบุญธรรม คชรินทร์ ประสบ
ปัญญาพิษเศรษฐกิจ เมื่อปี 2540 หลังจาก
นั้นจึงได้เกิดแนวคิดและแรงบันดาลใจท่ี
จะหาแนวทางการแก้ไข เพื่อให้รอดพ้น
และสามารถดำรงอยไู่ ดอ้ ยา่ งม่ันคงและยั่งยนื ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปล่ยี นแปลงต่าง
ๆ เปน็ ปรชั ญาที่ช้ีถึงการดำรงอยู่และปฏิบัติตนโดยมีความมุ่งมน่ั ท่ีจะเอาชนะกับส่ิงเหล่าน้ัน ทำให้
เกดิ กระบวนการคิดวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของครอบครวั ตนเอง โดยเรมิ่ จากการผสมปยุ๋ เคมีใชเ้ อง การ
ปลูกผัก การเลี้ยงปลา การเลี้ยงไก่ไข่ การทำเกษตรผสมผสานและการทำปุ๋ยหมักเติมอากาศ
จนเป็นทย่ี อมรับของชาวบา้ นในการทำเกษตรผสมผสาน
ในปี พ.ศ. 2548 ได้ใช้พื้นที่บ้านของตนเอง
จัดตั้งเป็น “จุดเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ” บ้าน
หนองขนุน หมู่ที่ 7 ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย
จังหวัดระยอง เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำเกษตร
ผสมผสาน ให้กับหน่วยงาน องค์กร ประชาชนหรือคน
ท่ีสนใจเรียนรู้ โดยแบง่ เปน็ ฐานการเรยี นรู้ และฐานการ
เรียนรทู้ ี่โดดเดน่ เปน็ ที่ให้ความสนใจของผทู้ ่ีเข้ามาเรียน
คือ “ปยุ๋ หมกั เติมอากาศ”
ฐานการเรยี นรกู้ ารปลูกข้าว ฐานการเลีย้ งไกไ่ ขอ่ ารมณด์ ี ฐานการเรียงหอยขมในบอ่ ซีเมนต์
60
ฐานการปลูกพชื ในปลอกซีเมนต์ ฐานสวนมังคดุ ผิวมนั
“ปุ๋ยหมักเติมอากาศ” เป็นกระบวนการ
ผลิตปุ๋ยหมักรูปแบบหนึ่งที่เน้นการผสมรวมกัน
ระหว่างวัสดุอินทรีย์ที่ให้คาร์บอนและไนโตรเจน
จากพวกซากพืช, ซากสัตว์ และวัสดุเหลือใช้ทาง
การเกษตร หลากหลายชนิด ขณะเดียวกันใช้วิธีเติม
อากาศแทนการกลับกองปุ๋ย เพื่อรักษาสภาพอากาศ
ในกองให้มีความเหมาะสมเพื่อเร่งกระบวนการย่อย
สลายวัสดอุ นิ ทรยี ์ โดยจุลินทรยี ์ธรรมชาติในกองปยุ๋
เมื่อย่อยสลายสมบรู ณแ์ ล้วจะแปรสภาพเปน็ ป๋ยุ
หมัก ที่มีลักษณะสีดำคล้ำหรือสีน้ำตาลปนดำ
ไม่มีกลิ่น มีคุณสมบัติที่ดีต่อรากพืช จนพบว่า
ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพทัดเทียมกับปุ๋ยชนิดอื่น
ที่สำคัญช่วยในเรื่องการลดต้นทุนได้มากกว่ามี
การอบรมชาวบ้านให้ความรู้เพื่อทำ“ปุ๋ยหมัก
เติมอากาศ” มาใช้ในสวนผลไม้ของเกษตรกร
ในพ้ืนทอี่ ำเภอบา้ นคา่ ย
วัตถุดิบที่ใช้ประโยชน์ในการผลิตท่ีเกิดจากภูมิปัญญา “ปุ๋ยหมักเติมอากาศ” สามารถใช้
วัสดุทางธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ได้แต่ละพื้นที่ การใช้ซากพืช ซากสัตว์ (ขี้ไก่แกลบ ขี้วัว
ขุยมะพร้าว) มาใช้ในอัตรา 30 : 30 : 30 ทั้งนี้ หากพื้นที่อืน่ ไม่มีวัสดุดงั กล่าว แต่อาจมีฟาง หญ้า
แห้ง ใบไม้แห้ง ใบกระถิน ขี้ไก่ ขี้หมู ก็อาจปรับใชไ้ ด้เช่นเดียวกัน เพียงแตข่ อใหย้ ึดอัตราส่วนตาม
มาตรฐานทท่ี างกรมวิชาการกำหนดไวค้ อื 30 : 30 : 10 น้ำจากการหมกั ปุ๋ยเตมิ อากาศใชส้ ำหรับรด
พืชผักหลังจากน้ันใหน้ ำวสั ดทุ างธรรมชาตทิ ี่ไดต้ ามอัตราสว่ นไปหมกั ดว้ ยระบบเติมอากาศ การหมัก
วสั ดเุ พ่อื ทำปุ๋ยแบบเดิมมีข้อเสียตรงที่ตอ้ งหมนั่ กลับกองปุ๋ย แต่สำหรับปุ๋ยหมักเติมอากาศจะใช้ลม
61
เป่าเพ่ือให้ออกซเิ จนเตมิ เขา้ ไป เป็นการเรง่ ปฏิกิริยากระบวนการหมักให้เร็วแลว้ ได้ผลมากขึน้ “โดย
พัดลมมีหนา้ ทร่ี ะบายอากาศเพอื่ ให้อุณหภมู กิ ารหมักลดลงเปน็ การต้งั เวลาอัตโนมัตไิ วท้ ุก 3 ช่ัวโมง
พัดลมจะทำงานจำนวน 1 ชว่ั โมง พอหลังจากหมกั ผ่านไป 3 วนั จะพบว่ามหี นอนเปน็ จำนวนมาก
ซงึ่ บ่งบอกถงึ ความสมบูรณ์ ทง้ั น้ี การหมกั ปุ๋ยใช้เวลาท้ังหมด 3 เดือน โดยใหก้ ลับกองปุ๋ยเพียงครั้ง
เดียวในเดือนที่สอง กระทั่งเมื่ออุณหภูมิในกองปุ๋ยลดลงเท่ากับอุณหภูมิอากาศก็สามารถนำไปใช้
เปน็ ปยุ๋ ในการปลูกพชื ได้
จุดเด่นของ “ปุย๋ หมักเติมอากาศ”
ใช้วัตถุดิบที่มีในชุมชนในการหมักปุ๋ย สามารถนำมาใช้และสร้างรายได้ให้กบั ครอบครวั
ได้ชาวบา้ นเกษตรกรทีส่ นใจตอ้ งการนำปุย๋ หมักเติมอากาศไปใช้ในสวนของตัวเองอาจไม่จำเป็นต้อง
สร้างโรงปุ๋ยให้มีขนาดใหญ่แต่อาจ
พิจารณาตามความเหมาะสมของพื้นที่
แต่วัสดุที่ใช้ก่อสร้างอาจเป็นสิ่งของ
ท ี ่ ป ร ะ ย ุ ก ต ์ ห ร ื อ ด ั ด แ ป ล ง ข อ ง เ ห ล ื อ ใ ช้
อย่างไม้ กระเบื้อง เพียงขอให้มีรูปร่าง
ที่เป็นมาตรฐาน เพราะการทำปุ๋ยจำนวน
ไม่มาก ไม่จำเป็นต้องลงทุนมากก็ได้
แต่ขณะเดียวกันจะได้ประโยชน์ที่คุ้มค่า
แล้วใชไ้ ปได้นานในสว่ นของกจิ กรรมทศ่ี ูนย์
การเรยี นรู้ได้จัดข้ึน
สนใจตดิ ตอ่ ขอความรเู้ พิม่ เติมได้ที่
“จุดเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ” บ้านหนอง
ขนุน ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย จังหวัด
ระยอง
โทรศัพท์ 08 7603 9454
Facebook : ศูนย์เรยี นร้ตู ามแนวพระราชดำริ
บา้ นหนองขนนุ ตำบลตาขัน
ขอ้ มูลเน้ือหา เรอ่ื งราว เขยี นโดย นางสาวสกุ ญั ญา อาจพงษา
ภาพถา่ ย/ภาพประกอบ โดย นางสาวสุกัญญา อาจพงษา
อา้ งอิง https://sites.google.com/view/takhann/
63
รางวัลชนะเลศิ
ตลาดน้ำโบราณ ย้อนวัยสวู่ ันวาน
ตลาดเกาะกลอย ตั้งอยู่ใน
ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมืองระยอง จังหวัด
ระยอง โดยตั้งอยู่ภายในปั้มน้ำมัน ปตท.
