The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ลักษณะทางพันธุกรรม (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นันทนา บุญชู, 2020-08-06 12:17:03

ลักษณะทางพันธุกรรม (2)

ลักษณะทางพันธุกรรม (2)

พันธกุ รรม 10

วทิ ยาศาสตรม์ .3

5. การแบ่งเซลล์ (cell division)

คอื การเพม่ิ จำนวนของเซลล์ (cell) ในสง่ิ มชี วี ติ เพอ่ื การเจริญเติบโตและรกั ษา ซ่อมแซมร่างกายส่วน
ทส่ี ึกหรอ รวมถึงสรา้ งเซลล์สืบพนั ธุ์ท่ีคงไวซ้ ึ่งสารพันธกุ รรม ทำหน้าที่ควบคุมลกั ษณะและการแสดงออกที่เป็น
เอกลักษณข์ องสิง่ มีชวี ิต แบ่งไดเ้ ป็น 2 แบบ คือ

1. การแบ่งเซลล์ไมโทซิส (Mitosis)

• แบง่ เพือ่ การเจริญเติบโต สว่ นใหญจ่ ะเปน็ การแบง่ เซลล์ร่างกาย
• เปน็ การเพ่มิ จำนวนเซลล์จาก 1 เซลลด์ ง้ั เดิมเพิ่มจำนวนขน้ึ เป็น 2 เซลล์
• เซลลล์ กู เหมือนเซลลแ์ ม่ทุกประการ
• แบง่ เซลลแ์ ลว้ ไดจ้ ำนวนชดุ ของโครโมโซมเทา่ เดมิ

การแบ่งเซลล์แบบ Mitosis รูป รายละเอียด
1. อนิ เตอรเ์ ฟส (Interphase) - เป็นระยะที่เซลล์เตรียมตัวก่อนที่จะแบ่ง
2. โปรเฟส (Prophase) นิวเคลยี สและไซโทพลาซมึ
- โครโมโซมยังเป็นสายยาวพันเกี่ยวไปมา
3. เมทาเฟส (Metaphase) (เรยี กวา่ โครมาติน (chromatin))
- เส้นใยโครมาตินในนิวเคลียสเริ่มหดสั้นลง
โครโมโซมจะเข้าคู่กันและมีโครงสร้างเป็น
รูปตวั x
- เย่อื หมุ้ นวิ เคลยี สและนวิ คลโี อลัสเริม่
สลายตวั
- เซนโทรโซมจะคอ่ ย ๆ เคล่ือนไปยังขั้วทง้ั
สองของเซลล์ และเร่มิ สรา้ งเสน้ ใยสปินเดิล
(Spindle Fiber)
- โครโมโซมเรียงตัวอยใู่ นแนวเดียวกนั
บริเวณกลางเซลล์เรยี กบริเวณน้ีวา่
metaphase plate
- เป็นระยะทเี่ หมาะสมที่สดุ ในการศึกษา
โครโมโซม เพราะเป็นระยะท่เี หน็ โครโมโซม
ไดช้ ัดเจนทส่ี ดุ

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรยี นบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 11

วิทยาศาสตรม์ .3

การแบง่ เซลลแ์ บบ Mitosis รูป รายละเอียด
4. แอนาเฟส (Anaphase) - เส้นใยสปนิ เดิลหดส้นั ลงจนทำให้โครมาทิด
ถูกดึงแยกออกจากกันไปอยู่บริเวณขั้วใน
ทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม

5. เทโลเฟส (Telophase) - โครโมโซมลกู แต่ละแท่งจะคลายตัว
ออกเป็นเสน้ ใยโครมาทนิ (Chromatin)
- เสน้ ใยสปนิ เดิลจะสลายตวั ไป
- ตอนปลาย จะเหน็ เซลล์มีนิวเคลียสเพ่ิมขน้ึ
เป็น 2 ส่วน

2. การแบ่งเซลล์ไมโอซิส (Meiosis)

