The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แหล่งเรียนรู้บอนสี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แหล่งเรียนรู้บอนสี

แหล่งเรียนรู้บอนสี

Keywords: บอนสี



แหลงเรยี นร ู

การเลี้ยงบอนสี 

สถาบนั พัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยภาคตะวนั ออก 
สาํ นักงานสงเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั  
สาํ นักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ 

กระทรวงศกึ ษาธิการ



แหลงเรียนรู 

การเลยี้ งบอนสี 

สถาบันพฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยภาคตะวนั ออก 
สํานักงานสงเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั  
สาํ นักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 

กระทรวงศึกษาธิการ



คาํ นาํ

แหลง เรียนรูเปนสถานท่ีสงเสริมใหประชาชนไดมีการเรียนรูตลอดชีวิต ทั่วถึงทุกชุมชนอยาง 
แทจริง  สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย  สํานักงานปลัดกระทรวง 
ศกึ ษาธิการ ไดมีนโยบายใหสํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด 
กํากับดูแลศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอ  ใหจัดตั้งแหลงเรียนรู  เพ่ือ 
ใหบ รกิ ารประชาชนในพื้นทไี่ ดอ ยา งทั่วถงึ และมีคุณภาพ 

ศนู ยก ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอบานโพธิ์  ไดจัดทําแหลงเรียนรูข้ึน 
เพื่อใหสอดคลองกับนโยบายและยุทธศาสตรการจัดการศึกษานอกโรงเรียนและแผนบูรณาการของ 
อําเภอบานโพธ์ิ โดยมุงหมายใหบริการประชาชนในดา นการจดั การศึกษานอกระบบโรงเรียน การศึกษา 
ตามอธั ยาศยั  ในการจัดการศกึ ษาพืน้ ฐาน การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ 
ชวี ติ  การศกึ ษาเพอื่ พัฒนาชมุ ชนและสงั คม ใหบ รรลผุ ลสง เสรมิ การเรยี นรตู ลอดชวี ติ  แกประชาชนอยา งม ี
คุณภาพ ท่ัวถึงทกุ ชุมชนอยางแทจริง 

สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคตะวันออก  ไดนําเนื้อหา 
แหลงเรยี นรูการเลี้ยงบอนส ี ซ่งึ ศูนยการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาํ เภอบา นโพธิ์  จดั ทํา 
เปน สอื่ เอกสารและสื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส  เผยแพรผ านระบบเครอื ขายอนิ เตอรเนต็ ทางเว็บไซตคลงั หลกั สูตร 
ของสถาบัน กศน. ภาคตะวันออก  เพ่ือใหประชาชนที่สนใจไดศึกษาดวยตนเอง ซ่ึงเปนการสนับสนุน 
การศึกษาตามอธั ยาศยั ตอไป 

สถาบนั   กศน. ภาคตะวนั ออก 
กรกฎาคม  2551 



สารบญั

หนา 

คาํ นํา 
ประวตั คิ วามเปน มา......................................................................................................................1 
การบริหารการจัดการ ..................................................................................................................2 
เทคนคิ การปลูกบอนสเี พอ่ื การสงออก .........................................................................................5 
ภมู ิปญญาแหลงเรยี นรูชมุ ชน........................................................................................................7 
หลักสูตรวชิ า การขยายพันธบุ อนสี..............................................................................................8 
การปลูกเลย้ี ง ................................................................................................................................11 
การผสมเกสรบอนสี ..................................................................................................................... 15 
องคความรบู อนสี.........................................................................................................................16 
การปลูกเลีย้ งและการดูแลรกั ษา...................................................................................................20 
การขยายพันธุ ............................................................................................................................... 21 
การผสมพันธุ................................................................................................................................ 23 
โรคท่ีเก่ียวกบั บอนสี.....................................................................................................................24 
กรประกวดบอนสี ........................................................................................................................26 
หลกั เกณฑก ารใหค ะแนน.............................................................................................................28 
บอนสีราชนิ ีแหง ไมใบ .................................................................................................................30 
รายการอางอิง ............................................................................................................................... 47 



การเลี้ยงบอนส ี

แหลง เรียนรูชุมชน  ศนู ยว ิสาหกิจชมุ ชนบอนสี 

เลขที ่ 27/1  หมูท ่ี 1  ตาํ บลเทพราช  อําเภอบานโพธิ์  จังหวดั ฉะเชงิ เทรา รหัสไปรษณีย  24140 
โทรศพั ท  086-1384961 

ประวัตคิ วามเปนมา 
วสิ าหกิจชมุ ชน หมบู า นเทพราชบอนสี เฉลมิ พระเกียรต ิ ครองสริ ิราชสมบตั คิ รบ 60 ป เกษตรกร 

ในหมทู ่ี 1 ตาํ บลเทพราช อาํ เภอบา นโพธิ ์ จังหวัดฉะเชงิ เทรา ประกอบอาชีพเลี้ยงกุงและเลี้ยงไก ประสบ 
ปญหาเรื่อง ราคากุง ตกต่าํ  และไกเปน โรคไขหวดั นกระบาด แรงงานประกอบอาชพี หายากข้ึน กอปรกับ 
ในป พ.ศ. 2548  รัฐบาลมโี ครงการหมูบาน SML โดยทางอําเภอไดแจงกบั ทางผใู หญบา น (คุณทวีศักด ์ิ
นอ ยเจรญิ ) ใหป ระชุมปรกึ ษากับ สมาชิกในหมูบา นจัดทาํ โครงการสง เสรมิ อาชพี  

ในท่ีประชุม คุณมนตร ี เทยี นขาว กรรมการสมาคมบอนสีแหง ประเทศไทย ไดนาํ เสนอโครงการ 
หมูบานบอนสีเพอื่ เปนกิจกรรมสงเสริมอาชีพใหแ กเกษตรกรในหมูบา น ซงึ่ คณุ มนตรไี ดดูงานท่ีหมูบาน 
บอนสีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจาสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหา 
มงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ  12 สงิ หาคม 2547 อาํ เภอไทรนอ ย จังหวดั นนทบรุ  ี

คุณมนตรี จึงไดนําเสนอโครงการหมูบานบอนสีฯ  พรอมทั้งช้ีแจงแนวคิด ใหคําแนะนํา 
คําปรึกษาแกสมาชิก 33 คน โดยการช้ีแจงผูเขียนเนนเร่ืองคนเปนอันดับแรก  คนในหมูบานท่ีจะรวม 
ดาํ เนนิ การจะตอ งมกี ารรวมกลุมกนั  เพื่อรวมกันคดิ รว มกันรบั ฟง ขอ มลู  รวมกนั ปฏิบตั  ิ อีกท้ังตอ งมีความ 
ซ่อื สัตย และความเสียสละ เพื่อสวนรวม ในการทาํ กจิ กรรมรวมกัน  อันดับท่ีสอง การจัดสรางโรงเรือน 
ทํากิจกรรมแบบพอเพียง และวิธีการปลูกเลี้ยงบอนสีเปนอันดับสุดทาย นอกจากน้ัน  ยังใหคําปรึกษา 
แนวคิดการจัดทาํ เปน โรงเรือนบอนสี เปนโรงเรือนที่รวบรวมสายพันธุบอนสีที่พรอมจะขาย และปรับ 
ภมู ทิ ัศนเ พอ่ื ใหเปนแหลง ทองเที่ยวเชงิ เกษตร ซงึ่ จะนาํ รายไดเขา สชู มุ ชนได



หมูบานเทพราชบอนสีฯ มีกิจกรรมในการผลิตบอนสีเพ่ือการคา  การปลูกเลี้ยง  และ 
ประชาสัมพันธสวนใหญ จะผลิตเปนไมกระถาง ตนบอนสีขนาดกระถาง 4 นิ้ว ราคา 35 บาท และตน 
บอนสีขนาดกระถาง 8 นิ้ว ราคา 60-80 บาท นอกจากนั้น โรงเรือนบอนสีหมูบานเทพราชบอนสีฯ ยัง 
เปนศนู ยก ารเรียนรบู อนสใี หแกนักเรยี น นักศึกษา เกษตรกรผสู นใจจากการดําเนินงานของหมูบานเทพ 
ราชบอนสีฯ  เปนการเพิ่มวิถีชีวิตของคนเลี้ยงกุง เล้ียงไก ซึ่งมีรายไดมาก  มาปลูกเล้ียงบอนสีเพื่อเปน 
รายไดเ สรมิ แตผ ลลัพธทีไ่ ดข องคนในหมูบานทเี่ ปน คนสงู วัย จะมคี วามสุขกาย สุขใจ ท่ีไดชมความงาม 
ของใบบอนสีในโรงเรือน แลวยงั ผลติ ขยายพันธุเปน ไมกระถาง จาํ หนายเปน รายไดเ สริม ซ่ึงประมาณวา 
เกษตรกรในหมบู านมีรายไดเสริมไมต่ํากวา 5,000 บาท ตอเดือน 

การนําส่ิงแวดลอ มมาใชป ระโยชน 
มโี รงเรือนบอนสีตั้งอยูในพน้ื ที่ 100 ตารางวา ทป่ี รับภูมิทัศนเพื่อแสดงสายพันธุบอนสี ที่ไดรับ 

การพฒั นาปรบั ปรงุ สายพันธุสวนใหญจากสมาชิกของสมาคมบอนสีแหงประเทศไทย และผูปลูกเลี้ยง 
ท่วั ไป โดยโรงเรือนมีสถานท่ีต้ัง เลขท่ี 14/1 หมูท่ี 1 ตําบลเทพราช อําเภอบานโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 
24140 โทร. (086) 138-4961, (081) 761-6060  โดยหมูบานอยูใกลกับแหลงทองเที่ยวอ่ืนๆ ไมเกิน 20 
กิโลเมตร เชน ตลาดเกาคลองสาน 100 ป ตําบลเทพราช อําเภอบานโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา วัดหลวง 
พอ โสธร อาํ เภอเมอื ง จังหวัดฉะเชิงเทรา แหลง ทองเท่ียวชมปลาโลมา อาํ เภอบางปะกง 

การบริหารจดั การ 

การบรหิ ารงานของหมูบานเทพราชบอนสีฯ ประกอบดว ยคณะกรรมการดําเนินงาน 

จาํ นวน 15 คน  ตาํ แหนง หลัก  5  ตําแหนง   ไดแก 

คณุ สายหยุด  นอยเจริญ  ประธาน 

คุณวีระพันธ  หัตถโชติ  รองประธาน 

คณุ วเิ ชียร  พว งภ ู เลขานกุ าร 

คณุ กกึ กอง  ชมภมร  เหรัญญิก 

คุณมนตร ี เทยี นขาว  ประชาสัมพันธ 

และกรรมการอีก 10 ตําแหนง



ดาํ เนนิ การตามแนวพระราชดํารัส “ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง” 
อันดบั แรก คนในหมูบา นท่ีจะรว มดําเนนิ การจะตองมีการรวมกลุมกัน เพ่ือรวมกันคิด รวมกัน 

รับฟง ขอ มลู  รวมกนั ปฏิบัต ิ อีกทงั้ ตองมคี วามซื่อสัตย และความเสียสละ เพ่ือสว นรวม ในการทาํ กจิ กรรม 
รวมกนั  

อันดับท่ีสอง การจัดสรางโรงเรือน  ทํากิจกรรมแบบพอเพียง และวิธีการปลูกเลี้ยงบอนสีเปน 
อันดบั สุดทา ย 

นอกจากนน้ั ยงั ใหค าํ ปรึกษาแนวคิดการจัดทาํ เปนโรงเรือนบอนสี เปนโรงเรือนท่ีรวบรวมสาย 
พันธุบอนสที ี่พรอม จะขาย และปรับภูมิทศั นเพอ่ื ใหเปนแหลงทองเที่ยวเชิงเกษตร ซ่ึงจะนํารายไดเขาสู 
ชมุ ชนได 

สรา งอาชพี  
ราชินีแหง ไมใบ เปนสมญานามท่ผี คู นทวั่ โลก ไดมอบใหกับพนั ธไุ มท ่ีคนไทยเราเรยี กขานกนั วา 

บอนสี มนตเสนหแหงความงามท่ีไมเสื่อมคลายของสีสันและรูปทรงของใบบอน ไดทําใหไมประดับ 
ชนดิ น ้ี ยังไดร บั ความนยิ มจากผูคนมาโดยตลอด ทง้ั ในประเทศไทยและตางประเทศ บอนสี ในวันนี้ไม 
เปนเพียงไมประดับแสนสวยของผูนิยมเทานั้น  แตยังเปนพรรณพืชท่ีสมเด็จพระนางเจาฯ 
พระบรมราชินนี าถ ไดม พี ระราชเสาวนียเ มอ่ื คร้ังเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปยังพระตําหนักทักษิณราช 
นิเวศน  จังหวัดนราธิวาส เพื่อทรงงานและเสด็จฯ ทรงเย่ียมพสกนิกรในพ้ืนท่ีภาคใต ชวงป 2542  ให 
จงั หวัดนราธิวาส ซึ่งมีบอนสีเกิดขึ้นตามธรรมชาติอยางมากมายใหเปนแหลงอนุรักษ และปลูกบอนส ี
เพ่ือการคา  เพื่อเสริมสรางรายไดใหกับประชาชนในพื้นที่จากพระราชเสาวนียขององคผูเปนแมแหง 
แผน ดิน กรมสงเสริมการเกษตร ในฐานะเปน หนว ยงานทีก่ ํากบั ดแู ลเกี่ยวกบั เรื่องของการสงเสริม จึงได 
ดาํ เนนิ การสง เสริมใหเกิดการรวมกลุม เพื่อปลูกบอนสีจําหนาย นับตั้งแตนั้นมาจนถึงวันนี้ การสงเสริม 
การปลูกบอนสไี ดเ ปน อีกแผนงานหนง่ึ ทีห่ นว ยงานในสังกดั กรมสงเสรมิ การเกษตร คอื ศูนยส ง เสรมิ และ 
พัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา (พืชสวน)  ไดนํามาขยายผลและดําเนินการสงเสริมให 
ประชาชนในหมูบ านบรวิ ารของศนู ยศ กึ ษาการพัฒนาเขาหินซอน อันเนื่องมาจากพระราชดําริ และพื้นท ่ี
ใกลเ คยี งไดเกดิ อาชพี การปลกู บอนสีจําหนา ยทางศูนยไดจัดทาํ ศนู ยสาธติ การปลูกบอนสีข้ึนในพื้นท่ีเขา 
หินซอน  โดยรวบรวมสายพันธุบอนสีท่ีมีอยูในเมืองไทย ทั้งท่ีเปนพันธุไทยกวา 10  ชนิด  และพันธ ุ
ลกู ผสมกวา 70 ชนิด มาปลกู เลี้ยงไวเพ่ือเปน ตัวอยางและเปนแหลงศึกษาดูงานเก่ียวกับเทคนิคการปลูก 
การดูแลใหกบั ประชาชนทีส่ นใจ และทก่ี ําลงั ดําเนนิ การอยคู ือ การจัดพื้นทส่ี าธิตการปลูกบอนสีเพ่ือเก็บ 
หวั ในแปลง ซง่ึ ขณะนอ้ี ยูร ะหวางการปรบั พืน้ ท่ี 

