ข่าว คือ การรายงานข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดจนความคิดเห็นจากบุคคลในระดับต่าง ๆ ซึ่งมีความส าคัญและเป็นที่น่าสนใจ อันมีผลกระทบต่อคนหมู่มากในชุมชนหรือสังคม เทคนิคการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ ข่าวประชาสัมพันธ์คือ ข่าวสารซึ่งองค์กรจัดท าขึ้น เพื่อจัดส่งแจกจ่ายสู่ หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่น ๆ โดยจัดพิมพ์ในรูปของเอกสารข่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่น ๆ น าไปเผยแพร่สู่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ทราบและเข้าใจในหน่วยงาน ตลอดจนเพื่อให้เกิดการยอมรับและภาพลักษณ์ที่ดี ข่าวประชาสัมพันธ์มักเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ความหมายของ ข่าวประชาสัมพันธ์ นโยบาย โครงการ กิจกรรมการด าเนินงาน ผลการปฏิบัติงาน ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ขององค์กร
1. ข่าวแจ้งให้ทราบ (Announcement Release) เช่น แจ้งนโยบาย การด าเนินงาน การเปิดสาขา และแนะน าผลิตภัณฑ์ใหม่ ฯลฯ เป็นการแจ้งให้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ ของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือที่จะมีขึ้น 2. ข่าวกิจกรรมพิเศษทางการประชาสัมพันธ์ (Event Release) เช่น จัดคอนเสิร์ต แรลลี่การกุศล ข่าวกิจกรรม/โครงการรณรงค์เพื่อสังคมต่าง ๆ ฯลฯ เป็นการสร้างให้มีสีสัน ดึงดูดความสนใจ และมุ่งให้เกิดความนิยมต่อองค์กร 3. ข่าวเหตุการณ์เร่งด่วน (Spot News Release) เช่น เกิดเหตุเครื่องบินขัดข้องไม่สามารถเดินทาง ตามก าหนดได้ ฯลฯ เป็นการแจ้งให้ประชาชนได้ทราบอย่างรวดเร็ว ไม่เน้นเสนอรายละเอียดมาก 4. ข่าวตอบโต้เหตุการณ์ (Response News Release) เช่น ข่าวลือเกี่ยวกับการขาดทุน ข่าวความ ขัดแย้งภายในองค์กร ฯลฯ เป็นการชี้แจงรายละเอียดด้วยเหตุผลที่น่าเชื่อถือ ในประเด็นที่ถูก วิพากษ์วิจารณ์ ประเภทของข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวทั่วไป จุดมุ่งหมายของการเผยแพร่ ข่าว เผยแพร่ข่าวสารขององค์กรเป็น หลัก มุ่งถ่ายทอดข้อเท็จจริงและสาระ ความรู้ที่เป็นสาธารณชนเป็น ส าคัญ ทิศทางของผลที่คาดว่าจะ เกิดขึ้น คาดหวังผลด้านดีต่อองค์กรเสมอ อาจให้ผลด้านดีและด้านไม่ดีแก่ บุคคลหรือองค์กรก็ได้ ลักษณะของแหล่งข่าวหรือการ ได้ข่าว นัก PR จะส่งข่าวให้สื่อมวลชน หรือเชิญสื่อร่วมฟังการแถลงข่าว นักข่าวต้องแสวงหาข้อมูลข่าวสาร ด้วยตนเอง ความแตกต่างระหว่างข่าวประชาสัมพันธ์ VS ข่าวทั่วไป
6. เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร วัตถุประสงค์ของการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ 1. เพื่อให้คนทั่วไปเกิดการยอมรับองค์กร 2.เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชน รับทราบ 3. เพื่อแก้ไขข่าวลือ ข่าวร้าย และป้องกันข่าวต่าง ๆ ที่ไม่ดีขององค์กร 4. เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร 5. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนภายใน และภายนอกองค์กร