• แบ่งเพ่ือการสรา้ งเซลลส์ บื พันธ์ุ
• เป็นการเพ่ิมจำนวนเซลล์จาก 1 เซลล์ดัง้ เดมิ เพ่มิ จำนวนขึน้ เป็น 4 เซลล์
• เซลลล์ ูกไม่เหมือนเซลลแ์ ม่
• โดยภายในเซลล์เหลอื จำนวนโครโมโซมเพยี งครง่ึ เดยี ว

การแบง่ เซลล์แบบ Meiosis รปู รายละเอียด
1. อนิ เตอร์ เฟส (Interphase) - เป็นระยะที่เซลล์เตรียมตัวก่อนที่จะแบ่ง
นวิ เคลยี สและไซโทพลาซมึ
2. โปรเฟส I (Prophase I) - โครโมโซมยังเป็นสายยาวพันเกี่ยวไปมา
(เรยี กว่า โครมาตนิ (chromatin))
3. เมทาเฟส I (Metaphase I) - โครโมโซมที่เป็นฮอมอโลกัสโครโมโซมจะมา
เรียงตัวอยู่กันเป็นคู่ และเกิดการไขวก้ ันของโคร
มาทดิ เรียกวา่ ครอสซงิ โอเวอร์ (crossing over)
ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนช้ินส่วนของโครมาทิด
สารพนั ธกุ รรมจึงถูกแลกเปลีย่ นไปดว้ ย
- เสน้ ใยสปนิ เดิลยึดเกาะกบั ฮอมอโลกสั
โครโมโซม
- เมอ่ื เซนโทรโซมทีส่ รา้ งเส้นใยสปนิ เดิลเคลอื่ นที่
เส้นใยสปินเดิลจะดงึ โครโมโซมมาเรยี งตัวอยู่เป็น
คูต่ รงบริเวณกง่ึ กลางเซลล์

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรียนบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 12

วิทยาศาสตรม์ .3

การแบง่ เซลลแ์ บบ Meiosis รูป รายละเอยี ด
4. แอนาเฟส I (Anaphase I) - เส้นใยสปินเดิลหดสัน้ ลงจนทำให้โครโมโซมถูก
5. เทโลเฟส I (Telophase I) ดึงแยกออกจากกันไปอยู่บริเวณขั้วในทิศทาง
6. โปรเฟส II (Prophase II) ตรงกันขา้ ม

7. เมทาเฟส II (Metaphase II) - มีการสรา้ งเย้อื ห้มุ นิวเคลยี สและนิวคลีโอลสั
ข้นึ มาใหม่
8. แอนาเฟส II (Anaphase II) - จำนวนโครโมโซมลดลงเป็นครง่ึ หน่ึงของเซลล์
เริม่ ต้น

- เยื้อหุ้มนิวเคลียสยังไม่สลาย แต่นิวคลีโอลัส
สลายตัวไป
- เซนโทรโซมเริ่มมีการสร้างเส้นใยสปินเดิลอีก
คร้ัง

- เยือ้ หุ้มนิวเคลียสยงั สลายตัว
- โครโมโซมเคลื่อนตวั มาเรยี งกนั อยู่บริเวณ
กง่ึ กลางเซลล์

- โครโมโซมถูกดึงให้แยกออกจากกันไปในทิศ
ทางตรงขา้ มกันไปยงั ขว้ั เซลล์

9. เทโลเฟส II (Telophase II) - โครโมโซมแยกออกเป็น 2 กล่มุ ทข่ี ้ัวเซลล์แล้ว
- เสน้ ใยสปินเดิลจะสลายตัว
อ.นนั ทนา บญุ ชู - สงั เคราะหเ์ ยอื้ หุ้มนวิ เคลยี สและนิวคลีโอลัสขน้ึ
อีกคร้ัง
- โครมาทิดจะคลายตวั และยดื ตัวออกเปน็ โคร
มาทนิ ทมี่ ลี กั ษณะเป็นเส้นบาง ๆ

โรงเรียนบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 13

วทิ ยาศาสตรม์ .3

ตารางเปรียบเทียบการแบง่ เซลล์แบบไมโทซสกับไมโอซิส

ไมโทซิส (Mitosis) ไมโอซิส Meiosis)

