The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลงานในรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นเพชรบุรี สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วัทนพร บุญเดช, 2022-02-21 22:58:10

ปริวรรตเอกสารโบราณ เรื่อง ประดนธรรมคำกลอน

ผลงานในรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นเพชรบุรี สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

Keywords: ประดนธรรม

การปริวรรตและวเิ คราะหว รรณกรรมทองถนิ่
เรอ่ื ง ประดนธรรมคํากลอน ฉบบั วดั พกิ ุลทอง
ตาํ บลพกิ ุลทอง อําเภอเมืองราชบรุ ี จังหวัดราชบรุ ี

ธิราพร ประทุมเทือง

นันทพร เกตุเทียน
อัญชลี นชุ นารถ
ธีรสตุ ฉ่าํ ทรพั ย
ศุภวฒั น คนมั่น

รายงานนี้เปนสวนหน่งึ ของการศกึ ษารายวิชาวรรณกรรมทองถนิ่ เพชรบรุ ี
สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตรและสังคมศาสตร
มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบุรี
ภาคการศึกษาท่ี ๑ ปการศึกษา ๒๕๕๗

การปริวรรตและวเิ คราะหว รรณกรรมทอ งถิ่น
เร่อื ง ประดนธรรมคํากลอน ฉบบั วดั พกิ ุลทอง
ตาํ บลพกิ ลุ ทอง อาํ เภอเมืองราชบรุ ี จงั หวัดราชบุรี

โดย
ธิราพร ประทุมเทอื ง
นนั ทพร เกตเุ ทียน
อญั ชลี นชุ นารถ
ธรี สุต ฉ่าํ ทรัพย
ศุภวฒั น คนมนั่

เสนอ
อาจารยแสนประเสรฐิ ปานเนียม

รายงานนีเ้ ปน สว นหนง่ึ ของการศกึ ษารายวิชาวรรณกรรมทอ งถ่ินเพชรบรุ ี
สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตรแ ละสงั คมศาสตร
มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบรุ ี
ภาคการศกึ ษาที่ ๑ ปก ารศึกษา ๒๕๕๗

สารบญั

หนา
บทนาํ ........................................................................................................................... ๑

ลักษณะคําประพนั ธ..................................................................................................... ๒

เนือ้ เรอ่ื งยอ .................................................................................................................. ๕

คุณคา ของวรรณกรรม.................................................................................................. ๗

คุณคา ดา นวรรณศิลป. ...................................................................................... ๗
คณุ คาดานสังคม............................................................................................... ๙

ผลการปริวรรต ประดนธรรมคาํ กลอน ฉบับวัดพกิ ลุ ทอง จงั หวดั ราชบรุ .ี ..................... ๑๔

เอกสารอางองิ .............................................................................................................. ๔๑

ภาคผนวก.................................................................................................... ................ ๔๒
ภาคผนวก ก ภาพสมุดขอ ย เรือ่ ง ประดนธรรมคําสอน ตําบลพกิ ลุ ทอง
๔๓
อําเภอเมืองราชบรุ ี จงั หวดั ราชบุรี.................................................................... ๘๒
ภาคผนวก ข ประวตั วิ ัดพิกุลทองและประวัติเจาอาวาสรปู ปจจบุ นั ................. ๙๔

ประวตั ผิ ศู ึกษา............................................................................................................



บทนํา

ประดนธรรมคาํ กลอน ฉบบั วัดพิกุลทอง เลมนเ้ี ปนวรรณกรรมสมัยรตั นโกสนิ ทร ชว งสมัยรชั กาลท่ี ๕
ประดนธรรมคาํ กลอน ฉบบั วัดพิกุลทอง ตําบลพกิ ุลทอง อาํ เภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรีถือวาเปน
ประดนธรรมคํากลอน ฉบับคัดลอก (ไมปรากฏพ.ศ.)เขียนดวยอักษรไทยปนอักษรขอมบนสมุดไทยขาวเขียน
ดว ยตวั อกั ษรสดี ําในหน่งึ หนา กระดาษเขยี นท้งั หมด ๕ บรรทดั เขียนใตเ สน มีจาํ นวน๑เลมมีขนากความยาว ๓๖
เซนตเิ มตร กวาง ๑๒ เซนติเมตร หนาตน จาํ นวน ๓๙ เผนกิ หนาปลาย จํานวน ๓๙ เผนิกรวมเปน ๗๘ เผนิก
ประดนธรรมคาํ กลอน ฉบบั น้ีแตง ดว ยคําประพันธป ระเภทตางๆ ไดแก กลอนสุภาพ โคลงสี่สุภาพ กาพยฉบัง
๑๖ กาพยย านี ๑๑ กาพยสุรางคนางค ๒๘ รายยาว และสัทธราฉันท ๒๑ ปจจุบันตนฉบับเก็บรักษาอยูที่วัด
พิกุลทอง
คณะผูศึกษาไดถายถอดจากอักษรไทยใหเปนอักษรไทยปจจุบันและไดปรับอักขรวิธีโบราณมาเปน
อักขรวธิ ปี จจุบันและจดั รปู แบบทางฉนั ทลกั ษณข องประดนธรรมคํากลอน นอกจากนี้ยังไดใหความหมายของ
คาํ ศพั ทโ บราณท่ปี จจุบันไดเ ลกิ ใชไปแลว หรือไมค อยมีการใชม ากนกั
เมอ่ื พจิ ารณาจากเน้อื หาท่ีปรากฏแสดงใหเ ห็นวาผูแตงประดนธรรมคํากลอน มีความรูความเขาใจใน
เรอื่ งประดนธรรมคาํ กลอน เปนอยา งดีจงึ ไดรับความไววางใจใหเปนผูเขียนเน้ือหาของประดนธรรมคํากลอน
ฉบบั น้ีสันนิษฐานไดวาเปนหนงั สือประดนธรรมคาํ กลอน ที่มีอนภุ าคแพรหลายในพนื้ ท่ีภาคกลางเพราะมีเน้อื หา
คลา ยคลงึ กบั ฉบับตา งๆ เชน ประดนธรรมคํากลอนฉบับ จงั หวัดเพชรบุรีเปน ตน



ลกั ษณะคําประพนั ธ

ประดนธรรมคํากลอน ฉบับวดั พิกุลทอง อําเภอเมือง จงั หวดั ราชบุรี แตงดวยฉันทลักษณ เชน กาพย
ฉบัง ๑๖ กาพยส ุรางคนางค ๒๘ กลอน ๖ กลอน ๘ ฉันท รา ย ภชุ งคประยาตฉนั ท

๑. กาพยฉ บัง ๑๖ บทหน่งึ มี ๓ วรรค วรรคแรก (วรรคสดบั ) มี ๖ คาํ วรรคท่สี อง (วรรครับ) มี ๔ คํา
วรรคท่ี ๓ (วรรคสง ) มี ๖ คาํ รวมทงั้ หมด ๑๖ คาํ จงึ เรียกฉบงั ๑๖

บทที่ ๑  



บทที่ ๒ 



๏ คนพาลไดชอ งพองขน คนดกี บ็ น
เพราะตนไรทพี่ ึ่งพา

๒. กลอนสุภาพ หรือกลอนตลาด เปน กลอนท่แี ตง ดว ยฉันทลักษณ เปนคาํ ประพันธท ี่ไดรบั ความนิยม
กันท่วั ไป เพราะเปนรอ ยกรองชนิดท่ีมีความเรยี บเรยี งงายตอ การส่อื ความหมาย

กลอน ๘

๏ ดนวา ตายมาสอดดู หหู นวกมาสอดรวู าเปน เขญ็

ดลคูโดยความตามทเ่ี หน็ ไดแกผเู ปน ปราชญฉลาด
รดู รู ูฟง รเู สง่ยี มเจยี มตน รูวาคนพาลคนขลาดปราชญ
เปน คนฉลาดรรู กั ษาตัว
รยู าวรสู ั้นรูหาญรขู ลาด



 

  ๑ บท
สัมผสั ระหวางบท
 
๑ บท

 

ทีไ่ ฟไมใสฝอย ทห่ี ิง่ หอ ยไปขืนดัง คู ๕
จอดเรือไมดฝู ง จะนง่ั ไมดูแผน ดนิ คู ๖

๓. รา ยยาว คือ รายทไี่ มก าํ หนดจํานวนคําในวรรคหนึ่ง ๆ แตละวรรคจึงอาจมีคํานอ ยมากแตกตางกัน

ไป การสัมผสั คาํ สดุ ทา ยของวรรคหนาสัมผสั กับคาํ หนงึ่ คาํ ใดในวรรคถัดไป จะแตงสน้ั ยาวเทาไรเมือ่ จบนิยมลง
ทา ยดว ยคําวา แลวแล นั้นแล นีเ้ ถดิ โนน เถิด ฉะน้ี ฉะนนั้ ฯลฯ เปน ตน

  

  

๏ ทเ่ี มาเอากนเปนหวั ประดน วาหมเู มามาคราดมากเหลือลน ไปคิดกลัวภัยในเบ้ืองหนา เมียตนยินดี
ปรดี าไปเสพยสูผูภรรยา แหงผูอ่ืนหอนกลัวผัวเขา อน่ึงสมาคมกลํ้าตัวมัวเมาดวยสตรีทาสของเขา ไมรักชาติ
วาสนาตน ทําด่ังน้ีไมดีเสื่อมผล เพราะจะตองรับความอับจน เสียทรัพยแตสามีเขาขาย ฝายสตรีคบชูผูชาย

หอ นกลวั ผัวญาตมิ ิตรทง้ั หลาย จะไดค วามอปั ยศอดสู ฝา ยชกี ลับช่วั เปนเจาชู เกี้ยวสกี าไมน า ดู ไปกลัวอาญาฝา
วนิ ยั ชนเชน ชี้นจ้ี ัญไร ดงั กลับกนเปนหวั ชวั่ ใหญเ อาผิดเปนชอบกอบช่ัว แมภัยในชาตินี้ไปกลัว กรรมบาปเบื้อง
หนา จะพาตัวใหไปสูอบายวา ยวน

๔. ภุชงคประยาตฉันท ๑๒ มี ๒ บาท วรรคหนามีจํานวน ๖ คํา/พยางค และวรรคหลังมี
จํานวน ๖ คาํ /พยางค ๑ บาท นับจาํ นวนคาํ ได ๑๒ คํา/พยางค

๏ ท่ีเปน การไปหวา นผล ทใ่ี ชก ลไปชนพนื้
ดลคโู ดยความยืน ไดแกเ หลา ไมเ ขา การ



๕. กาพยสรุ างคนางค ๒๘ กาพยส ุรางคนางค ๒๘ น้ี ในหนึ่งบท มี ๒ บาท บาทแรกมี ๓ วรรค บาทท่ี
สอง มี ๔ วรรค วรรคหนึง่ มี ๔ คาํ รวมเปน ๗ วรรค ในหน่งึ บท ถา นบั คาํ ไดเ ปน ๒๘ คํา ดวยเหตุน้ี จึงเรียก

กาพยสรุ างคนางค ๒๘

   
   

  
  

ไปนั่งเสียดสี ผูเฒาพราหมณช ี ทา นอายศุ มใหญ
ช่ือวา รูน่ัง
ฉลาดอาสนะ ท่ีจะน่งั ไซร อยางนแ้ี ลได
ดังในหนหลัง
รูนอนนัน้ ไซร พึงใหเขาใจ เหมอื นอยางวา มา

รูนอนอนั น้ี เหมอื นอยา งรนู ง่ั จงจาํ ระวัง

๖. โคลงส่ีสุภาพ บาทที่ ๑ , ๒ , ๓ มีบาทละ ๒ วรรค และมีจํานวนคําเทากัน คือ วรรค
หนา มี ๕ คํา สวนวรรคหลังมี ๒ คําบาทที่ ๔ มี ๒ วรรค เชนกัน แตเพิ่มจํานวนคําในวรรคหลัง
อีก ๒ คาํ ฉะนั้นวรรคหนาของโคลงบาทที่ ๔ จงึ มี ๕ คํา สว นวรรคหลังมี ๔ คาํ

ประดนคสู ิบ แปดนา

ทา นประดษิ ฐคดิ มา เกาแลว
เปนแบบบทมาตกิ า กอ กอ น
หวงั ประสทิ ธิสอนแผว ผองพนภัยพาล



เนอ้ื เรอ่ื งยอ

เปน การสอนใหรูจักเจียมเน้ือเจียมตัว อยาสอดรูสอดเห็นเรื่องของคนอ่ืน ตองรูจักการคบเพ่ือนท่ีดี
และในการคบเพ่ือนตองจริงใจตอกันทั้งตอหนาและลับหลังอยาหวานพืชหวังผล ใหรูทันเลหเหล่ียมของคน
สอนใหเ คารพตอ ผมู ีพระคุณไมว าจะเปนพอแม ปยู าตายาย เคารพตอ สง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์

พูดถึงคนท่ีมีศักด์ิสูงมักจะมีคนรักใคร เปนท่ีนับหนาถือตาซึ่งตางจากคนธรรมดาที่ไมคอยจะมีใคร
เคารพมากนัก การพูดควรจะใหค วามเคารพผูท่ีมอี ายมุ ากกวาท้ังดว ยกาย วาจา และจติ ใจ ทงั้ นีย้ ังเปนการสอน
ถงึ พวกที่ชอบดถู กู คน ดถู ูกพอแมว าจะไมม วี ันเจริญ การคบชูสูชายจะทําใหเกิดความเดือดรอนหากเปนหญิง
จะตองขยันทํามาหากิน ชวยพอแมทํางาน หากเปนผูชายตองมีจิตใจกลาหาญ รูจักศึกษาเลาเรียนเพ่ือนํา
ความรมู าประดับตัวจะไดม ีอาชพี ท่มี ่นั คง

สอนใหรูจักการดําเนินชีวิต อยาเอาผิดเปนชอบ อยาติเตียนผูอ่ืน อยาพูดจาเอาแตได อยาประจบ
สอพลอ รจู กั เก็บหอมรอมริบ เม่ือมีโอกาสก็จงศึกษาเลาเรียนเพ่ือนําความรูมาใชในทางท่ีถูกตอง และจะได
สบายในวนั หนา และจะสขุ สบายถา หากเรารจู ักวางแผนในการดาํ เนินชวี ิต

พดู ถงึ บคุ คลท่ีเกยี จคราน ไมเอาการเอางาน รักแตความสบาย รักสนุก หวังแตพึ่งคนอื่น ไมยอมเก็บ
หอมรอมริบเพี่อสรางเน้ือสรา งตัว เมอื่ ยามแกต วั ลงก็จะลาํ บาก ตอ มาเปน การสอนเรือ่ งของคนทีม่ อี าํ นาจ มเี งนิ
ทองแตใชในทางท่ีผดิ ผลสุดทา ยกจ็ ะพินาศสอนใหรจู ักมีวิจารณญาณในการคบคน อยาเห็นแกโชคลาภ คนท่ี
ไมฟ งเสมอื นเปนจระเขราย สอนสง่ั ยาก สว นคนทีค่ บคนพาลแตจ ติ ใจดี เมอ่ื ไดรับการส่ังสอนกจ็ ะสามารถกลับ
ตัวเปนคนดไี ด ตอมาวาดว ยเร่อื งของมนุษยท ่ีไมวจิ ารณญาณในการคบคน คบแตนักเลงสรุ า คนโกง โจร ตอมา
เปน การสอนใหเชื่อฟง คาํ ส่งั สอนของพอ แม ไมอ กตญั ู คนที่อกตญั กู ไ็ ปเปน พวกนกั เลง เลนการพนัน ติดยา
เสพติด เปนโจร หรือพวกที่มีอาชีพเปนหลักเปนแหลงเชนนายอากร แตโกงกิน ชาวบานก็จะตกทุกขไดยาก
พวกนักบวชทีไ่ มป ระพฤตติ นตามกฎ กนิ ของปจ จัยท่ีคนนาํ มาถวายแตไมอยูในศีลธรรมเปนบาปอยางยิ่ง สอน
เรื่องการคบกับนักปราชญ จะพบแตทางสวาง เรื่องของชาวบานหรือเรื่องของคนอื่นน้ันไมควรยุง ไมพูดจา
ลามก พูดสอเสยี ด พูดเสี้ยมใหคนแตกกนั ตอ มาเปนคําสอนเรื่องการอยูใ นศลี ๕ ไมฆาสัตว ไมลักทรัพย ไมกิน
ของเมา รูกาลเทศะ มีใจกลุ ไมก ินใชจ ายเกนิ กําลงั ทรัพยของตน ตอมาเปนการสอนเร่ืองความมีสัมมาคารวะ
กอ นจะนอนใหสวดมนต นกึ ถงึ พระคณุ พอแม บรรพบุรษุ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงค และเพื่อนรวมโลก
การสอนเรือ่ งการนอน ไมใ หนอนตน่ื สาย เม่ือต่ืนแลวก็ควรทาํ จติ ใจใหส งบระลกึ ถึงความตายอยูเสมอ เกิดเปน
คนตองระวังเร่ืองคําพูด ใหพูดจาใหไพเราะ ไมพูดโกหก ไมพูดคําหยาบ พูดแตเรื่องดีๆ ถาทําได จะเปนผูท่ี
ประเสริฐย่งิ ตอมาวา ดว ยเรอ่ื งของคนทําชั่ว ไดแ กคนฆา สตั วตัดชีวติ เปนคนพูดปด กนิ สุราเมรัย คนใชเงินเกิน
กําลังทรพั ย เปนตน ตอมาเปน คาํ สอนท่กี ลา วถงึ คนไมดี เชน คนน่ังเทยี มพระ คนไมสวดมนตเจริญภาวนา คน
ทีด่ า พอ แมทเ่ี ล้ียงมาตง้ั แตเ ลก็ คนทาํ ตัวอวดรู คนเหลานชี้ ีวิตจะไมมีความสุข คนโลภมาก ยึดติดกับรูปลักษณ
ภายนอก ไมรูจกั พอ เปน ตน

การใชช ีวติ ตอ งมีเกิด แก เจบ็ ตาย เปน ธรรมดา คนเราไมส ามารถเปนหนุม สาวไดตลอดจะตองมีวันที่
แกช ราสักวัน วนั ใดท่คี วามชรามาถงึ ไมตองตกใจ คนเราทกุ คนนัน้ ยอ มแกล งทุกวนั ไมมีใครหลีกหนไี ด ความชรา
จะเปน ไปตามกาลเวลา รา งกายกจ็ ะมกี าํ ลังนอยลงเม่ือใกลความตายเขาไปทุกทีไมมีอะไรแนนอน เกิดมาเปน
คนน้ีหนไี มพน เรือ่ งโรคภัยจะตอ สูอยา งไรกไ็ มพน เรอ่ื งโรคภยั ถือวาเปน เรื่องธรรมดา สรรพสัตวทง้ั หลายบนโลก
นเ้ี กดิ มาก็ตอ งตาย จะพยายามตอ สกู บั ความตายแคไหนกห็ นีไมพน ตอใหม ียาวเิ ศษแคไ หนกห็ นไ้ี มพน ความตาย
แมผทู บ่ี วชเปนพระกต็ อ งตายเชน เดียวกัน ดังน้ันจึงตองยอมรับวาเราเกิดมานั้นก็ตองตาย การท่ีเราหลงใหล
อยากในสิ่งบางอยางอาจทําใหเ กิดผลรา ยแกต วั เรา ดังนน้ั ควรที่จะยบั ยัง้ ความอยากนี้เพ่ือปองกันภัยราย ทุกข
นนั้ มมี ากมายรวมไปถงึ ความชรา ความตาย คนเราเกดิ มายอมมคี วามทุกขไมว า จะเปน ความทางกายหรือจิตใจ