การเขียนข่าวสารที่จะประชาสัมพันธ์หรือสารที่จะสื่อออกไปยังสื่อมวลชนหรือประชาชน จะต้องมีรายละเอียดที่จะตอบค าถามว่า ใคร? ท ำอะไร? ท ำเมื่อไหร่? ท ำที่ไหน? ท ำท ำไม? และท ำอย่ำงไร? หรือที่เรียกกันว่า ใช้หลัก 5 W+ 1 H ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ WHAT ? ปัญหาหรือสาเหตุที่เกิดขึ้น - เกิดอะไรขึ้นบ้าง - มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ - หลักฐานที่ส าคัญที่สุด คืออะไร - สาเหตุที่ท าให้เกิดเหตุการณ์นี้ WHERE ? สถานที่หรือต าแหน่งที่เกิดเหตุ - เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ไหน - เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นที่ใดมากที่สุด WHEN ? เวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้นเกิดขี้น หรือจะเกิดขึ้น - เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ - เวลาใดบ้างที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น WHY ? สาเหตุหรือมูลเหตุที่ท าให้เกิดขึ้น - ท าไมต้องเป็นคนนี้ เวลานี้ สถานที่นี้ - เพราะเหตุใดเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้น WHO ? บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม - ใครอยู่ในเหตุการณ์บ้าง - ใครน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ - ใครน่าจะท าให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมากที่สุด - เหตุการณ์นี้ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ HOW ? รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือก าลังเกิด - เขาท าสิ่งนั้นได้อย่างไร - ล าดับเหตุการณ์นี้ดูว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร หลักการเขียนข่าวเบื้องต้น
5. อ่านทบทวนอีกครั้งหรือให้ผู้อื่น ช่วยอ่าน เพื่อให้ได้ข่าวที่สมบูรณ์ ครบถ้วน โครงสร้างของข่าวประกอบด้วย 1. Headline พาดหัวข่าว : ข้อความสั้น คม กระตุ้นความสนใจของผู้รับสาร 2. Lead ความน า : ข้อความส าคัญ ครบถ้วน แต่ไม่มีรายละเอียด 3. Body หรือ Contents เนื้อข่าว เพิ่มเติมรายละเอียดตามล าดับ ความส าคัญ ขั้นตอนการเขียนข่าว 1. ศึกษา หาข้อมูล รวบรวม ข้อมูลให้ได้มากที่สุด 2. ต้องมีการร่างเนื้อหา คร่าวๆ ก าหนดหัวข้อที่ จะเขียน เลือกประเด็นหลักๆ มาใช้ในการเขียน 3. เขียนข่าวโดยใช้ รูปแบบการเขียนข่าว ต่างๆ ที่ได้กล่าวไว้ ข้างต้น 4. จัดรูปแบบ ตรวจทานการเขียน หลายๆ รอบ โดยเฉพาะเรื่องการใช้ ภาษาในการเขียน ควรสะกดให้ถูกต้อง
