The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ฉบับเรียนออนไลน์ ตัวเต็ม บทที่ 1- 10
เมื่ออ่านครบแล้วให้เข้าไปทำแบบทดสอบที่ Google class room รหัสห้องอยู่ท้ายบทที่ 10

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by hirogiz69, 2020-04-06 04:23:28

วิชาเขียนแบบเบื้องต้น

ฉบับเรียนออนไลน์ ตัวเต็ม บทที่ 1- 10
เมื่ออ่านครบแล้วให้เข้าไปทำแบบทดสอบที่ Google class room รหัสห้องอยู่ท้ายบทที่ 10

รปู ที่ 6.26

รปู ท่ี 6.27
ภาพ : นพดล เวชวิฐาน. เขยี นแบบเทคนคิ เบ้ืองตน้ . กรุงเทพฯ: สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญ่ปี ุ่น). 2547

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี7
เร่อื ง การเขียนภาพฉาย

จุดประสงค์การเรยี นรู้
เมอ่ื ศึกษาหนว่ ยการเรียนนี้ แล้วให้นกั เรยี นมีความรคู้ วามสามารถต่อไปน้ี

1. อธิบายวิธกี ารเขียนภาพฉาย
2. เขยี นแบบภาพฉายได้
สาระการเรียนรู้
1. การเขยี นภาพฉาย
2. ปฏบิ ตั ิงานเขยี นแบบภาพฉายได้
การเขียนภาพฉาย (Orthographic Drawing)
การเขียนภาพฉายทุกด้าน ในแต่ละด้านจะต้องมีความสัมพันธ์กันท้ังขนาด สัดส่วนและ ทิศทาง โดยการ
ลากเส้นฉาย (Projection Line) เป็นเส้นร่างเบา ๆ จากจุดตัดทุกจุดของภาพฉาย โยงไปยังภาพฉายอีกด้านหนึ่ง
ซ่ึงจุดที่ได้จะเป็นส่วนหนง่ึ ของภาพฉายอีกด้าน การเขียนภาพฉาย จะใช้ภาพด้านหน้าเป็นด้านหลักฉายไปยังภาพ
ด้านข้างและภาพด้านบน ส่วนภาพด้านข้างกับ ภาพด้านบนก็สามารถใช้เส้นฉายเชื่อมโยงกัน โดยใช้เส้นมุม 45
องศา เปน็ เส้นเชือ่ มโยงกัน
ดังแสดงในรปู ท่ี 7.1

รปู ท่ี7.1
ภาพ ; www.jet4.net

วธิ ีการเขยี นภาพฉาย
1. ลากเส้นร่างในแนวด่ิง (90 องศา) และเส้นในแนวนอน (180 องศา) ตัดกัน โดยแบ่งหน้ากระดาษ

ออกเป็น 4 สว่ น
2. กาหนดใหเ้ ขียนภาพลงในแตล่ ะสว่ นดงั นี้
สว่ นท่ี 1 เขียนภาพดา้ นหน้า
สว่ นท่ี 2 เขยี นภาพดา้ นบน
ส่วนที่ 3 ลากเส้นเอียงทามุม 45 องศา
ส่วนที่ 4 เขยี นภาพดา้ นข้าง ดังรูปท่ี 7.2
ส่วนท่ี 1 ส่วนที่ 4
เสน้ เอยี งทามุม 45 องศา
ส่วนที่ 2 สว่ นที่ 3

รูปท่ี 7.2
3. เขยี นภาพด้านหนา้ ของชิ้นงานเป็นภาพหลกั โดยลากเส้นในแนวนอน และ แนวต้งั เพื่อเป็นฐานในการ
วางรปู กาหนดขนาดและเขยี นภาพด้านหนา้ โดยเขียนเป็น เสน้ ร่างเบาๆ กอ่ น
4. จากภาพด้านหน้า ลากเส้นฉายในแนวนอนต่อจากเส้นขอบรูปไปยังส่วนท่ี 4 ซ่ึงเป็นส่วนสูงของภาพ
ดา้ นข้าง ซึง่ สูงเทา่ กับภาพด้านหนา้
5. จากภาพด้านหน้าลากเส้นในแนวด่ิงลงมายังส่วนที่ 2 เพื่อถ่ายขนาดความยาวของภาพด้านหน้า ซึ่ง
เทา่ กบั ความยาวของรปู ด้านบน เขยี นภาพด้านบน
6. จากภาพด้านบนลากเส้นฉายในแนวนอนต่อจากเส้นขอบรูปของภาพด้านบน ไปตัดกับเส้น 45 องศา
ในส่วนที่ 3 จากจดุ ที่เสน้ ตดั กัน ลากเส้นต้ังฉากขึ้นไปยังส่วนท่ี 4 เปน็ การถา่ ยขนาดความกว้างของรูปด้านบนไปยัง
รปู ด้านขา้ งซึง่ มคี วามกวา้ งทีเ่ ทา่ กนั ดงั รปู ที่ 7.3