ความแกเ ฒากเ็ ชน กนั ความตายมาถงึ รางกายกจ็ ะเจบ็ ปวดไปทัว่ ท้ังตวั หายใจกเ็ บาลงในที่สดุ ก็พบกับความตาย
ทกุ ขใ ดก็ไมเทาทุกขของความตาย เพราะฉะน้ันความตายไมวาชาตินี้หรือชาติหนาก็ตองพบเจอ แลวแตบุญ
กศุ ลท่จี ะนาํ พาเราไปใหเกิดในที่ใด ไมวา จะเปนนรกหรือสวรรค วันใดท่ีนิพพานความทุกขทัง้ หลายก็จะหายไป
การนพิ พานน้ีทาํ ยากเพราะคนสวนใหญยอมมีตณั หา แมแตใกลตายก็ยังมีตัณหา ผูที่ไดอานบทน้ีควรนําไปใช
จรงิ เกิดมาเปนคนตอ งรจู กั หลีกหนีความช่วั ชีวติ จงึ จะเปน สุข



คณุ คาของวรรณกรรม

๑. คุณคา ดานวรรณศิลป

ประดนธรรมคาํ กลอน ใชคาํ ประพนั ธประเภทโคลง กาพย กลอน ราย และฉนั ท ทาํ ใหสามารถดําเนิน

เร่ืองไดอยา งรวดเร็ว มีความไพเราะสละสลวยในคําประพันธเ ปน อยางดี เนื้อหาสวนใหญกลาวถึง การสอนใน

เร่อื งการดําเนนิ ชีวติ เชน เรอ่ื งการเลอื กคบคน การพูด การส่ังสอนอบรมบุตร การไมผิดลูกผิดเมีย เรื่องการ

เรียน เปน ตน ใชภาษาท่เี ขาใจงา ย เชน

๑.๑ การซํ้าคํา คือการนําคําท่ีมีตัวสะกดและความหมายเหมือนกันทุกอยางมาซ้ํา เพ่ือเปนการยํ้า

ความหรือใหเหน็ ภาพที่ตอ เนอ่ื ง ดงั ตวั อยา ง

“ครเู ชนน้ีปรดี าตาม พยายามโดยนยิ ม

ถงึ เรยี นไปไมไ ดส ม ดังหาไฟในหงิ่ หอ ย

ครผู ใู ดฉลาดล้ํา รธู รรมคัมภรี ใหญน อ ย

รวู ิทยาสรรพนบั รอ ย ดงั ขอนมไิ ฟในนอนอยู

ครดู ังนม้ี ิศกึ ษา ดว ยเหน็ วาวาสนาครู

ไปสมตวั อดสู เหมอื นไปหาฝอยใสไ ฟ”

“จนวนั ใดไดพ ระนพิ พาน คนเดยี วสารทา นธิบาย

วา กองของทกุ ขหลาย หายไมมีท่ีนิพพาน
จะแสดงแจง นิพพานกอ น ผอ นโดยยอ พอควรกาย
ชาํ นาญจํากําหนดหมาย
ใหปราชชาติปรชี าญ
ดับทกุ ขาสารพราย
นพิ พานทา นแปลวา ดง่ั ธิบายภายกอ นน้นั ”
ทกุ ขช วั่ ทุกขทัง้ หลาย

๑.๒ การหลากคํา คือ การใชคาํ ทม่ี ีความหมายอยา งเดยี วกนั ในทใี่ กลเ คียงกนั ดงั ตัวอยา ง
“พระกาลหรือจะมปิ ระหารชาติ คนเดยี วนไ้ี ดแกโ รคโรคัน รมุ รันเราทา นทงั้ หลาย เกิดเปน คน

คงไมพน โรคี มากนอ ยมีท่ัวกายอยางพึงคะนองหมาย วา ตนจะพน โรคา”

๑.๓ การใชค ําซอ นเพ่ือความหมาย คอื คําท่ีมคี วามหมายเหมือนกัน ใกลเ คียงกนั หรือตรงขามกันเมือ่
มาอยชู ิดตดิ กันเปนคาํ ซอ นเพอ่ื ความหมาย ดังตัวอยา ง

“ใหท ่อี คั ฐาน รงุ เรืองดว ยศกั ดทิ์ รพั ยส นิ ”
“หากนิ ดว ยการรอน คือคุมเหงลอ ลวงเขา”

๑.๔ การใชค ําประสม คอื การใชคําท่มี คี วามหมายอยา งเดยี วกนั ในทใ่ี กลเคยี งกัน ดังตวั อยา ง

อน่งึ กจิ การงานในวดั ควรประกอบใหช อบดี

ไปประกอบไปคลุกคลี แตก ารบานใชงานตน

๑.๕ การใชคําแผลง คอื คําท่ีสรา งขนึ้ ใชใ นภาษาไทย โดยการเปล่ยี นแปลงอักษรทปี่ ระสมอยูในคําไทย
หรือคําทมี่ าจากภาษาอนื่ ใหผ ดิ ไปจากเดมิ ดวยวธิ ตี ัด เติม หรอื เปลี่ยนรปู ดงั ตวั อยา ง

“เหน็ ผเู ฒา เหลา สมณา ยอ มเดนิ เสียดสที ด่ี ําเนินเดนิ มา ไปกมกายาเคารพทา นพลนั ”



๑.๖ การใชคําไวพจน คือ เปนการใชคาํ ทเี่ ขียนตา งกนั แตม คี วามหมายเหมือนหรอื ใกลเ คยี งกนั ดงั

ตวั อยา ง

“ควรใสห ฤทัย เอาไวเ ปนครู ผดู ีเข็ญใจ

ได. ....... ถาใครตรองดู มีแยบลกึ ตืน้ ชัง่ กลาวแยบยล”

๑.๗ การใชคําคลองจอง คือ การใชคําที่มีสระเดียวกัน มาตราตัวสะกดเดียวกัน แตมีพยัญชนะตน

ตางกนั มาวางไวในตาํ แหนง ท่ใี กลเ คียงกนั เพื่อทําใหภ าษาในงานเขียนมคี วามไพเราะ สละสลวย อานแลวร่ืนหู

ดังตวั อยาง

“เกิดแกโ ศกโรคราํ คาญ แลตายวายสังขาร

หันในนทิ านทา นไปม ี อน่ึงเลา นิพพานศพั ท

แปลวากลับดบั อคั คี กิเลสเพศราวี

ดจุ อัคคีทร่ี อนรน โลภโกรธโทษหลงเลศ

กเิ ลสดงั วาขาร ถงึ นิพพานซานสญู ไป

นพิ พานทา นสขุ ใหญ สุขอนั ใดไปเ ทยี มทัน”

๑.๗ การเลน เสยี งสัมผัสพยัญชนะ คือ คําคลองจองที่มีพยัญชนะตัวหลักเปนตัวเดียวกัน แตประสม
สระตางกัน ดังตวั อยาง

“พระกาลหรือจะมปิ ระหารชาติ คนเดียวนไ้ี ดแ กโ รคโรคัน รมุ รันเราทานทงั้ หลาย”
“ดว ยทรัพยเงินทองของน้ี มนั ยอ มลอยอมลวงใจ
แหงเหลา เราทา นใหละเลงิ หลงใหล ดังสระกระจบั ยกั ษา”

๑.๘ การใชอุปมา คือ การเปรียบเทยี บสิง่ หนึง่ กบั อกี ส่ิงหนงึ่ ทโ่ี ดยธรรมชาติแลวมีสภาพท่ีแตกตางกัน
แตม ลี กั ษณะเดน รวมกัน และใชค าํ ที่มคี วามหมายวา เหมือนหรือคลา ย เปนคําแสดงการเปรียบเทียบเพื่อเนน

ใหเ หน็ จรงิ วา เหมอื นอยา งไร ในลกั ษณะใด ดงั ตัวอยาง
“โรคีนี้ดจุ ไฟแท แมอินทรพรหมยกั ษข ยัน”
“โรคไขด ่งั ไฟเผาคน คงไมพ น จากโรคา”

๑.๙ การใชอปุ ลักษณ คอื การเปรยี บเทียบดวยการกลา ววา สิง่ หน่งึ เปน อีกส่ิงหน่งึ โดยใชคําแสดงการ

เปรยี บเทยี บวา เปน หรือคอื ความหมายจะลกึ ซ้ึงกวา อุปมา ดังตัวอยาง

“ประทีปคือปญ ญาน้ี มากนอ ยมีตามกศุ ล

มแี ตโลกยทั่วทกุ คน รูแสวงคงสวางนา”

๑.๑๐ การใชส ญั ลกั ษณ คือ การเปรียบเทียบทีเ่ รียกส่งิ หนึ่งสง่ิ ใดโดยใชค ําอ่ืนแทน คาํ ทใ่ี ชเ รยี กนั้นเกิด

จากการเปรยี บเทียบและตคี วามจนเปนทเ่ี ขาใจกนั โดยทั่วไป ดงั ตัวอยา ง

“ครูเชน นปี้ รีดาตาม พยายามโดยนยิ ม

ถงึ เรียนไปไมไดสม ดงั หาไฟในห่งิ หอย”



๒. คุณคาดา นสังคม

ประดนธรรมคํากลอน เปนเครอื่ งมือทส่ี ังคมใชใ นการส่งั สอนคนใหท ําแตค วามดี

๒.๑ การปฏิบัติตามจารีต และประเพณี วาดว ยเร่ืองของการเชอื่ ฟงผใู หญก ารเคารพผูใหญ

หากไมเคารพผใู หญ จะทําใหชวี ิตไมเ จรญิ ดงั บทประพันธทวี่ า

ไมเ ทา ยาวกวาถอ ดนนด้ี น ไดแ กคนอยากยศยอ

เหน็ ทา นมียศงามคนตามปรอ อยากทาํ เทยี มไปเ จียมตน

จางเขามาตามหลังดังขนุ นาง ทาํ สงู เทียมยงุ ยางยล

ดีเสมอผูด ไี ปม ยี ล ไปฝากตนผมู ศี กั ด์ิ

ดูถูกคนเถา แกแ ลแมพอ ปากคอโฮกฮากฮกึ ฮกั

สบประมาทญาตมิ ิตรไปคิดพกั ตร ชูศริ ังดังก้ิงกา

ชนเชนช้ีนี้ดุจไมเ ทา หยิ่งหยาบยาวกวา ถอหนา

เพราะไปเ จียมจิตรคดิ ถงึ อาตมา อหงั กาสงู เหลือลน

ชนเชนน้ไี ปม เิ จริญ สูงเกิดวาสนาตน

จะหกั ยับมวยดวยลมแลฝน คือคนชังไมปราศรยั

๒.๒ การชีใ้ หท าํ ความดี ถาผูใดประพฤติตนเปนคนดี จะเปนผูเจรญิ มคี นยกยองสรรเสรญิ

และเมอื่ ตายไปจะไดขึน้ สวรรค ดงั บทประพนั ธท่ีวา

อน่ึงคนเจรญิ มีสาม คอื เจรญิ งามดว ยคุณดี

มีศลี เปนตนน้ี ไดแกหมูชีบรรพชา

อนึ่งเจรญิ ดวยวัย คืออายชุ นมใหญส งู กวา

อนงึ่ เจรญิ ดวยวาสนา นับเปนสามท่ีมี

ถา นบนอบในคน ทเ่ี จรญิ ตนดว ยคุณดี

หนุมแกก็ตามท่ี แลนบนอบผเู จริญวัย

ในชาติน้จี ะเจริญ เพราะสรรเสริญอยาสงสัย

ดับชพี จะครรไล ประจุสสู วรรคเ ปน สขุ า

ถานบนอบในคน ที่เจรญิ ตนดว ยวาสนา

จะเจรญิ อาตมา ปจจุบนั เทา น้ันหนอ

๒.๓ การสอนหญงิ ไมใหหลงไปในอบายมุขตางๆ เชนการดมื่ เหลา การพนัน เปนตน และยงั
สอนในเรื่องการรักนวลสงวนตัวและรักในศกั ด์ิศรขี องความเปน ผหู ญงิ ดงั บทประพันธท ่ีวา

ท่ีเมาเอากนเปนหัวประดน วาหมูเมามาคราดมากเหลือลน ไปคิดกลัวภัยในเบ้ือง

หนา เมียตนยินดปี รีดา ไปเสพยสูผูภรรยา แหงผูอ่ืนหอนกลัวผัวเขา อนึ่งสมาคมกลํ้าตัวมัว
เมาดว ยสตรีทาสของเขา ไมรักชาตวิ าสนาตน ทําดงั่ น้ไี มด ีเสอ่ื มผล เพราะจะตองรับความอับ
จน เสียทรพั ยแ ตสามเี ขาขาย ฝายสตรีคบชผู ชู าย หอ นกลวั ผวั ญาติมิตรท้ังหลาย จะไดความ

อปั ยศอดสู

๑๐

๒.๔ การสอนใหรจู ักขยันหม่นั หาความรู ผูใดทมี่ ีความรูจะสามารถประกอบสรรพวิชาตา งๆ ได และถา

ผใู ดไมข ยันหาความรู กจ็ ะถูกอวิชาเขา ครอบงาํ ดงั บทประพนั ธที่วา

วชิ าพาใหสวางดวย ทั้งจะชว ยใหส บาย

วิชานมี้ ขิ วนขวาย แสวงแตว ชิ าพาหลง

อน่งึ โสดจะเรียนความรู ไมพินจิ ครปู ระจง

ครใู ดไปฉลาดอาจอง พาศิษยหลงตามอาตมา

๒.๕ การสอนใหรจู กั การเลือกการประกอบอาชีพท่ีสจุ รติ ผใู ดไมตรึกตรองในอาชพี ทจี่ ะเลอื กทาํ ก็อาจ

นาํ ความวิบัตมิ าสูตนได ดังบทประพนั ธท ี่วา

อนึง่ จะกอรปกจิ ตา งตา ง ทุกอยางทกุ ทา

จะหากนิ แลวชิ า จะศกึ ษาจะอยูไหน

ไปพ จิ ารณาหา ประโยชนต นโทษคณุ ไซร

แทวา ดหี รือนกึ ได กท็ าํ ไปตามตนหวงั

ชนเชนชี้มาน้ี ช่ือวาเบาความฟง

เหมอื นจอดเรือไมด ูฝง น่ังไมดพู น้ื นา

เรือคอื ตนกนั คือ ตัวจะระยําหนา

เพราะตอหนามหลกั ปกษา คือโทษอันตราย

๒.๖ ความโลภของมนษุ ย สอนใหม นุษยละความโลภ ดงั บทประพันธท ่วี า

เข็ญใจมาฟา รองหา ผูมีวาสนา

ทานกห็ าวา ไมเ ท่ียงธรรม

คนรา ยกลับคลายใหม ัน คนดที านค้ัน

หมายมน่ั ตอทรัพยส นิ บน

คนพาลไดช อ งพองขน คนดกี บ็ น

เพราะตนไรท ีพ่ งึ่ พา

จะพ่งึ ผูม ยี ศฐา ทา นกร็ มุ รา

ดั่งกาด่งั แรงแยง ผี

ทน่ี ั้นคนอ่นื ไดด ีที เห็นพาลเปน ดี

เพราะมอี าํ นาจอาจหาญ

ก็กลับจิตคิดเปน พาล ตามกนั อาจหาญ

รุกรานคนอ่ืนตอไป

ชวนกันเปนเชนนี้ไซร มมี ากข้นึ ไป

ท้งั เข็ญใจไพรผ ูดี

คนดีทพ่ี ่ึงไมม ี ชวนกันหลีกหนี

เขา สคู รี ีดังดร

ดงั ฟา ผาพื้นนคร ชาวเมืองไดร อน

เพราะนครกลีพาล

๑๑

๒.๗ การสรา งบญุ สรา งกศุ ล เปนเสมอื นการสรางปจ จยั ทีด่ ซี งึ่ จะทาํ ใหมนุษยห ลุดพนจากทกุ ขและทํา

ใหพ บทางสวาง ดงั บทประพนั ธท ี่วา

๏ จะไดสขุ ในฌาณ ในนพิ พานล้ําโลกยี 

แมญาณมรรคผลน้ี ไปเกดิ มชี าตนิ ีน้ า

๏ กศุ ลท่สี รางไว เปนปจ จยั ไปเบื้องหนา

ใหตนพน ทุกขข า ในเบอื้ งหนาจะพน รอน

๒.๘ การสอนใหร จู กั การเลือกคบมติ ร มิตรมี ๒ ประเภท คือมิตรดีและไมด ี การทเ่ี ราจะเลอื กคบนน้ั

ควรพิจารณาดใู หด วี าเปนมติ รท่ีดีหรือไม ดงั บทประพนั ธท ี่วา

คบมติ รพบอสรพิษราย วายน้าํ ทีถ่ ํ้าวังวน

ดลคูนโ้ี ดยความตามมนุษย ไดแ กห มูค นคบมิตรไปมีทา

คอื คนไปม วี ิจารญาณ คบแตม ิตรหมพู ารา

ที่โกงเกงนักเลงฝน สุรา แลฉกฉอ ลอลวงทา น

อน่ึงคบเหลาลกู หลวงเลนระเริง คบชาววงั หวงั สงสาร

อนง่ึ คบแขกเมืองมาราชการ คบศตั รูของปูตา

คบเมียทา นเมยี ทายทา นละไว ผูคบน้นี ามชอื่ วา

คบมติ รพบอสรพิษหนา วา ยนาํ้ ที่ทานวังวน

เพราะวา ชายตั้งแตพาลชาติ จนหญิงแรงรางผวั ตน

ดเู พียงอสรพิษดุลน เพราะพาผดิ แกผ ูค บ

คบพาลพาลพาผสู มาคม ใหตอ งฟองรองหลกี หลบ

คบลกู หลานหลวงเลนผดิ ขนบ คบชาววงั คนสอ่ื สาร

๒.๙ การสอนเรอ่ื งการพูด การสอนใหร ะมัดระวังคําพดู การสอนใหคดิ กอนพูด เพราะคําพูดเปนนาย
ของคนพูด ดังบทประพันธท ่ีวา

ช่ือวา รเู ดนิ รูพูดน้นั ไซร ไปจะพดู ใดใด ไปม ุสาเกิน พดู แตส จั จงั นาฟง สรรเสริญ

ไปพ ดู ใหเ กนิ กวา ตนรเู หน็ ไปยสุ อสรรพ ใหท านแตกกนั กลาวคาํ ฉํ่าเย็น เห็นทา นโกรธกนั กลาวคาํ ดบั
เขญ็ ใหท านไดเยน็ หายโกรธแกกัน ไปกลาวคําหยาบ ถอ ยคําราบคาบ นาฟง ฝา ยฝน ไพเราะเพราะหู
นาฟง ทกุ อัน จับใจฝายฝน ผูฟง บวาย ไปส ัมผัสปลาบ พูดเพอ เปนบาป เรื่องเท็จเปนทั้งหลาย กลาว

แตค าํ ดี มีคณุ มากมาย ควรตรกึ ตรองดู กลาวมาคาํ ใด ควรใสหฤทยั

๏ จะกลาวคําเสียดสอ ปากบอนสอพลอใหท านโกรธกันพลนั ผดิ
ถาเขาโกรธกนั พดู ยุความนัน้ เนืองนติ ย ใหเ ขามจี ติ คะนึงคิดโทษนัน้ ไปวาย
ยอ มกลา วคาํ หยาบคาํ ไปส ภุ าพ เปน กาบเปน ปมดรุ า ย

ใครฟงเคอื งโสตกอใหโกรธไป เสื่อมหายเปน คําทาํ ลาย

๑๒

๒.๑๐ การสอนใหมนุษยร จู กั กบั วัฏสงสาร อันไดแ ก การเกดิ การแก ความเจ็บ และความตาย ที่เปน
สภาวะของธรรมชาติ หมนุ เวียนอยเู ชน น้ีอยางไมรูจบ มนุษยทุกคนจะตองพบกับวัฏสงสารน้ี ดังบทประพันธ

ท่ีวา
คนื หรอื จะราอยูถ าวันอันนีน้ า เปน คนเดยี วโดยอรรถา ไดแกชราความแก คือเกิดเปนสัตวใน

สงั สารวฏั แน คงมีชราความแก อยูตามตวั ท่วั ทุกคน วันใดเดือนใดไฟคือชรารอ นรน จะไปม าลวกมาลน

