The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วันพ่อแห่งชาติ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chaiya District Public Library, 2020-12-04 09:13:51

วันพ่อแห่งชาติ

วันพ่อแห่งชาติ

วนัว๕ันพพรธ่อะแันรแลวาหชะา่งสคชมามตภิพ

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ห้องสมุดประชาชนอาเภอไชยา

ประวัตแิ ละความเปน็ มา

วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีข้ึนครั้งแรก เม่ือวันท่ี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต
นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา หลักการและ
เหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อข้ึนแห่งชาติ เน่ืองจากพ่อเป็น
บุคคลผ้มู พี ระคุณและมีบทบาทสาคัญตอ่ ครอบครวั และสังคม
ที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความ
กตัญญู และสังคมควรที่จะยกยอ่ งให้เกียรติราลึกถึงผู้เป็นพ่อ
จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซ่ึงเป็นวันเฉลิมพระ
ชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลย
เดชเป็น “วนั พอ่ แหง่ ชาต”ิ

กิจกรรมวันพ่อแห่งชาติจัดติดต่อกันทุกปีต้ังแต่ พ.ศ.
2523 โดยการริเร่ิมของนายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วย
การศกึ ษา คณุ หญงิ เนื้อพิทย์ เสมรสุตสัญลักษณ์ท่ีใช้ในวันพ่อ
ได้แก่ ดอกพทุ ธรกั ษาซึง่ มีช่ืออันเป็นมงคล

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

สัญลกั ษณว์ ันพ่อแห่งชาติ

คณะกรรมการจัดงานวันพ่อแห่งชาติได้กาหนดให้ดอก
พุทธรกั ษาดอกไม้ทมี่ นี ามเปน็ มงคลนีเ้ ปน็ สญั ลักษณ์

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

วัตถปุ ระสงค์ในการจดั งาน

• เพ่อื เทิดทูนพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิ
พลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

• เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกยอ่ งบทบาทของพ่อที่มี
ตอ่ ครอบครัวและสังคม

• เพอ่ื ใหล้ กู ไดแ้ สดงความกตัญญูกตเวทตี ่อพ่อ
• เพ่อื ใหผ้ ู้เปน็ พอ่ สานกึ ในหนา้ ท่แี ละความรบั ผดิ ชอบของตน
• เพ่ือประกาศเกียรติคุณให้กับพ่อและลูกท่ีปฏิบัติหน้าท่ีของ

ตนไดเ้ ปน็ อย่างดี สมควรแกก่ ารยกยอ่ งของสงั คม
• เพ่ือรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทยให้

คงอย่ตู อ่ ไป

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

กจิ กรรมในวนั พอ่ แหง่ ชาติ

• ประดับธงชาติไทยบริเวณอาคารบ้านเรือน
• จัดพิธีศาสนสงฆ์ ทาบุญใส่บาตร อุทิศเป็นพระราชกุศล

น้อมเกลา้ ฯ ถวายพระพรชัยมงคล
• จัดกิจกรรมเก่ียวกับการบาเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อ

ถวายเปน็ พระราชกุศล

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

พระราชประวตั ิ

พระราชสมภพ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย

เดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชสมภพในราชสกุล
มหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ โรงพยาบาลเมาต์ออ
เบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ อันเป็นที่ซึ่งพระ
บรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกาลังทรงศึกษาวิชาการอยู่
เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ข้ึน 12 ค่า ปีเถาะ นพศก จุลศักราช
1289 ตรงกบั วนั ท่ี 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2470

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม
นาถบพิตร เป็นพระโอรสองค์ท่ีสามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุล
เดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ
อยุธยา มีพระนามเม่ือแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า "เบบี
สงขลา" ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุล
เดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จ
พระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คอื

หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอไชยา

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง
นราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา
อานันทมหิดล ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรง
ออกพระนามเรียกพระองค์เปน็ การลาลองว่า "เลก็ “

พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับ
พระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว เม่ือวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกากับ
ตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทาให้
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับ
พระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล" ในระยะแรกพระนาม
ของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเองทรงเขียน
ว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป
จนมาทรงนิยมใชแ้ บบหลังซง่ึ มตี วั "ย" สะกด

หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอไชยา

พระนามของพระองค์มคี วามหมายว่า
• ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล

หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่ง
แผน่ ดนิ "
• อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ
เดช หมายความว่า "อานาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อานาจ
ท่ีไมอ่ าจเทยี บได้“

เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรม
ราชชนก ซ่ึงทรงสาเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต
เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จ
พระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระ
เชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมา วันที่
24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต
ขณะท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมี
พระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

การศกึ ษา
พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้า

ศกึ ษาท่ีโรงเรยี นมาแตร์เดอวี ทิ ยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.
2476 จึงเสด็จพระราชดาเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐ
ภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เพื่อการศึกษาและพระ
พลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้า
ศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝร่ังเศส
ภาษาเยอรมนั และภาษาองั กฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ
เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la
Suisse Romande) เมอื งชาย-ี ซูร-์ โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)

เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระ
บรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์
รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนา
ฐานันดรศักดิ์เป็น "สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุล
เดช" เมือ่ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2481 พระองค์ได้โดยเสด็จฯ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็น
เวลา 2 เดือน โดยประทับท่ีพระตาหนักจิตรลดารโหฐาน
พระราชวังดุสิต จากนั้นเสด็จกลับไปศึกษาต่อท่ีสวิตเซอร์แลนด์
จนถึง พ.ศ. 2488 ทรงรับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์จาก
โรงเรียนฌีมนาซกลาซิกก็องตอนาลเดอโลซาน (Gymnase
Classique Cantonal de Lausanne) แล้วทรงเข้าศึกษาต่อ
ณ มหาวิทยาลัยโลซาน แผนกวิทยาศาสตร์ โดยเสด็จนิวัต
ประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง ประทับ ณ พระท่ีน่ังบรมพิมาน
ในพระบรมมหาราชวงั

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

ตน้ รชั กาลและราชาภเิ ษกสมรส
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระ

ปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จสวรรคตอย่างกระทันหัน ณ
พระท่ีน่ังบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง ในวันเดียวกัน
รฐั สภาลงมติเป็นเอกฉันท์อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้า
ฟ้าภูมิพลอดุลยเดช (พระยศในขณะนั้น) ขึ้นทรงราชย์สืบราช
สันตติวงศ์ต่อไป จากนน้ั ทรงเสดจ็ พระราชดาเนินไปศึกษาต่อ ณ
มหาวิทยาลัยแห่งเดิม แต่เปลี่ยนสาขาจากวิทยาศาสตร์ ไปเป็น
สาขาสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ในวันที่ 19
สิงหาคม พ.ศ. 2489 ซึ่งในช่วงเวลาน้ันพระองค์ยังทรงพระเยาว์
และเสด็จพระราชดาเนินศึกษาต่อ คณะผู้สาเร็จราชการแทน
พระองค์ชั่วคราวในครั้งแรก ซ่ึงได้แก่ พระสุธรรมวินิจฉัย (ชม
วณิกเกียรติ), พระยานลราชสุวัจน์ (ทองดี นลราชสุวัจน์) และ
สงวน จฑู ะเตมยี ์ สมาชิกพฤฒสภา

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเล่า
ว่า ระหว่างประทับรถพระที่น่ังเสด็จพระราชดาเนินไปยังท่า
อากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อทรงศึกษาเพิ่มเติมที่
สวิตเซอร์แลนด์ ก็ทรงได้ยินเสียงราษฎรคนหนึ่งตะโกนว่า
"ในหลวง อยา่ ทิ้งประชาชน" จึงทรงนึกตอบในพระราชหฤทัยว่า
"ถ้าประชาชนไม่ทง้ิ ขา้ พเจ้าแล้ว ขา้ พเจา้ จะทิง้ ประชาชนอย่างไร
ได้" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระหนักในหน้าท่ี
พระมหากษัตริยข์ องพระองค์ ดังที่ได้ตรัสตอบชายคนเดิมนั้นใน
อีก 20 ปตี อ่ มา