รูปแบบการเขียนข่าวในปัจจุบัน นิยมเขียนข่าวแบบพีระมิดหัวกลับ การเขียนข่าวตามโครงสร้างแบบพีระมิดหัวกลับ เป็นการน าเสนอข่าวโดยล าดับประเด็นส าคัญ จากมากไปหาน้อย ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ ในการอยากรู้อยากเห็นสิ่งส าคัญก่อน ส่วนรายละเอียดไว้ทีหลัง ประกอบด้วย พาดหัวข่าว วรรคน า ส่วนเชื่อม และส่วนของเนื้อเรื่อง รูปแบบและโครงสร้างของข่าวประชาสัมพันธ์ การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ใช้หลักการเขียนข่าวเช่นเดียวกับการเขียนข่าวทั่วไป โดยมีวิธีการเขียน 3 รูปแบบ ได้แก่ การเขียนข่าวแบบพีระมิดหัวกลับ การเขียนข่าวแบบพีระมิดหัวตั้ง และการเขียนข่าวแบบผสม การเขียนข่าวแจกแบบพีระมิดหัวกลับ โครงสร้างของการเขียนข่าวแจก สามารถแบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ 5. สรุป (Conclusion)ส่วนท้ายของข่าวแจก อาจจะมีการสรุปไว้ก็ได้ อาจจะเป็นจุดใดจุดหนึ่งของข่าว หรือเขียนย้ าข้อเท็จจริง เด่น ๆ ที่ได้เสนอไปแล้วก็ได้ 1. พาดหัวข่าว (Headline) เป็นส่วนส าคัญ ที่เรียกร้องความสนใจให้ ผู้อ่านติดตามอ่านข่าวนั้นต่อไป และช่วยให้รู้ว่าข่าวนั้นมีประเด็นอะไรน่าสนใจ ลักษณะของพาดหัวข่าวที่ดี ควรสั้น กระชับ เข้าใจง่ายและตรงจุด 2. ควรน า หรือ โปรย (Lead) เป็นส่วนที่เขียนขึ้นในย่อหน้า แรกของข่าว เป็นข้อความที่เป็นเนื้อข่าวโยย่อทั้งหมดว่าใคร ท าอะไร ที่ไหนเพราะเหตุใดหรือท าไม และอย่างไร (5Ws+1H) 3. ส่วนเชื่อม (Neck) เป็นส่วนเชื่อมข้อความระหว่างความ น ากับเนื้อหาที่ต่อเนื่องกัน เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมหรือให้ เข้าใจเรื่องราวได้กระจ่างยิ่งขึ้น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาหรือ ภูมิหลังของเหตุการณ์ 4. เนื้อหาข่าว (Body) เป็นส่วนที่ให้เนื้อหารายละเอียดของ เรื่องราวทั้งหมด การน าเสนอเนื้อหาข่าวมักจะเสนอตามล าดับ ความส าคัญของเรื่องราว จากส าคัญสุดไปถึงส าคัญน้อย ที่สุด หรืออาจจะเสนอข่าวตามล าดับเวลาหรือ เหตุการณ์ก็ได้
1. เขียนในรูปแบบพีระมิดหัวกลับ 2. เป็นข้อเท็จจริง ตรงไปตรงมา 3. พาดหัวข่าว ระบุเรื่องราวโดยตรง มีความยาวไม่เกิน 1 ประโยค 4. วรรคน า ระบุข้อมูลส าคัญให้ชัดเจน 5. แต่ละย่อหน้าต้องสั้นและกระชับ 6. เนื้อหาข่าวควรจบใน 1 หน้า 7. หลีกเลี่ยงการกล่าวเกินความจริงเพื่อสร้างภาพ 8. อธิบายให้ชัดเจนไม่คลุมเครือ 1. สะดวกในการอ่าน 2. สะดวกแก่การท างานของบรรณาธิการข่าว 3. สะดวกในการจัดหน้าหรือเข้าหน้าหนังสือพิมพ์ ข้อควรระวังในการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ 1. ชื่อและนามสกุลต้องสะกดให้ถูกต้อง เพราะว่าถ้าผิดพลาดอาจกลายเป็นคนละบุคคลหรือเกิดความ เสียหายได้ 2. ยศต าแหน่งต้องระบุให้ตรงกับความเป็นจริงขณะนั้น 3. ค าน าหน้าชื่อและบรรดาศักดิ์ต้องระบุเรียงล าดับให้ถูกต้อง 4. การใช้อักษรย่อหรือตัวย่อต่างๆ ควรตรวจสอบให้ดี 5. ไม่สอดแทรกความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไป 6. การเขียนตัวเลขถ้ามีจ านวนมากอาจใช้ตัวอักษรแทน ถ้าไม่ใช่ตัวเลขที่แน่นอนควรใช้ค าว่าประมาณ 7. หลีกเลียงการใช้ศัพท์เทคนิคที่เข้าใจยาก ลักษณะของข่าวประชาสัมพันธ์ที่ดี ข้อดีของการเสนอข่าวรูปแบบพีระมิดหัวกลับ