"บอนสี ถือเปน พชื เดนอีกชนิดหน่งึ ของทางศูนยนอกเหนือจากเกษตรอินทรีย และการรวบรวม 
พนั ธุมะมวงในประเทศไทย สําหรับการปลูกบอนสีไดเร่ิมดําเนินการมาตั้งแตในปงบประมาณ 2547" 
นายคนึง กลับกลาย ผูอํานวยการศนู ยส ง เสรมิ และพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา (พืชสวน)



กลา วในระหวางการนําเย่ียมชมการปลูกบอนสภี ายในศูนยสาธิตที่จัดสรางขึ้น "แตละปนั้นเราตองผลิต 
บอนสเี พอ่ื สง ใหกบั ทางกรมสงเสรมิ การเกษตรไปใชใ นกิจกรรมตา งๆ ประมาณ 20,000 กระถาง รวมท้ัง 
การปลูกเพ่อื สาธิตและจาํ หนายใหกับเกษตรกร  ที่สนใจเกี่ยวกับการปลูกเลี้ยงบอนสีดวย ซ่ึงผูสนใจ 
สามารถท่จี ะเดินทางมาเยยี่ มชมการปลูกไดตลอดท้ังป"  

ทางศูนยไดมีโครงการจัดอบรมเกี่ยวกับการปลูกเล้ียงบอนสีใหกับประชาชนท่ีสนใจมาอยาง 
ตอเนอื่ ง จนปจ จบุ นั ไดมกี ลมุ เกษตรกรในเขตอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา รวมกันจดั ตงั้ เปนกลุมผูปลูกบอนสี 
เพอ่ื ผลิตหวั บอน จําหนายสงไปยังตลาดตางประเทศแลว "หากสนใจขอเพียงใหติดตอมาหาเรา หากอยู 
ในพ้นื ทขี่ องจังหวัดฉะเชิงเทรา แตหากเปนพื้นท่ีในเขตจังหวัดอ่ืน ขอใหประสานกับเจาหนาท่ีเกษตร 
ตําบลหรอื อําเภอกอน ใหติดตอ ประสานมายงั ทางศนู ย โดยรวมกันมาเปน กลุมตั้งแต 5 คน ข้ึนไป เราจะ 
จัดอบรมใหความรูจนสามารถนําไปปลูกเปนอาชพี ได" 

ในการอบรมเกยี่ วกบั เร่ืองของบอนสีนั้น นอกเหนือจากการรูจักสายพันธุบอนสีแลว ยังเนนท่ี 
การขยายพันธเุ ปนหลัก โดยใชระยะเวลาในการอบรมประมาณ 1 วัน "วันน้ีบอนสีถือเปนไมประดับที่ 
สามารถสรางรายไดใหกับเกษตรกรได  โดยเฉพาะการปลูกเพื่อเก็บหัวบอนสีสงจําหนายตลาด 
ตางประเทศ ซึง่ ขณะน้ีเกษตรกรหลายรายหลายกลุมไดดําเนินการปลูกเพ่ือจําหนาย โดยปริมาณการสง 
ตัง้ แต 20,000 หวั  ขึ้นไป" 

บอนสีนั้น  ถือเปนไมประดับท่ีใหความสวยงามอยางมาก  ทางศูนยจึงเนนในการปลูกสาธิต 
เพ่ือใหผสู นใจ  ไดรูจ ักทัง้ สายพนั ธุและการนําไปใชประโยชน โดยเฉพาะการปลูกตดั ใบจาํ หนาย ท่ีบอน 
สีหลายสายพนั ธุมขี อ เดน  ในเรื่องความคงทนของใบ "อยางพันธุยุทธหัตถี ใบมีความสวยงาม อายุการ 
ใชงานสามารถอยไู ดน านถึง 2 อาทติ ย"   คุณจริ าภรณ  กาญจนเกตุ นักวิชาการเกษตร ผูรับผิดชอบดูแล 
แปลงปลกู บอนสไี ดก ลาวใหฟ ง และกลาวอกี วา  "ที่เราผลิตอยูทุกวันนี้ หากเปดจําหนายกันจริงๆ ก็ไม 
พอขาย เพราะเกษตรกรท่ีมาเย่ียมชมงานน้ัน เม่ือมาเห็นแลวจะสนใจและตองการซื้อสายพันธุกลับไป 
ปลกู กันมากทเี ดยี ว"  แตส ิง่ ท่สี ําคญั ในการปลูกเลยี้ งบอนสนี ั้น  คอื  ความชื้น โดยทางศนู ยแ นะนําวา ควร 
ต้งั กระถางปลูกบอนสีไวใ นภาชนะท่ีเกบ็ นาํ้ ได อยางถาดรองหรอื กระถางพลาสตกิ  โดยใสนา้ํ ระดบั 1 ใน 
3 ของกระถางปลกู ซึ่งจะเปน วิธีท่ที าํ ใหบ อนสมี ีความสวยงามและไมท ิ้งใบ 

สําหรับศูนยส าธิตการปลกู บอนสี จะเปด ใหผูส นใจไดเขาเยย่ี มไดต ลอดเวลา โดยคุณจิราภรณจะ 
คอยอธบิ ายและใหคาํ แนะนาํ แกผ ูสนใจ ทกุ เร่อื งราวเกี่ยวกับบอนสี พรอมทั้งยังสามารถเลือกซ้ือบอนสี 
สายพนั ธตุ างๆ ไดใ นราคาที่ยอ มเยา โดยมีตั้งแตกระถางขนาด 4 นิ้ว ขึ้นไป เพ่ือนําไปปลูกเล้ียงประดับ 
โตะทํางานหรือจดั เปน สวนหยอ มเลก็ ๆ บริเวณมุมบา น



เทคนคิ การปลูกบอนสเี พอ่ื การสงออก 

ขอ แนะนําเกย่ี วกับการผลติ หัวบอนสีเพื่อการสง ออก  หวั บอนสคี วรมขี นาดเสนผาศูนยกลางหัว 
ตง้ั แต 2 เซนติเมตร ข้ึนไป จึงจําเปนท่ีจะตองปลูกตนบอนสีลงดินนาน 7 เดือน เพื่อจะไดหัวที่มีขนาด 
ใหญ โดยแบง ขนั้ ตอนออกเปน 3 ขน้ั ตอน ดงั นี ้

1.  สําหรบั การเตรียมพื้นท่ปี ลกู ควรเตรียมในชวงเดือนเมษายน ดินท่ีปลกู ควรเปนดินรวนปน 
ทรายมีการระบายนาํ้ ดี และดนิ ควรมีคา ความเปนกรด-ดาง ประมาณ 6.5 -7.0 ในการเตรยี มพืน้ ที่น้ัน ควร 
เก็บซากพืชในแปลงแลวเผาทิ้ง จากนั้นไถดินและตากดินไวนานประมาณ 30 วัน จึงไถและคราดเก็บ 
วัชพชื ออกจากแปลง จากนนั้ ใชยเู รียผสมปูนขาว ในอตั ราสวน 1 ตอ 10 หรือประมาณ 880 กิโลกรัม ตอ 
ไร  หวานใสด ินกอนไถครัง้ ที่ 2 แลว จึงไถพรวนยกแปลงสูง 30 เซนติเมตร กวาง 1.2 เมตร เวนชองทาง 
เดนิ ประมาณ 0.5 เมตร ยอ ยหนา ดนิ พรอมผสมใบไมผุหรือแกลบดิบเกา  

2.  การกําหนดระยะปลูก ประมาณ 30x30 เซนติเมตร จํานวนตนพันธุ ประมาณ 10,000 ตน 
ตอไร  สว นการปลกู ลงแปลงในชว งตนเดือนพฤษภาคม กรณีทีห่ วั บอนสมี ีขนาดเสนผาศูนยกลางตั้งแต 
1  น้ิว ข้ึนไป สามารถนําหัวมาผาเปน  4-6  ชิ้น ลางนํ้าแลวแชนํ้ายาฆาเช้ือรา  ลงปลูกในแปลงไดเลย 
แตกรณีทห่ี วั บอนสมี ขี นาดเสนผาศนู ยกลางนอยกวา 2 เซนติเมตร ใหนําหัวบอนมาผาแลวปลูกเลี้ยงให 
ไดตน พนั ธ ุ จนมีอายุประมาณ 45 วนั จึงนาํ ตน กลามาลงปลูก สําหรบั หลมุ ปลูกควรรองกนหลุมดวยฟูรา 
ดาน กดดินใหแ นน บรเิ วณโคนตน ใชฟางแหงคลุมหนา ดนิ  และในระยะปลกู ใหม ควรใหนา้ํ เชา-เย็น จน 
บอนสีเจรญิ เตบิ โตไดด  ี

3.  หลังจากปลูกแลว ประมาณ 1 เดือน หรอื ประมาณเดือนมิถุนายน ใหใสปุยเคมีอีกคร้ัง โดย 
ใชปุยสูตร 15-15-15  อัตรา 50  กิโลกรัม ตอไร ใสรอบโคนตน อยาใหถูกตน  เพราะจะทําใหตนไหม 
หลังจากน้นั  ในเดือนถัดไปใหใสปุย สูตร 13-21-21 อัตรา 50 กิโลกรัม ตอไร เดือนละ1 คร้ัง จํานวน 3 
คร้ัง คอื ในเดือนกรกฎาคม สงิ หาคม และกนั ยายน และเมื่อถึงเดอื นตลุ าคมไมตองใสปุยอีก เนื่องจากตน 
บอนสีจะเริ่ม  พักตัว  ทั้งนี้ ในชวงเดือนตุลาคม  ซึ่งเร่ิมเขาสูฤดูหนาว ตนบอนสีจะเริ่มพักตัว โดยจะ 
คอยๆ ทิ้งใบ ใบจะเหลือง จนไมมใี บเหลอื  ชวงที่ตนบอนสีเขาสกู ารพักตัว ควรงดการใหน ํา้ และขุดหวั มา 
ลางทาํ ความสะอาด ชุบดวยสารเคมีปองกันเชื้อรา ผึ่งท้ิงไวใหแหงแลวจึงเก็บใสภาชนะ เชน ถุง กลอง 
หรือตะกรา ที่มีการระบายอากาศหรือถามหี องเยน็ ควรเกบ็ ไวท ่อี ุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส เพ่ือ 
รอการจาํ หนา ยตอ ไป  สว นเรือ่ งการจําหนายบอนสีน้ัน ปจจุบันการผลิตหัวบอนสีสวนใหญจะสงออก 
ตางประเทศ ตนบอนสีทง่ี อกจากหวั บอนสจี ะทําใหต น แขง็ แรงสามารถปลูกเปนไมประดับกระถางและ 
งายตอ การดูแลรักษา



เปนแหลง ศกึ ษาดงู าน 
โรงเรอื นบอนสหี มูบ านเทพราชบอนสีฯ ยังเปนศูนยการเรียนรูบอนสีใหแกนักเรียน นักศึกษา 

เกษตรกรผูสนใจ โดยป พ.ศ.  2550  อธิบดีกรมสงเสริมการเกษตร คุณทรงศักด์ิ วงศภูมิวัฒน  ได 
มอบหมายใหเ ปน ทปี่ รึกษาอธบิ ดกี รมสงเสริมการเกษตร คุณวารินทร บุษบรรณ รวมกับเกษตรจังหวัด 
ฉะเชงิ เทรา คุณอภชิ าต ิ กาญจนโอภาส ใหห มูบา นเทพราชบอนสฯี เปน ศูนยการเรียนรูบอนสี ใหแกเด็ก 
นกั เรียน จาํ นวน 60 คน ของโรงเรยี นตาํ รวจตระเวนชายแดนบานนายยาว และโรงเรียนตํารวจตระเวน 
ชายแดนบา นนาอสี าน ตาํ บลสนามชยั เขต อําเภอสนามชยั เขต จังหวดั ฉะเชิงเทรา โดยมีคุณสายหยดุ  นอ ย 
เจรญิ ประธานวสิ าหกจิ ชมุ ชนหมบู านฯ เปนวิทยากรบรรยาย ตลอดจนรวมสนบั สนุนตนบอนสี ตูบอนส ี
เพิ่มเตมิ ใหก บั โรงเรยี นตาํ รวจตระเวนชายแดนบา นนายยาว และโรงเรยี นตํารวจตระเวนชายแดนบานนา 
อีสาน 

เพ่ิมรายได / มพี อใช / สงเสริมเกอื้ กลู ญาติมิตร 
จากการดําเนินงานของหมบู านเทพราชบอนสีฯ เปนการเพิม่ วิถชี วี ติ ของคนเลี้ยงกงุ  เล้ยี งไก ซ่ึงม ี

รายไดม าก มาปลูกเล้ยี งบอนสเี พ่ือเปนรายไดเสรมิ แตผลลัพธท ่ีไดของคนในหมบู านท่ีเปน คนสงู วัย จะมี 
ความสุขกาย สุขใจ ท่ีไดชมความงามของใบบอนสีในโรงเรือน แลวยังผลิตขยายพันธุเปนไมกระถาง 
จําหนายเปน รายไดเ สริม  ซ่ึงประมาณวา เกษตรกรในหมูบา นมีรายไดเสริมไมตํ่ากวา 5,000 บาท ตอ เดอื น



ภูมปิ ญ ญาแหลง การเรียนรูชมุ ชน 

ช่ือ นายมนตรี นามสกลุ   เทยี นขาว  เกดิ วันท ี่ 10  เดือน มิถนุ ายน  พ.ศ.2493  อายุ  58  ป 
อาชีพ  เกษตรกรรม 
สญั ชาตไิ ทย  เชื้อชาติไทย   สถานภาพ  สมรส  คูส มรสชื่อ นางประภา เทยี นขาว  บตุ ร 2 คน 
อยบู านเลขท ี่ 27/1 หมูที ่ 1 ตําบลเทพราช  อําเภอบานโพธ์ิ จังหวัดฉะเชิงเทรา  รหัสไปรษณีย  24140 
โทรศัพท  086-1384961 วฒุ กิ ารศึกษา  ม.ศ.6  พาณชิ ยการเชตุพน กรงุ เทพฯ 
สถานทีป่ ระกอบอาชพี  
ชอ่ื สํานกั งาน  ศนู ยก ารเรยี นรูวิสาหกจิ ชุมชนบอนสี 
ตั้งอยูเลขที่ 27 หมูท่ี  1 ตําบล เทพราช  อําเภอบานโพธ์ิ   จังหวัดฉะเชิงเทรา  รหัสไปรษณีย  24140 
โทรศพั ท  086-1384961 
เปน วทิ ยากรใหความรเู รอื่ ง  การเพาะปลูก เลย้ี ง บอนสี 
ประวตั กิ ารเผยแพรความรทู ี่มอี ยแู กส าธารณะ 

