ก
ก
สารบัญ
เนื้อหา
ปลาทอง.......................................................................................................................................................... 1
ปลาทองสายพนั ธ์ตุ า่ ง ๆ.................................................................................................................................. 1
ปลาทอง บางครั้งแบง่ เป็นกลมุ่ ใหญ่ ๆ......................................................................................................... 1
พวกท่ีมีครบี หลงั มลี ำตัวสนั้ มีครบี ยาวและครบี หางเป็นคู่........................................................................... 2
ตามลกั ษณะหวั และสี.................................................................................................................................. 2
พวกทีไ่ ม่มีครบี หลัง ..................................................................................................................................... 4
อาหารปลาทอง............................................................................................................................................... 5
อาหารธรรมชาติ ......................................................................................................................................... 5
อาหารสำเรจ็ รปู .......................................................................................................................................... 6
การเลี้ยงพอ่ แมพ่ ันธ์ปุ ลาทอง........................................................................................................................... 7
การคัดเลอื กพอ่ แมพ่ ันธป์ุ ลาทอง ................................................................................................................. 7
ปลาเพศผู้.................................................................................................................................................... 8
ปลาเพศเมีย................................................................................................................................................ 8
โรคปลาและวิธีการรักษา................................................................................................................................. 8
การเลีย้ งปลาทอง.......................................................................................................................................... 11
วธิ ีสังเกตปลาป่วย ......................................................................................................................................... 12
1
ปลาทอง
ปลาทอง เป็นสัตว์นำ้ ทีช่ ื่อมีความหมายล้ำค่าแก่ผู้ทีไ่ ด้ครอบครอง และยังเป็นปลาที่มีผู้นยิ มเลี้ยงมา
ตั้งแต่อดตี จนถึงปัจจุบนั ดว้ ยความหลากหลายของสายพันธุ์ทำให้มคี วามต้องการของตลาด ท้ังในประเทศและ
ต่างประิยมเรียกว่า ปลาเงินปลาทอง มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่าGoldfish เป็นปลาน้ำจืด อยู่ในครอบครวั
(Family) Cyprinidae มชี อ่ื วิทยาศาสตรว์ า่ Carassius auratus (Linn.)มีถนิ่ กำเนิดดง้ั เดิมในประเทศจีนตอนใต้
ในธรรมชาติชอบอาศัยตามหนองนำ้ และลำคลองทีต่ ิดกับแมน่ ำ้ ในสภาพแวดล้อมท่ดี ปี ลาทองอาจมชี ีวิตยืนยาว
อยู่ได้ 20-30 ปี แตป่ ลาทองทเ่ี ลีย้ งไวด้ เู ล่นจะมชี ่วงชวี ติ ประมาณ 7-8 ปี พบจำนวนนอ้ ยมากทมี่ อี ายุถงึ 20
ปี
ปัจจุบันประเทศจนี ฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางการส่งออกปลาทองที่ใหญ่ที่สุด
ประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงปลาทองกันมากในแถบจังหวัดราชบุรี นครปฐมและกรุงเทพฯ สำหรับประเทศ
ไทยผลผลิตปลาทองส่วนมากมีการจำหน่ายภายในประเทศ การส่งออกมีจำนวนนอ้ ย
การส่งออกจะแบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื การส่งปลาท่ีมีคณุ ภาพดี เช่น สายพนั ธห์ุ วั สิงห์ ตลาดส่วน
ใหญ่จะอยู่ท่ปี ระเทศสงิ คโปร์ ยุโรป อังกฤษและฝร่งั เศส สว่ นปลาทองที่มีคณุ ภาพรองลงมา เชน่ ออแรนดา จะ
มีตลาดอยูท่ ส่ี หรฐั อเมริกาขณะเดยี วกันกม็ ีการนำเข้าปลาทองสายพนั ธสุ์ งิ ห์ญีป่ นุ่ (รันช)ู จากประเทศญ่ีปุ่นมา
เป็นพ่อแม่พันธุ์เพอ่ื การเพาะเล้ยี งและปรับปรงุ พนั ธุ์
สายพันธุ์ปลาทอง
ปลาทองสายพันธ์ุต่าง ๆ
ดงั ทีไ่ ด้กล่าวมาแล้วว่า ปลาทองมีความหลากหลายในสายพันธ์ุทำใหเ้ ป็นท่ีนิยมของนกั เลยี้ งปลาท้ังใน
ประเทศและต่างประเทศ ปจั จบุ ันมสี ายพนั ธุ์ปลาทองมากกว่า 100 สายพันธุ์ การตัง้ ชื่อปลาทองแตล่ ะสายพนั ธ์ุ
น้ันจะตง้ั ชอื่ ตามลกั ษณะลำตวั และลกั ษณะครบี ซง่ึ เราสามารเทศสูงมาก อาชพี การเพาะเล้ียงปลาทองสามารถ
ทำรายไดใ้ ห้กบั ครอบครวั ได้เป็นอยา่ งดี
ปลาทอง บางคร้งั แบง่ เปน็ กล่มุ ใหญ่ ๆ ได้ 2 กลุม่ ดงั น้ี
