รายงาน
เร่ือง ตะกร้อในประเทศไทยและต่างประเทศ
จดั ทาโดย
นางสาวปนัดดา อา่ หลบุ
รายงานนีน้ เี้ ป็ นส่วนหนงึ่ ของวชิ า พฤตกิ รรมนนั ทนาการกบั การพฒั นาคน
สาขาวชิ า การโรงแรม ประเภทวชิ า อตุ สาหกรรมท่องเทยี่ ว
วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาเชียงใหม่
ปี การศึกษา 2563
ก
คำนำ
รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า พฤติกรรมนนั ทนาการกบั การพฒั นาคน
(รหสั วชิ า 3000 - 1603) เรื่อง ตะกร้อในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นรายงานทเี่ หมาะสาหรั บ
ประกอบการเรียนเป็นอยา่ งยงิ่ ผจู้ ดั ทาไดค้ น้ ควา้ และเรียบเรียงนาเน้ือหาท่ีมีสาระสาคญั รวบรวมและ
ใส่ทุกรายละเอียดอยใู่ นรายงานเล่มน้ี
โดยเน้ือหาประกอบไปดว้ ย ความหมายของตะกรอ้ ประวตั คิ วามเป็นมาของตะกรอ้ ใน
ประเทศไทย ประวตั ิความเป็นมาของตะกรอ้ ในต่างประเทศ ทกั ษะการเล่นกีฬาตะกร้อ กตกิ าการ
เล่นเซปักตะกร้อ เป็นตน้ ท้งั น้ีเพอ่ื ใหผ้ ทู้ ่ีสนใจศึกษาคน้ หาไดม้ ีโอกาสศกึ ษารายละเอียดไดม้ ากท่ีสุด
เกี่ยวกบั ตะกรอ้
รายงานเล่มน้ี ผจู้ ดั ทาหวงั เป็ นอยา่ งยง่ิ วา่ จะเป็ นประโยชนต์ ่อผอู้ ่าน หรือนกั เรียน นกั ศึกษา
ทกี่ าลงั หาขอ้ มูลเร่ืองน้ีอยู่ หากมีขอ้ บกพร่องประการใดหรือทา่ นผอู้ ่านมีขอ้ คิดเห็นหรือแนะนา
ประการใดเก่ียวกบั รายงานเล่มน้ี กรุณาแจง้ ใหผ้ จู้ ดั ทาทราบเพอื่ จะไดน้ าไปแกไ้ ข และปรับปรุงให้
สมบรู ณ์ ในโอกาสต่อไป
ผจู้ ดั ทา
นางสาวปนดั ดา อ่าหลุบ
สารบัญ ข
เรื่อง หน้า ค
ง
คานา ก 2
6
สารบญั ข 6
6
สารบญั (ตอ่ ) 7
7
สารบญั ภาพ 7
8
ความหมายของตะกร้อ 8
9
1ประวัตคิ วามเป็ นมาของตะกร้อในประเทศไทย 10
10
ประวัติความเป็ นมาของตะกร้อในต่างประเทศ
13
ประเทศพม่า
ประเทศมาเลเซีย
ประเทศฟิลิปปิ นส์
ประเทศจนี 7
ทักษะการเล่นกฬี าตะกร้อ
การเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้
การเล่นลูกตะกรอ้ ดว้ ยหนา้ ขา
การเล่นลูกตะกร้อดว้ ยศีรษะ
การเล่นตะกรอ้ ดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นใน
กติกาการเล่นเซปักตะกร้อ
สนามแข่งขนั
เสา 11
ตาข่าย 11
ลูกตะกรอ้ 11
ผเู้ ล่น 11
เครื่องแต่งกายของผเู้ ล่น 12
การเปล่ียนตวั ผเู้ ล่น 12
เจา้ หนา้ ท่ี 12
การเส่ียงและการอบอุ่นร่างกาย
ตาแหน่งของผเู้ ล่นระหวา่ งการส่งลูก 13
สารบัญ (ต่อ) ค
การเร่ิมเล่นและการส่งลูก 13 19
19
การผดิ กติกา 13 22
การนบั คะแนน 14
การขอเวลานอก 15
อุบตั เิ หตแุ ละการหยดุ การแข่งขนั 15
วนิ ยั และมารยาทในการแข่งขนั 15
ความผดิ และบทลงโทษ 15
ความผดิ ขอเจา้ หนา้ ทีท่ มี 16
การแข่งขนั 17
การใหค้ ะแนน 17
กรรมการผตู้ ดั สิน 18
กรรมการคะแนน
กรรมการรกั ษาเวลา 19
กรรมการควบคุมคะแนน
บรรณานุกรม
สารบญั ภาพ ง
ภาพที่ ห น้า
ภาพท่ี 1 แสดงภาพการแข่งขนั กีฬาตะกรอ้ 1
ภาพท่ี 2 แสดงภาพศลิ ปะเรื่องรามเกียรต์ิ 3
ภาพท่ี 3 แสดงภาพการเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้ 7
ภาพที่ 4 แสดงภาพการเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหนา้ ขา 8
ภาพท่ี 5 แสดงภาพการเล่นลูกตะกรอ้ ดว้ ยศีรษะ 9
ภาพท่ี 6 แสดงภาพการเล่นตะกรอ้ ดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นใน 9
ภาพท่ี 7 แสดงภาพสนามแขง่ ขนั 10
1
ตะกร้อ
ภาพที่ 1 แสดงภาพการแข่งขนั กีฬาตะกร้อ
แหล่งที่มา : http://banloveben000.blogspot.com
ความหมายของตะกร้อ
“ตะกรอ้ ” เป็นกีฬาทีแ่ พร่หลายกนั มานานนบั ศตวรรษไม่วา่ จะเป็ นในชนบท ชานเมือง ตาม
หวั เมืองหรือแมก้ ระทง่ั ในวงั จะพบเห็นการเล่นตะกรอ้ ไดเ้ สมอดว้ ยตะกรอ้ ไม่ตอ้ งการบริเวณพ้นื ท่ี
กวา้ งขวางเหมือนกีฬาประเภทอ่ืน ๆ อุปกรณ์กห็ าไดง้ ่ายท้งั ผเู้ ล่นกไ็ ม่จา กดั รูปร่าง เพศหรือวยั
ตลอดจนไม่จากดั จา นวนผเู้ ล่นตายตวั ท้งั น้ีอาจยดื หยนุ่ ไดต้ ามความเหมาะสม ดงั น้นั การเล่น
“ตะกร้อ” จงึ ไดร้ บั ความนิยมตลอดมา การเล่นตะกร้อเป็ นการฝึกใหเ้ กิดความคล่องแคล่ว วอ่ งไว
ปราดเปล่ียว เพราะตอ้ ง ระมดั ระวงั ตวั เตรียมพร้อมทจี่ ะเขา้ เล่นลูกในลกั ษณะตา่ ง ๆ อยตู่ ลอดเวลา
และการเคลื่อนไหวก็ตอ้ ง กระทาดว้ ยความรวดเร็ว และในทา่ ทางที่กระฉบั กระเฉง เพอ่ื ใหท้ นั กบั
จงั หวะทีจ่ ะเล่นลูก การเคล่ือนไหวกเ็ ป็ นไปทกุ ทศิ ทาง จะชา้ หรือเร็วก็แลว้ แตจ่ งั หวะของลูกและลีลา
ของผเู้ ล่น และ ยงั เป็นการฝึกใหเ้ ป็นผมู้ ีอารมณ์เยอื กเยน็ สุขมุ รอบคอบ เพราะการเล่นหรือการเตะลูก
แตล่ ะคร้งั จะตอ้ งอาศยั ความแน่วแน่สารวมจติ ใจไปสู่การกระทาอยา่ งดี ถา้ หากใจรอ้ นหรือ
ลุกล้ีลุกลน การเล่น แต่ละคร้งั กจ็ ะเสียไป การเล่นตะกร้อแบบไทยแตเ่ ดิมคอื การเล่นตะกรอ้ ลอด
ห่วง ถา้ ใชค้ วามสุขมุ รอบคอบ และมีความมน่ั คงทางอารมณ์ไดม้ ากเท่าไรก็จะทาใหก้ ารเล่นเป็ น
ผลดีมากเทา่ น้นั
2
ประวัตคิ วามเป็ นมาของตะกร้อในประเทศไทย
ประวตั ติ ะกรอ้ ไทย สามารถอา้ งอิงกีฬาชนิดน้ีไดจ้ ากภาพจิตรกรรมฝาผนงั ท่ีวดั พระแกว้
กรุงเทพฯ ซ่ึงสร้างต้งั แต่ปี ค.ศ. 1785 ซ่ึงภาพศลิ ปะเรื่องรามเกียรต์ิ มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไวใ้ ห้
อนุชนรุ่นหลงั ไดร้ ับรู้ เป็นภาพ หนุมานกาลงั เล่นเซปัก ตะกร้อ อยทู่ ่ามกลางกองทพั ลิง
นอกเหนือจากหลกั ฐานภาพจติ รกรรมดงั กล่าว ยงั มีบนั ทึกทางประวตั ศิ าสตร์ท่กี ล่าวถึงกีฬาชนิดน้ี คือ
พ.ศ. 2133-2149 | ค.ศ. 1590-1606 ในยคุ ของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทป่ี ระเทศไทย
เดิมชื่อ ประเทศสยาม มี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระมหากษตั ริย์ และมีกรุงศรี
อยธุ ยาเป็นเมืองหลวง คนไทยหรือคนสยาม มีการเร่ิมเล่นตะกร้อทที่ าดว้ ย หวาย ซ่ึงเป็ น
การเล่น ตะกร้อวง
พ.ศ. 2199-2231 | ค.ศ. 1656-1688 มีหลกั ฐานพอจะอา้ งอิงไดว้ า่ ในสมยั สมเด็จพระ
นารายณ์มหาราช ทรงเป็นพระมหากษตั ริยใ์ นยคุ สมยั กรุงศรีอยธุ ยา เป็นเมืองหลวง มีคณะ