รปู ที่ 7.3
7. ลากเส้นฉายตอ่ จากส่วนอ่ืน ๆ ของภาพ ไปยงั ภาพดา้ นข้าง จากน้ันเขยี นภาพด้านข้างให้สมบูรณ์ ดังรูปที่ 7.4

รูปที่ 7.4
ภาพ : นพดล เวชวฐิ าน. เขียนแบบเทคนคิ เบือ้ งตน้ . กรุงเทพฯ: สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญี่ป่นุ ). 2547

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 8
เร่ือง การเขียนภาพออบบลกิ (Oblique)

จุดประสงค์การเรยี นรู้
เมื่อศกึ ษาหน่วยการเรยี นนี้แลว้ ให้นักเรียนมคี วามรู้ความสามารถต่อไปนี้

1. อธิบายวธิ กี ารเขยี นภาพออบบลิกได้
2. เขยี นแบบภาพออบบลกิ ได้
สาระการเรียนรู้
1. วธิ กี ารเขยี นภาพออบบลกิ
2. ปฏิบตั ิงานเขียนแบบภาพออบบลิกได้
การเขยี นภาพออบบลกิ (Oblique)
มขี ั้นตอนและรายละเอียดดังนี้ คือ
1. เขียนเส้นร่างเริ่มต้นของภาพ 3 เส้น คือ เส้นในแนวนอน เส้นในแนวด่ิง และเส้นเอียง 45 องศา ดัง
แสดงในรปู ท่ี 8.1 เส้นเอียง 45 องศา อยทู่ างด้านซา้ ยหรอื ทางดา้ นขวาของเสน้ ในแนวด่ิงก็ได้

รูปที่ 8.1
ภาพ : นพดล เวชวฐิ าน. เขยี นแบบเทคนคิ เบ้ืองตน้ . กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปนุ่ ). 2547

2. เขยี นเสน้ ร่างรูปทรงกล่องสี่เหล่ียม ท่มี ีขนาดเทา่ กับความกว้าง (W) และความสูง (H) ของชิน้ งาน และ
มีความลึก (D) เป็นคร่ึงหน่ึงของความลึกจริงตามหลักการของภาพออบบลิก ดังในรูปที่ 8.2 การเขียนให้เริ่มต้น
จากการเขยี นเป็นรปู กล่องส่ีเหล่ียมก่อน แลว้ ค่อยใสร่ ายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง

รปู ท่ี 8.2
ภาพ : นพดล เวชวฐิ าน. เขียนแบบเทคนคิ เบอ้ื งต้น. กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญ่ปี ุ่น). 2547

3. กาหนดทิศทางการมองภาพที่กล่องส่ีเหลี่ยมด้านท่ีต้องการให้เป็นภาพด้านหน้า จากนั้นนาภาพฉาย
ด้านหน้าท่ีมองเหน็ รปู ร่างของชิ้นงานมาเขียนลงในดา้ นของกล่องท่ีกาหนดให้เป็นภาพด้านหน้า โดยลดขนาดความ
กวา้ งของภาพลงคร่งึ หนึ่งตามหลักการของภาพฉาย ดังรูปท่ี 8.3

รูปที่ 8.3
ภาพ : นพดล เวชวิฐาน. เขยี นแบบเทคนคิ เบ้อื งต้น. กรงุ เทพฯ: สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญ่ปี ุน่ ). 2547

4. ลากเส้นในแนวนอนตอ่ จากมุมของภาพท่ีเป็นดา้ นหนา้ ไปทางซ้ายให้มีความยาวเทา่ กับความกว้างของ
ช้นิ งาน เส้นขอบของชิน้ งานทถ่ี ูกบังใหเ้ ขียนเปน็ เส้นประ ดังรูปที่ 8.4