บนถนนสาย 36 ใกล้เซ็นทรัลระยอง ข้าง
ๆ Makro ระยอง และตรงข้ามกับ Big C
เหมาะสำหรับแวะเป็นที่เที่ยวขากลับเข้า
กรุงเทพฯ เป็นตลาดน้ำในสไตล์ย้อนยุค
ภายในบริเวณตลาดจะมีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก
ทางเดินทำจากไม้เป็นทางยาว ก่อตั้งขึ้น
เพื่อสะท้อนความเป็นอยู่หรือวิถีชีวิตของ
คนในสมัยก่อนภายในชุมชน ถือเป็นการ
ถ่ายทอดวัฒนธรรมและอนุรักษ์ของเก่า
ดั้งเดิมไว้ แต่สวยงามด้วยการตกแต่งแบบ
เรือนไม้ อยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ เป็น
การตกแต่งแนวย้อนยุคโบราณ เพื่อให้ได้
อารมณ์ของตลาดเก่า ชวนให้นึกถึงกล่ิน
อายของความเป็นอดีตในวันวาน ถือว่า
เป็นสถานท่พี กั ผ่อนท่ีเหมาะสำหรับคนทม่ี าเท่ียวในตวั เมืองระยอง เป็นทีเ่ ท่ยี วแหง่ ใหม่ของระยอง
มีบรรยากาศแบบย้อนยุค ตั้งอยู่บนบึงน้ำ
ขนาดใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปจะมีศาลากลางน้ำ
ไหวพ้ ระสักการะหลวงปู่ทมิ อสิ รโิ ก วดั ละหาร
ไร่ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ขอพรส่ิง
ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดระยอง เพื่อเป็น
สิริมงคลกับชีวิต เมื่อได้บุญแล้วก็เข้าไปเดิน
เล่น ในตลาดเกาะกลอย รู้สึกว่าตลาดแห่งนี้
ค่อนข้างร่มรื่น บรรยากาศดีเหมาะสำหรับนั่ง
จิบกาแฟเย็น ที่บึงด้านล่างมฝี ูงปลาจำนวนมาก ทั้งปลานิล ปลาตะเพียน ปลาคาร์ฟ เราสามารถ
64
แวะซื้ออาหารให้ปลาก่อนเข้าตลาดได้ที่แม่ค้ารถเข็นโบราณ อาหารปลาจานละ 10 บาท
ทางซ้ายมอื จะเปน็ ตู้แสดงของใช้ในสมัยก่อน เช่น กล้องถา่ ยรูป โคมไฟ เตารดี ตะเกยี ง และอ่ืน ๆ
อีกมากมาย เสียงรองเท้ากระทบกับไม้ทางเดิน เนื่องจากเป็นไม้ที่เก่ามากแล้ว ทำให้ต้อง
ระมดั ระวงั ในการเดินเปน็ อย่างมาก
เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อย ก็จะพบห้องแถวคูหาแรกของตลาดน้ำเกาะกลอย ทำเป็นห้องโชว์ของ
โบราณ มรี ้านตดั ผมโบราณ ร้านขายยาจนี ต้โู ชว์สนิ คา้ ในสมยั ก่อน เตารีดโบราณ ของเลน่ เดก็ ขา้ ว
ของเคร่ืองใช้ ทห่ี าดูไม่ได้แลว้ ได้มโี อกาสอ่านประวัตขิ องตลาดนำ้ แห่งนเี้ ขาบอกมาวา่ เจ้าของตลาด
เปน็ คนชอบสะสมของเก่า เลยเอาของเกา่ มาตกแต่งเป็นตลาดย้อนยคุ ในบรรยากาศบา้ นเก่า มุมนี้
เปน็ มมุ ทีค่ นนยิ มมาถ่ายรูปมากที่สุด มีตโู้ ชว์ของโบราณ ของส่วนมากอายุมากกว่า 20 ปีข้ึนไป ยัง
อยู่ในสภาพค่อนข้างดี มีเพียงสีทีด่ ูซีดไปบ้าง จำลองบรรยากาศร้านขายยาจีน มีขวดโหลใส่ยาจีน
ลิ้นชักเก็บยา บนโต๊ะมีเครือ่ งช่ังยาจีน ลูกคิด มุมนี้สามารถเขา้ ไปถา่ ยรูปเป็นคนขายยาจีนได้ ร้าน
ตัดผมโบราณ ของทุกชิ้นสภาพค่อนขา้ งเก่า ห้ามจับ ห้ามนั่ง แต่ถ่ายรูปได้ ถ่ายรูปที่ห้องแถวคูหา
แรกเสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ เราเดนิ เล่นในตลาด
ตู้โชวข์ องโบราณ
65
ของทข่ี ายในตลาดกม็ ขี องกนิ ของฝาก ของทีร่ ะลกึ ของเลน่ เสื้อผา้ กระเปา๋ ขายในราคา
ไม่แพง ทางเดินในตลาดเป็นพื้นไม้ หลังคาสังกะสี ช่องทางเดินกวา้ ง เดินสบาย อากาศถ่ายเทได้
สะดวก ไม่ร้อน บรรยากาศอยรู่ ิมบงึ มองไปปลากำลังแหวกวา่ ยไปมา ทัง้ ปลาใหญ่ ปลาเล็กล้วนมา
รอกินอาหารท่ีผู้มาเยอื นนำมาให้ บ่งบอกถงึ ความอุดมสมบูรณ์ของบงึ ใหญ่น้ี และสองข้างทางจะ
เป็นร้านคา้ สลับกบั ทางเดนิ เปดิ โลง่ ให้เห็นบงึ น้ำขนาดใหญ่
ร้านขายเสื้อผ้า ตลาดเกาะกลอย มีทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อที่ระลึก ถ้าเดินชมในตลาดแล้ว
รู้สึกเหน่ือยอยากจะนั่งพัก กม็ ที ใ่ี หน้ ่งั พักอยูห่ ลายท่ี เปน็ ทน่ี ั่งเก่าทถี่ อดมาจากโรงหนังในสมัยก่อน
เกา้ อไ้ี มท้ นี่ ั่งพับข้นึ ได้ เรียงเป็นแถวยาว ถา้ ใครอายเุ กนิ 30 ปนี า่ จะเคยเข้าโรงหนังท่ีมีเก้าอ้ีแบบน้ี
มุมนั่งพักชมวิว ตลาดน้ำเกาะกลอย และยังมีมุมพักผ่อนนั่งอ่าหนังสือ เป็นกิจกรรมบ้านหนังสือ
ชุมชนตลาดนำ้ เกาะกลอยของ กศน.ตำบลเชิงเนนิ ท่ไี ดน้ ำเอาหนังสอื การต์ ูน หนงั สอื นยิ าย หนงั สือ
วารสาร มาไว้ให้กับผู้ที่มาใช้บริการตลาดเกาะกลอยได้อ่าน ยังมีกิจกรรมวาดภาพ และกิจกรรม
ตอบคำถามอีกดว้ ยเพือ่ ส่งเสรมิ กิจกรรมการอา่ น และสรา้ งจิตสำนึกในการรักการอ่านให้กับผู้มาใช้
บรกิ าร และสองฝั่งตลาดยังมีรา้ นขายกระเปา๋ ของใชก้ ระจุก กระจิก มุมน่งั พักอีกมุมหน่ึง มองเห็น
น้ำพกุ ลางน้ำ ท่นี ั่งคลา้ ยกับทีน่ ัง่ ในสถานรี ถไฟ สำหรบั ครอบครัวท่ีพาเด็กเลก็ มาด้วย ก็มกี จิ กรรมให้
ทำหลายอย่าง เชน่ ระบายสตี กุ๊ ตาปนู ปลาสเตอร์, เคร่อื งเล่นหยอดเหรยี ญ, นั่งเรือถบี ชมรอบตลาด
น้ำ, ให้อาหารปลาเครื่องเล่นหยอดเหรียญนั่งเรือถีบชมรอบตลาดน้ำที่โซนด้านหลังตลาดจะเปน็
โซนขายอาหาร มีอาคารไม้เก่า ที่เรียกว่า “ที่ว่าการเกาะกลอย” เป็นจุดถ่ายรูปอีกมุมหนึ่งของ
ตลาดเกาะกลอย ดจู ากลวดลาย และสีของไม้ พวกนีเ้ ป็นไม้เก่าจริง ๆ รอยแตกของสีจากการท่ีถูก
ตากแดดตากฝน เป็นเวลาหลายสิบปีที่วา่ การเกาะกลอย ประตูด้านหน้าปิดไว้ ไม่ได้เปิดใหเ้ ข้าชม
ด้วยใน มุมโรงหนังสมัยก่อน ผนังสังกะสี มีโปสเตอร์หนังเก่า เก้าอี้ในโรงหนัง ที่ฉายหนัง ตู้โชว์
เครื่องดื่มสามารถถ่ายรูปได้ตามสบายครับ มีมุมสวย ๆ หลายมุมโซนสุดท้ายจะเป็นร้านอาหาร
มอี ยหู่ ลายร้านเหมือนกนั อาหารทีข่ ายกม็ ีอาหารตามส่งั กว๋ ยเตยี๋ วเรอื ส้มตำ นำ้ ตก ขนมจีนน้ำยา
สเต๊กสมุนไพร กาแฟ น้ำปั่น ขนม ฯลฯ
66
จากร้านค้าก็จะพบกับโซนร้านอาหารที่ค่อนข้างกว้างขายมีหลายให้เลือกทาน ประมาณ 4-5
รา้ น อาหารส่วนใหญเ่ นน้ ไปทางก๋วยเต๋ียวเรือ สม้ ตำ และนำ้ แขง็ ใส เปน็ ต้น มีเครอื่ งเลน่ ใหเ้ ด็ก ๆ
ได้สนุกสนาน เดินมาใกล้ถึงทางออกเราก็จะพบกับบ้านไม้โบราณ 2 ชั้น ตกแต่งเป็นมุมถ่ายภาพ
แสนเก๋ หลายมมุ บรรยากาศธรรมชาติ สบายตา สบายใจ อยากเดินเล่นชลิ ล์ ชิลล์ สดู โอโซนกลาง
นำ้ พักผอ่ นอริ ิยาบถอย่างเต็มที่ช้อปปิ้ง แวะจิบกาแฟ ให้อาหารปลา จุดประสงค์หลัก ๆ ของคนที่
เข้ามาเย่ียมท่ีน่ีคือการเข้ามาท่องเที่ยว แวะชมบรรยากาศ รวมถึงการเช็คอินและถ่ายรูป ที่นี่มีมุม
ให้ถ่ายรูปหลากหลายอย่างมาก จึงเป็นแรงดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ขาดสาย และเมื่อมี
การเข้ามาเดินเล่นแล้ว ย่อมซ้ือของติดไม้ติดมือกลับไป รวมถึงการฝากท้องเม่ือหิว
ปัจจุบันตลาดเกาะกลอยเป็นที่รู้จักค่อนข้างในกลุ่มนักท่องเที่ยว ทำให้มีพ่อค้าแม่ค้า
หลายรายสนใจจบั จองพ้ืนที่ เพอ่ื ค้าขายสินค้า สำหรบั พอ่ ค้าแม่คา้ ในพ้นื ที่ ก็สามารถสร้างรายได้ที่
เหมาะสมจากกลุ่มลูกค้าทีห่ ลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กลุ่มลูกค้า ได้แก่ กลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่ม
คนพนื้ ที่ และอื่น ๆ
67
ตลาดน้ำเกาะกลอย เปดิ ให้บรกิ ารทกุ วัน ตงั้ แตเ่ วลา 10.00 – 17.00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 3861 1021 – 3 ต่อ 113, 08 9834 4141 การเดินทาง จาก
กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ หรือทางด่วนบูรพาวิถี ตัดเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 36
สู่จงั หวัดระยอง ซง่ึ ตลาดน้ำเกาะกลอยจะต้งั อยู่ด้านหลังป๊ัม ปตท. ส่ีแยกเกาะกลอย ติดกับเซ็นทรัล
ระยอง
ขอ้ มูลเนื้อหา เรอ่ื งราว เขียนโดย นางสาวชริสรา เคหาวิตร
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวชรสิ รา เคหาวติ ร
68
รางวลั รองชนะเลิศ อนั ดบั 1
แหลง่ ท่องเทย่ี วชมุ ชน พระจฑุ าธชุ ราชฐาน จงั หวดั ชลบรุ ี
พระจุฑาธุชราชฐาน ปจั จุบนั เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วชมุ ชนตำบลท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง
จังหวัดชลบุรี เมื่อครั้งในอดีตเคยเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั และพระราชวงศ์ หรือเรยี กอีกอยา่ งหนง่ึ ว่า พระราชวงั ฤดรู ้อน ถูกสรา้ งขี้นใน
สมัยรัชกาลที่ 5 และเป็นพระราชวังแห่งเดียวในประเทศไทยที่อยู่บนเกาะ ในปพี ุทธศกั ราช 2431
เกาะสีชังไดเ้ ป็นทปี่ ระทับของสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีและสมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอเจ้าฟ้า
