The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวโน้มพัฒนาหลักสูตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Namthip Deebut, 2022-12-20 11:51:36

แนวโน้มพัฒนาหลักสูตร

แนวโน้มพัฒนาหลักสูตร

ทกั ษะการสร้างผลผลิตท่ีมีคุณภาพและเหมาะสม ทกั ษะการต้งั คาถามและการวเิ คราะห์ ทกั ษะ
การหาแนวโนม้ และคาดการณ์ความเป็นไปได้ และทกั ษะการรู้คิด

3. ดา้ นทกั ษะชีวิต ทกั ษะชีวติ ท่ีสาคญั ท่ีควรส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนในศตวรรษท่ี 21
ประกอบดว้ ย ความเป็นผนู้ า ความสามารถในการปรับตวั การใชเ้ หตผุ ลที่ดี ความรับผิดชอบต่อ
ตนเอง สงั คม และในฐานะพลเมือง การเขา้ ถึงคน/การเจรจา การสร้างความสมั พนั ธ์อนั ดีกบั ผอู้ ่ืน
ความสามารถในการช้ีนาตนเอง ความกลา้ เส่ียง การจดั การความซบั ซอ้ น การรู้จกั เพิ่มพูน
ประสิทธิผลของตนเอง ความสามารถในการส่ือสารแบบโตต้ อบ/การโตต้ อบโดยอิสระ การมี
ส่วนร่วมในฐานะพลเมือง ในระดบั ทอ้ งถ่ินและโลก ความเป็นพลเมืองดิจิตอล (digital
citizenship) จิตแห่งความเคารพ(Respectful Mind)และจิตแห่งจริยธรรม (Ethical Mind)

แนวโน้มด้านบวก

1. หลกั สูตรใหม่เกิดข้ึนจานวนมาก จากการเปล่ียนแปลงและการแข่งขนั ในดา้ นเศรษฐกิจและ
อตุ สาหกรรม ทาใหค้ นในสงั คมตอ้ งการเพมิ่ ความรู้ความสามารถใหท้ นั ตอ่ การเปลี่ยนแปลง จึง
หนั มาสนใจศึกษาตอ่ ในหลกั สูตรที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ดงั น้นั เพ่ือ
ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของคนในสงั คมสถาบนั การศึกษาจึงมุ่งพฒั นาหลกั สูตรใหม่ ๆ อาทิ
หลกั สูตรท่ีบูรณาการระหวา่ งสองศาสตร์ข้ึนไป เช่น ระดบั อาชีวศึกษาหลกั สูตรเดียวจะมีหลาย
สาขาวชิ า เรียนช่างยนตจ์ ะผนวกการตลาดและการบญั ชีเขา้ ไปดว้ ย เป็นตน้ หลกั สูตรท่ีให้
ปริญญาบตั ร 2 ใบ และมีการพฒั นาหลกั สูตรใหท้ นั สมยั ตลอดเวลา

2.หลกั สูตรนานาชาติมีแนวโนม้ มากข้ึน เน่ืองจากสภาพยคุ โลกาภิวตั น์ท่ีมีการเชื่อมโยงดา้ น

การคา้ และการลงทุน ทาใหต้ ลาดแรงงานในอนาคตตอ้ งการคนท่ีมีความสามารถดา้ น

ภาษาต่างประเทศ ส่งผลใหค้ วามตอ้ งการการศึกษาท่ีเป็นภาษาสากลมีมากข้ึน ที่สาคญั การเปิ ด

เสรีทางการศึกษา ยงั เป็นโอกาสใหส้ ถาบนั การศึกษาจากตา่ งประเทศเขา้ มาจดั การศึกษาใน

ประเทศไทย และเปิ ดหลกั สูตรภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาองั กฤษ ภาษาจีน ภาษาญ่ีป่ นุ ฯลฯ ยงิ่

มีส่วนกระตุน้ ใหห้ ลกั สูตรการศึกษานานาชาติมีแนวโนม้ ไดร้ ับความนิยมมากข้ึน แต่เน่ืองจาก


หลกั สูตรนานาชาติมีค่าใชจ้ ่ายสูง ดงั น้นั การเรียนในหลกั สูตรน้ียงั คงจากดั อยใู่ นกลมุ่ ผเู้ รียนที่มี
ฐานะดี

3. การจดั การศึกษามีความเป็นสากลมากข้ึน สภาพโลกาภิวตั น์ท่ีมีการเช่ือมโยงในทุกดา้ น
ร่วมกนั ทว่ั โลก ส่งผลใหเ้ กิดการเคล่ือนยา้ ยองคค์ วามรู้ กฎกติกา การดาเนินการดา้ นตา่ ง ๆ ท้งั
การคา้ การลงทนุ การศึกษา เศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม เช่ือมตอ่ ถึงกนั ประกอบการเปิ ดเสรี
ทางการศึกษา ส่งผลใหเ้ กิดการหลง่ั ไหลหลกั สูตรการเรียนการสอน บุคลากรดา้ นการสอน
หลกั สูตร จากสถาบนั การศึกษาต่างประเทศเขา้ สู่ไทย อนั มีผลทาใหเ้ กิดการเปรียบเทียบและ
ผลกั ดนั ใหส้ ถาบนั การศึกษาไทยตอ้ งพฒั นาการจดั การศึกษาที่มีความเป็นสากลท่ีเป็นท่ียอมรับ
อีกท้งั การเปิ ดเสรีทางการคา้ และการลงทุนกบั นานาประเทศของไทย ไดส้ ่งผลใหเ้ กิดความ
ตอ้ งการการศึกษาที่มีคุณภาพทดั เทียมในระดบั สากล

4.ความเหลื่อมล้าดา้ นโอกาสทางการศึกษาลดลง เนื่องจากสภาพการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนที่
เป็นกระแสระดบั โลกเกิดข้ึนควบคู่กบั คลื่นประชาธิปไตยแผข่ ยายวงกวา้ งถึงไทย รัฐธรรมนูญ
ฉบบั ใหม่ที่ส่งเสริมการเพิ่มสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน อีกท้งั สภาพการใชเ้ ทคโนโลยสี ่งเสริม
การเรียนการสอน ทาใหช้ ่องทางการเผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารเขา้ ถึงคนไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง อยา่ งไรก็
ตาม อาจเป็นไดว้ า่ ความเหล่ือมล้าดา้ นโอกาสทางการศึกษาจะลดลงในกลุ่มสถาบนั การศึกษา
ของรัฐ ส่วนการจดั การศึกษาโดยสถาบนั การศึกษาเอกชน ผเู้ รียนที่ครอบครัวมีรายไดน้ อ้ ยอาจ
เขา้ รับบริการทางการศึกษาไดล้ ดลง เน่ืองจากคา่ เลา่ เรียนแพง

5.โอกาสรับบริการทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพเพิ่มข้ึน เมื่อเปิ ดเสรีทางการศึกษา จะก่อเกิดการ
แข่งขนั ในการจดั การศึกษาท้งั จากสถาบนั การศึกษาท้งั ในและตา่ งประเทศมากข้ึน หากพิจารณา
ในแง่บวก การเปิ ดเสรีทางการศึกษา เป็นการสร้างโอกาสใหค้ นไทยไดร้ ับการศึกษาที่มีคุณภาพ
เน่ืองดว้ ยสถาบนั แต่ละแห่งจะแข่งดา้ นคุณภาพมากข้ึน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สถาบนั อดุ มศึกษา
คุณภาพการศึกษาจะเพม่ิ ข้ึนคอ่ นขา้ งมาก เนื่องจากการเปิ ดเสรีทางการศึกษา ท่ีเปิ ดโอกาสให้
สถาบนั อดุ มศึกษาต่างชาติเขา้ มาเปิ ดการเรียนการสอน จึงเป็นแรงกดดนั ใหส้ ถาบนั อดุ มศึกษา
ไทยตอ้ งพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหส้ ูงข้ึน