1.  โครงการเพาะปลกู เลีย้ งบอนสี ศูนยการศึกษาเพ่อื การพัฒนาอันเน่อื งมาจากพระราชดําริเขา 
หนิ ซอน 

2.  ศูนยการเรยี นรูว ิสาหกจิ ชุมชน ตาํ บลเทพราช 
3.  ใหค วามรูเกีย่ วกับสมาชกิ สหกรณ ณ โรงแรมมารวย กรงุ เทพฯ 
ความสามารถพิเศษอนื่ ๆ 
1.  การเลี้ยงไกแจ 
2.  การเพาะปลกู ไมด อก-ไมป ระดับ และไมผ ล 
3.  ชา งไม



หลกั สตู รวิชา  การขยายพันธุบ อนส ี

การขยายพนั ธุบอนสีทน่ี ยิ มทํากนั ในปจจุบนั สามารถแยกออกเปน 4 วิธ ี ดงั น้ี 
1.  การเพาะเมลด็ คือ การนําเมลด็ ทไ่ี ดจากการผสมเกสรมาเพาะปลูก ซึ่งวธิ กี ารนี้จะทําใหไดบอนสีสาย 
พนั ธใุ หมๆเกิดขน้ึ จํานวนมาก 

ดอกบอนที่พรอมผสม  ดอกบอนทผ่ี สมติดแลว 

ตนกลา จากการเพาะเมล็ด



2.  การผา หวั บอนสี คือ การนาํ หัวบอนสที ม่ี ลี ักษณะสมบูรณไมมีโรคมาลางนํ้าเพ่ือทําความสะอาดโดย 
ใชแ ปรงสฟี น ขดั เบาๆ จากนั้นตัดรากออกใหหมด แลวนํามาผึ่งลมไวในที่รมประมาณ 20-30 นาที เพอ่ื ให 
หวั บอนน่มิ เวลาผาหัวจะไมแขง็ การผา ควรผา จากดา นบนลงมาดานลางคลายการตดั เคก็ ชิ้นบอนท่ีไดจะ 
มีลักษณะคลายกับช้ินแตงโม จากน้นั จึงนํามาห่นั ตามขวางอกี คร้ัง หลงั การผาเสร็จแลวใหนําช้ินบอนมา 
ใสใ นภาชนะเพ่ือนาํ ไปลางยางใหหมด การลางไมควรสัมผัสกับชิ้นบอนโดยตรงเพราะจะทําใหมือเกิด 
อาการคันอันเนอ่ื งมาจากยางที่อยูในน้าํ ควรใชไมเ ล็กๆท่ีสะอาดคนเบาๆแลวเทนํ้าท้ิง ทําเชนน้ีประมาณ 
2-3  คร้ังหรือดูวาช้ินบอนหมดยางแลว  เมื่อลางเสร็จนําช้ินบอนไปแชน้ําปูนแดงหรือน้ํายาฆาเชื้อรา 
ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นนําขนึ้ ผง่ึ ลมใหแ หง  แลวจึงยายชิน้ บอนลงเพาะในกระบะเพาะชาํ จากนน้ั ปด  
ฝาหรอื ใชพ ลาสติกคลมุ กระบะใหมดิ ชิดเพ่อื ควบคมุ ความชนื้  

การเตรยี มหัวบอนสี  การห่นั ชิน้ บอนสี 

การชาํ ชนิ้ บอนสี

10 

3.  การแยกหนอ บอน คือ การแยกตน ใหมท ี่เกิดขึน้ จากตนบอนเดิม เนื่องจากวาตนบอนที่มีอายุตั้งแต 4 
เดอื นขน้ึ ไปจะมหี นอ ใหมแ ทงข้นึ มา ซ่งึ บางครัง้ อาจจะปรากฏ 2-3 หนอ ทําการแยกหนอโดยใชมีดคมๆ 
และบางตัดเอาหนอ ออกจากตน เดมิ ใชป นู แดงทาบริเวณทตี่ ัดหนอ ออกมา แลวนําหนอใหมท่ีไดลงปลูก 
ตอ ไป หากหนอ ใหมม ไี ดมรี ากติดอยูดวยจะชว ยใหหนอ ใหมเตบิ โตเรว็ ข้นึ  

หวั บอนกบั หนอ ใหม  แยกหนอ จากหวั บอน 

นําหนอ บอนลงปลูก

11 

4.  การแยกเขย้ี วบอน คอื การแยกชิ้นเนือ้ จากหัวบอนบริเวณทม่ี ีตาเล็กๆหรือที่เรียกกันวา "เข้ียว" ซ่ึงจะ 
เจรญิ เติบโตเปน ตน ใหม  วิธีการก็คือ ใชม ดี คมๆและบางเจาะเขา ไปในหัวบอนบรเิ วณท่ีมีเขี้ยวปรากฏให 
ลึกพอประมาณ โดยเจาะเปน รูปสามเหล่ียม จากน้ันนําชนิ้ บอนทไ่ี ดไ ปลางน้าํ ทําความสะอาดเพอ่ื ใหห มด 
ยาง แลวนาํ ไปแชนํ้าปูนแดงหรอื น้ํายาฆา เชอื้ ราประมาณ 10-15 นาที นําข้นึ ผง่ึ ลมใหแหง จากนนั้ จึงนําไป 
ลงเพาะในกระบะเพาะชาํ กอ นนาํ ไปปลกู ตอไป 

สวนทเ่ี รียกวา เขยี้ ว  การแยกชน้ิ บอน 

ชาํ เข้ียวในกระบะเพาะ 

การปลูกเลยี้ ง 

การปลูกเล้ียงบอนสีในบา นเราทมี่ ักพบกันอยูท่ัวไปสวนใหญปลูกในกระถางหรือไมก็ปลูกลง 
ดิน สว นการปลูกเลย้ี งในกระโจมหรือในตบู อนพบเห็นไดน อยสาํ หรบั คนทัว่ ไป ซึ่งการเลยี้ งในกระโจม 
หรือตูบอนน้ันมักพบในกลุมนักเลนบอนสี ผูเล้ียงบอนสีสงประกวดรวมทั้งผูปลูกเลี้ยงบอนสีในเชิง 
พาณิชย เน่อื งจากวาการปลูกเล้ียงในลักษณะดังกลาวจะสงผลใหตนบอนมีสีสรรสวยงาม ใบมากและ 
เติบโตเร็ว นอกจากนัน้ ผเู ลี้ยงยังสามารถชมความงดงามของบอนสไี ดต ลอดทง้ั ปอีกดวย

12 

การปลกู เลีย้ งและดแู ลรกั ษา 
ดิน  กรณปี ลกู เปนไมกระถางหรอื ไมป ระดบั ใชด ินทวั่ ไปหรือดนิ ขยุ ไผผ สมกับใบไมผ  ุ ในอัตรา 

ดนิ ตอ ใบไมผ ุ 1 : 2 ตวั อยา งใบไมผุที่นิยมใชกันเชน ใบทองหลาง ใบมะขาม ใบกามปู เปนตน แตหาก 
ปลูกลงดินเปนแปลงใหญหรอื ปลูกประดับตามโคนตน ไมหรือริมรว้ั  ควรใชดินรวนผสมปุยคอก แกลบ 
เผา ขยุ มะพราวและเศษใบไมผ ใุ นอัตราเทาๆกัน 1 : 1 : 1 : 1 : 1 หรือดินรวนปนทรายผสมปุยคอกและ 
ใบไมผ ใุ นอัตรา 1 : 1 : 1 

น้ํา  รดน้ําทุกวันในชวงเชา สําหรับหนาฝนควรงดใหน้ําบาง พิจารณาดูใหดินชุมชื้นไมแฉะ 
เกินไป 

แสงแดด  บอนสีเปน พืชทต่ี องการแสงแดดประมาณ 50-70 เปอรเซน็ ต บอนสที ่ปี ลกู ลงกระถาง 
ควรวางไวในท่รี ม ราํ ไรหรือสามารถรับแสงแดดในชว งเชา ระหวางเวลา 09.00-11.00 น. หรือใชซาแลน 
พรางแสง 30-50 เปอรเซน็ ตหากปลกู เลยี้ งในท่แี จง 

อากาศ  บอนสตี อ งการความช้ืนมาก อากาศถายเทสะดวก ไมช อบลมแรงเนอ่ื งจากลมแรงจะพัด 
กา นและใบแกวงทําใหฉกี ขาด 

อณุ หภูม ิ อยูระหวาง 21-35 องศาเซลเซยี ส แตหากปลูกเล้ยี งบอนสใี นตูหรอื ในกระโจมอุณหภมู  ิ
อาจสูงข้นึ แตไ มสง ผลเสียกับบอนสแี ตอยางใด 

การปลกู เล้ยี งในกระถางและแปลงไมป ระดบั  
บอนสที ่ปี ลูกเลย้ี งในกระถางก็สามารถเตบิ โตและสวยงามไดเชนกนั  การใชถาดรองกระถางโดย 

มีนํ้าหลอ ไวช วยใหด ินปลกู มีความชนื้ ตลอดเวลา เทาน้ีก็สามารถทําใหบอนสีท่ีเราปลูกเล้ียงเติบโตและ 
สวยงามไดงายๆ 

บอนสหี ลากสีสรรในกระถาง  บอนสใี นกระถางหลายขนาด

13 

ปลูกประดับรมิ ทางเดิน  ปลูกรวมกบั ไมประดบั อื่นๆ 

การปลกู เล้ยี งในกระโจม 

สาํ หรับพ้ืนที่ท่ีจาํ กดั การปลูกเลย้ี งในกระโจมนาจะเปน อีกทางเลอื ก เน่อื งจากใชพ้ืนท่ีในการจัด 
วางไมมากและเคลอ่ื นยา ยไดง า ย รายละเอยี ดเรือ่ งการทํากระโจม 

ขนาดกระโจม  รูปทรงกระโจม 

บอนสใี นกระโจม  แถวกระโจม 

ขนาดของกระโจม : เสน ผานศนู ยกลาง 19 น้วิ  ความสงู 24 น้วิ

14 

การปลกู เล้ียงในตูบ อน 

ตูบอนเปนเสมือนโรงเรือนขนาดเล็กซึ่งมีสภาพความรอนชื้นภายในท่ีเหมาะสมกับการ 
เจริญเติบโตของบอน โดยท่ัวไปขนาดของตูบอนท่ีพบเห็นจะมีความกวางประมาณ 1-1.20 เมตร ยาว 
ประมาณ 2-3 เมตรและความสูงรวมประมาณ 80 เซนติเมตร (โดยมีความสูงหนาจ่ัวประมาณ 30 
เซนตเิ มตร)  อยางไรกต็ ามความยาวของตบู อนสามารถประยุกตหรือปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมได 
เชน กันกับความสูงของตู ขณะทค่ี วามกวา งของตูข้ึนอยกู ับหนากวา งของพลาสติกทีจ่ ะคลมุ ต ู

ลักษณะตบู อนภายนอก  ภายในตบู อน 

ตูบ อนเชิงการคา   บอนสีภายในตู 

ขนาดตบู อน : กวาง 50 ซม. x ยาว 2 เมตร x สงู 50 ซม.  บริเวณหนาจว่ั สูง 30 ซม.

15 

การผสมเกสรบอนส ี

ตามธรรมชาติบอนสีจะมีความสวยงามมากในชวงฤดูฝนเน่ืองความชื้นในอากาศสูง และเปน 
เวลาเดยี วกบั ชว งที่บอนสมี ีความสมบรู ณพ รอ มจะออกดอก ซึ่งชวงเวลาตัง้ แตด อกบอนสีเรม่ิ แทงจากกาบ 
ใบจนกระท่ังดอกบานจะใชเวลาประมาณ 10-15 วนั  

เทคนคิ การผสมเกสร 

ดอกบอนสีจะมีทงั้ เกสรตัวผูแ ละเกสรตวั เมยี อยใู นดอกเดียวกัน แตปกติแลวเกสรตัวเมียจะบาน 
กอ นเกสรตวั ผแู ละบานในชวงหัวค่ําประมาณ 19:00-20:00 น. ซ่ึงเปนเวลาที่เหมาะสมในการผสมเกสร 
มากท่ีสดุ และมเี ปอรเซ็นตก ารผสมเกสรติดสงู สุด เม่อื ดอกบานจะสงกล่ินหอม ปลีหุมดอกจะขยายใหญ 
ขึ้นจนเห็นไดช ดั  

สวนเกสรตัวผูจะบานในคืนถัดมาชวงเวลาหัวค่ําประมาณ  19:00-21:00  น.ซึ่งจะมีกล่ินหอม 
เชน กนั สังเกตจุ ากปลีหมุ ดอกตอนบนจะคล่ีออกจนเหน็ เกสรตัวผูชัดเจน เปนผงฟูสีเหลืองออนหรือขาว 
นวลอยูบ นปลดี อก จากนนั้ ใหใชพ กู นั ทสี่ ะอาดและแหงเขีย่ เกสรตวั ผมู าปายท่ีเกสรตัวเมียดานลางใหท่ัว 
( กอนการผสมเกสรใหคว่ันเปลือกหุมดอกออกใหหมด ) จากน้ันคลุมดวยถุงพลาสติกที่เจาะรูระบาย 
อากาศเพอื่ ปองกนั แมลงและนํา้  

หลงั การผสมเกสรประมาณ 1 สัปดาห ถากานดอกยังแข็งแรงแสดงวาการผสมเกสรไดผล ฝก 
บอนจะโตขนึ้ ปลเี กสรตวั ผทู ี่อยูดา นบนจะเรมิ่ แหง จากนนั้ จะสงั เกตเุ ห็นกระเปาะเกสรตวั เมยี ดานลางเกดิ  
เมลด็ กลมๆสีเขียวรอจนเมล็ดแกกลายเปน สดี าํ รอจนกระท่ังเมลด็ รว งหรือประมาณ 30 วันหลังการผสม 
เกสร เมลด็ จะรวงอยูภายในถงุ พลาสตกิ ทท่ี ําการครอบไว จากน้นั จงึ จะนาํ เมลด็ ไปเพาะขยายพนั ธตุ อ ไป

16 

องคความรบู อนสี 
Caladium 

บอนสี เปนไมป ระดับท่มี คี วามสวยงามโดยเฉพาะใบที่มีรูปทรงและสีสันสวยงามแปลกตาจน 
ไดช ่อื วาเปน "ราชินแี หง ไมใ บ" เปน พืชในวงศ Araceae สกลุ Caladium มีถน่ิ กําเนิดแถบทวีปอเมริกาใต 
และประเทศในเขตรอ นทั่วไป บอนสีเปนไมประเภทลมลุกที่มีหัวสะสมอาหารอยูใตดินคลายหัวเผือก 
หรือมัน มีรากเปนเสนฝอยเล็กๆ แทงออกมาระหวางหัวกับลาํ ตน และพักตวั ในฤดูหนาวโดยจะท้ิงใบจน 
หมดและเรม่ิ ผลใิ บเจรญิ เตบิ โตอกี ครั้งในฤดูฝน 