มหาวชิราวุธ เนื่องจากทรงพระประชวร และคณะแพทย์ได้ถวายความเห็นว่าควรเสด็จแปร
พระราชฐานไปประทับอยู่ในที่จะได้อากาศจากชายทะเล ในเวลาต่อมาสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยหู่ วั ได้เสดจ็ พระราชดำเนินมาประทบั แรมดว้ ยและได้เสด็จพระราชดำเนนิ มาประทบั ทเี่ กาะสี
ชังอกี บ่อยคร้ัง ในระยะแรกได้มพี ระราชดำริและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตึกขึน้ จำนวน 3 หลงั เพื่อใช้
เป็นสถานท่ีสำหรบั ให้ผู้ปว่ ยมาพกั ฟ้นื รกั ษาตวั ไดแ้ ก่ หลงั ท่ตี ั้งอยรู่ มิ หาดทรายพระราชทานนามว่า
เรือนวัฒนา ส่วนตึกกลมพระราชทานนามว่า เรือนผ่องศรี และตึกยาวพระราชทานนามว่า เรือน
อภิรมย์ ซงึ่ ตัง้ ตามพระนามของ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี พระนางเจ้าเสาว
ภาผอ่ งศรี พระวรราชเทวี และพระนางเจา้ สายสวลภี ริ มย์
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินยังเกาะสีชังอยู่
บ่อยคร้ัง จึงมพี ระราชดำริให้ก่อสร้างสถานที่ต่าง ๆ เพอ่ื เปน็ การบำรงุ เกาะสีชังให้เป็นที่เจริญยิ่งขึ้น
และโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างสะพานใหญท่ ี่ทำด้วยไมท้ าสเี สาก่อศิลาโบกปูนซเี มนต์ยาวต้ังแตช่ ายหาดลง
ไปจนถึงนำ้ และมีบันไดลงน้ำ เนือ่ งจากเกาะสีชังในเวลานั้นยังไมม่ ีท่าเทยี บเรอื เวลาน้ำลงแห้งเรือไม่
สามารถเข้าออกบริเวณหาดทรายได้ผู้คนต้องเดินลุยน้ำลำบากบ้างก็ถูกหอยบาดเป็นแผลทำให้
บาดเจบ็ เป็นจำนวนมากและได้พระราชทานนามว่า สะพานอัษฎางค์ เมอื่ ปีพทุ ธศักราช 2434 ซึง่ ตั้ง
ตามพระนามของสมเด็จพระเจ้าลกู ยาเธอเจ้าฟา้ อษั ฎางเดชาวธุ ฯ หรอื เรียกอีกชื่อวา่ สะพานแหง่ รัก
69
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลเจ้า ซึ่งเป็นศาลเทพารักษป์ ระจำเกาะสีชังและเปน็ สถานท่ีที่ชาวเกาะสชี งั
นับถือสักการะบูชาไปสร้างศาลขึ้นมาใหม่แทนศาลเดิมบนไหล่เขามีช่อฟ้าใบระกา พระราชทาน
นามว่า ศาลศรีชโลธรเทพ และมีต้นมะขามตั้งอยู่ด้านหน้าพระราชทานนามต้นมะขามนี้ว่า
ต้นหัตถวิจารณ์ โดยสันนิฐานว่าตัง้ ตามนามของพระหัตถวิจารณ์จำนงค์ นายช่างตรวจการในการ
ก่อสรา้ งพระราชฐานในครง้ั น้ัน เวลาตอ่ มาได้โปรดเกล้าฯ ให้สรา้ งพระราชฐานที่ประกอบด้วยพระ
ที่นั่ง 4 องค์ ได้แก่ พระที่นั่งโกสีย์วสุภัณฑ์ พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ พระที่นั่งโชติรสประภาต์
พระที่นั่งเมขลามณี และพระตำหนักอื่น ๆ อีก 14 หลัง เช่น พระตำหนักวาสุกรีก่องเก็จ
พระตำหนักเพ็ชร์ระยบั พระตำหนักทับทิมสด พระตำหนักมรกฎสุทธ์ ซึ่งพระตำหนังมรกฎสุทธ์นี้
เป็นที่ประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ซึ่งในปัจจุบันพระทีน่ ัง่ และพระ
ตำหนักเหลา่ นไ้ี ม่มีอยูแ่ ลว้ สว่ นอาคารทย่ี งั คงปรากฏให้เห็นในปจั จุบนั ได้แก่ ตึกวัฒนา ตึกผ่องศรี
ตึกอภิรมย์ เรือนไม้พักผ่อนริมทะเล ศาลศรีชโลธรเทพ รวมทั้งอัษฎางค์ประภาคารบนแหลมวัง
ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสีชัง สะพานอัษฎางค์และพระอุโบสถ
วดั อษั ฎางคนมิ ิตร
นอกจากน้ีในเขตพระราชฐานยังมีการขุดสร้างบ่อ สระ และธารน้ำ รวมทั้งบันไดและ
ทางเดินเทา้ ขึ้นเป็นจำนวนมาก ซ่ึงได้พระราชทานนามของสถานท่ตี ่าง ๆ เช่น บอ่ อัษฎางค์ บ่อเชิญ
สรวล บ่อชวนดู บ่อชูจิตร บ่อพิศเพลิน บ่อเจริญใจ ฯลฯ หรือสระเทพนันทา สระมหาอโนดาตต์
สระประพาสชลธาร บนั ไดเนรคนั ถี บนั ไดรฟี ันมา้ บันไดผาเยปนนู บนั ไดมนู สโตนหนา บันไดศิลา
ทอง บันไดผองผลึก ฯลฯ เป็นต้น
70
ในสว่ นของเรอื นไม้รมิ ทะเลน้นั พบวา่ ถูกสรา้ งขนึ้ ในสมยั รัชการที่ 5 แต่ไมป่ รากฏหลักฐาน
ที่ชัดเจนว่าสร้างในปีใด สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือนพักตากอากาศของชาวต่างประเทศมาก่อน
ต่อมาไดม้ กี ารปรับปรงุ เป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ในคราวเสด็จมารกั ษาพระองคก์ ่อนท่ีจะมี
การสร้างพระจุฑาธุชราชฐานในปีพุทธศักราช 2435 ซึ่งในปัจจุบันเป็นสำนักงานส่วนบริการ
นักท่องเที่ยวและเป็นสถานทจ่ี ดั นิทรรศการให้ความร้เู กีย่ วกบั พระราชฐานในเกาะสีชัง
ถัดจากเรือนไม้ริมทะเลหากหันหน้าไปทางทะเลฝั่งซ้ายมือจะเป็นฐานพระที่นั่งมันธาตุ
รัตนโรจน์ ซง่ึ ปัจจบุ ันเหลือเพียงฐานเท่านัน้ เนอ่ื งจากไดห้ ยุดการก่อสร้างในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์
ร.ศ. 112 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ
ให้รื้อถอนพระที่น่ังมันธาตุรัตนโรจน์กลับไปสร้างที่พระราชวังสวนดุสิต เมื่อสร้างเสร็จจึงได้
พระราชทานนามว่า “พระทนี่ งั่ วิมานเมฆ”
ต่อมาเป็นตึกวัฒนาหรือเรือนวัฒนา จะอยู่ด้านข้างเรือนไม้ริมทะเล หากหันหน้าไปทาง
ทะเลจะอยู่ด้านขวามือในสมัยนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั ทรงพระกรณุ าโปรด
เกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งเป็นอาไศรย์สฐาน เพื่อเปน็ ทพี่ กั ฟืน้ สำหรับชาวไทยและชาวต่างประเทศ แล้วเสร็จ
เมื่อปีพุทธศักราช 2432 และพระราชทานนามตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา
พระบรมราชเทวี (พระยศในขณะน้ัน) ซงึ่ ทรงบริจาคทรัพย์จัดซื้อเคร่ืองตกแต่งภายในเรือน ต่อมา
ใช้เป็นเรือนประทับพระราชวงศ์ ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐานในปีพุทธศักราช 2435
หากหันหน้าไปทางทะเลจะอยู่ฝั่งขวามือของเรือนไม้ริมทะเล ปัจจุบันเป็นสถานที่ จัดแสดง
นิทรรศการเหตกุ ารณ์สำคญั ต่าง ๆ ท่ีเกิดขน้ึ ในเกาะสีชังสมัยรัชการท่ี 5
71
เมื่อเดินจากเรือนวัฒนาขึ้นบันไดไปตามไหล่เขาจะเจอตึกทรงกลมเรียกว่า เรือนผ่องศรี
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นอาไศรย์สฐาน
เพื่อเป็นที่พักฟื้นสำหรับชาวไทยและชาวต่างประเทศเช่นเดียวกับเรือนวัฒนา แล้วเสร็จเมื่อปี
พุทธศักราช 2432 และพระราชทานนามตามพระนามของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราช
เทวี (พระยศ ในขณะนัน้ ) ซึ่งทรงบริจาคทรพั ย์จัดซื้อเครือ่ งตกแตง่ ภายในเรือน ต่อมาใช้เป็นเรือน
ประทับพระราชวงศ์ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐานในปีพุทธศักราช 2435 ปัจจุบันเป็น
สถานท่จี ัดแสดงนทิ รรศการพระราชประวตั ิและประวัติบคุ คลผู้มีบทบาทสำคัญเก่ียวกับเกาะสีชังใน
อดีต และเมื่อเดินขึ้นไปตามทางจะเจอกับเรือนอภิรมย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นสถานทพี่ ักฟนื้ เชน่ เดียวกบั เรอื นวัฒนาและเรือน
ผ่องศรี โดยได้มีการตั้งชื่อเรือนตามพระนามของพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ พระอรรคชายาเธอ
(พระยศในขณะน้นั ) ปัจจบุ ันใชเ้ ป็นสถานท่ีจดั แสดงนทิ รรศการส่ิงปลกู สรา้ งในสมยั รชั กาลที่ 5
ในเขตพระจุฑาธุชราชฐานเมื่อเดินตามทางขึ้นไปบนเนินเขาจะมีสถานที่สำคัญอีกหลาย
แห่ง หนึ่งในนั้นคือพระเจดีย์อโุ บสถวัดอัษฎางคนิมิต ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งในพระจุฑาธุช
ราชฐาน วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2435 แทนวัดปลายแหลมที่มีมาแต่เดิม ตัวพระ
อโุ บสถเปน็ อาคารรูปกลมมีเจดียท์ รงลงั กาซอ้ นอยู่ด้านบน มีลักษณะการประดับตกแต่งตามศิลปะ
แบบโกธิก กล่าวคือ มีประตูและหนา้ ต่างเป็นรูปโค้งยอดแหลม ช่องแสงประดบั ด้วยกระจกสีเป็น
ลวดลายสวยงาม และสถานทสี่ ำคญั อีกแห่งหน่ึง เมอ่ื ใครมาท่ีเกาะสีชงั ต้องเดินทางมาสักการะเพ่ือ
ความเป็นสิรมิ งคลให้กับตัวเอง คอื พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว รัชกาล
ท่ี 5
72
ในปีพุทธศักราช 2435 ได้เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 หรือเกิดความขัดแย้งระหว่าง
สาธารณรัฐฝรั่งเศสและราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีกองทหารบุกขึ้นเกาะสีชงั และปิดอ่าวไทยจึงไดย้ ตุ ิ
การสรา้ งพระที่นั่งและตำหนกั ต่าง ๆ ลง โปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างไปสร้างในที่อ่ืน นับแต่