แนวโน้มด้านลบ


1.การเพ่มิ ช่องวา่ งดา้ นคุณภาพในการจดั การศึกษา แมว้ า่ สภาพการแขง่ ขนั ทางการศึกษาจะ
เป็นแรงผลกั ใหส้ ถาบนั การศึกษาต่าง ๆ เร่งพฒั นาคุณภาพการจดั การเรียนการสอนมากข้ึน แต่
เนื่องจากทรัพยากรต้งั ตน้ ของแต่ละสถาบนั การศึกษามีความแตกตา่ งกนั ไม่วา่ จะเป็นความรู้
ความสามารถและปริมาณของบคุ ลากรการศึกษา งบประมาณ เงินทุน เทคโนโลยี สถานท่ี ความ
มีชื่อเสียง ฯลฯ ส่งผลใหโ้ อกาสพฒั นาคุณภาพการศึกษายอ่ มแตกต่างกนั ดว้ ย โดยเฉพาะ
สถาบนั การศึกษาขนาดเล็ก หรือสถาบนั การศึกษาท่ียงั ไม่มีความพร้อม/มีทรัพยากรต้งั ตน้ ไม่มาก
ยอ่ มไมม่ ีศกั ยภาพเพียงพอในการพฒั นาคุณภาพมากนกั

2.การผลิตบณั ฑิตเกินความตอ้ งการของตลาด เน่ืองจากความตอ้ งการศึกษาตอ่ ใน

ระดบั อุดมศึกษามีสูงข้ึน และการพฒั นาไปสู่การเป็นมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรัฐที่ตอ้ งหาเล้ียง

ตนเอง มีอิสระในการบริหารและเปิ ดหลกั สูตรเพอื่ หาผเู้ รียนเขา้ เรียนใหไ้ ดจ้ านวนมาก ส่ิงเหลา่ น้ี

จะส่งผลกระทบระยะยาวคือ มีบณั ฑิตจบเป็นจานวนมากเขา้ สู่ตลาดแรงงานไม่สามารถรองรับ

ไดห้ มด โดยกลมุ่ แรงงานระดบั อุดมศึกษาที่ไมม่ ีคุณภาพหรือไม่จบจากสาขาท่ีตลาดแรงงาน

ตอ้ งการ จะถูกผลกั สู่แรงงานนอกระบบ หรือหาทางออกโดยเรียนต่อระดบั สูงข้ึน ซ่ึงอาจก่อเกิด

ภาวะแรงงานระดบั ปริญญาโทและเอกไม่มีคุณภาพและลน้ ตลาดตามมาเช่นกนั

3.การสอนทกั ษะการคิดและทกั ษะทางอารมณ์ยงั ไมม่ ีคุณภาพ สภาพเศรษฐกิจท่ีม่งุ แข่งขนั ทาให้
การจดั การศึกษามงุ่ พฒั นาทางวิชาการเป็นสาคญั ในขณะที่ระบบการศึกษาไทยยงั ไมส่ ามารถ
พฒั นาทกั ษะการคิดของผเู้ รียนไดเ้ ท่าที่ควร เนื่องจากการเรียนการสอนยงั มุ่งสอนใหผ้ เู้ รียนคิด
ตามส่ิงท่ีผสู้ อนป้อนความรู้มากกวา่ การคิดส่ิงใหม่ ๆ ประกอบกบั ครูผสู้ อนมีภาระงานมาก จน
ส่งผลตอ่ การพฒั นาบคุ คลในดา้ นอื่น เช่น การพฒั นาเชิงสงั คม รวมถึงการพฒั นาทกั ษะทาง
อารมณ์ นอกจากน้ี การใชเ้ ทคโนโลยใี นกิจวตั รประจาวนั หรือใชใ้ นการเรียนการสอนทาใหก้ าร
ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งครูกบั ศิษยล์ ดลง ส่งผลใหช้ ่องทางการพฒั นาทกั ษะทางอารมณ์และทกั ษะ
ทางสงั คมของผเู้ รียนลดลงดว้ ย

4.การสอนคุณธรรมจริยธรรมยงั ไมม่ ีคุณภาพ แนวคิดของทนุ นิยมท่ีม่งุ แข่งขนั ไดแ้ พร่กระจายไป
ทว่ั โลก ส่งผลใหผ้ คู้ นตา่ งมงุ่ แข่งขนั และพฒั นาความรู้ความสามารถ เพือ่ ความกา้ วหนา้ ในหนา้ ท่ี
การงานและมีชีวติ ความเป็นอยทู่ ี่ดีข้ึน ประกอบกบั สถาบนั การศึกษาจานวนมากมงุ่ พฒั นาความรู้
ทางวชิ าการ และประเมินผลการเรียนท่ีความสามารถทางวิชาการ จนอาจละเลยการพฒั นาผเู้ รียน


ใหม้ ีคุณธรรมจริยธรรม นอกจากน้ี การไมไ่ ดม้ ีผสู้ อนท่ีรู้เช่ียวชาญดา้ นการสอนคุณธรรม
จริยธรรมโดยตรงหรือมีคุณภาพ ยอ่ มส่งผลต่อคุณภาพการสอนของวิชาคุณธรรมจริยธรรมได้

5.การสอนภาษาตา่ งประเทศยงั ไมม่ ีคุณภาพ ยงิ่ กา้ วสู่โลกไร้พรมแดนมากข้ึนเท่าใด ผมู้ ีความรู้
ดา้ นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาองั กฤษ หรือภาษาจีนที่ผคู้ นส่วนใหญ่ในโลกใชต้ ิดต่อส่ือสาร
เจรจาตอ่ รอง การคา้ การศึกษา ฯลฯ ยอ่ มมีความไดเ้ ปรียบ ท้งั ในเร่ืองการติดต่อส่ือสารและ
ความกา้ วหนา้ ในหนา้ ที่การงาน อยา่ งไรกต็ าม ปัญหาที่พบคือ การสอนภาษาองั กฤษ และ
ภาษาต่างประเทศของไทยยงั ไม่มีคุณภาพเทา่ ท่ีควร เน่ืองจากครูผสู้ อนมีความสามารถดา้ น
ภาษาตา่ งประเทศคอ่ นขา้ งต่า โดยเฉพาะครูผสู้ อนในระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ครูจานวนมาก
ไม่ไดจ้ บเอกภาษาองั กฤษโดยตรง และมีแนวโนม้ วา่ ในอีก 5 ปี ขา้ งหนา้ การพฒั นาการสอน
ทกั ษะภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาองั กฤษแมป้ ัจจุบนั จะต่ืนตวั มากข้ึน แต่ยงั ไมก่ า้ วหนา้ ไป
มากเท่าท่ีควร เพราะทรัพยากรดา้ นบคุ ลากรสอนภาษาต่างประเทศน้ีขาดแคลนมาก

เพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั การเลี่ยนแปลงที่จะเกิดข้ึนในอนาคต ดงั น้นั หลกั สูตรและการสอนจึง
จาเป็นตอ้ งมีการพฒั นาและเปล่ียนแปลง เพอ่ื ตอบสนองการเรียนรู้ใหม่ ๆ ของผเู้ รียนที่จะเกิดข้ึน
โดยมีกระบวนการในการเปล่ียนแปลง ดงั น้ี

การกาหนดความมุ่งหมายของหลักสูตร

การใหก้ ารศึกษาแก่เยาวชนท้งั ประเทศจาตอ้ งใชห้ ลกั สูตรหลาย ๆ หลกั สูตร เช่น หลกั สูตรใน
ระดบั ประถม หลกั สูตรในระดบั มธั ยม และหลกั สูตรในระดบั อดุ มศึกษา เป็ นตน้ หลกั สูตรแตล่ ะ
ระดบั น้ีสนองความตอ้ งการของกล่มุ เยาวชนท่ีมีสภาพทางจิตใจ ร่างกาย มีความสามารถในการ
เรียนรู้ และมีความตอ้ งการทางการศึกษาแตกตา่ งกนั ออกไป ดงั น้นั หลกั สูตรแต่ละหลกั สูตรจึง
ตอ้ งมีความม่งุ หมายท่ีแสดงถึงเอกลกั ษณ์และวตั ถุประสงคท์ ่ีแตกต่างกนั ออกไปดว้ ย อยา่ งไรก็
ตาม ความมงุ่ หมายของหลกั สูตรแตล่ ะระดบั ควรสอดคลอ้ งและเสริมความม่งุ หมายทาง
การศึกษาในระดบั ชาติ กิจกรรมแรกน้ีเป็นความพยายามท่ีจะหาคาตอบต่อคาถามที่วา่ “จะให้
การศึกษาไปเพื่ออะไร” ผพู้ ฒั นาหลกั สูตรจะตอบคาถามน้ีไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งกต็ อ่ เมื่อไดท้ าการ
สารวจและวจิ ยั ขอ้ มลู ดา้ นต่าง ๆ เกี่ยวกบั ปัญหาหรือความตอ้ งการอยา่ งแทจ้ ริงของสงั คมเสียก่อน