พวกทมี่ ีลำตวั แบนยาว (Flat body type) ปลาในกลุ่มนี้สว่ นมาก มีลำตัวแบนข้างและมคี รีบหางเดย่ี ว
ยกเว้นปลาทองวากิวซึ่งมคี รบี หางคู่ ปลาในกลุ่มนี้จะว่ายน้ำได้ปราดเปรียวและรวดเร็ว เลี้ยงง่ายทนทานต่อ
สภาพแวดล้อม มคี วามแข็งแรงมากท่สี ุดในบรรดากลุม่ ปลาทองทั้งหมด เจรญิ เตบิ โตเรว็ เหมาะท่จี ะเลย้ี งในบ่อ
สายพันธทุ์ ี่นิยมเลีย้ งไดแ้ ก่
ปลาทองธรรมดา (Common goldfish) มีลักษณะเหมือนปลาทองท่ีพบในแหล่งน้ำธรรมชาติมีสีสม้
เขยี ว ทอง และขาว มจี ดุ หรือลายสดี ำ ลำตัวค่อนขา้ งยาว และแบนขา้ ง
ปลาทองโคเมท (Comet goldfish) ปลาทองชนิดนี้พัฒนามาจาก Common goldfish มีครีบยาว
เรยี วออกไป โดยเฉพาะครบี หาง ซ่งึ อาจจะมคี วามยาวมากกว่า เศษสามสว่ นส่ี หรอื หนึ่งเท่าของความยาวลำตวั
2
ทำใหว้ ่ายนำ้ ไดร้ วดเรว็ เปน็ ปลาทเ่ี ลี้ยงง่าย ลำตัวมสี ีสม้ ขาวเงิน และเหลือง เปน็ ปลาท่ีได้รบั ความนิยมมากใน
สหรฐั อเมริกา
ปลาทองชูบุงกิง (Shubunkin) ปลาทองสายพันธุน์ ีค้ ัดพนั ธ์ุได้ที่ประเทศญี่ปุ่น มีลำตัวเรียวยาวคล้าย
ปลาทองธรรมดา แต่มีครีบทุกครีบยาวใหญ่สมบูรณ์กว่าปลาทองพันธุ์ธรรมดามาก ปลายครีบหางมนกลม
ลำตัวอาจมีสแี ดง ส้ม ขาว ขาวและแดง หรอื อาจมหี ลายสี มี 2 สายพนั ธ์ุ คือ londonshubunkin และ Bristol
shubunkin สายพนั ธ์ุ Bristol shubunkin จะมีครบี หางใหญ่กว่าชนิด London shubunkin
ปลาทองวากงิ (Wakin) ปลาทองพันธ์นุ คี้ ดั พนั ธ์ไุ ดท้ ป่ี ระเทศจีน ลำตัวมีสีแดงสดใส และสขี าวสายพันธุ์
นจี้ ัดอยู่ในกลุม่ ทม่ี ีลำตวั แบนยาวแต่มคี รีบหางเป็นคู่
พวกทม่ี ลี ำตัวกลมหรือรปู ไข่ (Round หรอื egg-shaped body type) ปลาในกลุ่มน้ีมีจำนวนมาก
แบง่ เป็นหลายสายพันธุ์ มลี ักษณะครบี หัวและนยั น์ตาที่แตกตา่ งกันหลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อย
ได้ 2 กล่มุ โดยพิจารณาจากลักษณะครบี ดงั นี้
พวกทีม่ คี รบี หลงั มีลำตัวสั้น มคี รีบยาวและครีบหางเปน็ คู่ เชน่
ปลาทองริวกิ้น (Ryukin) เป็นปลาที่นิยมเลี้ยงกันแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
โดยเฉพาะประเทศญ่ปี นุ่ เนอ่ื งจากเป็นปลาทมี่ ีรูปร่างและสีสนั สวยงาม มที ว่ งท่าการวา่ ยน้ำท่สี งา่ งาม ลักษณะ
เด่น คอื ลำตัวด้านขา้ งกวา้ งและส้นั สว่ นท้องอ้วนกลม มองจากดา้ นหนา้ โหนกหลังสงู ข้ึนมากทำให้สว่ นหัวแลดู
เล็กครีบหลังใหญ่ยาวและตั้งขึ้น ครีบหาง เว้าลึกยาวเป็นพวง ทำให้มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันอีกหลายชื่อ เช่น
Veiltail และ fantail เปน็ ตน้ เกลด็ หนา สีท่ีพบมากมีทั้งสีแดง ขาว ขาว-แดง และส้ม หรอื มหี ้าสี คอื แดง ส้ม
ดำ ขาว ฟา้ ซ่งึ ในบ้าน เรานิยมเรยี กวา่ ริวกน้ิ ห้าสี
ปลาทองออแรนดา (Oranda) ปลาพันธุ์นี้เกิดจากการผสมพันธุร์ ะหว่างพันธุ์หวั สิงห์และพันธ์รุ ิ
วกิ้น อาจเรียกว่า Fantail lionhead ปลาทองพันธุ์ออแรนดา (Oranda) จะมีลักษณะลำตัวค่อนข้างยาวกว่า
ปลาทองพันธ์หุ ัวสงิ ห์และรวิ กนิ้ ลำตวั คลา้ ยรปู ไข่หรือรูปรี ส่วนท้องไม่ป่องมาก ครีบทกุ ครบี ยาวใหญ่โดยเฉพาะ
ครีบหางจะยาวแผห่ ้อยสวยงามมาก ปลาทองพนั ธุ์นีแ้ บ่งเป็นพันธยุ์ ่อย ๆ ได้อีก
ตามลกั ษณะหวั และสีได้แก่
ออแรนดาธรรมดา มลี ำตัวคอ่ นข้างยาวรี หวั ไม่มีว้นุ ครีบทุกครีบยาวมาก
ออแรนดาหัวว้นุ ลำตัวและหางไมย่ าวเทา่ ออแรนดาธรรมดา แต่บริเวณหวั จะมีว้นุ คลมุ อยู่คลา้ ยกับหัว
ปลาทองพันธุ์หัวสิงหแ์ ตว่ ุน้ จะไมป่ กคลมุ สว่ นของหวั ทั้งหมด จะมวี นุ้ เฉพาะตรงกลางของสว่ นหัวเท่าน้นั และวุ้น
ทดี่ ีจะต้องมีลกั ษณะเปน็ รปู ส่ีเหลี่ยมเม่อื มองจากด้านบน
ออแรนดาหัวแดง (Red cap oranda) คือ ออแรนดาหัววุ้นนั่นเองแต่จะมีวุ้นบนหัวเป็นสีแดง และ
ลำตวั มสี ีขาวภาษาญีป่ ุ่นเรียกวา่ ตันโจ มีลักษณะลำตัวสขี าวเงิน วนุ้ บนหวั เป็นก้อนกลมสีแดง คล้ายปลาสวม
หมวกสีแดง
3
ออแรนดาหา้ สี (Calico oranda) ลักษณะเหมือนออแรนดาหัววุ้นท่ัวไป แตม่ สี ลี ำตัว 5 สี คือ ฟ้า ดำ
ขาว แดง สม้
ออแรนดาหางพวง (Vailtail) ลกั ษณะครีบหางจะยาวเปน็ พวง ครีบหลังพรว้ิ ยาว ที่หวั มีวุ้นนอ้ ยหรือไม่
มีเลย ส่วนของลำตัวใหญ่ส้ัน ทอ้ งกลม แต่ส่วนหลังแบนขา้ งเลก็ นอ้ ย บรเิ วณโหนกหลงั สงู ชนั มาก ทำใหส้ ่วนหัว
ดแู หลมเล็ก ครบี หลังใหญ่ยาวและตงั้ สงู ครีบหางเว้าลกึ เป็นพวง
ปลาทองเกล็ดแก้ว (Pearl scales goldfish) ปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้ว มีลำตัวอ้วนกลมสั้น ส่วน
ทอ้ งปอ่ งออกมาท้งั 2 ดา้ น เมอ่ื มองดา้ นบนจะเหน็ เป็นรปู ทรงกลม หวั มีขนาดเลก็ ปากแหลม มลี ักษณะเด่นที่
เกล็ดคือ เกล็ดหนามาก และนูนขึ้นมาเห็นเป็นเม็ดกลม ๆ ซึ่งเกิดจากเกล็ดที่มีสารพวกกัวอานิน ( guanine)
มากน่ันเอง ลกั ษณะเกล็ดท่ีดีต้องข้นึ ครบนนู สม่ำเสมอและเรียงกนั อยา่ งมีระเบยี บ ครีบทุกครีบรวมท้ังหางส้ัน
และต้องกางแผ่ออกไม่หุบเข้าหรอื งอ สีที่นยิ มได้แก่ สีแดง ส้ม เหลือง ดำ ขาว ขาวแดง ปลาชนิดน้ีเลีย้ งยาก
ปลาทองเกลด็ แก้วท่นี ิยมเล้ยี งในประเทศไทยมี 3 สายพนั ธ์ุ ได้แก่ เกล็ดแกว้ หวั มงกฎุ เกลด็ แก้วหน้าหนู และ
เกลด็ แกว้ หวั วุ้น