• แบ่งเพื่อการเจริญเติบโต • แบ่งเพื่อการสรา้ งเซลล์สืบพันธุ์

• ไดเ้ ซลลใ์ หม่จำนวน 2 เซลล์ • ไดเ้ ซลล์ใหม่จำนวน 4 เซลล์

• เซลล์ลูกเหมือนเซลลแ์ ม่ทุกประการ • เซลลล์ กู ไม่เหมอื นเซลลแ์ ม่

• แบง่ เซลล์แล้วได้จำนวนชดุ ของโครโมโซมเทา่ เดิม • แบ่งเซลล์แลว้ ได้จำนวนชดุ ของโครโมโซมลดลง
ครึง่ หน่ึง

6. หมู่เลือดของคน

สมมตใิ ห้ ▪ หมู่เลอื ดของคนมี 4 หมู่ คอื หมู่ A B AB O
▪ หมเู่ ลอื ดของคนถูกควบคุมโดยยีนทีค่ วบคุมลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม 3 ชนิด ดงั นี้ คือ

IA แทนยนี ควบคุมเลือดหมู่ A
IB แทนยนี ควบคุมเลือดหมู่ B
i แทนยนี ควบคุมเลือดหมู่ O

หมูเลือด (ฟีโนไทป)์ การเข้าคู่ของยีนทค่ี วบคมุ หม่เู ลอื ด (จโี นไทป์)

หม่เู ลอื ด A IA IA IAi
หมเู่ ลอื ด B IB IB IBi
หมู่เลือด AB
หมู่เลอื ด O IA IB
Ii

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรยี นบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 14

วทิ ยาศาสตรม์ .3

ตัวอย่าง 3 ครอบครัวหนึ่งมีบตุ ร 4 คน มหี ม่เู ลอื ดเปน็ A, B, AB และ O พ่อและแม่ควรมีหมู่เลือดตามข้อใด

ข้อ หมู่เลอื ด
พอ่ แม่
1 AB
2 O AB
3 B AB
4 AB O
วิธีท่ี 1

พ่อหมเู่ ลือด A แม่หมูเ่ ลือด B
IAi x IBi

IA i IB i

IA IB IAi IBi ii
หมเู่ ลอื ด AB หมู่เลอื ด A หมูเ่ ลือด B หมู่เลือด O

วธิ ที ่ี 2 แม่หมเู่ ลอื ด B
x BO
พ่อหมเู่ ลือด A
AO

AO BO

AB AO BO OO
หมู่เลือด AB หมู่เลอื ด A หมู่เลอื ด B หมู่เลอื ด O

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรยี นบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 15

วทิ ยาศาสตรม์ .3

7. ความผิดปกติทางพันธุกรรม

ความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นสภาวะผิดปกติที่บุคคลนั้นได้รับการถ่ายทอดมากับยีนหรือ
โครโมโซม ความผิดปกติทางพันธุกรรมเหล่านี้มีสาเหตุเกิดมาจากการผ่าเหล่า หรือการเปลี่ยนแปลงภายในดี
เอ็นเอของคน บางกรณีการผ่าเหล่าเกิดขึ้นขณะที่มีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ในการแบ่งตัวระยะไมโอซิส กรณี
อื่นๆ อาจเกิดได้จากการที่พ่อแม่ถ่ายทอดเซลล์ซึง่ เกดิ การผ่าเหล่าอยู่แล้วในร่างกายให้กบั ลูกๆ ความผิดปกติ
ของพันธกุ รรม แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื ความผิดปกตขิ องโครโมโซมและความผดิ ปกตขิ องยนี

1. ความผิดปกติของโครโมโซม

สาเหตุ

▪ จำนวนโครโมโซมเกินจำนวน เชน่ คนเรามีโครโมโซม 23 คู่ หรอื 46 แท่ง ถ้ามโี ครโมโซมมากกวา่ 46
แทง่ จะทำให้ส่งิ มีชวี ิตมีความผดิ ปกติ