การเลือก การจัดเนื้อหาวิชาและประสบการณ์

เมื่อไดก้ าหนดแลว้ วา่ ความมุ่งหมายของหลกั สูตรมีอะไรบา้ ง กิจกรรมข้นั ท่ีสองในการพฒั นา
หลกั สูตรคือ การเลือกสรรวิชาความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ท่ีคาดวา่ จะช่วยใหผ้ เู้ รียนพฒั นา
ไปสู่จุดมุง่ หมายที่กาหนดไว้ เมื่อเลือกเน้ือหาวชิ าและประสบการณ์มาแลว้ ผพู้ ฒั นาหลกั สูตรยงั
ตอ้ งพิจารณาต่อไปอีกวา่ เน้ือหาสาระอะไรควรไปสอนก่อนหรือสอนหลงั เพื่อใหผ้ เู้ รียนสามารถ
เรียนรู้และพฒั นาไปไดอ้ ยา่ งสัมฤทธิผลสูงสุด

การนาเอาหลกั สูตรไปใช้

การนาเอาหลกั สูตรไปใช้ หมายถึง การท่ีผบู้ ริหารโรงเรียนและครู นาเอาโครงการของหลกั สูตร
ท่ีเป็นรูปเลม่ เหลา่ น้นั ไปปฏิบตั ิใหเ้ กิดผล ข้นั ตอนที่สามน้ีรวมถึงการบริหารงานทางดา้ นวิชาการ
ของโรงเรียน เพ่อื อานวยใหค้ รูและนกั เรียนสามารถสอนและเรียนไดม้ ีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลสูงสุด

การประเมนิ ผลหลกั สูตร

การประเมินผลหลกั สูตรคือ การหาคาตอบวา่ หลกั สูตรสัมฤทธิผลตามท่ีกาหนดไวใ้ นความมุ่ง
หมายหรือไม่ มากนอ้ ยเพยี งไร และอะไรเป็นสาเหตุ การประเมินหลกั สูตรเป็นงานท่ีละเอียด
ตอ้ งการผทู้ ่ีมีความรู้ท้งั ในเร่ืองของหลกั สูตรและการประเมินผล

การปรับปรุงหลักสูตร

กระบวนพฒั นาหลกั สูตรมีลกั ษณะเป็นวฏั จกั ร เร่ิมตน้ ดว้ ยการกาหนดความมุง่ หมาย เลือกและ
จดั เน้ือหาวชิ าและประสบการณ์ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความมงุ่ หมาย นาหลกั สูตรไปปฏิบตั ิใหเ้ กิดผล
ตามท่ีมงุ่ หมายไว้ ประเมินผลหาขอ้ บกพร่องของกระบวนการน้ี และนาเอาผลท่ีไดไ้ ปปรับปรุง
หลกั สูตร การปรับปรุงหลกั สูตรจึงเริ่มตน้ ดว้ ยกระบวนการและข้นั ตอนเดิมอีกคือ ปรับปรุงความ
มงุ่ หมาย เมื่อความมงุ่ หมายซ่ึงเป็นแมบ่ ทเปลี่ยนไป กระบวนการท่ีเหลือกต็ อ้ งถกู เปลี่ยนแปลงให้
สอดคลอ้ งรับกนั จนมาถึงการประเมินผลหลกั สูตร และนาเอาขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการประเมินผลไป
ปรับปรุงหลกั สูตรอีก เป็นวฏั จกั รวนเวียนต่อเน่ืองกนั


นอกจากหลกั สูตรการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปตามยคุ สมยั แลว้ สิ่งท่ีสาคญั อีกอยา่ งหน่ึงใน
การจดั การเรียนการสอนน้นั คงหลีกไม่พน้ นวตั กรรมหรือส่ือการสอน ท่ีครูผสู้ อนควรคานึงถึง
และเลือกใหเ้ หมาะสมกบั การศึกษาในยคุ ศตวรรษท่ี 21 ซ่ึงการเลือกใชน้ วตั กรรมการศึกษา มี
ปัจจยั สาคญั (Factors affecting the implementation of innovations) ดงั น้ี

1.ประสิทธิภาพ (Efficiency) ตอ้ งคานึงวา่ นวตั กรรมที่นามาน้นั มีประสิทธิภาพต่อการท่ีจะ
นามาใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนหรือไม่ นวตั กรรมจะสามารถชว้ ยใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ตรงตาม
วตั ถุประสงคต์ ามท่ีเราวางไวไ้ ดม้ ากนอ้ ยเพียงใด

2.ประสิทธิผล (Productivity) การเลือกนวตั กรรม มาใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนใหบ้ รรลุจุด
ประสงค์ ครูผสู้ อนจาเป็นตอ้ งคานึงดว้ ยวา่ นวตั กรรมท่ีนามาน้นั จะเกิดผลต่อผเู้ รียนในดา้ นใด

3.ประหยดั (Economy) ในการเลือกใชน้ วตั กรรมและเทคโนโลยเี ขา้ มาช่วยในการจดั การเรียน
การสอน ตอ้ งคานึงถึงสภาพความเหมาะสมตามฐานะแลว้ จะตอ้ งประหยดั นนั่ คือ ประหยดั ท้งั
เงินประหยดั เวลา และประหยดั แรงงาน


3.1 หลกั สูตรปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560

ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย


การศึกษาปฐมวยั เป็นการพฒั นาเดก็ ต้งั แต่แรกเกิดถึง 6 ปี บริบูรณ์ อย่างเป็นองคร์ วม บน
พ้นื ฐานการอบรมเล้ียงดูและการส่งเสริม กระบวนการเรียน รู้ท่ีสนองต่อธรรมชาติ และ
พฒั นาการตาม วยั ของเดก็ แต่ละคน ใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ ภายใตบ้ ริบทสงั คมและ วฒั นธรรมท่ีเดก็
อาศยั อยู่ ดว้ ยความรัก ความเอ้ืออาทร และความเขา้ ใจของทกุ คน เพอื่ สร้างรากฐานคุณภาพชีวิต
ใหเ้ ด็กพฒั นา ไปสู่ความเป็นมนุษยท์ ี่สมบูรณ์ เกิดคุณคา่ ต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สงั คม และ
ประเทศชาติ

เดก็ ทกุ คนมีสิทธิท่ีจะไดร้ ับการอบรมเล้ียงดูและการส่งเสริมพฒั นาการ ตามอนุ
สญั ญาวา่ ดว้ ยสิทธิเด็ก ตลอดจนไดร้ ับการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อยา่ ง เหมาะสม ดว้ ย
ปฏิสัมพนั ธท์ ี่ดีระหวา่ งเด็กกบั พอ่ แม่ เดก็ กบั ผสู้ อน เดก็ กบั ผเู้ ล้ียงดู หรือผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั การอบรม
เล้ียงดู

การพฒั นา และใหก้ ารศึกษาแก่เดก็ ปฐมวยั เพือ่ ใหเ้ ด็กมีโอกาสพฒั นาตนเองตามลาดบั
ข้นั ของพฒั นาการทุกดา้ นอยา่ งเป็นองคร์ วม มีคุณภาพ และเตม็ ตามศกั ยภาพ โดยกาหนดหลกั
การ ดงั น้ี

1. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพฒั นาการที่รอบคลุมเด็กปฐมวยั ทกุ คน

2. ยดึ หลกั การอบรมเล้ียงดูและใหก้ ารศึกษาที่เนน้ เด็กเป็นสาคญั โดยคานึงถึง ความ
แตกต่างระหวา่ งบุคคลและวถิ ีชีวติ ของเด็ก ตามบริบทของชุมชน สังคม และ วฒั นธรรมไทย

3. ยดึ พฒั นาการ และการพฒั นาเด็กโดยองคร์ วม ผา่ นการเลน่ อยา่ งมีความหมาย และมี
กิจกรรมที่หลากหลาย ไดล้ งมือกระทาในสภาพแวดลอ้ มท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกบั วยั และ
มีการพกั ผอ่ นเพียงพอ

4. จดั ประสบการณ์การเรียนรู้ใหเ้ ด็กมีทกั ษะชีวติ และสามารถปฏิบตั ิตน ตามหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นคนดี มีวินยั และมีความสุข

5. สร้างความรู้ ความเขา้ ใจ และประสานความร่วมมือในการพฒั นาเด็ก ระหวา่ ง
สถานศึกษากบั พอ่ แม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ ายที่เก่ียวขอ้ งกบั การพฒั นาเด็กปฐมวยั