หมูสตั วอ ยา ฉงนสงใส ตงั้ แตก ําเนิดเกดิ ปฏสิ นธิใน ครรภแหง มาดาน้นั ไป ชรามมี าแตน น้ั อายุศมสัตวนี้
ไซร แกไปทุกคนื วนั ผใู ดใครจักประจัน มใี หแกหอนเหน็ มี ปเดือนคืนวันลวงไปฉันใดก็ดี อายุศมเหลา
เราทา นน้ี ลวงตามราตรีฉันนั้น จะออนวอนงอนงอ ตอ เดอื นป คืนวันใหอยูถาอายุศมนั้น คงไปสมอยา

สงสยั แมน มฤี ทธ์ิจะรบรบั กับชราภัย จะชนะอยา สงสยั อนึ่งจะหนีกม็ ิพน อนงึ่ โสดจะมยี าวิเศษแลเวท
มนต จะเยียวยารักษาตน ใหพนแกหอนเห็นมี อายุศมเราท้ังปวงลวงไปตามราตรี แกไปแกไปทุกที
กําลังก็นอยถอยลง ตามืดหูหนักฟนหักผมหงอกบอกตรง วาใกลตอความตายม่ันคง ใหแลเห็นเปน

สําคัญ อนั น้ชี อ่ื วาคนหรอื จะราอยูถา วนั เพราะคนื คอื ปเ ดือนน้ัน ไปถ าวันคอื ชีวติ เพราะดังน้ีควรรําพึง
ตัวเปน นิตย วาเรามชี ราตดิ เปนธรรมดาตัวตน จะหลีกล้ีดวยอุบายใดไมพน ควรแกเกาคงเผาลน ทุก
เวลาอยาสงสัย ที่นั้นความเมา คือถือวาเรายังไปแกไซร จะคอยสรางหางไป ดวยกําลังภาวนานี้ คิด

เปนบญุ กจ็ ะไดใ จก็จะสงั เวชมี เห็นชราดจุ อคั คี ลวกลนเราทานทุกวนั

๒.๑๑ การสอนใหคนเชอ่ื เร่ืองสวรรคและนรก ผทู ่ีทํากรรมดีเมอ่ื ตายไปจะไดข ้ึนสวรรค สว นทีท่ ํากรรม

ไมดีเมื่อตายไปก็จะไดลงนรก ดงั บทประพันธท่ีวา
แมก ศุ ลตนทํา กุศลจะนําอาตมา สูสวรรคช้ันบนพนมนุษยหนา ทุกขด่ังวาคงไปพน ชาติชรา

ทุกขแลมรณะคงตามตน แปลกบา งแตห า งเบาดว ยผล แหง กศุ ลอปุ ถัมภ ถาอกุศลไซรตนทาํ ไวค งจะนํา

สูอบายรา ยระยาํ ทกุ ขม ากกวามนุษยน้ี ถา กลบั มาเกดิ ใหมในมนุษยโลกี ทุกขดังพรรณนามาคงมีมาก
นอ ยเปน แนแ ลนา อนงึ่ โสตสตั วทั้งหลาย เวยี นวายในสังศาลา บางทีไปเกิดในสวรรคชั้นฟา บางทีมา
เกิดในอบาย บางทีเกิดเปนมนุษย เท่ียวดําผุดดําวาย มีพื้นเปนทุกขสุขเปนลวดลาย ทําสุขนอยสุข

หลายเหลือชี้ ควรจะสังเวชจติ ราํ พึงคิดถงึ เหตนุ ี้ แลวตื่นตนขวนขวายอบุ ายหลีกหนี จากโลกีพนความ
ตาย

๒.๑๒ การสอนใหหลดุ พนและไดพบนพิ พาน การเขา ถงึ พระนิพพานน้ันเปนเร่ืองที่ทําไดอยาก แตถา

ผใู ดสามารถไปถึงพระนพิ พานได คนผนู น้ั จะพบแตบรมสุขอนั เปนนิรันดร ดังบทประพันธทวี่ า

จนวนั ใดไดพ ระนิพพาน คนเดียวสารทานธิบาย

กองของทกุ ขห ลาย หายไมม ีทนี่ พิ พาน

จะแสดงแจงนพิ พานกอน ผอนโดยยอ พอควรการ

ใหป ราชชาติปรีชาญ ชํานาญจํากําหนดหมาย

นพิ พานทา นแปลวา ดบั ทกุ ขาสารพราย

ชวั่ ทุกขทั้งหลาย ดังธบิ ายภายกอนนน้ั

ชาตชิ ราโรคโรคาสารพนั หรือตายวายชีวัน

มันไมม ีทีน่ ิพพาน นิพพานสุขประเสริฐ

เกดิ แกโศกโรคราํ คาญ แลตายวายสังขาร

หนั ในนทิ านทานไปมี อน่ึงเลา นพิ พานศัพท

๑๓

แปลวา กลับดบั อคั คี กเิ ลสเพศราวี
ดุจอคั คที ร่ี อ นรน โลภโกรธโทษหลงเลศ

กเิ ลศดังวา ขาร ถงึ นิพพานซานสูญไป
นพิ พานทา นสขุ ใหญ สุขอันใดไปเทยี มทนั
นิพพานเราไปเ คย ไดเ ห็นเลยเชยชมพลนั

พระสงฆองคสําคญั โสดาบนั นนั้ จึงเห็น
นพิ พานน้ยี ากนัก จักจไ้ี ชใหชดั เจน
จะแสดงแจง ใหเห็น เชนบรุ าณทานเปรียบไว

๑๔

ประดนธรรมคำกลอน ฉบับวัดพิกุลทอง จงั หวัดรำชบุรี

(กลอนสภุ าพ ประเภท กลอน ๖) ไม้เทา้ ยาวกวา่ ถอ่ คู่ ๑
จนั ทรหย่อนกว่าดาว ไม้นอกกอลาใหญ่ คู่ ๒
ที่มัวเอาตัวตา่ งไถ คู่ ๓
ลูกดอกนอกช่อ ไก่แต่จะแพอ้ ยู่ รางราง คู่ ๔
ทเี่ มาเอากน้ เปน็ หัว ที่หิง่ ห้อยไปขืนดัง คู่ ๕
เอาเปด็ ขนั ประชันไก่ จะนงั่ ไมด่ แู ผน่ ดิน คู่ ๖
ทไ่ี ฟไม่ใสฝ่ อย ที่ระบอบมัวติฉิน คู่ ๗
จอดเรือไมด่ ฝู ่งั แร้งรอกาบินว่าไมร่ ู้เห็น คู่ ๘
ทผ่ี ดิ เอาเปน็ ชอบ หหู นวกมาสอดรูว้ ่าเปน็ เข็ญ คู่ ๙
ฟา้ ผา่ แตกแตนท้ังแผน่ ดิน ใคร่ใฝ่เย็นจะด้นิ ตาย คู่ ๑๐
ตาบอดสอดตาดู จรเขค้ ว่าไปขืนหงาย คู่ ๑๑
ใคร่ใฝร่ ้อนนอนเยน็ วา่ ยนา้ ท่ถี า้ วังวน คู่ ๑๒
เสือจะกลืนไปขนื กล้า ท่ีมใิ ห้กนิ ไปยินยล คู่ ๑๓
คบมิตรพบอสรพิศรา้ ย ท่ใี ชก่ ลไปซนฟืน คู่ ๑๔
ที่ใหก้ นิ มยิ ินดี เดือนดบั มิใคร่จะต่นื คู่ ๑๕
ท่ีเปน็ การไม่หวา่ นผล คืนหรือจะราอยทู่ ่าวนั คู่ ๑๖
เดือนเพ็ญมใิ ครจ่ ะหลับ มัจจุราชจะมพิ ิฆาตอย่าผัน คู่ ๑๗
ไฟหรือจะราอยู่ทา่ พ้ืน จนวันใดได้นพิ พาน คู่ ๑๘
พระกาฬหรือจะมิผลาญชาติ
เกดิ กบั ตายคลา้ ยกนั

(โคลงสีส่ ภุ าพ) แปดนา
ประดนคูส่ ิบ เกา่ แลว้
ก่อก่อน
ทา่ นประดิษฐ์คิดมา ผ่องพน้ ภยั พาล
เปน็ แบบบทมาตกิ า ประดษิ ฐ์
หวังประสทิ ธิสอนแผว่ แจกแจ้ง
สยามภาคย์
ประดนไว้แลว้ กลับ กล่าวให้ เปน็ กลอน
ยกบทมาวจิ ิตร
เป็นอรรถสุภาษิต
ข้อยจักแถลงอรรถแกลง้

(กาพยย์ านี ๑๑) รตั นตรัยวศิ ษิ ฏ์๑
ขา้ ขอยอกรไหว้ ขอนฤโศกโรคภัย

ดว้ ยกายวจีจติ
____________________

๑ วิศษิ ฏ์ หมายถึง เดน่ ดเี ด่น เลิศ ยอดเย่ยี ม

๑๕

จะแสดงประดนธรรม เป็นคาฉันทภ์ าษาไทย
ตามโบราณขานไข ทยี่ าวนกั จักบัน่ บ้าง
ดนน้ีกลา่ วใหก้ ระจ่าง
จันทรหยอ่ นกวา่ ดาว คอื คนดมี อี าสา
ตามโบราณทา่ นวาง
คนนอกนั้นน้อยวาสนา
(กลอนสุภาพประเภท กลอน ๖)
แม้นสงู ศักด์ิเสมอจันทร์ ไปเกินด้วยกายวจี

ดงั ดาวลอ้ มจันทรา ทค่ี วรไหว้ตามที่
เขาเจริญอายุศมใ์ หญ่
ควรหลกี ล้หี ลีกทางให้
ควรคมก้มกายี
ควรเรียกวา่ ปู่ย่า ก็เรยี กว่าปู่ยา่ ไป

ควรเรยี กตายายไซร้ เรียกวา่ ตายายตามที่
ควรเรียกว่าพอ่ แม่ ลุงน้าแลปา้ อาว์๒พ่ี (แบบโบราณ)

ก็เรยี กตามนามน้ี ไปเกนิ ก้าด้วยคาคม
ควรเรียกนอ้ งนางเจา้
กเ็ รียกเขาพอให้สม
ไมห่ ยาบชา้ คารม
เขาโกรธหน้าบ้ึง ข่มคนดว้ ยคาคมคาย

ลบู ไลใ้ ห้โกรธหาย ไมท่ าตึงตอ่ กอ่ ร้าย
เขารา้ ยเอาดีตอบ
ดว้ ยไมตรีอารีรัก
เสงย่ี มตนไม่ฮกึ ฮัก
อน่ึงคนเจรญิ มสี าม เขาทาชอบยินดีนัก

มศี ีลเปน็ ตน้ น้ี ขีอ่ าชาทง้ั ตาปี
อน่งึ เจริญดว้ ยวยั
คือเจริญงามดว้ ยคุณดี
อน่งึ เจริญดว้ ยวาสนา
ถา้ นบนอบในคน ได้แก่หมู่ชีบรรพชา

หนุ่มแกก่ ็ตามที่ คอื อายุชนม์ใหญส่ งู กว่า
ในชาตินีจ้ ะเจริญ
นับเป็นสามทมี่ ี
ดับชีพจะครรไล
ถา้ นบนอบในคน ทีเ่ จริญตนด้วยคณุ ดี

จะเจรญิ อาตมา แลนบนอบผ้เู จรญิ วัย
ไม้เทา้ ยาวกวา่ ถ่อดนนีด้ น
เพราะสรรเสริญอยา่ สงสยั
เห็นท่านมียศงามคนตามปรอ
จ้างเขามาตามหลังดังขนุ นาง ประจสุ ่สู วรรคเ์ ปน็ สุขา

ดเี สมอผดู้ ไี ป่มยี ล ที่เจรญิ ตนดว้ ยวาสนา ๑๔

____________________ ปจั จบุ นั เท่าน้ันหนอ จบดนหนง่ึ ฯI

๒ อาว์ เปน็ คาทีใ่ ชเ้ รยี กอาผหู้ ญิง (คาโบราณ) ได้แก่คนอยากยศยอ

อยากทาเทยี มไปเ่ จียมตน

ทาสูงเทียมยงุ ยางยล

ไปฝากตนผู้มีศักดิ์

๑๖

ดถู ูกคนเถ้าแกแ่ ลแม่พ่อ ปากคอโฮกฮากฮึกฮัก
สบประมาทญาติมิตรไปคดิ พักตร์ ชศู ิรงั ๓ดังกงิ้ กา่ (เศียร)
หย่งิ หยาบยาวกว่าถ่อหนา
๏ชนเชน่ ช้ีน้ดี จุ ไม้เทา้ อหังกาสงู เหลือลน้
เพราะไปเ่ จยี มจิตรคิดถงึ อาตมา สูงเกดิ วาสนาตน
คอื คนชงั ไมป่ ราศรัย จบดน ๒
๏ชนเชน่ นี้ไป่มิเจรญิ
จะหกั ยบั มว้ ยด้วยลมแลฝน ไมน้ อกกอลาใหญ่
นอกครปู ู่ตา
(กาพยฉ์ บัง ๑๖) ท่านส่ังท่านสอน
๏ ลกู ดอกนอกช่อตอ่ ไป ล่อลวงเขาพลัน
ไป่คดิ กลัวผล
คนคู่น้ีช่ืออรรถา ทรพั ย์ด้วยปีทา
ไดแ้ ก่คนนอกบดิ ามารดา คดิ แตจ่ ะเอา
เห็นแตล่ าภทาน
นอกทาเนียมท่ีทา่ นสอน ว่าไป่สภุ าพ
ครูบาบิดามารดร บิดสาเนยี งให้
จะสวดจะอา่ น
ให้เล้ียงชีพโดยชอบธรรม ทาหมอต่างตา่ ง
มไิ ด้เบียนเบยี ดเกลียดกัน เป็นคนลลุ าภ
วกิ ลนานา
เอาทรัพย์มาเลี้ยงตัวตน
ใจโลภละโมบลาภเหลือล้น

แห่งกรรมเป็นบาปเบ้อื งหน้า
ละคาครูแสดงแสวงหา

คอื เสียดส่อล่อลวงเขา
บิดเพยี้ นเปล่ียนทาเนียมเกา่

ใช้เล่หก์ ลหลายประการ
ฝา่ ยบรรพชิตจิตรพาล

ละธรรมวนิ ยั ใจบาป
เทศนาหาแตล่ าภ

นอกคาพระเจา้ ที่กลา่ วไว้
แกล้งเพ้ียนเปลี่ยนข้อความไป

ชอบใจผูฟ้ ังฝงู พาล
เอาแต่ไดล้ าภเปน็ ประมาณ

ยดั ลาทาเสยี งตา่ งตา่ ง
บางชเี ทย่ี วทาการจ้าง

ประจบคฤหัสหาลาภ
ชนเชน่ ช้ีมานี้หยาบ

นอกฉบับแบบโบราณมา
ดจุ ผลแลบบุ ผา

ผลผิ ลออกดอกนอกชอ่
____________________

๓ ชูศริ ัง หมายถึง ชเู ศียร

๑๗

หนง่ึ ดุจไม้อันมีกอ งอกขนึ้ นอกช่อ
ลาใหญ่แยกแปลกเพ่ือนตวั ไปเบอื้ งหน้าตวั

ชนเชน่ ช้ีนช้ี าตชิ ว่ั
จะต้องทกุ ขร์ ะทมทน ฯ จบดนคู่ ๓ ฯI

(รา่ ยยาว)
๏ ทเี่ มาเอากน้ เป็นหัวประดน วา่ หมู่เมามาคราดมากเหลอื ล้น ไปคิดกลัวภัยในเบื้องหน้า

เมยี ตนยนิ ดีปรีดา ไปเสพยส์ ผู่ ้ภู รรยา แห่งผู้อืน่ หอ่ นกลัวผวั เขา อนึง่ สมาคมกลา้ ตวั มวั เมา ด้วยสตรีทาส
ของเขา ไม่รักชาติวาสนาตน ทาดั่งนี้ไม่ดีเส่ือมผล เพราะจะต้องรับความอับจน เสียทรัพย์แต่สามีเขา
ขาย ฝ่ายสตรีคบชูผ้ ู้ชาย ห่อนกลัวผัวญาติมิตรท้ังหลาย จะได้ความอัปยศอดสู ฝ่ายชีกลับช่ัวเป็นเจ้าชู้
เกี้ยวสกี าไม่นา่ ดู ไปก่ ลัวอาญาฝา่ วนิ ยั ชนเชน่ ชน้ี ้ีจญั ไร ดังกลับก้นเป็นหัวชั่วใหญ่ เอาผิดเป็นชอบกอบ
ช่วั แมภ้ ัยในชาตินไี้ ป่กลวั กรรมบาปเบอ้ื งหน้าจะพาตวั ใหไ้ ปสอู่ บายว่ายวน ฯI จบดนคู่ ๔

๏ ทีม่ ัวเอาต่างไถ ดนน้ีได้แก่คน บ้ากามยามกิเลสเหลือล้น เขาลวงใช้ไปรู้ตัว คือเช่นชายเห็น
สตรีมีจิตเมามัว เห็นเขาหยอกเขาย่ัว เขายอให้ทางานการ หมายว่าเขาสมัครรักใคร่ไม่เกียจคร้าน
อาสาพ่อแม่ท่านทาการ ในบ้านในสวนในนา เข้าวานการใดทาไปจิตบ่คิดว่า เป็นบาปบุญคุณโทษ
เพราะเขายอพ้อดว้ ยสาว ทาไปไมไ่ ด้เมยี เสียแรงดูดังบ่าว แมว้ า่ หญงิ แกแ่ ลสาว หลงด้วยเล่ห์ขายก็
เชน่ กัน ฝา่ ยนกั บวชเห็นหญงิ พร้ิงพรายก็หมายหมั้น เข้าอาสาพ่อแม่มันกระทากิจผิดวินัย เขาเจ็บช่วย
เกบ็ หญา้ เขาเปน็ ความชว่ ยตามไป เขาทกุ ข์ชว่ ยชว่ ยทุกข์แก้ไข ช่วยทางานการนานา ชนเช่นชี้นี้เช่นไถ
เขาลากถากถา ถา้ ช่ือมโี ทษเบอื้ งหนา้ เพราะกอบกจิ ผิดถ้าทาง ๚ ะ๛ จบดนคู่ ๕

(กาพยส์ รุ างคนาง ๒๘)

๏ เอาเป็ดมาขัน ประชนั ไกน่ ้นั ไก่จะแพ้อยรู่ างราง

ดนคู่น้ไี ซร้ ว่าตายทา่ นวาง คอื คนนอกทาง กลับรา้ ยเป็นดี

คนใดเปน็ พาล จิตใจกลา้ หาร ในการชกตี

กว้างขวางเพอ่ื นมาก ชมกันวา่ ดี มันมเิ สียที เปน็ ลกู ผ้ชู าย

คนใดเป็นปราชญ์ ปัญญาฉลาด ร้เู สงี่ยมเจยี มกาย

ตเิ ตยี นวา่ ซมึ มใิ ชช่ าตชิ าย คนดีท้งั หลาย ไดค้ วามอดสู

อนง่ึ โสดคนใด ไมซ่ ือ่ สัตยใ์ จ พูดปดคดคู้

เขาชอบสิง่ ใด พดู ให้ถูกหู จรงิ เท็จไมร่ ู้ เอาแต่น้านวล

เป็นคนกลงิ้ กลอก ทางฬอ่ ทางลอก ผดิ ผันหันหวน

หาเงนิ ทองไท้ ดว้ ยคาสานวน จะบาปจะควร ข้อน้ันไม่วา่

หน่งึ เลา่ คนใด ไม่มีปราศยั เอน็ ดเู มตตา

อาจทาการหยาบ เฆี่ยนตีใส่คา หาทรพั ย์เอามา สูป่ นั กนั กนิ

คนดงั กล่าวนี้ มทิ า่ นวา่ ดี ไมต่ ไิ ม่ฉิน
ใจไมบ่ ้าบน่ิ
คนใดซือ่ สัตย์ ไม่เล่หห์ ลายส้ิน เมตตาจาเริญ