▪ จำนวนโครโมโซมขาด มีผลเช่นเดยี วกับโครโมโซมเกนิ จำนวน
▪ โครโมโซมแหว่งวิ่น โครโมโซมครบจำนวนแต่มโี ครโมโซมใดโครโมโวมหนึ่งขาดดด้วน แหว่งวิ่นทำให้

โครโซมนัน้ ไมส่ มบูรณ์ กจ็ ะเกิดความผิดปกติทางกายเช่นกนั

ความผิดปกติของโครโมโซม แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือความผิดปกติที่เกิดกับออโตโซมและความ
ผดิ ปกตทิ ี่เกิดกับโครโมโซมเพศ

1.1 ความผดิ ปกตทิ ีเ่ กิดกบั ออโตโซม

ชอ่ื โรคพันธกุ รรม โครโมโซมท่ีบ่งบอก ลักษณะทีป่ รากฎ

กลุ่มอาการดาวน์ คทู่ ่ี 21 เกนิ มา 1 โครโมโซม - สมองเล็ก กะโหลกเล็ก จมูกเล็ก
- ฟันข้นึ ชา้ ชอ่ งปากเล็กทำให้ลิ้นคบั ปาก
(Down’s syndrome) - ใบหูเลก็ ตาห่าง หางตาชขี้ ึน้ ข้างบน
- นิ้วสั้นลายมือขาด
กล่มุ อาการเอ็ดเวริ ์ด ค่ทู ี่ 18 เกินมา 1 โครโมโซม - หวั ใจพิการ มักเป็นหมัน
(Edward’s
Syndrome) - หัวทุย ตาห่าง ปากแคบ
- น้ิวมอื บิดงอ
- ปัญญาออ่ น
- หัวใจ ไต พกิ าร อายุสนั้ ตายก่อนอายุ 1 ขวบ

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรียนบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 16

วทิ ยาศาสตรม์ .3

ชอื่ โรคพันธกุ รรม โครโมโซมทบ่ี ง่ บอก ลกั ษณะทปี่ รากฎ
กลุ่มอาการพาเทา
(Patau's syndrome) คทู่ ่ี 13 เกนิ มา 1 โครโมโซม - ศรี ษะเล็ก ตาเลก็ หรือไม่มีตา
- ปากแหวง่ เพดานโหว่
กลุ่มอาการครดิ ูซาต์ - หูหนวก
(Cri- du – chat - ปญั ญาอ่อน
syndrome) - หวั ใจ ไต ผิดปกติ

โครโมโซมคู่ที่ 5 แขนข้างส้ัน - ศรี ษะเล็กกว่าปกติ หนา้ กลม
ขาดหายไป 1 โครโมโซม - ตาห่าง

- ใบหอู ยตู่ ำ่ กวา่ ปกติ
- ปัญญาอ่อน
- มเี สยี งรอ้ งคล้ายแมว

1.2 ความผิดปกตทิ เี่ กิดกับโครโมโซมเพศ

ชอื่ โรคพนั ธกุ รรม โครโมโซมทีบ่ ่งบอก ลักษณะท่ีปรากฎ
กลุ่มอาการเทอร์เนอร์
(Turner’s syndrome) โครโมโซม x หายไป 1 แห่ง = - เป็นหญิงเตี้ย ไม่มีประจำเดือน มดลูก

กล่มุ อาการไคลนเ์ ฟลเตอร์ 44+XO และรังไข่เล็ก เป็นหมันเต้านมเล็ก มัก
(Klinefelter’s Syndrome)
ปญั ญาออ่ น

- อายุยาวกวา่ ปกติ

โครโมโซม x เกนิ มาในชาย - เป็นชายที่มีเต้านมคล้ายหญิง อวัยวะ

(44+XXY) เพศมีขนาดเล็ก อัณฑะไม่สร้างอสุจิ เป็น

หมัน สงู และอว้ น มักปญั ญาอ่อน

- อายยุ าวเท่าคนปกติ

2. ความผิดปกตขิ องยีน แบง่ ได้เป็น 2 ประเภท คือ การถา่ ยทอดยีนบนออโตโซมและการถ่ายทอด
ยนี บนโครโมโซมเพศ