นั้นเป็นตน้ มาพระจุฑาธุชราชฐานจึงถูกยกเลิกการเปน็ พระราชวังบนเกาะ ต่อมาในปีพุทธศักราช
2521 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รบั มอบสิทธิการใช้ที่ดินจากกรมธนารักษ์ จัดตั้งเป็นสถานีวิจยั
วิทยาศาสตร์ทางทะเลและเป็นศูนย์ฝึกนิสิต รวมถึงได้เข้ามาดูแลโบราณสถานและโบราณวัตถุ
ในเขตที่ดินประมาณ 5 ไร่ ซึ่งปัจจุบันสถานีวิจัยอยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันวิจัยทรัพยากร
ทางน้ำและพระราชฐานพื้นที่ประมาณ 219 ไร่ อยู่ในความดูแลของสำนักบริหารงาน
ศิลปวัฒนธรรม พื้นที่ในส่วนนีไ้ ดม้ ีการดำเนนิ การปรบั ปรุงร่วมกับกรมศิลปากรเมื่อปพี ุทธศักราช
2533 ได้มีการซ่อมแซมอาคารต่าง ๆ ที่ยังคงเหลืออยู่ จำนวน 5 หลัง ประกอบด้วย เรือนไม้ริม
ทะเล ตกึ ผอ่ งศรี ตกึ อภริ มย์ ตกึ วัฒนา และพระอโุ บสถ
ปัจจุบันการเดินทางเข้าสู่เขตพระจุฑาธุชราชฐานด้านซ้ายมือจะเป็นสถานีวิจัย
วิทยาศาสตร์ทางทะเลด้านขวามือจะเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชลทัศนสถาน เมื่อเข้ามาข้างในด้าน
ขวามือจะเป็นศาลศรีชโลธรเทพและตน้ หตั ถวิจารณ์ ดา้ นซ้ายมอื เป็นแนวชายหาดหินสลับกับหาด
ทรายเลียบทะเลมองเห็นสะพานอัษฎางค์ ทางเข้าพระจุฑาธุชราชฐานจะเห็นต้นมะขามและต้น
ลีลาวดีล้อมรอบบริเวณ หากเดินตามแนวชายหาดไปถึงแหลมวังจะเป็นที่ตั้งของอัษฎางค์
ประภาคาร เม่ือเดินอ้อมแหลมแล้ววกกลับขึ้นมาพบกับชายหาดอีกด้านหน่ึงซ่งึ เป็นบรเิ วณที่ตั้งของ
พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนของฐานเท่านั้น ถัดขึ้นมาเป็นเรือนไม้ริมทะเล
มักเรียกกันว่า เรือนเขยี ว ตามสีของอาคาร ถัดจากเรือนเขียวเป็นเรือนวัฒนา เชิงเขาทางด้านล่าง
หลังเรือนวัฒนาจะมีศาลาซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยูห่ วั และเม่ือออกจากเรือนวัฒนาเลียบไปตามถนนริมทะเลขึ้นไปตามไหล่เขาจะเหน็ เรือนผ่อง
ศรี ส่วนเรือนยาวชั้นเดียวใกล้ ๆ กันนั้น คือ เรือนอภิรมย์หากเดินตามทางขึ้นเนินเขาไปด้านหลงั
เรือนผ่องศรจี ะเป็นวดั อัษฎางคนิมิตร ส่วนด้านทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนือของวัดจะเจอกบั เจดีย์เก่าแก่
อายุหลายร้อยปี เรียกว่า เจดีย์เหลี่ยม อยู่บนเนินหิน อีกทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดจะมี
ทางเดนิ ไปยงั ศูนยบ์ ริการข้อมลู นกั ทอ่ งเทีย่ ว ซึง่ เป็นจุดส้ินสดุ เขตพระราชฐานและระหว่างทางด้าน
ขวามอื มจี ุดชมวิวเนนิ เขานอ้ ยเปน็ จุดทสี่ ามารถชมทวิ ทศั น์ในระยะไกลของเกาะสีชัง
73
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเกาะสีชัง ได้มีการจัดทำ
หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับอาชีพมัคคุเทศก์ขึน้ และได้นำมัคคุเทศก์ของพระจุฑาธุชราชฐานมา
เปน็ วทิ ยากรให้ความรู้ในโครงการภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพมัคคุเทศก์ เพื่อเป็น
การส่งเสริมใหป้ ระชาชนในตำบลท่าเทววงษ์สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อการเกีย่ วกับสถานท่ี
ทอ่ งเท่ยี วต่าง ๆ ในแหล่งท่องเทยี่ วชุมชนตำบลท่าเทววงษไ์ ด้
ข้อมลู เนอื้ หา เรื่องราว โดย คุณวนั ดี รกั ชาติ หวั หนา้ หน่วยพพิ ธิ ภัณฑ์พระจฑุ าธชุ ราชฐาน
เรียบเรยี งเนอ้ื หา โดย นางสาวนารีรตั น์ หัดนา
ภาพถา่ ย/ภาพประกอบ โดย นางสาวนารีรัตน์ หดั นา
อา้ งองิ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2435/023/169_1.PDF
http://www.botany.sc.chula.ac.th/plantssichang/พพิ ิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน
74
รางวัลรองชนะเลิศ อนั ดบั 2
วดั สมานรตั นาราม แหล่งรวมส่ิงศกั ดิส์ ทิ ธิค์ เู่ มอื งแปดรว้ิ
วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อยู่ระหว่างอำเภอบาง
คล้า และอำเภอคลองเข่อื น ริมแม่นำ้ บางปะกง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา ตำแหน่งท่ีต้ังของวดั สมานรตั นา
ราม อยู่ในตำแหน่ง “ฮวงจุ้ยมงคล” (ถุงเงินถุงทอง) เป็นแหล่งรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประทานพรให้
ผ้คู นสมปรารถนา จงึ มผี ู้คนมากมายมาท่ีวัดสมานรัตนาราม
จุดเด่นสำคัญของวัดสมานรัตนาราม มีองค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขใหญ่ที่สุด
ในประเทศไทย สงู 16 เมตร ยาว 22 เมตร เนื้อชมพู ลกั ษณะกึ่งนงั่ นอนตะแคง โดยพระหัตถ์ซ้าย
ถืองาที่หัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว ความหมายของพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข คือ ความสุข
สบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน รื่นรมย์ ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง อิ่มหนำสำราญ มี
กิน มีโชคลาภ จะนำความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา ถือเป็นมหามงคล สิ่งศักดิ์สิทธิท์ ี่อยู่คู่ประชาชนใน
จังหวัดฉะเชงิ เทรา รอบฐานมีพระพิฆเนศ 32 ปาง ให้ได้ขอพรสักการะและเปน็ ห้องจดั แสดงวตั ถุ
มงคล ไดเ้ ปิดใหป้ ระชาชนเข้าชมและสำหรบั ผู้ทต่ี ้องการบูชาองค์พระพิฆเนศอีกด้วย
75
เคล็ดลบั การขอพรพระพฆิ เนศจะมีปนู ปน้ั รูปหนูอยู่สอง
ตวั ช่ือว่า หนูมสุ กิ ะ ซ่ึงเป็นตน้ ห้องของพระพิฆเนศ จะ
มนี ักทอ่ งเท่ียวต่อแถวยาวยืนกระซิบทรี่ ูปปน้ั หนู เช่ือว่า
ถ้าอยากได้สิ่งใดขอพรสิ่งใดให้สมหวังให้ไปกระซิบที่หู
หนูแล้วหนจู ะนำสิ่งที่เราขอนั้นไปบอกท่านพระพฆิ เนศ
ให้ประทานส่งิ ที่ตอ้ งการกลบั มา
แต่สิ่งที่สำคัญคืออย่าลืมติดสินบนหนู ด้วยการทำบุญใส่ตู้ที่
วางไว้ดา้ นหน้า และเวลากระซิบบอกหนูให้เราเอามืออีกขา้ ง
อ้อมไปปดิ รหู ูของหนอู ีกข้างด้วย ทั้งนี้เพราะป้องกันการฝาก
ขอพรจะได้ไมเ่ ข้าหูซ้ายทะลอุ อกไปหขู วานน่ั เอง
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พระ 5 พี่น้อง มีความเชื่อว่ามี
ความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องโชคลาภ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้
ยาก รวมทั้งขอในเร่ืองการเรียน การงาน หรือหายจาก
การเจ็บไขไ้ ดป้ ว่ ย
หลวงพ่อโต นิยมกราบไหว้เพื่อขอพรเกี่ยวกับ
สขุ ภาพเพราะเชื่อว่าท่านสามารถขจัดปดั เป่าโรคภัย
ไข้เจบ็ ให้หายในเรว็ วนั และสามารถคุ้มครองผู้กราบ
ไหว้ใหแ้ คล้วคลาดปลอดภัยจากภยนั ตราย
76
เจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็น
ปางประทานบตุ รและโชคลาภ คนท่วั ไป มคี วามเช่ือ
ศรทั ธาในเร่ืองการขอบตุ รโดยเฉพาะบตุ รเพศชาย
องค์ท้าว
มหาพรหม ใหญ่
ที่สุดในโลก
ประชาชนนิยม
กราบไหว้ขอพร
ใหส้ ำเร็จในหนา้ ที่การงาน
พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียรมี
ความเชื่อว่าพระอินทร์เป็นเจ้าแห่งช้างทั้งปวงใน
ส า ก ล จ ั ก ร ว า ล ม ี ช ้ า ง เ ป ็ น พ า ห น ะ ค ู ่ พ ร ะ ท ั ย เ ป็ น
เอกลักษณข์ องการทำความดี และความอุดมสมบรู ณ์
นิยมเดินลอดท้องช้างเพื่อสะเดาะเคราะห์ และเพื่อ
ความเป็นสิรมิ งคลแกช่ ีวติ
พระราหู ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความเชื่อว่าการกราบบูชา
พระราหูจะนำโชคลาภ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความ
เจรญิ กา้ วหนา้ ร่ำรวยเงินทองมาให้ รวมถงึ แกเ้ คล็ด ผู้ที่มีดวงราหู
เข้าแทรกนิยมไหว้เพื่อแก้เคล็ด จะช่วยปัดเป่าเรื่องร้าย ๆ ให้
กลายเปน็ ดี เกอ้ื หนุนดวงชะตาชวี ิต
ดอกบัวกลางแม่น้ำวิจิตรสวยงาม มีพระบรม
สารีริกธาตุให้ประชาชนได้กราบไหว้ อีกทั้งยงั มีรปู
ปนั้
77
พญานาค รูปทรงสีสันสวยงามเป็นมุมถ่ายรูปยอด
นิยมกันอีกด้วย การส่งเสริมการท่องเที่ยวจาก
ชุมชนและภาครัฐ โดยให้คนในชุมชนได้จัด
จำหน่ายสินคา้ มบี ริการล่องเรือชมแม่น้ำบางปะกง
เป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ปัจจุบันวัด
สมานรัตนารามไม่ได้รู้จักเฉพาะในหมู่คนไทยใน
ประเทศแม้แต่ต่างประเทศทั่วโลกก็รู้จัก ผู้คน
เดินทางมากราบไหว้ ขอพรสิง่ ศกั ดิส์ ิทธิ์วันละหลายหมน่ื คนยิง่ ทำให้วดั พฒั นาไปได้อยา่ งต่อเน่ือง
เวลาเปดิ – ปิด : วดั สมานรัตนาราม เปิดใหเ้ ขา้ สักการะ ทกุ วัน เวลา 08.00 - 18.00 น.