สอนศาสนาชาว ฝร่ังเศส มาพานกั ในกรุงศรีอยธุ ยา เมื่อวนั ที่ 22 สิงหาคม 2205 มีการสรา้ ง
วดั นกั บุญยอเซฟ นิกายโรมนั คาทอริก ซ่ึงมีบนั ทึกของ บาทหลวง เดรียง โลเนย์ วา่ ชาว
สยามชอบเล่นตะกร้อกนั มาก
พ.ศ. 2315 | ค.ศ. 1771 เป็ นช่วงหมดยคุ กรุงศรีอยธุ ยา ซ่ึงเป็ นตอนตน้ แห่งยคุ สมยั กรุง
ธนบรุ ี เป็นเมืองหลวง ไดม้ ีชาวฝร่ังเศสช่ือ นายฟรงั ซวั องั รี ตรุ ะแปง ไดบ้ นั ทกึ ในหนงั สือ
ชื่อ HISTOIRE DU ROYAUME DE SIAM พมิ พท์ ี่ กรุงปารีส ระบุวา่ ชาวสยามชอบเล่น
ตะกร้อในยามวา่ งเพอื่ ออกกาลงั กาย
พ.ศ. 2395 | ค.ศ. 1850 ในยคุ กรุงรตั นโกสินทร์ หรือ กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวง ยงั มี
ขอ้ อา้ งอิงในหนงั สือ ช่ือ NARATIVE OF A FESIDENCE IN SIAM ของชาวองั กฤษ
ชื่อ นายเฟรเดอริค อาร์ เซอร์นีล ระบุวา่ มีการเล่นตะกรอ้ ในประเทศสยาม
การเล่นตะกรอ้ ของคนไทยหรือคนสยาม มีหลกั ฐานอา้ งอิงคอ่ นขา้ งจะชดั เจนวา่ มีการเล่น
กนั มานานแลว้ ต้งั แตย่ คุ สมยั กรุงศรีอยธุ ยา เป็น เมืองหลวง พยานหลกั ฐานสาคญั ท่จี ะ
ยนื ยนั หรืออา้ งอิงไดด้ ีทส่ี ุด น่าจะเป็ นบทกวใี นวรรณคดีต่าง ๆ ของแต่ละยคุ สมยั ทร่ี อ้ ยถอ้ ย
ความเกี่ยวพนั ถึงตะกรอ้ ไว้ เช่น
– พ.ศ. 2276-2301 | ค.ศ. 1733-1758 ในยคุ สมยั พระเจา้ บรมโกศ ครองกรุงศรีอยธุ ยา
ซ่ึงเป็นยคุ ทีว่ รรณคดีหรือวฒั นธรรมดา้ นอกั ษรศาสตร์เฟ่ื องฟู กม็ ีกวหี ลายบทเก่ียวพนั ถึงตะกรอ้
3
– พ.ศ. 2352-2366 | ค.ศ. 1809-1823 เป็นยคุ ตอนตน้ ของ กรุงรตั นโกสินทร์
(กรุงเทพมหานคร) เป็นเมืองหลวง สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั (รชั กาลที่ 2) ทรง
เป็นพระมหากษตั ริยใ์ นพระราชนิพนธร์ ้อยกรองของวรรณคดีเร่ือง อิเหนา และเร่ืองสงั ขท์ อง มี
บทความรอ้ ยถอ้ ยความเก่ียวพนั ถึง ตะกรอ้ ดว้ ย
– พ.ศ. 2366-2394 | ค.ศ. 1823-1851 ในยคุ สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเมืองหลวง สมยั
สมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รัชกาลท่ี 3) ทรงเป็นพระมหากษตั ริย์ ในบทกวขี อง สุทรภกู่ วเี อกแห่ง
กรุงรตั นโกสินทร์ ไดเ้ ขียนบทกวี นิราศเมืองสุพรรณ ในปี พ.ศ. 2384 (ค.ศ. 1841) มีร้อยถอ้ ยความ
เกี่ยวพนั ถึง ตะกร้อ ไวเ้ ช่นกนั
ภาพท่ี 2 แสดงภาพศิลปะเร่ืองรามเกียรต์ิ
แหล่งทมี่ า : sites.google.com
เหตุผลหรือขอ้ อา้ งที่กล่าวมาท้งั หลายท้งั ปวง ยอ่ มถือเป็ นพยานหลกั ฐานไวว้ า่ คนสยาม
หรือคนไทย ไดเ้ ล่น ตะกร้อ มาเป็นเวลาชา้ นานแลว้
พ.ศ. 2468-2477 | ค.ศ. 1925-1934 ในยคุ สมยั กรุงรตั นโกสินทร์ เป็นเมืองหลวง สมยั
สมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเป็นพระมหากษตั ริย์ (รชั กาลที่ 7) ไดม้ ีการปรบั ปรุงหรือ
ดดั แปลงการเล่นตะกร้อข้ึนหลายรูปแบบ ซ่ึงมี ตะกรอ้ ลอดห่วง , ตะกรอ้ ขา้ มตาขา่ ย
, ตะกรอ้ ชิงธง, ตะกร้อพลิกแพลง และ การติดตะกร้อตามร่างกาย
พ.ศ. 2470 | ค.ศ. 1927 โดย หลวงมงคลแมน ชื่อเดิม นายสงั ข์ บูรณะศริ ิ เป็ นผรู้ ิเริ่มวธิ ีการ
เล่น ตะกร้อลอดห่วง และเป็นผคู้ ดิ ประดิษฐ์ ห่วงชยั ตะกร้อ ข้ึนเป็ นคร้งั แรก ซ่ึงเดิมห่วงชยั
ตะกรอ้ เรียงตดิ กนั ลงมา มี 3 ห่วง แต่ละห่วงมีความกวา้ งไม่เทา่ กนั กล่าวคือ ห่วงบนเป็ น
ห่วงเลก็ , ห่วงกลางจะกวา้ งกวา่ ห่วงบน และห่วงล่างสุดมีความกวา้ งกวา่ ทกุ ห่วง
เรียกวา่ “ห่วงใหญ่” ตอ่ มาไดม้ ีการปรับปรุง-เปลี่ยนแปลง รูปทรงของห่วงชยั เป็ น “สามเสา้
ตดิ กนั ” โดยท้งั 3 ห่วง (สามดา้ น) มีความกวา้ งเทา่ กนั ดงั ทีใ่ ชท้ าการแขง่ ขนั ในปัจจบุ นั
4
การตดิ ตะกรอ้ ตามร่างกาย สมควรตอ้ งบนั ทกึ หรือเขียนไวเ้ ป็ นหลกั ฐานดว้ ย เพราะถือวา่
เป็นความสามารถพเิ ศษเฉพาะตวั ซ่ึงการตดิ ลูกตะกร้อไวต้ ามร่างกายเป็ นเรื่องทไ่ี ม่งา่ ย ตอ้ งไดร้ ับ
การฝึกอยา่ งมากประกอบกบั พรสวรรค์ เพราะการตดิ ลูกตะกรอ้ ตอ้ งกระทากนั โดยลูกตะกร้อลอย
มาในอากาศ และผเู้ ล่นตอ้ งใชอ้ วยั วะของร่างกาย เช่น หนา้ ผาก , ไหล่, คอ, คาง, ขอ้ พบั แขน, ขอ้ พบั
ขาดา้ นหลงั หรือขาหนีบ เป็นตน้ โดยไม่ใหล้ ูกตะกร้อตกพน้ื ผทู้ สี่ มควรบนั ทึกไวเ้ ป็ นหลกั ฐานหรือ
เกียรติประวตั ิ มีจานวน 5 คนไดแ้ ก่
1. พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) หม่องปาหยนิ (คนพม่า) สามารถตดิ ตะกรอ้ ไดจ้ านวน 5 ลูก การท่ี
นาเอาชื่อ หม่องปาหยนิ บนั ทึกไวเ้ ป็ นประวตั ิการตดิ ลูกตะกรอ้ ของไทย ก็เพราะวา่ หม่องปาหยนิ
อาศยั อยใู่ นประเทศไทยต้งั แต่สมยั ยงั หนุ่ม มีภรรยาเป็ นคนไทย , ประกอบอาชีพอยใู่ นประเทศไทย
จนเสียชีวติ
2. นางชลอศรี ชมเฉวก เป็นชาว อาเภอหล่มสกั จงั หวดั เพชรบูรณ์ สามารถติดลูกตะกร้อได้
จานวน 9 ลูก
3. นายแปลง สงั ขวลั ย์ เป็นชาว กรุงเทพมหานคร สามารถตดิ ลูกตะกร้อได้ จานวน 9 ลูก
4. นายคล่อง ไตรสุวรรณ เป็นชาว อาเภอปากพนงั จงั หวดั นครศรีธรรมราช สามารถตดิ ลูก
ตะกร้อได้ 11 ลูก
5. นายประสงค์ แสงจนั ทร์ เป็นชาว จงั หวดั สิงห์บุรี สามารถตดิ ลูกตะกรอ้ ไดจ้ านวน 24 ลูก
ซ่ึงมีการดดั แปลงลูกตะกรอ้ บางลูกใหเ้ ลก็ ลง
ในช่วงปี พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) คนสยามหรือคนไทย มีความชื่นชอบกีฬาตะกร้อกนั อยา่ ง
แพร่หลายข้นึ เพราะตามเทศกาลงานวดั ต่าง ๆ ในยคุ กรุงรัตนโกสินทร์ เช่น วดั สระเกศ (ภเู ขาทอง) ,
วดั โพธ์ิทา่ เตยี น , วดั อินทรวหิ าร (บางขนุ พรหม) ไดเ้ ชิญ หม่องปาหยนิ ไปแสดงโชวก์ ารตดิ ลูก
ตะกรอ้ ตามร่างกาย ซ่ึงมีการเก็บเงนิ ค่าชมดว้ ย หลงั ยคุ หม่องปาหยนิ ยงั มี หม่อมราชวงศอ์ ภนิ พ
นวรตั น์ (หม่อมป๋ อง) เป็นอีกผหู้ น่ึงท่มี ีความสามารถเล่นตะกร้อพลิกแพลง ซ่ึงก็ไดร้ ับเชิญไปเดาะ
ตะกร้อโชวต์ ามเทศกาลงานวดั , โรงเรียน และมหาวทิ ยาลยั ดว้ ย
พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) ไดม้ ีการจดทะเบยี นก่อต้งั สมาคมกีฬาสยาม อยา่ งเป็ นทางการ โดย
มี พระยาภริ มยภ์ กั ดี เป็น นายกสมาคมกีฬาสยาม คนแรก ซ่ึงไดจ้ ดั ใหม้ ีการแขง่ ขนั ตะกร้อ