2.1 การถา่ ยทอดยนี บนออโตโซม แบง่ ไดเ้ ปน็
• ความผดิ ปกตขิ องยีนทีค่ วบคุมโดยยีนเด่น เชน่ โรคท้าวแสนปม นิว้ เกิน คนแคระ เปน็ ตน้

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรียนบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พันธกุ รรม 17

วทิ ยาศาสตรม์ .3

โรคทา้ วแสนปม น้วิ เกิน

เป็นโรคทางพนั ธุกรรมชนิดหนึ่ง ท่ีเกิดจากการกลาย เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปสู่

พันธุ์ของยนี ในรา่ งกายพ่อหรอื แม่ แล้วไดถ้ ่ายทอด ลูกหลาน ผ่านทางเซลล์สืบพนั ธ์ุ ซึง่ สามารถถ่ายทอด

พนั ธุกรรมผดิ ปกติดงั กลา่ วผา่ นมาทางโครโมโซมคู่ท่ี ในลักษณะความผิดปกติไปสู่ลูกได้ โดยมากนิ้วมือที่

22 ซึ่งหากพอ่ หรือแม่เปน็ โรคท้าวแสนปม น่นั เกินมามกั จะอยฝู่ ่งั นิว้ โปง้ แต่เท้ามกั จะอยฝู่ ่ังนว้ิ กอ้ ย

หมายความว่าลกู ก็อาจได้รับยีนของโรคท้าวแสนปมได้

• ความผดิ ปกติของยีนท่ีควบคุมโดยยนี ดอ้ ย เช่น ธาลัสซีเมียผิวเผอื ก เป็นต้น

ธาลัสซีเมยี ผิวเผือก

เป็นโรคที่มีความผิดปกติในการสร้างฮีโมโกลบิน ซ่ึง โรคอัลบนิ ซิ มึ (albinism) หรอื โรคผิวเผือก เกิดจากยีน

เป็นส่วนประกอบในการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ ด้อยทม่ี อี ยใู่ นพนั ธุกรรม ทำให้ไม่สามารถ สรา้ งเอนไซม์

เกิดภาวะโลหิตจาง จากการที่เม็ดเลือดแดงแตกง่าย ทใี่ ช้ในการสังเคราะหเ์ ม็ดสีเมลานนิ ในเซลล์ผวิ หนัง ทำ

กวา่ ปกติ โรคน้ีเป็นไดท้ ั้งผูห้ ญงิ และผู้ชาย ใหเ้ สน้ ผม นยั นต์ า และเซลลผ์ ิวหนงั มสี ขี าว

2.2 การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซมเพศ แบ่งไดเ้ ปน็ การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม x และการ
ถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม Y

• การถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม x เช่น ตาบอดสี ฮีโมฟีเลยี กลา้ มเนือ้ แขนขาลบี เปน็ ตน้
• การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม Y เช่น ขนในใบหู เป็นต้น

ตัวอย่าง 4 ลักษณะผิวปกติในมนุษย์เป็นลักษณะเด่น ลักษณะผิวเผอื กเป็นลักษณะด้อย ถ้าหญิงผิวปกติพันธุ์
แท้แต่งงานกบั ชายผิวเผือก โอกาสทส่ี ามี-ภรรยาคู่นี้จะมบี ุตรผิวปกติเป็นเท่าไร

วิธที ำ กาหนดให้ A เปน็ ยนี ที่ควบคมุ ผวิ ปกตทิ เี่ ป็นลักษณะเด่น

a เป็นยีนที่ควบคมุ ผิวเผอื กทีเ่ ปน็ ลักษณะดอ้ ย

พ่อผิวเผือก แม่ผวิ ปกตพิ นั ธุ์แท้

aa x AA

aa AA

Aa Aa Aa Aa
∴ สามี-ภรรยาคูน่ ้จี ะมโี อกาสมบี ุตรผิวปกตทิ ้งั หมด หรอื คดิ เปน็ 100%