ตำแหนง่ ท่ตี งั้ : ตง้ั อยู่รมิ แม่น้ำบางปะกง หมู่ที่ 11 ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวดั ฉะเชิงเทรา
พกิ ดั : 13.72264,100.52931
การเดินทาง : ใช้ Google map โดยเลือกได้ 2 เส้นทาง คือเส้นทางมอเตอร์เวย์ หรือเส้นทาง
มนี บุรี
ข้อมลู เน้ือหา เรอื่ งราว เขียนโดย นางสาวภาวิณี ผมงาม
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวภาวณิ ี ผมงาม
ขอ้ มูล TKP อา้ งองิ https://shorturl.asia/iT5xM
78
รางวัลชมเชย
นำ้ ตกเขาบรรจบ
ขอบคณุ เครดิตภาพจาก www.chillpainai.com
น้ำตกเขาบรรจบ ตั้งอยู่ในบ้านทุ่งเพล ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี บริเวณ
โดยรอบ เป็นชุมชน ที่ยังคงความเปน็ ธรรมชาติอากาศมีโอโซนท่ีบริสุทธิ์ สังเกตได้จากเส้นทางการเดนิ
ทางเขา้ น้ำตก ซงึ่ พ้นื ท่ีโดยรอบของบ้านทงุ่ เพลมีความอุดมสมบูรณ์ และเขียวขจีดว้ ยตน้ ไม้น้อยใหญ่
ตลอดเส้นทาง ลำธารนำ้ ตกท่ไี หลลงมาจากน้ำตกเขาบรรจบตลอดเวลา โอบลอ้ มไปด้วยบ้านเรือน
ชุมชนและโรงแรม ที่พักตากอากาศ มาเที่ยวที่น้ำตกเขาบรรจบจังหวัดจันทบุรีแล้ว ก็ต้องพักโฮมส
เตย์ริมน้ำ ซึ่งตั้งอยู่เรียงรายตลอดสายนำ้ ที่ทอดยาวหลายกิโลเมตร สัมผัสกับบรรยากาศริมนำ้ ที่สดุ
แสนจะโรแมนตกิ
ขอบคณุ เครดติ ภาพจาก www.chillpainai.com
79
ในการเดนิ ทางมายังนำ้ ตกนัน้ มี 2 เสน้ ทาง คอื เข้าทางหนว่ ยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌ
กูฏ ไม่มีค่าผ่านทาง ซึ่งการเดินทางเข้าด้านอุทยานจะมีลานดินที่สามารถตัง้ แคมป์ปิง้ และลงเล่น
นำ้ ตกได้
ขอบคณุ เครดิตภาพจาก www.okchanthaburi.com
และอีกเส้นทางหนึ่งผ่านทางวัดเขาบรรจบ ซึ่งวัดเขาบรรจบเป็นสถานท่ีอีกแห่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้
ถ้าได้มาเทยี่ วทบี่ า้ นทงุ่ เพลแล้ว กต็ อ้ งแวะไปกราบพระพุทธชินราชภายใน "วดั เขาบรรจบ" ท่ีนี่เป็น
สถานที่ปฏิบัติธรรม และเรียกได้ว่าเปน็ วัดป่าที่มีความสงบอีกแห่ง เหมาะสำหรับคนที่ชอบศึกษา
ธรรมะ หรือชอบปฏิบัติธรรม และอีกหนึ่งไฮไลท์ภายในวัดเขาบรรจบนัน่ คือ "ต้นสมพงษ์" ต้นไม้
ใหญ่เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี ความสูง 10 เมตร กว้างขนาด 10 คนโอบเลยทีเดียว อยู่ภายในพุทธ
อุทยานในวัดเขาบรรจบแห่งน้ี ตามประวัติสมัยก่อน ชาวบ้านโดนทางการปิดทางเข้าออกด้วยต้น
สมพงษ์น้อยใหญ่ จึงทำการเจาะทางเดินเพ่ือความสะดวก แต่ถึงกระนั้นแล้วต้นสมพงษ์ต้นนีก้ ็ยัง
แข็งแรงและคงทนตราบจนปัจจุบัน ชาวบ้านที่นี่เลยเรียกต้นสมพงษ์ต้นนี้ว่า "ประตูสวรรค์" ไปสู่
ธรรมะและความสงบ
ขอบคณุ เครดิตภาพจาก www. paikondieow.com
นอกจากความอศั จรรย์ของตน้ ไมน้ ้ีแลว้ ภายในบริเวณวัดเขาบรรจบยังเป็นแหล่งธรรมชาติ
ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยปา่ ไม้นานาชนดิ และยังมีสะพานแขวนที่เป็นหนึง่ เอกลกั ษณข์ องวดั เขาบรรจบ
สำหรับใครที่ได้มาสัมผัสสถานที่แห่งนี้แล้วนั้น จะรู้สึกเหมือนเข้ามายังอีกโลกหนึ่งที่มีแต่ความ
บริสทุ ธิ์ มคี วามอุดมสมบูรณ์ท่เี งยี บสงบของธรรมชาติอยา่ งแท้จริง
80
ขอบคุณเครดติ ภาพจาก www. thesunsight.com
สำหรับการมาเที่ยวชมน้ำตกเขาบรรจบนั้น (พิกัด : 12.851177381670162,
102.20272392847018) สามารถ ไป-กลับ และพักค้างคืน ในการพักนน้ั มที ั้งแบบโฮมสเตย์และ
พักโรงแรมตากอากาศ ซึ่งราคาที่พักน้ันมีต้ังแต่ 800-6,000 บาท ขึ้นอยู่กับบรรยากาศสิ่งอำนวย
ความสะดวก และจำนวนผเู้ ข้าพกั แต่ละหอ้ ง อีกทงั้ ยังมีจดุ กางเตน็ ท์ในบรเิ วนอุทยาน
ข้อมูลเนอ้ื หา เรอื่ งราว เขียนโดย นายชัยณรงค์ มณเี ลิศ
ภาพประกอบ โดย นายชยั ณรงค์ มณเี ลิศ
เวบ็ ไซต:์ okchanthaburi, chillpainai, paikondieow, esportivida
เฟซบกุ๊ : Welovetogo
81
รางวัลชมเชย
“วัดหงษท์ อง” ไหว้พระธาตุกลางทะเล
“วดั หงษ์ทอง” ไหว้พระธาตกุ ลางทะเล
วัดหงษ์ทอง หรือวัดกลางน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลสอง
คลอง อำเภอปางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
ในบริเวณพื้นที่ริมฝั่งอ่าวไทยบริเวณป่าชายเลน
โดยมีทางเดินเชื่อมจากบริเวณวัดที่ชายฝั่งไปยัง
พระธาตุคงคามหาเจดีย์ปรีชาประภากร ปราชญ์
ศรนิล อนุสรณ์ และอุโบสถ ซึ่งอยู่ในทะเล เจดีย์
มี 3 ชั้น มีภาพวาดเกี่ยวกับพุทธศาสนาและ
พระมหากษัตริย์ไทย และประดิษฐานพระพุทธรูป
ต่าง ๆ ส่วนชั้นบนสุดเป็นเจดีย์สีทองอร่ามบรรจุ
พระอรหันต์ธาตุ สามารถมองเห็นทัศนียภาพท้อง
ทะเลและแผ่นดินในมุมสูงได้สวยงาม และทางเดิน
ที่ทอดยาวไปในทะเลไปยัง “พระธาตุคงคามหา
เจดีย์” ภายใน “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” ชั้นล่างประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธรจำลอง และ
พระพทุ ธรูปอ่นื ๆ ไว้ใหผ้ ู้มจี ติ ศรัทธาไดส้ ักการะสามารถเดนิ ได้โดยรอบ
เมื่อขึ้นไปที่บริเวณ ชั้น 2 ของอาคาร
จะพบหุ่นขี้ผึ้งเหมือนรูปจริงของหลวง
ป ู ่ ส ด ห ร ื อ พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม ุ นี
(สด จนทฺสโร) วัดปากน้ำภาษีเจริญ
องค์พระแก้วมรกตจำลองประดิษฐาน
อยู่ และยังเป็นแหล่งจัดแสดงภาพวาด
ของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่อดีตจนถึง
รัชกาลปัจจุบันพร้อมพระบรมวงศานุ
วงศ์ จุดชมววิ ที่มองออกไปเหน็ ทะเล
82
เมื่อถึงเวลาน้ำขึ้นจะดูเหมือนอาคารนี้ลอยอยู่ในน้ำ ส่วนชั้นบนสุดของ “พระธาตุคงคา
มหาเจดยี ์” มีเจดยี ส์ ีเหลืองทองตง้ั เดน่ อยู่ สามารถเข้าไปชม ดา้ นในได้ ซ่ึงดา้ ยในมีแท่นบรรจุพระ
ธาตุพระอรหันต์ ในทะเลเปน็ แห่งแรกในโลก ศาสนสถานอกี แหง่ ท่ีตงั้ อยู่ด้านขวาของ “พระธาตุคง
คามหาเจดีย์” คือ พระอุโบสถหรือโบสถ์ของวัดหงษท์ อง ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลเช่นเดียวกัน สร้างแบบ
ไทย ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ รอบโบสถ์ มีลานประทักษิณ จัดวางซุ้มที่นั่งไว้ให้ชม
ธรรมชาติป่าริมชายฝั่ง ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน และมี
ภาพเขยี นจติ รกรรมฝาผนงั แสดงเรื่องราว พระพทุ ธประวตั อิ ย่างสวยงามมกี ารสร้างเจดีย์ ที่บรรจุ
พระธาตุในทะเลใช้ชื่อว่า พระธาตุคงคามหาเจดีย์ปรีชาประภากรณ์ปราชญ์ศรนิลอนุสรณ์ เป็นที่
บรรจุ พระธาตุอรหันต์ในทะเลซงึ่ เปน็ แหง่ แรกของโลก
83
ส่วนชั้นบนสุดนั้นเป็นที่บรรจุพระอรหันต์ธาตุไว้ในเจดีย์สีทอง อร่ามตาซึ่งสามารถเดิน
เข้าไปชมภายในได้ นอกจากนท้ี ุกชนั้ ยงั งดงามด้วยภาพจติ รกรรมฝาผนังแสดงเรือ่ งราว พทุ ธประวตั ิ
ภาพวาดของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่อดีตจนถึงรัชกาลปัจจุบัน รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ให้
นกั ทอ่ งเที่ยวที่สนใจได้เดนิ ชมกนั อย่างอิม่ เอม
ตำแหนง่ ท่ีตัง้ : ตำบลสองคลอง อำเภอปางปะกง จังหวัดฉะเชงิ เทรา
เวลาทำการ : เปิดบริการทกุ วนั 08.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : จากตัวเมืองฉะเชิงเทรา ใช้เส้นทาง 314 ฉะเชิงเทรา –บางปะกง โดยขับตรงไป
ประมาณ 26 กม. เข้าสู่ถนนสุขุมวิทสายเก่า (มุ่งสู่จังหวัดสมุทรปราการ) อีก 14
กม.ประมาณ กม. ที่ 62-63 จะเห็นทางเข้าวัดหงษ์ทองอยู่ทางด้านซ้าย จะมีป้าย
บอกทางเข้าวดั
ขอ้ มูลเน้ือหา เร่อื งราว เขยี นโดย นางสาวจุฑารัตน์ น้อยชนิ
ภาพถา่ ย/ภาพประกอบ โดย นางสาวจฑุ ารัตน์ นอ้ ยชิน
ขอ้ มูล TKP อ้างองิ https://citly.me/8Ydfs
85
รางวัลชนะเลศิ
สบื สานงานประเพณบี ุญขา้ วจี่ หนึ่งเดยี วในภาคตะวนั ออก
ประเพณีบญุ ข้าวจ่ี เปน็ ประเพณีของชาวอีสานท่ีอพยพมาอาศยั อยู่ในตำบลคลองตะเกรา
อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากหลากหลายจังหวัดทางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เช่น จังหวัดกาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี
นครราชสีมา เป็นต้น และได้นำศิลปวฒั นธรรมท่ี
มีความแตกต่างไปจากภาคอืน่ ๆ เข้ามาถือปฏบิ ตั ิ
เช่น ศิลปะการรำเซิ้ง ประเพณีบุญบั้งไฟ และ
ประเพณีบุญข้าวจี่ ซึ่งประเพณีบุญข้าวจี่
ประชาชนจะร่วมกันทำข้าวจี่ไปถวายพระสงฆ์
และนำไปบวงสรวงศาลเพียงตาประจำหมู่บ้าน
เป็นประจำทุกปี เพื่อสืบสานและอนุรักษ์
ขนบธรรมเนียมประเพณีบุญข้าวจี่ให้คงอยู่ใน
ชุมชน เปน็ ประเพณีอนั ดงี ามของชมุ ชนในอำเภอท่าตะเกียบ อกี ท้งั ยงั เปน็ การสง่ เสรมิ กจิ กรรมเพื่อ
สร้างความสัมพันธอ์ ันดีงามระหว่างหม่บู า้ น วดั โรงเรยี น ให้คนในชุมชนเกดิ ความรักใครส่ ามคั คี
“บุญข้าวจ่ี” เป็นงานบุญประเพณีของชาวอีสาน ที่กระทำกันในเดือนสาม จนเรียกว่า
บญุ เดือนสาม บญุ ขา้ วจีถ่ ูกกำหนดอยู่ในฮีตสบิ สอง คือ ภายหลงั การทำบญุ วันมาฆบูชา (เดือนสาม
ขึ้น 14 ค่ำ) แล้ว ส่วนใหญ่จะกำหนดวันแรม 13 ค่ำ และ 14 ค่ำ เดือนกุมภาพันธ์ ส่วนมูลเหตุ
ดั้งเดิมของการทำบุญข้าวจี่มีเรื่องเล่าว่าในกาลครั้งหนึ่ง นางปุณณทาสีได้ทำขนมแป้งจี่ถวายแด่
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอานนท์เถระ
ครั้นถวายแล้วนางคิดว่าพระองค์คงไม่เสวยและอาจ
เอาทิ้งให้สุนัขหรือกากิน เพราะอาหารที่นางถวายไม่
ประณีตสวยงาม เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบภาวะจิต
ของนางปุณณทาสี จึงรับสั่งให้พระอานนท์ปูสาด
อาสนะ แล้วทรงประทับนั่งฉัน ณ บริเวณที่นางถวาย
86
เปน็ ผลใหน้ างเกดิ ปีตยิ นิ ดเี ป็นอยา่ งย่ิง และเมอ่ื นางไดฟ้ ังพระธรรมเทศนา ทีพ่ ระพทุ ธเจ้าทรงแสดง
ก็ทำให้บรรลุโสดาปัตติผล ด้วยอานิสงส์ที่ถวายข้าวจี่ ชาวอีสานทราบอานิสงส์ของการกระทำ
ดงั กล่าว จงึ พากันทำข้าวจถี่ วายแด่พระสงฆ์สบื ตอ่ มา
ข้าวจี่ เป็นข้าวเหนียวนึ่งให้สุกแล้ว
นำมาปั้นเป็นก้อนโตประมาณเท่าไข่เป็ด
ขนาดใหญ่ ทาเกลือคลุกเคล้าให้ทั่วและนวด
ให้เหนียว แล้วเสียบไม้ ย่างไฟ ถ้าไม่เสียบ
ไม้จะย่างบนตะแกรงเหล็กหรอื บนไม้ไผ่ผ่าซีก
สานขัดกันเป็นตะแกรงห่าง ๆ ก็ได้ โดยย่าง
บนเตาถ่านพลิกไปพลิกมาจนมีแห้ง
โดยรอบ จึงนำออกมาทาด้วยไข่ทีต่ ีให้
ไข่ขาวไขแ่ ดงเขา้ กันดีจนท่ัวปั้นข้าวจ่ีที่
ย่างจนแห้ง แล้วนำไปย่างไฟให้สุกอีก
คร้งั บางแห่งเม่ือเอาขา้ วเหนียวย่างไฟ
เสร็จแล้วถอดเอาไมอ้ อกจะนำนำ้ อ้อย
ปึกใส่เป็นไส้ข้างในในปัจจุบันการทำ
ขา้ วจ่มี ีการพัฒนารสชาติทห่ี ลากหลาย
โดยผสมดว้ ยฟกั ทอง เผือก มนั
“50 ปีบุญข้าวจ่ี” ชาวบ้านในหมู่บ้านทุ่งส่าย
ตำบลคลองตะเกรา เป็นหมู่บ้านแรกที่ได้ร่วมกันจัดประเพณี
บุญข้าวจี่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เป็นประเพณีที่เกิดจากความ
สมัครสมานสามคั คีของชาวบ้านในชุมชน ชาวบา้ นจะรว่ มกัน
จัดเตรียมสถานที่โดยใช้ศาลากลางบ้านเป็นสถานที่จัดงาน
ช่วยกันทำความสะอาดศาลเพียงตาประจำหมู่บ้าน มีการ
บอกบุญไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงให้มาร่วมประเพณีบุญข้าวจี่
ครั้งเมื่อถึงรุ่งเช้าชาวบา้ นจะรว่ มกนั จี่ข้าวหรือปิ้งข้าวเหนียว
และตกั บาตรข้าวจ่ีร่วมกนั หลังจากน้ันจะมพี ิธบี วงสรวงศาล
เพียงตาประจำหมู่บา้ น โดยมีการจัดขบวนแห่บุญข้าวจี่ซึง่ มี
การตกแต่งขบวนอย่างสวยงาม อลังการ แต่ละขบวนจะมีขบวนรำเซิ้งประมาณ 30 คน
จากหมู่บ้านต่าง ๆ ซึ่งการจัดงานในทุกปีจะมีผู้เขา้ รว่ มงานจากทั่วทกุ สารทศิ เป็นจำนวนมาก การ
จัดขบวนแห่ข้าวจี่เปน็ การแสดงถงึ ศิลปวัฒนธรรม ของชาวอีสานทเ่ี ปน็ ประเพณอี ันดงี าม เราจะได้
87
เห็นรอยยิ้มของชาวบ้านที่แสดงถึงความสุข สนุกสนาน กิจกรรมงานบุญข้าวจี่จะมีกิจกรรมที่
หลากหลาย เช่น การแข่งกฬี าพืน้ บา้ น การแข่งขันทำขา้ วจ่ี และกศน.อำเภอทา่ ตะเกยี บ จะมีส่วน
รว่ มในขบวนแห่เปน็ ประจำทกุ ปี
การสืบสานประเพณีบุญข้าวจ่ี เป็นการสืบสานงานประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น และได้รับการ
ส่งเสริมสนับสนนุ ให้เป็นเทศกาลเพอื่ ส่งเสริมการท่องเท่ียวของจงั หวัดฉะเชงิ เทรา สง่ ผลให้เกิดการ
ส่งเสรมิ อาชพี สรา้ งรายได้ให้ชาวบา้ นและท้องถ่ินอีกด้วย สว
ตำแหนง่ ท่ตี ้ัง จัดงานท่ีหมู่บา้ นท่งุ ส่าย หมู่ที่ 12 ตำบล
คลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
การเดนิ ทาง ใช้เสน้ ทางฉะเชงิ เทรา - ทา่ ตะเกียบ เม่ือถงึ
สแ่ี ยกอำเภอพนมสารคาม ให้เล้ียวขวาไปอำเภอสนามชัย
เขต ระยะทาง 14 กม. จากอำเภอสนามชนั เขต ตรงมา 1
กม. ให้เลย้ี วขวา ไปอกี 35 กม. เดนิ ทางผ่านหน้าทีว่ ่าการ
อำเภอท่าตะเกยี บ ไปอกี 4 กม. ให้เลี้ยวขวากจ็ ะถึงบา้ นทงุ่
สา่ ย
ผใู้ ห้ข้อมูล โดย นายสมหมาย ชินหงศ์ รองนายก อบต.คลองตะเกรา
ผเู้ ขียน/เรยี บเรียง โดย นายสงวน มลู วงค์
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นายสงวน มูลวงค์
ขอ้ มลู TKP อา้ งองิ : https://shorturl.asia/lFR37
88
รางวัลรองชนะเลิศ อนั ดบั ท่ี 1
หนงั ใหญ่วดั บ้านดอน มหรสพชัน้ สูงของแผน่ ดนิ
หนังใหญ่วัดบ้านดอน ตั้งอยู่ในวัดบ้านดอน
หมทู่ ่ี 4 ตำบลเชิงเนนิ อำเภอเมืองระยอง จังหวัด
ระยอง ปัจจบุ นั อาจารย์อำไพ บญุ รอด เปน็ ผดู้ ูแล
สร้างขึ้นใน ปี พ.ศ. 2534 จากการปรับปรุง
ดัดแปลงจากศาลาธรรมสังเวชหลังเก่า โดยใช้
งบประมาณจากเงินบริจาคเป็นอาคารคอนกรีต
ชั้นเดียว ทิศเหนือติดกับอุโบสถวัดบ้านดอน ทิศ
ตะวันออก ติดกับศาลาธรรมสังเวชและฌาปนสถาน ทิศตะวันตก ติดต่อกับอาคารหลวงพ่อ
ประสาทพร และทิศใต้ ตดิ กับสระน้ำมีขนาดพน้ื ท่ีใช้สอยประมาณ 42 ตารางเมตร ใช้เป็นสถานท่ี
เ ก ็ บ ต ั ว ห น ั ง ท่ี ช ำ ร ุด แ ล ะ ส ถ า น ท ี ่ แ ส ด ง น ิท ร ร ศ ก า ร ต ั ว ห น ัง ท ี ่ ย ัง อ ย ู่ ใ น ส ภาพ
ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ที่ยังคงเหลืออยู่ประมาณ
7 ตัว เพื่อเป็นการอนุรักษ์และ สืบสาน
ศิลปะการแสดงอันเก่าแก่ของไทย และเป็นแหล่ง
เรียนรู้สำหรับบุคคลทัว่ ไป มีอาคารโรงละครหนงั
ใหญ่วัดบ้านดอน และอาคารพิพิธภัณฑ์หนงั ใหญ่
วัดบา้ นดอน ภายในอาคารพพิ ิธภัณฑจ์ ัดแสดง ตวั
หนังใหญ่ ผ่านตู้เก็บตัวหนังเป็นกล่องไฟเพื่อให้
เ ห ็ น ล ว ด ล า ย ท ี ่ ว ิ จ ิ ต ร บ ร ร จ ง บ น ห นั ง ใ ห ญ่
นอกจากนยี้ ังมีหอ้ งประชุมเพอื่ รับฟังคำบรรยาย ชมวีดที ศั น์การแสดงหนงั ใหญ่ ปัจจุบันหนังใหญ่ท่ี
เคยมอี ยู่จาก 200 ตัว ได้ผุพงั ไปบา้ ง จงึ ได้มีการทำเพ่มิ เตมิ อกี 77 ตัว และใชเ้ ล่นแสดงร่วมกันกับ
หนงั ใหญ่ชดุ เดิม เรื่องทน่ี ยิ มแสดง คอื เร่อื งรามเกยี รติ์ อิเหนา เปน็ ตน้
89
ตวั หนังสำคัญท่จี ดั แสดงไว้ คอื
หนังเจา้ หรือหนงั ครู เปน็ ตวั หนงั ที่ใช้สำหรบั พิธไี หว้ครูเท่านั้น
ตวั หนังน้ี จะไมใ่ ชใ้ นการแสดง ทำมาจากหนังเสอื ไดแ้ ก่ หนัง
ฤๅษี หนงั พระอศิ วร หนงั พระนารายณ์
หนังเฝ้าหรือหนงั ไหว้ เป็นภาพเดี่ยว เหน็ หน้าดา้ นข้าง ตวั หนงั
อยูใ่ นท่าพนมมอื ไหว้ หนงั ชนิดนม้ี ีความสูงประมาณ 1 เมตร
หนงั คเนจรหรอื หนงั เดิน เปน็ ภาพเด่ยี ว เห็นหน้าด้านขา้ ง หาก
เปน็ ตัวพระ ตัวนาง หรือตัวยกั ษ์ ตวั หนังอยใู่ นทา่ เดนิ ถา้ เป็น
ภาพลงิ จะเปน็ ท่าหย่อง
หนังงา่ หรอื หนังเหาะ เปน็ ภาพเด่ียว เห็นหนา้ ด้านขา้ ง เปน็ ตัวหนงั ทำท่าเหาะ ท่าแผลงศร ท่าถือ
อาวธุ
หนังเมอื ง เป็นหนงั ภาพเดย่ี วหรอื หลายภาพในหนังผืนเดียว ตัวหนงั ทม่ี ลี วดลายปราสาท ราชวงั
หนงั ชนดิ น้ี บางตวั สูงถึง 2 เมตร
หนังรถ เป็นหนงั รปู ลวดลายราชรถ มีทง้ั ตวั หนงั เดีย่ ว ๆ และหลายตัวในแผงเดียวกัน
หนังจับ เปน็ หนังทมี่ ภี าพตวั ละครตง้ั แตส่ องตัวขนึ้ ไป อยใู่ นหนงั ผนื เดยี ว ทำทา่ สู้รบหรอื จับกัน เป็น
หนงั ที่มคี วามสูงพอกบั หนงั เมือง
รูปแบบการนำเสนอ, การจัดเน้อื หาภายในพพิ ิธภัณฑ์
1. จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แบบถาวร พิพิธภัณฑ์ได้แบ่งสว่ นทจ่ี ัดเก็บหนงั ใหญ่ 2 แห่ง คือแห่งท่ี