การอบรมเล้ียงดูและการพฒั นาเดก็ หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั สาหรับเด็กอายตุ ่ากวา่ 3 ปี แบ่ง
การอบรมเล้ียงดูและการพฒั นาเด็ก ออกเป็น ช่วงอายุ ประกอบดว้ ย ช่วงอายแุ รกเกิด - 2 ปี เป็น


แนวปฏิบตั ิการอบรมเล้ียงดูตามวิถีชีวิตประจาวนั โดยพ่อแม่และผเู้ ล้ียงดู และช่วงอายุ 2 - 3 ปี
เป็นแนวปฏิบตั ิการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมพฒั นาการและ การเรียนรู้โดยพ่อแม่และผเู้ ล้ียงดู แต่
ละช่วงอายมุ ีรายละเอียด ดงั น้ี ช่วงอายแุ รกเกิด - 2 ปี แนวปฏิบตั ิการอบรมเล้ียงดูตามวถิ ี
ชีวติ ประจาวนั โดยพ่อแม่และผเู้ ล้ียงดู สาหรับเด็กช่วงอายแุ รกเกิด - 2 ปี เนน้ การอบรมเล้ียงดูตาม
วิถีชีวติ ประจาวนั และส่งเสริมพฒั นาการทุกดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นร่างกาย ส่งเสริมใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชร้ ่างกาย
ตามความสามารถ ดา้ นอารมณ์ จิตใจ ส่งเสริมการตอบสนองความตอ้ งการของเดก็ อยา่ ง
เหมาะสม ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มที่อบอนุ่ และปลอดภยั ดา้ นสังคม ส่งเสริมใหเ้ ด็กมีปฏิสมั พนั ธ์
กบั บุคคลใกลช้ ิด และดา้ นสติปัญญา ส่งเสริมใหเ้ ด็กไดส้ ังเกตส่ิงตา่ งๆ รอบตวั เพื่อสร้างความ
เขา้ ใจ และใชภ้ าษาเพ่ือการสื่อสาร ส่งเสริมการคิด และการแกป้ ัญหาที่เหมาะสมกบั วยั การอบรม
เล้ียงดูตามวถิ ีชีวติ ประจาวนั สาหรับเด็กช่วงอายแุ รกเกิด - 2 ปี มีความสาคญั อยา่ งยง่ิ ต่อ การ
วางรากฐานชีวิตของเดก็ ท้งั ทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญา การจดั กิจกรรมใน
แตล่ ะวนั ควรจดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ ความสนใจ และความสามารถตามวยั ของเด็ก
โดยผา่ นการอบรมเล้ียงดู ตามวิถีชีวิตประจาวนั และการเล่นตามธรรมชาติของเด็ก โดยมีแนว
ปฏิบตั ิการอบรมเล้ียงดูตามวถิ ีชีวติ ประจาวนั ดงั น้ี

1. การฝากสุขนิสัยและลกั ษณะนิสัยท่ีดีเป็นการสร้างเสริมสุขนิสยั ท่ีดีในการรับประทาน
อาหาร การนอน การทาความสะอาดร่างกาย การขบั ถา่ ย ตลอดจนปลูกฝังลกั ษณะนิสยั ท่ีดีในการ
ดูแลสุขภาพอนามยั ความปลอดภยั และการแสดงมารยาทท่ีสุภาพ นุ่มนวลแบบไทย

2. การเคลื่อนไหวและการทรงตวั เป็นการส่งเสริมการใชก้ ลา้ มเน้ือแขนกบั ขามือกบั นิ้ว
มือ และส่วนตา่ งๆ ของร่างกายในการเคล่ือนไหวหรือออกกาลงั กายทกุ ส่วน โดยการจดั ใหเ้ ดก็
ไดเ้ คล่ือนไหว ท้งั กลา้ มเน้ือใหญ่ กลา้ มเน้ือเลก็ และตามความสามารถของวยั เช่น คว่า คลาน ยนื
เดิน เล่นนิ้วมือ เคลื่อนไหว ส่วนต่างๆ ของร่างกายตามเสียงดนตรี ปี นป่ ายเครื่องเล่นสนามเด็ก
เลก็ เล่นมา้ โยก ลากจูงของเล่นมีลอ้ ข่ีจกั รยานทรงตวั ของเดก็ เล็ก โดยใชเ้ ทา้ ช่วยไถ

3. การฝากการประสานสมั พนั ธ์ระหวา่ งมือ - ตา เป็นการฝากความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือ
มือ นิ้วมือ ใหพ้ ร้อมที่จะหยบิ จบั ฝากการทางานอยา่ งสัมพนั ธก์ นั ระหวา่ งมือ - ตา รวมท้งั ฝากให้
เด็กรู้จกั คาดคะเน หรือ กะระยะทางของสิ่งต่างๆ ที่อยรู่ อบตวั เทียบกบั ตนเองในลกั ษณะใกลก้ บั
ไกล เช่น มองตามเคร่ืองแขวน หรือโมบายที่มีเสียงและสี (สาหรับขวบปี แรก ควรเป็นโมบายสี


ขาวดา) ร้อยลกู ปัดขนาดใหญ่ เลน่ หยอดบลอ็ ก รูปทรงลงกลอ่ ง ตอกหมุด โยนรับลูกบอล เลน่ น้า
เล่นป้ันแป้ง ใชส้ ีเทียนแท่งใหญ่วาดเขียนขีดเข่ีย

4. การส่งเสริมดา้ นอารมณ์ จิตใจ เป็นการส่งเสริมการเล้ียงดูในการตอบสนองความ
ตอ้ งการ ของเดก็ ดา้ นจิตใจ โดยการจดั สภาพแวดลอ้ มท่ีส่งเสริมใหเ้ ด็กเกิดความรู้สึกอบอนุ่ และมี
ความสุข เช่น สบตา อุม้ โอบกอด สัมผสั การเป็นแบบอยา่ งที่ดีในดา้ นการแสดงออกทางอารมณ์
ตอบสนองตอ่ ความรู้สึกที่เด็ก แสดงออกอยา่ งนุ่มนวล อ่อนโยน ปลกู ฝังการช่ืนชมธรรมชาติ
รอบตวั

5. การส่งเสริมทกั ษะทางสงั คม เป็นการส่งเสริมการสร้างความสมั พนั ธ์กบั พ่อแม่ ผเู้ ล้ียงดู
และ บุคคลใกลช้ ิด โดยการพูดคุยหยอกลอ้ หรือเลน่ กบั เด็ก เช่น เลน่ จะเอ เล่นจ้าจ้ี เลน่ โยกเยก เล่น
ประกอบคาร้อง เช่น จนั ทร์เจา้ เอย แมงมุม ต้งั ไขล่ ม้ หรือพาเดก็ ไปเดินเล่นนอกบา้ น พบปะเด็ก
อ่ืนหรือผใู้ หญ่ ภายใตก้ ารดูแล อยา่ งใกลช้ ิด เช่น พาไปบา้ นญาติ พาไปร่วมกิจกรรมที่ศาสนสถาน

6. การใชป้ ระสาทสมั ผสั ท้งั หา้ เป็นการกระตนุ้ การรับรู้ผา่ นประสาทสัมผสั ท้งั หา้ ในการ
มองเห็น การไดย้ นิ เสียง การลิ้มรส การไดก้ ล่ิน และการสัมผสั จบั ตอ้ งส่ิงต่างๆ ท่ีแตกตา่ งกนั ใน
ดา้ นขนาด รูปร่าง สี น้าหนกั และผิวสมั ผสั เช่น การเล่นมองตนเองกบั กระจกเงา การเล่นของเลน่
ที่มีพ้นื ผิวแตกต่างกนั

7. การส่งเสริมการสารวจสิ่งตา่ งๆ รอบตวั เป็ นการฝากใหเ้ ดก็ เรียนรู้ส่ิงรอบตวั ผา่ น
เหตุการณ์ และสื่อท่ีหลากหลายในโอกาสต่างๆ รู้จกั สารวจและทดลองสิ่งท่ีไมค่ ุน้ เคย เช่น มอง
ตามส่ิงของ หนั หาที่มา ของเสียง คน้ หาส่ิงของที่ปิ ดซ่อนจากสายตา กิจกรรมการทดลองง่ายๆ

