เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๕ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานเุ บกษา
พระราชบญั ญตั ิ
จราจรทางบก (ฉบบั ท่ี ๑๓)
พ.ศ. ๒๕๖๕
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดศี รีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกลา้ เจา้ อยู่หัว
ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
เปน็ ปที ี่ ๗ ในรชั กาลปัจจบุ นั
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศว่า
โดยท่ีเป็นการสมควรแกไ้ ขเพม่ิ เติมกฎหมายวา่ ดว้ ยการจราจรทางบก
พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซ่ึงมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๘ ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจกั รไทย บัญญัตใิ หก้ ระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญตั แิ ห่งกฎหมาย
เ ห ตุ ผ ล แ ล ะ ค ว า ม จ า เ ป็ น ใ น ก า ร จ า กั ด สิ ท ธิ แ ล ะ เ ส รี ภ า พ ข อ ง บุ ค ค ล ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ น้ี
เพ่ือให้การบังคับใช้กฎหมายและการจัดระเบียบการจราจรทางบกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อันจะเป็นประโยชน์แก่ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยและสวัสดิภาพของประชาชน
ซ่ึงการตราพระราชบัญญัติน้ีสอดคล้องกับเง่ือนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจกั รไทยแลว้
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๖ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานุเบกษา
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอม
ของรัฐสภา ดังตอ่ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๓)
พ.ศ. ๒๕๖๕”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกาหนดหน่ึงร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศ
ในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ต้นไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลิก
(๑) คาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๒๒/๒๕๕๘ เร่ือง มาตรการในการป้องกัน
และแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือ
สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะท่ีคล้ายกับสถานบริการ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม
พุทธศักราช ๒๕๕๘ เฉพาะในข้อ ๑ ข้อ ๒ และข้อ ๓ ซ่ึงเป็นส่วนท่ีแก้ไขหรือเพ่ิมเติมกฎหมาย
ว่าดว้ ยการจราจรทางบก
(๒) คาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๔๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปญั หา
อนั เกดิ จากการขับขยี่ านพาหนะ ลงวันท่ี ๓๐ ธนั วาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ซึง่ แก้ไขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๙ และใหใ้ ช้ความต่อไปนแี้ ทน
“มาตรา ๓๕ รถที่มีความเร็วช้าหรือรถท่ีมีความเร็วต่ากว่าความเร็วของรถคันอ่ืนท่ีขับ
ในทิศทางเดียวกนั ผูข้ บั ขตี่ ้องขบั รถให้ใกล้ขอบทางเดนิ รถดา้ นซา้ ยเท่าทจ่ี ะกระทาได้
การขับรถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร หรือรถจักรยานยนต์ในทางเดินรถ ซ่ึงได้แบ่งช่องเดนิ รถ
ในทิศทางเดียวกันไว้ต้ังแต่สองช่องขึ้นไปหรือซึ่งได้จัดช่องเดินรถประจาทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ
ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายสุดหรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจาทาง และต้องขับรถให้ใกล้
ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าท่ีจะกระทาได้ เว้นแต่ในกรณีตามมาตรา ๓๔ (๑) (๓) หรือ (๔)
ให้เดินรถทางขวาของทางเดนิ รถไดต้ ามทีจ่ าเปน็ แก่กรณี
ค ว า ม ใ น ว ร ร ค ส อ ง มิ ใ ห้ ใ ช้ บั ง คั บ แ ก่ ร ถ ย น ต์ บ ร ร ทุ ก ส่ ว น บุ ค ค ล ที่ มี น้ า ห นั ก ร ถ ไ ม่ เ กิ น
สองพันสองรอ้ ยกโิ ลกรัม และรถยนตน์ ่งั ส่วนบคุ คลเกนิ เจด็ คน ตามกฎหมายวา่ ด้วยรถยนต์”
เล่ม ๑๓๙ ตอนท่ี ๒๘ ก หน้า ๗ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ซึง่ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิจราจรทางบก (ฉบบั ท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน
“มาตรา ๔๓ ห้ามมิใหผ้ ขู้ ับขี่ขับรถ
(๑) ในขณะหย่อนความสามารถในอนั ท่ีจะขบั
(๒) ในขณะเมาสุราหรอื ของเมาอย่างอน่ื
(๓) ในลกั ษณะกดี ขวางการจราจร
(๔) โดยประมาทหรือนา่ หวาดเสยี ว อันอาจเกดิ อันตรายแกบ่ คุ คลหรอื ทรัพย์สนิ
(๕) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้า
หรือด้านหลัง ด้านใดด้านหน่ึงหรือท้ังสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย หรือไม่คานึงถึงความเดือดร้อน
ของผูอ้ ่นื
(๖) คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปลี่ยนช่องเดินรถ
เลี้ยวรถ หรอื กลับรถ
(๗) บนทางเท้าโดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควร เว้นแตร่ ถลากเข็นสาหรับทารก คนปว่ ยหรอื คนพิการ
(๘) ในลกั ษณะท่ีเห็นได้ว่าไม่คานึงถึงความปลอดภัยในชวี ติ หรอื รา่ งกายของผอู้ ื่น
(๙) ในขณะใช้โทรศัพท์เคล่ือนท่ี เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยผู้ขับข่ีไม่ต้องถือหรือ
จบั โทรศัพท์เคลอ่ื นท่ีนน้ั ทั้งน้ี ตามท่ผี บู้ ญั ชาการตารวจแหง่ ชาติประกาศกาหนด”