1 อาคารพิพิธภณั ฑ์ ใช้จัดเกบ็ หนังชดุ เก่า ส่วนทเี่ ปน็ หนงั ชำรดุ จัดเกบ็ ไวภ้ ายในห้องมีตู้ล้ินชักเหล็ก
10 ชัน้ ขนาด 1.5x 2.5 x 2.5 เมตร จำนวน 2 ใบ โดยจดั เกบ็ ชัน้ ละ 10 ตวั หนา้ ลนิ้ ชักมีรายชื่อตัว
หนังติดอยู่ ตัวหนังที่มีสภาพสมบูรณ์จัดแสดงนิทรรศการ ตัวหนัง โดยจัดทำเป็นตู้กระจกติดผนงั
ภายในมีตัวหนังติดแสดงไว้ และจัดทำเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดต่าง ๆ จึงด้วยผ้าขาวเป็นจอหนัง
และติดตงั้ ตัวหนังแสดง แหง่ ท่ี 2 โรงละครหนังใหญ่ สร้างในปี 2551 ใชเ้ ป็นสถานทแี่ สดงหนังใหญ่
90
สถานท่ีเก็บตวั หนงั ชุดใหม่ ซง่ึ มีตวั หนังกว่า 100 ตัว และใชเ้ ป็นสถานทฝี่ กึ ซอ้ ม จัดเปน็ แหลง่ เรียนรู้
หนังใหญ่ สำหรับนักเรียนนักศึกษา บุคคลทั่วไป ที่ต้องการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ
เชน่ .วิทยานิพนธ์ การทำรายงาน งานการเรยี นการสอน ฯลฯ จัดการแสดงหนงั ใหญ่ สำหรับผู้ท่ีมา
เยี่ยมชมมีความประสงค์จะชมการแสดง และรับแสดงในงานทั่วไปจะจัดการแสดงตามกำหนดที่ได้
มีการนัดหมายล่วงหน้าไว้แล้วเท่านั้น ระยะเวลาในการแสดงขึ้นอยู่กับคณะหรือนักท่องเที่ยว
เสนอแนะเรื่องที่ตอ้ งการรบั ชม
2. จัดเป็นแหล่งเรียนรู้หนังใหญ่ สำหรับนักเรียนนักศึกษา บุคคลทั่วไป ที่ต้องการนำ
ข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น วิทยานิพนธ์ การทำรายงาน งานการเรียนการสอน ฯลฯ
3. จัดการแสดงหนังใหญ่ สำหรับผ้ทู ี่มาเย่ียมชมมีความประสงค์จะชมการแสดง และรับ
แสดงในงานท่วั ไป
องคป์ ระกอบสำคญั ในการแสดงหนงั ใหญ่ ได้แก่
1. ตัวหนัง ทำจากแผ่นหนังวัวแห้งขนาดใหญ่ แกะสลัก ฉลุลวดลาย สวยงามเป็นตัว
ละครตา่ งๆ ตรงึ แผ่นหนงั ด้วยก้านไม้
2. จอหนัง ซึ่งจอด้วยผ้าขาวในแนวสูงและ กว้าง รอบจอใช้ผ้าสีแดง ทาบริมทั้งสี่ด้าน
เพอื่ คนดจู ะได้มองเหน็ ถนดั ตา
3. ดนตรปี ระกอบ การแสดงใชว้ งปี่พาทย์ เครอื่ งใหญ่
4. ผู้เชิด เป็นชายมีหนา้ ที่บังคับตวั หนงั ใหเ้ คลื่อนไหว
5. ผูพ้ ากย์และเจรจามี 2 คน
6. อุปกรณ์สร้างแสงสว่างในยามค่ำคืน ในสมัยโบราณใช้การก่อไฟเผา กะลามะพร้าว
เพอื่ ใหเ้ กิดแสงนวล จับหนา้ จอสวยงาม
7. วรรณกรรมที่ใช้แสดงนิยมแสดงเรื่องรามเกียรติ์การแสดงหนังใหญ่ จึงเป็นการ
ผสมผสานศิลปะหลายแขนง คือ หตั ถศิลป์ วรรณศลิ ป์ นาฎศลิ ป์ วาทศิลป์ และคตี ศลิ ป์
91
พิธภัณฑ์หนังใหญว่ ดั บา้ นดอน เป็นภูมิปัญญาเชงิ อนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย ซึ่งเป็นสถานที่
สืบทอดมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมการแสดงหนังใหญ่ และเก็บรักษาตวั หนงั ใหญ่ ให้รุ่นลูกรุ่น
หลานไดเ้ รียนรู้ หนังใหญ่เปน็ ศลิ ปะการแสดงเก่าแก่ของไทย มหรสพที่เกา่ แก่ของไทย กลา่ วกนั ว่ามี
มาตงั้ แต่สมยั สุโขทัยแตห่ ลกั ฐานการแสดงหนงั ใหญ่เริ่มมีในสมัยกรงุ ศรีอยุธยา นับว่าเป็นมรดกตก
ทอดทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าท้องถิ่นและของประเทศไทย ที่ต้องอนุรักษ์และสืบทอดไว้ให้คงอยู่
ต่อไป การแสดงหนังใหญ่ เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูง ที่ผสมผสานศิลปะหลายด้าน ทั้งหัตถศิลป์
นาฎศิลป์ วรรณศิลป์ และคีตศิลป์ ปัจจุบันหนังใหญ่ที่ยังมีการสืบสานการแสดงอยู่เหลือเพียง
2 คณะเทา่ นน้ั คือ หนังใหญว่ ัดขนอนจงั หวัดราชบรุ ี และหนังใหญ่วดั บ้านดอน จังหวดั ระยอง
หนังใหญ่วัดบ้านดอน เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองระยองมานับตั้งแต่ พ.ศ. 2432 สิ่งที่เป็นด่ัง
สญั ลกั ษณ์ของวัดน้ี นอกจากหลวงพ่อประสาทพร ท่ีชาวระยองใหค้ วามเคารพแลว้ ยงั มีพิพิธภัณฑ์
หนังใหญ่ ท่เี ก็บรักษาหนงั ใหญอ่ ายรุ ว่ ม 200 ปี ซ่งึ พระยาศรสี มทุ รโภคชยั โชคชดิ บงั คราม (บ้างว่า
พระยาศรีสมทุ รโภคชัยโชคชิตสงคราม หรือ เกตุ ยมจนิ ดา) เจา้ เมืองระยองคนแรก ไดซ้ อ้ื หนังชุดน้ี
ขณะที่แสดงอยู่ที่พัทลุง จำนวนกว่า 200 ตัว เพื่อใช้แสดงในงานสำคัญต่าง ๆ และได้จ้างครูหนัง
หรอื นายโรงมาเป็นครูฝกึ ถา่ ยทอดให้กบั คนในปกครองของพระยาศรีสมุทรโภค ชัยโชคชิตสงคราม
เพื่อสืบทอดต่อมา ข่าวจากเครือญาติของทา่ นเล่าว่า ในการนำหนงั ใหญ่ที่ซื้อจากพัทลุงมาน้ีได้นำ
เรือแล่นขา้ มอ่าวไทยฝ่าคลื่นใหญล่ มแรง หนังมนษุ ย์ซึง่ ช้อนอยูข่ ้างบนตัวหนังบางตัวหลน่ ลงทะเล
ตอ้ งตามเกบ็ ตัวละครสำคัญ คอื นางสดี า (นางเอก) ช่วยกันหาอยูน่ านก็ไม่พบ ผลสดุ ท้ายพบได้ คือ
ตดิ อยู่ทห่ี างเรือสำเภา ซงึ่ เชอื่ ว่าคงเป็นเพราะพระรามกับนางส่ีดา พระเอกกับนางเอกของเรื่องใน
ตอนจบจะไม่พรากกนั แน่นอน
หนังใหญ่ของวัดบ้านดอนนี้ไม่ปรากฏข้อมูลแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง สร้างเมื่อไหร่
นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า หนังใหญ่ชุดนี้มีลวดลายละเอียดงดงามมาก สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือ
ของชา่ งหลวง ลวดลายคลา้ ยหนังใหญช่ ุดพระนครไหว ทีส่ รา้ งขึน้ สมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ
92
หล้านภาลยั รชั กาลท่ี 2 บางทา่ นกล่าวว่าหนงั ใหญ่ชดุ นอี้ าจเปน็ ฝีมอื ของชา่ งสองสกุล คือ สกุลช่าง
กรุงเทพฯ และสกุลช่างอยุธยา แต่ข้อที่ว่าหนังชุดนี้สร้างขึ้นเมื่อใดนัน้ ไม่มีหลักฐานปรากฎแน่ชัด
หนังชุดนีน้ ำมาแสดงและเก็บรกั ษาไว้ที่วดั จันทอดุ ม (วัดเก๋ง) ซึ่งเป็นวัดพระยาศรีสมุทรโภคชัยชิต
สงคราม (เกตุ ยมจนิ ดา) เปน็ ผูส้ ร้าง ปจั จุบันเปน็ ทีต่ ้ังของโรงพยาบาลระยอง (ยงั คงเหลือหลักฐาน
ของวดั เพยี งเจดยี ์องคเ์ ดียว ซ่งึ กรมศิลปากรได้ข้ึนทะเบยี นโบราณสถานแล้วเมอ่ื ปี พ.ศ. 2538)
หลังจากน้นั ประมาณ พ.ศ. 2430 วัดบ้านตอนไดส้ รา้ งขึ้นแลว้ และผแู้ สดงประจำโรงหนงั
นี้ที่ฝึกรับการถ่ายทอดมาจาก ครูประดิษฐ์ ครูหนังคนเดิมที่มาสอนให้ก็เป็นคนชาวบ้านชากใหญ่
ใกล้วัดบ้านดอน ตอนปี่พาทยก์ เ็ ป็นคนชาวทุ่งโพธิ์ไม่ห่างไกล ง่ายกับการฝึกนัดซ้อม และไปแสดง
ตามจังหวัดที่ต้องการ จึงได้นำหนังใหญ่ดังกล่าวมาถวายวัดบ้านดอน อำเภอเมืองระยอง ใน
ปัจจุบัน อาจารย์อำไพ บุญรอด เป็นผู้ดูแลหนังใหญ่วัดบ้านดอน และได้รับการสนบั สนุนส่งเสรมิ
ภายใต้การกำกับดูแลของพระใบฎีกาวัฒนา อติสุโภ เจ้าอาวาสวัดบ้านดอนรูปปัจจุบัน ร่วมกับ
คณะกรรมการอนรุ ักษ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน และหน่วยงานท้งั ภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสืบสาน
และเผยแพร่หนังใหญ่ในรูปแบบต่าง ๆ หนังใหญ่วัดบ้านดอนยังคงออกแสดงในงานต่าง ๆ อย่าง
สม่ำเสมอ มีนักแสดงรุ่นเยาวชนเป็นผู้เชิด และมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเปิดเข้าชมได้ทุกวัน ตลอดจนโรง
ละครหนังใหญท่ ใ่ี ช้สำหรับการแสดงเชงิ สาธิตการเรียนรู้ การฝึกสอนให้กบั นกั เรยี น นกั ศกึ ษา และ
เป็นภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมของตำบลเชิงเนิน ปจั จุบนั นอกจากเก็บรกั ษาไว้ให้อนชุ นรนุ่ หลังได้ชม
แล้ว ชมุ ชนวดั บา้ นดอนยงั ได้ทำการสืบสานประเพณกี ารเชิดหนังใหญ่ใหแ้ กล่ ูกหลานของชาวชมุ ชน
ตำแหน่งท่ตี ั้ง : วัดบา้ นดอน หมู่ท่ี 4 ตำบลเชิงเนนิ อำเภอเมอื งระยอง จังหวัดระยอง 21000
โทรศัพท์ : 081-295 6069, 087-745 9925
วนั และเวลาทำการ : เปิดทุกวนั เวลา 09.00 - 17.00 น
คา่ เขา้ ชม : ไม่เสยี คา่ เข้าชม
ข้อมูลเนอื้ หา เรอื่ งราว เขียนโดย นางสาวชริสรา เคหาวติ ร
ภาพถา่ ย/ภาพประกอบ โดย นางสาวชรสิ รา เคหาวิตร/เพจหนงั ใหญว่ ดั บ้านดอนระยอง
93
รางวัลรองชนะเลศิ อนั ดบั ท่ี 2
สืบสานวัฒนธรรมไทยบญุ บั้งไฟประเพณีท่ี ซับตารี
ประเพณี บุญบั้งไฟ เป็นประเพณีสำคัญของภาคอีสานบ้านเราที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา
ตง้ั แต่สมัยโบราณ ถอื เปน็ หน่งึ ในฮีตสิบสองเดือนของชาวอีสานท่ีทำกนั ในเดือน 6 ช่วงเข้าสู่ฤดูฝน
