The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ลักษณะทางพันธุกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นันทนา บุญชู, 2020-07-17 09:19:10

ลักษณะทางพันธุกรรม

ลักษณะทางพันธุกรรม

Chaพpันtธeกุ rรร1ม0 1

วิทยาศาสตรม์ .3

พันธุกรรม

1. ลักษณะทางพนั ธุกรรม

ลักษณะทางพนั ธกุ รรม (genetic character) คือ ลักษณะของส่งิ มชี วี ติ ท่ีควบคมุ โดยยนี (gene) ซึง่
สามารถถ่ายทอดจากรุน่ หน่ึงไปยังอกี รนุ่ หนง่ึ ได้ เชน่ จาก พ่อ – แม่ ไปสู่ลูกหลาน โดยอาศยั เซลลส์ ืบพันธุ์ เป็น
สอื่ กลางในการถา่ ยทอด เช่น การมสี นั จมกู , สีผวิ , ลกั ษณะของตา เปน็ ต้น

ลกั ษณะทางพันธกุ รรมเกิดการแปรผันได้ 2 แบบ คอื
1. ลักษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีแปรผนั แบบต่อเนอื่ ง คือลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีสามารถเปล่ียนแปลงได้
อันเน่ืองมาจากสิง่ แวดลอ้ มภายนอก เชน่ สีผิว สติปญั ญา ความสงู เป็นตน้
2. ลักษณะทางพันธุกรรมที่แปรผันแบบไม่ต่อเนื่องเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถ
เปลย่ี นแปลงได้ เชน่ หม่เู ลอื ด สันจมกู เปน็ ตน้

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรยี นบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 2

วิทยาศาสตรม์ .3

2. โครโมโซม ดีเอน็ เอ และยีน

โครโมโซม (Chromosome) ส่งิ มีชวี ติ ทั่วไปมีโครโมโซมอยู่กนั เป็นคู่ เรยี กว่า ฮอมอโลกัสโครโมโซม
โครโมโซม ซึ่งยีนที่อยู่บนฮอมอโลกัสโครโมโซมอาจมีรูปแบบที่เหมือนหรือแตกต่างกัน เรียกว่า แอลลีล
โครโมโซมแต่ละแทง่ จะประกอบด้วย 2 โครมาทดิ (Chromatid) ทเี่ หมือนกัน ซ่งึ เกดิ จาการทีโ่ ครโมโซมจำลอง
ตวั เองข้นึ โดยโครมาทิดท้ังสองจะตดิ กันตรงส่วนทเ่ี รียกว่า เซนโทรเมียร์ (Centromere)

Chromatid Chromatid

Centromere

โครโมโซมในรา่ งกายมนุษยม์ ีทง้ั หมด 46 แทง่ หรือ 23 คู่ แบง่ เปน็ 2 ประเภท คอื

1. โครโมโซมรา่ งกาย (auto some) เปน็ โครโมโซมทค่ี วบคมุ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ของรา่ งกายยกเว้น
ลักษณะท่ีเกี่ยวกับเพศอยู่ในเซลล์ของเพศชายและเพศหญงิ จะมีออโตโซมเหมือนกัน มี 22 คู่

2. โครโมโซมเพศ (sex chromosome) เป็นโครโมโซมท่ีทำหน้าที่ควบคุมหรือกำหนดเพศได้แก่
โครโมโซม X และ โครโมโซม Y ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละเพศโดยในเพศหญิงมีโครโมโซมเพศแบบ XX และ
เพศชายมีโครโมโซมเพศแบบ XY และโครโมโซม Y มขี นาดเลก็ กวา่ โครโมโซม X มากซ่งึ มีอยู่ 1 คู่ คอื คูท่ ี่ 23

เพศหญงิ XX เพศชาย XY

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรียนบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 3

วทิ ยาศาสตรม์ .3

โครโมโซมของสิ่งมีชีวิตชนิดอน่ื จำนวนโครโมโซม
ในเซลล์ร่างกาย (แทง่ ) ในเซลลส์ ืบพันธ์ุ (แท่ง)
สิง่ มีชีวิต
14 7
ถ่ัวลันเตา 16 8
หัวหอม 20 10
ข้าวโพด 22 11
กล้วย 84
แมลงหวี่ 78 39
สุนขั 60 30
48 24
ววั 46 23
ลงิ
มนุษย์