๑๘

ทา่ นวา่ ไมเ่ หมาะ พูดจาไมเ่ พราะ ไมฉ่ ลาดหาเงนิ

คนดจี ะต่า คนชวั่ จะเกิน เพราะมาสรรเสริญ คนพาลเปน็ ดี

อนงึ่ โสดคนตรง เป็นชาติเช้อื วงศ์ ปัญญาก็มี

เขาไม่ยกยอ ขึ้นให้ได้ดี คนใดไม่มี ปัญญาสัตยธ์ รรม

ตา่ ชาตติ ระกูล ทา่ นยอ่ มเก้อื หนุน ขนึ้ ใหฉ้ กรรจ์

ช่นื ชมคนพาล ดงั กลา่ วมานนั้ ดงั เอาเป็นขนั ประชนั กบั ไก่

ไกค่ ือคนดี พวกเพื่อนไมม่ ี ตั้งแตเ่ หงาไป
ใครทาดงั น้ี
จบดนคู่ ๖ ฯ โทษกจ็ ะได้ เพราะวา่ กลับไพล่ เอาหน้าเป็นหลงั ๚ ะ

(กลอนสุภาพ ประเภท กลอน ๖) ทห่ี ่งิ ห้อยไปขนื ดงั
๏ ที่ไฟไม่ใสฝ่ อย ได้แก่คนอนั ธะการ
มักชอบใจแตข่ า้ งพาล
คนดนู ้ชี ีอ้ รรถถัง ทเ่ี ปลย่ี นเขาเผาตวั บ้าง
จะแสวงหาวิชาใด ตาราพาหลงต่างตา่ ง
เหลา่ นช้ี มชน่ื ฝนื หา
คอื วิชานกั เลงเกง่ การ วิชาช่างแลหมอยา
เลน่ แร่แปรธาตปุ ริศนา หรอื วิชาข้างคา้ ขาย
ทั้งจะชว่ ยใหส้ บาย
โสฬส๔สะระตะบา้ ง แสวงแตว่ ชิ าพาหลง
วิชาใดพาใหส้ ว่าง ไมพ่ ินจิ ครปู ระจง
พาศิษย์หลงตามอาตมา
เรียนหนงั สือหรือเลขผา ดง่ั ห่ิงห้อยปลายพฤกษา
วชิ าพาใหส้ ว่างดว้ ย ให้คนงงหลงเล่ห์ลม
พยายามโดยนยิ ม
วชิ าน้ีมิขวนขวาย ดังหาไฟในหงิ่ หอ้ ย
อนึ่งโสดจะเรยี นความรู้ รู้ธรรมคัมภรี ์ใหญ่น้อย
ดังขอนมไิ ฟในนอนอยู่
ครูใดไป่ฉลาดอาจอง ดว้ ยเหน็ วา่ วาสนาครู
หรือครทู รามความรู้น้อย เหมือนไปหาฝอยใส่ไฟ
รทู้ กุ ข์ขงั สงั เวทใจ
แสดงด่ังกูรหู้ นักหนา ดั่งกองไฟในโลกยี ์
ครเู ช่นน้ปี รีดาตาม ใหป้ ัญญาเชน่ นมี้ ี
ท่จี ะพาตัวมวั ไป
ถงึ เรยี นไปไม่ได้สม ดงั คนประโยชน์ดว้ ยไฟ
ครูผใู้ ดฉลาดล้า ที่ไฟเขากองไวน้ า

รู้วิทยาสรรพนับร้อย
ครูดงั น้ีมิศึกษา

ไปส่ มตวั กลวั อดสู
อน่งึ ความรู้อนจิ จงั

อนั นี้เช่นปัญญาใหญ่
ผูใ้ ดไม่ขวนขวายหา

แสวงหวงั แตข่ ้างโลกยี ์
ชนเชน่ น้ีกล่าวมาน้ีโฉต

ไปเอาเช้ือฟืนย่นื ใส่

เหน็ หงิ่ หอ้ ยยอ้ ยแสงศรี ๑๙
จะหาไฟคือปัญญา
ไปจุดจ้หี าไฟนา
ประทีปคือปญั ญานี้ แตค่ นพาลอย่าพงึ่ ฉงน
มีแตโ่ ลกยทว่ั ทุกคน มากน้อยมีตามกุศล
รูแ้ สวงคงสวา่ งนา ๚ ะ จบดนคู่ ๗ ๚ ะ ๛
๏ เกดิ เปน็ คนไป่ขวนขวาย หาอบุ ายแก้ปัญญา
จะมนึ มัวด้วยโมหา เบือ้ งหน้าจะเจริญอยา่ ถวลิ
จะนงั่ ไม่ดูแผ่นดิน
จอดเรือไมแ่ ลฝั่ง ได้แก่คนหม่นิ เบาความ
คนคคู่ วบความตามยิน ไปดูว่าดีหรอื ทราม

เป็นคนจะแสวงหาคู่ร่วมกาม ไมห่ มายใหป้ ระจักษ์
เหน็ แต่งามกง็ มรัก พอเหน็ พกั ตร์ก็ชน่ื ชม
ไมพ่ ินิจเล่ห์ลม
อนึ่งหญงิ จะชมชาย พอยนิ ลมกห็ ลงใหล
วา่ ร้ายดีหรือผียักษ์ เจ้านายไปตรองไตร
เห็นแต่ใหญก่ ย็ อมอยู่
อนึง่ จะคบมิตร ศาสตรไ์ ป่คาดครู
วา่ ซื่อสัตย์หรือคดคม สกั ว่าครูกเ็ รียนไป
นับถอื ในทา่ นช้ีใด
อนึ่งจะพึ่งพิงองิ ไตรตรองให้ถ่ีถว้ น
ดรู ้ายดหี รืออัชฌาสัย งามแต่นวล
หรือนวลแต่นอกเนา่ ใน
อนึ่งจะเรยี นศิลป์ เห็นว่าชีก็เช่ือใจ
วา่ เจ้าเล่ห์หรือเลิศรู้
ทุกอย่างทุกท่า
อนึ่งจะเรียนธรรมหรือ จะศึกษาจะอยู่ไหน
เป็นท่ีเคารพนับถือไหว้ ประโยชน์ตนโทษคณุ ไซร้
กท็ าไปตามตนหวัง
วา่ รู้แทห้ รอื อุทาน ชอ่ื วา่ เบาความฟัง
ลัดชมี ศี ลี สงวน นัง่ ไมด่ ูพ้นื นา
ตัวจะระยาหนา
เขาวา่ รกู้ ็เรยี นหลับตาฝ่าไป คือโทษอันตราย
รักใคร่นับถือท่านหนา ด่วนทากรรมทงั้ หลาย
ถา้ รา้ ยจะร้อนภายหนา้
อนึ่งจะกอรปกิจต่างต่าง ใหต้ รองกอ่ นหนา
จะหากินแลวชิ า ใชป้ ญั ญาจงึ จะชอบ ๚ ะ จบดนคู่ ๘ ๚ ะ

ไปพ่ ิจารณาหา
แท้ว่าดหี รือนึกได้

ชนเชน่ ชีม้ านี้
เหมือนจอดเรอื ไมด่ ฝู ง่ั

เรือคือตนกนั คือ
เพราะตอหนามหลักปักษา

ไป่วจิ ารณก่อน
ทาดีจะไป่อันตราย

เป็นชนจะกอบการได้
อย่าเอาโมหะไปหน้า
____________________

๔ โสฬส หมายถงึ ช้ันพรหมโลก ๑๖ ชั้น

๒๐

(รา่ ยยาว)
๏ ประดนคู่ท่ีท่านประกอบ ว่าเอาผิดมาเป็นชอบ ที่ระบอบมาติฉินนินทา ได้แก่กลับร้ายเป็น

ดหี นา ท่ีกล่าวแล้วเบ้ืองหลังด่ังว่า เอาเป็ดมาขันประชันไก่ที่จะเอาผิดเป็นชอบไป ที่ระบอบจะติฉินได้
ก็อาศัยอคติสี่ คือฉันทาโทสาคติ แลโมหาพยาน้ี นับเป็นส่ีท่ีตามมีนา พวกพ้องคนรัก หารักหยาบช้า
ฉกช่อฬ่อล่วงด้วยมายา เขานินทาหรือร้องโรงศาล กลับพวกตนเป็นคนผิดพาล ให้เป็นดีขู่ผู้ว่าขาน
หรือนายศาลรับบานบนหนา ชนเช่นชี้นี้ชื่อว่า เอาผิดเป็นชอบด้วยฉันทา เพราะเห็นแก่หน้าคนรัก
อนึง่ คนซอ่ื ถือธรรมเป็นหลัก ฉกช่อฬ่อล่วงใจไป่รัก เขาพยักหน้าพาให้ทา ทาไป่รู้หูตึงเฉยฉ่า เขาว่าซ่ือ
ซมงมลากล่าวคาตาท่ิมด้วยโทษา ผู้พูดพ้อนั้นนามช่ือว่า ติเตียนระบอบด้วยโทษา เพราะโกรธาว่าไป่
ตามตน อนึ่งคนใดหลงใหลเหลือล้น เห็นว่าดินน้าลมไฟฝน มีตัวเหมือนคนหลงกราบไหว้ อนึ่งถือว่า
หนนู ชี้ ั่วใหญ่ กัดจีวรพระเจา้ ทราบไว้ ใครคาบไดบ้ าปหนา คนดั่งแสดงน้ีชื่อว่า เอาผิดเป็นชอบโทษด้วย
โมหา เพราะวา่ ด้อื ถือดว้ ยหลงใหล อน่ึงระบอบธรรมวินัย ที่เส่อื มทีถ่ กู แท้เส่ือมสูญไป นานแล้วไซร้ไม่มี
ผูร้ ู้ มผี ูฉ้ ลาดยกขึ้นเชิดชู ผ้อู ืน่ เห็นไป่ทันถามดู ติว่านอกครูท่านทามา ผู้ติเตียนน้ันนามช่ือว่า ติระบอบ
ด้วยโมหา เพราะหลงนินทาว่าขาน อน่ึงผู้ใหญ่หยาบช้าพาพาล ผู้น้อยพลอยประสมประสาร ด้วยกลัว
ทา่ นจะขดั อธั ยา ผู้น้อยพลอยด้วยน้ันท่านว่า เอาผิดเป็นชอบด้วยพญา เพราะกลัวท่านว่าขัดขืนกัน
อนั น้ชี ื่อว่าอุทาหรณ์สนั้ ในการเอาผิดเป็นชอบนั้น ท่ีระบอบธรรมมานินทา ด้วยอคติสี่น้ีหนา ถึงจะทา
กรรมอ่ืนอิกรา ท่ีหยาบช้าสามานนอกน้ี ก็คงทาด้วยอคติสี่ จะทาด้วยเหตุอ่ืนนอกนี้ คงไป่มีอย่าสงสัย
อคตทิ ้งั ส่ีนี่ไซร้ นาสัตว์ส่อู บายภัย จงตงั้ ใจระวงั อาจณิ ๚ จบดนคู่ ๙ ๚

(กาพย์ฉบัง ๑๖) ๑๏๖ ฟ้าผา่ แตกแตนทง้ั แผน่ ดนิ

วา่ ไมร่ เู้ ห็นนี้นา แรง้ รอกาบิน
เกิดอสั ตยา
เป็นดลคู่โดยความวา่ ตอ่ ยตกี ันบ้าง
ผมู้ ีวาสนา
กลีโลกาต่างตา่ ง คนดที า่ นคั้น
คนดีกบ็ น่
ฉกช่อฟ้าล่อลวงหลายอย่าง ท่านกร็ มุ รา
เหน็ พาลเป็นดี
เปน็ ทางกลโี ลกา ตามกันอาจหาญ
มีมากขน้ึ ไป
๏ เข็ญใจมาฟา้ ร้องหา

ทา่ นกห็ าว่าไมเ่ ทยี่ งธรรม

๏ คนร้ายกลบั คลายใหม้ นั

หมายมนั่ ต่อทรพั ยส์ นิ บน

๏ คนพาลได้ช่องพองขน

เพราะตนไรท้ ่ีพง่ึ พา

๏ จะพ่งึ ผ้มู ยี ศฐา

ด่งั กาดงั่ แร้งแยง่ ผี

๏ ที่น้นั คนอ่ืนได้ดที ี

เพราะมอี านาจอาจหาญ

๏ กก็ ลบั จิตคดิ เปน็ พาล

รกุ รานคนอ่นื ต่อไป

๏ ชวนกันเป็นเชน่ น้ไี ซร้

๒๑

ท้ังเขญ็ ใจไพร่ผูด้ ี ชวนกนั หลีกหนี
๏ คนดที ี่พึง่ ไม่มี ชาวเมอื งได้ร้อน
ลกู ขุนนายศาล
เขา้ ส่คู รี ดี งั ดร เขากบ็ ห่ ่อน
๏ ดังฟ้าผ่าพนื้ นคร หรือเห็นขลาดหลาย
วา่ เหลา่ นหี้ นอ
เพราะนครกลีพาล บินไปร่ ทู้ ่า
๏ อนึ่งผูก้ อบกจิ ราชการ ก็ไป่อาจสู้
ผู้มีวาสนา
ทั้งนายดา่ นนายขนอน ตอ้ งอดตอ้ งกล้ัน
๏ ทัง้ ผเู้ ก็บส่วยอากร ไปม่ ีผใู้ ด
ก็ร้อนกร็ น
เอ็นดูราษฎรทงั้ หลาย จะพ่งึ กะเหลือ
๏ ราษฏรไป่ฉลาดลวงง่าย แม้ว่าวิกล
ดว้ ยความยากแค้น
พอจะตายด้วยหลอกล่อ ถา้ แมไ่ มค่ ลอน
๏ เขาเหน็ ได้ใจหวั ร่อ แม้แขกเมอื งอนื่
๚จบดลคู่ ๑๐ ๚
ไปร่ ูข้ อจะฟอ้ งหา
๏ ด่ังแร้งหัวรอ่ ว่ากา

เขากพ็ ากนั ข่มขู่
๏ ราษฎรถึงรู้ท่าอยู่

เพราะไร้ผ้จู ะพง่ึ พา
๏ จะฟ้องร้องหรือเข้าหา

ท่านกห็ ากินดว้ ยกนั
๏ ร้องไปก็ป่วยการวนั

ผายผันกม้ หน้าหาให้
๏ ราษฎรไดร้ อ้ นอยา่ งไฟ

จะดบั ไฟใหแ้ กต่ น
๏ จะพงึ่ น้าน้าก็ข้น

จะพึ่งฝนกบั แลง้ เหลือ
๏ ผู้ดมี ีศักด์อิ ย่างเสอื

ดงั่ เน้อื พึง่ เสือเหลอื ทน
๏ เมอื งผมู้ ีศกั ด์ิหลักคน

ดังหลักปักโคลนคลอนแคลน
๏ ราษฎรได้ร้อนรมุ แสน

ดง่ั ฟ้าผา่ แผน่ ดินดร
๏ ผู้ดีมศี กั ดห์ิ ลักนคร

แนน่ อนดังหลกั ปักพืน้
๏ ราษฎรหายรอ้ นเริงร่ืน

จะต่นื ชมว่าร่มเย็น

๒๒

(กลอนสุภาพ ประเภท กลอน ๘)

๏ ดนว่าตายมาสอดดู หูหนวกมาสอดรูว้ ่าเปน็ เขญ็

ดนคูโ่ ดยความตามท่ีเหน็ ได้แกผ่ เู้ ปน็ ปราชญ์ฉลาด

รู้ดูร้ฟู งั รู้เสง่ียมเจยี มตน รวู้ า่ คนพาลคนขลาดปราชญ์

รู้ยาวรสู้ ้นั รู้หาญรขู้ ลาด เป็นคนฉลาดร้รู ักษาตวั

๏ ด้วยไวต้ วั ดังคนบอดคนหนวก เห็นพาลพวกเขาทาชว่ั

ทาไปเ่ หน็ ดงั ตาบอดมัว เอาแตต่ ัวรอดหลกี หนี

๏ เขานนิ ทาว่าร้ายถึงว่ารู้ ทาไขหูไปพ่ าที

เห็นบัณฑติ ติดตามถามถว้ นถ่ี ชว่ั ดบี ญุ บาปสอดรู้

๏ ปราชญป์ ฏิบัติหดั กายวาจา ไดเ้ ห็นท่าตาสอดดู

สอดรูแ้ ต่ดหี นีชวั่

๏ คอ่ ยตรกึ ตรองพดู จาหาชอ่ งดู ไป่อวดรยู้ กยอตัว

รู้หนักรเู้ บาไป่เมาไป่มวั ร้ดู ีรชู้ วั่ ทกุ ประการ

๏ ร้เู ปน็ รู้ตายรูป้ ลายรู้ตน้ รผู้ ่อนรู้ปรนรู้ประมาณ

ทส่ี นกุ ไปสนุกคลกุ ด้วยพาล ทีด่ หี าญทีพ่ าลขาน

๏ ถึงรู้ทาโง่ไปโ่ อหังหาญ ถงึ ชานาญทาไปอาจ

เห็นพาลไปประจบคบแตป่ ราชญ์ ฉลาดชา้ งหาดีหนรี ้าย

๏ เห็นเขาฉกชอ่ ล่อลวงกนั จิตหวัน่ สงั เวชบว่ าย

ว่าโอส้ ตั ว์วิบตั สิ บาย ดุรา้ ยบป่ ราณีกัน

๏พบพาลแมบ้ อกใบบ้ อดหนวกไซร้ ทาดงั ใบบ้ อกหนวกพลนั

พบบัณฑิตตามถามทางธรรม เขาเบียดกันเห็นเอน็ ดู

๏ ชนเชน่ นีฉ้ ลาดดู ชื่อวา่ หูหนวกสอดรู้

ตาบอดเทยี่ วสอดตาดู รู้ว่าเปน็ เข็ญเหลือหลาย ๚ จบดลคู่ ๑๑ ๚ะ

๏ ใครใฝ่รอ้ นจะนอนเย็น เปน็ คนเดียวอธบิ าย

วา่ ไดแ้ กห่ ญงิ ชาย หม่นั ขวนขวายแต่เดิม

๏ คอื เมื่อยามหนุ่มแสวงหา วิชาไลต่ นเพ่ิมเตมิ

เรียนอักษรเปน็ เดิม แล้วเพมิ่ วิชาหากนิ

๏ คร้ันยามใหญไ่ ปครา้ น หมัน่ กอปรการหาทรัพยส์ ิน

ถึงหนาวรอ้ นยุงลน้ิ ทนหากนิ ไปเสยี กอ่ น

๏ สั่งสมทรพั ย์สนิ ไว้ เม่ือยามแก่ได้น่งั นอน

เล้ยี งกายไปเ่ ดอื ดรอ้ น ทุกข์ก่อนจงึ สบายภายหลงั

๏ อน่ึงโสตผ้กู ลวั ภยั ในอบายด้วยยนิ ฟัง

หมั่นกอปรบุญระวัง โทษทจุ ริตทง้ั หลาย

๏ ถงึ ยามเขญ็ เป็นไฉน ส่งิ เปน็ บาปบ่กลาย

กศุ ลรบี ขวนขวาย ก่อนแตต่ ายยงั ไปม่ า

๏ เมอื่ ใกลไ้ ม่ว่นุ ไม่มว้ ยไม่วุน่ เพราะบุญอนุ่ ศุขา

มว้ ยแล้วจะสฟู่ ้า รอ้ นกอ่ นหนาจงึ ไดเ้ ยน็
เห็นไตรวัฒน์๕กอปรด้วยเขญ็
๏ อน่งึ ชยี ์แลคฤหัสถ์