ซ่งึ เป็นฤดทู ำนา จะมีการจดุ บ้ังไฟเพ่อื บชู าเทพยดา และส่ิงศักดส์ิ ทิ ธ์ิท้ังหลาย หรือทชี่ าวอสี านเรียก
กันว่า พญาแถนหรือ เทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่ง มีความเชื่อว่า พระยาแถนมีหนา้ ที่คอยดแู ลใหฝ้ น
ตกถูกต้องตามฤดูกาล และทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ความเชื่อของ ประเพณีบุญบ้ัง
ไฟ ปรากฏอยู่ใน ตำนานเรื่องพญาคันคากและเรื่องผาแดงนางไอ่ มีการกล่าวถึงการจุดบั้งไฟเพ่ือ
บชู าพญาแถน โดยเฉพาะในเร่ืองพญาคนั คาก ซงึ่ ตำนานนั้นมีอยู่วา่ พญาคันคาก เป็นพระโพธิสัตว์
เสวยชาติเปน็ โอรสของกษัตริย์ เหตุท่ีได้
94
ชอ่ื วา่ “พญาคนั คาก” เปน็ เพราะเมอื่ ครั้งประสูติมีรูปร่างผิวพรรณเหมอื นคางคก หรือที่ชาวอีสาน
เรียกกันว่า คันคาก และถึงแม้พระองค์จะมีรูปร่างอัปลักษณ์ แต่พระอินทร์ก็คอยช่วยเหลือ
จนพญาคันคากเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน จนลืมที่จะเซ่นบูชาพญาแถน พญาแถนจึงโกรธ
ไมย่ อมปล่อยน้ำฝนใหต้ กลงมายังโลกมนุษย์
หมู่บ้านซับตารี เป็นหมู่บ้านเขตชายแดน
ไทยกัมพูชา มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานราวปี
พ.ศ. 2518 โดยตาหวังและตาจง ย้ายถิ่น
ฐานมาจากอำเภอพิบูลมังสาหารและ
อำเภอเดชอุดม จงั หวัดอบุ ลราชธานี ตอ่ มา
มีการย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดอุบลราชธานี
มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชากรส่วนใหญ่
ในหมู่บ้านสบื เช้อื สายมาจากทางภาคอีสาน
ที่เรียกว่าหมู่บ้านซับตารีเพราะบริเวณ
หมู่บ้านมีตาน้ำซึ่งภาษาถิ่นจะเรียกว่าซับ และ
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ตาน้ำ หรือ ซับ มีชื่อว่าตา
รี จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน ซับตารี ซึ่งวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ยังคงความเป็นชาวอีสาน ไม่ว่าจะอาหารการกิน หรือ งานบุญประเพณีต่าง ๆ
เช่น การสวดซำฮะ หรือ การแห่บั้งไฟบริเวณฐานจุดบั้งไฟ บ้านซับตารี หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งขนาน
อำเภอสอยดาว จงั หวัดจนั ทบรุ ี นางสาวอัญชลี แจม่ แจ้ง นายกองคก์ ารบริหารส่วนตำบลทุ่งขนาน
พร้อมด้วยสภาวัฒนธรรมอำเภอสอยดาว และผู้นำท้องถิ่น ร่วมกันจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ
เนื่องจากชาวบ้านซับตารีอพยพมาจากอีสาน จึงยังคงสืบทอดประเพณีบุญบั้งไฟช่วงก่อน
เข้าพรรษา เพื่ออนุรักษ์ภูมปิ ัญญาชาวบ้าน ส่งเสริมความรักความสามัคคีของคนในชุมชน รวมท้ัง
บูชาพญาแถนตามความเชื่อก่อนที่จะเข้าช่วงเทศกาลเข้าพรรษาหรือฤดูฝน ให้ฝนตกต้องตาม
ฤดกู าลสรา้ งความชุม่ ชืน้ และบำรงุ ผลผลติ พชื สวน พืชไร่
สำหรับการจัดงานประเพณีบญุ บั้ง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่เอกลักษณ์
มรดกทางศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาชาวบ้าน และเพ่ือให้หน่วยงานราชการ ประชาชนทุกหมู่เหล่า
95
ไดป้ ระกอบกจิ กรรมเสริมสรา้ งความสมคั รสมานสามคั คี และเพ่ือเปน็ การบูชาพญาแถนขอให้ฝนตก
ชว่ งฤดทู ำไร่ ทำนา ทำสวน ให้พืชผลสมบูรณพ์ ูนผล เพราะตำบลทุง่ ขนาน เปน็ พน้ื ทีเ่ กษตรกรรม
นอกจากนภ้ี ายในมีการจดั กิจกรรมมากมาย เชน่ การประกวดบ้ังไฟสวยงาม การประกวด
รำเซง้ิ การแขง่ ขันจดุ บง้ั ไฟข้นึ สงู การจดุ บัง้ ไฟแสน การจุดบ้งั ไฟขนาด 2 น้ิว 12 บั้ง และการจุดบั้ง
ไฟ 3 นิว้ 17 บัง้ ซึง่ มชี าวบา้ นทั้ง 16 หมู่บ้านได้รว่ มกนั จัดทำบ้ังไฟข้นึ เพ่ือนำมาทำการแข่งขันกัน
ซ่งึ ได้รบั ความสนใจจากประชาชนชาวไทยและชาวกัมพชู าเขา้ มาชม
ข้อมลู ติดตอ่
บ้านซับตารี หมู่ท่ี 2 ตำบลทุ่งขนาน อำเภอสอยดาว จงั หวัดจนั ทบุรีคุณนันทะ
โทรศัพท์ 08 0631 3444
ขอ้ มลู ผเู้ ขยี น
นางสาวเบญจรตั น์ เฉยสวัสดิ์ ครูกศน.ตำบลทุ่งขนาน อำเภอสอยดาว จงั หวดั จันทบรุ ี
โทรศพั ท์ 08 2898 0298
96
รางวัลชมเชย
ประเพณกี องขา้ วตำบลคลองตำหรุ
ประวัติความเป็นมา
ประเพณีกองข้าวเป็นประเพณีท้องถิ่นของตำบลคลองตำหรุ ที่สืบต่อๆกันมาตามประวัติ
เล่าว่าประเพณีกองข้าวจัดในหลายอำเภอ อาทเิ ช่น อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา อำเภอบาง
ละมุง อำเภอพนัสนิคมฯลฯ ครั้นกาลเวลาล่วงเลยผ่านไปในบางพื้นที่ประเพณีได้เลือนหายไป
ที่ตำบลคลองตำหรุ ยงั คงอนุรักษณไ์ วอ้ ย่างตอ่ เนื่องและเหนยี วแน่น จนกระทงั่ กลายเป็นประเพณี
เอกลกั ษณ์ของชาวตำบลคลองตำหรุ โดยกำหนดจัดประเพณกี องขา้ ว เดอื นเมษายน ของทกุ ปี
เมื่อถึงช่วงเทศกาลกองข้าวของทุกปีชาวบา้ นจะนัดหมายกันมา นำสำรับข้าวปลาอาหาร
ทั้งคาวหวานมากองรวมกันและเชิญภูติผีทั้งหลายมากินปีละครั้ง โดยเชื่อว่าภูติผีจะไม่มาทำ
อันตรายชีวิตครอบครัวหรือทรัพย์สินของตนเองหลังพิธีเซ่นไหว้ชาวบ้านจะล้อมวงรับประทาน
อาหารร่วมกนั มีการรอ้ งรำทำเพลง การละเล่นสนกุ สนาน มีเคลด็ ว่าทกุ คนจะไม่นำอาหารที่เหลือ
กลับบ้านแต่จะท้ิงไว้เปน็ ทานแกส่ ัตว์ สำหรับการจัดงานกองขา้ วตำบลคลองตำหรุ เทศบาลตำบล
คลองตำหรุ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองตำหรุ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน พ่อค้าแม่ค้า
ประชาชนชาวคลองตำหรุ ร่วมกันจดั กิจกรรม ที่หลากหลายและส่ือถึงความเป็นไทย เช่น การจัด
พธิ กี องข้าวบวงสรวง เปน็ ประเพณีความเชอื่ ของชาวตำบลคลองตำหรุ ที่มีอาชีพด้านการประมง
97
และการเกษตร ซึ่งก่อนจะทำต้องมีการไหว้พวกผีปีศาจ และเมื่อมีเวลาว่างประมาณเดือน 4
ชาวบ้านจะมารวมกันและนำอาหารมาไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เทวดา ผีไม่มีญาติ โดยนำเอาอาหารใส่
กระทงไหวห้ รือใส่หมอ้ และอาหารที่เหลือจะแบ่งกันรบั ประทาน โดยไม่เอากลบั บ้าน ไดจ้ ดั พธิ โี ดย
ไดเ้ ชิญผู้ประกอบพธิ ี และตง้ั เครอื่ งบวงสรวงอย่างถูกตอ้ ง
พิธกี รรม
เมื่อใกล้จะถึงกำหนดงานประเพณกี องข้าวบวงสรวงชาวบ้านกจ็ ะแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะ
ทำอะไรบ้างเช่น การชำระล้าง ปัดกวาด ตกแต่ง บริเวณประกอบพิธีเตรียมเครื่องบูชา ตีฆ้อง
ประกาศวา่ จะเร่ิมประเพณีในวันรงุ่ ขนึ้ ขอเชิญร่วมพิธีให้พรอ้ มเพยี งกัน เม่อื ถึงวนั งาน ขาวบา้ นกจ็ ะ
มาพร้อมกันบริเวณงานเช่นบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จังหวัดชลบุรีพิธีเกี่ยวกับการเชิญเจ้าพอ่
ต่าง ๆ มาเข้าทรง แล้วชาวบ้านก็จะถามว่าเย็นนี้จะนัดกองข้าวกันที่ไหนเจ้าที่เข้าทรงก็จะบอก
สถานที่ทจ่ี ะไปกองขา้ วให้ทราบโดยทั่วกัน เปน็ อันเสร็จพิธตี อนเช้าวันแรก วนั ทีส่ องท่ีสามก็กระทำ
เช่นเดียวกนั การเชญิ เจ้าท่ีนี้กระทำติต่อกนั 3 วนั พธิ ีการตอนเย็นเรมิ่ เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.
บรรดาลูกช้างชาวบ้านจะพากันไปที่ที่เจ้าบอกให้ทราบในตอนเช้าซึ่งส่วนใหญ่จะตรงกันทุกปีวัน
แรกจะเป็นบริเวณชุมชนตอนบน วันที่สองจะเป็นชุมชนตอนกลาง และวันที่สามจะเป็นชุมชน
ตอนลา่ งเมอื่ มาถงึ สถานท่ีดงั กล่าว กจ็ ดั แจงปูเสื่อ วางข้าวปลาอาหาร และอปุ กรณอ์ ืน่ ๆท่ีเตรียมมา
เช่น ธูป พิณพาทย์จะเริ่มบรรเลงเพลง ลูกช้างกลุ่มหนึ่งจัดสร้างศาลเพียงตา นำขนมต้มแดง
บายศรปี ากชาม มาวางไวบ้ นศาล ในชว่ งเวลาเดยี วกันน้ี ชาวบ้านกลมุ่ อ่ืนทีน่ ำข้าวปลาอาหารคาว-
หวาน มาก็จะนำมาวางรวมกันไว้ เมื่อได้เวลาคนทรงก็จะไปท่ีศาล ยกถาดบายศรีขึ้นรำถวายของ
แลว้ ส่งั ให้เจา้ ของสำหรับแบ่งข้าวปลาอาหารที่นำมา ออกมากองไวท้ ี่หนา้ สำหรบั ของแต่ละคนจะมี
ใบตองวางอยู่ แล้วแบ่งข้าวและกับข้าวต่างๆพรอ้ มทั้งของหวานลงบนใบตองน้ันเพื่อให้ภูติผีท่หี ิว
โหยได้กินอิม่ หนำสำราญ เป็นเวลา 3 วัน เพื่อวิญญาณเหล่าน้ีจะได้ไม่มารบกวนบ้านเมอื งก็จะอยู่
เย็นเป็นสุข จึงมีผู้ที่เข้าใจกันว่าที่เรียกประเพณีนี้ว่า "พิธีกองข้าว" หรือ "ประเพณีกองข้าว