ขา้ มตาข่าย ที่ทอ้ งสนามหลวง เป็ นคร้งั แรก
5
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) นายผล พลาสินธุ์ ร่วมกบั นายยมิ้ ศรีหงส์ , หลวงสาเร็จวรรณกิจ
และ ขนุ จรรยาวทิ ิต ไดป้ รับปรุงแกไ้ ขวธิ ีการเล่น ตะกร้อขา้ มตาขา่ ย ซ่ึงบางคนก็ไดอ้ า้ งวา่
กลุ่มของ นายผล พลาสินธุ์ เป็ นผคู้ ิดวธิ ีการเล่นตะกร้อ ขา้ มเชือก มาก่อน โดยดดั แปลงจาก
กีฬาแบดมินตนั และไดม้ ีการจดั การแขง่ ขนั ที่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เป็ นคร้งั แรก
ขอ้ อา้ งดงั กล่าว ผเู้ ขียนคือ คุณปิ ยศกั ด์ิ มุทาลยั ไม่สามารถยนื ยนั ได้ และขอยกคุณงามใน
คุณูปการใหแ้ ก่ทกุ ทา่ นทกี่ ล่าวนามไวเ้ ป็ นสาระสาคญั
พ.ศ. 2475-2479 | ค.ศ. 1932-1936 นายยมิ้ ศรีหงส์ ซ่ึงเป็ นเจา้ ของกิจการ โรงพมิ พศ์ รี
หงส์ เป็น นายกสมาคมกีฬาสยาม คนท่ี 2 ไดจ้ ดั การแข่งขนั กีฬาไทยหลายอยา่ ง เช่น กีฬา
วา่ ว,ตะกร้อลอดห่วง, ตะกร้อขา้ มตาข่าย, ตะกรอ้ วงเลก็ , ตะกรอ้ วงใหญ่ และตะกรอ้ ชิงธง
ทท่ี อ้ งสนามหลวง เป็นการเฉลิมฉลองรฐั ธรรมนูญ ฉบบั แรกของประเทศสยาม หรือ
ประเทศไทย
พ.ศ. 2476 | ค.ศ. 1933 นาวาเอกหลวงศภุ ชลาศยั ร.น. ไดก้ ่อต้งั กรมพลศกึ ษา และท่านก็ได้
ดารงตาแหน่ง อธิบดีกรมพลศกึ ษา คนแรก จึงไดร้ บั สมญานามวา่ บิดาแห่งกรมพล
ศกึ ษา ซ่ึงทา่ นเป็นผมู้ ีความสาคญั ยงิ่ ในการปรับปรุงแกไ้ ข วธิ ีการเล่นตะกร้อ โดยมีผใู้ ห้
ความช่วยเหลือท่สี าคญั จานวน 5 คน คือ คุณพระวบิ ลู ย์ , คุณหลวงมงคลแมน , คุณหลวง
ประคูณ , พระยาอุดมพงษเ์ พญ็ สวสั ด์ิ และ พระยาภกั ดีนรเศรษฐ (นายเลิด) เป็นเจา้ ของ
กิจการรถเมลแ์ ละโรงน้าแขง็
พ.ศ. 2479 | ค.ศ. 1936 พระยาจินดารกั ษ์ ไดข้ ้ึนดารงตาแหน่ง อธิบดีกรมพลศกึ ษา คนท่ี 2
ท่านไดเ้ ป็นประธานคณะกรรมการปรบั ปรุงแกไ้ ข กตกิ ากีฬาตะกร้อขา้ มตาข่าย ใหส้ มบูรณ์
ยงิ่ ข้ึน ซ่ึง กรมพลศกึ ษา ไดป้ ระกาศใชก้ ตกิ ากีฬาตะกร้อขา้ มตาขา่ ย อยา่ งเป็ นทางการ เมื่อปี
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) และจดั ใหม้ ีการแข่งขนั ระหวา่ งโรงเรียนมธั ยมชาย ข้ึนทวั่ ประเทศ
ไทยดว้ ย
พ.ศ. 2480-2484 (ค.ศ. 1937-1941) นาวาเอกหลวงศภุ ชลาศยั ร.น. ไดเ้ ป็นนายกสมาคม
กีฬาสยาม
พ.ศ. 2482 (ปี ค.ศ. 1939) ประเทศสยาม ไดเ้ ปล่ียนชื่อเป็น ประเทศไทย จงึ ทาให้ นาวาเอก
หลวงศภุ ชลาศยั ร.น. ดารงตาแหน่งสองสถานภาพในคราวเดียวกนั กล่าวคอื ดารง
ตาแหน่ง นายกสมาคมกีฬาสยาม และ นายกสมาคมกีฬาไทย ดว้ ย เพราะวา่ สมาคมกีฬา
สยาม ไดเ้ ปล่ียนชื่อเป็น สมาคมกีฬาไทย ตามการเปล่ียนชื่อของประเทศ นนั่ เอง
พ.ศ. 2484-2490 (ค.ศ. 1941-1947) พระยาจนิ ดารักษ์ เป็ น นายกสมาคมกีฬาไทย
6
พ.ศ. 2490-2498 (ค.ศ. 1947-1955) พนั เอกหลวงรณสิทธ์ิ เป็ น นายกสมาคมกีฬาไทย
พ.ศ.2497-2498 (ค.ศ.1954-1955) จอมพล ป.พบิ ลู สงคราม นายกรฐั มนตรี เป็น ผอู้ ุปถมั ภพ์ เิ ศษ
พ.ศ. 2498-2500 (ค.ศ. 1955-1957) จอมพลเรือหลวงยทุ ธศาสตร์โกศล ร.น. เป็น นายก
สมาคมกีฬาไทย
พ.ศ. 2500-2503 (ค.ศ. 1957-1960) พลเอกประภาส จารุเสถียร เป็ น นายกสมาคมกีฬาไทย
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) พลเอกประภาส จารุเสถียร ไดน้ าความกราบบงั คมทลู
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รัชกาลท่ี 9) ขอให้ สมาคมกีฬาไทย อยใู่ นพระบรม
ราชูปถมั ภ์
วนั ท่ี 18 เมษายน 2503 (18 April 1960) พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั (รัชกาลที่ 9) ไดท้ รง
รับ สมาคมกีฬาไทย ไวใ้ น พระบรมราชูปถมั ภ์ สมาคมกีฬาไทย จงึ ไดเ้ ปล่ียนสถานภาพ
เป็น สมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์ ต้งั แตบ่ ดั น้นั เป็ นตน้ มา
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) ประเทศไทย เป็ นเจา้ ภาพจดั การแข่งขนั กีฬาแหลมทอง หรือ เซียพ
เกมส์ คร้ังที่ 1 ประเทศพม่า ไดน้ านกั กีฬาตะกรอ้ (พม่า เรียกตะกร้อวา่ ชินลง) มาเล่นหรือ
แสดงตามรูปแบบของพม่า ใหค้ นไทยไดช้ มในลกั ษณะแลกเปล่ียนวฒั นธรรม
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) ประเทศพม่า เป็ นเจา้ ภาพจดั การแขง่ ขนั กีฬาเซียพเกมส์ คร้ังที่ 2 ได้
เชิญนกั กีฬาตะกร้อไทยไปร่วมโชวแ์ สดง ซ่ึงประเทศไทย ไดส้ ่งทมี ตะกร้อลอดห่วง ไปทา
การโชวแ์ สดง และไดร้ บั การชื่นชอบจากชาวพม่าเป็ นอยา่ งมาก
พ.ศ. 2504-2511 (ปี ค.ศ. 1961-1968) พลเอกประภาส จารุเสถียร เป็ น นายกสมาคมกีฬา
ไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์ ปฐมเหตุแห่งการบรรจุเขา้ สู่กีฬาระดบั ชาติ
ประวตั ิความเป็ นมาของตะกร้อในต่างประเทศ
ในการคน้ ควา้ หาหลกั ฐานเกี่ยวกบั แหล่งกาเนิดการกีฬาตะกรอ้ ในอดีตน้นั ยงั ไม่สามารถหา
ขอ้ สรุปไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ กีฬาตะกร้อน้นั กาเนิดจากท่ีใด จากการสนั นิษฐานคงจะไดห้ ลายเหตผุ ลดงั น้ี
ประเทศพม่า เม่ือประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาต้งั ค่ายอยทู่ โ่ี พธ์ิสามตน้ ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อ
กนั ซ่ึงทางพม่าเรียกวา่ "ชิงลง"
ทางมาเลเซียก็ประกาศวา่ ตะกรอ้ เป็ นกีฬาของประเทศมาลายเู ดิมเรียกวา่ ซีปักรากSeาp(ak Raga)
คาวา่ Raga หมายถึง ตะกร้อ
ทางฟิลิปปิ นส์ ก็นิยมเล่นกนั มานานแลว้ แต่เรียกวา่ Sipak
7
ทางประเทศจนี กม็ ีกีฬาทคี่ ลา้ ยกีฬาตะกรอ้ แตเ่ ป็ นการเตะตะกรอ้ ชนิดทีเ่ ป็ นลูกหนงั ปักขน
ไก่ ซ่ึงจะศกึ ษาจากภาพเขยี นและพงศาวดารจีน ชาวจนี กวางตุง้ ที่เดินทางไปต้งั รกรากใน
อเมริกาไดน้ าการเล่นตะกร้อขนไก่น้ีไปเผยแพร่ แต่เรียกวา่ เตกโก ( Tek K'au) ซ่ึงหมายถึง
การเตะลูกขนไก่
ประเทศเกาหลี กม็ ีลกั ษณะคลา้ ยกบั ของจีน แต่ลกั ษณะของลูกตะกรอ้ แตกตา่ งไป คอื ใชด้ ิน
เหนียวห่อดว้ ยผา้ สาลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
ประกาศไทยกน็ ิยมเล่นกีฬาตะกรอ้ มายาวนาน และประยกุ ตจ์ นเขา้ กบั ประเพณีของชนชาติ