รูปท่ี 8.4
ภาพ : นพดล เวชวฐิ าน. เขียนแบบเทคนคิ เบ้ืองตน้ . กรงุ เทพฯ: สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญป่ี ุ่น). 2547

5. ในภาพออบบลิก ท่ีมุม ๆ หน่ึงของชิ้นงาน จะประกอบด้วยเส้น 3 เส้น คือ เส้นในแนวนอน เส้นใน
แนวดงิ่ และเสน้ ทเ่ี อยี ง 45 องศา จนครบทกุ มมุ เสน้ ขอบของชิ้นงานที่ถูกบงั ใหเ้ ขยี นดว้ ยเส้นประ ดังรปู ที่ 8.5

รูปท่ี 8.5
ภาพ : นพดล เวชวิฐาน. เขยี นแบบเทคนคิ เบ้ืองต้น. กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญ่ปี นุ่ ). 2547
ขอ้ ควรจา

1. การเขียนภาพออบบลิก จะต้องเขียนเส้นร่างรูปกลอ่ งสี่เหลี่ยม ซึ่งจะมีเส้นแกนหลัก 3 เส้น คือ เส้นใน
แนวนอนแสดงความกว้าง เสน้ ในแนวด่งิ แสดงความสูง และ เสน้ เอียง 45 องศา แสดงความลึกของภาพ

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 9
เรื่อง การเขยี นภาพไอโซเมตรกิ (Isometric)

จุดประสงค์การเรียนรู้
เมอื่ ศึกษาหนว่ ยการเรยี นนแี้ ลว้ ให้นกั เรยี นมีความรู้ความสามารถตอ่ ไปน้ี

1. อธิบายวิธกี ารเขยี นภาพไอโซเมตริกได้
2. เขยี นแบบภาพไอโซเมตริกได้
สาระการเรียนรู้
1. วิธีการเขยี นภาพไอโซเมตรกิ
2. ปฏิบตั งิ านเขยี นแบบภาพไอโซเมตริก
การเขียนภาพไอโซเมตรกิ (Isometric)
ในการเขียนภาพไอโซเมตรกิ มขี น้ั ตอนและรายละเอียด ดงั นี้
1. เขียนเส้นรา่ งเร่ิมตน้ ของภาพเป็นเสน้ แกนหนกั 3 เส้น ด้วยกนั คือ เสน้ ในแนวด่งิ หรอื เส้นตง้ั ฉาก (90
องศา) และเสน้ ในแนวเอียงทามุม 30 องศา กับแนวระนาบ 2 เส้น ดงั แสดงในรปู ที่ 9.1

รูปท่ี 9.1
ภาพ : นพดล เวชวิฐาน. เขยี นแบบเทคนิคเบื้องต้น. กรงุ เทพฯ: สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปนุ่ ). 2547

2. กาหนดขนาดลงบนเสน้ แกนหลักทง้ั 3 เส้น กาหนดขนาดความสงู (H) ลงบนเส้นในแนวด่ิง กาหนด
ขนาดความกวา้ ง (W) ลงบนเส้นแนวเอียง 30 องศาทางด้านซ้ายมอื และกาหนดขนาดความลกึ (D) ลงบนเส้นใน
แนวเอยี ง 30 องศา ทางดา้ นขวามือ แล้วเขยี นเสน้ ร่างเป็นรปู ทรงกล่องสีเ่ หล่ียม ดังแสดงในรปู ที่ 9.2

รปู ที่ 9.2
3. กาหนดทศิ ทางการมองภาพท่กี ลอ่ งส่ีเหล่ียมดา้ นท่ีต้องการให้เป็นภาพด้านหนา้ จากน้ันนาภาพฉาย
ด้านหนา้ ที่มองเห็นรูปร่างของช้นิ งานมาเขยี นลงในกลอ่ งทกี่ าหนดเป็นดา้ นหนา้ ตามขนาดจริง ดังแสดงในรปู ที่ 9.3

รูปท่ี 9.3
4. ลากเสน้ เอยี งทามุม 30 องศา ต่อจากมุมของภาพด้านหนา้ ไปทางซา้ ยมือใหม้ ีความยาวเท่ากบั ความ
กว้างของชนิ้ งาน เสน้ ขอบของช้ินงานทถ่ี กู บังให้เขยี นแสดงด้วยเสน้ ประ ดงั ในรปู ท่ี 9.4