ปลาทองตาโปน (Telescope eyes goldfish) มีลักษณะลำตัวสัน้ และส่วนทอ้ งกลมคล้าย ๆ
กับพนั ธุ์รวิ กนิ้ มีลกั ษณะเด่นทต่ี าท้งั สองขา้ ง โดยตาจะย่ืนโปนออกมาด้านข้างเห็นไดเ้ ดน่ ชดั ถือกันว่าตายิ่ง
โปนมากยิง่ เป็นลักษณะที่ดี และเมื่อมองจากด้านบนจะต้องมีลักษณะกลมยื่นออกมาเท่ากันท้ังตาซ้ายและตา
ขวา ครีบทุกครีบและหางจะต้องแผ่กว้าง ปลายไม่หุบเข้า หรืองอไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ครีบที่เป็นครีบคู่
จะต้องเท่ากันและชี้ไปในทิศทางเดียวกัน (ขนานกัน) ปลาทองพันธุ์นี้ยังแบ่งออกเป็นพันธุ์ย่อย ๆ ได้อีกตาม
ลกั ษณะสีบนลำตวั และครบี ได้แก่
ปลาทองตาโปนสแี ดง หรือขาวแดง (Red telescope-eyes goldfish) ลำตัวและครบี จะต้องมีสีแดง
เขม้ หรอื อาจมสี ขี าวสลบั สีแดง และสีขาวจะต้องขาวบริสทุ ธ์ิไมอ่ มเหลอื ง จึงจะถอื วา่ เป็นลกั ษณะที่ดี
ปลาทองตาโปน 3 สี หรือ 5 สี (Calico telescope-eyes goldfish) ลำตัวและครีบมหี ลายสีในปลา
ตวั เดียวกัน
ปลาทองพันธ์เุ ลห่ ์ (Black telescope-eyes goldfish หรอื Black moor) ซ่ึงไดแ้ ก่ ปลาทองที่เรยี กวา่
รักเล่ห์ หรอื เล่ห์นน่ั เอง ลักษณะทดี่ ขี องปลาพันธ์ุนี้คอื ลำตัวและครบี จะตอ้ งดำสนิทและไม่เปลย่ี นสีไปจนตลอด
ชีวติ
ปลาทองแพนดา้ (Panda) ปลาทองสายพนั ธนุ์ ีน้ ิยมมากในประเทศจนี เป็นปลาทองพันธ์ุเล่หท์ ี่ไดม้ ี
การลอกสีที่ลำตัวจนกลายเป็นสีขาวหรอื สเี งิน ส่วนครีบต่าง ๆ จะมีสีดำมลี ักษณะคล้ายหมแี พนด้า ซ่งึ สายพันธุ์
นีจ้ ะมลี ักษณะไมค่ งที่เพราะมีการลอกสไี ปเร่อื ย ๆ
ปลาทองปอมปอน (Pompon) ประเทศญี่ปนุ่ เปน็ ประเทศแรกที่เพาะพนั ธ์ุได้ มลี กั ษณะลำตัวส้ัน
มองจากด้านบนจะมลี กั ษณะเป็นรปู ส่เี หล่ียมคล้ายปลาทองหัวสงิ ห์แตแ่ ตกตา่ งกันตรงส่วนหัว โดยผนงั กั้นจมูก
ของปลาทองปอมปอนจะขยายเจรญิ เติบโตออกมาขา้ งนอกเปน็ พู่ 2 ขา้ งทำให้แลดแู ปลกตาออกไป มีชว่ งลำตวั
4
ยาวและเพรียวกว่าปลาทองหวั สงิ ห์สายพนั ธอุ์ น่ื ๆ ปลาทองปอมปอนท่นี ิยมมากทส่ี ุดคอื พนั ธุ์สแี ดงไม่มคี รบี
หลัง สายพนั ธปุ์ อมปอนแบง่ ออกเปน็ ปอมปอนหวั สิงห์ ปอมปอนออแรนดา ปลาทองสายพนั ธุ์นี้บา้ นเราไม่ค่อย
ได้รับความนิยมแพร่หลายมากเท่าใดนัก สาเหตุอาจเป็นเพราะปลาสายพันธุ์นี้โดยมากมีทรวดทรงที่ไม่
สวยงามเท่าปลาทองหัวสิงห์สายพันธุ์อื่นขณะเดียวกันเป็นปลาที่แพร่พันธุ์ได้ยาก และปลาที่เพาะพันธุ์ได้
โดยมากเปน็ ปลาพิการเสยี เปน็ สว่ นใหญ่ ดังนนั้ จงึ ทำให้ปลาชนดิ นีไ้ มค่ อ่ ยเป็นท่ีนิยมในหมูน่ กั
เพาะพันธุ์ปลาระดบั มืออาชีพ เนื่องจากเพาะแลว้ ไมค่ อ่ ยคุ้ม
พวกที่ไม่มีครีบหลัง มีรูปรา่ งกลมและไม่มคี รีบหลังปลาทองในกลุ่มนี้จะว่ายน้ำได้ไม่ดี เทียบเท่ากบั
กลุม่ ท่มี คี รีบหลงั ไดแ้ ก่
ปลาทองหัวสิงห์จีน (Chinese lion head) จีนเปน็ ประเทศแรกที่เพาะพนั ธุ์ปลาทองสายพันธ์นุ ี้
ชาวตะวันตกเรียกปลาทองสายพันธุ์นี้ว่าLionhead ในประเทศไทยเรียกว่า ปลาทองหัวสิงห์จีน (Chinese
lionhead) ลักษณะโดยท่ัวไปจะมองคล้ายสงิ ห์ญปี่ ุน่ แต่ลำตัวคอ่ นขา้ งยาวไมส่ ้นั กลมอย่างสงิ หญ์ ป่ี ุ่น และส่วน
หลังก็จะโคง้ นอ้ ยกว่าสิงห์ญี่ปนุ่ หางใหญย่ าวกว่าวุ้นบนหัวจะมีมากกว่าสิงหญ์ ป่ี นุ่ วุน้ ขึ้นปกคลุมส่วนหวั ท้ังหมด
และวุ้นทีด่ ีจะต้องมีลกั ษณะเปน็ เมด็ ละเอยี ด สีลำตัวและครีบ มกั จะมีสีอ่อนกวา่ สิงห์ญปี่ ุ่น เมอ่ื โตเต็มที่มีขนาด
เฉลี่ยประมาณ 15 เซนตเิ มตร แต่ก็เคยพบบางตวั มีขนาดใหญถ่ งึ 25 เซนติเมตร อายุเฉล่ียประมาณ 5-7 ปี
ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น (Ranchu หรือ Japanese lion head) เป็นปลาทองที่คัดพันธุ์ได้ในประเทศ
ญี่ปุ่น ซึ่งญปี่ ุ่นเรียก Ranchu เปน็ ปลาทองพนั ธท์ุ ่ีได้รบั ความนิยมมากทสี่ ดุ ในบรรดาปลาทองหวั สิงห์ ทั้งหมด
ราคาค่อนขา้ งสูง ลกั ษณะทด่ี ีของปลาทองพนั ธ์ุน้ีคอื ลำตวั สัน้ ค่อนขา้ งกลม ถ้ามองจากด้านบนท้องทั้งสองด้าน
จะตอ้ งป่องออกเท่ากัน สันหลงั โคง้ เรยี บเปน็ รปู ไข่ ไม่มรี อยหยักข้นึ ๆ ลง ๆ ไม่มีครีบหลัง ครีบทุกครีบสั้น
ครีบคู่ทุกครีบต้องมีขนาดเท่ากัน และอยู่ในทิศทางเดยี วกัน (ขนานกัน) ครีบหางส้ันและตัง้ แข็งแผ่กว้าง วุ้น
จะต้องขึ้นทัว่ ท้ังหัว เชน่ บรเิ วณรอบปาก รอบดวงตาและใต้คาง โดยเฉพาะวนุ้ ใตค้ างควรจะมีมากเปน็ พิเศษจน
มองดจู ากดา้ นบนหวั จะมลี ักษณะเป็นรูปสเี่ หล่ียม ขณะว่ายนำ้ ต้องทรงตัวได้ดีและวา่ ยน้ำในลักษณะหัวก้มต่ำ
เล็กนอ้ ย สขี องปลาทองพนั ธน์ุ มี้ ีหลายสี เช่น แดง แดงและขาว ส้ม ดำ ขาว และห้าสี สแี ดงเปน็ สีท่ไี ดร้ ับความ
นยิ มมาก ปลาชนิดนคี้ อ่ นข้างอ่อนแอเล้ียงยาก เน่ืองจากการผสมเลอื ดชิด (inbreed) ขนาดโตเต็มท่ีประมาณ
20-25 เซนตเิ มตร
ปลาทองหัวสิงห์ลูกผสม (Hybrid lionhead, Ranchu x Chinese lionhead) ปลาทองสาย
พันธุ์น้เี ปน็ ลูกผสมเพาะพันธ์ุไดใ้ นประเทศไทย ซ่งึ นำจดุ เด่นของปลาทองหัวสงิ หจ์ นี และสิงห์ญี่ปนุ่ มารวมกัน
ไวใ้ นปลาตัวเดียวกนั สาเหตขุ องการผสมข้ามพนั ธ์ุ เน่ืองมาจากปลาทองหวั สงิ ห์ญีป่ นุ่ จะผสมพันธ์ุได้ค่อนข้าง
ยาก ดงั นนั้ การนำปลาทองหัวสิงหจ์ ีนมาผสมด้วยจะช่วยใหป้ ลาแพร่พันธ์ุได้ง่ายและไดจ้ ำนวนลูกปลาเพิ่มมาก