ไทยอยา่ งกลมกลืนและสวยงามท้งั ดา้ นทกั ษะและความคิด
ทักษะการเล่นกฬี าตะกร้อ
1) การเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้
หลงั เทา้ เป็นอวยั วะท่ีสามารถบงั คบั ทิศทางตะกรอ้ ไดย้ าก แต่เป็ นพ้นื ฐานท่ีสาคญั ของผู้
เล่นทส่ี าคญั ในตาแหน่งหนา้ ทา ลูกตะกรอ้ หนา้ ตาขา่ ย และผเู้ ล่นตาแหน่งหลงั ท่ีเสิร์ฟดว้ ยเทา้
วธิ ีปฏิบตั ิ
1.1 ยนื อยใู่ นทา่ เตรียมพรอ้ ม
1.2 ยนื่ เทา้ ทจี่ ะใชแ้ ตะลูกตะกร้อออกมาดา้ นในโดยลูกตะกรอ้ สูงพอประมาณและอยู่
ดา้ นหนา้ ใหล้ ูกตะกร้อกระทบหลงั เทา้ บริเวณโคน นิ้ว และใหง้ มุ้ ปลายเทา้ ดว้ ยขณะแตะลูกตะกรอ้
ภาพท่ี 3 แสดงภาพการเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้
แหล่งที่มา : http://banloveben000.blogspot.com
8
2) การเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหนา้ ขา
ส่วนมากใชใ้ นโอกาสต้งั ลูกตะกรอ้ ใหเ้ พอ่ื นและเปิ ดลูกตะกร้อจาการเสิร์ฟ หนา้ ขาเป็ น
บริเวณทมี่ ีพ้นื ที่ในการใชก้ ระทบลูกตะกร้อมากที่สุดของอวยั วะท่ี ใชเ้ ล่นลูกตะกร้อ
วธิ ีปฏบิ ตั ิ
2.1 ยนื อยใู่ นทา่ เตรียมพร้อม
2.2 กา้ วเทา้ ทไ่ี ม่ไดเ้ ล่นลูกตะกรอ้ ไปขา้ งหนา้ และยกเทา้ ที่จะเล่นลูกตะกร้อที่กาลงั เขา้ มา
ใกลต้ วั โดยใชบ้ ริเวณหนา้ ขาเหนือ ประมาณ 1 ฝ่ามือ กระทบลูกตะกร้อ โดยใชห้ นา้ ขากระทบลูก
ตะกร้อใหล้ อยข้นึ มา ใหห้ วั เขา่ ทามุมกบั พน้ื มากกวา่ 45 องศา
ภาพที่ 4 แสดงภาพการเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหนา้ ขา
แหล่งทีม่ า : http://banloveben000.blogspot.com
3) การเล่นลูกตะกรอ้ ดว้ ยศีรษะ
การเล่นตะกรอ้ ดว้ ยศรี ษะ เป็ นทกั ษะพ้นื ฐานที่มีความสาคญั สาหรบั การเล่นกีฬาเซปัก
ตะกร้อเป็นอยา่ งมาก นิยมใชใ้ นการเปิ ดลูกเสิร์ฟ การรุกดว้ ยศรี ษะ ( การเขก ) การรบั การส่ง การชง
ลูก หรือการต้งั ลูกตะกรอ้ และการสกดั ก้นั หรือการบลอ็ กลูกจากการรุกของฝ่ ายตรงขา้ ม ผเู้ ล่น
จะตอ้ งฝึกหดั การเล่นตะกร้อดว้ ยศีรษะไดห้ ลาย ๆ ลกั ษณะ โดยเฉพาะผเู้ ล่นตาแหน่งหนา้ ซา้ ยและ
หนา้ ขวา จะตอ้ งเล่นตะกรอ้ ดว้ ยศีรษะไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ส่วนมากใชใ้ นโอกาสลูกตะกร้อลอยข้ึนมา
เหนือศีรษะ
วธิ ีปฏิบตั ิ
3.1 ยนื ในท่าเตรียมพรอ้ ม
9
3.2 กา้ วเทา้ ทไี่ ม่ถนดั เขา้ หาลูกตะกร้อ ยอ่ เข่าเลก็ นอ้ ย เม่ือลูกลอยมาต่าในระยะที่จะใช้
ศีรษะเล่นไดใ้ หส้ ปริงขอ้ เทา้ เหยยี ดลาตวั และขาสองขา้ งข้ึนพร้อมกบั ยดื ศีรษะไปกระทบลูกตะกร้อ
ใหล้ ูกตะกร้อ กระทบกบั ศรี ษะบริเวณตีนผมท่หี นา้ ผาก
ภาพที่ 5 แสดงภาพการเล่นลูกตะกร้อดว้ ยศรี ษะ
แหล่งท่มี า : http://banloveben000.blogspot.com
4) การเล่นตะกรอ้ ดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นใน
ข้นั ตอนการฝึกการเล่นตะกร้อดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นใน
4.1 ผเู้ ล่นเตรียมรบั ลูกท่ีลอยมา โดยยนื ทรงตวั แยกขาท้งั สองขา้ งยอ่ ตวั ลงเล็กนอ้ ยตามอง
ตรงไปยงั ลูกตะกรอ้ ยกเทา้ ทจ่ี ะเตะใหข้ า้ งเทา้ ดา้ นในขนานกบั พน้ื แลว้ เตะลูกเป็ นแนวตรงและเอน
ตวั ไปดา้ นหลงั
4.2 เม่ือลูกที่เตะลอยข้นึ ผเู้ ล่นยอ่ เข่าขา้ งทีไ่ ม่ไดเ้ ตะ ใหเ้ ทา้ ท่ีจะใชเ้ ตะอยดู่ า้ นหลงั เหวยี่ ง
เทา้ ขา้ งท่ีจะเตะสมั ผสั ลูกดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นในเพอ่ื ส่งลูกไปตามทิศทางที่ตอ้ งการ
ภาพที่ 6 แสดงภาพการเล่นตะกร้อดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นใน
แหล่งท่ีมา : http://banloveben000.blogspot.com
10
กตกิ าการเล่นเซปักตะกร้อ
1. สนามแข่งขนั (THE COURT)
ภาพที่ 7 แสดงภาพสนามแข่งขนั
แหล่งทีม่ า : https://www.siamsporttalk.com/
1.1 พน้ื ที่ของสนามมีความยาว 13.40 เมตร และกวา้ ง 6.10 เมตร จะตอ้ งไม่มีสิ่งกีดขวาง
ใดๆ เมื่อวดั จากพ้นื สนามสูงข้นึ ไป 8 เมตร (พ้นื สนามไม่ควรเป็ นสนามหญา้ หรือสนามทราย)
1.2 เสน้ สนาม ขนาดของเสน้ สนามทุกเสน้ ท่ีเป็ นขอบเขตของสนามตอ้ งไม่กวา้ งกวา่ 4
เซนตเิ มตร ใหต้ เี สน้ จากกรอบนอกเขา้ มาในสนามและถือเป็ นส่วนของพน้ื ท่ีสนามแขง่ ดว้ ย เสน้ เขต
สนามทุกเสน้ ตอ้ งห่างจากสิ่งกีดขวางอยา่ งนอ้ ย 3 เมตร
1.3 เสน้ กลาง มีขนาดกวา้ งของเสน้ 2 เซนติเมตร โดยจะแบ่งพ้นื ทข่ี องสนามออกเป็ น
ดา้ นซา้ ยและดา้ นขวาเทา่ ๆกนั
1.4 เสน้ เส้ียววงกลม ทม่ี ุมสนามของแต่ละดา้ นตรงเสน้ กลางใหจ้ ุดศนู ยก์ ลางอยทู่ ก่ี ่ึงกลาง
ของเสน้ กลางตดั กบั ขอบดา้ นในของเสน้ ขา้ งเขยี นเสน้ เส้ียววงกลมท้งั สอง ดา้ นรศั มี 90 เมตร ใหต้ ี
เสน้ ขนาดความกวา้ ง 4 เซนติเมตร นอกเขตรศั มี 90 เซนตเิ มตร
1.5 เสน้ เส้ียววงกลม ท่มี ุมของสนามของแต่ละดา้ นตรงเสน้ กลางใหจ้ ดุ ศูนยก์ ลางอยทู่ ีก่ ่ง
กลางของเสน้ กลางตดั กบั ขอบดา้ นในของเสน้ ขา้ ง เขยี นเสน้ เส้ียววงกลมท้งั สองดา้ นรัศมี 90
เซนตเิ มตร ใหต้ เี สน้ นขนาดความกวา้ ง 4 เซนตเิ มตร นอกรัศมี 90 เซนติเมตร
1.6 วงกลมเสิร์ฟ ใหร้ ศั มี 30 เซนติเมตร โดยวดั จากจุดกงกลางของเสน้ หลงั ไปในสนาม
2.45 เมตร และวดั จากขอบดา้ นนอกของเสน้ ขา้ งไปในสนาม 3.05 เมตร และวดั จากขอบดา้ นนอก
ของเสน้ ขา้ งเขา้ ไปในสนาม 3.05 เมตร ใชต้ รงจดุ ตดั จากเสน้ หลงั และเสน้ ขา้ งเป็นจุดศูนยก์ ลาง ให้
เขียนเสน้ วงกลมขนาดความกวา้ ง 4 เซนตเิ มตร นอกเขตรัศมี 30 เซนติเมตร
11
2. เสา (THE POSTS)
2.1 เสามีความสูง 1.55 เมตร (ผหู้ ญงิ 1.45 เมตร) ต้งั อยอู่ ยา่ งมนั่ คงพอท่ีจะทาใหต้ าข่ายตงึ
โดยตอ้ งทาจากวสั ดุทีม่ ีความแขง็ แกร่งและมีรศั มีไม่เกิน 4 เซนตเิ มตร
2.2 ตาแหน่งของเสา ใหต้ ้งั หรือวางไวอ้ ยา่ งมน่ั คงนอกสนามตรงกบั แนวเสน้ กลาง ห่างจาก
เสน้ ขา้ ง 30 เซนตเิ มตร
3. ตาข่าย (THE NET)
3.1 ตาข่ายใหท้ าดว้ ยเชือกอยา่ งดีหรือไนล่อน มีรูตาขา่ ยกวา้ ง 6 – 8 เซนตเิ มตร ความกวา้ ง