รปู ที่ 9.4
ภาพ : นพดล เวชวฐิ าน. เขยี นแบบเทคนิคเบ้อื งต้น. กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสริมเทคโนโลย(ี ไทย-ญีป่ นุ่ ). 2547

5. ปลายสดุ ของเสน้ เอยี ง 45 องศาทลี่ ากตอ่ ออกไปก็คือมุมของชนิ้ งาน ซึง่ ใน ภาพไอโซเมตริก ทกุ มุมของ
ช้ินงานจะมีเส้นมาพบกัน 3 เส้น คือ เส้นในแนวดิ่ง และ เส้นเอียง 30 องศา 2 เส้น ให้เขียนเส้นท่ีขาดอยู่ 2 เส้น
คือเส้นในแนวด่ิง และเส้นเอียง 30 องศาไปทางด้านขวามือ จนครบทุกมุม เส้นขอบของชิ้นงานท่ีถูกบังเอาไว้ให้
เขยี นแสดงด้วยเสน้ ประ ดงั รูปที่ 9.5

รูปท่ี 9.5
ภาพ : นพดล เวชวฐิ าน. เขยี นแบบเทคนคิ เบ้ืองตน้ . กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี(ไทย-ญป่ี ุ่น). 2547
ข้อควรจา

1. การเขยี นภาพไอโซเมตรกิ จะตอ้ งเกิดจากเสน้ แกนหลัก 3 เสน้ คือ เส้นในแนวดง่ิ 1 เสน้ และ เสน้
เอยี งทามมุ 30 องศา 2 เส้น

2. การเขยี นจะต้องข้นึ เปน็ รูปกล่องส่เี หลี่ยมก่อนเสมอแล้วจงึ ค่อยใส่หรอื เพ่ิมเตมิ รายละเอยี ดในภายหลงั
3. ขนาดของภาพจะมขี นาดเท่ากับขนาดของภาพฉายทุกด้าน
การเขยี นวงรใี นภาพไอโซเมตริก
ในกรณที ่ชี ้นิ งานมรี ปู ร่างเปน็ ทรงกระบอก หรอื ชน้ิ งานรปู สี่เหลยี่ มที่เจาะรูตรงกลาง เรามีวิธกี ารเขียน
รปู รา่ งของวงกลมในภาพไอโซเมตรกิ เนื่องจากการมองวงกลมในภาพไอโซเมตรกิ จะเหน็ เป็นรปู วงรี
ขน้ั ตอนการเขียนรูปวงรี
1. สรา้ งรูปสเี่ หล่ียมขนมเปยี กปูนท่มี ีขนาดความกวา้ งเทา่ กบั เส้นผา่ ศูนยก์ ลางของวงกลม ดงั รปู ท่ี 9.6

รูปท่ี 9.6
2. วดั แบง่ คร่ึงทุกดา้ นของกรอบสี่เหลี่ยม
3. จากจุดกง่ึ กลางของด้านทง้ั ส่ี ลากเส้นไปมมุ ตรงกันข้าม

4. ใช้จดุ ตัดทงั้ 4 จดุ เป็นจดุ ศูนยก์ ลางเขียนส่วนโค้ง จะไดเ้ ส้นโค้งตอ่ กนั เป็นรูปวงรี ดังแสดงในรูป 9.7

รปู ท่ี 9.7
ภาพ : นพดล เวชวฐิ าน. เขยี นแบบเทคนิคเบื้องตน้ . กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสรมิ เทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปุน่ ). 2547

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 10
เร่ือง การเขยี นภาพแผน่ คล่ี

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
เมื่อศึกษาหนว่ ยการเรียนนแี้ ลว้ ให้นักเรยี นมคี วามรคู้ วามสามารถต่อไปนี้