ข้ึน ลกั ษณะเดน่ ของปลาทองหัวสงิ ห์ลกู ผสมคอื วุ้นบนหัวของปลาจะมขี นาดปานกลาง ไม่ใหญเ่ ท่าปลาทองหัว
สิงห์จีน แต่ใหญ่กว่าปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น หลังโค้งมนมากกว่าปลาทองหัวสิงห์จนี แต่ไม่โค้งและสัน้ เทา่ ปลา
ทองหัวสิงหญ์ ่ีปนุ่ ครีบหางสัน้ กวา่ ปลาทองหวั สงิ ห์จีน แต่จะยาวกว่าปลาทองหวั สิงหญ์ ป่ี ุ่น
5
ปลาทองพันธุ์สิงห์ตามิดหรือสิงห์สยาม (Siamese lionhead) เป็นปลาที่คัดพันธุ์ได้ในประเทศไทย
ลักษณะลำตัวท่วั ๆ ไปคล้ายสงิ หญ์ ่ีปนุ่ แต่หัวมวี นุ้ มากกว่า วนุ้ จะข้ึนคลุมทุก ๆ ส่วนบนหัวแม้กระทงั่ สว่ นของตา
จะมองไม่เห็นเลยจงึ ทำใหไ้ ด้ชื่อว่าสงิ ห์ตามิดครบี หางมีขนาดใหญก่ ว่าสิงหญ์ ่ีปนุ่ เล็กนอ้ ย ทุกสว่ นของลำตัวต้อง
ดำสนิท
ปลาทองพันธ์ุตากลับ (Celestial goldfish) ปลาทองพนั ธุห์ วั สิงห์ตากลับ เปน็ ปลาทองท่ีมีต้นกำเนิด
อยู่ในประเทศจีน ชาวจีนเรียกว่าโชเตนงัน(Chotengan) ซึ่งมีความหมายว่า ปลาตาดูฟ้าดูดาว หรือตามุ่ง
สวรรค์ ญ่ปี นุ่ เรียกปลาชนดิ นี้ว่าเดเมรนั ชู (Deme- ranchu) ลกั ษณะเด่นคอื มีตาหงายกลับข้ึนขา้ งบน ผดิ จาก
ปลาทองชนิดอนื่ ๆตาใหญส่ ดใสทั้งสองขา้ ง สว่ นหัวไมม่ วี นุ้ หรือมเี คลอื บเล็กน้อย ไม่มคี รบี หลัง ลำตวั ยาว หลัง
ตรงหรอื โคง้ ลาดเลก็ น้อย ครีบหางยาว
ปลาทองพนั ธต์ุ าลกู โปง่ (Bubble eyes goldfish) มลี กั ษณะลำตวั คล้ายพนั ธุ์หวั สงิ หแ์ ต่ค่อนข้างยาว
กวา่ ไมม่ คี รีบหลัง ลักษณะเด่นของปลาชนดิ นี้คอื บริเวณใต้ตาจะมีถุงโปง่ ออกมาลกั ษณะคล้ายลกู โป่ง และถือ
กนั วา่ ถุงลูกโป่งย่ิงมีขนาดใหญ่ยิง่ เปน็ ลักษณะท่ดี ี และถงุ ทงั้ สองขา้ งจะต้องมีขนาดเท่ากัน ปลาพันธุ์นท้ี ่ีพบมาก
มสี ีแดง สม้ หรอื สีผสมระหวา่ งสแี ดงและสีขาว หรือสม้ และขาว จดั เปน็ ปลาทีเ่ ล้ียงยากและเพาะพันธ์ุได้ยาก
ขนาดโตเต็มท่ยี าวประมาณ 20-25 เซนตเิ มตร
อาหารปลาทอง
อาหารธรรมชาติ ถงึ แม้ปลาทองจะเป็นปลาท่กี นิ ได้ท้ังพืชและสัตวเ์ ป็นอาหาร (Omnivorous)แต่ใน
ธรรมชาติชอบกินอาหารพวกลูกน้ำ ไรแดง (Moina) ไรสีน้ำตาล (Artemia) หนอนแดง และไส้เดือนน้ำ
อาหารมชี วี ิตเหลา่ น้มี ีคุณคา่ ทางอาหารสูงทำใหป้ ลาโตเร็วมีความสมบรู ณ์ทางเพศดีเหมาะสมต่อการเล้ียงพอ่ แม่
พนั ธุ์ปลาทอง โดยใหว้ ันละ 2-3 รง้ั อาหารธรรมชาติจะให้ในสภาพทีม่ ชี วี ิตหรอื ตายแลว้ กไ็ ด้ หากเป็นอาหารที่
ตายแลว้ ต้องใหป้ ริมาณทพ่ี อเหมาะ ถ้ามอี าหารเหลือต้องรบี ดดู ท้งิ ทนั ที เนือ่ งจากอาหารทีเ่ หลอื จะทำใหน้ ้ำเนา่
เสียและเกิดโรคได้ ปัจจุบันเกษตรกรในจังหวัดนครปฐมและราชบุรีได้เพาะเลี้ยงปลาทองโดยใช้หนอน
แมลงวนั หรือหนอนขหี้ มขู าว ซ่งึ เกดิ ในบรเิ วณเล้าหมู เรียกวา่ หนอนขห้ี มนู ำมาเลีย้ งปลาใช้เป็นอาหารปลาทอง
ขนาดอายุ 1-2 เดือนขนึ้ ไป แตใ่ นการเลย้ี งพ่อแม่พันธุป์ ลาควรระวงั อย่าใหก้ ินหนอนขี้หมูมาก เพราะจะทำให้
ปลาอ้วนเกินไปซงึ่ มผี ลทำให้ปริมาณไข่ทีอ่ อกนอ้ ย
ข้อควรระวงั กอ่ นนำหนอนข้ีหมูมาเป็นอาหารจะตอ้ งนำมาลา้ งนำ้ ใหส้ ะอาดและแช่ด่างทับทมิ ใน
อัตราสว่ น 2-3 กรัม/นำ้ 1,000 ลิตร หรอื ต้มเพ่อื ปอ้ งกนั เชื้อโรค
ผลดีของอาหารมีชีวิต
+ สัตว์น้ำจะมีเอนไซมช์ ว่ ยย่อย ซ่งึ สตั ว์น้ำสามารถยอ่ ยและกนิ ไดต้ ลอดเวลา
+ อาหารมชี ีวติ มอี งคป์ ระกอบของกรดอะมโิ นอิสระที่สำคญั ซ่ึงจะช่วยใหเ้ กิดความเจรญิ เติบโต
+ มีสารสีต่าง ๆ (Pigment) ตามธรรมชาติ ช่วยในการป้องกันและสร้างภูมิต้านทานโรคซึ่งปลาไม่สามารถ
สงั เคราะหเ์ องตามธรรมชาติ
6
+ มีราคาต่ำเมือ่ เทียบกับอาหารเมด็ สำเร็จรปู
อาหารสำเร็จรปู ไดแ้ ก่ อาหารเมด็ ขนาดเลก็ เปน็ อาหารทเี่ หมาะสำหรับการเล้ยี งปลาทอง และควร
เลอื กอาหารทีม่ ีเปอรเ์ ซ็นต์โปรตีนสงู จะทำให้ปลาเจริญเตบิ โตดีและมีสีสันสวยงามโดยทัว่ ไปส่วนประกอบของ
อาหารสำเร็จรูปควรประกอบด้วย โปรตีน 40% คาร์โบไฮเดรต 44% ไขมัน10% วิตามินและแร่ธาตุ 6%
สว่ นประกอบของอาหารท่มี ีปรมิ าณโปรตีนตำ่ จะทำใหป้ ลาโตช้าหรือชะงักการเจรญิ เติบโตและมคี วามสมบูรณ์
ทางเพศน้อยหรือถา้ อาหารมีปรมิ าณโปรตนี มากเกนิ ไป ปลากจ็ ะขบั ถ่ายของเสยี ออกมามากทำให้น้ำมีปริมาณ
แอมโมเนียสงู ซึ่งเป็นพิษตอ่ ปลา
: ลูกปลาขนาดเล็ก (ต่ำกวา่ 1 นิ้ว) มคี วามตอ้ งการโปรตนี ประมาณ 60 - 80% เพ่อื การเจริญเติบโต
: ปลาวัยรนุ่ จะมีความตอ้ งการโปรตีนประมาณ 40 - 60% เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสมบูรณ์ทางเพศทำให้ไขพ่ ฒั นา
: ปลาเตม็ วัยจะมคี วามต้องการโปรตีนประมาณ 30 - 40%
การให้อาหาร ควรให้วนั ละ 3 -5 % ของน้ำหนักปลา เช่น ปลาทั้งหมด น้ำหนัก 500 กรัม จะให้
อาหารเมด็ วันละ 15 - 25 กรัม โดยแบ่งใหเ้ ช้าเย็นหรือจะใช้อาหารผสมแทน โดยใช้อาหารที่มีส่วนผสมของ
ปลาปน่ รำละเอียด กากถั่วปน่ วติ ามนิ และแรธ่ าตุซงึ่ กำหนดให้มีปรมิ าณโปรตีนไมต่ ำ่ กวา่ 40%อาหารสำเร็จรปู
มีข้อดีกว่าอาหารธรรมชาติหลายประการได้แก่ สามารถควบคุมคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน ความ
สม่ำเสมอและความคงทนในขณะที่ละลายน้ำ แต่อาหารสำเร็จรูปจะทำให้น้ำเสียง่าย ขนาดของอาหาร
สำเร็จรปู สามารถปรบั ให้เข้ากบั การเจรญิ เติบโตของลูกปลา เมอ่ื ปลามี