8. การส่งเสริมทกั ษะทางภาษา เป็นการฝากใหเ้ ด็กไดเ้ ปล่งเสียง เลียนเสียงพดู ของผคู้ น
เสียงสัตว์ ตา่ งๆ รู้จกั ชื่อเรียกของตนเอง ชื่ออวยั วะส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย ชื่อพอ่ แม่หรือผคู้ น
ใกลช้ ิดและช่ือส่ิงต่างๆ รอบตวั ตลอดจนฝากใหเ้ ด็กรู้จกั ส่ือความหมายดว้ ยคาพูดและท่าทาง ช้ี
ชวนและสอนใหร้ ู้จกั ช่ือเรียกสิ่งตา่ งๆ จากของจริง อ่านหนงั สือนิทานภาพ หรือร้องเพลงงา่ ยๆ
ใหเ้ ด็กฟัง


9. การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการฝากใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงออกทาง
ความคิด ตามจินตนาการของตนเอง เช่น ขีดเขียนวาดรูปอยา่ งอิสระ เลน่ บลอ็ ก เลน่ ของเลน่
สร้างสรรค์ พดู เล่าเร่ืองตาม จินตนาการ เล่นสมมตุ ิ


แผนการจดั ประสบการณ์


ขอบข่ายการกาหนดหน่วยการจดั ประสบการณ์
ระดบั ชั้นอนุบาล 1

ภาคเรียนที 1


ขอบข่ายการกาหนดหน่วยการจัดประสบการณ์
ระดบั ช้ันอนุบาล 1
ภาคเรียนท่ี 2


3.2 หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ปี
พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศกั ราช 2560)


วสิ ัยทศั น์

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.
2561) มุง่ พฒั นาผเู้ รียนทุกคน ซ่ึงเป็นกาลงั ของชาติใหเ้ ป็นมนุษยท์ ี่มีความสมดุลท้งั ดา้ นร่างกาย
ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยดึ มน่ั ในการปกครอง
ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ มีความรู้และทกั ษะพ้นื ฐาน
รวมท้งั เจตคติ ท่ีจาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวติ โดยมงุ่ เนน้
ผเู้ รียนเป็นสาคญั บนพ้นื ฐานความเช่ือวา่ ทกุ คนสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ตาม
ศกั ยภาพ

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.
2561) มีหลกั การท่ีสาคญั ดงั น้ี

1. เป็นหลกั สูตรการศึกษาเพ่อื ความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการ
เรียนรู้เป็นเป้าหมายสาหรับพฒั นาเด็กและเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคุณธรรมบน
พ้นื ฐานของความเป็นไทยควบคูก่ บั ความเป็นสากล

2. เป็นหลกั สูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ที่ประชาชนทกุ คนมีโอกาสไดร้ ับการศึกษาอยา่ ง
เสมอภาค และมีคุณภาพ

3. เป็นหลกั สูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ใหส้ งั คมมีส่วนร่วมในการจดั
การศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถิ่น

4. เป็นหลกั สูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยดื หยนุ่ ท้งั ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาและการ
จดั การเรียนรู้

5. เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั

6. เป็นหลกั สูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั
ครอบคลมุ ทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ หลกั การ

จุดหมาย


ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.
2561) ม่งุ พฒั นาผเู้ รียนใหเ้ ป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศกั ยภาพในการศึกษาตอ่ และประกอบ
อาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพอ่ื ใหเ้ กิดกบั ผเู้ รียน เมื่อจบการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ดงั น้ี

1. มีคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณคา่ ของตนเอง มีวินยั และปฏิบตั ิ
ตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถือ ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง

2.มีความรู้ ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และมี
ทกั ษะชีวิต

3.มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกาลงั กาย

4.มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยดึ มนั่ ในวิถีชีวติ และ
การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ

5.มีจิตสานึกในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย การอนุรักษแ์ ละพฒั นา
สิ่งแวดลอ้ ม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และสร้างส่ิงท่ีดีงามในสังคม และอยรู่ ่วมกนั ใน
สงั คมอยา่ งมีความสุข


สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

ในการพฒั นาผเู้ รียนตามหลกั สูตร ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2561) มงุ่ เนน้ พฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานท่ี
กาหนด ซ่ึงจะช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดงั น้ี

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.
2561) มงุ่ ใหผ้ เู้ รียนเกิดสมรรถนะสาคญั 5 ประการ ดงั น้ี

1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวฒั นธรรมใน
การใชภ้ าษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเขา้ ใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเองเพ่อื
แลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสารและประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาตนเองและสงั คม
รวมท้งั การเจรจาตอ่ รองเพ่ือขจดั และลดปัญหาความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลือกรับหรือไมร่ ับขอ้ มลู
ขา่ วสารดว้ ยหลกั เหตุผลและความถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใชว้ ธิ ีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพ
โดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมีตอ่ ตนเองและสงั คม

2. ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การ
คิด อยา่ งสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์
ความรู้หรือสารสนเทศเพอ่ื การตดั สินใจเก่ียวกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ
ท่ีเผชิญไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลกั เหตผุ ล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ
เขา้ ใจความสัมพนั ธแ์ ละการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์
ความรู้มาใชใ้ นการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา และมีการตดั สินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึง
ผลกระทบท่ีเกิดข้ึนตอ่ ตนเอง สงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม

4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการตา่ งๆ ไป
ใชใ้ นการดาเนินชีวติ ประจาวนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งตอ่ เน่ือง การทางาน และ
การอยรู่ ่วมกนั ในสังคมดว้ ยการสร้างเสริมความสมั พนั ธอ์ นั ดีระหวา่ งบุคคล การจดั การปัญหา
และความขดั แยง้ ตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปลี่ยนแปลงของสังคมและ


สภาพแวดลอ้ ม และการรู้จกั หลีกเล่ียงพฤติกรรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ี่ส่งผลกระทบต่อตนเองและ
ผอู้ ่ืน

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยี
ดา้ นตา่ ง ๆ และมีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพฒั นาตนเองและสังคม ในดา้ นการ
เรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.
2561) มงุ่ พฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เพ่ือใหส้ ามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนในสงั คม
ไดอ้ ยา่ งมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี

1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์

2. ซ่ือสัตยส์ ุจริต

3. มีวินยั

4. ใฝ่เรียนรู้

5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง

6. มุ่งมนั่ ในการทางาน
7. รักความเป็นไทย

8. มีจิตสาธารณะ


3.3 หลกั สูตรการอาชีวศึกษา


มิติท่ี 1 การสารวจความพร้อม ประกอบดว้ ยแนวโนม้ 3 องคป์ ระกอบ คือ1) องคป์ ระกอบ
ดา้ นการประสานงาน ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการประสานงานมีโอกาสเป็นไปได้
ในระดบั มากถึงมากที่ สุดไดแ้ ก่ 1) ผู้ ประสานงานตอ้ งเป็นบคุ คลท่ี มีความสามารถทาง
ภาษาองั กฤษและภาษาท่ี สาม คือ ภาษามาเลยห์ รือภาษาอินโดนีเซีย2) เป็ นบคุ คลท่ีมีตาแหน่ง
ประจาในหนา้ ที่ผปู้ ระสานงานการจดั การศึกษาระบบทวิภาคีกบั ตา่ งประเทศ 3) เป็นบคุ คลที่มี
มนุษยสมั พนั ธ์ที่ดีตอ่ บุคคลอ่ืนท้งั ภายในและภายนอกสถานศึกษา2) องคป์ ระกอบดา้ นการ
ประชาสัมพนั ธ์ ผู้ เช่ี ยวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการประชาสัมพนั ธ์มีโอกาสเป็นไปได้
ในระดบั มากถึงมากที่สุด ไดแ้ ก่ 1) มีการใชส้ ่ือออนไลนใ์ นการเผยแพร่ขอ้ มลู ประกาศข่าวสารที่
เกี่ยวขอ้ ง และ 2) มีเทคโนโลยสี ารสนเทศเช่ือมต่อท้งั ภายในและภายนอกสถานศึกษา และ 3)
องคป์ ระกอบดา้ นการคดั เลือกนกั ศึกษา ผเู้ ช่ียวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการคดั เลือก
นกั ศึกษามีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากท่ีสุด ไดแ้ ก่1) มีความยดื หยนุ่ ในการกาหนด
คุณลกั ษณะของนกั ศึกษาตามความเหมาะสมในสาขางานร่วมกบั สถานประกอบการ 2) มี
กฎเกณฑช์ ดั เจน เนน้ การทดสอบทางทกั ษะการปฏิบตั ิมากกวา่ ทฤษฎี 3) วดั ความผิดปกติของ
ของอารมณ์ จิตใจ และมีการทดสอบการควบคุมอารมณ์ จิตใจในการทางาน และ 4) เนน้
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เช่น การนาเสนองานดว้ ยโปรแกรมที่ทนั สมยั การเขา้ ถึง
แหลง่ ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองมิติท่ี 2 การลงนามบนั ทึกขอ้ ตกลงความร่วมมือ ประกอบดว้ ย
แนวโนม้ 2องคป์ ระกอบ คือ 1) องคป์ ระกอบดา้ นขอ้ ตกลง ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้
ดา้ นขอ้ ตกลงมีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากท่ีสุด ไดแ้ ก่ 1) กาหนดระเบียบ กฏเกณฑ์
สวสั ดิการเป็นแบบแผนเดียวกนั 2) ระบุจานวนเงินที่นกั ศึกษาตอ้ งเป็นผรู้ ับผดิ ชอบอยา่ งชดั เจน
และเท่ากนั 3) ลงนาม MOU ดว้ ยระบบดิจิทลั มีการระบเุ ร่ืองกฎหมายการฝึกอาชีพของนกั ศึกษา
ต่างชาติอยา่ งถกู ตอ้ งและบญั ญตั ิไวช้ ดั เจน และ 4) เอกสารขอ้ ตกลงเป็นสองภาษา คือ
ภาษาองั กฤษและภาษาประจาชาติน้นั ๆ เพื่อเขา้ ใจเหตุผลและหลกั การร่วมกนั อยา่ งชดั เจน
ถูกตอ้ งตรงกนั ท้งั