๒๓

เหน็ เกดิ แก่ตายเหน็ เปน็ ดง่ั ไฟไหม้โลกา
๏ เหน็ ตนเกดิ มาดูดงั หนึ่ง อย่กู ลางไฟหนา
ในศาสนาหาความเยน็
เห็นแล้วรบี ศกึ ษา น้าตาไหลกบ็ ่เวน้
๏ ถงึ ยากเขญ็ สักเท่าไหร่ ทุกเช้าเยน็ บ่เว้นกาล
คือนิวรณด์ ว้ ยองคฌ์ าณ
กอปรเรยี นเพียรบาเพญ็ ผลานบาปตายในชาติน้ี
๏ ถ้าขม่ ไฟกร็ อ้ น ในนพิ พานล้าโลกยี ์
ไปเกิดมชี าตินีน้ า
หรอื มีปฤชาญาณ เป็นปัจจยั ไปเบือ้ งหน้า
๏ จะไดส้ ขุ ในฌาณ ในเบื้องหนา้ จะพ้นร้อน
เช่นเราช้มี าแต่ก่อน
แม้ญาณมรรคผลนี้ จะนอนเยน็ เช่นนี้นา
๏ กุศลทสี่ รา้ งไว้ แลหมนั่ ดบั ซงึ่ โทษา
ไปภายหนา้ จงึ สบาย ๚ จบดลคู่ ๑๒ ๚ะ
ให้ตนพ้นทุกข์ขา
๏ หมชู่ นสมณะพวกน้ี

ชอ่ื ว่าคนใฝ่ร้อน
๏ เพราะว่าหมนั่ หาทรพั ย์
ด้วยยากลาบากหนา
____________________

๕ ไตรวัฒน์ หมายถึง ความเจรญิ ทงั้ สาม หรอื ความดีงามท้งั สาม

(ร่ายยาว)
๏ ใครใฝ่เย็นจะด้ินตาย คนเดียวโดยอรรถ ท่ีท่านประคัดประดน ได้แก่คนคร้านงาน ไป่กอบ

การวชิ า ใส่อาตมาแต่เดิม เอาแต่เหิมทั้งสนุก บ่กลัวทุกข์ปลายมือ เห็นฮือฤาในหนสนุก ก็ว่ิงบุกไปน่ัน
บ่พลันป่ันจิตตน ขวนขวายมุ่งงานกอปรกิจ การหาทรัพย์ไว้สาหรับเม่ือแก่ อน่ึงเอาแต่นอนไซร้ ได้ว่า
ขา้ จะนอน ก็ดูด่ังขอนขอนข้ีเซา ถึงว่าเขาจะปลุก ไป่อยากลุกลืมตา ไป่คิดหาการงาน ไป่กอปรการหา
ทรพั ย์ ไว้สาหรบั ภายหลงั หวงั แต่เกษมสันต์ ปัจจุบันฝ่ายเดียว ไม่แลเหลียวความเข็ญ ที่จะเป็นภาย
หนา้ ถา้ แมไ้ ปเบือ้ งปลาย อนั ตรายหากมีมา แต่อาชากษัตรีย์ หรือวิบัติโรคา หรือชรามาถึง จะราพึง
เอาไหน ช่วยภัยเลี้ยงอาตมา เม่ือโรคาแก่เถ้า ก็จะเร่าร้อนยาก ได้ลาบากแก่ตน ที่เป็นผลความคร้าน
ที่เขาบ้านพง่ึ ได้ อนึง่ ไซร้คนครา้ นกจิ ไป่คดิ ดูใหด้ ี เหน็ ท่านมีสินทรพั ย์ ไป่นับเป็นญาติ เอาตัวพาตฝาก
เขา ใจบาปกาหนด หากเขาคดใจพาล เอาคาหวานลวงล่อ คอยต่อให้หลงใหล เข้าใจว่าท่ารักษ์ ท่านก็
ชักชวนสนิท ภายหลังคิดเล่ห์กล ดูว่าตนลักของ เงินทองโคข้าหนี ไปปราณีหน้าเนตร เหตุท้ังน้ีเพราะ
ตน เปน็ คนครา้ นใจเบา หมายพง่ึ เขาครา้ นกิจ ไปค่ ิดพึงตนไซร้ จึงไดย้ ากถึงตน อนึ่งโสตคนใจพาล ไป่
กอปรการกศุ ล ไว้ใสต่ นแตแ่ รก เอาแต่แบกการบาป หาแต่ลาภสาคัญ ปัจจบุ ันฝ่ายเดียว ไปแลเหลียว
โลกหน้า ใจหยายช้าไม่ดี อนึ่งโสตชีย์บรรพชิต บวชแลกิจแห่งตน ไป่ขวนขวายหมายหา ไป่ศึกษา
บัญญตั ิ ปฏิบัติใหด้ ี เปน็ แตช่ ีย์เพอ่ื นทา่ น ไปค่ ดิ อ่านเอาเรียน บ า เ พ็ ญ เ พี ย ร ภ า ว น า แ ส ว ง ห า
ผลประโยชน์ ทาแต่โทษไป่ดี เป็นอลัชชีย์๖ใจพาล กอปรการผิดบัญญัติ ด่ังคฤหัสถ์ เกียจคร้านไปเล่า
เรียน บวชเขา้ เบียนศาสนา ไปแ่ สวงหาทางธรรม ชนเช่นพรรณนามา ตามตารานิพนธ์ ชื่อว่าคนใฝ่เย็น
จะไดเ้ ข็ญดิ้นตาย เพราะภายน่าจะได้ เสวยวบิ ากบาปไซร้ โทษนน้ั ตาทานนท์ ๚ จบดลคู่ ๑๓ ๚ะ

____________________

๖ อลชั ชยี ์ หมายถงึ ไม่อาย นอกจารตี

๒๔

(กาพย์ฉบงั ๑๖) คนเดยี วโดยคา
๏ เสอื จะกลนื ไปขนื กล้า
ไป่ดวู าสนา
อธิบายบุราณมา
๏ ไดแ้ กค่ นอหงั กา ท่านน้ีทา่ นมี

แห่งตนคนอืน่ ดว้ ยดี นัยหนึง่ ใช้
๏ ว่าตนตา่ ศกั ดนิ์ ้อยศรี
คัดงา้ งเอามา
อานาจวาสนาไฉน
๏ เห็นแกส่ ินบนเขาให้ ทาสบประมาท

จะอวดอา้ งฤทธา บัญญตั ิชื่อวา่
๏ เข้าแบกหามความเขาวา่
ดดู ุจคา
แตผ่ ดู้ มี อี านาจ
๏ วยั อิสริยองอาจ หตั ถ์เข้าขดั ขืน

ท่านผ้ดู มี ีวาสนา ตบดว้ ยหตั ถา
๏ ชนเช่นพรรณนามา ๚ะ จบดลคู่ ๑๔๚ะ

เสือจะกลนื ไปขืนกล้า คนเดยี วโดยอธิบาย
๏ เพราะสนิ ไหมสนิ บนซ้า มวี จิ ารณ์
ทากรรมหยาบชา้ สามาน
ผู้ดีดงั เสอื จะกลืน มีอชั ฌาสยั
หรอื ดอื้ กระดา้ งล้าเหลอื ไฉน
๏ ไป่เจียมตวั ตายยืน่ แกล่ าภา
พยคั ฆม์ าภกั ษา ชนเช่นชี้นามช่อื ว่า
ไปขืนหงาย
๏ พยคั ฆ์ได้ทีโกรธา หากมนั ไปห่ วงั ฟังอธบิ าย
จะถึงพินาศฉิบหาย ประทุษโทษให้
จงดูหน้าและอัชฌาสัย
(สทั ธราฉนั ท์ ๒๑) จึงสอนสั่ง
๏ จระเขค้ ว่ายืน่ ไปขนื หงาย แมส้ ง่ั สอนห่อนยากยนิ ฟงั
ไปค่ วรสอน
ได้แก่คนไป่ จึงเป็นพาลไปแต่ใจอ่อน
คอื ผใู้ ดเห็นผู้อืน่ พาล

เหน็ แล้วไป่
ว่าเราสอนส่งั จะฟังหรอื ไม่

ไปค่ รองกอ่ นเหน็
ไปสง่ั สอนกอ่ นว่านานา

จระเข้จะควา่
เพราะจระเขค้ อื พาลร้าย

มนั กลบั โกรธ
อน่ึงโสตจะส่ังสอนผูใ้ ด

ให้รู้แน่กอ่ น
ผใู้ ดใจพาลเหลอื กาลัง

ชนเชน่ นีไ้ ซร้
๏ ผคู้ นใดเดิมคบพาลอยกู่ อ่ น

๒๕

หากยนิ คาสอน จะเชื่อฟัง
ชนเลน่ น้ีควรสอนสง่ั จะสอนสอนดว้ ยเมตตาตง้ั
มาตอามติ
อย่าสอนส่งั มุง จะเป็นอกศุ ลอันประสิทธ์ิ
แมน้ อนศุ าสน์๗สอนสจุ ริต เสริฐเบือ้ งหนา้
ไปช่ อื่ วา่ ยกย่องศาสนา
ให้ผลอันประ- วา่ กุศล ๚
แม้นสอนดว้ นกระสันลาภา

กรรมนัน้ ไป่นบั

(กลอนสภุ าพ ประเภท กลอน ๘) วา่ ยนา้ ที่ถา้ วงั วน
๏ คบมิตรพบอสรพิษร้าย ได้แก่หมู่คนคบมติ รไปม่ ีท่า
คบแตม่ ิตรหมูพ่ ารา
ดนคู่นโี้ ดยความตามมนุษย์ แลฉกฉ่อลอ่ ลวงท่าน
คอื คนไปม่ วี ิจารญาณ คบชาววงั หวังสง่ สาร
คบศตั รูของปูต่ า
ทโี่ กงเกง่ นกั เลงฝิ่นสุรา
อนงึ่ คบเหลา่ ลูกหลวงเล่นระเรงิ

อนง่ึ คบแขกเมอื งมาราชการ

คบเมยี ท่านเมยี ทายท่านละไว้ ผูค้ บนีน้ ามชอื่ วา่
คบมติ รพบอสรพิษหนา วา่ ยน้าที่ท่านวังวน
จนหญิงแรงรา้ งผวั ตน
เพราะวา่ ชายต้งั แตพ่ าลชาติ เพราะพาผดิ แกผ่ ูค้ บ
ดเู พียงอสรพษิ ดุล้น ใหต้ ้องฟ้องรอ้ งหลกี หลบ
คบชาววังคนส่ือสาร
คบพาลพาลพาผ้สู มาคม ใหต้ อ้ งราชภยั การ
คบลกู หลานหลวงเลน่ ผดิ ขนบ มนั ได้ช่องจะปองร้าย
เพราะสามมี นั ม่งุ ขาย
๏ สามสิ่งน้ีจะพาผสู้ มาคม อ่นื เป็นชู้อยูแ่ ตก่ ่อนมา
คบศัตรขู องป่ตู าแตบ่ รุ าณ ท่ีดุรา้ ยรษิ ยา
ด้วยญาติมิตรและพ่อแม่
๏ คบหญงิ ผวั ร้างจะระยายาก ในวงั วลกมุ ภลิ ๘หนอ
อนง่ึ คบสตรที ีภ่ ริ มย์ชาย ดดู จุ กมุ ภิลทีว่ งั ๚ จบดลคู่ ๑๖ ๚ะ

อนึง่ อย่ใู นหวา่ งกลางพาลชน
อนง่ึ อยกู่ ับผู้ดีทอี่ ริมา

๏ ชนเหลา่ น้ีประหน่ึงว่ายน้า
เพราะเขาเหลา่ นีจ้ ะคอยขบคอ

____________________

๗ อนุศาสน์ หมายถงึ คาสอนเลก็ นอ้ ย

๒๖

(กลอนสุภาพ ประเภท กลอน ๖) ทีม่ ใิ ห้กนิ ไปยนิ ยล
๏ ทใ่ี หก้ ินมยิ นิ ดี อกตัญญูมดิ มวั
ดลค่นู ีไ้ ดแ้ กค่ น ใหห้ ากินอยา่ กอบช่ัว
พ่อแม่ท่านสงั่ สอน ตามแบบบุราณท่านสอนมา
ให้รรู้ ักษาตวั ของมารดาและบิดร
ไม่ถอื ตามคาส่ัง คือคุมเหงล่อลวงเขา
หากนิ ดว้ ยการร้อน เล่นเบย้ี ไกก่ นิ เหล้า
เปน็ นักเลงต่างตา่ ง กินฝน่ิ พบแตฝ่ ูงพาล
สูบฝนิ่ สบู กญั ชายาเมา ปล้นว่ิงย่องเบาชาวบ้าน
พากันทาการช่วั หากินผดิ ตาราสอน
ยินดกี อบแต่การ ขึน้ ใหม้ ากกว่าแต่ก่อน
อน่งึ ชิงกันประมูล เกบ็ สว่ ยเกินแบบบรุ าณ
เปน็ นายอากรขนอน ทรงเมตตาโปรดประธาน
อนึง่ โสตพระภมู ินทร์ รงุ่ เรอื งดว้ ยศักดท์ิ รัพย์สนิ
ให้ท่อี ัคฐาน ไป่ซื่อสตั ยต์ อ่ แผ่นดนิ
กลบั สบถคดโกง สุรายาฝ่นิ การพาล
คบเพือ่ นพากนั กิน ให้ไดเ้ ข็ญแค้นราคาญ
เบยี ดเบียนราษฎร ..................................
คนเทจ็ ถอ่ ยย่อมมากมี คนทาท่ที า่ นสีฟัน
คนหมอ้ เขา้ คนที จะหาคนธัพคนธรรพ์
คนมากหม่นื แสน คนขยนั หายากเหลือใจ
หาคนแทค้ นม่ัน มุมมามบ่ตามวินัย
อนึง่ โสตบรรพชิตชีย์ ให้เลี้ยงชีพโดยชอบธรรม
พระเจ้าบัญญัติไว้ สังฆเปรศเวชกรรม
ให้เวน้ มิจฉาชีพ อันเปน็ อเนสรรค์
กลุ ทศู กสรรพ กอปรการมจิ ฉาชวี ะ
ไปเวน้ ฝืนขืนทา ไป่ต้องตามอยา่ งตา่ งต่าง
เล้ียงชพี ผิดเพศพระ ย่อมมีมากลา้ หลายอย่าง
พรรณนาช้เี ชือน รับทาการจ้างนานา
คอื ชหี มอชีชา่ ง ชปี ระจบชีพ่อคา้
ชีชา่ งสรา้ งเครอ่ื งสพ ชเี ข้าป่าตดั เสาไม้
ชีทาไรไถนา ชนี ักเลงเลน่ เบยี้ ไก่
ชีนกั สวดชีเก่ง ชเี ทย่ี วไร้เทยี่ วรงั พา
ชีขเี้ มาจรรลยั ชจี ักสารชฝี ืนฝ่า
ชีเจ้าชอู้ ยบู่ า้ น ชีปริศนาแปรธาตุ
ชหี มากรกุ ชีสกา ชีจานากินจนบาตร
ชีมวยชีเข้าคา่

....................... ๒๗
บวชตวั เข้าเป็นชี
ใชช่ หี นีสงสาร ชีสวาทชีดงู าน
ชีเอ๋ยสักวา่ ชี แต่ใจหนไี ปอยู่บ้าน
ชีเทจ็ ชีจอมปลอม ชีแตห่ ัวตวั ไมย่ อม
ชนเหลา่ นชี้ ่อื ว่า ชลี าวชลี าชีลอม
ทท่ี ่านให้กินน้ี เปน็ แคห่ วั หอมปลอมชี
เพราะฝา่ ยคฤหัสถ์ ที่มิให้กนิ ไปยนิ ดี
ตามมารดาบิดา ไปย่ ินยลขวนขวายหา
ฝา่ ยชหี นบี ัญญัติ ไปห่ ัดดดั กายวาจา
ตามคาพระเจา้ สอน แลแบบบุราณทา่ นสอน
บริโภคปัจจัย ไปป่ ฏิบัติสงั วร
จะใหก้ ินเลยี้ งกาย เปน็ ชีไปม่ ีความอาย
กินแล้วไป่เลา่ เรียน ท่ที ายกใหด้ ว้ ยความหมาย
เพราะดังนี้ชอื่ ว่า แลว้ เล่าเรยี นเพยี รศึกษา
ผใู้ ดใครถ้าทา พยายามตามกิจจา
ทุกข์โทษกจ็ ะมี ทีใ่ ห้กนิ มยิ ินดี
ดงั หนึ่งแสดงแจ้งมาน้ี
ในโลกนแ้ี ลโลกอน่ื ๚ จบดลคู่ ๑๗ ๚ û

____________________

๘ กุมภลิ หมายถึง จระเข้

๒๘

(กลอนสภุ าพ ประเภท กลอน ๖) ทใี่ ชก่ ลไปชนพ้นื
ที่เปน็ การไปห่ ว่านผล ได้แก่เหลา่ ไม่เข้าการ
ไปป่ ระจบไปคบพาล
ดลคโู่ ดยความยนื ไปคิดอา่ นหวา่ นแต่โทษ
คอื คนควรประจบปราชญ์ ควรจะดีมีแตโ่ หด
ควรจะทาไปนาพา
อน่งึ กุศลตนควรหวา่ น เขาโกรธกนั คนดา่ วา่
อนึ่งไมตรอี ารเี พ่ือน ใชก่ ารตัวไปมัวดว้ ย
หรือสนกุ บกุ ไปชว่ ย
อนงึ่ กิจการบงานประโยชน์ ช่วยเตะตอ่ ยพลอยประสม
อน่งึ ผวั เมียแลญาตมิ ิตร ไป่ตั้งใจในกจิ สม
คือเรียนรชู้ ศู าสนา
หรือดรี ันกันอยูน่ า ไป่กอปรกิจผดิ ตารา
ช่วยเฉาะเคาะด่าวา่ ที่มิใหก้ นิ ไปยนิ ยล
เทยี่ วพูดจาว่าสัปดน
ยื่นอิฐไม้ใหเ้ ขาด้วย ดัง่ คฤหสั ถน์ า่ บัดสี
อนง่ึ โสตสมีชีพระ ควรประกอบให้ชอบดี
แต่การบา้ นใช่งานตน
ของตนโดยนยิ ม ไปเท่ยี วแหยแ่ สใ่ นคน
กิจของตนไปขวนขวาย เสี้ยมเขาควายใหช้ นกัน
บันดาลเดือดจะเหอื ดพลัน
ดั่งพรรณนามา ให้เขาโกรธกันอีกนา
อนง่ึ เวยี นเฝ้าเข้าแตบ่ ้าน เพราะเท่ยี วยุแหย่แส่สา่ ยหา
เขาเหมน็ กลน่ิ สน้ิ ทุกคน
ดว้ ยชายหญิงทงั้ กจิ ตน ท่เี ป็นการไปหว่านผล
อนึง่ กจิ การงานในวัด ไปซนพ้นื ขนื ทานา
ไปคิดทาไมน่ าพา
ไป่ประกอบไปคลกุ คลี พาตนคนอนื่ ฉบิ หาย ฯ จบดนคู่ ๑๘
อนงึ่ ทั้งชแี ลคฤหัสถ์

ใหโ้ กรธกนั ใชเ่ หตผุ ล
อนง่ึ เขาโกรธกันมานาน

ไปเฝ้าถามถงึ ความนัน้
เขา้ ท่ไี หนมีแต่ฉาว

เก็บมาพดู แต่บดู รา
ชนเชน่ นี้มีชอ่ื วา่

อน่งึ ช่อื ว่าที่ใช้กล
เพราะความดที ีค่ วรทา

ทาแต่กิจผดิ ตารา

(กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘)