หลังจากที่จบการศึกษาจากสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์เสด็จ
เยอื นกรงุ ปารสี ทรงพบกับหมอ่ มราชวงศส์ ิริกิต์ิ กิตยิ ากร ซง่ึ เป็น
ธิดาของเอกอัครราชทูตไทยประจากรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส
เป็นครั้งแรก ในขณะนั้น ทั้งสองพระองค์มีพระชนมายุ 21
พรรษา และ 15 พรรษาตามลาดับ ใน พ.ศ. 2490 พระองค์ทรง
มีพระราชหัตถเลขาแสดงความพอพระราชพฤทัยในรัฐประหาร
ในปนี ้ัน ซ่งึ เปน็ รฐั ประหารของฝ่ายกษตั ริยน์ ยิ ม

หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอไชยา

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2491 ในระหว่างเสด็จประทับยัง
ต่างประเทศ ขณะท่ีพระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเฟียส
ทอปอลิโน จากเจนีวาไปยังโลซาน ทรงประสบอุบัติเหตุทาง
รถยนต์ กลา่ วคือ รถยนต์พระท่ีนง่ั ชนกบั รถบรรทุกอยา่ งแรง ทา
ให้เศษกระจกกระเด็นเข้าพระเนตรขวา พระอาการสาหัส หลัง
การถวายการรักษา พระองค์มีพระอาการแทรกซ้อนบริเวณพระ
เนตรขวา แพทย์จึงถวายการรักษาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง
หากแต่พระอาการยังคงไม่ดีข้ึน กระทั่งวินิจฉัยแล้วว่าพระองค์
พระเนตรขวาบอด จึงได้ถวายการแนะนาให้พระองค์ทรงพระ
เนตรปลอมในที่สุด ทั้งน้ีหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ิได้มีโอกาสเข้าเฝ้า
เย่ียมพระอาการเป็นประจาจนกระท่ังหายจากอาการประชวร
อันเป็นเหตุท่ีทาให้ทั้งสองพระองค์มีความสัมพันธ์กันอย่าง
ใกล้ชดิ นับต้งั แตน่ ัน้ เป็นต้นมา

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม
นาถบพิตร ทรงหม้ันกับหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ิ กิติยากร เมื่อวันที่
19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 และเสด็จพระราชดาเนินนิวัตพระ
นครในปีถัดมา โดยประทับ ณ พระท่ีนั่งอัมพรสถาน ต่อมาวันที่
28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระ
ราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ
พระตาหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสา
อัยยกิ าเจ้า ภายในวังสระปทุม ซ่ึงในการพระราชพิธีราชาภิเษก
สมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อม
ราชวงศส์ ริ ิกิต์ิ กติ ิยากร ขน้ึ เป็น สมเดจ็ พระราชนิ ีสริ ิกิติ์

วันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมให้ต้ังการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตาม
แบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ
เ ฉ ลิ ม พ ร ะ ป ร ม า ภิ ไ ธ ย ต า ม ท่ี จ า รึ ก ใ น พ ร ะ สุ พ ร ร ณ บั ฏ ว่ า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบ
ศรรามาธิบดี จกั รีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพติ ร

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดิน
โดยธรรม เพ่ือประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ในโอกาสนี้
พระองค์ทรงพระราชดาริว่า ตามโบราณราชประเพณี เม่ือ
สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
บรมราชาภิเษกแล้ว ย่อมโปรดให้สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ
สมเด็จพระอัครมเหสีขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ดังน้ัน
พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนา
เฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสิริกิต์ิ ข้ึนเป็น สมเด็จพระ
นางเจา้ สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชินี

หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอไชยา

ผนวช
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเสด็จฯ

ออกผนวชเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม–5
พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมี
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระ
อุปัชฌาย์ ทรงได้รับฉายาว่า ภูมิพโลภิกขุ หลังจากนั้น พระองค์
เสด็จฯ ไปประทับจาพรรษา ณ พระตาหนักป้ันหยา วัดบวร
นิเวศวิหาร ระหว่างที่ผนวชน้ัน พระองค์ทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี เป็นผู้สาเร็จ
ราชการแทนพระองค์ ด้วยเหตุน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว
จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระนาง
เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
5 ธนั วาคม ปเี ดยี วกนั