1. อธบิ ายวธิ กี ารเขียนภาพแผ่นคล่ไี ด้

2. เขยี นภาพแผน่ คลีไ่ ด้

3. สรา้ งผลงานจากแบบแผน่ คลี่ได้
สาระการเรยี นรู้

1. วธิ กี ารเขียนภาพแผน่ คล่ี

2. ปฏิบัติงานเขียนแบบแผน่ คล่ี
การเขยี นภาพแผ่นคล่ี

คาว่าคล่ี ก็คือ กางออกให้แบน เช่น เรากางเรือกระดาษ หรือหมวกกระดาษที่นักเรียนหัดพับ ออกเป็น
แผน่ กระดาษแบน ๆ หรือถา้ เราคลกี่ ล่องกระดาษรปู ส่ีเหลยี่ มออกเป็นแผ่น กเ็ รียกว่าแผ่นคลี่ งานช่างอตุ สาหกรรม
ทเี่ ก่ียวกับแผ่นคลี่มากกว่างานช่างอื่น ๆ ได้แก่งานโลหะแผ่น การทากระป๋องน้า รางน้า กาน้า กรวย ท่อควัน ท่อ
ความเย็นเครื่องปรับอากาศ งานตัวถังรถยนต์ เคร่ืองบิน ฯลฯ ก่อนจะประกอบโลหะแผ่นให้เป็นรูปทรงของสิ่งที่
กล่าวมาข้างต้น จะต้องสร้างแบบ(pattern) ตัดโลหะแผน่ ให้ได้ขนาดตามรปู แบบ แล้วประกอบโลหะแผ่นเหล่านั้น
เป็นรูปทรงที่ต้องการไดเราเรียกแบบแผ่นคลีว่า pattern development หรือ Development and
Intersections คาวา่ development เกี่ยวกับการสร้างเลเอา้ ท์(คลีผ่ วิ ) ของรูปทรง คาว่า Intersections เกีย่ วกับ
ตาแหนง่ ของเส้นตา่ ง ๆ ทต่ี ดั กัน หรอื ประกอบกนั ขึ้นเป็นรปู ทรงทต่ี อ้ งการ กลา่ วคือ แผน่ คล่ีก็คอื การออกแบบและ
เขียนแบบคล่ีรูป(pattern) ลงวสั ดแุ ผ่น เช่น โลหะแผ่น กระดาษ ผ้า หนงั เพื่อนาไปม้วน พับ งอ ฯลฯ และทาเป็น
รูปทรงที่ต้องการเช่น รูปกรวย กล่องผลิตภัณฑ์ เป็นต้น การเขียนแผ่นคลี่จะไม่เขียนเส้นบอกขนาดกากับเหมือน
การเขยี นแบบอืน่ และต้องกาหนด ขนาดให้มสี ว่ นเผ่อื สาหรับขอบเพอ่ื พบั ซ้อน เขา้ ขอบลวดไว้ด้วยเสมอ
การเขียนแบบแผ่นคลโี่ ดยวธิ เี ส้นขนาน

วัตถุที่มีรูปทรงเป็นทรงกระบอก รูปปริซึม ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างด้วยเส้นตรงขนานกันเป็นหลักใหญ่
ฉะนั้นเมื่อคลอี่ อกกย็ ังคงหลกั การเดิม คือใช้เสน้ ตรงขนาน

1. ภาพคล่ีรูปทรงกระบอก มีวิธีการเขียนดังนี้
1.1 เขียนรูปด้านหน้าและรูปด้านบน ของรูปทรงกระบอกท่ีต้องการก่อนแล้วแบ่งรูปด้านบน

ออกเป็นส่วนเท่า ๆ กัน ในท่ีนแี้ บ่งออกเป็น 12 สว่ น มีเลข 1-12 กากับ
1.2 เนื่องจากความกว้าง (ความสูง) ของแผ่นคล่ีจะกว้างเท่ากับความสูงของรูปด้านหน้าของ

ทรงกระบอกนั้น ฉะน้ันให้ลากเส้นตรงจากขอบบนและขอบล่างของรูปด้านหน้าออกไปทางขวาหรือทางซ้ายของ
รูปดา้ นหน้า แล้วกาหนดที่ตั้งของรปู แผ่นคลวี่ า่ จะให้อยู่ ณ ทใี่ ดในกระดาษเขียนแบบ

1.3 ลากเส้นในแนวดงิ่ (เสน้ ตั้งฉาก) ตัดเส้นขนานที่ต่อจากความสงู ของด้านหน้านีห้ น่ึงเส้น และ
ใส่เลข 1 กากับไว้