สองฝ่ าย และ 2) องคป์ ระกอบดา้ นกฎหมาย ผเู้ ช่ียวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ น
กฎหมายมีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากที่สุด ไดแ้ ก่ 1) มีความคุม้ ครองประกนั ชีวติ และ
ทรัพยส์ ินนกั ศึกษา 2) ลดหยอ่ นคา่ ใชจ้ ่ายในการดารงชีวติ ในประเทศที่ฝึกงาน และ 3) อนุญาตให้
มีใบประกอบการทางานหลงั การเสร็จสิ้นการฝึกประสบการณ์วชิ าชีพตามหลกั สูตร


มิติท่ี 3 การเตรียมครูและผเู้ รียน ประกอบดว้ ยแนวโนม้ 2 องคป์ ระกอบ คือ1)
องคป์ ระกอบดา้ นการเตรียมครูฝึกในสถานประกอบการ ผเู้ ช่ียวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ น
การเตรียมครูฝึกในสถานประกอบการ มีโอกาสเป็ นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากที่สุด ไดแ้ ก่1) ครู
ศึกษาประวตั ิและคุณลกั ษณะของผเู้ รียนท่ีจะมาฝึกในสถานประกอบการลว่ งหนา้ 2) ทาความรู้จกั
เบ้ืองตน้ ระหวา่ งครูฝึกในสถานประกอบการ ครูในสถานศึกษาและนกั ศึกษาผา่ นระบบออนไลน์
ร่วมกนั 3) เขา้ ใจหลกั สูตรเน้ือหาในการฝึกประสบการณ์วชิ าชีพตามแผนฝึกอาชีพท่ี กาหนดไว้
4) เขา้ ใจกระบวนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหวา่ งฝึกในสถานประกอบการ และ 5) เขา้ ใจ
กระบวนการวดั และประเมินผลที่มงุ่ เนน้ ประเมินความกา้ วหนา้ การพฒั นาการเรียนรู้ในอาชีพ
(Formative Assessment) และมีหลกั การประเมินตามวตั ถปุ ระสงคป์ ระเมินจากประสบการณ์การ
เรียนรู้ที่เกิดข้ึนจริง และ 2) องคป์ ระกอบดา้ นการเตรียมผเู้ รียนผเู้ ช่ียวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้
ดา้ นการเตรียมผเู้ รียนมีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากท่ีสุด ไดแ้ ก่ 1) ผเู้ รียนศึกษาเรียนรู้
สังคม วฒั นธรรม ภาษา อาหารและผคู้ นของประเทศที่ไปฝึก2) ฝึกการปรับตวั ดา้ นสงั คม
วฒั นธรรม ภาษา อาหารและผคู้ นดว้ ยสถานการณ์จาลองก่อนเดินทาง 3) ไดร้ ับการอบรม
ภาษาองั กฤษและภาษาประจาชาติของประทศท่ีไปฝึก 4) ไดร้ ับการตรวจสุขภาพ ร่างกาย และ 5)
ดาเนินจดั ทาเอกสารการเดินทางผา่ นระบบออนไลน์ท้งั หมด

มิติท่ี 4 การจดั การหลกั สูตร ประกอบดว้ ยแนวโนม้ 6 องคป์ ระกอบคือ

1) องคป์ ระกอบดา้ นการออกแบบหลกั สูตร ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการ
ออกแบบหลกั สูตร มีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากที่สุด ไดแ้ ก่ 1) เนน้ ความชานาญใน
วิชาชีพของตนและการบูรณาการเน้ือหาวิชาอื่นๆ แบบองคร์ วม 2) เรียนรู้ทกั ษะแบบการเรียนรู้
ตลอดชีวิต (lifelong learning) เพ่อื พฒั นาทกั ษะใหมๆ่ อยตู่ ลอดเวลา 3) มุง่ ผลิตนกั ศึกษาในสาขา
ที่ตลาดตอ้ งการตามคุณลกั ษณะที่พึงประสงคข์ องสถานประกอบการ และ 4) จดั ใหม้ ีวิชาทกั ษะ
การเขา้ ใจมนุษยห์ รือวชิ าทางจิตวทิ ยา (Human Skills) เพ่ือสร้างความเขา้ ใจถึงจิตใจและอารมณ์
ของตนเองและผอู้ ่ืน จดั ใหเ้ ป็นวชิ าบงั คบั เลือก

2) องคป์ ระกอบดา้ นการทาสัญญาการฝึก ผเู้ ช่ียวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการการ
ทาสัญญาการฝึก มีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากที่สุด ไดแ้ ก่ 1) ทาสัญญาฝึกดว้ ยระบบ
ออนไลน์ ส่งและตรวจสอบผา่ นเทคโนโลยดี ิจิทลั 2) มีช่องทางการส่งเพอื่ แกไ้ ขและพฒั นาแผน


ฝึกตลอดระยะเวลาการฝึ กผา่ นระบบออนไลน์ และ 3) พฒั นาแผนฝึกอยา่ งตอ่ เนื่ องจากผลการ
ปฎิบตั ิงานเป็นระยะๆ3) องคป์ ระกอบดา้ นการเรียนในสถานศึกษา ผเู้ ช่ียวชาญมีความเห็นวา่
แนวโนม้ ดา้ นการเรียนในสถานศึกษา มีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากท่ีสุด ไดแ้ ก่ 1) เรียน
ความรู้ทฤษฎีจากครูวารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวทิ ยาเชิงพทุ ธ ปี ท่ี 6 ฉบบั ท่ี 6 (มิถนุ ายน
2564) | 275ในสถานศึกษาร่วมกบั วทิ ยากรภายนอกผมู้ ีประสบการณ์ในสาขางานโดยตรง 2)
เรียนรู้อตั ลกั ษณ์ของตนเองสู่การนาไปประยกุ ตท์ กั ษะงานอาชีพ (3) เรียนรู้การเป็น
ผปู้ ระกอบการและการสร้างธุรกิจจากทกั ษะอาขีพ 4) เรียนรู้ทกั ษะการคิดอยา่ งมีระบบ (System
Thinking) และ5) เรียนรู้การตระหนกั รู้และการรับใชส้ ังคม (Social Mind) 4) องคป์ ระกอบดา้ น
การฝึกอาชีพในสถานประกอบการ ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการฝึกอาชีพในสถาน
ประกอบการมีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากท่ีสุด ไดแ้ ก่ 1) ฝึกตามแผนฝึกอาชีพท่ีจดั ทา
ร่วมกนั และพฒั นาแผนฝึกอยา่ งต่อเน่ืองผา่ นระบบการติดตามทางออนไลน์ 2) มงุ่ ฝึกความ
ชานาญในทกั ษะอาชีพจนทางานได้ ตามภาระงานท่ี ได้ รั บมอบหมายของสถานประกอบการ
และ3) มุ่งฝึกเรียนรู้ทกั ษะงานอาชีพสู่สงั คมภายนอก (Global Classroom) 5) องคป์ ระกอบดา้ น
การนิเทศการฝึกอาชีพ ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการนิเทศการฝึกอาชีพ มีโอกาส
เป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากที่สุด ไดแ้ ก่ 1) มีการนิเทศผา่ นระบบออนไลน์ร้อยเปอร์เซ็น2) รับ
ฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ ง; นิเทศผา่ นมุมมองของผปู้ กครอง สถานประกอบการ
วทิ ยาลยั และชุมชน (Social Lab) และ 3) นิเทศเพือ่ นาเสนอแลกเปลี่ยนมุมมองความรู้ ความ
ชานาญระหวา่ งครูฝึกในสถานประกอบการและครูในวทิ ยาลยั (InternationalPLC) และ 6)
องคป์ ระกอบดา้ นการวดั และประเมินผล ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นวา่ แนวโนม้ ดา้ นการวดั และ
ประเมินผล มีโอกาสเป็นไปไดใ้ นระดบั มากถึงมากท่ีสุด ไดแ้ ก่ 1) วดั จากสิ่งที่สถานประกอบการ
ตอ้ งการใหน้ กั ศึกษาปฏิบตั ิเป็นวตั ถุประสงคห์ ลกั (Workplace Needs) 2) วดั จากผลลพั ธท์ ่ี
ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนจากความมงุ่ หวงั ของหลกั สูตร (Objective Key Results)3) ประเมินวิธีการ
แกไ้ ขปัญหาในงานอยา่ งสร้างสรรค์ (Creative Resolving) และ 4) ประเมินทกั ษะฝีมือดว้ ยการ
ทดสอบเทียบเกณฑม์ าตรฐานฝีมือแรงงานระดบั สากล (World Class orAsian Skill Standard)