Question 1

เพราะเหตใุ ดโครโมโซมเซลลส์ ืบพนั ธุ์จึงมจี ำนวนเป็นคร่งึ หน่งึ ของโครโมโซมเซลลร์ า่ งกาย

Answers

เมื่อเซลล์สืบพันธุ์ซึ่งมีโครโมโซม 23 แท่งจากพ่อ และจากแม่ มารวมกันในกระบวนการปฏิสนธิ ไซโกต

(Zygote) หรือเซลลใ์ หมท่ ไี่ ด้จะมีจำนวนโครโมโซม 46 อีกครง้ั หนึง่ ซ่ึงเทา่ กบั จำนวนโครโมโซมในเซลลร์ า่ งกาย

ตามปกติ

เซลลอ์ สจุ ิ ไซโกต (zygote)
(โครโมโซม 23 แทง่ ) โครโมโซม 46 แท่ง

เซลลไ์ ข่
(โครโมโซม 23 แท่ง)

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรยี นบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 4

วทิ ยาศาสตรม์ .3

ดีเอ็นเอ (DNA: Deoxyribonucleic acid) หรือเรียกว่าสารพันธุกรรม โมเลกุลที่มีลักษณะเป็น
เกลยี วคู่ คล้ายกบั บนั ไดเวยี นขวา ทำหน้าทเ่ี ก็บขอ้ มลู ทางพันธุกรรมของสิ่งมชี วี ิต

ยีน(Gene) คือ ช่วงของสายดีเอ็นเอที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตและถ่ายทอด
ลกั ษณะตา่ ง ๆ ทางพันธกุ รรมจากพอ่ แมไ่ ปยังลูกหลานโดยผ่านเซลลส์ ืบพันธุ์ ยีนแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ลักษณะ คอื

1. ยีนเด่น (Dominant gene) คือ ยีนที่สามารถแสดงลักษณะนั้นออกมาได้ แม้มียีนเพียงยีนเดียว
เช่น ยนี ผมหยกิ อยู่ค่กู ับยนี ผมเหยียด แตแ่ สดงลักษณะผมหยิกออกมา แสดงวา่ ยนี ผมหยกิ เปน็ ยนี เดน่

2. ยีนด้อย (Recessive gene) คือ ยีนที่สามารถแสดงลักษณะให้ปรากฏออกมาได้กต็ ่อเมื่อบนคู่ของ
โครโมโซมน้นั ปรากฏแต่ยีนดอ้ ย เชน่ การแสดงออกของลกั ษณะผมเหยยี ด จะตอ้ งมียนี ผมเหยียดบนโครโมโซม
ทั้งคู่

Chapter 10

โครโมโซมเป็นสว่ นหนึ่งของนวิ เคลียวในเซลล์ เกิดจากการขดพันกนั ระหว่างดีเอน็ เอและโปรตีนเส้น
ยาว โดนพันขดกันหลายระดบั จนกลายเป็นแท่งโครโมโซม ซึ่งดีเอน็ เอเปน็ สารพันธกุ รรมท่ีกำหนดลกั ษณะ
ของสิ่งมีชีวติ แต่ละช่วงความยาวขอดีเอน็ เอ คือหน่วยพันธกุ รรม หรอื ยีน ซงึ่ เป็นข้อมลู ทางพนั ธุกรรมที่มีผลตอ่
ลักษณะทางพันธกุ รรมของสิ่งมชี วี ิต

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรียนบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 5

วทิ ยาศาสตรม์ .3

3. คคำำศศัพัพทท์ทท์ าางงพพนันั ธธศุ ุศาาสสตตร์ร์

แอลลีล (Allele) คือ รูปแบบของยีนที่แตกต่างกัน ณ ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งบนโครโมโซม เช่น
เช่น แอลลีล D แอลลีล d

จีโนไทป์ (Genotype) คือ รูปแบบของยนี ท่ีอย่กู ันเปน็ คๆู่ ทีค่ วบคุมลกั ษณะพันธุกรรม เชน่ TT, Tt,
tt

ฟีโนไทป์ (Phenotype) คือ ผลที่เกิดขึ้นจากการแสดงออกของยีน เช่น ลักษณะความสูงของต้นถว่ั
และลักษณะรปู ร่างของเมลด็ สีของดอก เป็นต้น