๏ เดือนเพญ็ มิใคร่จะลบั คนเดยี วโดยฉบับ บอกอธบิ าย

ได้แก่คนดี มีศรัทธาหลาย ช่นื ชมบว่ าย ในการกุศล

ยินดเี จรจา แตส่ ากจั ฉา ด้วยปราชญ์หาผล

มีศีลหโิ ร ตบะในตน ปัญญาแยบยล ความเพยี รไป่หยอ่ น

อน่งึ ย่อมประกอบ ดว้ ยธรรมความชอบ ห้าประการบวร

๒๙

ไดแ้ ก่รู้กิน รู้นง่ั รู้นอน รเู้ ดนิ บทจร รพู้ ดู พาที

รกู้ นิ คือคน ใจเป็นกุศล ฉลาดเล้ียงชีวี

ไปฆ่ ่าสัตวอ์ ่นื ฉกชอ่ เสยี ดสี เอาของเหล่านี้ มาเลีย้ งอาตมา

ไปกนิ ของเมา คอื ฝิ่นแลเหลา้ เมรัยกัญชา

จะกินให้ทาน เสยี กอ่ นแกก่ า แลสัตว์นานา ที่มาถึงตน

มีของกินได้ เป็นของดีได้ แจกให้ทุกคน

................................ ........................ มลี กู หลานตน เพือ่ นบ้านตามมี

ไปซ่ อ่ นกนิ เหนียว แต่ตนผเู้ ดยี ว มใี จอารี

อนึง่ ร้ปู ระมาณ ในการเลี้ยงชีวี เล้ียงตนตามมี ไป่ตระหน่ีไป่สา่ ย

ถ้าว่าทรัพยน์ ้อย รู่หยอ่ นผอ่ นถอย ไม่กนิ ฟูมฟาย

ถ้าว่าทรัพย์มาก ไป่ตระหนี่หลาย ไปท่ าเบยี ดบ้าย ให้คล้ายคนจน

๏ รู้ผอ่ นขยับ ตามกาลังทรพั ย์ ด้วยปญั ญาตน

ไม่ฟูมฟายมาก กลวั ยากกลัวจน อย่างนช้ี ือ่ คน ผูร้ ูก้ ินนา

รู้น่ังคอื คน จะนงั่ ดูตน ให้พน้ โทสา

ไม่นงั่ สูงเกนิ บิดามารดา กวา่ ครปู ู่ยา่ ผูเ้ ฒา่ พราหมณี

อน่งึ ไปนัง่ ใน ทีป่ ระกอบไป ดว้ ยโทษจะมี

ไปน่ ่งั ขวางทาง ทเ่ี ขาจรลี ไปนั่งขวางที่ ประตูบนั ได

๏ ไป่น่งั เสยี ดสี ผเู้ ฒ่าพราหมณ์ชี ทา่ นอายุศมใหญ่

ฉลาดอาสนะ ท่จี ะนงั่ ไซร้ อย่างน้ีแลได้ ช่อื ว่ารู้น่ัง

รูน้ อนน้ันไซร้ พงึ ให้เข้าใจ ดงั ในหนหลงั

รนู้ อนอนั นี้ เหมอื นอย่างร้นู งั่ จงจาระวัง เหมือนอยา่ งว่ามา

อน่ึงโสดจะนอน ราพงึ เสียก่อน ในทางภาวนา

คดิ คณุ พอ่ แม่ คณุ ครปู ู่ตา แลพระศาสนา กรรมสัตว์ใดใด

แล้วจึงคอ่ ยนอน มใิ หน้ ิวรณ์ ข้นึ ทับน้าใจ

ใหน้ อนขเี้ ซา ทัง้ สย่ี ามไป ต่ืนก่อนอทุ ัย จาเริญภาวนา

คดิ ถงึ กระษัยไว้ อายุศมล่วงไป ใกล้ตายเข้ามา

วา่ โออายุศม ย่อมเป็นอนจิ จา จะถึงวันนา หรือไรไป่รู้

แล้วสวดทอ่ งบน่ ของเก่าท่ตี น เรียนมาแตค่ รู

มิให้ลมื หลง ใหด้ ารงอยู่ อย่างน้ีแลครู เรียกวา่ รู้นอน

รู้เดินน้นั ไซร้ คือคนเข้าใจ ในทางบทจร

เห็นผู้เฒ่าพระ ยนื น่ังอยกู่ อ่ น เข้าใกลก้ ายก่อน หลีกไปใหด้ ี

๏ หลีกหนทางให้แก่คนผู้ใหญ่ สมณพราหมณช์ ี

ที่ควรจะไหว้ ก็ไหวต้ ามที ถา้ เหน็ ผูด้ ี หลีกหนที างให้

เห็นคนชรา หรอื คนโรคา คนตายใดใด

๓๐

ไป่ทาเกลียดชัง อนิจจังน.้ี ... ว่าเรานไี้ ซร้ นานไปเหมอื นกัน

คงแกค่ งไข้ คงตายแนไ่ ซร้ เหมือนด้วยผู้นัน้

เดินไปไดบ้ ุญ ทกุ ก้าวทุกวนั คนดังกล่าวน้ัน ชอ่ื วา่ รเู้ ดิน

ร้พู ูดนนั้ ไซร้ ไป่จะพดู ใดใด ไป่มสุ าเกนิ

พูดแต่สัจจัง นา่ ฟังสรรเสรญิ ไปพ่ ดู ให้เกิน กวา่ ตนรู้เหน็

ไปย่ สุ อ่ สรรพ ให้ท่านแตกกัน กลา่ วคาฉ่าเย็น

เห็นทา่ นโกรธกัน กลา่ วคาดบั เข็ญ ใหท้ ่านไดเ้ ย็น หายโกรธแกก่ ัน

ไปกล่าวคาหยาบ ถ้อยคาราบคาบ น่าฟังฝ่ายฝัน

ไพเราะเพราะหู น่าฟงั ทกุ อนั จบั ใจฝ่ายฝัน ผู้ฟงั บว่ าย

ไป่สมั ผับปลาบ พดู เพ้อเป็นบาป เร่ืองเทจ็ เป็นทง้ั หลาย

กล่าวแตค่ าดี มีคณุ มากมาย ควรตรึกตรองดู กล่าวมาคาใด

ควรใส่หฤทยั เอาไว้เปน็ ครู ผูด้ เี ขญ็ ใจ

ได.้ ..... ถา้ ใครตรองดู มแี ยบลกึ ตื้น ชงั่ กล่าวแยบยล

แมใ้ ครทกุ ข์ทน ไดฟ้ งั สุขชืน่ ไปยกยอตน

ไป่ชมคนอื่น นา่ ฟังยั่งยืน กอบดว้ ยเมตตา กลา่ วคาอาศัย

ซึ่งธรรมวินัย กอบอรรถา เปน็ สุภาษติ

ใช่คาพาลา คนดังกล่าวมา ชอื่ วา่ ร้พู ูด

๏ หญิงชายผ้ใู ด ถ้าประกอบไป ดว้ ยความบรสิ ุทธิ์

ดังหนง่ึ กล่าวมา ชือ่ ว่ามนุษย์ อนั ดที ีส่ ดุ จะเจริญเบ้อื งหน้า

ชนดังกล่าวน้ัน เหมือนอย่างพระจันทร์ ในวันเพ็ญนา

ผ่องใสไพบูลย์ รัศมีโสภา ในทากลางฟา้ จับตางามทรัพย์

ชนดังแสดงมา ทัง้ ชคี ฤหสั ถา ไดน้ ามตามฉบับ

ชอื่ ว่าวนั เพ็ญ มใิ คร่จะลบั เพราะใจขยับ แต่การกุศล ฯ จบคนคู่ ๑๙

(รา่ ยยาว)
๏ เดือนดับมิใคร่จะต่ืน คนเดียวนย้ี ืนความไดแ้ กเ่ หลา่ .......... คือคฤหัสถ์ชีประกอบ ด้วย

อกุศลไปร่ ้เู หตผุ ล ประโยชนโ์ ลกยน์ ี้โลกย์หนา้ คือว่าหมู่ชนทป่ี ระกอบตน ดว้ ยชวั่ หา้ ประการหนา
คอื ไป่รกู้ นิ ไปรู้นั่งแลนอนรา ไปร่ ้เู ดินหนา ไป่รเู้ จรจาพาที

๏ ไปรู้กินน้ัน คือคนอธรรม ย่อมฆ่าสัตว์ตัดชีวี ฉกช่อล่อลวง ห่มเหงเบียนเบียดเสียดสี เอา
ของเหลา่ นี้ มาเลยี้ งกายอาตมา กนิ แต่ของเมา คอื กัญชาเหล้า เมรัยหรือท้ังผีผ้า มีของกินดี กระหน่ีบ่
แจกญาตกิ า แลเพอื่ นคามา ซ่อนกนิ เหนียวกระหนี่ อนง่ึ ไป่รูป้ ระมาณ ตัวจนกันดาร กินฟูมฟายเสมือน
คนมี ทรัพย์สินมากมาย กินเบียกบ้ายหวงตระหนี่ ชนเช่นดังกล่าวน้ีรู้กินนา ไป่รู้นั่งเหล้าคือคนใจเบา
น่ังสูงกวา่ ครปู ยู่ า่ พอ่ แมแ่ ลเหล่าสมณา นัง่ ขวางทวาราบันไดทางเดิน........

๏ นงั่ เบยี ดเสยี ดสีสมณะพระชี แลผูด้ ีหรอื ผูใ้ หญ่.......น่ังทา......ศักด์ิ ขึ้นน่ังท่ีมไหยของกษัตริย์
ไซร้ ไป่กลัวจัญไรแก่ตน อนึ่งแต่งท่ีนั่งประหน่ึงว่าวัง เกินวาสนาเหลือล้นทาเทียม ผู้ดีไป่มิเสง่ียมเจียม
ตน เหลา่ นชี้ ื่อคนไป่รู้นั่งดังน้ีนา ไป่รู้นอนน้ันท่านว่าเหมือนกัน ไป่รู้น่ังด่ังว่ามาอนึ่งไป่รู้นอน ย่อมเหงา
เซาซอนหนกั หนา ถงึ ท่ไี สยาหลบั ตานอนกรนบ่นไป ไป่ท่องไป่บ่นภาวนาสวดมนต์ ดังหน่ึงแสดงแจ้งไว้
นอนสาย ต่นื เชา้ จนเกินอาทิตอุทัย ชนเชน่ นี้ไซรช้ อื่ ว่าไป่รนู้ อน ไปร่ ูเ้ ดนิ ......คอื คนใจเบา เ ห็ น ผู้ เ ฒ่ า

๓๑

เหลา่ สมณา ย่อมเดินเสียดสที ดี่ าเนนิ เดนิ มา ไป่กม้ กายาอาชาเคารพท่านพลัน อน่ึงเห็น..........คนแก่ใด
ใด แลคนตายวายชีวัน มีจิตคิดชังไป่สังเวชจิต ด้วยพลันคนดังกล่าวน้ัน ชื่อว่าไป่รู้เดินนา ไป่รู้พูดน้ัน
คือคนอธรรมย่อพูดแต่คามุสา พูดใดไปจริงเอาแต่พร้ิงเพราะ วาจาบุญบาปโทษา เบ้ืองหน้าเด๋ียวนี้ไป่
คดิ

๏ จะกลา่ วคาเสียดส่อ ปากบอนสอพลอใหท้ า่ นโกรธกันพลันผิด ถ้าเขาโกรธกันพูดยุความนั้น
เนืองนิตย์ ให้เขามีจิตคะนึงคิดโทษน้ันไปวาย ย่อมกล่าวคาหยาบคาไป่สุภาพ เป็นกาบเป็นปมดุร้าย
ใครฟงั เคืองโสตก่อให้โกรธไป่ เสอื่ มหายเปน็ คาทาลาย ความรักใหห้ ายจากกัน

๏ สัมผบั ปลาบ เร่ืองเทจ็ เปน็ บาป ไป่มปี ระโยชน์สักอัน ฝัง...... สงั เวชใจในคาน้นั หรอื เสื่อมใส
สรรค์ สกั ส่ิงสักอันบม่ ี ........... โสตพ่อแม่ พอลูกชันคอ สอนลูกแต่ล้วนไป่ดี สอนลูกให้....... สอนให้ว่า
ไอ้ให้วา่ อี แตล่ ว้ นอปั รีย์ มมี าแตเ่ ดมิ ทกุ อนั เพราะแม่พอ่ มนั สอน แตย่ ังอ่อนออ่ น ก็ด่าได้สาระพัน ไป่
ตอ้ งสอนดอก ในการนอกคอกอย่างนัน้ คงทา......คงทาทุกอัน เพราะการชั่วไป่มีครู อนึ่งกล่าวคาใด
เอาเดือยเข้าใส่ แลสบถประจาพร่าพรู จะกลา่ วคาใด ยกตนข่มท่านอวดรู้ เช่นน้ีแลครูเรียกว่าไป่รู้
พดู จา บคุ คลผใู้ ด ถ้าแม้กอบไป ด้วยช่ัวห้าประการดังว่า บุคคลผู้นั้นจะเส่ือสูญศรีสง่า ไปจากอาตมา
ดังจันทร์ในวันแรมน้ี ชนเช่นในฉบับ ชื่อว่าเดือนดับ มิใครต่ืนฟื้นกายี เพราะ..........ความเจริญ แลสุข
โลกย์หน้าโลกย์น้ี บ่ห่อนจะมี แกผ่ นู้ ้ันทุกวนั คนื ฯ|ะ จบดนคู่ ๒๐ ฯ|ะ

(กาพยฉ์ บัง ๑๖) คนเดยี วนี้ยืน
๏ ไฟหรือจะอดงดฟืน ในกามคุณห้า
แสวงหาสมบัติ
โดยความตามบุราณท่านวา่ มา ยังบอ่ ม่ิ สม
ไดแ้ ก่คนโลภเหลือตรา กลับแสวงตอ่ ไป
ความอยากบห่ ่าง
คอื รูปเสียงกล่ินรสสัมผัส กลบั แสวงหาอีกซ้า
ด้วยกาลังโลภสาหสั จักไดอ้ ิม่ ใจ
ไปส้ินเทา่ นี้
บ่มพี ิกัดความอ่ิมอารมณ์
แสวงรปู ได้รปู มาชม

แสวงหาสทั ธารมณ์ต่อไป
ไดเ้ สียงบ่สน้ิ อยากใจ

ในคันธารมณค์ อื กลนิ่ ตา่ งต่างๆ
ไดก้ ล่นิ แลว้ บ่ส้นิ สร่าง

ยังแสวงหาสารมณต์ ่อไป
ไดร้ สตา่ งตา่ งบ่หนา

ซ่ึงโผฐับภารมณช์ มต่อไป
ดว้ ยกาลังตฤษณา๑๐ใน

ว่าเทา่ นไี้ ซร้หายอยากหอ่ นมี
ได้หนงึ่ แสวงสองสามสี่

ยังยินดหี าห้าหกตอ่ ไป

____________________

๑๐ ตฤษณา หมายถึง ความอยาก ความปรารถนา ความดิน้ รน

๓๒

ได้รอ้ ยบ่ถอยอ่มิ ใจ กลบั กาเรบิ ใหญ่
หา้ พันหา้ หมื่นไป่หมดหมายหา บัญญัตชิ ่อื วา่
ของสตั ว์นีไ้ ซร้
ชนเชน่ พรรณนามา บคุ คลนามา
ไปหรือจะงดพ้ืนทีย่ ืน่ ใส่ ดว้ ยเชอ้ื ทใ่ี ส่
ใสเ่ ขา้ อัคนี
เพราะความละโมบโลภใหญ่ บรโิ ภคโภไค
ดุจกองไฟใหญม่ หึมา วา่ ไฟไฟน้นั
ใชอ่ ืน่ ใช่ไกล
วิใส่อันใหญ่กล้า เปน็ องค์เอคอคั ร์
ซึ่งเช้อื คือหญ้าคือฟืนยน่ื ใส่ เกษมเปรมปรดี ์ิ
ความโลภลาภา
เพลงิ น้นั จะอิ่มอาบใจ ว่าโอชวี ี
แลว้ ดบั หรอื หมดไปไหม้หรือมี ในพระศาสนา
ทเี่ ผาทไ่ี หม้
แมน้ เช้ือใหญเ่ ท่าครี ี ฯ จบคน ๒๑ ฯ|ะ
คงเผาผลาญเป็นอาหาร

ฉันใดชนท่โี ลภมากน้ันไซร้
บอ่ มิ่ อารมณ์ดุจไฟฉันนนั้

ให้ปราชญพ์ ึงจาสาคญั
คือความละโมบโลภมากอยากได้

ท่ีว่าเชือ้ เพลงิ เชื้อไฟ
คอื กามคุณเงินทองของรัก

กาลังโลภแม้นจกั
กษัตริย์ใหญใ่ นทวปี ท้งั ส่ี

อายศุ มย์ ืนได้หมน่ื ปี
ยนิ ดีเสวยกามตามปรารถนา

บ่อ่มิ เอิบเซบิ สา
ดุกไฟไปอ่ ม่ิ พ้ืนดว้ ยดี

ค่อยสังเวชด้วยเหตนุ ้ี
ของเรานีน้ อ้ ยพอตฤษณา

เหน็ แล้วควรรบี ศึกษา
หานา้ คือภาวนาอันเย็นใหญ่

ดบั ซึง่ โลภดจุ กองไฟ
ใหไ้ ดเ้ ย็นเป็นสขุ ทกุ เวลา

(รา่ ยยาว)
๏ คืนหรือจะราอยู่ถ้าวันอันนี้นา เป็นคนเดียวโดยอรรถา ได้แก่ชราความแก่ คือเกิดเป็นสัตว์

ในสงั สารวฏั แน่ คงมชี ราความแก่ อยตู่ ามตวั ท่ัวทกุ คน วนั ใดเดือนใดไฟคือชราร้อนรน จะไป่มาลวกมา
ลน หม่สู ตั วอ์ ย่าฉงนสงใส ต้งั แตก่ าเนิดเกิดปฏสิ นธใิ น ครรภ์แห่งมาดาน้ันไป ชรามีมาแต่น้ัน อายุศม
สตั ว์น้ไี ซร้ แกไ่ ปทุกคนื วนั ผ้ใู ดใครจกั ประจนั มีใหแ้ ก่หอ่ นเห็นมี

๓๓

๏ ปเี ดือนคนื วันล่วงไปฉันใดกด็ ี อายศุ มเหล่าเราท่านนี้ ล่วงตามราตรีฉันน้ัน จะอ้อนวอนงอน
ง้อตอ่ เดือนปี คนื วนั ใหอ้ ยูถ่ า้ อายศุ มนนั้ คงไป่สมอย่าสงสัย แม้นมีฤทธ์ิจะรบรับกับชราภัย จะชนะอย่า
สงสัย อนึ่งจะหนีก็มิพ้น อน่ึงโสดจะมียาวิเศษแลเวทมนต์ จะเยียวยารักษาตน ให้พ้นแก่ห่อนเห็นมี
อายุศมเราทั้งปวงล่วงไปตามราตรี แก่ไปแก่ไปทุกที กาลังก็น้อยถอยลง ตามืดหูหนักฟันหักผมหงอก
บอกตรง ว่าใกลต้ ่อความตายมน่ั คง ให้แลเห็นเป็นสาคัญ อันน้ีช่ือว่าคนหรือจะราอยู่ถ้าวัน เพราะคืน
คือปเี ดอื นนัน้ ไปถ่ ้าวันคอื ชีวิต เพราะดังน้ีควรราพงึ ตัวเปน็ นิตย์ วา่ เรามีชราติดเป็นธรรมดาตวั ตน จ ะ
หลกี ลีด้ ้วยอบุ ายใดไมพ่ น้ ควรแก่เก่าคงเผาลน ทุกเวลาอย่าสงสัย ที่นั้นความเมา คือถือว่าเรายังไป่แก่
ไซร้ จะค่อยสรา่ งห่างไป ดว้ ยกาลังภาวนาน้ี คิดเปน็ บญุ กจ็ ะได้ใจก็จะสังเวชมี เห็นชราดุจอัคคี ลวกลน
เราทา่ นทุกวัน ฯ จบดน ๒๒ ฯ||