ขนาดใหญส่ ามารถ ปรบั ขนาดได้ ขนาด วัสดุอาหารและกล่ินของอาหารเปน็ ปจั จัยสำคัญในการทำอาหาร
วธิ ีการใหอ้ าหารสำเร็จรปู มีข้อควรพิจารณาในการใหอ้ าหาร ดงั นี้
+ ปริมาณอาหารทีใ่ ห้ ไมม่ ากเกนิ ไป ปลาควรกินหมดภายใน 15 นาที
+ ความถี่ หลักการใหอ้ าหารควรจะใหป้ ริมาณน้อยแต่บอ่ ยครง้ั ทั้งน้ีควรให้วันละ 2 -3 ครงั้ ถ้าเลี้ยงด้วยอาหาร
สำเร็จรปู ควรมกี ารเสริมอาหารมชี วี ิต
+ การยอมรับอาหาร บางครงั้ พบว่า ปลาไมย่ อมรับอาหารท่ีไมเ่ คยกินมาก่อน จงึ จำเปน็ ตอ้ งฝึกให้กินโดยอาจ
ต้องให้ปลาอดอาหาร 1 - 2 วัน และลองใหก้ ินอาหารใหม่อกี คร้ัง แล้วสงั เกตว่าปลายอมกนิ อาหารหรือไม่
+ การเลอื กชนดิ และปริมาณของอาหาร ควรตอ้ งคำนึงถงึ ระบบการเปล่ยี นถา่ ยนำ้ ในบอ่ เลยี้ ง
+ อาหารเร่งสี สีของตัวปลาเกิดจากการทำงานของเซลล์ผิวหนังซึ่งมีเม็ดสีอยู่ภายใน เม็ดสีที่อยู่ใน ชั้นของ
ผิวหนังสีแดงหรือสีเหลืองของปลาทองเปน็ สีของคาร์โรทินอยล์ชนิดแอสทาแซนธิน (Astaxanthin) คือถ้าใน
เซลล์ผิวหนงั มคี าร์โรทนิ อยลม์ ากเทา่ ไร ย่อมทำให้ปลามสี สี ดขึน้
ดังนนั้ ในปัจจุบันจะมีการใชส้ ารเรง่ สี (แอสทาแซนธิน) ให้ปลากนิ เพ่อื ใหป้ ลามีลำตวั สแี ดง และมีการ
ใช้สไปรูไรน่า (Spirulina) ผสมกับอาหารเลี้ยงปลาเพื่อเพิ่มความเข้มของสีแดง ส้ม หรือสีเหลือง ในตัวปลา
ปกตอิ าหารสำเร็จรปู สว่ นมากจะมสี ไปรไู รน่าผสมอยู่ในอัตราสว่ นไม่เกิน 10% อาหารท่ีผสมสารเรง่ สจี ะใช้เลยี้ ง
7
ปลาที่มอี ายปุ ระมาณ 3 สปั ดาห์ โดยให้กินในมอื้ เช้า ส่วนมอ้ื เย็นจะให้กนิ อาหารมชี วี ิต ในกรณีทเ่ี ล้ยี งปลาทอง
ในบริเวณท่มี แี สงแดดเพียงพอไมเ่ ป็นตอ้ งให้อาหารเรง่ สี
การเล้ียงพ่อแม่พันธุ์ปลาทอง
บ่อเล้ียงพอ่ แมพ่ ันธ์ุ การเลี้ยงพ่อแม่พนั ธป์ุ ลาทองสามารถเลยี้ งไดท้ ัง้ ในบอ่ ซเี มนต์ บอ่ ดิน ถงั ไฟเบอร์ ตู้
กระจก ฯลฯ ทำเลที่เหมาะสมในการสรา้ งบ่อพ่อแม่พันธ์ปุ ลาทอง คือ บริเวณท่ีแสงแดดส่องได้บ้างในเวลาเช้า
หรือเย็น หากเป็นที่โล่งแจ้งต้องทำหลังคาหรือร่มเงาให้แสงส่องลงได้เพียง 25-40 % บ่อที่ได้รับแสงแดดท่ี
พอเหมาะจะทำใหส้ ามารถควบคุมการเจริญเตบิ โตของตะไครน่ ำ้ และแพลงกต์ อนพืช (Phytoplankton) ให้อยู่
ในปริมาณท่ีพอดี ทำให้น้ำในบ่อใสสะอาดอยู่เสมอเหมาะกับความเป็นอยู่ของปลา พื้นที่บอ่ ไม่จำกัดใส่น้ำลึก
30-70 เซนตเิ มตร ขึ้นกบั ชนิดปลา ถ้าเป็นปลาทองสายพันธ์ุหวั สิงห์ กจ็ ะใส่นำ้ ตนื้ ส่วนพันธ์ุออรันดาสามารถใส่
น้ำลึกได้ให้อากาศผา่ นหัวทรายตลอดเวลา บ่อขนาด 4 ตารางเมตร นำ้ ลกึ 70 เซนตเิ มตร ใส่หัวทรายใหอ้ ากาศ
แรง ๆ 2-3 หัว ปลอ่ ยพ่อแมป่ ลาในอัตราสว่ น เพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ 2 : 3 ความหนาแน่น 6 ตัว/ตารางเมตร
หรือปรมิ าตรนำ้ 1 ลูกบาศกเ์ มตร ปลอ่ ยพ่อแมพ่ นั ธ์ุนำ้ หนักรวม 2-2.5 กิโลกรมั
อาหารที่ใช้เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ อาหารธรรมชาติ ได้แก่ ลูกน้ำ หนอนแดง ไส้เดือนแดง หรืออาร์ทีเมีย
อาหารมีชวี ติ เหล่านจ้ี ะทำใหป้ ลาโตเรว็ และปลากินได้ตลอดเวลา แตก่ ารจดั เตรยี มหรอื จดั หาอาจมีความยุ่งยาก
ในบางพืน้ ทอี่ าหารสำเรจ็ รปู ได้แก่ อาหารเมด็ ปลากินพืชหรืออาหารเมด็ ปลาดุกเลก็ โดยอาหารเม็ดปลาดุกเลก็
จะดีกว่า เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารสงู กว่า สามารถเลี้ยงปลาได้เจริญเติบโตดี และมีสีสันสวยงาม การให้
อาหารจะให้วนั ละ 2-3 % ของน้ำหนักปลา เช่น มีปลาทั้งหมดหนัก 500 กรัม จะให้อาหารเมด็ วนั ละ 10-15
กรัม โดยแบ่งใหว้ นั ละ 2 มื้อ เช้า - เยน็ คณุ สมบตั ขิ องนำ้ ที่ใชเ้ ลยี้ งพอ่ แมพ่ นั ธุ์
น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาทอง ควรเป็นน้ำสะอาด ใช้น้ำบาดาลน้ำจากแม่น้ำ หรือน้ำประปาที่ใส่ถังเปิดฝาให้
คลอรีนระเหยออกอยา่ งน้อย 3 วัน มีความเป็นกรด-ด่าง (pH) 6.5-7.5 มีปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำไม่ต่ำ
กว่า 5 มลิ ลกิ รัม/ลิตร จึงจำเป็นตอ้ งมรี ะบบเพิม่ ออกซเิ จนในบ่อเลี้ยงพ่อแมพ่ ันธุป์ ลาตลอดเวลา ความกระด้าง
(Hardness) 75-100 มิลลกิ รัม/ลติ ร และความเป็นด่าง (Alkalinty) 75-200 มิลลิกรมั /ลิตร ปรมิ าณออกซเิ จน
ทล่ี ะลายน้ำไม่ตำ่ กวา่ 3 มลิ ลิกรมั /ลติ ร มีการดดู ตะกอนก้นบ่อออกทุก ๆ 3 วัน แลว้ เติมนำ้ ใหไ้ ดร้ ะดบั เดมิ การ
เลี้ยงปลาทองไม่จำเป็นต้องเปล่ียนถ่ายน้ำบ่อย เพราะจะทำให้ปลาช้ำและเกิดโรคง่าย จะเปล่ียน 3 เดือนตอ่
ครง้ั ในปริมาณ 25-50 % ของน้ำท้ังหมด และหากน้ำในบอ่ มีคณุ ภาพไมด่ ี ก็ให้ทำการล้างบอ่ นำนำ้ เกา่ จากบ่อ
อน่ื มาเติมปรมิ าณ 30 % และใส่น้ำใหม่เพมิ่ ไปอกี 70 % การไมเ่ ปล่ียนน้ำนาน ๆ แลว้ เปลีย่ นจะเปน็ การกระตนุ้
ใหป้ ลาวางไขเ่ ป็นอยา่ งดี
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลาทอง ปลาทองจะเจรญิ พฒั นาจนกระทั่งมีความสมบรู ณ์เพศเมื่อมีอายุ
ประมาณ 6 เดอื น นำ้ หนกั 30 กรัม กส็ ามารถใชเ้ ป็นพอ่ แมพ่ ันธุไ์ ด้แล้ว แตแ่ ม่ปลาขนาดเล็กจะใหไ้ ขน่ ้อย และ
8
ไข่มีขนาดเล็ก การคัดเลือกพอ่ แม่พันธ์ุ ควรตรวจสอบลักษณะรูปร่างให้มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ สมบูรณ์