มาตรา ๖ ใหเ้ พิม่ ความต่อไปน้ีเปน็ มาตรา ๔๓ ทว/ิ ๑ แหง่ พระราชบญั ญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๔๓ ทวิ/๑ ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดข้ึนและมีเหตุอันเชื่อได้ว่า ผู้ขับข่ีหรือบุคคล
ทอ่ี าจเปน็ ผขู้ บั ข่ี ไดก้ ระทาการฝ่าฝนื มาตรา ๔๓ ทวิ วรรคหน่ึง หากบุคคลดังกล่าวอย่ใู นภาวะหมดสติ
หรือได้รับอันตรายแก่กายจนไม่อาจให้ความยินยอมในการตรวจสอบการมีสารอยู่ในร่างกาย
ตามมาตรา ๔๓ ทวิ วรรคสอง ใหพ้ นักงานสอบสวนมีอานาจขอให้แพทย์ท่เี กี่ยวขอ้ งทาการตรวจพสิ จู น์
บคุ คลดังกล่าว ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผบู้ ัญชาการตารวจแหง่ ชาติกาหนด
การตรวจพิสูจนข์ องแพทย์ตามวรรคหน่ึง ให้ทาได้เท่าที่จาเป็นและสมควร โดยเก็บตัวอย่างเลอื ด
ปัสสาวะ หรือของเสียอย่างอ่ืนจากร่างกายของบุคคลดังกล่าวด้วยวิธีทางการแพทย์และใช้วิธีการ
เล่ม ๑๓๙ ตอนท่ี ๒๘ ก หน้า ๘ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานเุ บกษา
ท่ีก่อให้เกิดความเจ็บปวดน้อยที่สุดเท่าท่ีจะกระทาได้ ทั้งจะต้องไม่เป็นอันตรายอย่างอื่นต่อร่างกาย
หรืออนามัยของบุคคลน้นั
คา่ ใช้จา่ ยในการตรวจพิสูจน์ตามวรรคหนึง่ ใหส้ ่ังจา่ ยจากงบประมาณตามระเบยี บทสี่ านกั งาน
ตารวจแหง่ ชาตกิ าหนดโดยได้รบั ความเหน็ ชอบจากกระทรวงการคลงั ”
มาตรา ๗ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๑๒๓ แหง่ พระราชบัญญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๑๔/๒๕๖๐ เร่ือง มาตรการ
เพ่ิมประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายวา่ ดว้ ยการจราจรทางบก ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน
“มาตรา ๑๒๓ ภายใต้บังคบั มาตรา ๑๒๓/๑ ในขณะขบั รถยนต์ ผ้ทู ่ีอย่ใู นรถยนตต์ ้องปฏิบตั ิ
ตามหลักเกณฑแ์ ละเงื่อนไข ดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) ผู้ขบั ขี่ ตอ้ งรัดรา่ งกายด้วยเข็มขัดนริ ภยั ไวก้ ับทนี่ ัง่ ตลอดเวลาในขณะขับรถยนต์
(๒) คนโดยสาร
(ก) คนโดยสารที่นง่ั แถวตอนหน้าและที่นง่ั แถวตอนอ่ืน ต้องรดั ร่างกายด้วยเขม็ ขัดนิรภยั
ไว้กบั ทีน่ ง่ั ตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์
(ข) คนโดยสารท่ีเป็นเด็กอายุไม่เกินหกปี ต้องจัดให้นั่งในท่ีนั่งนิรภัยสาหรับเด็ก
หรือนง่ั ในท่นี ่ังพเิ ศษสาหรับเด็กเพ่อื ป้องกนั อนั ตราย หรอื มีวิธกี ารปอ้ งกันอันตรายในกรณที เ่ี กดิ อุบัตเิ หตุ
(ค) คนโดยสารที่มีความสูงไม่เกินหนึ่งร้อยสามสิบห้าเซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วย
เขม็ ขดั นิรภัยไว้กับทน่ี ั่ง หรือมวี ิธีการปอ้ งกนั อันตรายในกรณที ีเ่ กดิ อบุ ตั เิ หตุ ไมว่ ่าจะน่งั แถวตอนใด
ในกรณีท่ีผู้ขบั ข่ีหรือคนโดยสารมีเหตุผลทางสขุ ภาพอันไม่สามารถรดั ร่างกายดว้ ยเขม็ ขดั นริ ภัย
ไว้กับท่ีน่ังได้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามวรรคหน่ึง แต่บุคคลน้ันต้องมีวิธีการป้องกันอันตราย
ในกรณีทีเ่ กิดอบุ ัติเหตุ
ท่ีนงั่ นิรภยั สาหรบั เดก็ และทนี่ งั่ พเิ ศษสาหรบั เดก็ เพอื่ ปอ้ งกนั อันตรายตาม (๒) (ข) และวิธกี าร
ป้องกนั อนั ตรายในกรณีทีเ่ กดิ อุบัติเหตุตามที่บัญญตั ิไว้ในมาตราน้ี ให้เปน็ ไปตามทผ่ี ูบ้ ัญชาการตารวจแหง่ ชาติ
ประกาศกาหนด
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๙ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานเุ บกษา
บทบัญญัติตามมาตราน้ีมิให้ใช้บังคับกับผู้ท่ีอยู่ในรถสามล้อ รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และ
รถใช้งานเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และรถยนต์อื่นที่ไม่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย
ตามทีอ่ ธบิ ดกี รมการขนส่งทางบกประกาศกาหนด”
มาตรา ๘ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๒๓/๑ มาตรา ๑๒๓/๒ และมาตรา ๑๒๓/๓
แหง่ พระราชบัญญตั ิจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๒๓/๑ ในการใช้รถนั่งสองแถว รถบรรทุกคนโดยสารขนาดเล็กท่ีมีการจัดท่ีน่ัง
ตามความยาวของรถ รถกระบะ รถก่ึงกระบะ หรือรถยนต์อ่ืนตามที่ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ
ประกาศกาหนด หากได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ให้คนโดยสารท่ีอยู่ในรถยนต์นั้นนอกจาก
คนโดยสารทีน่ ัง่ แถวตอนหนา้ ได้รบั ยกเว้นไม่ตอ้ งรัดร่างกายดว้ ยเขม็ ขดั นริ ภยั ตามมาตรา ๑๒๓
(๑) การบรรทุกคนโดยสาร ต้องไม่เกินจานวนตามที่ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติประกาศกาหนด
สาหรับรถยนต์แต่ละประเภท และการโดยสารนั้นต้องไม่มีการยืนหรือน่ังโดยสารในลักษณะที่เป็น
การเส่ียงภัยตามทผี่ บู้ ัญชาการตารวจแหง่ ชาติประกาศกาหนดสาหรบั รถยนตแ์ ต่ละประเภท และ
(๒) การขับรถยนต์ต้องใช้อัตราความเร็วตามที่ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติประกาศกาหนด
ซงึ่ อาจกาหนดแยกตามประเภทรถยนตก์ ไ็ ด้ แตต่ อ้ งไม่เกินแปดสบิ กิโลเมตรตอ่ ชัว่ โมง
ให้นาความในวรรคหนงึ่ มาใชบ้ งั คับกับการใชร้ ถบรรทุกคนโดยสารท่ีเปน็ รถประจาทางทไ่ี มต่ อ้ ง
ติดตง้ั เข็มขดั นริ ภยั ตามท่ีอธบิ ดีกรมการขนส่งทางบกประกาศกาหนด ในขณะขนส่งคนโดยสารในเสน้ ทาง
ที่ไดร้ ับอนุญาตประกอบการขนสง่
มาตรา ๑๒๓/๒ ห้ามมิให้ผู้ขับข่ี ขับรถยนต์ในขณะที่มีคนโดยสารนั่งแถวตอนหน้าเกินสองคน