3.3.1 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) พทุ ธศกั ราช
2562


1 ดา้ นผเู้ รียนและผสู้ าเร็จการศึกษาหมายถึง การประเมินสมรรถนะผเู้ รียนและผสู้ าเร็จ
การศึกษาอาชีวศึกษาที่เป็นผลมาจากการพฒั นาคุณภาพทางวชิ าการ ทกั ษะและการประยกุ ตใ์ ช้
คุณธรรมจริยธรรมและคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ ประกอบดว้ ยการดูแลและแนะแนวผเู้ รียน
ผเู้ รียนมีคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ ผเู้ รียนมีสมรรถนะ ในการเป็นผปู้ ระกอบการหรือการ
ประกอบอาชีพอิสระ ผลงานของผเู้ รียนดา้ นนวตั กรรม สิ่งประดิษฐ์ งานสร้างสรรคห์ รืองานวิจยั
ผลการแข่งขนั ทกั ษะวชิ าชีพ ผลการประเมินมาตรฐานวชิ าชีพ ผลการทดสอบทางการศึกษา
ระดบั ชาติดา้ นอาชีวศึกษา (V-NET) และการมีงานทา และศึกษาตอ่ ของผูส้ าเร็จการศึกษา ซ่ึง
ประกอบดว้ ยตวั บง่ ช้ี จานวน 8ขอ้ การประเมิน ดงั น้ี

1.1 การดูแลและแนะแนวผเู้ รียน

1.2 ผเู้ รียนมีคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์

1.3 ผเู้ รียนมีสมรรถนะในการเป็นผปู้ ระกอบการหรือการประกอบอาชีพอิสระ

1.4 ผลงานของผเู้ รียนดา้ นนวตั กรรม ส่ิงประดิษฐ์ งานสร้างสรรค์ หรืองานวจิ ยั 1.5
ผลการแข่งขนั ทกั ษะวชิ าชีพ

1.6 ผลการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ

1.7 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติดา้ นอาชีวศึกษา (V-NET)

1.8 การมีงานทาและศึกษาต่อของผสู้ าเร็จการศึกษา

ดา้ นท่ี 2 ดา้ นหลกั สูตรและการจดั การเรียนการสอนคณะมี การพั ฒนาหรือปรับปรุงหลกั สูตรให้
เป็นหลกั สูตรฐานสมรรถนะอยา่ งเป็นระบบมีการพฒั นาหลกั สูตรฐาน สมรรถนะ หรือปรับปรุง
รายวชิ า หรือปรับปรุงรายวชิ าเดิม หรือ กาหนดรายวิชาเพ่ิมเติม และมีการส่งเสริม สนบั สนุนให้
อาจารย์ จดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั และนาไปใชใ้ นการ
จดั การเรียนการสอน อยา่ งมีคุณภาพ เพื่อพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณลกั ษณะและทกั ษะท่ีจาเป็นใน
ศตวรรษท่ี 21 ซ่ึงประกอบดว้ ยตวั บง่ ช้ี จานวน 5 ขอ้ การประเมิน ดงั น้ี

2.1 การพฒั นาหลกั สูตรฐานสมรรถนะ

2.1.1 การพฒั นาหลกั สูตรฐานสมรรถนะอยา่ งเป็นระบบ


2.1.2 การพฒั นาหลกั สูตรฐานสมรรถนะ หรือปรับปรุงรายวิชา หรือปรับปรุง
รายวชิ าเดิมหรือกาหนดรายวชิ าเพม่ิ เติม

2.2 การจดั การเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั

2.2.1 คุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิ

2.2.2 การจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั และ
นาไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน

2.1 การพฒั นาหลกั สูตรฐานสมรรถนะคาอธิบายคณะมีการพฒั นาหรือปรับปรุงหลกั สูตร
ใหเ้ ป็นหลกั สูตรฐานสมรรถนะอยา่ งเป็นระบบ มีการส่งเสริมใหส้ าขาวชิ าหรือสาขางานไดร้ ับ
การพฒั นาหลกั สูตรฐานสมรรถนะ หรือปรับปรุงรายวชิ า หรือปรับปรุงรายวชิ าเดิมหรือกาหนด
รายวชิ าเพม่ิ เติม

2.1.1 การพฒั นาหลกั สูตรฐานสมรรถนะอยา่ งเป็นระบบเกณฑก์ ารประเมิน

1)คณะมีการศึกษาความตอ้ งการของตลาดแรงงานเพื่อการพฒั นาหรือการ
ปรับปรุงหลกั สูตร

2) คณะมีการประสานงานกบั สถานประกอบการอยา่ งต่อเนื่อง ในการพฒั นาหรือ
การปรับปรุงหลกั สูตร

3)คณะมีการพฒั นาหลกั สูตรฐานสมรรถนะในสาขางานหรือรายวชิ าร่วมกบั
สถานประกอบการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีสมรรถนะอาชีพสอดคลอ้ ง
กบั การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยแี ละความตอ้ งการของตลาดแรงงาน

4) คณะมีการใชห้ ลกั สูตรฐานสมรรถนะท่ีไดจ้ ากการพฒั นา

5) คณะมีการติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงหลกั สูตรฐานสมรรถนะที่ไดจ้ าก
การพฒั นาอยา่ งตอ่ เนื่อง

2.2 การจดั การเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั คาอธิบายคณะส่งเสริม
สนบั สนุนใหผ้ สู้ อนจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั และ


นาไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนอยา่ งมีคุณภาพเพอ่ื พฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณลกั ษณะ
และทกั ษะท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21

2.2.1 คุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิเกณฑก์ ารประเมิน
1) ผสู้ อนมีการวิเคราะหห์ ลกั สูตรรายวิชา เพ่ือกาหนดหน่วยการเรียนรู้ท่ี
มงุ่ เนน้ สมรรถนะอาชีพ
2) แผนการจดั การเรียนรู้มีการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม
คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3) แผนการจดั การเรียนรู้ มีการกาหนดรูปแบบการเรียนรู้สู่การปฏิบตั ิและ
กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เช่น PjBL Active Learning STEM
Education เป็นตน้
4) แผนการจดั การเรียนรู้มีการกาหนดการใชส้ ่ือ เคร่ืองมือ อปุ กรณ์ และ
เทคโนโลยกี ารจดั การเรียนรู้ ที่เหมาะสม และนามาใชใ้ นการจดั การเรียนการ
สอน
5) แผนการจดั การเรียนรู้มีการกาหนดแนวทางการวดั และประเมินผลตาม
สภาพจริงดว้ ยรูปแบบ วิธีการที่หลากหลาย
ดา้ นที่ 3 ดา้ นผสู้ อนและผบู้ ริหารคณะผสู้ อน หมายถึง บุคลากรวชิ าชีพท่ีทาหนา้ ที่หลกั ดา้ นการ
จดั การเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียนดว้ ยวิธีการต่างๆ ในคณะท้งั ของรัฐ
และเอกชนผบู้ ริหารคณะ หมายถึง บคุ ลากรวิชาชีพท่ีรับผิดชอบ ในการบริหารจดั การในคณะท้งั
ของรัฐและเอกชนซ่ึงประกอบดว้ ยตวั บ่งช้ี จานวน 5 ขอ้ การประเมิน ดงั น้ี

