จัดทำ โดย ด.ช.ณัฐภัทร ภูมิพลับ โรงเรียนวิทยาศาตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ลพบุรี ม.1\3 เลขที่4
คำ นำ จัดทำ เพราะชื่นชอบฟุตบอลอยู่อยากจะศึกษาเหล่านักเตะตำ นาน ใน พรีเมียร์ลีก เเเล้วอยากจะรู้ด้วยว่าสมัยก่อนลีกที่โหดขนาดนี้ใน ปัจจุบัน จะมีนักเตะคนไหนบ้างที่โหดมากในสมัยนั้น
สารบัญ คำ นำ สารบัญ อลัน เชียเรอร์ (Alan Shearer) เธียร์รี่ อองรี (Thierry Henry) เอริก คันโตน่า (Eric Cantona) รอย คีน (Roy Keane) เดนนิส เบิร์กแคมป์ (Dennis Bergkamp) สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard) เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham) หน้า 1 2 3 4 5 6 7 แฟรงก์ แลมพาร์ด (Frank Lampard) 8
1. อลัน เชียเรอร์ (Alan Shearer) แอลัน เชียเรอร์ (อังกฤษ: Alan Shearer) เกิดวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1970 เป็นนักฟุตบอลระดับตำ นานคนหนึ่งของวงการฟุตบอล อังกฤษ รวมถึงการก้าวขึ้นไปเป็นกัปตันทีมชาติ "ทรีไลออนส์" โดย "บิ๊กอัล" เกิดในเมืองนิวคาสเซิล แต่ทีมที่เขาเริ่มต้นอาชีพนัก ฟุตบอลก็คือ เซาแทมป์ตัน เนื่องจากถูก "สาลิกาดง" ปฏิเสธที่จะ เซ็นสัญญาด้วย แต่กับเซาแทมป์ตัน เขาสามารถสร้างชื่อได้ตั้งแต่ นักแรกที่ลงสนามทันที ด้วยการยิงแฮตทริก ทำ ให้แบล็กเบิร์นโร เวอร์ส คว้าตัวเขาไปร่วมทีม และสามารถที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก กับทาง "กุหลาบไฟ" ได้สำ เร็จ ซึ่งเป็นแชมป์แรกและแชมป์เดียว ในชีวิตการค้าแข้งของแอลัน เชียเรอร์
1. อลัน เชียเรอร์ (Alan Shearer) ต่อมาด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ทำ ให้เชียเรอร์ได้กลับมาเล่นในถิ่นเซนต์เจมส์ พาร์ก และก็ค้าแข้งอยู่ทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ดเป็นเวลาเกือบสิบปี และก็ทำ ลาย สถิติยิงประตูตลอดกาลของแจ็กกี มิลเบิร์น รวมถึงเป็นอดีตผู้ครองตำ แหน่ง ยิงประตูมากที่สุดในศึกพรีเมียรลีก อยู่ในปัจจุบันอีกด้วย ในส่วนของทีมชาติ อังกฤษ ที่เขาเคยก้าวขึ้นไปทำ หน้าที่กัปตันทีมนั้น เชียเรอร์ลงเล่นให้ทีมชาติ 63 นัด ยิงไป 30 ประตู ปัจจุบันเชียเรอร์ว่างงาน หลังจากดำ รงตำ แหน่งผู้ จัดการทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2009[1][2]
2. เธียร์รี่ อองรี (Thierry Henry) ผลปรากฏว่า อองรี ตำ นานดาวยิงแห่ง อาร์เซนอล ได้รับคะแนนโหวตไปถึง 15% มาก ที่สุดของผลสำ รวจ ขณะที่อันดับ 2 คือ คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์กองหน้า แมน เชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนอันดับ 3 เป็น อลัน เชียร์เรอร์ เพชฌฆาตตลอดกาลจาก นิว คาสเซิล ยูไนเต็ด อองรี มีผลงานที่พิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของเขามากมายในช่วงเวลาที่สวมยูนิฟอร์ม ของ "ปืนใหญ่" ตั้งแต่ปี 1999-2007 ลงสนามยิงไป 175 ประตูจาก 258 นัดใน พรีเมียร์ ลีก อยู่อันดับ 7 ของตารางดาวซัลโวตลอดกาลในลีก ซึ่งประตูของเขาช่วย พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ไปได้ 2 สมัย รวมถึงสร้างตำ นานแชมป์ไร้พ่ายใน ฤดูกาล 2003-04 ไม่เพียงแต่ผลงานในลีก ตำ นานกองหน้าชาวฝรั่งเศส ยังมีส่วนร่วมพา อาร์เซนอล เถลิงแชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ คอมมูนิตี ชิลด์ 2 สมัย ซึ่งผลงานความยิ่งใหญ่ ของเจ้าตัวทำ ให้ อาร์เซนอล ได้สร้างรูปปั้นไว้หน้าสนาม เอมิเรตส์ สเตเดียม เป็นการ สดุดีให้แก่เขาด้วย