บอนสี หรือท่เี รียกกันแตเ ดมิ วา "บอนฝร่ัง" (Caladium Becolor) จากชื่อทําใหคาดเดาไดวาเปน 
พืชทีไ่ มไดมีถนิ่ กําเนิดในประเทศไทย จากหลกั ฐานพอสรุปไดวาบอนสีปลูกเล้ียงกันในตางประเทศมา 
นานกวา 300 ปแ ลว มีการสันนิษฐานวา บอนสบี างตน มีผนู าํ เขา มาต้งั แตสมัยกรุงศรีอยธุ ยาเปน ราชธานีมี 
การติดตอคาขายกับชาวจีน  ชวา เปอรเซีย และมีความสัมพันธกับชาวยุโรปเปนอยางดี จนถึงสมัย 
รตั นโกสินทร เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาฯ ทรงเสด็จนิวัตพระนครหลังเสด็จประภาสยุโรป 
ราวป พ.ศ. 2444 ทรงนาํ พนั ธไุ มหลายชนิดจากยุโรปเขา มาปลูกในประเทศไทย ในจํานวนพนั ธุไมเหลาน้ ี
มบี อนฝรั่งหรือบอนสีรวมอยูดว ย ในชว งแรกปลูกเลี้ยงกันเฉพาะในกลุมของเจานายและขาราชการช้ัน 
ผใู หญ และมกั ปด บงั วิธีการปลูกเลยี้ งและการผสมพนั ธุบอน  จนกระท่ังความนยิ มปลูกเลี้ยงบอนสีเสื่อม 
ลง บอนสีพนั ธตุ า งๆ จึงไดแพรห ลายสูประชาชนทัว่ ไป 

การปลูกเลีย้ งบอนสีไดมีตอเนื่องกนั ตลอดมาจนถึงประมาณป พ.ศ.2470-2475 เปนชวงท่ีบอนสี 
ไดร ับความนิยมมากท่ีสดุ  มกี ารผสมพันธุบอนขน้ึ ใหมม ากมาย มสี ีสันสวยงามแปลกตาตางไปจากบอนส ี
ดงั้ เดมิ  มีการแลกเปล่ียนซ้อื ขายกนั อยา งแพรหลาย มีการตั้งช่ือแยกหมวดหมูตามลักษณะและสีสันของ 
ใบออกเปนกลมุ ๆ เรยี กวา "ตับ" นอกจากนย้ี ังมกี ารจัดประกวดบอนสีท่ี "สนามบารไกขาว" หลังจากป 
พ.ศ. 2475 บอนสกี ค็ อ ยๆ เสอื่ มความนิยมลง จนกระทงั่ ราวป  พ.ศ. 2508  มีผูส่ังบอนใบยาวจากสหรัฐเขา

17 

มาในประเทศไทย ทาํ ใหม ีการผสมพนั ธุบอนสพี นั ธุใ หมๆ เพ่มิ ข้ึนอีก บอนสีกลับมาไดรับความนิยมอีก 
ครั้งราวป พ.ศ.  2522-2525  มีการจัดต้ังสมาคมบอนสีแหงประเทศไทย เพื่อสงเสริม  อนุรักษและ 
พัฒนาการปลูกเลี้ยงบอนสีรวมถึงการรับจดทะเบียนช่ือบอนสีท่ีไดรับการผสมข้ึนใหม  และดวย 
ความสามารถของคนไทย ปจจุบนั การปลกู เล้ียงบอนสีไดมกี ารพฒั นาวิธีการปลูกเลยี้ งและสายพันธุใหม ี
สีสันสวยงามแปลกตาไปจากเดมิ มาก จนอาจกลา วไดวา บอนส ี คือ  บอนของคนไทย 

ลกั ษณะโดยท่ัวไป 

หัว  มีลกั ษณะคลา ยหัวมันฝรง่ั หรอื หัวเผอื ก มีรากฝอยขนาดเลก็ แตกออกรอบๆ หัว และท่ีใกลๆ กับราก 
หรอื ระหวางรากจะมหี นอ เลก็ ๆ หรอื ทเ่ี รียกกนั วา  เข้ียว ซ่งึ สามารถงอกออกเปนบอนตน ใหมไ ด 
กาบและกา นใบ  คือ  สว นทตี่ อจากหัวบอน กาบเปน สวนโคนของกานใบ แตไมกลมเหมือนกา นใบ คอื ม ี
ลกั ษณะเปน กาบคลา ยกาบของใบผักกาดเปน ที่พักของใบออน สวนกานใบคือสวนท่ีตอจากกาบใบข้ึน 
ไปยงั ใบบอน ทกี่ าบและกานใบนี้จะมีลกั ษณะของสีท่ีแตกตางไปจากสีของกาบและใบอยางเห็นไดชัด 
ลกั ษณะของสีนีเ้ รียกแตกตางกนั ไป ดังนี้

18 

·  สะพาน มีลักษณะเปนเสนขีดเล็กๆ ยาวจากกาบไปตลอดแนวกานใบข้ึนไปจรดคอใบ  ถาอยู 
ดานหนาเรยี กสะพานหนา  ถาอยูดา นหลงั เรยี กสะพานหลัง 

·  เสี้ยน มีลกั ษณะเปน จดุ  เปน ขดี  หรอื เสนเล็กๆ สั้นยาวไมเทากันและมีสีตางกับกาน กระจายอย ู
รอบๆ กานใบ 

·  สาแหรก มลี กั ษณะเปน เสน เล็กๆ บรเิ วณโคนกานใบหรือกาบใบ วิ่งจากบรเิ วณโคนของกาบใบ 
ไปตามกานใบเปนเสน สนั้ ๆ ไมย าวเหมือนสะพาน อาจเปน เสน เดยี่ ว เสนคู  หรอื หลายเสนกไ็ ด 

แขง คอื สวนท่ีย่ืนออกจากกานใบ คลายใบเล็กๆ อยูกึ่งกลางกานหรือต่ํากวาใบจริง อาจมี 1 หรือ 2 ใบ 
ขน้ึ อยกู ับสายพนั ธุ และมกั พบในบอนสีประเภทใบกาบ 

คอใบ คอื  ชวงปลายของกา นใบไปถงึ สะดอื ใบ 

สะดือ คอื  สว นปลายสดุ ของกานใบจรดกับกระดกู  

กระดูก คือ เสนกลางใบที่ลากจากสะดือไปจนสดุ ปลายใบ 

เสน คอื เสนใบยอ ยที่แยกจากกระดกู หรือเสน กลางใบ 

ใบ  ของบอนสีมีขนาดและรูปแบบของใบแตกตางกันออกไป  ซึ่งสามารถแบงรูปแบบของใบได 4 
ลกั ษณะ คอื

19 

·  บอนใบไทย เปนบอนสที ี่มมี าแตโ บราณ มรี ูปรา งคลา ยหัวใจ หูใบยาวแตไมฉ กี ถงึ สะดอื  กานใบ 
อยกู ง่ิ กลางใบ ปลายใบแหลมหรือมนขน้ึ อยกู ับสายพันธุ บอนใบไทยมักมีใบขนาดใหญ สีสรรสวยงาม 
และใบดกไมท ้งิ ใบ 

·  บอนใบกลม เปนบอนท่ีนับไดวาเกิดข้ึนโดยฝมือคนไทย เกิดขึ้นโดยการผาหัวขยายพันธุของ 
บอนใบไทยเมอื่ นํามาปลกู เลย้ี งแลว เกดิ ผดิ แผกไปจากตน เดมิ คือมีลักษณะใบกลมขึ้นกลายเปนบอนใบ 
กลม ปลายใบมนสมํา่ เสมอ และมกี านใบอยูบรเิ วณกิง่ กลางใบ 

·  บอนใบกาบ เปน บอนทม่ี กี า นใบแผแบนตั้งแตโคนใบจนถงึ คอใบ ลักษณะคลายใบผกั กาด 
·  บอนใบยาว ซึ่งแตเ ดมิ เรียกวาบอนใบจนี  มรี ูปใบเรียวหรอื ปอ ม หูใบสน้ั กลมฉกี ถึงสะดือ กา นใบ 
อยูตรงรอยหยกั บรเิ วณโคนใบพอดี บอนใบยาวแบงได 3 ลกั ษณะ คอื  

1.  ใบยาวธรรมดา เปน บอนท่มี ีใบยาว ปลายเรียวแหลม หใู บยาวกลมคลา ยใบโพธ์ิ บางพันธุม ี
สะโพกกวาง 

2.  ใบยาวรูปหอก เปนบอนที่มีใบเรียว ปลายใบเรยี วแหลม หใู บส้ันหรอื บางพนั ธไุ มมหี ใู บเลย 
3.  ใบยาวรูปใบไผ เปนบอนท่ีมีใบแคบเรียวยาวเปนเสน ปลายใบเรียวแหลม ไมมีหูใบ  มี 
ลักษณะคลา ยใบของตน ไผ 

พนื้ ใบ  คอื  สว นหนาของใบทง้ั หมด บนพื้นใบนี้จะเหน็ ลกั ษณะของสที แ่ี ตกตา งกนั ไปตามพนั ธขุ องบอน 
สี ซึ่งเรยี กตางกันไปดังน ี้

·  เมด็  คอื  จดุ หรือแตม สีบนใบ มีขนาดใหญเล็กแตกตางกนั และมีสตี า งจากสขี องพ้นื ใบ มีลกั ษณะ 
ของสแี ละขนาดแตกตา งกนั ขึน้ อยูกบั สายพันธุ และมีลักษณะตา งๆ กัน ดงั นี ้

o  เมด็ ลอย คือ จุดหรือแตม สบี นใบ ทม่ี สี ีตางกบั สีพ้นื ใบ อยา งชัดเจน 
o  เมด็ จม คอื จดุ หรือแตม สีบนใบ ที่มสี กี ลมกลืนกับสีพ้นื ใบ 
o  เมด็ ใหญ คือ จดุ หรอื แตม สีท่ีมีขนาดใหญก ระจายท่ัวใบ 
o  เม็ดเล็ก คอื  จุดหรือแตม สที ี่มีขนาดเลก็ กระจายทั่วใบ

20 

o  เม็ดถ ี่ คอื จุดหรอื แตมสีที่กระจายถี่ๆ อยูท่วั ใบ 
o  เมด็ หา ง คอื  จุดหรอื แตมสที ี่กระจายหา งๆ อยทู ั่วใบ 
·  วิ่งพรา คือ เสน เล็กๆ ท่ีมีสีตางไปจากกระดูกหรือเสน และว่ิงขนานไปท้ังสองขางของกระดูก 
และเสน  เชน กระดูกเขียว เสน เขียว และมเี สน สขี าวขนานไปท้ังสองขางของกระดกู และเสน  ลักษณะน ี้
เรียกวา กระดกู เขยี ว เสน เขยี ว วง่ิ พรา ขาว 
·  หนุนทราย คือ จุดสีเม็ดเล็กๆ ละเอียดมากคลายเม็ดทราย กระจายทับบนสีของพื้นใบ จนมอง 
คลายมสี องสี เชน พื้นใบสีชมพู แตจะไมเปนสีชมพูอยางชัดเจน เพราะมีเม็ดสีเขียวละเอียดๆ กระจาย 
กระจายทัว่ พน้ื ใบ ลักษณะนเี้ รยี กวา  พ้ืนใบสชี มพูหนนุ ทรายเขยี ว 
·  ปาย คือ บอนท่มี ีบรเิ วณของสอี น่ื ทตี่ า งไปจากสีของพื้นใบอยางเหน็ ไดช ดั ปายทับอยู เชน บอนที่ 
มพี ้ืนใบสเี ขียวแลวมสี ีแดงปายทบั  พืน้ ใบเขียวปายแดง 

หใู บ  คอื ชวงสวนลางของใบที่ย่ืนออกจากสะดือใบแยกออกเปนสองสวน ส้ันหรือยาวข้ึนอยูกับพันธ ุ
ของบอนสี บางพนั ธุกไ็ มม หี ูใบเลย 

หใู ตใ บ  คือ สวนท่ีเปนติ่งเล็กๆ ย่ืนออกมาจากใตใบบริเวณกระดูกหรือเสนกลางใบ พบเห็นไดเฉพาะ 
บอนสบี างพนั ธุเทา นัน้  

สะโพก  คอื สว นดานขา งของใบท้งั สองขา ง อยูบรเิ วณเหนอื หูใบหรือแนวตรงกบั สะดอื ใบ มีลักษณะเวา 
คอดลง จะเห็นไดชัดเจนในบอนใบไทย 

การปลกู เลย้ี งและดแู ลรักษา 

ดิน ควรเปนดนิ ทีม่ ีความรวนซยุ  ระบายนํา้ และอากาศไดดี มีอินทรียวัตถุและธาตุอาหารสูง มีสวนผสม 
ของขยุ ไผ ใบทองหลาง ใบมะขาม หรือใบกา มปทู ี่ผแุ ลว 
นํา้ บอนสเี ปนพชื ท่ตี องการนํา้ มาก จึงควรใหนํา้ สม่ําเสมอ ถาตน บอนขาดนาํ้ จะชะงกั การเจริญเตบิ โต ไม 
สดใส การรดน้าํ ควรรดวันละ 2 ครัง้ ตอนเชา และตอนเย็น ไมควรใชสายยางฉีดน้ําท่ีโคนตนเพราะจะทํา 
ใหก ระทบกระเทอื นอาจทาํ ใหตนและใบของบอนสีฉีกขาดและหักได ถาปลูกในกระถางควรมีจานรอง 
กระถางใสนาํ้ ไวเ สมอ 
แสงแดด สีผลตอสสี นั และลวดลายของใบบอนมาก ถาบอนสีไดร ับแสงแดดนอ ยเกนิ ไปจะทาํ ใหใบบอน 
มีสีซีดไมสวยงาม  ถาไดรับแสงแดดมากจะทําใหใบมีสีสด เขม และลวดลายสวยงาม  แตถาไดรับ