1.4 กางวงเวียนหรอื ดไิ วเดอร์ เพอ่ื ตง้ั ระยะจากเลข 1 ไป 2 ไป 3 ฯลฯ ตามท่ีแบง่ ไว้ในรปู ด้านบน
และถา่ ยระยะลงบนเสน้ คูข่ นานทส่ี ร้างไวบ้ นข้อ 2 โดยเริ่มจากเสน้ ที่ 1 ท่สี ร้างไวใ้ นข้อ 3

1.5 เม่ือถ่ายระยะจนได้ถึงเลข 12 แล้วให้เพิ่มถึงเลข 1 เพราะต้องมี 12 ช่อง และให้มีส่วนย่ืน
ออกอีกประมาณ 6 มม. สาหรบั เป็นรอยตอ่ หรอื เพม่ิ เพ่ือพับเป็นขอเกี่ยวเป็นตะเขบ็ ดังในรูปที่ 10.1

1.6 ในกรณีท่ีรูปทรงกระบอกน้ีมีฝาหรือมีก้น ก็ต้องสร้างฝาและก้นไว้ด้วย โดยเขียนวงกลมท่ีมี
ขนาดโตกวา่ เสน้ ศนู ยก์ ลางของรปู ทรงกระบอกเลก็ นอ้ ย ใหม้ ีส่วนเผ่ือสาหรบั เป็นรอยตอ่ หรือครอบฝาหรือก้นดว้ ย

รูปท่ี 10.1
ภาพ : สวัสด์ิ อดุ มโภชน์. เขียนแบบเทคนิค 1-2. กรงุ เทพฯ: วัฒนาพานิช, 2536
2. ภาพคล่ีของรูปปรซิ มึ มีวิธกี ารเขยี นดังนี้
2.1 เขียนรูปดา้ นหน้า และรูปดา้ นบนของรูปปริซมึ
2.2 ลากเส้นคูข่ นานจากความสงู ของรปู ดา้ นหน้าออกไปทางขวามอื หรือซา้ ยมือ เพอื่ กาหนดที่ต้ัง
ของรปู แผน่ คลี่ (ในท่นี ลี้ ากไปทางด้านขวามอื )
2.3 ลากเส้นในแนวด่ิงตัดเสน้ คู่ขนานทตี่ อ่ ออกไปจากด้านหน้านั้น และกากับเลข 1 ไวท้ ่เี สน้ นี้

2.4 ตง้ั ดไิ วเดอร์เพื่อถ่ายขนาด 1-2, 2-3, 3-4 และ 4-1 จากรูปด้านบนลงบนรูปแผน่ คล่ี เริ่มต้น
จากเสน้ ในแนวด่ิงเลข 1 ในข้อ 3 และให้มีสว่ นยนื่ ออกไปประมาณ 6 มม. เพอื่ เป็นแนวตอ่ เช่นกนั

2.5 สร้างส่วนที่เป็นฝาและเป็นก้น โดยหน้ากว้างมีขนาดเท่ากับ 2-3 หรือ 1-4 แต่ให้อยู่ใน
ตาแหน่งของ 2-3 ความลึกของฝานี้เท่ากับขนาดจาก 1-2 หรือ 3-4 ในรูปด้านหน้า และให้เผ่ือรอยตะเข็บหรือ
รอยต่อไว้โดยรอบสามด้าน (ดา้ นละ 6 มม.)

2.6 แผ่นคลี่ดังกล่าวเมือ่ พบั เปน็ รูปจะไดร้ ูปปริซมึ ส่เี หล่ียม ดงั รูปท่ี 10.2 4

รปู ที่ 10.2
ภาพ : สวสั ด์ิ อดุ มโภชน์. เขียนแบบเทคนคิ 1-2. กรุงเทพฯ: วัฒนาพานิช, 2536
การเขียนแผ่นคลโ่ี ดยวธิ เี สน้ รัศมี
1. ภาพคล่ีรูปกรวย มีวธิ กี ารเขียน ดังน้ี
1.1 สร้างรูปดา้ นหน้าและรูปด้านบนของกรวย แลว้ แบง่ รปู ด้านบนของกรวยออกเปน็ ส่วนเทา่ ๆ
กัน ในท่ีนแี้ บ่งเปน็ 12 สว่ น
1.2 กาหนดให้ X เป็นจุดศนู ย์กลาง และเปน็ ที่ตัง้ ของรูปแผน่ คล่ี
1.3. ใช้วงเวียนกางรศั มีจากจดุ X ถึงเลข 1 ในรูปดา้ นหนา้ นาไปถ่ายเป็นสว่ นโค้ง A-B โดยใช้จุด
X ของรปู แผ่นคล่ีเป็นจดุ ศนู ยก์ ลาง