หรือคนโดยสารทนี่ ง่ั แถวตอนหนา้ นนั้ มิได้ปฏิบัตติ ามมาตรา ๑๒๓
มาตรา ๑๒๓/๓ ผ้ขู ับขี่รถยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าดว้ ยรถยนต์หรอื รถท่ใี ช้ในการขนส่ง
ผู้โดยสารเพ่ือสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต้องแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน
ด้วยวิธีการอ่ืน เพ่ือให้คนโดยสารในรถนั้นปฏิบัติตามมาตรา ๑๒๓ และมาตรา ๑๒๓/๑ (๑) ทุกครงั้
กอ่ นการออกรถ ทั้งนี้ ตามท่ีผ้บู ญั ชาการตารวจแหง่ ชาตปิ ระกาศกาหนด”
มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๓๔ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ซง่ึ แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญตั จิ ราจรทางบก (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ และใหใ้ ช้ความต่อไปน้แี ทน
เล่ม ๑๓๙ ตอนท่ี ๒๘ ก หน้า ๑๐ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานุเบกษา
“มาตรา ๑๓๔ ห้ามมิให้ผู้ใดแข่งรถในทางเว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากหัวหน้า
เจา้ พนักงานจราจร
ผู้ใดรวมกลมุ่ หรือม่ัวสุมกันในทางหรือสาธารณสถานใกล้ทาง พร้อมด้วยรถต้ังแต่หา้ คนั ขึ้นไป
โดยมีการนัดหมายเพ่ือแขง่ รถในทาง หรือรถท่ีใช้ในการรวมกลุ่มหรือมั่วสุมกันมีการดัดแปลงหรือปรับแตง่ รถ
ให้มีสภาพไม่ถูกต้องตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๐ ทวิ หรือมีพฤติการณ์อย่างหนึ่ง
อยา่ งใดอันแสดงใหเ้ ห็นว่าจะทาการแขง่ รถในทาง ให้ถอื ว่า ผู้นัน้ พยายามแข่งรถในทาง เว้นแต่จะพิสจู นไ์ ดว้ า่
เป็นการกระทาเพ่อื การอนื่ หรอื ตนมไิ ด้รว่ มหรือมีสว่ นรู้เหน็ ว่าจะมีการแขง่ รถในทางนั้น”
มาตรา ๑๐ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๓๔/๑ และมาตรา ๑๓๔/๒
แห่งพระราชบญั ญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๓๔/๑ หา้ มมใิ ห้ผ้ใู ดจัด โฆษณา ประกาศ ชกั ชวน หรอื ดาเนนิ การดว้ ยวธิ กี ารใด
เพอ่ื ใหม้ กี ารแข่งรถในทางโดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าตตามมาตรา ๑๓๔
มาตรา ๑๓๔/๒ ผู้ใดรับดาเนินการดัดแปลงหรือปรับแต่งรถให้มีสภาพไม่ถูกต้องตามมาตรา ๖
วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๐ ทวิ ไม่ว่าจะมีสินจ้างหรือไม่ก็ตาม หากรถนั้นได้ถูกนาไปใช้ในทางเดินรถ
ให้ถือว่าผู้น้ันฝ่าฝืนมาตรา ๖ วรรคหน่ึง หรือมาตรา ๑๐ ทวิ แล้วแต่กรณี และหากรถนั้น
ได้ถูกนาไปใช้ในการแข่งรถในทางอันเป็นการฝา่ ฝืนมาตรา ๑๓๔ ให้ถือวา่ ผู้น้ันเป็นผสู้ นบั สนุนการแขง่ รถ
ในทาง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้มีส่วนรู้เห็นหรือไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าจะนารถดังกล่าวไปใช้
ในการแข่งรถในทาง”
มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในวรรคห้าของมาตรา ๑๔๒ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๗
และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน
“การทดสอบตามวรรคสองให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารทก่ี าหนดในกฎกระทรวง”
มาตรา ๑๒ ให้เพิ่มความต่อไปนีเ้ ปน็ วรรคหกของมาตรา ๑๔๒ แหง่ พระราชบัญญตั ิจราจร
ทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๗
“ในกรณีท่ีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นและมีเหตุอันเช่ือได้ว่า ผู้ขับขี่หรือบุคคลท่ีอาจเป็นผู้ขับขี่
ได้กระทาการฝ่าฝืนมาตรา ๔๓ (๒) และบุคคลดังกล่าวอยู่ในภาวะหมดสติหรือได้รับอันตรายแก่กาย
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑๑ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานเุ บกษา
จนไม่อาจให้ความยินยอมในการทดสอบการมีสารอยู่ในร่างกายตามวรรคสอง ให้นาความในมาตรา ๔๓ ทวิ/๑
มาใช้บังคบั โดยอนุโลม”
มาตรา ๑๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๔๓ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน
“มาตรา ๑๔๓ ถ้าปรากฏว่าผู้ขับข่ีผู้ใดนารถท่ีมีสภาพไม่เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖
วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๐ ทวิ ไปใช้ในทาง ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอานาจส่ังให้ผู้ขับขี่ผู้นั้นหยุดรถ
เพื่อทาการตรวจสอบ หากปรากฏวา่ รถนน้ั มีสภาพไม่ถูกต้อง ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอานาจดาเนินการ
ดงั ต่อไปนี้
(๑) ในกรณที ร่ี ถมสี ภาพไมม่ ่นั คงแขง็ แรงและหากให้ใชร้ ถต่อไปอาจเกดิ อันตรายได้โดยชัดแจง้
ให้เจ้าพนักงานจราจรสั่งห้ามการใช้รถ ในการน้ี ผู้ขับข่ีต้องนารถดังกล่าวให้พ้นทางเดินรถโดยเร็วที่สดุ
หากผู้ขับข่ีไม่ดาเนินการ ให้เจ้าพนักงานจราจรหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานจราจรมีอานาจ
เคลื่อนย้ายรถน้ัน โดยให้นาความในมาตรา ๕๙ วรรคสอง วรรคสาม วรรคส่ี วรรคห้า และวรรคหก
มาใช้บงั คับโดยอนุโลม
(๒) ในกรณีที่รถมีสภาพไม่ถึงกับไม่ปลอดภัยในการใช้ ให้เจ้าพนักงานจราจรสั่งระงับการใช้รถ
เป็นการช่ัวคราว โดยให้เจ้าของรถ ผู้ครอบครองรถ หรือผู้ขับขี่นารถดังกล่าวไปซ่อมแซมหรอื ปรับปรุง
ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายวา่ ด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ภายใน
ระยะเวลาทกี่ าหนดแตต่ ้องไม่นอ้ ยกวา่ สิบห้าวนั และไมเ่ กินหกสบิ วัน ตามสภาพความปลอดภยั ของรถน้ัน