21 

แสงแดดจัดเกินไปอาจทําใหใ บหอเห่ียวและเปน รอยไหมไ ด ดังนน้ั แสงแดดท่เี หมาะสมในการเลี้ยงบอน 
คือแสงแดดรําไรในตอนเชา หรือชวงบา ยที่ไมรอนจดั หรืออาจใชทีพ่ รางแสง 50-70% ชว ยก็ได 
ความชื้นในอากาศ  บอนเปนพืชที่ตองการความช้ืนในอากาศสูง  ในฤดูหนาวและฤดูรอนความชื้นใน 
อากาศตํา่ หัวบอนจะพักตวั และท้งิ ใบหมด เม่ือถงึ ฤดูฝนความช้ืนในอากาศสูงบอนจึงจะเริ่มผลิใบเติบโต 
อกี ครัง้ เพ่อื ปอ งกันการพกั ตัวของบอนในชวงฤดูหนาวและฤดูรอนจึงมีการปลูกเลี้ยงบอนในตูหรือใน 
กระโจม 
การใหปยุ ปยุ อินทรียควรใชปุยคอกมลู หมูและมลู ไก สว นมลู วัวเมื่อใชไ ปนานๆ จะทาํ ใหด นิ เละทาํ ใหห วั  
เนา ไดงา ย  ปุยเคมีใชสูตรเสมอ เชน 16-16-16 ในอัตราตํา่ ๆ จะชว ยใหใบดกและสีสันสวย  ถาใสมากจะ 
ทาํ ใหช ัน้ ใบหางเกินไป ไมค วรใชปยุ ละลายนํ้าท่ีใหท างใบเพราะอาจทําใหใบเปนรอยไหมได เน่ืองจาก 
ผิวใบของบอนสบี อบบาง 

การขยายพนั ธุ 

การแยกหนอ เปนวิธีการขยายพันธบุ อนท่ีไมยุงยากและบอนตนใหมที่ไดจะเหมือนตนเดิมทุกประการ 
คอื ไมมีการกลายพันธุไปจากเดิม การแยกหนอควรทําในฤดูฝนเพราะเปนชวงที่พนระยะพัก บอนตน 
ใหมท ่ีแยกจะเติบโตและแข็งแรงไดเ ร็ว การแยกหนอ มีวิธปี ฏบิ ตั ิดังนี ้

·  เลอื กตนบอนท่สี มบรู ณแ ละมหี นอแตกใหม ซง่ึ โดยท่ัวไปแลวบอนที่มีอายุต้ังแต 4 เดือนข้ึนไป 
จะเร่ิมแตกหนอ และผลใิ บใหม สามารถแยกหนอไปปลกู ใหมได 

·  นําตนบอนมาลางหัวใหสะอาด อยาใหผิวถลอกหรือชาํ้ เพราะจะทาํ ใหห ัวเนาไดงา ย 
·  ใชมดี ที่คมและสะอาดเฉือนหนอ ใหมท ี่ตอ งการแยกออกจากหวั เดมิ ทาปูนแดงตรงรอยผา  ผงึ่ ให 
แหง 
·  นําหนอทแี่ ยกออกมาปลกู ลงในกระถางขนาดเลก็  รดนา้ํ ใหชุม วางไวในที่มีแสงรําไร ประมาณ 
2-3 สปั ดาห ใบใหมจ ึงจะเร่ิมผลอิ อกมา 

การผาหวั บอน  คอื การนาํ หัวบอนมาผาแบงเปนชิ้นๆ แลวนํามาชําในวัสดุชําใหเกิดเปนตนใหม การผา 
บอนเปน วิธที นี่ ิยมทํากันมากเพราะสามารถขยายพันธุไดตนบอนจํานวนมากในเวลาอันสั้น แตการผา 
บอนมักทาํ ใหเกิดการกลายพนั ธุไปจากตนเดิม เรียกวา "บอนแผลง" การผาบอนควรทําในฤดูฝนเพราะ 
เปน ชว งทพ่ี นระยะพกั ตวั ของบอนไปแลว และอากาศมคี วามช้นื สงู ทําใหต น ใหมท่ีไดผลิใบไดเร็วกวาฤดู 
อ่นื  การผาบอนมวี ิธีปฏบิ ัตดิ ังน ้ี

·  เลือกบอนท่ีมีอายุไมแกหรือออนเกินไป ควรมีอายุประมาณ 6-12  เดือน เพราะถาหัวบอนแก 
เกินไปช้ินบอนจะเนา งาย ถา ออ นเกนิ ไปตนใหมทีไ่ ดจ ะไมแ ขง็ แรง

22 

·  งดใหน้าํ ประมาณ 2 สปั ดาห เพอื่ ใหบอนสรางหัวและเขย้ี ว 
·  นําหัวบอนมาลางใหสะอาด พรอมทั้งตัดรากออกใหหมด ใชแปรงเล็กๆ  ขัดดินออกใหหมด 
ระวงั อยาใหเขยี้ วหกั  แลวผ่ึงลมใหแ หง 
·  การผาหวั บอนทําไดส องวิธีคอื  

1.  แบบไมลมตน คือการนําหัวบอนมาตัดเฉพาะบริเวณท่ีมีเขี้ยวติดอยูและเหลือหัวเดิมไว 
ปลกู ตอได วธิ ีน้ีเปน วิธที ่ีนยิ มมากเพราะสามารถเก็บตนพันธไุ วได การผาใหใชมีดท่ีคมและสะอาดกรีด 
หัวบริเวณทีม่ ีเขีย้ วติดอยกู วางยาวประมาณ 1 ซม. หนาประมาณ 0.5 ซม. นาํ ชน้ิ บอนมาลางใหส ะอาดเพอ่ื  
นําไปชาํ ตอไป  สําหรับหัวบอนที่เหลืออยูติดกับตนใหทาบริเวณรอยผาดวยปูนแดง ท้ิงไวใหแหงแลว 
นาํ ไปปลกู ลงกระถางตอไป 

2.  แบบลมตน คือการนาํ หวั บอนมาตัดลําตนและใบออกใหหมดแลวนําหัวบอนมาผา วิธีน ้ี
จะไมเหลือตนพันธุไวแตจะไดช้ินบอนสําหรับชํามากกวา การผาใหใชมีดท่ีคมและสะอาดตัดใบออก 
โดยไมใ หแ กนกลางของหัวทเ่ี รียกวา "จอม" หัก  ผาหัวสวนบนในแนวนอน ใหมีเน้ือหนาประมาณ 0.5 
ซม. แลวแบงเปนช้ินเล็กๆ  ขนาดประมาณ 0.5  ซม.โดยใหแตละช้ินมีเน้ือแกนกลางของหัวติดอยูใน 
ลักษณะเดียวกบั การตัดแบง ขนมเคก   สําหรับหัวบอนสวนลางท่ีเหลือใหนํามาผาแบงบริเวณท่ีมีเข้ียวติด 
อยูเชน เดยี วกับการผา แบบไมล มตน นําช้ินบอนมาลางใหส ะอาดเพื่อนาํ ไปชําตอ ไป 

·  นาํ ชิ้นบอนที่ไดจากการผามาลา งในนาํ้ สะอาด หรือน้ําท่ีผสมยาปองกันเชื้อรา ประมาณ 5 นาที 
เพือ่ ลางยางออกใหหมด  ผ่ึงใหแ หงพอหมาด 

·  นาํ ชน้ิ บอนท่ลี างสะอาดแลว ไปชําในภาชนะที่มีวัสดุชาํ ซ่งึ อาจใช  ทราย อิฐมอญทุบละเอียด หรอื  
ข้เี ถา แกลบ อยางใดอยางหนึง่ มาเปน วสั ดุชาํ   วางชนิ้ บอนลงบนวสั ดชุ าํ ใหห า งกันพอสมควร  จะวางควํ่า 
หรอื หงายก็ได  กดชน้ิ บอนใหจมวัสดชุ ําเล็กนอ ย  รดนา้ํ หรือนํ้าผสมยาปองกันเชอ้ื ราใหช มุ  

·  ปด ภาชนะดว ยพลาสตกิ ใสหรอื กระจกใส นาํ ไปไวใ นทีร่ ม แสงสองไมถ ึง  ประมาณ 1-2 สัปดาห 
ช้ินบอนจะเริ่มแตกหนอ และราก  และอีกประมาณ 2 เดือน ชิ้นบอนจะผลิใบ 1-2 ใบ  จึงยายลงปลูกใน 
กระถางตอ ไป 

การเพาะเมล็ด คือการนําเมล็ดที่ไดจากการผสมเกสรมาเพาะใหเกิดตนใหม วิธีนีน้ ิยมปฏิบัติเมื่อตองการ 
บอนลูกผสมที่มีลักษณะแตกตางจากตนพอและตนแม  ซึ่งอาจดีกวาหรือดอยกวาตนพอตนแมก็ได 
วิธกี ารเพาะเมลด็ มีดงั น้ี 

·  นําเมลด็ แกม าผ่งึ ลมใหแ หง  ประมาณ 2-3 ชม. ไมควรตากแดดหรือลางนาํ้ เพราะเมล็ดอาตายได 
·  เมอื่ เมล็ดแหง แลวอาจนําไปเพาะทันทหี รอื ภายใน 7 วัน โดยการใสขวดเก็บไวใ นตูเย็น 
·  นาํ เมลด็ มาโรยบนวสั ดุทใ่ี ชใ นการเพาะ  ซึ่งอาจใชท รายผสมข้ีเถา แกลบหรือดนิ รวนผสมใบไมผ  ุ
ในอตั ราสว นท่เี ทา ๆ กัน

23 

·  รดน้ําที่ผสมดวยยาปองกันเชื้อราแลวนําไปต้ังไวในท่ีรม  รักษาระดับความชื้นไวอยาใหแหว 
หรือแฉะเกนิ ไป ประมาณ 15 วนั เมลด็ จะเร่ิมงอกใบเล้ยี ง 

·  เมื่อตนกลา มีอายปุ ระมาณ 2 เดอื น จงึ ยา ยลงปลูกในกระถางเพอ่ื คดั เลือกพันธตุ อไป 

การผสมพนั ธุ 

ดอกของบอนสีเปนดอกสมบรู ณเ พศมีเกสรตวั ผแู ละตวั เมยี อยูในดอกเดียวกัน ประกอบดวยชอ 
ดอกหรือปลมี ีลกั ษณะเปน แทงทรงกระบอก และกาบหุมดอกหรือกาบหุมปลีสีเขียวออนหุมชอดอกไว 
ภายใน  ระหวางความยาวของกาบหุมปลีดอกบริเวณสวนกลางจะคอดลงคลายแบงออกเปนสองสวน 
สวนบนเปน ทีอ่ ยูข องเกสรตวั ผ ู สวนลางเปน ท่ีอยขู องเกสรตัวเมีย หลงั จากออกดอกแลวประมาณ 1 เดอื น 
เกสรตัวเมียจะบานกอนในคืนแรกประมาณ 19.00-20.00  น. และมีกล่ินหอม เกสรตัวผูจะบานในคืน 
ถดั ไปเวลาประมาณ 19.00-21.00 น. มีกล่ินหอมเหมือนคืนแรก กาบหุมดอกจะบานออกเห็นเกสรตัวผู 
เปนผงสเี หลืองออ นอยูต อนบนของปลดี อก เม่ือเกสรตัวผูของบอนตนที่คัดเลือกไวเปนพอพันธุบานให 
ใชพูก ันขนาดเล็กท่สี ะอาดปายเกสรตัวผูใสภาชนะทึบแสงท่ีแหงและสะอาด ปดฝาใหสนิทเก็บไวในท่ี 
ช้นื หรือในตเู ย็น เกสรตัวผสู ามารถเก็บไวได 10-15 วนั เม่ือดอกของบอนตนทค่ี ดั เลอื กไวสําหรับเปนแม 
พันธุบานและมกี ลน่ิ หอมพรอ มท่ีจะผสมพันธุ ใหใชมีดคมปลายแหลมที่สะอาดปาดที่กลีบหุมเกสรตัว 
เมีย ใหเปนชอ งใหญพ อท่ีจะใชพกู ันขนาดเลก็ สอดเขาไปได ใชพูกันขนาดเล็กและสะอาดแตะเอาเกสร 
ตัวผูใ นภาชนะทเี่ กบ็ ไวสอดเขาไปในรังไขหรือกระเปาะเกสรตัวเมียแลวปายเกสรตัวเมีย เพื่อใหมีการ 
ผสมเกสร  หลังจากที่ทําการผสมเกสรแลวใหใชถุงพลาสติกที่มีขนาดโตกวาดอกบอน  เจาะรูระบาย 
อากาศเล็กๆ 2-3 รู คลมุ ดอกบอนไว  มดั ปากถุงพอแนน เพือ่ ปองกันนํ้าและแมลงเขา ไปรบกวนดอกบอน 
ประมาณ 7 วนั ถา ดอกเห่ียวแสดงวา การผสมไมไ ดผ ล หากผสมตดิ ดอกบอนจะใหญข้นึ กวาปกติ ปลีเกสร 
ตัวผูจะแหง บริเวณรังไขจะมีผลบอนลักษณะคลายเมล็ดขาวโพดสีดําเล็กๆ  เกาะอยูโดยรอบคลายฝก 
ขาวโพด  แตล ะฝกจะมผี ลอยูประมาณ 100 ผล และในแตละผลจะมีเมล็ดประมาณ 1-5 เมล็ด ประมาณ 
30 วันหลังจากผสมเกสรผลจะรวง ใหนําผลมาบ้ีกับกระดาษหรือจานเพื่อใหเมล็ดท่ีอยูภายในกระจาย 
ออก นาํ เมล็ดท่ไี ดไ ปเพาะเมล็ดตอไป

24 

โรคและแมลง 

บอนสเี ปน พชื ที่ไมค อ ยมปี ญหาเรอ่ื งโรคและแมลง โดยเฉพาะบอนสีสมัยใหมท่ีนิยมปลูกเลี้ยงในตูบอน 
หรอื ในกระโจมแถบจะไมพ บปญ หาดงั กลา วเลย หากดูแลจัดการเร่ืองวัสดุปลูกเปนอยางดีกอนนําเขาตู 
บอน  ขณะเดียวกันบอนสีท่ีปลูกเลี้ยงตามธรรมชาติก็พบปญหาดังกลาวนอยเนื่องจากบอนสีมีความ 
แขง็ แรงและปรบั ตวั เขา กบั สภาพแวดลอ มไดดี จะมีกเ็ พียงศตั รูพืชจําพวกแมลงหรือหนอนที่ชอบกัดกิน 
ใบเทานั้น อยางไรกต็ ามการจะหลีกเลีย่ งไมพบปญหาดงั กลา วเลยคงจะปฏิเสธไดยาก เราพอท่ีจะจําแนก 
โรคและแมลงเก่ียวกบั บอนสีไดดังนี้ 

โรคทเี่ ก่ยี วกับบอนส ี

โรคราเม็ดผกั กาด  โรคโคนเนา  

ลกั ษณะอาการ : บรเิ วณราก โคนตนและใบเปน   ลักษณะอาการ  :  บริเวณโคนตนระดับผิวดิน 
เม็ดคลายเม็ดผักกาด ลักษณะตนเหมือนมีแปง  เปนแผลสีน้ําตาล  และมักพบสปอรสีดําคลุม 
โรย ใยสีขาวขุนเปนเสน หยาบ ซึง่ มักพบเช้ือใน  บริเวณหนาดิน ถาถอนตนจะพบวาขาดหลุด 
เคร่ืองปลกู   ออกมาโดยงาย 
การปองกันและกําจัด :  การปองกนั และกําจดั : 