3.1 ผสู้ อน
3.1.1 การจดั การเรียนการสอน


3.1.2 การบริหารจดั การช้นั เรียน

3.1.3 การพฒั นาตนเองและพฒั นาวิชาชีพ

3.2 ผบู้ ริหารคณะ

3.2.1 การบริหารคณะแบบมีส่วนร่วม

3.2.2 การบริหารจดั การระบบขอ้ มลู สารสนเทศเพ่ือการบริหารจดั การคณะ

3.1 ผสู้ อนคณะมีการส่งเสริม สนบั สนุนและพฒั นาผสู้ อนใหม้ ีความรู้ ความสามารถใน
การจดั การเรียนรู้ตามมาตรฐานตาแหน่ง สายงานผสู้ อน ประกอบดว้ ย การจดั การเรียนการสอน
การบริหารจดั การช้นั เรียน และการพฒั นาตนเองและพฒั นาวชิ าชีพ รายละเอียดดงั น้ี

3.1.1 การจดั การเรียนการสอนคาอธิบายผสู้ อนมีคุณวฒุ ิการศึกษาตรงตาม
สาขาวชิ าท่ีสอน มีการจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ทกุ รายวชิ าที่
สอนจดั การเรียนการสอนตรงตามแผนการจดั การเรียนรู้ดว้ ยเทคนิควธิ ีการสอนท่ี
หลากหลายมีการวดั และประเมินผลตามสภาพจริง มีการใชส้ ่ือ นวตั กรรม เทคโนโลยี
ทางการศึกษา แหลง่ เรียนรู้ และทาวิจยั เพอื่ คุณภาพจดั การเรียนรู้และแกป้ ัญหาการจดั การ
เรียนรู้การประเมิน

1. ร้อยละของผสู้ อนท่ีมีคุณวฒุ ิตรงตามสาขาวิชาท่ีสอน

2. ร้อยละของผสู้ อนท่ีมีแผนการจดั การเรียนรู้ครบทกุ รายวชิ าท่ีสอน

3. ร้อยละของผสู้ อนท่ีจดั การเรียนการสอนตรงตามแผนการจดั การเรียนรู้
ดว้ ยเทคนิค วิธีการสอนที่หลากหลาย มีการวดั และประเมินผลตามสภาพจริง

4. ร้อยละของผสู้ อนท่ีใชส้ ื่อ นวตั กรรม เทคโนโลยที างการศึกษา และ
แหล่งเรียนรู้ ในการจดั การเรียนการสอน

5. ร้อยละของผสู้ อนท่ีทาวิจยั เพ่ือพฒั นาคุณภาพจดั การเรียนรู้และ
แกป้ ัญหาการจดั การเรียนรู้


3.1.2 การบริหารจดั การช้นั เรียนคาอธิบายผสู้ อนมีการจดั ทาขอ้ มูลผเู้ รียนเป็น
รายบุคคล มีขอ้ มลู สารสนเทศหรือเอกสารประจาช้นั เรียนและรายวิชา ใชเ้ ทคนิควิธีการบริหาร
จดั การช้นั เรียนใหม้ ีบรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ เป็นผเู้ สริมแรงใหผ้ เู้ รียนมีความมุ่งมนั่ ต้งั ใจ
ในการเรียน ดูแลช่วยเหลือผเู้ รียนรายบุคคลดา้ นการเรียนและดา้ นอ่ืนๆการประเมิน

1. ร้อยละของผสู้ อนท่ีจดั ทาขอ้ มูลผเู้ รียนเป็นรายบุคคล

2. ร้อยละของผสู้ อนท่ีมีขอ้ มลู สารสนเทศหรือเอกสารประจาช้นั เรียนและ
รายวิชาเป็ นปัจจุบนั

3. ร้อยละของผสู้ อนที่ใชเ้ ทคนิควธิ ีการบริหารจดั การช้นั เรียนใหม้ ี
บรรยากาศที่เอ้ือตอ่ การเรียนรู้

4. ร้อยละของผสู้ อนท่ีใชว้ ิธีการเสริมแรงใหผ้ เู้ รียนมีความม่งุ มนั่ ต้งั ใจใน
การเรียน

5. ร้อยละของผสู้ อนท่ีดูแลช่วยเหลือผเู้ รียนรายบุคคลดา้ นการเรียนและ
ดา้ นอื่น ๆ

ดา้ นที่ 4 ดา้ นการมีส่วนร่วมสถานประกอบการ บุคคล ชุมชน องคก์ รตา่ ง ๆ มีส่วนร่วมกบั คณะใน
การจดั การเรียนการสอนอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี มีการระดมทรัพยากร ในการจดั การเรียนการ
สอน เพ่ือยกระดบั และพฒั นาคุณภาพคณะ และส่งเสริมใหผ้ ู้ เรียนเป็นผู้ มีจิตอาสาโดยใชว้ ชิ าชีพ
สร้างประโยชนใ์ หก้ บั ชุมชนและสงั คม ซ่ึงประกอบดว้ ยขอ้ การประเมิน จานวน 3 ขอ้ การ
ประเมิน ดงั น้ี

4.1 การจดั การอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี

4.2 การระดมทรัพยากรเพอ่ื การจดั การเรียนการสอน

4.3 การบริการชุมชนและจิตอาสา

คูม่ ือการประกนั คุณภาพการศึกษา ระดบั อาชีวศึกษา ประจาปี การศึกษา 2562

4.1 การจดั การอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี


คาอธิบายตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง มาตรฐานการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จึงไดจ้ ดั ทาแนวทางปฏิบตั ิการจดั การอาชีวศึกษา ระบบ
ทวภิ าคีข้ึนเพือ่ ใหค้ ณะและสถานประกอบการนาไปใชเ้ ป็นแนวทางในการจดั การอาชีวศึกษา
ระบบทวภิ าคี ใหม้ ีคุณภาพและประสิทธิภาพยงิ่ ข้ึนการประเมินการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิ
ภาคี ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานการจดั การอาชีวศึกษา ระบบทวิภาคี ท่ี
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากาหนด ประกอบดว้ ย 5 ข้นั ตอน ดงั น้ี

ข้นั ที่ 1 ข้นั เตรียมความพรอ้ มในการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี

1.1 การสารวจความพร้อมของสถานประกอบการ หน่วยงาน องคก์ าร ในการจดั การ
อาชีวศึกษา ระบบทวภิ าคีร่วมกบั คณะ

1.2 การบนั ทึกขอ้ ตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี

ข้นั ที่ 2 ข้นั วางแผนในการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี

2.1 จดั ทาแผนงานและจดั ทาแผนการเรียนในการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีร่วมกบั
สถานประกอบการ หน่วยงาน องคก์ าร

2.2 ประชาสัมพนั ธ์ แนะแนวผเู้ รียน

ข้นั ที่ 3 ข้นั จดั การเรียนการสอนอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี

3.1 คดั เลือกผเู้ ขา้ เรียน

3.2 ทาสัญญาการฝึกอาชีพ ปฐมนิเทศผเู้ รียน การประชุมผูป้ กครอง

3.3 จดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้หรือแผนการฝึกอาชีพ

3.4 จดั การเรียนการสอนหรือการฝึกอาชีพ

ข้นั ท่ี 4 ข้นั ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพในการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี

4.1 การนิเทศการจดั การเรียนการสอนหรือการฝึกอาชีพ

4.2 การจดั และประเมินผลรายวชิ าหรือการฝึกอาชีพ


ข้นั ท่ี 5 ข้นั สรุปรายงานผลการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
5.1 การสาเร็จการศึกษาผเู้ รียนอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี

5.2 การติดตามผสู้ าเร็จการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี

5.3 การสรุปผลการดาเนินงานและรายงานประจาปี ในการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิ
ภาคี


3.3.2หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพช้นั สูง (ปวส.)
พทุ ธศกั ราช 2563


3.3.3 หลกั สูตรปริญญาตรีสายเทคโนโลยหี รือสายปฏบิ ัตกิ าร


Click to View FlipBook Version