ลิลิต
ตะเลง
พ่าย
จัดทำโดย
นาย วรินทร รพีโชติโสภณ ม.5/8 เลขที่ 22
นางสาว อรณิดา ดีชัยยะ ม.5/8 เลขที่ 23
นางสาว อภิชญา คะประสิทธิ์ ม.5/8 เลขที่ 24
นางสาว ปาณิสรา มุกเย็น ม.5/8 เลขที่ 26
นางสาว เปรมยุดา สมบูรณ์พงศ์ ม.5/8 เลขที่ 31
ถอดคำประพันธ์
๖๔(๓๑๐)
สองโจมสองจู่จ้วง บำรู
สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า กษัตริย์ของพระองค์ ทรงต่อสู้รบกันอย่างแข็งขัน เต็ม
กำลังสามารถ ทรงรุกรับกันอย่างว่องไว ควาญก็ขับช้างเข้าชนกัน
VOCABULARY
บำรู = การประงากันของช้าง
ขอ= พระแสงของ้าว
๖๕(๓๑๑)
งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า สองกษัตริย์สู้กันราวกับพระอินทร์และพญาอสูรเวปจิต
ติ (ไพจิตราสูร) ทำสงครามกัน หรือเป็นดังพระรามทำสงครามกับทศกัณฐ์
ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในประเทศไหนๆ ในทั่วทิศเสมอเหมือนได้เลย
VOCABULARY
สุริยราช = พระเจ้าเเผ่นดิน
พัชรินทร = พระอินทร์
ไพจิตร = พญาอสูรเวปจิตติ
๖๖(๓๑๒)
ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง
ขุนต่อขุนไป่เยง หย่อนห้าว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง อังกุศ ไกวแฮ
งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า สมเด็จพระนเรศวรต้านทานพระมหาอุปราชาไว้ได้
ทั้งสองพระองค์ไม่ได้ทรงยำเกรงกลัวกันเลย สมเด็จพระนเรศวรใช้
พระหัตถ์ยกพระแสงของ้าวกวัดไกว กวัดเหวี่ยงไปมา เพื่อสู้กับข้าศึก
VOCABULARY
เสียม = พระนเรศวรฯ
ยอหัตถ์ = ยกมือ
ลบอง = แบบ
เลบง = การเล่น
๖๗(๓๑๓)
คชยานขัตติเยศเบื้อง ออกถวัลย์
โถมปะทะไป่ทัน เหยียบยั้ง
สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา
เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู้ค้ำคางเขิน
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรได้โถมเข้าปะทะ
โดยไม่ทัน ได้ตั้งหลักให้มั่น ช้างทรงของพระมหาอุปราชาได้ล่าง จึงดัน
งาแหละคางของช้างสมเด็จพระนเรศวรจนเงยหน้า
VOCABULARY
คชยาน = ช้าง
ขัตติเยศเบื้อง = พระนเรศวรฯ
ราชรามัญ = พระมหาอุปราชา
๖๘(๓๑๔)
ดำเนินหนุนถนัดได้ เชิงชิด
หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว
เสด็จวราฤทธิ์ รำร่อน ขอแฮ
ฟอนฟาดแสงของ้าว อยู่เพี้ยงจักรผัน
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า พระมหาอุปราชาทรงเห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงเงื้อ
พระแสงของ้าวขึ้นจ้วงฟันอย่างแรงและรวดเร็วราวกับจักรหมุนทีเดียว
VOCABULARY
หน่อนเรนทรทิศ = พระมหาอุปราชา
๖๙(๓๑๕)
เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามินทร์
เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า ขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงพระ
มาลา(หมวก)หลบได้ทัน พร้อมกันนั้นก็ใช้พระแสงของ้าวปัดป้องออก
เสีย ทำให้อาวุธของพระมหาอุปราชาไม่ถูกพระวรกาย
VOCABULARY
สยามินทร์ = พระนเรศวรฯ
คัสตราวุธ = อาวุธ
๗๐(๓๑๖)
บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียร สะบัด ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า ในทันใดนั้นเอง ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวร
ได้แว้งเบี่ยงเศียร (เบี่ยงหัว) เบนสะบัดจนได้ล่างแล้วใช้งางัดคอช้าง
ของพระมหาอุปราชาให้เงยขึ้นบ้าง
VOCABULARY
พ่าห์ = ผู้ทรงไว้,ผู้แบก,ผู้ถือ
ทวารัติ = กรุงศรีอยุธยา
พลุก = งาช้าง
๗๑(๓๑๗)
พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข้อน ขาดด้าวโดยขวา
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า ทำให้ช้างทรงของพระมหาอุปราชาเพลี่ยงพล้ำ