แข็งแรง มคี รีบต้งั แข็งไม่ฉีกขาด มีเกลด็ เป็นเงางาม และตรวจสอบความสมบูรณเ์ พศ ดงั น้ี
ปลาเพศผู้ ในฤดูผสมพันธ์ุ บริเวณแผ่นปดิ เหงือก (operculum) และด้านหน้าของครีบหจู ะมีตุ่มเล็ก ๆ
คล้ายเมด็ สวิ เรยี กวา่ pearl organ เกิดข้ึน เวลาสัมผัสจะรสู้ กึ สากมอื
ปลาเพศเมยี มรี ปู ร่างกลมและปอ้ มกวา่ เพศผู้ ปลาเพศเมียทมี่ ไี ขแ่ ก่เตม็ ท่พี รอ้ มจะผสมพนั ธุ์นัน้ ส่วนท้อง
จะอมู ใหญ่ และอ่อนน่ิม บริเวณกน้ จะบวมและมสี แี ดงเรอ่ื ๆ แม่ปลาทใ่ี ชไ้ มค่ วรมีอายุเกิน 1ปี เน่อื งจากแมป่ ลา
ทม่ี อี ายุมากเกินไปจะไม่วางไข่
การฟักไข่ นำรังเทียมที่มีไข่เกาะติดไปฟักในถังฟักไข่ ซึ่งอาจใช้บ่อซีเมนต์ ถังไฟเบอร์ โอ่ง หรือ
กะละมงั พลาสตกิ กไ็ ด้ ถา้ ใชถ้ งั ไฟเบอรข์ นาดเส้นผ่าศนู ยก์ ลาง 2 เมตร ใส่น้ำลกึ 50-60 เซนตเิ มตร จะใช้ฟักไข่
ได้ประมาณ 100,000 ฟอง ให้อากาศตลอดเวลา ไข่ปลาทองจะฟักออกมาเปน็ ตัวภายใน 2-4 วัน ขึ้นอยู่กับ
อณุ หภมู ินำ้ ลูกปลาแรกฟักมีขนาดเลก็ มาก ตัวใส เกาะตดิ กบั รงั ไข่หลังจากฟักเปน็ ตวั แล้วประมาณ 2-3 วนั ลูก
ปลาจึงจะว่ายออกจากรังไข่ และว่ายน้ำเป็นอิสระ ลักษณะตัวมีสเี ขม้ ขึน้ จะนำรังเทียมออกจากบ่อในระยะนี้
แลว้ อนุบาลในบ่อเดมิ ตอ่ ไป หรอื อาจย้ายลกู ปลาไปอนุบาลในบอ่ ใหมก่ ็ได้
การอนุบาลลูกปลาทอง ลูกปลาทองทีฟ่ ักออกเป็นตวั ระยะแรก จะยังไม่กินอาหาร เนื่องจากยังใช้
อาหารจากถุงไข่แดงท่ตี ิดอยูก่ บั หน้าท้องได้ เมือ่ ลูกปลาอายุ 3 วนั ถุงไข่แดงจะยบุ จงึ เร่มิ กินอาหาร อาหารใน
ระยะแรกคือ ไข่แดงต้มสุกบดละเอยี ด ละลายน้ำสาดให้กินวันละ 3-4 ครง้ั ลูกปลา 100,000 ตัว ใหไ้ ข่ประมาณ
วันละ 1 ฟอง เมื่อลูกปลาอายุ 1 สัปดาห์ ควรเสริมไรแดงให้ลูกปลากิน ลูกปลาจึงจะเจริญเติบโตได้รวดเรว็
และแขง็ แรงสมบรู ณ์ หรอื ให้ไรแดงตัง้ แต่วนั ที่ 3 เลยก็ได้ เมื่อลูกปลาอายุ 1 เดอื น จึงทำการคัดขนาดและย้าย
บ่อ โดยคัดปลาที่มีขนาดใกล้เคียงกันไปอยู่ในบ่อใหม่และให้อาหารเม็ดปลาดุกเล็ก หรืออาหารมีชีวิต ได้แก่
ลูกน้ำ หนอนแดง เป็นต้น เมื่อลูกปลาทองมีอายุประมาณ 1.5-2.5 เดือน จะเริม่ เปลี่ยนสี ช่วงนี้ทำใหก้ ารคัด
ปลาทม่ี ีลกั ษณะสวยงามถกู ต้องตามสายพนั ธ์เุ พ่ือเลย้ี งไวต้ ่อไป ส่วนปลาท่เี หลอื จะนำไปเลยี้ งรวมกนั อกี บอ่ เปน็
ปลาทองทจี่ ำหนา่ ยในราคาที่ถกู กว่า สำหรับปลาที่พกิ ารและถกู คดั ทงิ้ จะนำไปจำหน่ายเปน็ ปลาเหยือ่
โรคปลาและวิธีการรักษา
โรคหนอนสมอ (Anchor worms)
อาการ : หนอนสมอจะมขี นาดความยาว 0.6-1 เซนตเิ มตร หนอนสมอจะใชส้ ่วนหัวฝงั เขา้ ไปในตัวปลาและย่ืน
สว่ นหางออกมาทำให้เหน็ เหมือนมเี สน้ ด้ายเกาะติดอยทู่ ต่ี วั ปลา (ภาพที่ 46)ถ้าดงึ ออก สว่ นทเ่ี ปน็ สมอมกั จะขาด
ติดอยู่ใต้ผิวหนังทำให้เกิดแผล เป็นทางให้แบคทีเรียเขา้ สู่ตัวปลาได้ ปลาที่พบหนอนสมอจะมีอาการซึมไมก่ นิ
อาหาร ว่ายถตู ัวกับขอบต้หู รือบอ่ และมีรอยแดงช้ำเป็นจ้ำตามตวั เนอื่ งจากปลาระคายเคอื งเป็นอย่างมาก จะ
เอาตวั ถูข้างบ่อ
9
การรักษา : แชป่ ลาในสารละลาย ดพิ เทอเร็กซ์ 0.25-0.5 กรัม ตอ่ นำ้ 1,000 ลิตร แช่ตลอดไป และแช่ซำ้ ทกุ 7
วนั รวมระยะเวลารกั ษา 4 ครง้ั หรอื เวลารักษา 1 เดอื น
โรคเหบ็ (Fish lice) Argulus sp.
อาการ : เห็บมีลกั ษณะกลมแบบคลา้ ยรูปจาน ขนาดยาว 3 - 5 มลิ ลิเมตร มีขา 8 ขา แต่ละขายงั แยกเปน็ ขาละ
2 คู่ (ภาพที่ 47) ปลาทีม่ ีเห็บเกาะอยูจ่ ะวา่ ยถูตวั กบั ข้างบ่อ เพื่อใหเ้ หบ็ หลุดเกล็ดปลาจะหลุดเป็นแผล ซึ่งทำ
ความเสยี หายมากเนอื่ งจากปรสิตนส้ี ามารถขยายพันธ์ุเร็ว
การรักษา : แช่ปลาที่มีเห็บในสารละลาย ดิพเทอเร็กซ์ในอัตราส่วน 0.25-0.5 กรัม ต่อน้ำ 1,000 ลิตรแช่
ตลอดไปและแช่ซ้ำทกุ 7 วันต่อคร้งั รวมระยะเวลารกั ษา 4 คร้ัง หรือเวลารักษา 1 เดือน
โรคจดุ ขาวหรืออคิ๊ (White spot "Ich")
อาการ : เกิดจากโปรโตซวั ขนาดใหญท่ ่มี ีรปู ร่างเป็นรูปไข่ Ichthyophthirius multifilis โดยจะฝงั อยู่ท่ีผิวและ
เหงอื กของปลาปลาจะสร้างเซลลผ์ ิวหนังชั้นนอกเพม่ิ ขึน้ จนหุม้ ปรสติ หมด ทำให้บริเวณนั้นกลายเปน็ จุดขาว ๆ
ระคายเคอื ง ผิวหนังมีอาการคันปรสติ จะขยายพนั ธ์เุ จริญเตม็ ที่ หลดุ ออกจากตัวปลา ว่ายน้ำเป็นอิสระส่วนหนึ่ง
จะสร้างเกราะหุ้มตัวให้ตัวอ่อน เมื่อสภาพเหมาะสมเกราะก็จะแตกออก ตัวอ่อนว่ายเข้าติดตัวปลาต่อไป ถ้า
เกาะไม่ได้ตัวอ่อนจะตายภายใน 4 วัน โรคจะลามภายใน 7-8 ชั่วโมงเท่านั้น มักเกิดช่วงหน้าฝน เมื่อปลา
กระทบน้ำฝนหรือหนาวเย็นจดั ปลาจะมอี าการเซ่อื งซมึ ครบี เป่อื ย ไมค่ ่อยเคลอื่ นไหว และว่ายน้ำถูกบั ข้างบอ่
การรกั ษา : ใชม้ าลาไคท์กรนี 0.1-0.2 กรมั ต่อน้ำ 1,000 ลติ ร แชต่ ลอดไป และแชซ่ ำ้ 2-3 คร้งั หา่ งกันคร้ังละ
5-7 วนั : มาลาไคท์กรีนรว่ มกบั ฟอร์มาลนิ อตั รา 4 ซซี ี กับ 1 ซีซีตอ่ นำ้ 20 ลิตร
โรคเชื้อรา (Fungus)
อาการ : พบบรเิ วณผิวหนัง ครบี บรเิ วณมีบาดแผล และในไข่ปลาท่ไี มไ่ ด้รบั การผสมลักษณะเป็นเสน้ ใยอยเู่ ป็น
กล่มุ ปลาทไี่ ด้รับเชอื้ Saprolegnia sp. จะมปี ุยขาวคล้ายปุยสำลเี กาะติดตามลำตัวท่ไี ดร้ บั ความบอบช้ำหรือมี