ความหมายของภาพข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ คือ ภาพถ่ายที่ช่วยให้ข่าวมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหา รายละเอียดของ เรื่องรวมทั้งนิยมชมชอบต่อบุคคลและหน่วยงานได้ดียิ่งขึ้น ภาพถ่ายจึงเป็นสื่อที่มีบทบาทส าคัญใน การประชาสัมพันธ์การถ่ายภาพในงานประชาสัมพันธ์มีหลายรูปแบบหลายลักษณะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ว่าเราต้องการสื่อความหมายอะไร หรือประชาสัมพันธ์ไปเพื่ออะไร เพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กร เพื่อโฆษณาสินค้า ผลิตภัณฑ์หรือบอกเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดในองค์กรให้คนภายนอกได้รู้ โดยมีหลักง่ายๆ ดังนี้ เทคนิคการจัดท าภาพข่าว เพื่อการประชาสัมพันธ์ 1. ภาพข่าวกิจกรรมองค์กร เรามักพบภาพลักษณะนี้ในคอลัมน์ข่าวหนังสือพิมพ์ หรือวารสารภายในองค์กร บุคคล ในภาพส่วนใหญ่มักเป็นผู้บริหารระดับสูง ดังนั้น ขอแนะน าว่าการถ่ายภาพกิจกรรมขององค์กร ช่างภาพควรรู้จัก หน้าตาของผู้บริหารรวมทั้งบุคคลส าคัญขององค์กรเป็นอย่างดี และถ้าหาก มีการเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงาน เราควรให้การต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านที่ดีคอยให้ความ ช่วยเหลือ อ านวยความสะดวกให้กับสื่อมวลชน เช่น บอกชื่อ ต าแหน่งของผู้บริหาร แนะน าว่ามี ใครที่มาร่วมงานบ้าง และบอกก าหนดการของงานว่าจะมี อะไรบ้างการให้การต้อนรับที่ดีโดย การผูกมิตร ท าความรู้จักและแนะน าตัว จะช่วยลดความขัดแย้งในระหว่างถ่ายภาพลงได้บ้าง
2. ภาพโฆษณา เป็นภาพที่สื่อความหมายเพื่อต้องการสร้างแรงจูงใจ เช่น ภาพโฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆ การถ่ายภาพลักษณะ นี้ต้องใช้ความพิถีพิถันกับรายละเอียดและองค์ประกอบต่างๆ ของภาพ เช่น สถานที่ การจัดแสงการจัดฉาก เพื่อให้ภาพถ่าย มีความสวยงามและสื่อความหมายชัดเจนและจูงใจ 4. การถ่ายภาพภาวะวิกฤติ ภาวะวิกฤติเป็นภาวะที่สร้างความตึงเครียด เป็นภาวะที่ไม่พึงปรารถนาให้เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์อาจมีความรุนแรงมากหรือน้อยก็ตามอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือผลกระทบ กับคนส่วนใหญ่ ในด้านการประชาสัมพันธ์การถ่ายภาพจะต้องใช้กลยุทธ์และวิธีการออกข่าว เชิงรุก และพยายามควบคุมข่าวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การถ่ายภาพควรบันทึกเรื่องราว