ของผนื ตาขา่ ย 70 เซนตเิ มตร และความยาวไม่นอ้ ยกวา่ 6.10 เมตร ใหม้ ีวสั ดุท่ที าเป็นแถบ ขนาด
ความกวา้ ง 5 เซนติเมตร ตรงดา้ นขา้ งของตาขา่ ยท้งั สองดา้ นจากดา้ นบนถึงดา้ นล่างตรงกบั แนวเสน้
ขา้ งซ่ึงเรียกวา่ “แถบแสดงเขตสนาม”
3.2 ตาขา่ ยใหม้ ีขนาดความกวา้ ง 5 เซนติเมตร ท้งั ดา้ นบนและดา้ นล่าง โดยมีเชือกธรรมดา
หรือเชือก ไนล่อนอยา่ งดี ร้อยผา่ นแถบและขึงตาขา่ ยใหต้ ึงเสมอระดบั หวั เสา ความสูงของตาขา่ ย
โดยวดั จากพน้ื ถึงส่วนบนของตาข่ายทก่ี ่ึงกลางสนามมีความสูง 1.52 เมตร (ผหู้ ญงิ 1.42 เมตร) และ
วดั ตรงเสาท้งั สองดา้ นมีความสูง 1.55 เมตร (ผหู้ ญงิ 1.45 เมตร)
4. ลูกตะกร้อ (THE SEPAKTRAKRAW BALL)
ลูกตะกรอ้ ตอ้ งมีลกั ษณะเป็นทรงกลม ทาดว้ ยหวายหรือใยสงเคราะห์ช้นั เดียวมี 12 รู กบั 20
จุดตดั ไขว้ หากทาดว้ ยหวายตอ้ งมีจานวน 9 – 11 เสน้ ขนดของเสน้ รอบวงตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 42
เซนตเิ มตร และไม่มากกวา่ 44 เซนตเิ มตร ( ผหู้ ญงิ 43 – 45 เซนตเิ มตร) น้าหนกั ก่อนใชแ้ ข่งขนั ตอ้ ง
ไม่นอ้ ยกวา่ 170 กรัม และไม่เกินกวา่ 180 กรมั (ผหู้ ญงิ 150 – 160 กรัม)
5. ผเู้ ล่น (THE PLAYERS)
5.1 การแข่งขนั มี 2 ทีม ประกอบดว้ ยผเู้ ล่นฝ่ ายละ 3 คน
5.2 ผเู้ ล่นหน่ึงในสามคนจะเป็ นผู้ เสิร์ฟลูกและอยดู่ า้ นหลงั เรียกวา่ “ผเู้ สิร์ฟ”
5.3 ผเู้ ล่นอีกสองคนอยดู่ า้ นหนา้ โดยคนหน่ึงจะอยดู่ า้ นซา้ ยเรียกวา่ “หนา้ ซา้ ย” และคนท่ีอยู่
ดา้ นขวาเรียกวา่ “หนา้ ขวา”
12
6. เครื่องแต่งกายของผเู้ ล่น (PLAYER ATTIRE)
6.1 สาหรบั ผชู้ ายตอ้ งสวมเส้ือยดื กางเกงขาส้นั (สาหรับผหู้ ญิงใหส้ วมเส้ือยดื มีแขนและ
กางเกงขาส้นั ระดบั เขา่ ) และรองเทา้ กีฬาพน้ื ยาง (ถุงเทา้ ดว้ ย) หา้ มผเู้ ล่นสวมส่ิงอ่ืนใดท่ีจะเป็ น
อนั ตรายแก่ฝ่ายตรงขา้ มในระหวา่ งการแขง่ ขนั กรณีทอ่ี ากาศหนาวอนุญาตใหผ้ เู้ ล่นสวมชุดวอร์ม
แขง่ ขนั ได้
6.2 ส่วนตา่ งๆของเคร่ืองแต่งกายของผเู้ ล่น ถือเป็ นส่วนหน่ึงของร่างกายและชายเส้ือจะตอ้ ง
อยใู่ นกางเกงตลอดเวลาการแข่งขนั
6.3 ส่ิงใดก็ตามทจ่ี ะช่วยเร่งความเร็วของลูกตะกร้อ หรือช่วยในการเคล่ือนทข่ี องผเู้ ล่นไม่
อนุญาตใหใ้ ช้
6.4 หวั หนา้ ทมี (captain) จะตอ้ งใส่ปลอกแขน ทแ่ี ขนเส้ือดา้ นซา้ ย
6.5 เส้ือของผเู้ ล่นทกุ คนจะตอ้ งตดิ หมายเลขดา้ นหลงั ใหเ้ ห็นไดช้ ดั เจนใหแ้ ตล่ ะทีมใช้
หมายเลข 1 – 15 เท่าน้นั มีขนาดความสูงไม่นอ้ ยกวา่ 19 เซนติเมตร ซ่ึงกาหนดใหผ้ เู้ ล่นจะตอ้ งมี
เพยี งหมายเลขเดียวตลอดการแขง่ ขนั (tournament)
7. การเปลี่ยนตวั ผเู้ ล่น (SUBSTITUTION)
7.1 ผเู้ ล่นคนใดทไ่ี ดล้ งแขง่ ขนั ในแต่ละทมี หรือไดเ้ ปล่ียนตวั ไปแลว้ จะไม่อนุญาตใหล้ งแขง่
ในทมี อื่นๆ อีก สาหรบั การแขง่ ขนั ประเภททีมชุด (team) เฉพาะคร้ังน้นั ๆ
7.2 การเปล่ียนตวั ผเู้ ล่นจะกระทาเวลาใดก็ได้ โดยผจู้ ดั การทีมยน่ื ขอต่อกรรมการผชู้ ้ีขาด
เมื่อลูกตะกรอ้ ไม่ไดอ้ ยใู่ นการเล่น (ลูกตาย)
7.3 แต่ละทมี มีผเู้ ล่นสารองไม่เกิน 2 คน แตอ่ นุญาต ใหเ้ ปล่ียนตวั ผเู้ ล่นได้ 1 คนเทา่ น้นั
7.4 ผเู้ ล่นคนใดถูกผตู้ ดั สินใหอ้ อกจากการแขง่ ขนั จะไดร้ ับอนุญาตใหเ้ ปลี่ยนตวั ผเู้ ล่นได้ ถา้
หากวา่ ยงั มิไดม้ ีการเปลี่ยนตวั
7.5 ทีมใด มีผเู้ ล่นนอ้ ยกวา่ 3 คน จะไม่อนุญาตใหท้ าการแข่งขนั และปรับทมี น้นั เป็ นแพก้ าร
แข่งขนั
8. เจา้ หนา้ ท่ี (OFFICIALS)
กีฬาเซปักตะกรอ้ มีเจา้ หนา้ ทที่ เี่ กี่ยวขอ้ งในการแขง่ ขนั ดงั ตอ่ ไปน้ี
8.1 กรรมการผชู้ ้ีขาด 1 คน
8.2 กรรมการผตู้ ดั สิน 2 คน (ผตู้ ดั สิน 1 คนผชู้ ่วยผตู้ ดั สิน 1 คน)
8.3 กรรมการผกู้ ากบั เสน้ 6 คน (กากบั เสน้ ขา้ ง 4 คน และกากบั เสน้ หลงั 2 คน
13
9. การเสี่ยงและการอบอุ่นร่างกาย (THE COIN TOSS AND WARM UP)
ก่อนเร่ิมการแข่งขนั กรรมการผตู้ ดั สินจะทาการเส่ียง ผชู้ นะการเส่ียงมีสิทธ์ิเลือกลูกส่ง หรือ
เลือกแดนกไ็ ด้ ทมี ที่ชนะการเสี่ยงจะเป็ นทมี ท่อี บอุ่นร่างกายในสนามก่อนเป็ นเวลา 2 นาที แลว้ ตาม
ดว้ ยทมี ท่ีเหลืออยดู่ ว้ ย
ตะกร้อท่ีใชใ้ นการแขง่ ขนั และใหม้ ีบุคคลอยใู่ นสนามได้ 5 คนเท่าน้นั (ผเู้ ล่นตวั จริง 3 คน
และหรือ ผจู้ ดั การทมี ผฝู้ ึกสอนและผเู้ ล่นสารอง)
10. ตาแหน่งของผเู้ ล่นระหวา่ งการส่งลูก (OSITION OF PLAYERS DURING SERVICE)
10.1 เม่ือเร่ิมผเู้ ล่นท้งั สองทีม ( both regus) ตอ้ งยนื อยใู่ นท่ีที่กาหนไวใ้ นแดนของตน
ลกั ษณะทเ่ี ตรียมพร้อม
10.2 ผเู้ สิร์ฟ (taking) ตอ้ งวางเทา้ หลกั อยใู่ นวงกลมเสิร์ฟ
10.3 ผเู้ ล่นดา้ นหนา้ ท้งั สองคนของฝ่ ายเสิร์ฟจะตอ้ งยนื อยใู่ นเส้ียววงกลมตนเอง
10.4 ผเู้ ล่นฝ่ายตรงขา้ มจะยนื อยทู่ ใี่ ดกไ็ ดใ้ นแดนของตน
11. การเริ่มเล่นและการส่งลูก (THE START OF PLAY AND SERVICE)
11.1 การเริ่มเล่นใหฝ้ ่ายทไี่ ดเ้ สิร์ฟ เป็ นฝ่ ายส่งลูกก่อนในเซตแรก ทมี ทช่ี นะในเซตแรกจะ
ไดร้ ับสิทธ์ิเลือกการเสิร์ฟในเซตท่ี 2
11.2 เม่ือกรรมการผตู้ ดั สินขานคะแนนแลว้ ถือเป็ นการเริ่มเล่น ผโู้ ยนจะตอ้ งโยนลูกตะกร้อ
ออกไปใหผ้ เู้ สิร์ฟลูก หากผโู้ ยนโยนลูกตะกรอ้ ออกไปก่อนกรรมการผตู้ ดั สินขานคะแนนตอ้ งโยน
ใหม่ และตอ้ งเตอื นผโู้ ยนน้นั
11.3 ระหวา่ งการเสิร์ฟ ในทนั ทที ผี่ เู้ สิร์ฟไดเ้ ตะลูกตะกรอ้ แลว้ ผเู้ ล่นทกุ คนสามารถเคล่ือนท่ี
ในแดนของตนได้
11.4 การเสิร์ฟทถี่ ูกตอ้ ง เมื่อลูกตะกร้อไดข้ า้ มไปยงั ฝ่ ายตรงขา้ มระหวา่ งแถบตาข่าย ไม่วา่
จะสมั ผสั ตาข่ายหรือไม่กต็ าม ตอ้ งใหล้ ูกตกสู่พ้นื อยใู่ นขอบเขตของสนาม
12. การผดิ กตกิ า (FAULTS)
12.1 สาหรับผเู้ ล่นฝ่ายเสิร์ฟ ระหวา่ งการเสิร์ฟ
- ผเู้ ล่นหนา้ คนที่ทาหนา้ ทโ่ี ยนลูกกระทาอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงโดยไม่ไดโ้ ยนใหผ้ เู้ สิร์ฟ
เตะลูกส่ง เช่น โยนลูกเล่น เคาะลูกเล่น โยนลูกใหผ้ เู้ ล่นหนา้ อีกคน ฯลฯ หลงั จากผตู้ ดั สินขาน
คะแนนแลว้
14
- ผเู้ ล่นหนา้ ยกเทา้ หรือเหยยี บเสน้ หรือถูกตาขา่ ย หรือส่วนของร่างกายล้าเขา้ ไปใน