เสียท่าในการรบ ในทันใดนั้น สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงเงื้อพระแสง
ของ้าวที่ชื่อพระแสงพลพ่ ายฟาดฟันพระมหา อุปราชาจนถูกพระอังสา
(ไหล่) ขาดสะพายแล่ง
VOCABULARY
สยามินทร์ = พระนเรศวรฯ
คัสตราวุธ = อาวุธ
๗๒(๓๑๘)
อุรารานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า พระอุระ (อก) ของพระมหาอุปราชาถูกพระแสง
ของ้าวฟันจนเป็นรอยแผลแยก เอนพระวรกายซบบนคอช้าง เป็นที่น่า
สังเวชใจยิ่งนัก สิ้นพระชนม์ทันที
VOCABULARY
อุรา = อก
๗๓(๓๕๗)
พระตรีโลกนาถแผ้ว เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยิ่งยินก้อง เกียรติท้าวทุกภาย
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า พระสัมมาสัมพุ ทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลกทั้งสาม
(มนุษย์ เทวดา พรหม) ทรงปราบพญามารได้สำเร็จ ก็เป็นเฉกเช่นกับที่
สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงปราบข้าศึกได้
ราบคาบ ทำให้พระเกียรติฟุ้งเฟื่ องเลื่องลือไกล
VOCABULARY
พระตรีโลกนาถ = พระพุทธเจ้า
๗๔(๓๕๘)
ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ มั่วมล้าง
พระเดชบ่ดาลขจร เจริญฤทธิ์ พระนา
ไปทั่วธเรศออกอ้าง เอิกฟ้าดินไหว
ถอดคำประพั นธ์ได้ว่า แม้นจะถูกข้าศึกศัตรูมากมายมารุกรานอย่างไร
พระองค์ก็ทรงเอาชนะได้หมด พระองค์ทรงมีพระบรมเดชานุภาพแผ่
ขจรกระฉ่อนไป
VOCABULARY
มั่ว = ชุมนุม
พระนา = อำนาจ
วิเคราะห์
โวหาร
อุปมา : เปรียบเทียบการสู้รบระหว่างสมเด็จพระนเรศวรกับพระมหา
อุปราชาว่ายิ่งใหญ่และงดงามเหมือนกับการสู้รบระหว่างพระอินทร์กับ
ท้าวจิตราสูร ระหว่างพระรามกับทศกัณฑ์
๖๕(๓๑๑)
งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม
กวีโวหาร
รสวรรณคดี(กวีโวหารที่เน้นเนื้อความเป็นหลัก) : คุณลักษณะของ
วรรณกรรมที่สามารถทำให้ผู้อ่านมี อารมณ์ความคิด
เสาวรจนี = ชมความงามตัวละคร :
๖๕(๓๑๑)
งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม
การใช้คำ
การใช้คำที่เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคล กวีเลือกใช้คำที่แสดง
ฐานะของบุคคล ดังนี้
๖๙(๓๑๕)
เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามินทร์
เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง
การเล่นคำ
คำซ้ำ : คำที่ออกเสียงซ้ำคำเดิมให้ต่อเนื่องกันโดยใช้เครื่องหมาย
ไม้ยมก (ๆ) เติมหลังคำ คำที่ซ้ำเสียงอาจจะมีความหมายคงเดิมหรือ
แตกต่างกันไปจากเดิมขึ้นอยู่กับความหมายของคำและบริบทที่
ประกอบ
๖๔(๓๑๐)
สองโจมสองจู่จ้วง บำรู
สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม
กลบท
กลบท คือการประดิษฐ์คิดแต่งคำประพันธ์ให้มีลักษณะแปลกไปจาก
เดิม โดยที่ลักษณะบังคับของคำประพันธ์ชนิดนั้นยังอยู่ครบถ้วน คำ
ประพันธ์ที่แต่งเป็นกลได้มีทั้ง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย
๖๔(๓๑๐)
สองโจมสองจู่จ้วง บำรู
สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม
สัมผัสและพยัญชนะ
สัมผัสสระ คือ คำที่ใช้สระคล้องจองเป็นเสียงเดียวกัน และถ้ามีตัว
สะกดมาตราเดียวกัน
สัมผัสพยัญชนะหรือสัมผัสอักษร คือ คำที่ใช้พยัญชนะต้นตัวเดียว
หรือเสียงเดียวกัน โดยไม่คำนึงถึงตัวสะกด
๗๐(๓๑๖)
บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียร สะบัด ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย
๗๒(๓๑๘)
อุรารานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
จินตภาพสามด้าน
จิตภาพด้านการเคลื่ อนไหว:
๗๑(๓๑๗)
พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข้อน ขาดด้าวโดยขวา
ข้อคิดจากลิลิตตะเลงพ่าย
อย่าเป็นคนหูเบา
อย่าทำอะไรตามใจตนเอง
อย่าไว้ใจคนขี้ขลาดและคนโง่
อย่าเกียจคร้าน