โดยในระหวา่ งระยะเวลาดงั กล่าวใหใ้ ชร้ ถได้ไปพลางกอ่ น
สภาพของรถที่ไม่มั่นคงแข็งแรงหรืออาจเกิดอันตราย ตาม (๑) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
และเงอ่ื นไขทีผ่ ู้บัญชาการตารวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกรว่ มกนั กาหนด
คาส่ังตาม (๑) และ (๒) ให้ถือว่าเป็นคาสั่งของนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี และให้นาบทกาหนดโทษที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนคาส่งั
ของนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก มาใช้บังคับกับ
ผูฝ้ า่ ฝืนคาส่งั ตาม (๑) และ (๒) ด้วย
ให้นาความในมาตรา ๑๔๒/๘ มาใช้บังคับกับการอุทธรณ์คาส่ังตาม (๑) หรือ (๒)
โดยอนุโลม”
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑๒ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานเุ บกษา
มาตรา ๑๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๔๓ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญตั ิจราจรทางบก (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใช้
ความต่อไปนแ้ี ทน
“มาตรา ๑๔๓/๑ ในการออกคาสัง่ ตามมาตรา ๑๔๓
(๑) คาสั่งห้ามการใช้รถ ตามมาตรา ๑๔๓ (๑) ใหเ้ จา้ พนกั งานจราจรติดเครือ่ งหมายแสดง
คาสั่งหา้ มการใชร้ ถน้นั ไวท้ ่ตี วั รถในลักษณะท่เี หน็ ไดอ้ ย่างชดั เจน
(๒) คาสั่งระงับการใช้รถเป็นการช่ัวคราว ตามมาตรา ๑๔๓ (๒) ให้เจ้าพนักงานจราจร
ติดเคร่ืองหมายแสดงคาส่ังระงับการใช้รถน้ันไว้ท่ีตวั รถในลักษณะท่ีเห็นไดอ้ ย่างชัดเจน โดยเครื่องหมาย
แสดงคาส่งั ดังกล่าวต้องแสดงระยะเวลาส้นิ สุดของการอนญุ าตใหใ้ ชร้ ถเปน็ การชว่ั คราวไว้ดว้ ย
แบบคาสั่งและตาแหน่งท่ีติดเครื่องหมายแสดงคาส่ังตามมาตรา ๑๔๓ (๑) หรือ (๒)
ให้เปน็ ไปตามท่ผี ้บู ญั ชาการตารวจแห่งชาตปิ ระกาศกาหนด”
มาตรา ๑๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๔๓/๒ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๔๓/๒ เมื่อเจ้าพนักงานจราจรได้ออกคาส่ังห้ามการใช้รถ ตามมาตรา ๑๔๓ (๑)
หรือคาสั่งระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา ๑๔๓ (๒) แล้ว ให้แจ้งไปยังนายทะเบียน
ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี โดยเร็ว พร้อมด้วย
เหตุผล ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือให้นายทะเบียนดาเนินการตามกฎหมาย
วา่ ดว้ ยรถยนตห์ รอื กฎหมายว่าดว้ ยการขนส่งทางบก ตอ่ ไป
เมื่อรถท่ีถูกสั่งห้ามการใช้รถ ตามมาตรา ๑๔๓ (๑) หรือถูกส่ังระงับการใช้รถเป็นการช่ัวคราว
ตามมาตรา ๑๔๓ (๒) ไดม้ กี ารซ่อมแซมหรือปรบั ปรุงแก้ไขและผา่ นการตรวจสภาพตามกฎหมายว่าดว้ ย
รถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกแล้ว ให้นายทะเบียนมีคาสั่งอนุญาตให้ใช้รถนั้นต่อไปได้
และให้ปลดเครอ่ื งหมายแสดงคาส่งั หา้ มการใช้รถหรือคาสง่ั ระงบั การใชร้ ถเป็นการชั่วคราวนนั้ ”
มาตรา ๑๖ ให้ยกเลิกมาตรา ๑๔๔ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ซ่ึงแก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตจิ ราจรทางบก (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕
เล่ม ๑๓๙ ตอนท่ี ๒๘ ก หน้า ๑๓ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๑๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๔๕ แห่งพระราชบัญญัติ
จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐
และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน
“มาตรา ๑๔๕ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกจากความผิดท่ีกาหนดโทษ
ไว้ในมาตรา ๑๕๓/๑ มาตรา ๑๕๖ มาตรา ๑๕๗/๑ มาตรา ๑๕๘/๑ มาตรา ๑๕๙ มาตรา ๑๖๐
มาตรา ๑๖๐ ทวิ และมาตรา ๑๖๐ ตรี ให้พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญามีอานาจเปรียบเทียบหรอื ว่ากล่าวตักเตอื นได้”
มาตรา ๑๘ ให้ยกเลิกอัตราโทษในมาตรา ๑๔๗ มาตรา ๑๔๙ มาตรา ๑๕๑ มาตรา ๑๕๓
มาตรา ๑๕๕ และมาตรา ๑๕๘ แห่งพระราชบญั ญัตจิ ราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใ้ ช้อัตราโทษ
ตอ่ ไปนีแ้ ทน
มาตรา ๑๔๗ ... “ต้องระวางโทษปรับไม่เกนิ ห้าร้อยบาท”
มาตรา ๑๔๙ ... “ต้องระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ สองพันบาท”
มาตรา ๑๕๑ ... “ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ สองพนั บาท”
มาตรา ๑๕๓ ... “ต้องระวางโทษปรับไมเ่ กินส่ีพนั บาท”
มาตรา ๑๕๕ ... “ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กินสี่พนั บาท”
มาตรา ๑๕๘ ... “ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท
หรือท้ังจาท้งั ปรับ”
มาตรา ๑๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๔๘ แห่งพระราชบัญญัติ
จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๗)
พ.ศ. ๒๕๕๐ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนีแ้ ทน
“มาตรา ๑๔๘ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง มาตรา ๘
วรรคหน่ึง มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๔ วรรคหน่ึง มาตรา ๒๐ มาตรา ๓๖
มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๔ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕
วรรคหน่งึ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๘ มาตรา ๖๙
มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๓ วรรคสอง มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๖ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๔
มาตรา ๘๗ มาตรา ๘๘ มาตรา ๙๖ วรรคหนง่ึ มาตรา ๙๗ มาตรา ๑๐๑ มาตรา ๑๐๗ มาตรา ๑๐๘
เล่ม ๑๓๙ ตอนท่ี ๒๘ ก หน้า ๑๔ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานุเบกษา
มาตรา ๑๐๙ มาตรา ๑๑๐ มาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๔ วรรคหน่ึง มาตรา ๑๑๘
มาตรา ๑๑๙ มาตรา ๑๒๐ มาตรา ๑๒๑ มาตรา ๑๒๒ วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม มาตรา ๑๒๓
วรรคหน่ึง มาตรา ๑๒๓/๒ มาตรา ๑๒๔ มาตรา ๑๒๖ มาตรา ๑๒๙ หรือมาตรา ๑๓๓
ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กินสองพันบาท”
มาตรา ๒๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕๐ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับท่ี ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้
ความตอ่ ไปนีแ้ ทน
“มาตรา ๑๕๐ ผูใ้ ดกระทาการอยา่ งใดอย่างหน่งึ ดงั ต่อไปนี้
(๑) ไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือประกาศท่ีผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติกาหนดตามมาตรา ๘
วรรคสอง หรอื มาตรา ๑๔ วรรคสอง
(๒) ไม่ปฏบิ ัติตามเงอ่ื นไขทผี่ ้บู ัญชาการตารวจแหง่ ชาตกิ าหนดตามมาตรา ๑๓ วรรคสอง
(๓) ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๑๘
(๔) ฝ่าฝืนคาสง่ั หัวหนา้ เจา้ พนกั งานจราจรตามมาตรา ๑๑๓ หรือ
(๕) ขัดคาสัง่ เจ้าพนกั งานจราจรซ่งึ สงั่ ตามมาตรา ๑๔๐/๒ หรือมาตรา ๑๔๐/๓ วรรคหนงึ่
ผ้กู ระทาตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกนิ สองพนั บาท”
มาตรา ๒๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕๒ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับท่ี ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนี้แทน
“มาตรา ๑๕๒ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗ มาตรา ๑๐ ทวิ มาตรา ๑๓
วรรคหนึ่ง มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ (๑)
มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๑/๑ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๖
มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๗ วรรคหน่ึง มาตรา ๗๓ วรรคหน่ึงหรือวรรคสาม มาตรา ๗๗ วรรคหน่ึง
มาตรา ๘๕ มาตรา ๘๖ มาตรา ๘๙ วรรคหน่ึง มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๑ มาตรา ๙๒ มาตรา ๙๓
มาตรา ๙๔ วรรคหนึง่ มาตรา ๙๕ มาตรา ๙๙ มาตรา ๑๒๗ มาตรา ๑๒๘ มาตรา ๑๓๐ หรือ
ไม่ปฏิบัติตามประกาศท่ีผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติกาหนดตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติ
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑๕ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานุเบกษา
ตามกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง หรือมาตรา ๙๖ วรรคสอง หรือไม่เคลื่อนย้ายรถ
ตามมาตรา ๑๔๓ (๑) ตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกนิ ส่ีพันบาท”
มาตรา ๒๒ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๕๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๕๓/๑ ผ้ขู ับข่ีรถยนต์สาธารณะตามกฎหมายวา่ ดว้ ยรถยนต์หรอื รถที่ใช้ในการขนส่ง
ผู้โดยสารเพ่ือสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๒๓/๒
หรือไม่มีการแจ้งเตือนหรือจัดให้มกี ารแจง้ เตือนตามมาตรา ๑๒๓/๓ ตามสมควร เมอื่ มีอบุ ัติเหตเุ กดิ ข้นึ
จนเป็นเหตุให้คนโดยสารในรถนั้นได้รับอันตรายสาหัส ผู้ขับข่ีผู้นั้นต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรอื ปรับไมเ่ กินสองหม่นื บาท หรอื ท้งั จาท้งั ปรับ
ถ้าการกระทาความผิดตามวรรคหน่งึ เป็นเหตุให้คนโดยสารในรถถึงแก่ความตาย ผู้ขับขี่ผู้น้ัน
ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ สองปี หรอื ปรับไม่เกินสห่ี มน่ื บาท หรอื ทงั้ จาท้งั ปรับ”
มาตรา ๒๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕๔ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญตั ิจราจรทางบก (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้
ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๑๕๔ ผใู้ ดกระทาการอย่างใดอยา่ งหนงึ่ ดังต่อไปน้ี
(๑) ฝ่าฝืนคาสงั่ เจา้ พนกั งานจราจรตามมาตรา ๑๓๘ วรรคหน่ึง
(๒) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ข้อบังคับ หรือระเบียบท่ีหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร
กาหนดตามมาตรา ๑๓๙
(๓) ฝา่ ฝืนคาสั่งใหห้ ยดุ รถของเจ้าพนกั งานจราจรตามมาตรา ๑๔๒ วรรคหนึง่ หรอื มาตรา ๑๔๓
วรรคหนึง่
(๔) ฝา่ ฝืนคาส่ังเจา้ พนักงานจราจรหรือพนกั งานสอบสวนตามมาตรา ๑๔๒ วรรคสอง
ถ้าไม่เป็นความผิดท่ีกาหนดโทษไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ ผู้กระทาต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
สพ่ี นั บาท”
มาตรา ๒๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕๖ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัตจิ ราจรทางบก (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ และใหใ้ ช้
ความตอ่ ไปนี้แทน
เล่ม ๑๓๙ ตอนท่ี ๒๘ ก หน้า ๑๖ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานเุ บกษา