3. เอริก คันโตน่า (Eric Cantona) เอริก ดาเนียล ปีแยร์ ก็องโตนา (ฝรั่งเศส: Éric Daniel Pierre Cantona; เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2509) เป็นนักแสดงและอดีตนักฟุตบอล ชาวฝรั่งเศส ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุคของเขา รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก เขาได้รับการ จดจำ ในฐานะนักเตะตัวหลักของทีมในทศวรรษ 1990 ซึ่งมีบทบาทสำ คัญใน การพาทีมคว้าถ้วยรางวัล และมีสถานะเป็นตำ นานของสโมสร[5] เขาได้รับ การยกย่องโดยเปเล่ให้มีชื่ออยู่ในฟีฟ่า 100 หรือนักฟุตบอลยอดเยี่ยม ตลอดกาล 100 คนที่ยังมีชีวิต ประวัติการค้าแข้งในระดับพรีเมียร์ลีก: ลีดส์ ยูไนเต็ด (Leeds United) 1 ฤดูกาล (1991/92) ลงเล่น 13 นัด ทำ 6 ประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) 5 ฤดูกาล (1992-1997) ลงเล่น 143 นัด ทำ 64 ประตู ได้ แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 ฤดูกาล (1992/93, 1993/94, 1995/96, 1996/97)
4. รอย คีน (Roy Keane) รอย มอรีซ คีน (อังกฤษ: Roy Maurice Keane; เกิด 10 สิงหาคม ค.ศ. 1971) เป็นอดีตกัปตัน (ฟุตบอล)ทีมและนักฟุตบอลทีมชาติ ไอร์แลนด์ อดีตกัปตันทีมและนักฟุตบอลสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและสโมสรฟุตบอลเซลติก และเป็นอดีตผู้จัดการทีมสโมสรฟุ ตบอลอิปสวิชในฟุตบอลลีกเดอะแชมเปี้ยนชิพของอังกฤษ ประวัติการค้าแข้งในระดับพรีเมียร์ลีก: น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) 1 ฤดูกาล (1992/93) ลงเล่น 40 นัด ทำ 6 ประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 13 ฤดูกาล (1993-2006) ลงเล่น 326 นัด ทำ 33 ประตู ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 7 ฤดูกาล (1993/94, 1995/96, 1996/97, 1998/99, 1999/2000, 2000/01, 2002/03)
เเฟรงก์ แลมพาร์ด มีชื่อเต็มว่า แฟรงก์ เจมส์ แลมพาร์ด เกิดวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1978 ที่กรุงลอนดอน ในตระกูลนักฟุตบอล โดยพ่อของเขาคือ แฟรงก์ แลมพาร์ด (ซีเนียร์) เป็นอดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ลุงของเขาคือ แฮร์รี เรดแนปป์ และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ เจมี เรดแนปป์ เป็นอดีตนักเตะของเซาแทมป์ ตันเช่นเดียวกัน การศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยลอนดอน เขาเป็นหนึ่งในอดีตนักเตะเยาวชนของ เวสต์แฮมยูไนเต็ดและเคยถูกยืมตัวไปเล่นกับ สวอนซีซิตี ใน ค.ศ. 1995 และย้าย มาร่วมสโมสร เชลซี ใน ค.ศ. 2001 ติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1999 แลมพาร์ดเป็นกองกลางที่ทำ ประตูได้ 200 ประตู ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของสโมสร และเป็นกองกลางคนที่สองต่อจากแมธทิว ทริสเซอร์ ที่ทำ ประตู มากว่า 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ แลมพาร์ดยังทำ สถิติเป็นผู้เล่นคน เดียวที่ทำ ประตูในพรีเมียร์ลีกมากกว่า 10 ประตูติดต่อกันถึง 9 ฤดูกาลอีกด้วย ประวัติการค้าแข้งในระดับพรีเมียร์ลีก: เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United) 6 ฤดูกาล (1995-2001) ลงเล่น 148 นัด ทำ 24 ประตู เชลซี (Chelsea) 13 ฤดูกาล (2001-2014) ลงเล่น 429 นัด ทำ 147 ประตู ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาล (2004/05, 2005/06, 2009/10) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) 1 ฤดูกาล (2014/15) ลงเล่น 32 นัด ทำ 6 ประตู 5. แฟรงก์ แลมพาร์ด (Frank Lampard)
6. เดนนิส เบิร์กแคมป์ (Dennis Bergkamp) แด็นนิส นีโกลาส มารียา แบร์คกัมป์ (ดัตช์: Dennis Nicolaas Maria Bergkamp) อดีตนักฟุตบอลอาชีพในตำ แหน่งกองหน้าของ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์และอีกหลายสโมสร โดยเป็นหนึ่งในตำ นานของ อาร์เซนอล ในระดับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ[2] ประวัติการค้าแข้งในระดับพรีเมียร์ลีก: อาร์เซน่อล 11 ฤดูกาล (1995-2006) ลงเล่น 315 นัด ทำ 87 ประตู ได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก 3 ฤดูกาล (1997/98, 2001/02, 2003/04)