๏ พระกาลหรือจะมิประหารชาติ คนเดียวน้ีได้แก่โรคโรคัน รุมรันเราท่านท้ังหลาย เกิดเป็น
คนคงไม่พ้นโรคี มากน้อยมีทั่วกาย อย่าพึงคะนึงหมาย ว่าตนจะพ้นโรคา เหมือนคนยากจนเป็นทาส
ท่านใช้ คงไม่พ้นภัยท่านตีด่า อย่าได้อหังกา ว่าตนจะพ้นด่าตี นายเงินท่านคงโกรธทาโทษด่าตี มาก
น้อยแน่คงมี แม้วา่ ทา่ นปราณี บางทีคงดดุ ่าวา่ เป็นทาสคนจน คงไป่พ้นภัย ท่านตีด่าฉันใดนา เกิดเป็น
คนโรคา คงไม่พน้ ตนนั้นนัน้ โรคีน้ดี ุจไฟไหมแ้ ท้ แม้อินทรพรหมยักษ์ขยัน มีวิชาอนันต์ จะห้ามกันก็บ่อ
ไดจ้ ะรบรับสัปยุธด้วยโรคี ก็ไม่มที ี่ชิงชัย จะหนไี ปหนใด คงไป่พ้นภยั โรคา จะอ้อนวอนงอนง้อสักเท่าใด
โรคไขบ้ ม่ เี มตตา วา่ ผ้ดู ีขี้ข้า ไปว่าพาราแลปราช ด่ังชี้มานีชื่อว่าพระกาล หรือจะมีประหารชาติ เพราะ
พระกาลรา้ ยกาจ คือโรคเข็นบเ่ ว้นใคร เพราะเช่นน้คี วรราพึงถึงตวั ว่าเราน้ีมีโรคไข้ เป็นธรรมดาตัวไซร้
คงไม่พ้นจากโรคา ทีนั้นความเมา ว่าเราไป่ไข้ จะเบาไปจากใจนา จะสังเวชเห็นว่า โรคไข้ด่ังไฟเผาตน
บุญก็จะไดใ้ จกจ็ ะขาด หวาดต่อกรรมอกุศล ก็จะรักษาตน ให้พ้นจากบาปเบ้ืองหน้า ๚ะ จบดน ๒๓
๚ะ

๏ มจั จุราชจะไปพฆิ าตอยา่ ผัน ดนเดียวโดยอรรถา ได้แก่ความตายทาลายฆ่า ซึ่งสัตว์ที่เกิดมา
นี้ เกิดมาสารพัดสัตว์ส้ิน ความขาดชีวิตอินทรีย์ ชื่อว่ามัจจุราชร้ายกาจน้ี คงสังหารผลาญทุกคน จะมี
ฤทธ์ิเดชสักใด อาจจะเหาะเหินเดินหน ดาดินแทรกสินธ์ุได้ทุกสากล มีปรีชาสารพัดตรู จะรบรับกับ
มรณ ก็ไปมที ี่จะสู้จะแหวกเขา ดาดนิ แทรกสินธู อย่ใู นทใ่ี ดคงไมพ่ น้

(กลอนสภุ าพ ประเภท กลอน ๘) ความตายกไ็ มห่ มายผล
๏ จะมีทรัพมานับกองให้ คงไมพ่ น้ ความตาย
มารพรหมยมยกั ษ์รา้ ย
จะมียาวิเศษและเวทมนต์ คงครอบงายา่ ยีนา
แม้ฤๅษวี ทิ ยาธร รู้จบครอบธรรมา
มรณายังยา่ ยี
มัจจรุ าช บ่ขยาดบอ่ าย มรณาจะปราณี
แม้พระสพั ญูญาณ อยา่ พงึ สงสัยหมายมน่ั
จะมีพิฆาตอย่าผนั
เปน็ เอกอคั บคุ คลในโลกา บรรดาสตั ว์ซ่ึงเกิดมา
ชนเชน่ เหล่าเราหรอื วา่ เรามีมรณา
จะหลกั ลี้กม็ พิ น้
จะไมส่ ังหารผลาญชพี ชีวี
อนั น้ชี อ่ื มจั จุราช

เพราะความคงทาลายชีวนั
เพราะเหตนุ ี้ควรคะนงึ นกึ

เปน็ ของสาหรับกับกายอาตมา

๓๔

เปน็ บญุ ญาอนั ใหญย่ ่ิง แลมรณะสามส่งิ
๏ อนึ่งชราภาพ ดัง่ หนึง่ ยกั ษาสามนาย
เป็นทุกขส์ าหรบั กบั กายแท้จรงิ เดินละเลงิ หลงเดยี วดาย
เหมอื นหนึ่งราชโอรส ไป่รู้ว่าสวนยกั ษี
สู่อุทยานยักษาสามนาย ดสู ขุ เกษมเปรมปรีดิ์
ไดเ้ หน็ สระใหญใ่ นสวน ยนิ ดีหลงท้ิงถอนกนิ
กระจับฝักบวั กม็ ากมี จับกมุ ารท่หี ลงถน่ิ
ยกั ษ์หนง่ึ เป็นนายเฝ้าสระ ส่งให้ยักษ์ร้ายนายรอง
ถูลากกระชากไปโดยถวิล ประหารเฆยี่ นตที บุ ถอง
นายรองรบั จับกมุ าร นายมารกร็ ับจับเอา
ส่งใหย้ กั ษร์ า้ ยนายใหญโ่ ดยปอง กนิ เป็นอาหารต่างเขา้
เทา้ ยกั ษ์หกั สู้มาร ไดแ้ กเ่ ราที่เกิดมา
อยา่ งนม้ี ีอุประมาฉนั ใดเลา่ คอื ดวงจิตและกายา
ราชกมุ ารน้ันหรอื เพราะเป็นอาหารความตาย
แห่งเหล่าเราท่ีเกดิ มา ได้แก่กามคุณทง้ั หลาย
สวนสระกระจบั น้นั ไซร้ เพราะมนั พาให้หลงใหล
คือรูปเสียงเงนิ ทองของมากมาย มนั ย่องล่อยอ่ มลวงใจ
ด้วยทรัพยเ์ งนิ ทองของนี้ ดังสระกระจับยกั ษา
แหง่ เหล่าเราท่านให้ละเลงิ หลงใหล คือกามสขุ ตฤษณา
รสหวานใจในกระจบั ในเงนิ ทองของรักแท้
ทมี่ นั ชักจิตให้ติดตรงึ ตรา คือทุกขส์ ามได้แก่
ยักษสี ามนายนน้ั หรอื ท่ีสงั หารผลาญเราท่าน
ชราภาพมรณะน้นั แล หลงใหลในสระมาร
เราเกิดมามจี ติ ใจ ด้วยหวานคอื กามศุขา
คอื กามคณุ หา้ ประการ ทีเ่ ฝา้ สวนสระบษุ บา
ชราร้ายดจุ ยกั ษี พาสสู่ านกั ความตาย
ฉุดกระชากลากไปทุกเวลา ตบตีทบุ ถองในกองกาย
ภาพโยคดี ุจยกั ษท์ ร่ี อ้ งดรุ า้ ย มรณดุจนายยักษ์
ในระหวา่ งกลางมรณา คอื กิเลศมีฤทธคิ์ อื ตฤษณา
หกั คอให้สนิ้ ชีวา ควรสังเวชเหตุนี้
พาให้เราท่านหลงใหล รีบภาวนาสขุ ใสใ่ จ
แล้วละทจุ รติ ใหญ่ ฯ จบดน ๒๔๚ะ

กันภยั ดุจยกั ษา คนเดยี วโดยอรรถา
ชาตนิ ้ชี าตหิ น้าเหมอื นกนั
เกดิ กบั ตายคลา้ ยกนั แลรูปรองรบั ทกุ ขข์ นั ธ์
ได้แก่เหล่าเราทา่ นที่เกิดมา สาหรับรบั ทุกข์ตา่ งตา่ ง

ชาตนิ ก้ี ม็ นี าม
ชาติหนา้ นามรูปนมี้ ีเหมอื นกนั

๓๕

(ร่ายยาว)
๏ จะแสดงแจ้งแตท่ กุ ข์ ในชาตนิ ้ีชเ้ี ปน็ อย่าง ให้เห็นก่อนแล้วจึงจะผ่อนอ้าง ซึ่งทุกข์ที่มีเบื้อง

หน้า ทุกข์สามคือชาติ แลชรามรณะ เป็นทุกข์เท่ียงมีทั่วทุกโลกา ทุกข์อ่ืนไปเท่ียงทั่วไป ทุกข์สามคือ
ชรา ภาพมรณไซร้ เปน็ ทุกข์มหึมากลวั ใหญ่ ในมนุษย์โลกนี้นา จะแสดงชาติทุกข์ ให้เห็นแต่ย่อหนา
สัตวป์ ฏิสนธสิ ่คู รรภ์มารดา ทา่ นเสวยทกุ ขโ์ ตใหญ่ เมื่อมารดาชวนก้ม แลลื่นล้มหรือวิ่งไป สัตว์ในครรภ์
นัน้ เสวยทุกขโ์ ตใหญ่ ดัง่ ตอ้ งถองทบุ เฆ่ยี นตี เม่อื แม่กนิ อาหาร เผ็ดหรือรอ้ นเตม็ ที่ สัตว์นั้นมันเสวยทุกข์
ด่ังไฟจี้ แลดังน้าแสบโทรมกาย เม่ือจะประสูติไซร้ เสวยทุกข์ใหญ่ ล้าเหลือหลาย ดังคชสารท่านลาก
กระชากกาย จากช่องเขาเท่าช่องดาล คลอดแล้วถูกลมน้า สัมผัสหัตถ์เข้าขัดอาน ทุกข์เจ็บช้าดังน้า
แสบซาบซา่ น อนึ่งด่งั ถกู ทมุ่ รมรนั ต่อไปทกุ ข์ต่างตา่ ง เพราะตานซางโรคโรคนั ครันเจริญโตใหญ่ไปท่ี
น้ัน ทุกข์กายทุกข์ใจไหลมา ทุกข์เพราะพ่อแม่ครู ท่านขู่เฆ่ียนและตีด่า ทุกข์เพราะกลัวภัยใหญ่น้อย
นานา ทุกข์เพราะแสวงหาทรัพย์สิน ทุกข์เพราะหวงเงินทอง ทุกข์เพราะพ่อแม่แก่ และลูกหลานเผ่า
พงศา ทุกขเ์ พราะโจรรา้ ยเบียนนนิ ทา ทุกขถ์ งึ เรือนทุกขบ์ ้าน เมยี ทกุ ขถ์ ึงผวั ตวั ผวั ทกุ ขถ์ งึ เมียราคาญ
ทุกข์ถึงศัตรูหมู่ร้ายปองผลาญ ทุกข์เพราะพาลมันย่ายี มีมากก็ทุกข์ใหญ่ เพราะกลัวภัยจะเกิดมี เม่ือ
ยากจนทนทุกข์เต็มที เพราะไม่มีจะเล้ียงกาย เม่ือพลัดพรากจากของรัก ก็ทุกข์หนักแทบถึงตาย เม่ือ
อยดู่ ว้ ยคนทตี่ นเกลียดกลาย ก็ทุกข์รายเพราะชิงชัง ปรารถนาใดไปส่ ม ก็ทุกข์กรมเหลือกาลัง ทุกข์เก่า
ใหมใ่ หญน่ ้อยหนา้ หลัง ดั่งพรรณนามานี้ประสมไวไ้ ด้ จะโตใหญ่เท่าคีรี ทุกข์ดังแสดงแจ้งนี้ มีเพราะ
ชาติทุกข์ขนา ครนั ความแก่มมี าก มันก็ให้ทุกขใ์ จใหญก่ ล้า มนั ก็ให้แรงนอ้ ยถอยพลา ให้กายาเหี่ยวแห้ง
ไป ทาใหฟ้ ันคลอนหกั เจ็บหนกั ระบมกรมใจ ทาให้โสดหนักจกั ฟงั เสียงใด ไป่ยินสาเนียงสนัดแน่ ทาให้
ตามืดมัว จะแลใดไปเ่ หน็ แท้ ใหโ้ ทรมนสั ขัดใจเดอื ดแด เพราะฟังแลไปสมหวัง ทาให้กายง้อมหนา้ ท า
ให้แรงน้อยถอยกาลัง จะยืนเดินก็หอบรวนซวนซัง ท้ังสติก็หลงใหล เม่ือชรากล้าแข็ง ได้ทุกข์กายและ
ทุกข์ใจ ทุกข์ดังพรรณนามานี่ไซร้ ช่ือว่าชราทุกข์นา ภาพทุกข์นั้นคือสรรพโลกนานา มีเจ็บโสตนาสิก
แลตา เป็นต้นหลายเหลือชี้ จะแสดงแจ้งแต่ทุกข์ ท่ีเกิดเพราะโรคโรคี โรคนั้นเกิดในกองกายี มันนา
ทุกข์มาต่างต่าง มันให้เจ็บกายเหลือ ดังเพลิงลวกและลนย่าง ถ้าโรคใหญ่ให้เจ็บทั่วสรรพางค์ ดังต้อง
ปนื พษิ ฤทธ์ิกลา้ เบ่อื เขา้ นา้ ถอยแรง ไป่อาจยกเท้าหตั ถา ขึน้ ได้โดยปองตอ้ งเหยียดกายา จมมูตคูถ๑๑
ทนเวทนา ถ้าโรคน้อยไป่กล้า ก็ทนทุกข์ไปตามเพศ มิเจ็บหัวตัวร้อนเป็นต้นเหตุ ทนทุกข์ตามเพศต่าง
ต่างแต่โรคหืดหิดฝี ยังเต็มท่ีต้องร้องคราง จะว่าไปใยมีให้หลายอย่าง โรคต่างต่างโตใหญ่ แต่โรคหวัด
เท่าน้ียังเต็มท่ีไม่สุขใจ อันน้ีชื่อว่าภาพทุกข์ไซร้ ช้ีไว้แต่ย่อย่อนา มรณะน้ันไซร้ คือความตายวายชีวา
มรณะน้ันมันเม่ือจะมมี า กายาย่อมทกุ ข์เตม็ ที เมื่อจวนจะดบั จิต เจ็บดังพิษเพลิงเผาจ้ี ร้อนรนท่ัวสากล
กายายี เจบ็ ทัว่ ตัวทว่ั กายา มือเท้าชักขวกั ไขว่ บัดเดยี๋ วเทา้ หัตถา ตายเป็นตอนตอนตั้งแต่บาทา หายใจ
ก็น้อยผ่อนลง ท่านว่าเวลานั้น เม่ือจวนชีพจะปลดปลง ทุกข์อ่ืนหม่ืนพันแม้มารวมลง ไม่ทุกข์เท่าเมื่อ
จวนตาย ทุกข์น้ันมันด่ังไฟ มันเผาชีพให้แห้งตาย ทุกข์ดังพรรณนา มานี้โดยหมาย ชื่อมรณะทุกข์นา
ทกุ ข์กลา่ วมานัน้ เปน็ ปัจจุบันทุกขา แมว้ ่าเกดิ ไปในเบ้อื งหนา้ ทุกข์เหล่านม้ี ีแม่นมน่ั เพราะเช่นจึงดนว่า
เกิดกับตายคล้ายกัน เพราะเกิดแก่ไข้ตายเหล่าน้ัน ในชาตินี้มีฉันใด ไปประโลกหน้าความเกิดแก่โรค
โรคาหรือความตายดังพรรณนามา คงมีเหมือนกันฉันนั้น แปลกบ้างบางแห่งเหล่า แต่นรกกับสวรรค์
ตามแต่กุศลากุศลซึ่งอัน จะให้ผลตนเบื้องหน้า แม้กุศลตนทา กุศลจะนาอาตมา สู่สวรรค์ช้ันบนพ้น
มนษุ ย์หนา ทกุ ขด์ ั่งว่าคงไป่พน้ ชาตชิ ราทกุ ข์แลมรณะคงตามตน แปลกบ้างแตห่ ่างเบาดว้ ยผล แห่ง
____________________

๑๑ มูตคดู หมายถงึ ปสั สาวะและอุจจาระ

๓๖

กุศลอปุ ถมั ภ์ ถา้ อกุศลไซรต้ นทาไวค้ งจะนา สู่อบายรา้ ยระยา ทุกข์มากกว่ามนุษย์น้ี ถ้ากลับมาเกิดใหม่
ในมนษุ ยโ์ ลกที กุ ขด์ งั พรรณนามาคงมีมากนอ้ ยเปน็ แนแ่ ลนา อนึ่งโสตสัตว์ท้ังหลาย เวียนวา่ ยในสังศาลา
บางทีไปเกิดในสวรรค์ชั้นฟ้า บางทีมาเกิดในอบาย บางทีเกิดเป็นมนุษย์ เท่ียวดาผุดดาว่ายมีพื้นเป็น
ทุกข์สุขเป็นลวดลาย ทาสุขน้อยสุขหลายเหลือช้ี ควรจะสังเวชจิต ราพึงคิดถึงเหตุน้ี แล้วต่ืนตน
ขวนขวายอบุ ายหลีกหนี จากโลกพี ้นความตาย ๚ะ จบดน๚ ๒๕

(กลอนสุภาพ ประเภท กลอน ๘) คนเดยี วสารทา่ นธิบาย
๏ จนวันใดได้พระนิพพาน หายไม่มีท่นี พิ พาน
ผ่อนโดยย่อพอควรการ
ว่ากองของทุกข์หลาย ชานาญจากาหนดหมาย
จะแสดงแจ้งนพิ พานกอ่ น ดับทกุ ขาสารพรา้ ย
ดงั ธิบายภายกอ่ นน้นั
ให้ปราชชาตปิ รีชาญ หรอื ตายวายชวี ัน
นพิ พานทา่ นแปลวา่ นิพพานสุขประเสริฐ
แลตายวายสังขาร
ทกุ ข์ชวั่ ทกุ ขท์ ้ังหลาย อนึง่ เล่านิพพานศัพท์
คอื ชาติชราโรคโรคาสารพนั กเิ ลสเพศราวี
โลภโกรธโทษหลงเลศ
มนั ไม่มที ี่นิพพาน ถึงนิพพานซ่านสญู ไป
เกิดแกโ่ ศกโรคราคาญ สุขอนั ใดไปเ่ ทยี มทนั
ไดเ้ หน็ เลยเชยชมพลัน
หนั ในนทิ านทา่ นไปม่ ี โสดาบันน้ันจึงเหน็
แปลว่ากลับดบั อัคคี จักจ้ไี ชให้ชัดเจน
เชน่ บุราณท่านเปรียบไว้
ดจุ อคั คีทีร่ อ้ นรน สองรักกนั นัน้ เหลอื ใจ
กเิ ลศดังว่าขาร จากกันไปไดเ้ ลยนา
ไดส้ ามีทเี่ สนห่ า
นิพพานทา่ นสขุ ใหญ่ รกั สามีนี้สดุ ใจ
นพิ พานเราไปเ่ คย ว่าพย่ี ามงามก่อนไซร้
ใยเดี๋ยวนพ้ี ลี่ มื ฉัน
พระสงฆอ์ งค์สาคัญ กว่ารกั ข้ามาก่อนนัน้
นพิ พานนย้ี ากนกั ว่าบอกกันน้ันไม่ได้
อย่รู ่วมเรือนเหมือนพไี่ ซร้
จะแสดงแจ้งให้เหน็ ในสามนี จี้ ะรู้
วา่ มนี างพนี่ อ้ ง เห็นนพิ พานชาญทกุ ผู้
รสรกั ชู้คเู่ คหา
น่งั นอนหอ่ นจะไกล เปลา่ ไม่เหน็ เจนชัดนา
ภายหลงั นางผูพ้ ี่