“มาตรา ๑๕๖ ผู้ขับข่ีผู้ใดขับรถในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ตามมาตรา ๑๔๒/๑
วรรคสาม หรือมาตรา ๑๔๒/๕ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกิน
หน่งึ หมืน่ บาท หรอื ท้งั จาทง้ั ปรบั ”
มาตรา ๒๕ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๕๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๕๖/๑ ผูใ้ ดเปลยี่ นแปลง ยา้ ย ทาลาย ปิดบงั หรือกระทาใหเ้ สียหายด้วยประการใด ๆ
แก่เคร่ืองหมายแสดงคาสั่งห้ามการใช้รถตามมาตรา ๑๔๓/๑ (๑) หรือเครื่องหมายแสดงคาส่ังระงับ
การใชร้ ถเปน็ การชั่วคราวตามมาตรา ๑๔๓/๑ (๒) ต้องระวางโทษปรบั ไมเ่ กินส่พี นั บาท”
มาตรา ๒๖ ให้ยกเลิกอัตราโทษในมาตรา ๑๕๗ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้
อตั ราโทษตอ่ ไปนแี้ ทน
มาตรา ๑๕๗ ... “ต้องระวางโทษปรับไมเ่ กินส่พี ันบาท”
มาตรา ๒๗ ให้ยกเลิกอัตราโทษในมาตรา ๑๕๗/๑ วรรคหนึง่ แห่งพระราชบัญญัตจิ ราจร
ทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐
และให้ใช้อตั ราโทษตอ่ ไปน้ีแทน
มาตรา ๑๕๗/๑ วรรคหนึ่ง ... “ตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกินสพี่ ันบาท”
มาตรา ๒๘ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๕๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๕๘/๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๓ (๑) หรือ (๕) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
สามเดือน หรือปรับตั้งแตส่ องพนั บาทถงึ หนงึ่ หม่นื บาท หรอื ทั้งจาทัง้ ปรบั
ผู้ใดขับรถในลักษณะท่ีไม่คานึงถึงความปลอดภัยตามมาตรา ๔๓ (๘) ต้องระวางโทษจาคุก
ไมเ่ กนิ หนง่ึ ปี หรือปรบั ต้งั แตห่ ้าพนั บาทถงึ สองหมน่ื บาท หรอื ทั้งจาท้งั ปรบั ”
มาตรา ๒๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๖๐ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญตั ิจราจรทางบก (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐ และใหใ้ ช้
ความต่อไปนแ้ี ทน
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑๗ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานเุ บกษา
“มาตรา ๑๖๐ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๘ วรรคหน่ึง ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
สามเดอื น หรอื ปรับตงั้ แตส่ องพันบาทถงึ หนง่ึ หมืน่ บาท หรือท้ังจาทงั้ ปรับ
ในกรณีท่ีศาลจะมีคาพิพากษาลงโทษผู้ขบั ขีใ่ นความผิดฐานขับรถโดยประมาทเปน็ เหตใุ ห้บุคคลอน่ื
ถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา ๒๙๑ หรือมาตรา ๓๐๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา
หากปรากฏว่าผู้ขับข่ีไม่ให้การช่วยเหลือตามสมควรหรือไม่แสดงตัวต่อตารวจ ณ สถานที่เกิดเหตุ
ตามมาตรา ๗๘ วรรคหน่ึง ให้ศาลพิพากษาเพ่ิมโทษท่ีจะลงแก่ผู้น้ันอีกก่ึงหน่ึงของโทษท่ีศาลกาหนด
สาหรับความผิดนั้น”
มาตรา ๓๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๖๐ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญตั จิ ราจรทางบก (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ และใหใ้ ช้
ความตอ่ ไปนแี้ ทน
“มาตรา ๑๖๐ ทวิ ผู้ใดฝ่าฝนื มาตรา ๑๓๔ วรรคหนึง่ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ สามเดอื น
หรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงหน่ึงหมื่นบาท หรือท้ังจาทั้งปรับ และให้ศาลส่ังพักใช้ใบอนุญาตขับข่ี
ของผนู้ น้ั มีกาหนดไม่น้อยกว่าสามสิบวัน แต่ไม่เกินหนึง่ รอ้ ยแปดสิบวนั หรอื เพกิ ถอนใบอนุญาตขบั ข่ี
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๓๔/๑ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับต้ังแต่หนึ่งหม่ืนบาท
ถงึ สองหมืน่ บาท หรอื ท้งั จาท้งั ปรบั ”
มาตรา ๓๑ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๖๐ ทวิ/๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๖๐ ทวิ/๑ ในกรณีที่ศาลจะมีคาพิพากษาลงโทษผู้ขับข่ีในความผิดฐานขับรถ
โดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา ๒๙๑ หรือ
มาตรา ๓๐๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และผู้ขับขี่ไดข้ ับรถโดยไม่ไดร้ ับใบอนุญาตขับขี่ หรือขับรถ
ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ หรือถูกยึดใบอนุญาตขับขี่
ให้ศาลพพิ ากษาเพิม่ โทษทีจ่ ะลงแก่ผนู้ ้นั อกี กึง่ หน่ึงของโทษทศี่ าลกาหนดสาหรบั ความผดิ นน้ั ”
มาตรา ๓๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคห้าของมาตรา ๑๖๐ ตรี แห่งพระราชบัญญัติ
จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
“ถ้าผู้กระทาความผิดตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคส่ี เป็นการขับขี่รถยนต์
สาธารณะหรือรถจักรยานยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หรือเป็นการขับข่ีรถที่ใช้
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑๘ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานุเบกษา
ในการขนส่งผู้โดยสารเพื่อสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ผู้กระทาต้องระวางโทษสูงกว่า
ทีก่ าหนดอกี หนึง่ ในสาม”
มาตรา ๓๓ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๖๐ ตรี/๑ มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ และ