แดนฝ่ายตรงขา้ มขณะท่ีโยนลูก
- ผเู้ สิร์ฟ กระโดดเสิร์ฟ
- ผเู้ สิร์ฟไม่ไดเ้ ตะลูกทีโ่ ยน
- ลูกตะกร้อถูกผเู้ ล่นฝ่ายเดียวกนั ก่อนขา้ มตาข่าย
- ลูกตะกรอ้ ขา้ มตาข่ายแต่ออกนอกเขตสนาม
- ลูกตะกร้อไม่ขา้ มตาขา่ ย
12.2 สาหรับผเู้ ล่นฝ่ายรบั ระหวา่ งการเสิร์ฟ เจตนากระทาในลกั ษณะท่ีทาใหฝ้ ่ ายเสิร์ฟลูก
เสียสมาธิ หรือส่งเสียงรบกวน หรือรอ้ งตะโกน
12.3 สาหรบั ผเู้ ล่นท้งั สองฝ่าย ระหวา่ งการแข่งขนั
- ถูกลูกตะกรอ้ ในแดนฝ่ายตรงขา้ ม
- ส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายล้าเขา้ ไปในแดนของฝ่ ายตรงขา้ มไม่วา่ จะเป็ นดา้ นบน
หรือดา้ นล่างของตาข่าย ยกเวน้ การตดิ ตามล้าตาข่ายหรืการลงสู่พน้ื ภายหลงั การเล่นลูก
- เล่นลูกเกิน 3 คร้งั
- ลูกถูกมือหรือแขน
- หยดุ ลูก หรือยดึ ลูกไวใ้ ตแ้ ขน ระหวา่ งขาหรือลาตวั
- ส่วนหน่ึงของร่างกายหรืออุปกรณ์ของเคร่ืองแตง่ กายผเู้ ล่น ถูกตาขา่ ยหรือถูกเสาหรือ
ถูกเกา้ อ้ีกรรมการผตู้ ดั สิน หรือตกลงในพน้ื ท่ฝี ่ ายตรงขา้ ม
- ลูกตะกร้อถูกเพดาน หลงั คา ผนงั หรือส่ิงกีดขวางอื่นๆ
13. การนบั คะแนน (SCORING SYSTEM)
13.1 ไม่วา่ จะเป็นฝ่ายเสิร์ฟหรือฝ่ ายรบั กต็ าม เม่ือมีการทาผดิ กตกิ าเกิดข้ึน ( fault) ฝ่ายตรง
ขา้ มจะไดค้ ะแนนทนั ทแี ละจะเป็นฝ่ายเสิร์ฟต่อไป
13.2 ทีมท่ีชนะการแขง่ ขนั ในแตล่ ะเซตจะตอ้ งทาคะแนนได้ 21 คะแนน แตถ่ า้ คะแนน
เท่ากนั ที่ 20 : 20 ผชู้ นะจะตอ้ งมีคะแนนตา่ งกนั 2 คะแนนและคะแนนสูงสุดไม่เกิน 25 คะแนน เม่ือ
คะแนน 20 เท่า ผตู้ ดั สินตอ้ งขานวา่ “ดิวส์คู่” ไม่เกิน 25 แตม้
13.3 การแข่งขนั จะตอ้ งชนะกนั 2 เซต โดยมีการพกั ระหวา่ งเซต 2 นาที
15
13.4 ถา้ แตล่ ะทมี ชนะกนั ทีมละ 1 เซต จะตอ้ งทาการแข่งในเซตท่ี 3 ซ่ึงเรียกวา่ “ไทเบรค”
โดยแข่งขนั กนั 15 คะแนน แต่ถา้ คะแนนเทา่ กนั ที่ 14 : 14 ผชู้ นะจะตอ้ งมีคะแนนตา่ งกนั 2 คะแนน
และคะแนนสูงสุดไม่เกิน 17 คะแนน เม่ือคะแนน 14 เท่า ผตู้ ดั สินตอ้ งขานวา่ “ดิวส์คู่” ไม่เกิน 17
แตม้
13.5 ก่อนเริ่มการแข่งขนั ในเซตท่ี 3 ผตู้ ดั สินตอ้ งทาการเสี่ยง ผชู้ นะในการเสี่ยงจะไดส้ ิทธ์ิ
เลือกการเสิร์ฟและใหม้ ีการเปล่ียนแดนเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงทาคะแนนได้ 8 คะแนน
14. การขอเวลานอก (TIME OUT)
แต่ละทีมสามารถขอเวลานอกไดเ้ ซตละ 1 คร้งั เป็ นเวลา 1 นาที โดยใหผ้ จู้ ดั การทมี หรือผู้
ฝึกสอนขอเวลานอกตอ่ กรรมการผตู้ ดั สินเมื่อลูกตระกอ้ ไม่ไดอ้ ยใู่ นการเล่น และมีบคุ คลในระหวา่ ง
การขอเวลานอกได้ 5 คน ท่บี ริเวณทา้ ยสนามของแตล่ ะดา้ น
15. อุบตั เิ หตุและการหยดุ การแข่งขนั (TEMPORARY SUSPENSION OF PLAY)
15.1 กรรมการผตู้ ดั สินสามารถหยดุ การแข่งขนั ไดไ้ ม่เกิน 5 นาที เน่ืองจากมีสิ่งกีดขวาง
หรือรบกวนการแข่งขนั หรือผเู้ ล่นเกิดบาดเจบ็ และตอ้ งไดร้ ับการดูแลทนั ที
15.2 การหยดุ พกั สาหรบั ผเู้ ล่นทีไ่ ดร้ บั บาดเจบ็ ถือเป็ นเวลานอก สาหรบั การบาดเจบ็ อนุญาต
ใหพ้ กั การแข่งขนั ไดไ้ ม่เกิน 5 นาที ภายหลงั จากหยดุ ครบ 5 นาทแี ลว้ ผเู้ ล่นคนน้นั ไม่สามารถทาการ
แข่งขนั ตอ่ ได้ จะตอ้ งทาการเปลี่ยนตวั ผเู้ ล่นน้นั ออก ถา้ เกิดกรณีที่มีการเปลี่ยนตวั ผเู้ ล่นไปแลว้ ให้
ปรบั ทมี น้นั เป็นแพ้ และใหฝ้ ่ายตรงขา้ มชนะการแขง่ ขนั ในคร้ังน้นั
15.3 ในระหวา่ งหยดุ พกั การแขง่ ขนั ผเู้ ล่นทุกคนตอ้ งอยใู่ นสนามและไม่อนุญาตใหด้ ื่มน้า
หรือไดร้ บั การช่วยเหลือใดๆท้งั สิ้น
16. วนิ ยั และมารยาทในการแข่งขนั (DISCIPLIN)
16.1 ผเู้ ล่นทุกคนจะตอ้ งปฏบิ ตั ิตามกตกิ าการแขง่ ขนั
16.2 ในระหวา่ งการแขง่ ขนั จะอนุญาตใหห้ วั หนา้ ทีมเทา่ น้นั เป็ นผตู้ ดิ ตอ่ หรือซกั ถามตอ่
กรรมการผตู้ ดั สิน (ในลกั ษณะสุขภาพ)
17. ความผดิ และบทลงโทษ (PENALTY)
17.1 ความผดิ ทถ่ี ูกตกั เตือน
ผเู้ ล่นทกี่ ระทาความผดิ จะตอ้ งถูกตกั เตือนและไดร้ บั บตั รเหลืองใน 6 กรณีดงั ตอ่ ไปน้ี
16
ปฏิบตั ิตนไม่มีน้าใจนกั กีฬา
แสดงกิริยาและวาจาไม่สุภาพ
ไม่ปฏิบตั ติ ามกฎ กตกิ าการแขง่ ขนั
ถ่วงเวลาการแขง่ ขนั
เขา้ หรือออกสนาม โดยไม่ไดอ้ นุญาตจากผตู้ ดั สิน
เจตนาเดินออกไปจากสนาม โดยไม่ไดร้ บั อนุญาตจากผตู้ ดั สิน
ความผดิ ทีถ่ ูกใหอ้ อกจากการแข่งขนั
ผเู้ ล่นที่กระทาความผดิ ถูกใหอ้ อกจากการแขง่ ขนั และไดร้ บั บตั รแดงมี 5 กรณี ดงั ต่อไปน้ี
กระทาผดิ กติกาอยา่ งร้ายแรง
ประพฤติรา้ ยแรงโดยเจตนาทาใหค้ ู่ตอ่ สูบ้ าดเจบ็
ถ่มน้าลายใส่ฝ่ายตรงขา้ มหรือผอู้ ื่น
ทาความผดิ อยา่ งร้ายแรงโดยสบประมาทหรือดูถูกและหรือแสดงกิริยาทไี่ ม่เหมาะสม
ไปยงั ฝ่ายตรงขา้ ม
ไดร้ บั การเตือนดว้ ยบตั รเหลืองเป็ นคร้งั ที่ 2 ในการแข่งขนั คร้ังน้นั
ผเู้ ล่นทก่ี ระทาผดิ ถูกเตือนหรือใหอ้ อกจากการแข่งขนั ไม่วา่ จะเป็ นความผดิ ท้งั ในหรือนอก
สนามแขง่ ขนั ผเู้ ล่นฝ่ายเดียวกนั กรรมการผตู้ ดั สิน ผชู้ ่วยผตู้ ดั สิน หรือบคุ คลอ่ืนๆใหพ้ จิ ารณา
ลงโทษตามความผดิ ท่ีไดก้ ระทาข้ึน
18. ความผดิ ขอเจา้ หนา้ ท่ที มี (MISCONDCT OF OFFICIALS)
ในระหวา่ งการแขง่ ขนั หากทมี หรือเจา้ หนา้ ทีข่ องทมี คนหน่ึงคนใดกระทาความผดิ เกี่ยวกบั
วนิ ยั และมารยาท ท้งั ในสนามและนอกสนามแขง่ ขนั เจา้ หนา้ ทท่ี มี หรือทมี น้นั ๆจะตอ้ งถูกพจิ ารณา
ลงโทษทางวนิ ยั และมารยาท
19. บททวั่ ไป (GENERAL)
ในการแข่งขนั หากมีปัญหาหรือเร่ืองราวใดๆก็ตามทเี่ กิดข้นึ ในทุกกรณี ซ่ึงนอกเหนือจากท่ี
มิไดร้ ะบไุ วใ้ นกกตกิ าขอ้ ใดๆของการแข่งขนั ใหถ้ ือคาตดั สินของกรรมการผชู้ ้ีขาดเป็ นทสี่ ้ินสุด
20. การอบอุ่นร่างกาย (WARMING UP) 6 คนของทมี ทาการอบอุ่นร่างกายเป็ น
6.1 อนุญาตใหเ้ ฉพาะเจา้ หนา้ ท่ที มี และผเู้ ล่น
เวลา 2 นาทีในสนามแขง่ ขนั
17
21. การแขง่ ขนั (PLAYING THE GAME)
21.1 พ้นื ทสี่ นามแข่งขนั คอื พ้นื ทีท่ อ่ี ยภู่ ายในบริเวณป้ายโฆษณา (A – Boards)
21.2 ห่วงชยั มีเจา้ หนา้ ทีป่ ระจาทีมของแต่ละทมี เป็ นผหู้ ยอ่ นลงและดึงข้นึ