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

ระหว่างท่ีทรงดารงสมณเพศ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระ
ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช ท ร ง ป ฏิ บั ติ พ ร ะ ร า ช กิ จ
เช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระ
อุโบสถทรงทาวัตรเช้า–เย็น ตลอดจนทรงสดับพระธรรมและ
พระวินัยนอกจากน้ียังได้เสด็จพระราชดาเนินไปทรงปฏิบัติพระ
ราชกรณียกิจพิเศษอื่น ๆ เช่นในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2499
ได้เสด็จพระราชดาเนินไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงร่วม
สังฆกรรมในพิธีผนวชและอุปสมบทนาคหลวงในพระบรม
ราชินูปถัมภ์ ในวันที่วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2499 เสด็จฯ ไป
ทรงรับบิณฑบาต จากพระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลี
พระบาท ณ พระที่น่ังอัมพรสถาน ในโอกาสน้ีพระบาทสมเด็จ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ได้
เขา้ เฝ้าทูลละอองธุลพี ระบาทดว้ ย

อนึ่ง ในการทรงพระผนวชครั้งน้ี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม
พ.ศ. 2499 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช พระราชอุปัชฌา
จารย์ ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

เสดจ็ สวรรคต
ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เมื่อครั้งดารง
พระบรมราชอิสริยยศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ
พลอดุลยเดชทรงมีพระปรอทต่า หายพระทัยเร็ว มีพระเสมหะ
พระปับผาสะซ้ายอักเสบ มีพระโลหิตเป็นกรด และพบว่ามีน้า
คั่งในช่องเยื่อหุ้มพระปัปผาสะเล็กน้อย คณะแพทย์จึงทาการ
รักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะ และใช้สายสวนเข้าหลอดพระ
โลหิตดาเพ่ือฟอกพระโลหิต แต่มีพระความดันพระโลหิตต่าจึง
ใช้เคร่ืองช่วยหายพระทัย พระอาการไม่คงท่ี ก่อนท่ีพระอาการ
จะทรุดลงไปอีก มีการติดเช้ือในกระแสพระโลหิต จนเม่ือวันท่ี
13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระอาการประชวรได้ทรุดหนักลง
ตามลาดบั และสวรรคตเมอื่ เวลา 15.52 น. รวมพระชนมายุ 88
พรรษา ทรงครองราชสมบตั ไิ ด้ 70 ปี 4 เดือน 4 วัน

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.00 น.
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังเป็นสมเด็จพระ
บรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระบรม
วงศานุวงศ์ได้เสด็จพระราชดาเนินไปโรงพยาบาลศิริราช เพ่ือ
เคล่ือนพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ
พลอดุลยเดชไปยังพระบรมมหาราชวัง มีพระราชพิธีถวายสรง
น้าพระบรมศพ ณ พระที่น่ังพิมานรัตยา มีการเชิญพระบรมศพ
ลงสู่พระหีบ ประดิษฐานหลังพระแท่นแว่นฟ้าทอง ประกอบ
พระโกศทองใหญ่ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่ง
ดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง

รัฐบาลประกาศให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงาน
ของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา 30 วัน และให้
ข้าราชการ พนกั งานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าท่ีรัฐไว้ทุกข์ 1 ปี ต้ังแต่
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีมีมติกาหนดให้วันที่
13 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้ประชาชนน้อม
สานึกในพระมหากรุณาธิคุณ มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระ
บรมศพ ในวันที่ 26 ตลุ าคม พ.ศ. 2560

หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอไชยา

ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้เฉลิมพระ
ปรมาภิไธยพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมชนกนาถขึ้นเป็น
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พุทธศักราช 2562[91] ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ เร่ือง พระปรมาภิไธย
พระนามาภิไธย คาอ่าน และสรรพนาม คาขึ้นต้น คาลงท้าย
ในการกราบบังคมทูล กราบทูล ได้ระบุพระปรมาภิไธยอย่างย่อ
ไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร

วันท่ี 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิร
เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มีพระบรมราชโองการให้วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวัน
สาคัญของชาติไทย เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระบรมราช
สมภพของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร, วันชาติไทย และวันพ่อแห่งชาติ และเป็น
วันหยดุ ราชการ

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอไชยา


Click to View FlipBook Version