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรยี นบางพลรี าษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 18

วิทยาศาสตรม์ .3

ตัวอย่าง 5 ลักษณะฮีโมฟีเลียเป็นลักษณะที่ควบคุมโดยยีน ถ้าชายเป็นโรคนี้แต่งงานกับหญิงที่เป็นพาหะ
อัตราสว่ นของลกู ในวัยเจรญิ เตม็ ท่จี ะแสดงลักษณะอยา่ งไร

วิธที ำ กำหนดให้ XcY ชายเป็นโรคฮีโมฟเี ลยี และ XCXc หญงิ เป็นพาหะ

ชายเป็นโรคฮโี มฟีเลีย x หญิงเปน็ พาหะ
XcY XCXc

Xc Y XC Xc

XCXc XcXc XCY XcY

Question 2

โรคทางพนั ธุกรรมสามารถรักษาใหห้ ายขาดได้หรือไม่

Answers

โรคทางพันธุกรรมไมส่ ามารถรักษาใหห้ ายขาดได้ เนื่องจากจะตดิ ตัวไปตลอดชีวติ ทำไดเ้ พียงบรรเทาอาการ
ไมใ่ หเ้ กดิ ขนึ้ มากเท่านั้น

Question 3

โรคทางพันธกุ รรมมีการป้องกันได้อย่างไรบ้าง

Answers

การป้องกันโรคทางพนั ธุกรรมท่ดี ีที่สุดคอื ก่อนแตง่ งาน รวมทง้ั กอ่ นมีบุตร คู่สมรสควรแต่งร่างกายกรองสภาพ
ทางพันธกุ รรมเสยี ก่อน เพอ่ื ทราบระดับเส่ียงอีกทงั้ โรคทางพันธกุ รรมบางโรคสามารถตรวจพบไดใ้ นช่วงก่อน
ต้งั ครรภจ์ ึงเป็นทางหนง่ึ ทจ่ี ะช่วยให้ทารกทจี่ ะเกิดมามีความเสี่ยงในการเป็นโรคทางพันธุกรรมนอ้ ยลง

อ.นนั ทนา บุญชู โรงเรียนบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School

พนั ธกุ รรม 19

วิทยาศาสตรม์ .3

แผนภาพสรุปเร่ืองความผดิ ปกตทิ างพนั ธกุ รรม ความผิดปกติในระดบั ยีน

ความผิดปกตทิ างพนั ธุกรรม
ความผิดปกติในระดบั โครโมโซม

ความผิดปกตขิ อง ความผดิ ปกตขิ อง การถ่ายทอดโดยยนี บนออโต การถา่ ยทอดโดยยนี บน
โครโมโซมรา่ งกาย โครโมโซมเพศ โซม โครโมโซมเพศ

Down syndrome Klinefelter’s syndrome ความผดิ ปกตขิ องยนี ที่ การถ่ายทอดโดยยนี บน
(คูท่ ่ี 21 เกนิ มา) (โครโมโซม X เกนิ มา ถูกควบคมุ โดยยนี เด่น โครโมโซมเพศ X
เช่น XXX, XXY) ตาบอดสี
Edward syndrome ทา้ วแสนปม ฮีโมฟีเลีย
(คู่ท่ี 18 เกนิ มา) Turner’s syndrome กล้ามเนอ้ื ขาลบี
(โครโมโซม X หายไป) น้ิวเกนิ
Patau syndrome การถา่ ยทอดโดยยนี บน
(คูท่ ่ี 13 เกนิ มา) คนแคระ โครโมโซมเพศ Y
ความผดิ ปกติของยนี ขนในใบหู
Cri du chat Syndrome โรคท่ถี กู ควบคมุ โดย
(ค่ทู ่ี 5 แขนบางสว่ นหายไป) ยนี ด้อย

ธาลสั ซเี มยี

ผวิ
เผอื ก

อ.นนั ทนา บญุ ชู โรงเรียนบางพลีราษฎรบ์ ารุง
Bangpleeratbamrung School


Click to View FlipBook Version