21.3 ผเู้ ล่นจะยนื กระจายอยโู่ ดยรอบนอกเสน้ วงกลม ระหวา่ งการแขง่ ขนั อนุญาตใหเ้ ปลี่ยน
ตาแหน่งยนื ได้
21.4 แต่ละทีมมีเวลาเล่น 30 นาที
21.5 เม่ือผตู้ ดั สินใหส้ ญั ญาณเร่ิมการแขง่ ขนั ผเู้ ล่นตอ้ งโยนลูกตะกรอ้ ใหผ้ เู้ ล่นตรงกนั
ขา้ ม ในการรับลูกตะกร้อดงั กล่าว ตอ้ งส่งใหผ้ เู้ ล่นคนหน่ึงคนใด หลงั จากน้นั จึงสามารถส่งลูกเขา้
ห่วงชยั ดว้ ยทา่ ทกี่ าหนดในขอ้ 9.2 เป็นลูกไดแ้ ตม้
21.6 ขณะโยนลูกตะกรอ้ ผเู้ ล่นทกุ คนตอ้ งยนื อยนู่ อกวงกลม หลงั จากน้นั จึงจะสามารถ
เคลื่อนไหวไดอ้ ิสระ
21.7 ลูกท่ตี กลงพ้นื หรือเขา้ ห่วงถือเป็ นลูกตาย
21.8 ผเู้ ล่นท่ีทาลูกตาย จะเป็ นผโู้ ยนลูกเพอ่ื การเร่ิมเล่นใหม่
21.9 สามารถเปล่ียนลูกตะกร้อใหม่ได้ กรณีทล่ี ูกตะกร้อไม่ไดอ้ ยรู่ ะหวา่ งการเล่น
21.10 ระหวา่ งท่ลี ูกตะกร้ออยใู่ นการเล่น ไม่อนุญาตใหผ้ เู้ ล่นใชม้ ือจบั ลูกตะกร้อ จะอนุญาต
ใหผ้ เู้ ล่นใชม้ ือจบั ลูกตะกรอ้ เฉพาะกรณีท่ีลูกตาย และตอ้ งโยนลูกตะกรอ้
21.11 การโยนลูกตะกร้อเพอื่ การเริ่มเล่นใหม่ จะกระทาไดแ้ ต่การส่งผา่ นลูกใหไ้ ดค้ ะแนน
จะเกิดไดเ้ ม่ือห่วงชยั ถูกชกั ข้นึ อยใู่ นความสูงทก่ี าหนด
21.12 กรณีทลี่ ูกตะกร้อกระดอนออกนอกสนามแข่งขนั ผเู้ ล่นในทมี อาจขอลูกใหม่จาก
กรรมการผตู้ ดั สินประจาสนาม
21.13 กรณีต่อไปน้ีถือเป็นลูกตาย และใหโ้ ยนใหม่
ลูกตะกร้อตกพ้นื สนาม
ลูกตะกร้อคา้ งหรือเขา้ ห่วง
ลูกตะกร้อถูกวตั ถุอื่น
22. การใหค้ ะแนน (SCORING)
22.1 ผเู้ ล่นจะไดค้ ะแนน 10 คะแนน ท่สี ามารถทาใหล้ ูกตะกร้อเขา้ ห่วงชยั ไม่วา่ จะเป็ นทา่ ใด
กต็ าม ทก่ี าหนดไวโ้ ดยไม่คานึงถึงความยากของแตล่ ะทา่ ยกเวน้
ใชท้ า่ เดิมซ้ากนั เกิน 3 คร้งั
ใชท้ ่าตา่ งจากท่ีกาหนดไวใ้ นขอ้ 9.2
18
ทาไดจ้ ากการส่งผา่ นคร้งั แรก หลงั จากรบั ลูกโยน
ลูกตะกรอ้ กระดอนออกจากห่วง
ทาลูกตะกร้อเขา้ ห่วงภายหลงั สญั ญาณหมดเวลา
22.2 ลาดบั ความยากของท่าตา่ ง ๆ ในการแข่งขนั
ลูกศรี ษะ (ลูกโหม่ง)
ลูกขา้ งเทา้ ดา้ นใน (ลูกแป)
ลูกไหล่
ลูกเข่า
ลูกขา้ งเทา้ ดา้ นนอก (ลูกขา้ ง)
ลูกกระโดดไขว้
ลูกเตะดา้ นหลงั (โคง้ หลงั )
ลูกเตะดา้ นหนา้ (หลงั เทา้ )
22.3 ทีมท่ที าคะแนนรวมไดส้ ูงสุดเป็นผชู้ นะ
22.4 กรณีทค่ี ะแนนรวมเทา่ กนั ตดั สินแพช้ นะโดยการเล่นไทเบรก กรรมการผตู้ ดั สินจะ
เป็นผเู้ ส่ียงโยนเหรียญ หรือแผน่ กลม ทมี ท่ชี นะการเสี่ยงจะเป็ นผเู้ ริ่มเล่นก่อน แตล่ ะทมี จะไดเ้ วลา
เล่นทมี ละ 5 นาที โดยใชก้ ตกิ าเดิมท่ีกาหนดไว้ และตอ้ งทาแตม้ ใหไ้ ดส้ ูงสุด หากยงั ไดค้ ะแนน
เท่ากนั อีกกใ็ หเ้ ล่นไทเบรกต่อไปจนกวา่ จะไดผ้ ชู้ นะ
23. กรรมการผตู้ ดั สิน (REFEREE)
23.1 กรรมการตดั สินตอ้ งอยใู่ นสนามท้งั ระหวา่ งการอบอุ่นร่างกายและระหวา่ งการ
แขง่ ขนั ซ่ึงจะตอ้ งทาหนา้ ท่กี ากบั การแข่งขนั ใหเ้ ป็ นไปดว้ ยความเรียบรอ้ ยราบร่ืนและตอ้ ง
รับผดิ ชอบดงั น้ี :-
23.2 ตอ้ งตรวจดูผเู้ ล่นมิใหส้ วมใส่หรือใชอ้ ุปกรณ์ที่จะเป็ นอนั ตรายตอ่ การแข่งขนั
23.3 จะตอ้ งใหส้ ญั ญาณในการเร่ิมอบอุ่นร่างกายและเวลาการอบอุ่นร่างกายตลอดจนเวลา
เริ่มและส้ินสุดการแข่งขนั
23.4 ขานหรือแจง้ เมื่อมีการทาผดิ กตกิ าในระหวา่ งการแขง่ ขนั
23.5 ตรวจสอบวา่ ผทู้ ท่ี าลูกเสียจะตอ้ งเป็ นผเู้ ร่ิมส่งลูกเริ่มเล่น
23.6 เป็นผอู้ นุญาตใหม้ ีการพกั ทางเทคนิคกรณีท่มี ีการบาดเจบ็ หรือเหตอุ ่ืนใดในระหวา่ ง
การแข่งขนั
23.7 เป็นผใู้ หบ้ ตั รเหลืองหรือแดงกรณีทีม่ ีผเู้ ล่นกระทาผดิ ตามกตกิ าทีก่ าหนดในขอ้ 16
19
23.8 เมื่อเสร็จการแข่งขนั กรรมการตดั สินจะยนื แถวตรงหนา้ โตะ๊ กรรมการเพอื่ รับทราบ
คะแนนรวมจากกรรมการควบคุมคะแนน
23.9 เพอื่ ตรวจสอบวา่ การไดค้ ะแนนน้นั ทาไดข้ ณะท่ีห่วงอยใู่ นระดบั ท่กี าหนด
24. กรรมการคะแนน (SCOREKEEPER)
24.1 กรรมการคะแนนจะตอ้ งนงั่ อยขู่ า้ งผคู้ วบคุมคะแนนท่ีโตะ๊ กรรมการผตู้ ดั สิน
24.2 ตอ้ งทาหนา้ ทีบ่ นั ทกึ คะแนนในใบบนั ทึก และจานวนคร้งั ในแตล่ ะท่าของผเู้ ล่นแต่ละคน
24.3 ตอ้ งคอยแจง้ ผคู้ วบคุมคะแนน ถึงจานวนคร้ังทผี่ เู้ ล่นแตล่ ะคนสามารถเล่นไดค้ ะแนน
ในแตล่ ะทา่
25. กรรมการรกั ษาเวลา (TIMEKEEPER)
25.1 กรรมการรักษาเวลาตอ้ งนงั่ อยขู่ า้ งกรรมการกากบั คะแนนท่ีโตะ๊ กรรมการ
25.2 เป็นผใู้ หส้ ญั ญาณนกหวดี เวลาเร่ิมและส้ินสุดการอบอุ่นร่างกายและการแขง่ ขนั
25.3 หยดุ เวลาเม่ือกรรมการผตู้ ดั สินใหส้ ญั ญาณเวลานอกทางเทคนิค
25.4 เป็นผบู้ นั ทึกคะแนนในเคร่ืองนบั คะแนนอิเลค็ โทรนิคตามการประกาศของกรรมการผู้
ควบคุมคะแนน
25.5 ตอ้ งตรวจสอบวา่ ห่วงถูกชกั ถึงระดบั ความสูงที่กาหนด
26. กรรมการควบคุมคะแนน (SCORE CONTROLLER)
26.1 ผคู้ วบคุมคะแนนตอ้ งนงั่ อยทู่ ่ีโตะ๊ กรรมการ
26.2 เมื่อผเู้ ล่นทาแตม้ ได้ ผคู้ วบคุมคะแนนจะเป็ นผปู้ ระกาศโดยเริ่มจากหมายเลขผเู้ ล่น
จานวนคร้งั ของทา่ ท่ีทาได้ เช่น “หมายเลข 1” ทา่ กระโดดไขวค้ ร้งั ที่ 1 หรือ "หมายเลข 10” ท่าลูก
ขา้ งเทา้ ดา้ นในคร้ังท่ี 3
26.3 เมื่อทาคะแนนไดแ้ ต่เกินจานวนคร้งั ในท่าดงั กล่าว ผคู้ วบคุมคะแนนจะประกาศโดย
เร่ิมจากหมายเลขเส้ือของผเู้ ล่น จานวนคร้งั ท่ีทาไดแ้ ละบอกวา่ "ไม่มีคะแนน " เช่น หมายเลข 2 ทา่
กระโดดไขว้ คร้ังที่ 4 ไม่มีคะแนน
26.4 ผเู้ กบ็ ลูกตะกร้อตอ้ งอยนู่ อกบริเวณสนามแข่งขนั เพอ่ื คอยเก็บลูกตะกร้อที่กระดอน
หรือหลุดออกนอกบริเวณสนาม และตอ้ งส่งลูกกลบั ไปยงั โตะ๊ กรรมการผตู้ ดั สิน
20
26.5 ผชู้ กั รอกห่วง มีหนา้ ท่ีชกั และลดห่วงในระหวา่ งการแขง่ ขนั ซ่ึง จะตอ้ งอยใู่ กลโ้ ตะ๊
กรรมการผตู้ ดั สินและใกลก้ บั กรรมการผรู้ กั ษาเวลา ซ่ึงตอ้ งคอยดูวา่ เชือกและเสาห่วงไดถ้ ูกชกั ข้นึ
ไปไดค้ วามสูงตามทกี่ าหนด
ตะกรอ้ เป็นกีฬาไทยท่เี ล่น กนั แพร่หลายมานานนบั ศตวรรษ ไม่วา่ จะเป็ นตามชนบท ในวดั
ในวงั ในเมือง จะพบเห็นการเล่นตะกรอ้ เสมอ เพราะตะกรอ้ ไม่ตอ้ งใชบ้ ริเวณพน้ื ทีก่ วา้ งขวาง