1.4 จากจุด X ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางในรูปแผ่นคล่ี ลากเส้นดงิ่ ผ่านตดั ส่วนโคง้ A-B ท่จี ุดเลข 7
1.5 ณ จุดเลข 7 นี้ ใหส้ ร้างสว่ นแบง่ บนเสน้ AB ไปทางซา้ ยและขวาของจุดเลข 7 ขนึ้ ไปยังจุด A
และ B ข้างละ 6 ชอ่ ง ๆ ละเท่ากับสว่ นทแ่ี บง่ ไว้ในรปู ดา้ นบน และใหม้ สี ว่ นยน่ื ประมาณ 6 มม. ไว้เปน็ รอยต่อดว้ ย
ดงั แสดงในรปู 10.3 5

รูปที่ 10.3
ภาพ : สวสั ด์ิ อดุ มโภชน์. เขียนแบบเทคนิค 1-2. กรงุ เทพฯ: วัฒนาพานิช, 2536
2 ภาพคลี่ รูปปิรามิด มีวธิ ีการเขยี นดังน้ี
2.1สรา้ งรปู ด้านหน้าและรูปด้านบนของรปู ปิรามดิ ท่ตี ้องการ และกากบั หมายเลขและอกั ษรไว้ทีร่ ปู ทงั้ สอง
2.2 กาหนดจุด X เปน็ จดุ ศนู ย์กลาง และทต่ี ัง้ ของรูปแผน่ คล่ี
2.3 ใชว้ งเวียนกางให้ไดร้ ัศมี X - 1 ในรูปดา้ นหนา้ และนาไปถ่ายลงทแ่ี ผ่นคลโ่ี ดยใช้ X ของรปู แผ่นคลี่ (ข้อ 2) เป็น
ศนู ย์กลางเขียนส่วนโค้ง A - B
2.4 ลากเสน้ ในแนวดง่ิ ผา่ นจุด X ในรูปแผน่ คล่ีตัดส่วนโค้ง A - B ที่จดุ ๆ หนึ่ง (ในที่นี้คือท่ีจุดเลข 3)
2.5 ณ จุดบนเส้น A-B นี้ จะใช้เปน็ ศนู ย์กลางในการถา่ ยระยะคือ ให้ถ่ายขนาดลงข้างละสองส่วนจากกจุดตัดน้ี
หมายความว่าจากจดุ ตัดนีใ้ หถ้ ่ายขนาด 3 – 2, 2 -1 ทีแ่ บ่งไว้ในรูปด้านบนลงทางซ้ายของจุดตัดนี้ และถ่ายขนาด
3 – 4, 4 -1 ในรปู ดา้ นบนลงทางขวาของจุดตัดนี้ แลว้
2.6 ลากเส้นตรงเชื่อมตอ่ จุดท้งั บนโค้ง A - B และลากไปยงั จุด X
2.7 สร้างฝาด้านลา่ งของรูปปิรามดิ ซงึ่ ฝาน้ีจะมขี นาดกวา้ งยาวเทา่ กบั ฐานดา้ นใดด้านหนึง่ ของรปู ปริ ามิด และใหม้ ี
สว่ นย่นื มาเป็นรอยต่อด้วย ดงั รูปที่ 10.4 6

รูปที่ 10.4
ภาพ : สวัสด์ิ อดุ มโภชน์. เขียนแบบเทคนคิ 1-2. กรุงเทพฯ: วัฒนาพานชิ , 2536

หมายเหตุ หลงั จากเรยี นรู้ ทฤษฏีในรปู แบบออนไลนท์ ้ังหมดแลว้ จงึ เข้าไปทาแบบฝึกและทดสอบใน

ระบบ Google class room ต่อไป

( หอ้ งคาสรู้ ppkjqjr วิทยาลยั เทคโนโลยวี ศิ วกรรมบริหารธรุ กิจ ชา่ งอตุ สาหกรรมยานยนต์ )


Click to View FlipBook Version