1).  นําวัสดุปลูกตากแดดใหแหงสนิทกอน  1).  นําวัสดุปลูกตากแดดใหแหงสนิทกอน 
นาํ มาใช  นาํ มาใช 

2).  การใชสารเคมีปองกันกําจัดเชื้อรา  เชน  2). การใชสารเคมีปองกันกําจดั เชื้อราเชน  แคปแทน 
เทอรราคลอร  ราดบริเวณโคนตนในอัตราท่ี  หรือมาแนบและคาราแทน ตามอัตราทแ่ี นะนําไวใน 
แนะนาํ ไวในฉลาก  ฉลาก

25 

แมลงและศตั รพู ชื ของบอนสี 

หนอนแกวหรอื หนอนกินใบ  เพลี้ยออ น 

ลกั ษณะการทําลาย : กดั กนิ ใบตอนกลางคนื ทาํ   ลักษณะการทําลาย : ดูดกินนํ้าเล้ียงที่ใบ โคนกาบ 
ใหใบเวา แหวงหายไป ขณะท่ีกลางวันมักหลบ  หรือใบออน ทําใหบอนสีแคระแกรน  ไมคอย 
ซอนตวั ในดินหรอื หญา ใตโ คนใบ  เจริญเตบิ โต 

การปองกนั และกาํ จดั :  การปอ งกนั และกาํ จดั : 
1)  ใชมาลาไธออนฉีดพนหรือยาปองกัน  1) ใชสารเคมีเชน มาลาไธออนหรือสารคารบาริล 
หนอนชนดิ นี ้ เชน  เซทวิน80%  ตามอัตราสวนที่ระบุตามฉลาก 
2) การเก็บท้งิ ดจู ะเปน วธิ ีทดี่ ที ีส่ ดุ   ฉีดพนชว งทเ่ี พลีย้ ระบาด 

หอยทาก  ไสเ ดอื นฝอย 

ลักษณะการทําลาย : กดั กนิ ตน และใบทําใหใ บ  ลักษณะการทําลาย :  ไมชัดเจนแตสังเกตุจาก 
เวาแหวงหายไป  บางคร้ังใบกุดเหลือแตกาน  อาการของบอนสี ซึ่งจะชะงักการเจริญเติบโต 
อยางเดียว  เนื่องจากไสด ือนฝอยมขี นาดเลก็  

การปอ งกันและกําจัด :  การปองกันและกําจดั : 
1) หมัน่ ตรวจบรเิ วณโคนตน บอยๆ  1) นาํ ดินปลูกตากแดดใหแหง สนิท 
2) หยิบไปทง้ิ เมอ่ื ตรวจพบเจอตัวหอยทาก  2) ใชยารดกาํ จัดไสเ ดอื นฝอยท่ีมจี ําหนายอยทู ่ัวไป

26 

การประกวดบอนสี 

สนามประกวดถือเปนแหลงแสดงฝไมลายมือของบรรดานักปลูกบอนทั้งหนาเกาหนาใหม 
รวมทั้งยังเปน การอวดโฉมบอนสีสายพันธุใหมๆ ทผี่ านการพฒั นาและคดั เลือกจากนกั ปรบั ปรงุ พันธบุ อน 
สีช้นั นําหลายๆทาน นอกเหนือจากเรอ่ื งสายพนั ธุบอนสแี ลวยงั มีรายละเอียดอื่นๆทนี่ าสนใจสําหรับหลาย 
ตอหลายทานท่ีตองการสงบอนสีเขาประกวดในสนามบาง คอลัมน "เคล็ดไมลับกับการประกวด" ได 
รวบรวมกฏกติกา เกร็ดเล็กๆนอยๆและเกณฑการตัดสินอยางงายที่เปนประโยชนใหมือใหมไดเรียนรู 
กอนลงสนามจริง เพ่อื ศกึ ษาและเขาใจในเบอ้ื งตนเกี่ยวกับการสง บอนสเี ขา ประกวดไมว าจะเปน เปนเร่อื ง 
กระถาง ไมคํ้า กติกาตางๆ ประเภทบอนทจี่ ดั ประกวด เปน ตน  

ประเภทบอนสีท่จี ัดประกวด 

บอนสีทม่ี กี ารจัดประกวดสามารถจาํ แนกเปน "บอนเด่ียว" หรือบอนที่มีลําตนเดียวและ "บอน 
กอ" หรือบอนท่ีมมี ากกวาหนงึ่ ตน ในกระถาง แตหากจาํ แนกตามประเภทการประกวดสามารถแยกยอย 
ออกเปน 9 ประเภทคือ บอนเด่ยี วใบไทย, บอนเด่ียวใบยาว, บอนเด่ียวใบกลม, บอนเด่ียวใบกาบ, บอน 
เด่ยี วใบไผ, บอนเด่ียวจาํ กดั ความสูงไมเกนิ 3 นวิ้ , บอนเดย่ี วจาํ กดั ความสูงไมเกิน 5 น้ิว, บอนเดี่ยวจํากัด 
ความสงู ไมเกนิ 8 นว้ิ และบอนกอ สําหรับบอนกอนน้ั สามารถแบงยอยออกเปน บอนกอตกแตง และบอน 
กอธรรมชาต ิ

บอนเดย่ี ว  บอนกอตกแตง   บอนกอธรรมชาต ิ

หมายเหตุ บอนเด่ยี วทกุ ประเภทและบอนกอตกแตง อนุญาตใหมกี ารคํา้ กา นใบได

27 

บอนเดีย่ วท้ัง 8 ประเภท 

บอนเดย่ี วใบไทย  บอนเดย่ี วใบยาว  บอนเดย่ี วใบกลม  บอนเดย่ี วใบกาบ 

บอนเดย่ี วใบไผ  ความสงู ไมเ กนิ 8 น้ิว  ความสงู ไมเ กนิ 5 นว้ิ   ความสูงไมเ กนิ 3 นว้ิ  
บอนเดย่ี วทกุ ประเภทจาํ กดั ความสงู  

ขอ ควรจําในการวดั ความสูงของบอนสี 

เกณฑการวัดความสงู ของบอนสีทล่ี งประกวดในประเภทจํากัดความสูงไมเกิน 3 นิ้วหรือ 5 นิ้ว 
หรือ 8 น้ิวตางกใ็ ชม าตราฐานเดยี วกันคือ การวัดความสูงของกานใบ โดยวัดจากสวนลางของกานใบท ี่
เรยี กวา กาบใบไปจนสุดกา นใบทีบ่ รเิ วณคอใบ น่นั ถอื เปน ความสงู ของบอนสตี ามเกณฑก ารประกวดของ 
สมาคมบอนสแี หงประเทศไทย 

กานใบ คอใบและกาบใบ  การวัดความสูงบอน  บรเิ วณกาบใบ  บริเวณกาบใบ

28 

หลักเกณฑการใหค ะแนน 

การเรยี นรูหลกั เกณฑก ารใหคะแนนอยางงา ยจะเปน ประโยชนก บั ผทู ี่จะสง บอนสีเขา ประกวดทุกคนเพ่ือ 
ใชเ ปนเกณฑใ นการพจิ ารณาบอนสขี องตนกอ นเขา สนามประกวด ขณะทผ่ี ูสนใจทั่วไปก็สามารถเรียนร ู
เพื่อทําความเขาใจในการพิจารณาการใหคะแนนบอนสีของกรรมการ  และเขาใจไดวาบอนสีท่ีไดรับ 
รางวัลมกี ารพิจารณาและใหคะแนนกนั อยางไร 

หัวขอ หลกั ของการใหคะแนนมี 4 หัวขอและมีคะแนนรวม 100 คะแนน (คล๊ิกท่ีภาพเพ่ือดูรูปขยายและ 
รายละเอียด) 

1.  รูปทรงชัน้ ใบของบอนสี ( 30 คะแนน )  หมายถงึ  ชองวา งระหวางชั้นใบควรมีความหางที่ใกลเคียง 
กนั ใบนอ งจะตองสูงกวา ใบพี่ ใบนองจะตองใหญก วา ใบพ่เี สมอและกา นใบของใบนอ งตอ งยาวกวาใบพ ี่
เสมอ 

ช้ันใบทสี่ วยงาม  ชัน้ ใบท่ีหางเกนิ ไป  ใบนอ งสงู กวา ใบพ ี่ ใบนอ งเลก็ กวา ใบพ ่ี

ขอควรจาํ ใบที่เตบิ โตออกมากอ นเรียกวา "ใบพ"่ี และใบที่เติบโตออกมาทีหลงั เรียกวา "ใบนอง" 

2.  สี ( 25 คะแนน )  หมายถงึ ความสมาํ่ เสมอของสใี บและสีท่ีเปนลักษณะของบอนตนนั้นๆ เชนบอน 
ใบแดงสีใบควรจะเปนสแี ดงจรงิ ๆ หรอื บอนเหลืองสีใบกค็ วรจะเหลืองจรงิ ๆ เปน ตน 

สีใบทสี่ ม่าํ เสมอ  สใี บทไ่ี มส ํ่าเสมอ  สีใบทผี่ ิดเพ้ียน  สีใบทแี่ ทจรงิ

29 

3.  กา นและใบ ( 20 คะแนน ) 

หมายถงึ กา นใบตรงและสมบูรณไมเ ล็กลบี หรอื คดงอ สว นของใบตอ งสมบูรณไมเ วาแหวงหรือ 
ฉกี ขาด มีขนาดใหญแ ละเขา ลกั ษณะใบแตล ะประเภท เชน บอนใบกาบตองมีกาบทกุ ใบหรอื มแี ขงทุกใบ 
หากเปน บอนใบปา ยตองมปี ายทุกใบ หรอื เปนบอนใบกลมก็ตองเขา ลกั ษณะบอนใบกลมเปน ตน 

4.  ความแขง็ แรง ( 25 คะแนน ) 

หมายถงึ กานใบ ลาํ ตน  และลักษณะใบท่ีบงบอกถงึ ความแข็งแรงเชน กา นใบท่อี วบอวนทําใหด ู
แข็งแรงกวาบอนที่มีกานใบเล็ก  ลักษณะใบบอนท่ีมีขอบใบยกข้ึนแผนใบตึงสามารถบงบอกความ 
แขง็ แรงไดดกี วา ใบบอนทหี่ อยยอ ยแผน ใบแบออก เปน ตน  

นอกเหนอื จากเกณฑก ารใหคะแนนบอนสีท่กี ลาวไวก อ นหนานแี้ ลว การเรยี นรเู กร็ดเลก็ ๆนอยๆ 
กอนลงสนามประกวดไมวาจะเปนเรื่องของไมค้ํา กระถาง ชั้นใบ ปลีใบ ใบพี่ใบนองรวมถึงกฏกติกา 
ตางๆเปน ตน จะชวยใหเ ราคลายความวิตกความกังวลใจกอนสงบอนสีลงประกวด ท้ังยังทําใหเราเขาใจ 
การพจิ ารณาบอนสีวา ตนใดท่ีมคี วามสมบรู ณสวยงามสมควรแกการไดร บั รางวลั  

ไมค ํา้ คอื  ไมไ ผท เ่ี หลาจนกระท่ังกลมมเี สน ผา นศนู ยก ลางต้ังแต 0.3 - 0.5 เซนตเิ มตร ใชส ําหรับคํา้ กานใบ 
บอนเมอ่ื สงลงสนามประกวด โดยมหี วงลวดท่ปี ลายไมค าํ้ และมีเสน ผานศูนยกลางของหว งลวดไมเกิน 2 
น้ิวหรอื ประมาณ 5 เซนติเมตรไมจ ํากัดสีและขนาดของลวด 

ลกั ษณะไมค า้ํ   การวัดหว งลวด  ขนาดของหวงลวด 

การคํ้าบอนแทจ ริงถือเปนศาสตรแ ละศิลปอยา งหนง่ึ การคํา้ บอนไมม ตี าํ ราในการเรยี นรหู ากแตจ ะชาํ นาญ 

ไดตอ งหมน่ั ฝกฝนและสะสมประสบการณ หากไดลองปฏิบัติดูแลวจะพบวาไมใชเร่ืองยาก การค้ําใบ 

บอนสจี ะชวยใหบอนสดี งู ดงามและแสดงสีสรรที่หลากหลายบนใบบอนไดอยางชัดเจนมากขึ้น 

กระถาง  คือภาชนะท่ีใชปลูกบอนสีสามารถใชไดทั้งกระถางพลาสติกและกระถางดินเผา  แตการใช 

กระถางดนิ เผาสามารถเกบ็ ความชื้นและคายความรอ นไดดกี วา ซ่งึ ชว ยใหบ อนสใี นกระถางดนิ เผาเติบโต 

ไดด กี วา การปลกู ในกระถางพลาสติก

30 

ในการประกวดบอนสที ีเ่ ปน บอนเดย่ี วทุกประเภทอนุญาตใหใ ชก ระถางทีม่ ีเสนผา นศูนยกลางทว่ี ดั  
จากขอบในของปากกระถางไมเ กนิ 10 น้ิว ขณะท่บี อนกอจาํ กดั ความกวา งของปากกระถางหรือเสนผาน 
ศูนยก ลางทวี่ ดั จากขอบในของปากกระถางไมเ กิน 12 น้ิว 
ปลี คือใบใหมของบอนทง่ี อกขน้ึ มาและยงั ไมคลี่ออก มีลักษณะเปน แทง ยาวกลม 

บอนสีราชินีแหง ไมใ บ 

บอนสเี ปนไมประดับทมี่ ีใบสวยงามและมีสีสันแปลกตา เปนพืชประเภทหัวท่ีมีลําตนอยูใตดิน 
เสนห ข องบอนสีคือสีสันและรูปรางของใบท่ีแปลกแตกตางกันตามแตละสายพันธุ สีสันที่เกิดขึ้นตาม 
ธรรมชาติสรา งความโดดเดน ใหไ มใ บชนดิ นจี้ นไดร บั การขนานนามวา "บอนสรี าชินแี หง ไมใ บ" 

ลักษณะทางพฤกษศาสตรข องบอนส ี

หวั และราก  กานและใบ 

ดอก

31 

ศพั ทท่ใี ชเรียกสวนตา งๆของบอนส ี

บรเิ วณหใู บ,เม็ดและสะดอื   กาบใบและกา นใบ 
เสน ,พรา และขอบใบ  เม็ดและลักษณะบอนใบปาย 
หวา งห,ู กระดูกและเสน 
ลักษณะบอนใบกาบ