มาตรา ๑๖๐ ตรี/๓ แหง่ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๖๐ ตรี/๑ ผู้ใดกระทาความผิดตามมาตรา ๑๖๐ ตรี วรรคหนงึ่ และได้กระทา
ความผิดซ้าอีกภายในสองปีนับแต่วันท่ีกระทาความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี และ
ปรับตงั้ แตห่ า้ หม่นื บาทถึงหน่ึงแสนบาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผนู้ น้ั มกี าหนดไมน่ ้อยกวา่
หนง่ึ ปี หรือเพกิ ถอนใบอนญุ าตขบั ข่ี
มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ ผู้ใดกระทาความผิดตามมาตรา ๑๖๐ ตรี วรรคหน่ึง ถ้าผู้กระทา
ความผิดน้ันขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับข่ี หรือถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ผู้กระทา
ตอ้ งระวางโทษสงู กว่าทีก่ ฎหมายกาหนดสาหรบั ความผิดนั้นอกี หนง่ึ ในสาม
หากกรณีการกระทาผิดตามวรรคหน่ึง เป็นเหตุให้ผู้อ่ืนได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
อันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย ตามมาตรา ๑๖๐ ตรี วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคสี่
ใหศ้ าลพพิ ากษาเพิ่มโทษทจ่ี ะลงแก่ผู้กระทาความผิดอีกกึง่ หนงึ่ ของโทษที่ศาลกาหนดสาหรบั ความผดิ นนั้
มาตรา ๑๖๐ ตรี/๓ ผู้ใดกระทาความผิดตามมาตรา ๑๖๐ ตรี และได้กระทาความผิดซ้าอีก
ภายในสองปนี บั แตว่ ันทีก่ ระทาความผิดคร้งั แรก ใหศ้ าลลงโทษจาคกุ และปรบั ด้วยเสมอ
ความในวรรคหน่ึงมิให้ใช้บังคับกับผู้กระทาความผิดที่มีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่กระทา
ความผดิ ครง้ั หลงั ”
มาตรา ๓๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๖๐ เบญจ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๖๐ เบญจ ในกรณที ี่มีการกระทาการอนั เป็นความผดิ ตามมาตรา ๑๓๔
(๑) หากผู้กระทามีอายุต่ากว่าย่ีสิบปี เจ้าพนักงานผู้มีหน้าท่ีฟ้องผู้ต้องหาอาจมีคาร้อง
ขอต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาวางข้อกาหนดให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ระวังผู้นั้นไม่ใหก้ ระทาความผิด
ฐานแข่งรถในทางซ้าอกี หากศาลเห็นสมควร ใหม้ อี านาจวางขอ้ กาหนดให้บิดา มารดา หรอื ผู้ปกครอง
ระวังผนู้ ้นั ไม่ให้กระทาความผดิ ฐานแข่งรถในทางซา้ อีก ตลอดเวลาท่ีศาลกาหนดซ่ึงต้องไมเ่ กินสามปีและ
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑๙ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานเุ บกษา
กาหนดจานวนเงินตามท่ีเห็นสมควรซึ่งบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง จะต้องชาระต่อศาลไม่เกินครั้งละ
ห้าหมื่นบาท ในเมือ่ ผ้นู น้ั กระทาความผดิ ฐานแขง่ รถในทางซ้าอกี
ถ้าผูน้ ัน้ อาศยั อย่กู ับบคุ คลอนื่ นอกจากบดิ า มารดา หรือผปู้ กครอง และศาลเหน็ วา่ ไมส่ มควร
จะเรียกบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง มาวางข้อกาหนดตามวรรคหน่ึง ศาลจะเรียกตัวบุคคลท่ีผู้น้ันอาศัยอยู่
มาสอบถามว่า จะยอมรับข้อกาหนดทานองที่บัญญัติไว้สาหรับบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ดังกล่าว
หรือไม่ก็ได้ ถ้าบุคคลท่ีผู้น้ันอาศัยอยู่ยอมรับข้อกาหนดเช่นว่านั้น ก็ให้ศาลมีอานาจวางข้อกาหนด
ดงั กล่าว
ในกรณีท่ีศาลวางข้อกาหนดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าผู้นั้นกระทาความผิดฐาน
แข่งรถในทางซา้ อีกภายในระยะเวลาในขอ้ กาหนด ให้นามาตรา ๗๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้
บังคับโดยอนุโลม
(๒) หากผกู้ ระทามีอายุต้งั แตส่ ิบแปดปีขน้ึ ไป เจา้ พนักงานผมู้ ีหน้าท่ฟี ้องผตู้ อ้ งหาอาจมีคาร้อง
ขอต่อศาลเพ่ือให้ศาลพิจารณาสั่งผู้กระทาการดังกล่าวให้ทาทัณฑ์บน หากศาลเห็นสมควรจะส่ังให้ทา
ทัณฑ์บน โดยกาหนดจานวนเงนิ ไม่เกินห้าหม่นื บาทว่าผู้น้ันจะไมก่ ระทาความผิดฐานแขง่ รถในทางซา้ อีก
ตลอดเวลาท่ีศาลกาหนดซ่ึงต้องไม่เกินสองปี และจะสั่งให้มีประกันด้วยหรือไม่ก็ได้ ทั้งน้ี ถ้าผู้ทา
ทัณฑบ์ นกระทาผิดทัณฑบ์ น ให้นามาตรา ๔๗ แหง่ ประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม”
มาตรา ๓๕ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๖๒/๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๑๖๒/๑ ในกรณีที่ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ใหศ้ าลแจง้ คาส่งั ดงั กลา่ วใหน้ ายทะเบยี นตามกฎหมายว่าด้วยรถยนตห์ รอื กฎหมาย
วา่ ดว้ ยการขนส่งทางบก แลว้ แตก่ รณี”
มาตรา ๓๖ มิให้นาบทบัญญัติตามมาตรา ๑๒๓ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึง่ แก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิน้ี มาใชบ้ งั คบั กบั การใชร้ ถยนต์ทไ่ี ม่ต้องมเี ขม็ ขัดนิรภยั
เป็นเคร่ืองอุปกรณ์และส่วนควบ ตามประกาศซ่ึงออกตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๕ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และตามประกาศซ่ึงออกตามกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๗๑
วรรคหนงึ่ แหง่ พระราชบญั ญัติการขนสง่ ทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๒๐ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานุเบกษา
มาตรา ๓๗ บรรดาคาส่ังให้ซ่อมหรือแก้ไขรถตามมาตรา ๑๔๓ หรือคาส่ังระงับการใช้รถนั้น
เปน็ การชวั่ คราวตามมาตรา ๑๔๓ ทวิ แห่งพระราชบัญญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่อี อกไว้กอ่ น