ลมื นอ้ งของอาตมา
นอ้ งสาวจึงกลา่ วถาม

รกั ฉนั นัน้ เหลือใจ
พีร่ กั ผวั หนักหนา

พ่ีสาวกล่าวบอกพลัน
ปางใดเจา้ ไดค้ ู่

ปางน้ันอนั รักใคร
พระสงฆท์ รงซึง่ ญาณ

ดังพ่ที ไ่ี ด้รู้
นพิ พานบา้ นเช่นเรา

๓๗

ดจุ นอ้ งรองลงมา รสภสั ดาหารไู้ ม่
อนั น้ชี ีเ้ ปรยี บมา ด้วยตัณหาสาธกไว้
มิใชท่ รามขา้ มโลกา
นิพพานทา่ นสูงใหญ่ นิพพานเหน็ เป็นยากหนา
เช่นเหลา่ เรานเ้ี ข็ญ อวทิ ยามาปิดไว้
แต่เคยนอ้ มยอมจิตใจ
ดว้ ยเหน็ เพศตณั หา ด้วยฤทธิพ์ ิษตณั หา
อย่าว่าแตเ่ หน็ เลย ใหจ้ ติ คิดสลวน
แมแ้ ตจ่ ะจวนตาย
ไปม่ ีหนกั สักก่คี น ในของทองเงนิ นี้
อวิทยาพามิดมน นีห่ รือบุถชุ น
นพิ พานการนีไ้ ซร้
หลงไปในโลกย์ พระสงฆอ์ งค์อรยิ
ยงั ไมค่ ลายหายยนิ ดี ในธรรมนาราคา
พระสงฆ์องคอ์ ารยี ์
แลบุตรีท่รี ักใคร่ ทร่ี ักษ์จักกระพัต
ตนจะนอ้ งยอ้ มจิตไป ถา่ ยคลายหายยนิ ดี
ถ้าจะไปคลายไซร้
ใช่วไิ ลใจตณั หา ท่านนั้นชั้นแต่จิต
ท่านยินดนี ีห้ นักหนา สักน้อยดว้ ยเนยี วลด
อน่งึ เลา่ แมเ้ ขาวา่
ด้วยปญั ญาพาเห็นชดั ชอบเข้าเราจะผลาญ
ท่านมใี ครใหส้ มบตั ิ ทา่ นน้ันจะพร่นั ตาย
รักษ์ตนล้นเหลอื ตรา
แล้วพกิ ดั ละตัดลงไว้ อนึ่งโสดนพิ พานน้ัน
ที่นพิ พานทา่ นจะได้ นิพพานทา่ นนีไ้ ซร้
เพราะเหตนุ ี้จงึ ดล
เรายอให้ในสมบัติ เพราะทกุ ข์ทกุ สงสาร
คดิ ยนิ ดที ก่ี ษัตรยิ ์ ทกุ ข์น้นั ครน้ั เมื่อถงึ
ใหป้ ราชญ์ชาตเิ ชื้อชาย
ตดั เยม้วยดว้ ยองคญ์ าณ จบดนคู่ ๒๖ ๚ ๏
อยา่ ชอบใจในนพิ พาน ตัง้ แตต่ ้นจนปลายมา
อยา่ นบั อรรถจัดเป็นคู่
ทานให้ตายวายชีวา จงจาเอาเลา่ อา่ นดู
แลว้ แลกลายหายอาสา ตามครแู สดงแจ้งมาน้ัน
บางแห่งคู่อยู่ดว้ ยกนั
กว็ า่ นิพพานน้ันหาไม่ สันเป็นชาติมาตกิ า
ดับทกุ ข์ทกุ ขน์ ้อยใหญ่ อยา่ อ่านเล่นเหน็ แต่ตา

สุขใหญ่ล้นพน้ พรรณประมาณ
จนวนั ใดได้นิพพาน

การเกดิ แกแ่ ลไข้ตาย
ซงึ่ นพิ พานซ่านสญู หาย

หมายกาหนดหมดแลนา
๏ จบอรรถแถลงแห่งประดน

คดิ ตามคู่โบราณว่า
สบิ แปดคูอ่ ยู่เปน็ เคา้

ถา้ นบั ความตามกระทู้
บางแห่งไซร้ไม่เป็นคู่

ยส่ี บิ หกยกสาคัญ
แม้ผูใ้ ดใครพบเห็น

๓๘

ให้ตรกึ ตรองคลองอรรถถา เร่งศกึ ษาอยา่ ดูเบา

ถา้ เขา้ ใจให้ทาตาม จะงามใหญ่ในตัวเรา

จะเปน็ สขุ ทุกขค์ าเขา้ จะบางเบาเหล่าชวั่ รา้ ย

เกิดมาเปน็ ตนชนทุกผู้ อยา่ ดเู บาเอาแต่งา่ ย

ร้ไู ว้บา้ งทางดีรา้ ย สาหรับกายชายเชาเรา

ชวั่ ทไ่ี หนใหห้ ลีกหนี ทไี่ หนดปี รีดาเอา

จึงจะสุขทุกค่าเชา้ แกต่ ัวเราเหลา่ หญิงชาย

ถ้าทาได้ไปเสยี ท่ี เกดิ มามีดีติดกาย

แมป้ ระไลไปเบ้ืองปลาย จะสบายกายตนนา ๚ะû

๏ ด้วยเดชแสดงอรรถประดนธรรม เป็นฉันท์พากษ์ภาษา

นบั ในกศุ ลกิรยิ า เทศนาไม่ยมหนั ต์

ขอกลับนุทศิ นา สว่ นกุศลกรรมน้ัน

แก่หมู่สตั ว์สรพสรรพ์ อเนกอนนั ต์เหลอื หลาย

อนึง่ หมนู่ ิกรอมรา สุรเทพยเรอื่ งงา่ ย

แลโลกบาลมารนกิ าย วาสุตรคี รุทสตุ สรรพ์

จงเปรมปรดี ิป์ ราโมทย์ กระมลเกษมสุขทุกคนื วนั

นริ าชรา้ งไกลภัยสารพัน อยา่ แผว่ พานทั่วทง้ั หลาย

อา้ เทพยจงดลหฤไทท้าว บินปกเกล้าประชาชาย

ใหม้ มี โนการณุ นิกาย ณ ขอบขนั ขลีมา

อ้างองค์กษัตริย์จงมีมโนการุณ ภาพผ้พู วกประชา

เปลือ้ งปลิดภารเทียรทนมา ให้เบาบางสบายกาย

อ้าองคบ์ นิ ปกเกษตรอยุทธยา จงสุขหฤทยั กาย

พระชนม์จงยนื ย่ิงกว่าทง้ั หลาย ท้งั ปรปักจงเขตทม

อา้ อรุณสาหรับฤดูกาล จงตกโดยฤดูตาม

ใหผ้ ลโภชนงอกงาม แกพ่ รรณสปุ รชพิ านต์

อ้ากุศลธรรมอุปถัมภ์ คอ่ ยข้าประกอบการ

ในปจั จุบนั จงเบาสบายนาน โรคภัยพาลอย่าพึงมี

(ร่ายยาว)
แม้อุปบัติเบ้ืองปรโลก จงสมาคมคนดี สาธุชนชวนจรลีสู่กุศลซ่ึงสุข จงเจตนาน้อมในกุศล

ศิลทานแลสัมปทา หิโรตัปปะกัษวิริยะกัษมา สติอาทิทุกอัน ปรีชาจงประเสริฐวิเศษสุด ในอรรถ
ไญยธรรม ไป่ขัดข้องคล่องแคล่วสรรพสรรพ์ เล่ห์ลมล่องห้องหาวหน จงแหลมหลักวรอรรถคาถา
แลคมข้อคาขาคน จงเฉกเช่ียวฉันท์สรรพกร่อนกล สาหรับชายชาติปรีชา คุณดังแสดงโดยนิพนธ์จง
สฤทธิผดุงแด่ตูข้า ทุกข์ปางไปจนล่วงลุโลกุตตรา อมฤตยธรรมเมศ อ้าคาทรจนานี้ จงเนานานใน
โลเกศ ส่องสัตว์สว่างทางวิเศษ ตราบท้าวถึงยุคคันตวาต ข้าขอนบวรศรี ข้ึนโลกยโมลี มารชิตเฉิดฉัน
อนึ่งก็นบวรธรรม วิสตธิสรรพ์ นพโลกุตรา อน่ึงนบสงฆ์อัษฎา องค์อริยาอันทรงซึ่งศิลสังวร อนึ่งนบ
บดิ ามารดา อาจารย์ผู้สอนซ่งึ ศิลธรรมนานา ขอแสดงประโยชน์มมิ า สองประการหนา ตามพระเทศนา
ว่าไว้ คือประโยชน์โลกนี้ไป อีกประโยชน์ใหญ่ ในโลกยนานับเป็นสอง จะกล่าวเหตุให้เกิดกอง

๓๙

ประโยชน์คุณปอง ในโลกยน้ีก่อนสอนไว้ เป็นชาติชนเมื่อเติบใหญ่ ควรตั้งตนไว้ ในสัมปทาส่ีประการ
ประการต้นอย่าเป็นคนคร้าน หมั่นกอบการงาน ทาสวนทาไร่ไถนา ถ้ากอบกิจข้างพ่อค้า แลราช
กิจจา หรือศิลปะศาสตร์ใดใด หรือวิชาหมอขางไม้ วิชาใดใดที่ชอบไปเบียดเบียนเขา หมั่นกอบกิจน้ัน
ค่าเช้า ไปน่ังนิ่งเปล่า แสวงหาทรัพย์ใส่ตนไว้ ประการสองคือให้ ฉลาดแหลมว่องไว รักษาทรัพย์ท่ี
ได้มา มิให้ฉิบหายไปรา ด้วยกษัตริย์ตรา ด้วยภัยโจรกรรมนาไฟ ทรัพย์จะไป่สูญด้วยภัย จะเจริญ
อย่างไร ให้รับรู้อุบายน้ัน ประการสามเล้ียงชีวัน เสมอสมทรัพย์น้ัน คือกินไป่น้อยไป่มาก ถ้าผู้ใดไร้
ทรัพยย์ าก กินฟมู ฟายมาก ไมร่ ปู้ ระมาณการกิน เพื่อนบ้านท่านจักติฉิน ว่ากินดังกิน มะเด่ือถอยน้อย
ราคา ความจักฉิบหายจักมีมา แกตนเร็วรา เพราะฟูมฟายจ่ายทรัพย์ ถ้าแม้มั่งมีทรัพย์สรรพ กระหนี่
เหลอื ฉบบั กนิ แต่ปลาทปู ูแสม เขาจักนินทาว่าแซ่ ว่าเหนียวเตียวแท้ ไป่เลี้ยงกายตายท้ังพี จงเลี้ยงตน
ตามทรัพย์มี ให้เสมอด้วยดี ดังชายช่างฉลาดช่ังของ ประการสี่ให้เสพซ่อง นักปราชญ์โดยปอง เป็น
กลั ยาณมิตรหมงู่ าม คอื มศี ิลป์ไปทราม หนมแก่กต็ าม ถา้ มิคุณให้สมาคม อย่าคบพาลพวกโสมม มันจะ
นิยม พาผิดติดตัวชั่วไปสัมปทาสี่นี้ไซร้ เป็นประโยชน์ โลกยนิจงจากาหนด อน่ึงพึงเว้นโทษทรยศ ให้
สญุ ทรพั ย์หมด คอื อบายมุขมสี ี่ขอ้ ขอ้ ตน้ อยา่ เปน็ คนก็ เกยี้ วช้เู ท่ยี วจ๋อ เปน็ นกั เลงผู้หญิงหย่ิง อย่าเรียน
เสน่ห์เล่ห์ลวงหญิง อย่าทาสุงสิง นักเลงหญิงแพศยา จะระยายับกายา ฉิบหายทรัพย์รา เพราะเพลิน
เมินไม่กอบการ ข้อสองอย่าเสพสุราบาน กัญชาอย่าพาล ท้ังน้าตาลส้มผืนผ้า จะเส่ือมทรัพย์อับ
ปัญญา ท้ังตัวอาตมา ก็จะระยาเพราะโพยภัย ข้อสามอย่านักเลงใหญ่ เล่นสกลเบ้ียไพ่ เล่นไก่นกด้วย
หวยโป เล่นพนันขันต่อโต้ ครันแพ้พาโซ เสื่อมทรัพย์ยับระยาเข็ญ ถ้าชนะจะได้เวร แต่ผู้ปองเข็ญ จะ
ชนะคืนคอยผิด ข้อส่ีอย่เสพยาบา้ ปะมติ ร คอื พาลอย่าชิด เสพแตบ่ ณั ฑิตมิตรดี อน่ึงพาลมีหลายเหลือช้ี
กล่าวกม็ ีพวกพาลสองพึงรู้ พวกหนงึ่ โหยกเหยกเกกครู เกงโกงสรู่ ู้ ขมเพื่อนบ้านราญคน ฉกฉ้อส่อเสียด
ซุกซน นักเลงบี้ป่น นี้พาลตามโลกยน้ีฦๅเล่า พวกหนึ่งประโยชน์เขาเรา ไม่รู้ดูเบาประโยชน์โลกยนี้
โลกยนา ทุจริตจิตรกายวาจา ไร้ศิลป์ศรัทธา ศาสนาไป่ปฏิบัตินิพานพันเจ้าตรัส สองพวกมีชัด อย่า
เสพจะสูญคุณตน อน่ึงอย่าคิดปริศนาซน เที่ยวขุดเที่ยวค้น วัดวาอารามเกะกะ อย่าคิดโสพัดเลอะละ
ท้ังสะระตะ อย่าเพียนเรียนตรองปองหา อย่าริเรียนร่าตารา ฆ่าปรอตด้วยยา อย่าบ้าเล่นแร่แปรธาตุ
แมม้ ผี ้ชู ้ปี ระกาศ ว่าดีของปราชญ์ อยา่ หลงจะเหลวทอ้ งแห้ง เหล่านี้บาฬีหลักแหล่ง แม้มิได้แสดง แต่ดู
ดั่งหมู่บาปมิตร เพราะใครคับค้าพาผิด ดังคบบาปมิตร ภากิจไป่ทาราเล่น อบายมุขส่ีน้ีเป็น เหตุให้ได้
เขญ็ จงเวนระวงั ด่ังพศิ ม สระใหญ่มที ่อสที่ ิศ เปดิ ทอ่ ไป่บิด นา้ ไหลออกพลันฉันใด อบายมุขสี่นี้ไซร้ ใคร
เสพจักให้ ทรัพย์ไหลออกพลันฉันน้ัน แม้ละอบายมุขได้พลัน จะเจริญทรัพย์หมั้น เหมือนบิดปากท่อ
บอไว้ อันน้ีซ้ือประโยชน์ใน โลกนี้จาไว้ ให้ชัดปฏิบัติเถิดนา จาได้ต่อไปเร่งหา ประโยชน์โลกหน้า คือ
สมปทาทั้งส่ีบท บทต้นศรัทธาอย่าคต คือเช่ือกาหนด คุณรัตนไตรให้ตรง พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
ทั้งสามพระองค์ เป็นรัตนไตรในเราพระพุทธคือผู้รู้เท่า ว่าโลกน้ีเปล่า ไม่สุขเป็นทุกข์ไม่เที่ยงตัดหลง
โลภลาภบาปเกลยี้ ง จติ ใส่ไม่เอยี ง ในทุกข์แลสุขชมฉนิ ท่านรู้ธรรมท้ังปวงสิ้น ดว้ ยตนห่อนยิน ผู้อื่นผู้ใด
ใครว่า ความรู้ชัดตัดบาปนี้นา ช่ือว่าปัญญา เป็นคุณใหญ่ในท่านนี้ ท่านกรุณาปราณี หวังให้เราน้ี พ้น
อัคคคี อื ทกุ ขา คณะท่านล้นพน้ พรรณนา คอื คุณใหญ่ปัญญา กับกรุณาเป็นสองส่ิง พระธรรมคือความดี
จริง ที่บังเกิดสิ่ง ในพระพุทธผู้ดารง ไม่โกรธไม่โลภไม่หลง มีในพระองค์ เรียกว่าธรรมความดี ได้แก่
มรรคส่ีผลสี่ กับนฤพานท่ีระงับดับโลภสละหลง โอวาทอนุสาสน์พระองค์ แสดงแก่พระสงฆ์ ส่องให้
สว่างในทางดี ชื่อว่าปริยัตินี้ จัดเข้าท่ีก็เรียกว่าทาความงาม พระสงฆ์คือว่าผู้รู้ตาม ซึ่งธรรมอันงาม รู้
ตามพระพุทธผู้สอน ฆ่าบาปตายเป็นตอนตอน จึงได้นามกร ตามมรรคผลที่ตนได้ พระโสดาบนั้นไซร้
เป็นต้นต่อไป พระสกิทาคามีพระอนาคามีน้ี เป็นสามท่ีสี่ คือองค์อรหันโต พุทธโธธรรมโมสังโฆ ท่ีพึ่ง

๔๐

ใหญ่โต แห่งเหล่าเราท่าทั้งหลาย จะต้องถือจนวันตาย อย่ามักง่ายเร่งรู้หาครูศึกษา บทสองไซร้คือศิล
ห้า จงเร่งศกึ ษา สมาทานให้ถ้วนถ่ี บาณาติบาตาน้ี ห้ามฆ่าราวี บันดาสัตว์ทุกข์สี่สรรพ อทินนาทานา
น้ัน ห้ามการเกียดกัน ฉกฉ้อเงินทองของเขา กาเมสุห้ามมัวเมา ลูกเขาเมียเขา อย่าลอบลักสมาคม
มสุ าวาทาหา้ มลม เจรจาสมมติ พูดปดคดโกงแก่ท่าน สุราเมรัยห้าม การเสพสุราบาน น้าตาลเหตุให้
หมอง บทสามจาคะครดื รองเรือนทรพั ย์สง่ิ ของ อย่าเหนยี่ วหนักในทางทาน จงแบ่งทรัพย์เป็นห้าสถาน
สถานหนึง่ กอบการ เลี้ยงกายแลลูกเมียตน สถานหนึ่งไว้ให้เป็นผล แก่พ่อแม่ตน แลมิตรหมู่ทาสทาษา
สถานหนึ่งไว้เพ่ือพลีห้า คือศรีราชา แลพลีเหล่าญาติขัดสน หน่ึงพลีแก่เทวาตน แลพลีแขกคน ฤๅพลี
กรรมแกเ่ ปตา สถานหนงึ่ พงึ เกบ็ ไวห้ นา เผอ่ื ภยั เบือ้ งหน้า มมี าจกั ได้ป้องกัน คือเพื่อนเดิมในสงสาร บท
ส่ปี ัญญาคอื ญาณ รู้กองสงั สารขาร ว่าเปน็ ทุกข์ไม่เท่ียงแท้ บทสี่นี้สุขุมแล เร่งเรียนให้แน่ ในไตรลักษณ์
แล่สังขาร ขันห้าธาตุหกประการ เป็นตนนี้ทาน ว่าสังขารกรรมก่อมา อนิจจังสุขังหนา อีกอนัตตา ทั้ง
สามนนี่ ามไตรลักษณ์ สัมปทาส่ีน่ียากนัก จงเร่งรู้จัก อย่ามักง่ายจะตายเปล่า จะเสียทีท่ีเกิดมา ปฏิบัติ
ได้ดนี ักหนา เพราะจะนามา ซง่ึ สุขในโลกท้ังสอง ถ้าดับชีพจะรีบครอง สมบัติโดยปอง ในสวรรคเสวย
สุขทุกข์ทว่ี า่ คานีห้ นอยอ่ ดอกหนา จงเรง่ ศกึ ษาตอ่ ครูร้ใู ห้แน่เถดิ

ภาคผนวก

๔๓

ภาคผนวก ก
ภาพสมดุ ขอ่ ย
เรอื่ ง ประดนธรรมคำกลอน ฉบบั วัดพกิ ลุ ทอง
ตำบลพิกลุ ทอง อำเภอเมืองรำชบุรี จังหวดั รำชบุรี

๔๔

ภาพสมุดขอ่ ย
เรื่อง ประดนธรรมคำกลอน ฉบบั วัดพกิ ุลทอง
ตำบลพกิ ลุ ทอง อำเภอเมอื งรำชบุรี จังหวดั รำชบุรี
-----------------------------------------------------

๔๕

๔๖

๔๗

๔๘


Click to View FlipBook Version