32 

ลักษณะใบและสายพันธบุ อนสี 

เมืองไทยเรามีสายพนั ธุบอนสอี ยูม ากมายนบั พนั นับหมืน่ ชนิด ซ่งึ เปนเรอื่ งยากท่ีทางเว็บไซดเรา 
จะนําเอามาเสนอผูช มท้ังหมด ทางเราจงึ พยามยามคัดสรรบอนสีสายพันธุลูกผสมใหมท่ีใหสีสรรที่ดีรูป 
ใบสวยมีจาํ นวนใบมากลวดลายงดงามและเปนท่ยี อมรบั ของผูชมสวนมาก แตไ มไ ดห มายความวา จะไมม ี 
การนาํ เสนอบอนสสี ายพนั ธดุ ั่งเดิมเลยหากแตผ ูชมทา นใดสนใจอยากชม สยามบอนสียินดีจะนําภาพมา 
นําเสนอใหไดช มกนั แนน อน อยางไรก็ดเี พอื่ ใหก ารเขาชมสายพันธุบอนสีงา ยขึน้ ทางเรา สยามบอนสี จึง 
แยกหมวดหมูบอนสโี ดยจําแนกตามลกั ษณะใบไว 5 ประเภทคือ ใบไทย ใบยาว ใบกลม ใบกาบ ใบไผ 

ใบไทย ( 1 ) 

บอนใบไทย เปน บอนสีที่มมี าแตโบราณ มีรปู รางคลายหัวใจ หูใบยาวแตไมฉีกถึงสะดือ กาน 
ใบอยูก่ิงกลางใบ  ปลายใบแหลมหรือมนขึ้นอยูกับสายพันธุ บอนใบไทยมักมีใบขนาดใหญ สีสรร 
สวยงาม และใบดกไมท้งิ ใบ 

ลักษณะพันธ:ุ  ไมใบบางแตม สี สี รรและเสน ลายเปน ระเบียบสวยงาม เปน ไมช อบแดด 

ชือ่ : แพรวา  ชอ่ื : สีเงนิ ยวง 
ลักษณะพันธุ:  ไมใบบางแตมีสีสรรและ  ลักษณะพันธุ:  ไมใบดกและหนารูปใบ 
เสน ลายเปน ระเบียบสวยงาม เปนไมชอบแดด  สวยงามกานสีมะลิแข็งแรง  หากไดรับ 
แสงแดดเตม็ ทจี่ ะทาํ ใหสีใบขาวขึ้น 
ส:ี  พืน้ สชี มพเู สนใบสีขาวกระจายทั่วใบ  สี: พืน้ สขี าวเสนกลางใบสีชมพู 

ชอื่ : พระยามน  ช่อื : บดินเดชา 
ลักษณะพันธุ:  ไมใบขนาดใหญแตไมดก  เม่ือเล็ก  ลักษณะพันธุ:  ไมใบใหญคอนขางแข็งแรง 
พ้ืนใบสแี ดงเขม หากโตเตม็ ที่สีใบออกน้ําตาล  กา นใบอวบแข็งแรง โตเรว็  
สี:  พ้ืนใบสีน้ําตาลเสนใบสีน้ําตาลเขมมีเม็ด  ส:ี พืน้ สีชมพูแดง เสน ใบสเี ขียว
เล็กๆสชี มพูกระจายทว่ั ใบ 

33 

ช่อื : สวรรนคร  ช่ือ: ภูเวียง 
ลักษณะพันธุ:  รูปใบคอนขางยาวใบยน ม ี ลักษณะพันธุ: รูปใบขนาดปานกลาง ใบหนา 
ขนาดปานกลาง กานใบแข็งแรง  กานใบสีดําหากไดรับแสงมากข้ึนพ้ืนใบจะ 
ขาวข้นึ  
ส:ี พนื้ มีสีขาว เสนใบสีเขียว มีเม็ดสีชมพูแดง  สี:  สีพื้นขาวมีปนสีชมพูและเขียวกระจายท่ัว 
ขนาดใหญป ระปราย  ใบ เสน ใบสีชมพูเขม  

ช่อื : เจาดวงทพิ ย  ช่อื : เทพกนก 
ลักษณะพันธุ: ไมใบหนารูปใบสวยงาม แตก  ลักษณะพันธุ:  ไมใบใหญรูปใบคอนขางดี 
กอดี ปรับตวั กับสภาพแวดลอ มไดดี  สวยงาม กานใบสีแดงเขม  
ส:ี พ้นื ใบสเี ขยี ว มพี รา สขี าว มีเม็ดสีแดงกระจายอย ู สี: พน้ื สแี ดงมีเมด็ ขาวในใบทั้งใบ 
หา งๆทว่ั ใบ และมีเสน ขอบใบเลก็ สแี ดง 

ชื่อ: อนิลวดี 
ลกั ษณะพันธุ: ไมใ บหนาใหญรปู ใบคอ นขางสมบรู ณแ ขง็ แรง กานใบสีดาํ  
สี: พื้นใบสีนํ้าตาลแดง เสน ใบสแี ดงดาํ มเี มด็ ขาวออกชมพกู ระจายทว่ั ใบ

34 

ใบไทย ( 2 ) 
บอนใบไทย เปน บอนสที มี่ ีมาแตโบราณ มรี ูปรา งคลายหัวใจ หใู บยาวแตไ มฉ ีกถึงสะดอื  กานใบ 

อยกู ง่ิ กลางใบ ปลายใบแหลมหรอื มนขึน้ อยูกบั สายพันธุ บอนใบไทยมักมีใบขนาดใหญ สีสรรสวยงาม 
และใบดกไมทิ้งใบ 

ช่อื : ลูกไมใหม  ชือ่ : แสงพระธาตุ 
ลักษณะพันธุ:  มีใบขนาดปานกลางกานใบส ี ลักษณะพันธุ: คอนขางแข็งแรง ทนแดดไดด ี
ดําแข็งแรง ใหส ที ่สี มํา่ เสมอแมอ ยูใ นท่ีรม   มกั ปรากฏพรา สชี มพูบริเวณกลางใบ 
สี : พื้นใบสีแดงหมนเสนในสีแดงดํา มีเม็ดส ี สี : พื้นใบสีเขียวออ นเสนใบสขี าว มีเมด็ สีแดง 
อมชมพ ู ประปราย 

ชอ่ื : เหลืองสดดุ ี  ชือ่ : องคห ญงิ เตอื นตาเตอื นใจ 
ลักษณะพันธุ:  คอนขางแข็งแรง ใบมีขนาด  ลกั ษณะพนั ธุ: ใบมีขนาดปานกลาง แผน ใบยน  
ปานกลางกา นใบสีน้าํ ตาล  เล็กนอ ย 
สี : พื้นใบสีไพลเหลืองอมเขียว มีเม็ดท่ัวใบสี  สี : พ้ืนใบสแี ดงเขม เสนใบสเี ขยี วเขม 
ชมพแู ดง 

ชอื่ : มา นนางพมิ พ  ชอ่ื : เทพทรงศลี  
ลกั ษณะพนั ธ:ุ บอนทรงสูงใบใหญ เมื่อเล็กใบ  ลักษณะพนั ธ:ุ บอนทรงสูงใบขนาดปานกลาง 
สเี ขยี วและกัดสีเม่อื โต  กา นใบสดี าํ  
สี : พื้นใบสชี มพสู ดเม่อื โตเต็มท่ ี ขอบใบเขยี ว  สี : พนื้ ใบสขี าวอมชมพู เสน ใบสีเขียว เม็ดสีแดง

35 

ช่ือ : ลูกไมใหม  ชอ่ื : ชยั บดินทร 
ลักษณะพันธุ:  บอนท่ีมีทรงใบปอม ขนาดใบปาน  ลักษณะพันธุ:  บอนกัดสี รูปใบสวยงาม ใบหนา 
กลาง กา นใบสีดาํ   แข็งแรง ขนาดใบปานกลาง กานใบสีเขยี วมะล ิ
สี : พื้นใบสชี มพูเขมถงึ แดง เสน ใบสแี ดงเขม   สี : พ้นื ใบเม่ือเล็กสีเขียวโตเต็มที่จะเปลี่ยนเปนส ี
ชมพูเขม เสน ใบสีเขียวเขม ชัดเจน 

ชอื่ : ไสยเวทย 
ลกั ษณะพันธุ: ทรงใบสวยงาม แผน ใบคอ นขางหนา ถาแสงนอยสีน้ําตาลจะมากขึ้น 
สี : พ้นื ใบสขี าว เสน ใบสชี มพู มสี นี ้ําตาลเปรอะกระจายท่วั ใบ 

ใบไทย (3) 

บอนใบไทย เปนบอนสที ี่มมี าแตโ บราณ มีรปู รางคลา ยหวั ใจ หูใบยาวแตไ มฉกี ถงึ สะดือ กานใบ 
อยูกิ่งกลางใบ ปลายใบแหลมหรือมนขน้ึ อยกู ับสายพันธุ บอนใบไทยมักมีใบขนาดใหญ สีสรรสวยงาม 
และใบดกไมท ิ้งใบ 

ชื่อ : ทองประทาน  ช่ือ : สกณุ ตลา 
ลักษณะพันธุ:  คอนขางแข็งแรง ใบมีขนาดปาน  ลกั ษณะพันธ:ุ กา นใบคอนขา งแข็งแรง แผน ใบหนา 
กลางกา นใบสดี าํ สนิท  เมื่อโตเต็มท่มี ีขนาดปานกลาง 
สี : พ้ืนใบสีไพลเหลืองอมเขียว มีเม็ดท่ัวใบสีชมพู  สี :  พื้นใบสีขาว เสนใบสีชมพูเขมและสีชมพูออน 
แดง  รอบๆเสน ใบ

36 

ใบยาว ( 1 ) 

บอนใบยาว ซง่ึ แตเดิมเรยี กวาบอนใบจีน มีรปู ใบเรียวหรอื ปอ ม หูใบส้ันกลมฉีกถึงโคนใบ กาน 
ใบอยตู รงรอยหยกั บรเิ วณโคนใบพอดี 

ช่ือ: กานกลวย  ช่ือ: ศรีเบญจรงค 
ลักษณะพันธุ: ไมทรงพุมขนาดปานกลาง ใบ  ลักษณะพันธุ: ไมทรงพุมปานกลาง มีใบมาก 
ปอมสวยงาม กา นใบสมี ะลิ  หากไดรบั แสงเต็มที่ใบออกสชี มพแู ดง 
สี: พนื้ ใบสีเขียวตอง เสนกระจายท่ัวใบสีขาว  สี: พื้นใบสชี มพูเขม เสนใบสขี าวขอบใบสเี ขียว 
เปน ระเบยี บ 

ชื่อ: นราทัศน  ชื่อ: จอมเพชร 
ลักษณะพันธุ: ไมทรงสูง จาํ นวนใบปานกลาง  ลักษณะพนั ธุ: ไมพ ุมทรงเตีย้  รปู ใบทรงรี โคน 
ทรงใบกลมปอม กานใบสีดาํ คอ นขา งแขง็ แรง  ใบหอเขาหากนั กา นใบเล็กและใบบาง 
สี:  พื้นใบสีขาว มีเสนสีมวงเขมเปนระเบียบ  สี:  พ้ืนใบสีเขียวเม่ือเล็กและออกสีชมพูอม 
เสนขอบใบมีสเี ขียวออน  น้าํ ตาลเม่อื โตเตม็ ท ่ี

ช่อื : ศรกี าญจนาภิเษก  ชื่อ: เพชรสมุทร 
ลกั ษณะพันธ:ุ เปนไมที่มีสีเขียวปายติดทุกใบ  ลักษณะพันธุ:  เปนไมสูงปานกลาง มีใบไม 
ปลกู เล้ยี งใหมเี ม็ดสขี าวดังรูปทาํ ไดยาก  มาก กานใบสีดาํ ใบมขี นาดปานกลาง 
สี: พ้ืนใบสชี มพอู มเหลือง มีปนใบสีเขียวปาย  ส:ี พืน้ ใบสชี มพเู สน สีชมพเู ขม กระจายท่ัวใบ
ทกุ ใบ เสนใบสแี ดง 

37 

ชือ่ : สวนหลวง  ชือ่ : รตั นพล 
ลักษณะพันธ:ุ ไมท รงพุมเตีย้  ขนาดใบปานกลาง กาน  ลักษณะพันธุ:  เปนไมชอบแสงมาก รูปใบ 
ใบสดี าํ ส้ันและแข็งแรง เปนไมช อบแสงมาก  สวยงาม เม่อื ไดร บั แสงมากสใี บจะเขมขึน้  
ส:ี พน้ื ใบสีแดงสดถึงเขม  เสนใบกลมกลืนกับสีพ้นื ใบ  ส:ี พนื้ ใบสีแดงมีเมด็ สีขาวเม่ือยังเล็ก เม่ือโตขึ้นเม็ด 
สีขาวจะจางลง เสนใบสแี ดงเขมกระจายทว่ั ใบ 

ชื่อ: ดอนเจดยี  
ลักษณะพนั ธุ: ไมใบดก รูปใบเปน ระเบยี บสวยงาม กานใบอวบสมี ะลแิ ข็งแรง 
ส:ี พ้ืนใบสขี าว เสนใบสเี ขยี วเขม ชดั เจน หากดูแลเหมาะสมจะสีพรา สีชมพู 

ออนปรากฏท่ีพนื้ ใบ

38 

ใบยาว ( 2 ) 
บอนใบยาว ซ่งึ แตเดิมเรียกวาบอนใบจีน มีรูปใบเรยี วหรือปอ ม หใู บส้ันกลมฉีกถึงโคนใบ กาน 

ใบอยตู รงรอยหยกั บริเวณโคนใบพอดี 

ชอ่ื : ลูกไมใ หม  ชื่อ: เพชรไพศาล 
ลกั ษณะพันธ:ุ ใบพมุ เต้ยี  ทรงใบเรียวยาวโคน  ลักษณะพันธุ: ไมพุมปานกลาง ใบขนาดกลางกาน 
ใบชิด เมือ่ ไดรบั แสงตลอดวันสีใบจะเขม ข้ึน  ใบสีดาํ เม่อื ไดรบั แสงมากขึ้นสีใบจะเขม ข้ึน 
สี:  พ้ืนใบแดงเขมเม่ือใบโตเต็มที่สีใบจะคล้ําขึ้น  สี:  พ้ืนใบสีแดงเขมเสนกลางใบสีแดงเขมถึง 
เสน กลางวงใบสคี รมี   ดาํ มเี มด็ สคี รมี ขนาดปานกลางกระจายทว่ั ใบ 

ชอ่ื : เพชรไพลิน  ชื่อ: เจาหญิง 
ลักษณะพันธุ:  ไมพุมเตี้ยใบมาก กานใบสีเขียวออน  ลักษณะพันธุ:  ไมใบดก แข็งแรง เมื่อไดรับ 
ชอบแดดรําไร หากไดร ับแสงนอ ยสใี บจะจางลง  แสงเต็มทีส่ สี นั จะสวยงามมาก 
ส:ี พนื้ ใบสีชมพูเขม เสนกลางใบสีครมี   สี: พน้ื ใบสีแดงสดใส เสน ใบสแี ดงสวยงาม 