วันท่ีพระราชบัญญัตินใี้ ช้บงั คบั ใหค้ งมีผลใชบ้ ังคับตอ่ ไปจนส้นิ ระยะเวลาตามคาสั่งนนั้ แตต่ ้องไมเ่ กนิ หกเดอื น
นบั แตว่ นั ทพี่ ระราชบญั ญตั นิ ี้ใชบ้ ังคับ
มาตรา ๓๘ บรรดาคาส่ังของเจ้าหน้าที่ที่ได้ออกตามคาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่มีผลใชบ้ งั คับอยู่ในวนั ก่อนวันที่พระราชบัญญัตนิ ี้ใช้บงั คับ ให้มีผลดังตอ่ ไปน้ี
(๑) คาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๒๒/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการในการป้องกัน
และแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือ
สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะท่ีคล้ายกับสถานบริการ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม
พทุ ธศักราช ๒๕๕๘
(ก) คาส่ังเกี่ยวกบั การเกบ็ รกั ษารถเปน็ การช่วั คราว ตามข้อ ๑ วรรคสอง ใหม้ ผี ลบงั คบั ได้
ตอ่ ไปตามคาสัง่ ดังกล่าว แต่ต้องไมเ่ กนิ สามสิบวันนับแตว่ ันทีพ่ ระราชบัญญัตนิ ใี้ ชบ้ ังคบั
(ข) คาส่ังเก่ียวกับการทาทัณฑ์บนหรือวางข้อกาหนด ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่มีการวางเงิน
ประกันหรือไม่ ตามข้อ ๒ วรรคสอง ให้มีผลบังคับได้ต่อไปตามคาสั่งดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินสองปี
นับแต่วนั ท่พี ระราชบัญญัตนิ ใี้ ชบ้ งั คบั
(๒) คาส่ังหัวหนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๔๖/๒๕๕๘ เร่ือง มาตรการแกไ้ ขปญั หา
อนั เกดิ จากการขบั ข่ียานพาหนะ ลงวันที่ ๓๐ ธนั วาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
(ก) คาส่ังเกี่ยวกับการเก็บรักษารถเปน็ การชั่วคราว ตามข้อ ๑ วรรคสอง (๒) ให้มีผล
บงั คับได้ต่อไปตามคาสง่ั ดังกลา่ ว แตต่ อ้ งไมเ่ กนิ สามสบิ วนั นับแตว่ นั ทพ่ี ระราชบญั ญัตนิ ี้ใช้บงั คบั
(ข) คาส่ังเกี่ยวกับการยึดใบอนุญาตขับขี่ ตามข้อ ๑ วรรคสอง (๑) ให้มีผล
บังคับได้ตอ่ ไปตามคาสั่งดงั กลา่ ว แต่ต้องไมเ่ กินสามสบิ วนั นับแต่วนั ที่พระราชบญั ญตั ินีใ้ ช้บังคบั
(ค) คาสั่งเกี่ยวกับการอบรมความประพฤติของผู้ขับข่ี ตามข้อ ๑ วรรคสอง (๓)
ใหม้ ีผลบงั คบั ได้ต่อไปตามคาสัง่ ดังกล่าว แตต่ ้องไม่เกินสบิ หา้ วนั นับแต่วนั ทพี่ ระราชบัญญัติน้ใี ช้บังคับ
(ง) คาสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งทางบกหรือคาสั่งปิดกิจการขนส่งทางบก
เป็นการชวั่ คราว ตามขอ้ ๓ ให้มีผลบังคบั ได้ตอ่ ไปตามคาสั่งดงั กล่าว แต่ต้องไมเ่ กินสบิ ห้าวนั นบั แตว่ นั ท่ี
พระราชบญั ญตั ินีใ้ ช้บังคับ
เล่ม ๑๓๙ ตอนท่ี ๒๘ ก หน้า ๒๑ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกจิ จานุเบกษา
มาตรา ๓๙ บรรดาข้อบังคับ ข้อกาหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ หรือคาสั่งใดท่ีออก
ตามพระราชบญั ญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่ีใช้บงั คับอยู่ในวนั ก่อนวนั ทพ่ี ระราชบญั ญัตินี้ใช้บังคับ
ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติน้ี จนกว่าจะมีข้อบังคับ ข้อกาหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ
หรือคาสง่ั ทีอ่ อกตามพระราชบัญญตั ิจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ินี้
ใชบ้ ังคบั
มาตรา ๔๐ การออกข้อบังคับ ข้อกาหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ หรือคาสั่ง
ตามมาตรา ๔๓ (๙) มาตรา ๔๓ ทวิ/๑ มาตรา ๑๒๓ มาตรา ๑๒๓/๑ มาตรา ๑๒๓/๓
มาตรา ๑๔๓ และมาตรา ๑๔๓/๑ แหง่ พระราชบัญญตั ิจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพมิ่ เติม
โดยพระราชบญั ญตั ิน้ี ใหด้ าเนินการใหแ้ ล้วเสร็จภายในเก้าสบิ วนั นบั แตว่ ันท่ีพระราชบญั ญตั ินใ้ี ชบ้ งั คบั
มาตรา ๔๑ ใหน้ ายกรฐั มนตรรี กั ษาการตามพระราชบัญญตั นิ ี้
ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา
นายกรฐั มนตรี
เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๒๒ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานเุ บกษา
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีในปัจจุบันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
ของประเทศมีสาเหตุส่วนหน่ึงมาจากการท่ีผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เก่ียวกับความปลอดภัย
ในการจราจรทางบก ประกอบกับพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว
บทบัญญัติบางประการแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุง
มาตรการกฎหมายเพื่อใหส้ อดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในการใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภยั และให้การป้องกัน
การกระทาความผิดมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น ท้ังในเร่ืองการใช้ช่องเดินรถ ลักษณะความผิดในการขับรถ
การตรวจสอบหรือทดสอบผู้ขบั ข่ี หน้าทกี่ ารใชเ้ ข็มขดั นิรภยั การปอ้ งกันการแขง่ รถในทางโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต
และการควบคุมการใช้รถที่มีสภาพไม่ถูกต้อง รวมทั้งปรับปรุงบทกาหนดโทษให้มีความเหมาะสม ซึ่งจะเป็น
การลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและส่งเสริมให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการจราจรทางบก
จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบัญญัติน้ี