เหตุการณ์หรือรายละเอียดต่างๆ ให้ได้มากที่สุด เมื่อถ่ายภาพมาแล้วจะต้องวางแผนการ ประชาสัมพันธ์โดยให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบก่อนน าไปเผยแพร่ 3. ภาพงานพิธีการ สิ่งส าคัญในการถ่ายภาพงานพิธีการคือ ช่างภาพต้องรู้ก าหนดการ หรือล าดับขั้นตอนของ งานเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพิธีการทางศาสนา หรือเกี่ยวข้องกับประเพณีวัฒนธรรม ต่างๆ การถ่ายภาพ ก็จะด าเนินไปตามขั้นตอนของพิธี
1. ภาพบุคคล WHO? - “ใคร” คือ คนส าคัญที่คุณต้องการเน้นให้เห็น ให้รู้จัก คนนั้นต้องเป็นจุดเด่นของภาพ - บุคลิกภาพต้องออกมาดีที่สุด โดยส่วนเสริมคือ เครื่องแต่งกาย ท่าทาง - การจัดท่า ไม่ควรจัดในท่านิ่งเฉย - อาจมีบุคคลอื่นมาเสริมเพื่อขับเน้น แต่ต้องไม่มาบดบังความโดดเด่น - อาจมีอุปกรณ์ประกอบ ที่ท าให้บุคคลนั้นมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น - ต้องท าให้คนที่เห็นภาพ แม้ไม่เคยรู้จัก แต่ก็รู้สึกชื่นชม ศรัทธา * ระวังอย่าให้ภาพที่บุคลิกไม่ดีออกมา เช่น ปรือตา หลับตา 2. ภาพสถานที่ WHERE? - “ที่ไหน” เป็นสิ่งส าคัญ จุดเด่นอยู่ที่ตัวสถานที่อย่างชัดเจนโดยอาจเน้นภูมิทัศน์ชื่อสถานที่ - ต้องเลือกมุมกล้องเพื่อให้สถานที่ออกมาดูสง่างาม ยิ่งใหญ่ โดยใช้มุมต่ า - แสงเป็นสิ่งส าคัญ แสงเช้า เที่ยง เย็น กลางคืน ล้วนให้ความหมายและความรู้สึกที่แตกต่าง - ความเรียบร้อย ความสะอาด เป็นเรื่องส าคัญ - อาจใช้ภาพต้นไม้ดอกไม้ประกอบ และปิดแผลในภาพ เพื่อแนะน า เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดี เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้เกิดความนิยม ความศรัทธา เพื่อแก้ไขภาพพจน์ปัญหาที่เกิดขึ้น แนวทางในการถ่ายภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์ วัตถุประสงค์ในการใช้ภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์
3. ภาพกิจกรรม WHAT? - “อะไรเกิดขึ้น” คือหัวใจส าคัญ เป็นการเล่าเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นในภาพ - เน้นภาพหลายๆมุม หรือให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น - ท่าทางของบุคคลต่างๆ ต้องเสริมแต่ง ด้วยการโพสท่าช่วย * ประชาสัมพันธ์ เท่ากับ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี หลักการถ่ายภาพ/วีดีโอ งานประชาสัมพันธ์ต้องมีองค์ประกอบให้ครบดังนี้ - กิจกรรมหลัก What-When-Why-HOW - ภาพกลาง - ใกล้บุคคลส าคัญในกิจกรรม WHO - ภาพสถานที่ (ป้าย) where - ภาพหมู่ (หน้าป้าย backdrop) - ภาพบรรยากาศ ถ่ายสิ่งของตกแต่งในงาน (ป้ายต่าง ๆ) - ถ่ายบรรยากาศการ (ลงทะเบียน การเยี่ยมชม) - ถ่ายคนมีส่วนร่วม (engagement) - ถ่ายเก็บอารมณ์ของผู้คน (Candid) (จะท าให้ภาพมีชีวิต)