7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard) เจอร์ราร์ดใช้เวลาเกือบตลอดอาชีพในการลงเล่นกับสโมสรลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก ประเดิมสนามนัดแรกให้ทีมใน ค.ศ. 1998 และลงเล่นทีมชุดใหญ่ใน ค.ศ. 2000 ก่อน จะได้รับแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมใน ค.ศ. 2003 และเป็นผู้นำ ทีมในชุดที่ชนะเลิศยูฟ่าแชม เปียนส์ลีก 2005 นัดที่เอาชนะจุดโทษเอซี มิลาน หลังจากเสมอกัน 3-3 ทั้งที่ตกเป็น รองไปก่อน 0-3 ซึ่งการแข่งขันนัดนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็น "ปาฏิหาริย์แห่ง อิสตันบูล"[4] โดยเจอร์ราร์ดได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในการแข่งขัน รวมทั้งพา ทีมสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งจากการชนะเลิศเอฟเอคัพ 2006 นัดที่พบเวสต์แฮม ซึ่งเจ อร์ราร์ดทำ ประตูสำ คัญให้ทีมตีเสมอ 3-3 และนัดนั้นได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในนัด ชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการแข่งขันทุกรายการของฟุตบอลอังกฤษ[5][6] และ เจอร์ราร์ดได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมไปอีกครั้ง ประวัติการค้าแข้งในระดับพรีเมียร์ลีก: ลิเวอร์พูล 17 ฤดูกาล (1998-2015) ลงเล่น 504 นัด ทำ 120 ประตู
7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard) ตลอดการเล่นกับลิเวอร์พูล เจอร์ราร์ดชนะเลิศการแข่งขัน 9 รายการ[7] ได้แก่ เอฟเอคัพ 2 สมัย, ลีกคัพ 3 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่าคัพ 1 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 1 สมัย และ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย และได้รับอันดับสามใน การประกาศรางวัลบาลงดอร์ปี 2005 เจอราร์ดสามารถเล่นได้หลายตำ แหน่ง[8] และมีจุดเด่นในเรื่องความเป็นผู้นำ [9][10][11] เขาเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ทำ ประตูได้ ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศรายการสำ คัญ 4 รายการได้แก่ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่าคัพ, เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ เจอราร์ดได้รับพระราชทานยศเป็นสมาชิกแห่ง จักรวรรดิบริเตน โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ใน ค.ศ. 2007 และได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศของพรีเมียร์ลีกใน ค.ศ. 2021[12][13]
8. เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham) เจอร์ราร์ดใช้เวลาเกือบตลอดอาชีพในการลงเล่นกับสโมสรลิเวอร์พูล ใน พรีเมียร์ลีก ประเดิมสนามนัดแรกให้ทีมใน ค.ศ. 1998 และลงเล่นทีมชุดใหญ่ใน ค.ศ. 2000 ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมใน ค.ศ. 2003 และเป็นผู้นำ ทีม ในชุดที่ชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2005 นัดที่เอาชนะจุดโทษเอซี มิลาน หลัง จากเสมอกัน 3-3 ทั้งที่ตกเป็นรองไปก่อน 0-3 ซึ่งการแข่งขันนัดนั้นได้รับการ ยกย่องว่าเป็น "ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูล"[4] โดยเจอร์ราร์ดได้รับรางวัลผู้เล่น ยอดเยี่ยมในการแข่งขัน รวมทั้งพาทีมสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งจากการชนะเลิศ เอฟเอคัพ 2006 นัดที่พบเวสต์แฮม ซึ่งเจอร์ราร์ดทำ ประตูสำ คัญให้ทีมตีเสมอ 3-3 และนัดนั้นได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในนัดชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยมที่สุดใน การแข่งขันทุกรายการของฟุตบอลอังกฤษ[5][6] และเจอร์ราร์ดได้รับรางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยมไปอีกครั้ง ประวัติการค้าแข้งในระดับพรีเมียร์ลีก: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 11 ฤดูกาล (1992-2003) ลงเล่น 265 นัด ทำ 62 ประตู ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 6 ฤดูกาล (1995/96, 1996/97, 1998/99, 1999/2000, 2000/01, 2002/03)
: https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/8-players-entered-intothe-2021-premier-league-hall-of-fame : https://th.m.wikipedia.org/wiki/