บาดแผลตามตัว ราจะเขา้ เกาะทนั ทีราเจริญทอ่ี ุณหภมู ิ 25-28 องศาเซลเซียส และมีวงจรชวี ิต 1-2 วัน เทา่ น้ัน
การรักษา : แช่ปลาในน้ำทผ่ี สมเกลอื 3-5 กโิ ลกรมั ต่อน้ำ 1,000 ลิตร นานตลอดไป หรอื ใช้มาลาไคท์กรีน0.1-
0.2 กรัม ตอ่ นำ้ 1,000 ลิตร หรือ 2 ซีซี ตอ่ น้ำ 1 ลติ ร แชจ่ นกว่าปลาจะหายป่วย ซงึ่ อาจต้องแช่ซ้ำ2-3 คร้ัง
โรคครีบและหางเปือ่ ย
อาการ : ปลาจะมอี าการเซ่อื งซมึ ไม่คอ่ ยกินอาหารและมกั จะว่ายน้ำสนั่ กระตกุ เป็นพัก ๆ ครีบและหางจะขาด
แหว่งคลา้ ยถูกกัด บริเวณปลายครีบและหางจะมีสีขาวขนุ่ หรอื แดง และคอ่ ย ๆ ลกุ ลามไปเร่ือย ๆ จนครีบและ
หางของปลาหดหายไป ซึ่งจะทำให้ปลาตายในที่สุด โรคนี้เกิดจากปลาได้รับเชื้อโปรโตซัว และมีการติดเชอ้ื
แบคทีเรียรวมด้วย
การรักษา : แชป่ ลาปว่ ยด้วยฟอรม์ าลิน 25 - 45 ซีซ/ี น้ำ 1,000 ลติ ร แชป่ ลานาน 2 วนั
: ใชย้ าปฏชิ ีวนะจำพวกไนโตรฟรู าโซน ในอัตราสว่ น 1-2 กรมั ตอ่ นำ้ 1,000ลิตรแช่ปลานาน 2-3 วัน
โรคเหงอื กอกั เสบหรือเหงอื กเน่า (Gill rot)
10
อาการ : เหงือกปลาจะบวมแดง เกิดการเน่าและแหว่งหายไป (ภาพที่ 48) ปลาหายใจถี่ผิดปกติ และขึ้นมา
หายใจบนผวิ นำ้ เสมอ ๆ หรอื วา่ ยไปอยู่ที่ท่อออกซิเจน
การรักษา : ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยขึ้น และให้ออกซิเจน หรือใช้ด่างทับทิม 3-4 กรัม ต่อน้ำ 1,000 ลิตรแช่
ตลอดไป
โรคเวลเว็ทหรือโอโอดิเนยี ม (Velvet disease หรือ Oodinium disease)
อาการ : เป็นโรคท่เี กดิ จากปรสติ (Oodinium sp.) มสี ีน้ำตาลคลา้ ยสนิมเกาะตามลำตัว เหงอื ก (ภาพท่ี 49) ถา้
มีเป็นจำนวนมากจะทำใหป้ ลาวา่ ยน้ำทรุ นทุราย เนื่องจากหายใจไมอ่ อก
การรักษา : แชป่ ลาในนำ้ เกลอื อัตราสว่ น เกลอื 1 กิโลกรมั ในน้ำ 100 ลติ ร แชจ่ นปลาเร่มิ ว่ายนำ้ กระสบั กระสา่ ย
จงึ จบั ปลาออก และอาจต้องทำซำ้ อีก 2-3 คร้งั โดยเวน้ ระยะ 2-3 วัน
โรคทอ้ งบวม (Abdominal dropsy)
อาการ : เป็นโรคทีส่ ่วนใหญเ่ กดิ จากแบคทีเรยี ปลาจะมีอาการเซ่ืองซมึ ไมเ่ คลอื่ นไหว อออยู่ใตผ้ วิ น้ำหรอื จมก้น
บ่อ ปลาไม่ค่อยกินอาหารในแบบเฉียบพลัน ส่วนท้องจะบวมมาก (ภาพที่ 50)มีน้ำสีแดงออกมาจากช่องทอ้ ง
และอาจเกิดเกลด็ ตงั้ ขน้ึ สว่ นแบบเร้อื รงั ผิวหนังของปลาจะเป็นรอยชำ้ ตกเลอื ด
การรกั ษา : แช่ปลาในยาปฏชิ วี นะออกซี่เตตรา้ ซัยคลิน หรือเตตร้าซัยคลิน ในอตั ราส่วน 10-20 มิลลกิ รมั ตอ่ นำ้
1,000 ลิตร แช่นาน 2-3 วัน จึงถา่ ยนำ้ ใหม่แล้วแชย่ าซ้ำอกี
: ไม่ควรเลยี้ งปลาในปรมิ าณท่แี นน่ จนเกนิ ไปและควรใหอ้ าหารในปรมิ าณที่เหมาะสม
การเกิดฟองอากาศ (Gas bubble disease)
อาการ : สว่ นมากจะเกดิ กับลกู ปลาทีเ่ ลยี้ งในบอ่ ท่ีมแี สงแดดจดั และมีสาหรา่ ยในน้ำปริมาณสูง (สงั เกตจากน้ำ
ในบ่อจะมีสีเขยี วมาก) ซึ่งสาหร่ายจะทำให้เกิดการสงั เคราะหแ์ สง และเกดิ ก๊าซออกซิเจนมากเกินไป ส่วนใน
ตอนเย็นออกซเิ จนลดลงอยา่ งรวดเรว็ ทำให้ปลาปรบั ตัวไมท่ นั เห็นเปน็ ฟองอากาศในตัวปลาโดยเฉพาะลกู ปลา
การรกั ษา : ควรจะหาทบ่ี งั แดด โดยใช้ตาขา่ ยบังแสงให้มแี สงผ่านได้ 40-60%
โรคเสียการทรงตวั (Swim bladder disease)
อาการ : ปลาจะว่ายน้ำหมนุ ควงตีลงั กา เสยี การทรงตัว ตกเลือดตามตวั และซอกเกล็ด จะเกดิ กบั ปลาตั้งแต่วัย
อ่อนถึงตัวเตม็ วัย ซึง่ อาจเกดิ จากความผิดปกติของถุงลมระบบแลกเปลยี่ นกา๊ ซผดิ ปกติ สาเหตุการเกิดโรคยังไม่
แนช่ ัด
การรักษา : ไม่พบวิธีการรักษาที่ได้ผล ส่วนมากถ้าพบปลาป่วย จะนำปลาไปเลี้ยงในที่แคบ ๆ เพิ่มอุณหภูมิ
และความเค็ม โรคเสียการทรงตัวบางครั้งไมไ่ ด้ข้ึนกับกระเพาะลมอย่างเดยี วอาจเกิดจากการทำงานของระบบ
ย่อยอาหารผดิ ปกติ ทำให้เกดิ ก๊าซมาก
11
การเลี้ยงปลาทอง
หลงั จากทอ่ี นุบาลลกู ปลาทองได้ 2-4 สัปดาห์ สามารถนำลกู ปลาทองไปเลีย้ งในบอ่ ขนาดใหญ่ โดยแยก
วธิ ีการเล้ยี งได้ 2 รูปแบบ คอื
การเลยี้ งในบ่อดิน
วธิ นี ้ีเหมาะสำหรบั ผูท้ ี่ต้องการเลยี้ งปลาระยะเวลาสั้นเพ่อื ที่จะขายปลาให้เร็วและในปริมาณมากเพราะ
การเลย้ี งในบ่อดนิ จะช่วยให้ปลามอี ัตราการเจรญิ เติบโตทร่ี วดเรว็ กวา่ การเลย้ี งในบ่อซเี มนต์ เนื่องจากภายในบอ่
ดินมีอาหารธรรมชาตอิ ุดมสมบรู ณ์ การเลีย้ งในบ่อดินจะทำใหป้ ระหยัดแรงงานและค่าใชจ้ า่ ยในการเปลย่ี นถา่ ย
น้ำ การคัดปลา และค่าอาหาร ซึ่งเหมาะแก่การเลี้ยงปลาทองสายพันธุ์ออแรนดา บ่ออาจมีขนาดตั้งแต่ 10
ตารางเมตร ถึง 800 ตารางเมตร หรอื 2 งาน (ภาพท่ี 43)
อาหารทใ่ี ช้เลีย้ งปลาทองในบ่อดินควรเปน็ อาหารลอยนำ้ เพราะผเู้ ลย้ี งสามารถสงั เกตการกินอาหารของปลาได้
เช่น อาหารปลาดุกเล็กโดยให้ 2 ครง้ั /วนั เชา้ - เยน็ พบว่าอัตรารอดของลกู ปลาทองทเ่ี ลยี้ งในบ่อดินประมาณ
30-70% เน่อื งจากในบอ่ ดินจะมพี วกกบและงู คอยกนิ ลกู ปลาจึงทำให้อตั รารอดน้อย การใช้ตาข่ายกน้ั รอบ ๆ
บ่อจะทำให้อัตรารอดสูงขึ้น (ภาพที่ 44) สำหรับบอ่ ขนาด 2 งานสามารถเลี้ยงลูกปลาทองขนาด 1 นิ้ว ได้ถึง
9,000 ตวั (90 ตัว/ตารางเมตร)
ส่วนมากการเล้ียงในบ่อดินจะไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำนอกจากมีการเติมน้ำลงในบ่อกรณที ี่ระดบั น้ำ
ลดลงไปมากหรอื นำ้ สกปรกจงึ ถา่ ยเปลย่ี นนำ้ การเลีย้ งในบ่อดินส่วนมากจะใช้ระยะเวลาในการเลย้ี งส้ันกวา่ การ