ข้อที่ 1 การจัดวางองค์ประกอบ การจัดวางองค์ประกอบเป็นส่วนส าคัญของการถ่ายภาพที่สามารถเรียนรู้ได้ โดยไม่ต้องใช้กล้องเลย แต่ว่าเกือบทุกคนบนโลกนี้ สามารถเข้าถึงกล้องได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน จึงนับเป็นเรื่องที่ดีที่จะเริ่มต้นจากจุดนี้ การจัดวางที่ถูกต้องคือการที่มั่นใจว่า subject หรือเป้าหมาย ที่เป็นจุดสนใจและส่วนประกอบอื่น ๆ ถูกจัดในทางที่จะท าให้ ผู้ที่มาดูนั้นเข้าใจในรูปภาพได้ อย่างเหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ ข้อที่ 2 กฎสามส่วน (Rule of thirds) ให้แบ่งรูปถ่ายเป็นสามส่วนทั้งในแนวตั้งและแนวนอน โดยจุดที่เส้นตัดกันคือจัดที่น่าสนใจ ถ้าเป็นภาพของคนก็ให้ดวงตาของคนๆนั้นอยู่ในบนจุดที่เส้นตัดกัน ซึ่งควรจะเป็นแนวข้างบนของกรอบ ถ้าถ่ายรูป ทิวทัศน์ที่เป็นภูมิประเทศก็สามารถแบ่งแยกส่วนที่เป็นโลกกับท้องฟ้าด้วยเส้นเหล่านี้ และวางจุดสนใจที่เป็นเป้าหมาย (เช่นพระอาทิตย์ยามพลบค่ า) ไว้ในจุดที่เส้นตัดกัน นอกจากนี้ยัง สามารถให้สมาร์ทโฟนโชว์ grid หรือแผ่นรูปตระแกรงมาปิดทับเพื่อท าให้กระบวนการนั้นง่ายดายขึ้น ซึ่งสามารถเปิดการใช้งานได้ บน DSLRs หรือระบบ Mirrorless (ไร้กระจก) เทคนิคการถ่ายภาพเบื้องต้น
ข้อที่ 3 หาสมมาตรในการจัดวาง ในการจัดวางองค์ประกอบแบบใดแบบหนึ่ง อาจลองจัดให้อยู่ในรูปแบบที่สมมาตร อย่างไรก็ตาม การจัดเรียงในรูปแบบสมมาตรอาจดูไม่เรียบง่ายอย่างที่คิด ในประการแรกต้องวางเป้าหมายที่ต้องการ โฟกัสไว้ตรงกลางและให้แสงสว่างน าทางตาไปยังศูนย์กลางและทุก ๆ เส้น ในรูปต้องตรงและมีสมมาตร ต่อกัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ทั้งความใส่ใจในรายละเอียดและความเคยชินกับการท าให้ทุกสิ่งดูตรง และขนานต่อกันในกรอบการถ่ายรูป โดยอาจใช้กฎสามส่วนนั้น เป็นแนวทางเบื้องต้นในการจัดภาพอย่าง เหมาะสมและมีสมดุลต่อกันและกัน ข้อที่ 4 เส้นน าหรือ Guiding/Leading Lines กฎนี้สามารถใช้ร่วมกับกฎสามส่วนในข้อที่ 2 หรือ กฎแห่งสมมาตรในข้อที่ 3 ได้ โดยเป้าหมาย คือให้เส้นเหล่านี้ (ไม่ว่าจริงหรือเลียนแบบด้วยแสงและทริคต่าง ๆ) น าสายตาเราไปยังจุดที่สนใจในรูป ซึ่งสามารถน าเทคนิคนี้ ไปใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพ ทิวทัศน์และภาพคน อย่างไรก็ตาม ในรูปภาพคนนั้น ควรจะเป็นอะไรที่บาง ๆ อยู่เบื้องหลัง ส่วนในภาพภูมิประเทศก็อาจท าให้มันดูเด่นชัดเพื่อแบ่งแยกพื้นที่ ได้ชัดเจน
ข้อที่ 5 แสงของคุณ แสงนั้นเป็นส่วนส าคัญที่ขาดไม่ได้เลยในการถ่ายภาพ เพราะการถ่ายภาพนั้นก็คือการใช้แสง เพื่อจับภาพดังนั้นถ้าไม่มีแสงเราก็ถ่ายรูปไม่ได้ อย่างไรก็ตามคุณภาพและต าแหน่งของแสงก็เป็นสิ่งที่ มีความส าคัญอย่างมากเช่นกัน เป้าหมายของการใช้แสงก็คือการเพิ่มความลึกให้กับรูป ท าให้มันดู น่ารื่นรมย์ ต่อสายตาและดึงเอาส่วนที่คุณต้องการโฟกัสให้โดดเด่นออกมา