ช่ือ: ชมพูสยาม (เหมอื นฝน)  ชื่อ: เพชรมณฑล 
ลักษณะพันธ:ุ รูปใบยาว เม่ือไดร ับแสงเตม็ ที่ส ี ลักษณะพันธุ:  รูปใบยาว ทรงใบสวยงาม 
ใบจะสดใสขน้ึ   แข็งแรง 
สี: พ้ืนใบสีชมพูสดใส เสน ใบสขี าว  ส:ี พน้ื ใบสแี ดงเขม บรเิ วณกลางใบสีออ นลง

39 

ช่อื : ปน มกุ   ชือ่ : วยั หวาน 
ลกั ษณะพันธุ: รปู ใบยาวขนาดใบเล็ก เปนไมพมุ   ลกั ษณะพันธุ: รูปใบยาวเรียวแผนใบแคบ กานเล็ก 
ที่แข็งแรง  เปน ไมพุมเลก็  
ส:ี พื้นใบสีขาวครมี  มปี น สีเขียวกระจายท่โี คนใบ  ส:ี พ้นื ใบสชี มพูแกมเขียวเสนสขี าว 

ชอ่ื : เพชรบริสทุ ธ ิ์
ลกั ษณะพนั ธ:ุ รปู ใบยาว แผน ใบไมกวา งมาก ไดรับแสงเตม็ ที่สใี บจะขาวขน้ึ  
สี: พน้ื ใบขาวบริสุทธิ์เสนสเี ขยี วกระจายท่วั ใบ 

ใบยาว ( 3 ) 

บอนใบยาว ซึง่ แตเ ดมิ เรียกวาบอนใบจนี มีรปู ใบเรยี วหรอื ปอม หใู บสั้นกลมฉีกถึงโคนใบ กาน 
ใบอยูตรงรอยหยกั บริเวณโคนใบพอดี 

ชอ่ื : สายธาร  ชื่อ : มหาชัย 
ลักษณะพันธุ :  ไมพุมเต้ีย ทนแสง  เม่ือไดรับ  ลักษณะพันธุ : ไมทรงสูง ใบขนาดกลาง เม่ือ 
แสงเตม็ ทีใ่ บจะมีสขี าวและเสนสเี ขียวเพมิ่ ขึ้น  โตเต็มท่สี แี ดงจะชดั ขึน้  
สี : พน้ื ใบสขี าว มีเสนและปายสีเขียวสดสวยงาม  สี : พ้ืนใบสีเขียวออ นถงึ เขม  มีสีแดงปา ยกระจายบนใบ

40 

ช่อื : ลกู ไมใ หม  ชอื่ : ธดิ าสวรรค 
ลักษณะพันธุ :  ไมพุมปานกลาง ใบยาวเรียว  ลกั ษณะพนั ธุ : ไมพุมเต้ยี ใบหนากา นคอนขางแข็งแรง 
รูปใบสวยงาม กานใบแข็งแรง 
สี : พื้นใบสแี ดงเขม  เสนใบสดี าํ   สี : พ้นื ใบสแี ดงจดั เสนใบสีแดงเขม ยาวจรดขอบใบ 

ชอ่ื : นครคีรีมาท  ช่ือ : สิริขวญั  
ลักษณะพันธุ :  ไมขนาดปานกลางมีใบมาก  ลกั ษณะพันธุ : ไมพุมเต้ียแขง็ แรงใบใหญและหนา 
คอ นขา งแขง็ แรง 
สี : พน้ื ใบสีชมพูเขม  เสน ใบสีแดงดาํ ยาวจรดขอบใบ  สี : พ้ืนใบและเสน ใบสีแดงเขม ขอบใบสีเขยี ว 

ชือ่ : ชบาแกว   ชอ่ื : พระนางมณีวาสนา 
ลักษณะพันธุ : ไมพุมเตี้ย ใบหนาขอบใบเปน  ลกั ษณะพันธุ : ไมพ มุ เต้ีย ทรงใบยาวเรียว เมื่อ 
คลื่น แขง็ แรงทนแดด  ไดร ับแสงเพยี งพอสใี บจะสดขึ้น 
สี : พืน้ ใบสีชมพขู อบใบสเี ขยี วเหลือง  สี :  พื้นใบสีชมพู เสนใบสีชมพูเขม ขอบใบ 
เขยี วเล็กนอ ย 

ชือ่ : ธิดาองั วะ 
ลักษณะพันธุ : ไมขนาดปานกลาง แผนใบกวางสจี ะสดข้ึนเมือ่ ไดร ับแสง เหมาะสม 
สี : พื้นใบสแี ดงสดชมพูออน เสนในสแี ดงเขม

41 

ใบยาว ( 4 ) 
บอนใบยาว ซง่ึ แตเดมิ เรียกวา บอนใบจีน มรี ูปใบเรยี วหรือปอม หูใบส้ันกลมฉีกถึงโคนใบ กาน 

ใบอยูตรงรอยหยกั บริเวณโคนใบพอดี 

ชอ่ื : ธดิ าตองอ ู ชอ่ื : วมิ ลสาคร 
ลักษณะพนั ธุ : ไมพุม เต้ยี ใบหนาและใหญแ ขง็ แรง  ลกั ษณะพันธุ : เปน บอนกัดสี คอนขา งแข็งแรง 
สี : พืน้ ใบสีแดงเขม  เสน ใบสีแดงสด  สี : พนื้ ใบสีสมแดง เสน ใบสเี ขยี ว 

ช่อื : กัลยา  ชื่อ : พระยารามอนิ ทรา 
ลักษณะพนั ธุ : ไมพ มุ ใบบาง  ลักษณะพนั ธุ : ใบหนาเปน มัน กา นและใบแข็งแรง 
สี : พน้ื ใบสชี มพูสดใส เสนใบสีขาวเขยี ว  สี : พื้นใบสแี ดง ปา ยใบสเี ขียว 

ชื่อ : มหาดไทย  ชือ่ : มวงมณ ี
ลักษณะพันธุ : ใบหนา กานและใบแข็งแรง  ลักษณะพันธุ : บอนสูงใหญ กานใบสีดํา 
สี : พนื้ ใบสแี ดงเขม  เสน ใบสีแดงดาํ   สี : พนื้ ใบสีขาวครมี เสนบนใบสีมวง

42 

ชื่อ : เพชรมงคล  ชอื่ : ปานตะวัน 
ลักษณะพันธุ :  ใบคอนขางหนา กานและใบ  ลักษณะพนั ธุ : ใบยาวขนาดใหญ กานใบสีดํา 
แข็งแรง เปน บอนกัดสีเมอื่ โตสีใบจงึ จะสวยขนึ้   เม่อื ไดรบั แสงมากขึ้นสีใบจะเขมข้ึน 
สี : พนื้ ใบสชี มพอู มสม  เสนใบสีเขยี วเขม   สี : พ้นื ใบสีนํ้าตาลแดง เสน ใบสนี า้ํ ตาลดาํ  

ชื่อ : เพชรประกายรง ( เจาสาว ) 
ลกั ษณะพันธุ : ใบยาวแคบคอนขางหนา ขนาดใบไมใ หญ กานใบแข็งแรงสเี ขยี วมะลิ 
สี : พนื้ ใบสชี มพูขาว ขอบใบเขียว เสน ใบสขี าว มสี ีชมพูเขม ปา ยบางสวนของ 

ใบกลม ( 1 ) 

บอนใบกลม เปนบอนทีน่ ับไดวาเกิดขึ้นโดยฝมือคนไทย ปลายใบมนสมํ่าเสมอ และมีกานใบ 
อยบู ริเวณก่ิงกลางใบ 

ชอื่ : จังหวดั นราธิวาส  ช่ือ: เมืองชล 
ลักษณะพันธุ:  ใบมากและมีขนาดใหญ กาน  ลักษณะพันธุ:  ทรงใบกลมมีขนาดปานกลาง 
ใบสีดาํ ถา ไดร ับแสงมากพอสถี ึงจะแดงเขม  หากไดรับแสงนอยจะไมปรากฏพราสีขาว 
กระจายท่ัวใบ กา นใบสีดําคอ นขา งแข็งแรง 
สี:  พ้ืนใบสีแดงเขม มีรอยดางสีขาวอมชมพ ู สี:  พื้นใบสีนํ้าตาลออน เสนใบสีชมพู  มีพรา 
บริเวณกลางใบ  ขนาดใหญส ีขาวกระจายทว่ั ใบ

43 

ชอ่ื : องครกั ษ  ชือ่ : เมืองหลวง 
ลกั ษณะพันธ:ุ ไมใ บหนาชอบแสงมาก กา นใบ  ลักษณะพนั ธ:ุ ทรงใบกลมสวยงาม จํานวนใบ 
สดี าํ อวบและแข็งแรง  4-5 ใบตอตน เมื่อไดรับแสงมากพอจะปรากฏ 
พราสีขาวกลางใบมากขึน้  
สี:  พื้นใบสีแดงเขม เสนใบสีแดงดํา  มีเม็ดสี  สี: พน้ื ใบสเี ขียวออ น เสน ใบสชี มพอู อน มีพรา  
ชมพูกระจายกลางใบ  สีขาวกลางใบ 

ช่อื : รงุ ตะวัน  ช่อื : ศรีพมิ าย 
ลกั ษณะพนั ธ:ุ ทรงใบกลมสวยงาม กานใบแข็งแรง  ลักษณะพันธุ:  ทรงใบปอมคอนขางแข็งแรง 
เมอ่ื ไดร บั แสงเตม็ ท่ีสีเสนใบจะเขม ขนึ้   เมื่อเลก็ เมด็ สชี มพยู งั ไมช ดั เจน 
ส:ี พ้ืนใบสนี ํ้าตาลแดง มเี สน สแี ดงเขม มีเม็ดส ี สี:  พื้นใบสีเขียวและจางเมื่อใบแกเสนใบสี 
ขาวจางๆกระจายทั่วใบ  เขียว มเี ม็ดสีชมพูกระจาย 

ช่ือ: จังหวดั พษิ ณโุ ลก  ชือ่ : เมืองกาญจน 
ลักษณะพันธุ:  ทรงใบกลมแตไมสมํ่าเสมอ แตก 
ลักษณะพันธุ:  ทรงใบกลมสวยงามใบหนา  หนอเร็ว จาํ นวนใบ 5-6 ใบตอตน เมอื่ ไดร บั แสงมาก 
กานใบแข็งแรง คอ นขางทนตอแสงแดด  พอจะปรากฏพราสชี มพทู ีพ่ นื้ ใบ 
สี: พืน้ ใบสขี าว เสนใบสเี ขียว มพี รา สีชมพู
สี: พื้นใบสขี าวถงึ ชมพแู ดง เสนใบสีแดงเขม 

44 

ใบกลม (3) 
บอนใบกลม เปนบอนที่นับไดว า เกดิ ขึ้นโดยฝมือคนไทย ปลายใบมนสมา่ํ เสมอ และมีกานใบอย ู

บรเิ วณก่ิงกลางใบ 

ชื่อ : รตั นาธเิ บศร  ชื่อ : ชนื่ เจริญ 
ลักษณะพันธ:ุ ใบมากและมขี นาดใหญ กานใบสีดํา  ลกั ษณะพนั ธ:ุ ใบปอ มหนา เปนทรงพมุ ไมส งู ใหญ 
ถา ไดรับแสงมากพอสกี ลางจะขาวอมชมพู 
สี:  พื้นใบสีแดงอมชมพู มีรอยดางสีขาวอม  สี: พน้ื ใบสีเขยี วออ น มีสีแดงปา ยในแตละใบ 
ชมพบู รเิ วณกลางใบ 

ชือ่ : ลกู ไมใ หม 
ลักษณะพันธุ: ทรงใบปอ ม มเี สน กระจายทัว่ ใบคลา ยรางแห กานใบสีดาํ แขง็ แรง 
สี: พ้นื ใบสขี าวครีม เสน บนใบสแี ดงเขม  เสนขอบใบสีเขยี ว

45 

ใบไผ 
บอนใบไผเปนบอนท่ีมีใบยาวรูปใบไผ  เปนบอนที่มีใบแคบเรียวยาวเปนเสน ปลายใบเรียว 

แหลม สวนกวา งที่สดุ ของใบวดั ได ไมเกนิ 2 นิว้  

ช่ือ : ทองแสนขัน  ชอื่ : หาดใหญ 
ลกั ษณะประจําพนั ธุ : ใบหนาและมขี นาดปาน  ลักษณะประจําพันธุ :  ใบหนา กานใบสีเขียวมะล ิ
กลาง กานใบสดี าํ แข็งแรง เตบิ โตเร็ว  แข็งแรง โตเร็วปรับตัวกบั สภาพแวดลอมไดด ี 
สี : พน้ื ใบสขี าวอมชมพเู สนใบสแี ดงเขม   สี :  พื้นรอบใบสีเขียวออนบริเวณกลางใบมี 
พราสีชมพสู ด 

ช่ือ : จังหวดั สพุ รรณบรุ ี  ชอื่ : ไผสยาม 

ลกั ษณะประจําพนั ธุ : ใบมขี นาดปานกลาง ทรงใบปอ ม  ลกั ษณะพนั ธุ : ใบเรียวยาวแข็งแรง มใี บมาก 

กา นใบสีดําแข็งแรง 

สี : พน้ื ใบสขี าวอมชมพเู มอ่ื ไดรับแสงมากขึ้น สใี บจะ  สี : พ้นื สีแดงเขมโคนใบสคี รีม 

เขมข้ึนเปนสชี มพแู ดง 

ชอื่ : หยกมณี  ชอื่ : ธารทิพย 
ลกั ษณะพนั ธุ : กานใบยาวแผนใบกวา งขอบใบหยกิ   ลักษณะพันธุ : ใบเรียวแหลมขอบใบเปนคลืน่  กานใบ 
แข็งแรง 
สี : พ้นื ใบสขี าว มีปน และเสน สเี ขียวทว่ั ใบ  สี : พน้ื ใบสแี ดง โคนใบสคี รีมเหลอื ง

46 

ชอ่ื : ไขเตา  ชอ่ื : ไขหวาน 

ลกั ษณะพนั ธุ : เปนไมท รงพุม ใบเรยี วยาวแขง็ แรง กาน  ลกั ษณะพันธุ : เปนไมทรงพมุ  ใบเรยี วยาวแขง็ แรง กา น 

ใบสีเขยี ว  ใบสีเขียว 

สี : พืน้ ใบสขี าวเขียว  สี : พนื้ ใบสขี าวเขียวอมชมพ ู

ชื่อ : พลอยไพฑรู ย 
ลักษณะพันธุ : เปน ทรงพุมสวยงาม กานใบสั้นและแข็งแรง 
สี : พ้นื ใบสีแดง โคนใบบริเวณที่ตดิ กับกานใบสเี ขยี วอมเหลอื ง


Click to View FlipBook Version