เลย้ี งในบอ่ ซเี มนต์ ผู้เลี้ยงจะใชเ้ วลาประมาณ 2 เดือนก็สามารถขายปลาทองที่มปี ระมาณขนาด 3 นิ้ว ถ้าเล้ียง
ในบ่อซีเมนต์ต้องใชเ้ วลาถึง 3 เดือน
หลังจากที่มกี ารเลี้ยงในบอ่ ดินได้ 2-2.5 เดือน ปลาทองจะมีขนาดประมาณ 2.5-3 นวิ้ เรมิ่ ดำเนนิ การ
คัดปลาเพื่อจำหนา่ ยโดยปลาที่พิการจะถูกขายเป็นปลาเหยื่อ ส่วนปลาท่ีมีลักษณะดีก็นำไปเลี้ยงต่อเพ่อื เพ่ิม
ราคาหรือนำมาเปน็ พอ่ แมพ่ นั ธ์ตุ ่อไป
การเลย้ี งในบ่อซีเมนต์ จะใชพ้ ื้นทน่ี ้อยกว่าการเลยี้ งในบ่อดนิ ต้องมกี ารเปลยี่ นถา่ ยน้ำบ่อยครั้งและดแู ลเอาใจใส่
ปลาเป็นอย่างมากเพื่อใหไ้ ดป้ ลาที่มีคุณภาพ วิธีนี้เหมาะกับผูเ้ ลี้ยงปลาทองหัวสงิ หป์ ลาทองตาโปน เกล็ดแก้ว
และริวกิ้น การเลีย้ งในบอ่ ซีเมนต์จะต้องมกี ารคัดปลาทุกสัปดาห์ โดยคดั ปลาทมี่ ีลักษระดีรูปร่างได้สัดส่วนและ
สีสันสวยงาม
การปลอ่ ยลกู ปลาอนุบาลในบ่อซเี มนต์ (ขนาดปลา 1-1.5 นิ้ว) ความหนาแน่นประมาณ 40-50 ตัว/
ตารางเมตร ส่วนปลาที่มีรูปร่างผิดปกติหรือพิการคัดทิ้งขายเป็นปลาเหยื่อในราคาต่ำ หรือในกรณีท่มี ีระบบ
กำจัดของเสียตลอดเวลา (น้ำไหลตลอดเวลา) ก็สามารถเลี้ยงได้หนาแน่นมากขึ้น 50-100 ตัว/ตารางเมตร
(ปลาขนาด 1.5 นิ้ว) บางฟาร์มคัดปลาที่มีลักษณะดีมากเลี้ยงด้วยความหนาแน่นที่น้อยลงคือ30 ตัว/ตาราง
เมตร สว่ นปลาท่ีเกรดต่ำลงมาจะเล้ียงด้วยความหนาแนน่ มากขึน้ คือ 50 ตวั /ตารางเมตร
12
นอกจากการคัดลักษณะปลาแล้วกม็ ีการคัดขนาดปลาด้วยเพราะปลาขนาดเล็กจะไม่สามารถแย่ง
อาหาร
กนิ กับปลาใหญไ่ ด้การเล้ยี งในบอ่ ซีเมนต์ ถา้ มกี ารเปล่ียนถ่ายน้ำบอ่ ยจะทำใหป้ ลาเจรญิ เตบิ โตเร็ว มีการเปล่ียน
สแี ละสจี ะลอกเรว็ ดว้ ย อตั ราการรอดของลกู ปลาทเี่ ลย้ี งในบ่อซเี มนต์สงู กวา่ การเล้ยี งในบอ่ ดินถา้ ผเู้ ลี้ยงต้องการ
ทจ่ี ะผลิตปลาทองท่มี คี ุณภาพ ควรจะเลี้ยงปลาในบ่อซเี มนต์ ซง่ึ วธิ ีน้ีแม้จะต้องใช้เวลามากในการเลี้ยงและการ
ดแู ล แต่ปลาจะขายได้ราคาดี สำหรบั ปลาทองพันธ์ุหวั สิงหข์ นาด 4-5 นว้ิ รปู รา่ งสีสนั ลกั ษณะหัวและครีบตรง
กับความต้องการของตลาดจะมีราคาเรมิ่ ต้งั แต่ตัวละ 300 บาท ถึงหลายพันบาท
วิธีสังเกตปลาป่วย
โรคปลาทอง
การเลย้ี งปลาทองใหม้ ีคุณภาพจำเปน็ ต้องมีการดูแลเอาใจใสท่ ี่ดี แต่ในบางครัง้ เมอ่ื สภาพอากาศเกิดการ
เปล่ยี นแปลงโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซงึ่ พบว่าตน้ ฤดูฝนปลาทเ่ี ลย้ี งไว้ทีก่ ลางแจง้ มักจะเกดิ การล้มปว่ ยและตาย
โดยไมร่ สู้ าเหตุ ทั้งนีเ้ ปน็ เพราะก่อนฝนตกอากาศจะร้อนอบอ้าว แต่พอฝนตกลงมาอากาศกเ็ ย็นลงอย่างรวดเร็ว
ประกอบกับคณุ สมบัตขิ องนำ้ กเ็ ปล่ียนไปอกี ดว้ ยทำให้ปลาปรับสภาพไมท่ นั จึงมกั เกดิ การล้มปว่ ย
สาเหตขุ องโรค
+ น้ำ ถ้าปล่อยให้น้ำเสียโดยไม่เปลี่ยนถา่ ยน้ำ อาหารตกค้างมาก ค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำมากกว่า 1นั้น
หมายความวา่ มสี ารละลายปนอยู่ ทำให้ปลาหายใจลำบากอาจเกิดโรคได้ เนื่องจาก pH ของนำ้ เปล่ียนแปลง
น้ำฝนทต่ี กลงมาใหมก่ เ็ ปน็ สาเหตุทำให้ pH เปล่ียนแปลง เช่นกนั
+ อณุ หภมู ิและระดับออกซิเจนในนำ้ ถา้ เกิดการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมขิ องนำ้ ท่ปี ลาอาศยั อยอู่ ยา่ งรวดเรว็ (เกิด
ความแตกต่างของอุณหภูมิเกิน 5 องศาเซลเซียส ในเวลาสั้น) ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง ส่งผลให้ปลา
ออ่ นเพลยี ภมู คิ มุ้ กันของปลาลดลง
+ ก๊าซต่าง ๆ เกิดจากการหมักหมมของอาหารและสิ่งที่ปลาขับถ่ายออกมา เกิดก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์และ
แอมโมเนียทเ่ี ปน็ พิษตอ่ ปลา
+ พาหะนำเชื้อโรค ลกู น้ำ หนอนแดง ไรแดง อาจนำเชื้อโรคและปรสติ บางตวั มาสูป่ ลา เชน่ หนอนสมอโรคจุด
ขาว
+ การใช้เครื่องมือและอุปกรณร์ ว่ มกบั ปลาที่เป็นโรค จะเป็นสาเหตุใหเ้ กิดโรคได้ ควรมบี ่อเฉพาะสำหรับรักษา
โรคและแยกอปุ กรณ์ไว้ต่างหาก
วิธีการสังเกต
ในขณะทป่ี ลาป่วย ปลาจะมลี กั ษณะและอาการวา่ ยน้ำผดิ ปกติ ซึง่ สามารถสังเกตไดด้ งั น้ี
+ ลกั ษณะการเคลื่อนไหวของปลาท่ีเปน็ โรคจะผิดปกติ มอี าการเซอ่ื งซมึ อาจวา่ ยน้ำเสียดสหี รือถูกบั ก้นบอ่ ว่าย
มาออกันท่ผี ิวน้ำ โดยเฉพาะปลาท่ีมีปรสติ เกาะ
13
+ ปลาทเ่ี ป็นโรค ขณะว่ายนำ้ จะไมก่ างครีบออกครบี อาจจะกร่อนแหวง่ หายไป
+ เหงอื กบวมแดงเหน็ ชัดเจน เน่ืองจากหายใจไมส่ ะดวก พยายามเปิดปิดเหงอื กมากทีส่ ดุ เหงอื กอาจบวมจนถึง
กระดกู เหงอื ก
+ มเี ลือกออกตามเกลด็ หรือมีบาดแผลตามตัว
+ ปลาทเี่ ปน็ โรคจะมสี ซี ดี กวา่ ปกติ
+ ปลาขบั เมือกออกมามากผดิ ปกติ นำ้ มสี ขี าวขนุ่ ภาชนะทใ่ี ช้เลยี้ งปลามีเมอื กจับเตม็ ไปหมด
+ เกล็ดพองลุกชนั ท้องโต ทง้ั ๆ ทป่ี ลาไมม่ ไี ข่เรียกว่าทอ้ งมาร
+ ปลาผอมไมค่ อ่ ยกินอาหาร โดยปกตปิ ลาทองจะเปน็ ปลาท่กี นิ อาหารเก่งและกนิ เกือบตลอดเวลาไมค่ ่อยหยุด
ถ้าปลาไม่ยอมกินอาหารแสดงว่าปลาอาจป่วย แต่ถ้าช่วงอากาศหนาวหรืออากาศคอ่ นข้างเย็น ปลาจะไม่กิน
อาหารถอื วา่ เป็นเร่อื งปกติ
+ ปลาเสยี การทรงตัวเกดิ จากถงุ ลมผดิ ปกติ อาจว่ายน้ำหมนุ ควงหรือวา่ ยนำ้ แบบบงั คบั ทศิ ทางไม่ได้
14