โฮโมไซกสั ยนี (Homozygous gene) คขู่ องยีนท่ีเหมือนกนั เช่น ถั่วตน้ สูงพันธุ์แท้ (TT), ถ่ัวต้นเต้ีย
(tt), หมเู่ ลอื ด A (IAIA), หมู่เลอื ด B (IBIB), หม่เู ลอื ด O (ii) ยีนเหลา่ นที้ ำใหเ้ กดิ พันธ์ุแท้

เฮเทอโรไซกัส ยีน (Heterozygous gene) คู่ของยีนที่แตกต่างกัน เช่น ถั่วต้นสูง (Tt),
หม่เู ลือด A (IAi), หมูเ่ ลอื ด B (IBi) ยีนเหล่านที้ ำให้เกิดพนั ธท์ุ าง

4. การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล

เมนเดลได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ โดยได้ทดลองผสมพนธุ์ถั่วลันเตา ซึ่งมีความ
เหมาะสมหลายประการ
ปลูก

 งา่ ย เจริญเตบิ โตเร็ว วงจรชวี ิตส้ัน
 มลี กั ษณะทางพนั ธุกรรมท่แี ตกต่างกนั อยา่ งชัดเจน
 มีดอกสมบูรณ์เพศ

กฏของเมนเดล

เมนเดลได้ทดลองผสมถ่ัวลนั เตาทีม่ ลี ักษณะตา่ ง ๆ กัน 7 ลักษณะ นานถึง 7 ปี จงึ ไดค้ ้นพบกฏของการ
ถ่ายทอดลักษณะพนั ธุกรรมของเมนเดล

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรียนบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 6

วทิ ยาศาสตรม์ .3

ลักษณะเด่น (Dominant) คือ ลักษณะท่ีปรากฏในทุกรนุ่ หรอื ลกั ษณะท่ีแสดงออกได้มากในรุ่นลกู
หรอื รนุ่ หลาน ตัวอย่างลกั ษณะเด่นของถว่ั ไดแ้ ก่ เมลด็ กลม เนื้อเมลด็ สีเหลือง ฝักอวบ ฝักสีเขียว ต้นสูง และ
ตำแหน่งของดอกเกดิ ท่ลี ำตน้

ลักษณะด้อย (Recessive) คอื ลกั ษณะทีไ่ ม่ค่อยจะปรากฏให้เหน็ หรอื แสดงออกได้นอ้ ย เพราะถกู
ลกั ษณะเด่นข่มไว้ ตวั อยา่ งลกั ษณะดอ้ ยของถว่ั เช่น เมล็ดขรุขระ เนือ้ เมล็ดสเี ขยี ว ฝักแฟบ ฝกั สเี หลือง และ
ตำแหนง่ ของดอกเกดิ ท่ียอด

นักพันธุศาสตร์ใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่แทนยีนที่ควบคุมลักษณะเดน่ และตัวพิมพ์เล็ก
แทนยีนทคี่ วบคมุ ลกั ษณะด้อย เชน่ การทดลองของเมนเดลผสมพันธ์ุถ่ัวต้นสงู กับถว่ั ตน้ เตย้ี
โดยกำหนดให้ D เป็นยีนทีค่ วบคุมลักษณะต้นสงู

d เป็นยนี ท่คี วบคมุ ลักษณะตน้ เตยี้

พอ่ แม(่ P) พอ่ : ตน้ สูง แม:่ ต้นเตี้ย
เซลลส์ บื พันธ์ุ DD dd
ลูกรุน่ ที่ 1 (F1) D d

อ.นนั ทนา บญุ ชู ตน้ สูง: Dd

โรงเรยี นบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 7

วทิ ยาศาสตรม์ .3

กฏของเมนเดล

กฎข้อท่ี 1 กฎการแยกของยีน

“ยนี ที่อยเู่ ปน็ คกู่ ัน” จะมกี ารแยกตัวออกจากกนั ไป
อยู่คนละเซลล์สืบพนั ธก์ุ ่อนท่ีจะมารวมตัวกนั ใหม่เมอ่ื มี
การ “ปฏสิ นธิ”

กฎขอ้ ที่ 2 กฎแหง่ การจบั คู่กนั อย่างอสิ ระของยีน
“ยนี ทอี่ ยูเ่ ป็นคู่กนั เม่ือแยกออกจากกนั แล้วแตล่ ะยีนจะไปจบั ยีนอน่ื ได้โดยอสิ ระ”