เหมือนกีฬาประเภทอ่ืน ๆ อุปกรณ์กห็ าไดง้ า่ ย ท้งั ผเู้ ล่นกไ็ ม่จากดั รูปร่าง เพศหรือวยั ตลอดจนไม่จะ
กดั ผเู้ ล่นตายตวั อาจยดื หยนุ่ ไดต้ ามความเหมาะสมการเล่นตะกร้อจึงไดร้ บั ความนิยมตลอดมาซ่ึงผู้
เล่นจะไดร้ ับประโยชน์จากการเล่นท้งั ทางตรงและทางออ้ มนบั อเนกประการดงั น้ี
1) ตะกรอ้ เป็นกีฬาทีป่ ระหยดั ลงทนุ นอ้ ยแต่เล่นไดห้ ลายคน คุม้ ค่าเงิน สามารถร่วมทุน
กนั คนละเลก็ ละนอ้ ยหรือผลดั กนั ซ้ือก็ได้ท้งั ลูกตะกร้อก็มีความทนทาน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ถา้ รู้จกั
ใชแ้ ละรู้จกั เกบ็ รักษาใหด้ ี
2) การเล่นตะกร้อเป็นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็ นประโยชน์ ทาใหจ้ ติ ใจน้นั สดช่ืนแจม่ ใสและ
ท่สี าคญั ผทู้ ี่เล่นตะกร้อยงั ไดช้ ื่อวา่ เป็นผหู้ น่ึง ท่สี ่งเสริมกีฬาศิลปะและวฒั นธรรมไทย ซ่ึงถือไดว้ า่
เป็นการรักษาเอกลกั ษณ์ของชาตอิ ีกดว้ ย
3) การเล่นตะกรอ้ ยงั เป็นพน้ื ฐานของการเล่นกีฬาปะเภทอ่ืนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี เพราะ ทาใหผ้ ู้
เล่นรูจ้ กั วธิ ีการครอบครองลูก รู้จงั หวะเขา้ ออก จงั หวะการเตะ โดยใหม้ ีความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมือ
เทา้ อวยั วะต่างๆ ไดเ้ คลื่อนไหวสอดคลอ้ งกนั สร้างความแขง็ แกร่งของกลา้ มเน้ือ ก่อใหเ้ กิดความ
แขง็ แรงและความอดทนอีกดว้ ย
4) การเล่นตะกร้อสามารถเล่นคนเดียวก็ได้ หรือ ถา้ มีผเู้ ล่นมากข้ึนกส็ ามารถปรบั การเล่น
ไดต้ ามความเหมาะสม อนั ตรายจากการเล่นตะกร้อน้นั มีนอ้ ยมาก เพราะจะไม่มีการปะทะหรือ
ถูกตอ้ งตวั กนั ระหวา่ งผเู้ ล่นดว้ ยกนั เอง หรือแมแ้ ตอ่ ุปกรณ์การเล่น กม็ ิไดท้ าใหเ้ กิดอนั ตราย ถา้ ผเู้ ล่น
รูจ้ กั สงั เกตวา่ มีอุปกรณ์ใดชารุดก็ปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมให้ พรอ้ มก่อนที่จะเล่น การเคล่ือนที่ดว้ ย
ความระมดั ระวงั กจ็ ะทาใหเ้ กิดการหกลม้ เสียหลกั ไดย้ าก และการเล่นตะกร้อน้นั สามารถใชอ้ วยั วะ
ไดห้ ลายส่วนทาใหไ้ ม่เกิดการบอบช้าเฉพาะส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายอีกดว้ ย
5) การเล่นตะกร้อ เป็นการฝึกใหเ้ กิดความคล่องแคล่ววอ่ งไว ปราดเปรียว เพราะตอ้ งมี
ความระมดั ระวงั ตวั และเตรียมตวั พร้อมท่ีจะเขา้ เล่นลูกในลกั ษณะต่างๆอยตู่ ลอดเวลาการเคล่ือนไหว
ก็ตอ้ งกระทาดว้ ยความรวดเร็วกระฉบั กระเฉงเพอ่ื ใหท้ นั กบั จงั หวะทจี่ ะเล่นลูก
21
6) การเล่นตะกรอ้ เป็นการฝึกใหเ้ ป็ นผทู้ ม่ี ีอารมณ์เยอื กเยน็ สุขมุ รอบคอบ เพราะการเล่น
หรือการเตะลูกแต่ละคร้ังจะตอ้ งอาศยั สมาธิและความต้งั ใจอยา่ งแน่วแน่ถา้ หากใจรอ้ นหรือมีอาการ
ลุกล้ีลุกลน การเตะแตล่ ะคร้ังก็จะเสียไป ทาใหเ้ ล่นผดิ พลาดไดบ้ ่อยๆ ถา้ เป็ นการแข่งขนั กจ็ ะพา่ ยแพ้
แก่คู่แขง่ ขนั ไดง้ ่าย
7) การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกการตดั สินใจ เพราะก่อนการเล่นลูกตะกร้อทกุ คร้ังจะตอ้ งมี
การตดั สินใจเก่ียวกบั ทิศทาง ความเร็ว ความแรงและลกั ษณะการหมุนของลูก ซ่ึงจะเป็ นสิ่งท่ชี ่วยใน
การตดั สินใจวา่ ตอ้ งเล่นลูกดว้ ยท่าใดส่งลูกไปยงั ทิศทางใดการกะระยะส่งลูกเป็ นตน้
8) การเล่นตะกรอ้ จะช่วยประสานหนา้ ที่ของอวยั วะในร่างกายใหม้ ีระบบการทางานดีข้ึน
และเป็นการฝึกประสาทไดเ้ ป็นอยา่ งดี เพราะการเล่นลูกแตล่ ะคร้ังตอ้ งอาศยั ระหวา่ งความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งประสาทกบั กลา้ มเน้ือและอวยั วะตา่ งๆ เพอื่ ทาใหก้ ารเตะและการเล่นลูกเป็ นไปอยา่ งราบร่ืน
นิ่มนวลและไดจ้ งั หวะ ท้งั จะตอ้ งมีปฏภิ าณไหวพริบ มีการแกไ้ ขปัญหาตลอดเวลาท่ีเล่น โดยเฉพาะ
อยา่ งยงิ่ ในการเล่นเพอ่ื แข่งขนั จะตอ้ งมีการวางแผนการเล่นโดยอาศยั ปัจจยั หลายประการ เนื่องจาก
การแข่งขนั จะช้ีไดว้ า่ ใครมีเชาวป์ ัญญาปฏภิ าณไหวพริบดีกวา่
9) การเล่นตะกร้อก่อใหเ้ กิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยผอ่ นคลายความตึงเครียดท้งั ผู้
เล่นและผชู้ ม การ ร่วมวงเล่นตะกรอ้ มกั จะมีการส่งเสียงแสดงความดีใจพอใจตลอดเวลาในการเล่น
หรือการเตะท่าพลิกแพลงตา่ งๆ ของผเู้ ขา้ ร่วมวงอยเู่ สมอ จึงก่อใหเ้ กิดความสามคั ครี ะหวา่ งผเู้ ล่น
ดว้ ยกนั รู้จกั หนา้ ท่รี บั ผดิ ชอบและใหโ้ อกาสแก่ผอู้ ่ืน เกิดมนุษยส์ มั พนั ธท์ ี่ดีมีความเขา้ อกเขา้ ใจ รู้จกั
นิสยั ใจคอกนั ดีข้นึ ยอมรับผดิ และใหอ้ ภยั กนั เสมอ นบั เป็ นการช่วยส่งเสริมใหเ้ ขา้ สงั คมไดด้ ียงิ่ ข้ึน
อีกดว้ ย
10) การเล่นตะกรอ้ น้นั เล่นไดไ้ ม่จากดั เวลา คอื จะเล่นเวลาใดก็ไดต้ ามความประสงคข์ องผู้
เล่นท้งั ระยะเวลาในการเล่นกไ็ ม่กาหนดข้นึ อยกู่ บั ความเหมาะสมและความพอใจของผเู้ ล่น
11) กีฬาตะกรอ้ เล่นไดไ้ ม่จากดั สถานท่ี อาจจะเป็ นในร่มหรือกลางแจง้ ท้งั สภาพของสนามก็
ไม่เป็นอุปสรรคมากมายนกั ขนาดของสนามกย็ ดื หยนุ่ ไดไ้ ม่ตายตวั เหมือนกีฬาอื่นๆ
12) ตะกร้อเป็นกีฬาท่เี หมาะสมกบั บคุ คลทุกเพศทกุ วยั เพราะเป็ นกีฬาท่ไี ม่หนกั หรือเบา
จนเกินไป สามารถปรบั การเล่นตามความสามารถและกาลงั ของผเู้ ล่นได้ ท้งั ในดา้ นทกั ษะก็มีหลาย
ระดบั ช้นั ซ่ึงดูเหมือนจะทา้ ทายและจูงใจผเู้ ล่นไม่รู้จบสิ้น ผเู้ ล่นสามารถพฒั นาทกั ษะไปตามวยั
นอกจากน้นั อาจเล่นเพอ่ื ความสวยงาม เพอ่ื การออกกาลงั กาย เพอ่ื การแสดง หรือเพอื่ การแขง่ ขนั ก็ได้
22
บรรณานุกรม
อ้างอิงจากเวบ็ ไซต์
“ความหมายของตะกร้อ”. (ระบบออนไลน)์ แหล่งขอ้ มูล. https://sites.google.com
(วนั ทีส่ ืบคน้ 24/01/64)
“ประวตั คิ วามเป็นมาของตะกร้อในประเทศไทย”. (ระบบออนไลน)์ แหล่งขอ้ มูล.
https://temfar.wordpress.com (วนั ทีส่ ืบคน้ 24/01/64)
“ประวตั คิ วามเป็นมาของตะกร้อในต่างประเทศ”. (ระบบออนไลน)์ แหล่งขอ้ มูล.
https://sites.google.com (วนั ที่สืบคน้ 25/01/64).
“กติกาการเล่นเซปักตะกร้อ”. (ระบบออนไลน)์ แหล่งขอ้ มูล. https://www.siamsporttalk.com
(วนั ท่ีสืบคน้ 25/01/64)