กฏแหง่ การแยกของยีน

กฎแหง่ การจับคู่กันอยา่ งอิสระของยนี

กฎข้อที่ 3 กฎแหง่ ลักษณะเด่น
กฎแห่งลักษณะเด่น กล่าวว่า ลักษณะเด่นจะข่มลักษณะด้อย เมื่อยีนเด่นอยู่คู่กับยีนด้อย

ลักษณะท่ีแสดงออกมาเปน็ ลักษณะของยนี เด่นเท่านั้น

ตัวอย่างที่ 1 ถ้านำต้นถั่วลันเตาต้นสูงพันธุ์แท้ ผสมพันธุ์กับต้นเตี้ยแคระ ให้นักเรียนแผนภาพแสดงการ
ถ่ายทอดยีนทค่ี วบคุมลักษณะทางพนั ธกุ รรมตามหลกั การของเมนเดล
วิธีท่ี1 กำหนดให้ T แทน ยนี ของตน้ ถั่วลนั เตาต้นสงู

t แทน ยนี ของตน้ ถวั่ ลนั เตาต้นเต้นแคระ

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรียนบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 8

ถวั่ ลันเตาต้นสูงพนั ธุ์แท้ x วิทยาศาสตรม์ .3
TT
ถั่วลันเตาต้นเตน้ แคระ
tt

TT tt

Tt Tt Tt Tt
ดังนน้ั จะไดล้ ูกเป็นถัว่ ลันเตาต้นสูงพนั ธ์ุทาง(Tt) ท้งั หมด หรือคิดเปน็ 100%

วิธีท่ี 2 เรียกวา่ ตารางพนั เนต สแควร์ (Punnet square) T
Tt
T Tt
t Tt
t Tt

ตัวอย่างที่ 2 แตงโมลักษณะผลสีเขียวข่มผลลายได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อผสมพันธุ์แตงโมผลลายกับผลสีเขียว
พนั ธ์ุทางแลว้ ได้แตงโมจำนวน 100 ผล ในจำนวนนี้จะมีแตงโมผลลายก่ีผล
วิธีท่1ี กำหนดให้ A แทน ยีนผลสีเขียว เปน็ ยีนเด่น

a แทน ยีนผลลาย เป็นยีนด้อย

ผลสเี ขยี วพนั ธุ์ทาง x ผลลาย
Aa aa

Aa aa

Aa Aa aa aa

ดงั นน้ั จะได้อตั ราสว่ นของแตงโมผลลายตอ่ ผลสีเขยี ว 1:1 หรือ คดิ เป็น 50%
∴ ในจำนวนแตงโมจำนวน 100 ผล จะมแี ตงโมผลลาย 1 x 100 = 50 ผล

2

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรียนบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 9

วทิ ยาศาสตรม์ .3

วิธีท่ี 2 ตารางพันเนต สแควร์ (Punnet square) a
aa
A aa
a Aa
a Aa

เฉลยตวั อยา่ งที่ 4 (**บนกระดาน)

ตัวอยา่ งท่ี 4 เมนเดลนำถั่วลันเตาพนั ธท์ุ มี่ ฝี กั สเี หลือง และพันธทุ์ ี่มีฝกั สีเขยี วพันธแุ์ ท้มาผสมกนั ลูกรนุ่ 1 มี
ลักษณะแบบใดไดบ้ า้ ง

1 ทกุ ตน้ มฝี ักสเี ขียวท้ังหมด

2 ต้นทม่ี ีฝกั สีเหลอื งและตน้ ที่มีฝกั สีเขยี วมีจำนวนเทา่ ๆ กัน

3 ตน้ ท่ีมีฝกั สีเขยี วและต้นทม่ี ีฝักสีเหลอื งมจี ำนวนในอัตราสว่ น 3 ต่อ 1

4 ทกุ ต้นมีฝักเป็นสีเขียวหรอื มีทงั้ ฝักสเี ขยี วและสเี หลือเท่า ๆ กัน

วธิ ที ำ

กำหนดให้ A แทน ยนี ฝีกสเี ขียวทเี่ ป็นลักษณะเด่น

a แทน ยนี ฝกั สเี หลืองที่เปน็ ลักษณะดอ้ ย

ฝักสีเขยี วพนั ธ์ุแท้ x ฝกั สีเหลือง
AA aa

AA aa

Aa Aa Aa Aa
ดังนนั้ ได้ต้นทีม่ ฝี ักสเี ขยี วทั้งหมด

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรียนบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School


Click to View FlipBook Version