The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การขยายพันธุ์พืชโดยการทาบกิ่ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sanan42106016, 2021-08-18 04:03:20

การขยายพันธุ์พืชโดยการทาบกิ่ง

การขยายพันธุ์พืชโดยการทาบกิ่ง

แบบทดสอบกอนเรยี น

เร่อื ง การขยายพันธุพ ืชโดยการทาบกิ่ง
คําชแ้ี จง ใหนักเรียนทําเครื่องหมายกากบาท ( x) ทบั ตัวพยญั ชนะหนา ขอทนี่ กั เรียนเลือกตอบ

เพยี งขอ เดยี ว
1. Stock หมายถึงขอ ใด

ก. ตน ท่ีงอกออกจากเมล็ด
ข. กงิ่ ปก ชาํ ทอ่ี อกรากแกว
ค. สว นทน่ี ําไปเชือ่ มกบั กิง่ พนั ธดุ ี
ง. ถูกทกุ ขอ
2. พชื ในขอใดทน่ี ิยมขยายพันธุโ ดยการทาบกิง่
ก. กุหลาบ
ข. ลําไย
ค. มะมว ง
ง. องนุ
3. การทาบกง่ิ แบง ออกไดเปนก่วี ิธใี หญ ๆ
ก. 2 วธิ ี
ข. 3 วธิ ี
ค. 4 วิธี
ง. 5 วธิ ี
4. การนําตนพืช 2 ตนมาทาํ ใหเชอื่ มประสานตดิ เปน เนอ้ื เดียวกนั เรียกวา
ก. Layering
ข. Budding
ค. Apporach Grafting
ง. Cutting

5. ขอ ใดเปน ความสําคญั ของการทาบกงิ่
ก. เพ่ือเปลีย่ นพันธุพืชที่ไมดใี หเ ปนพนั ธุท ต่ี องการ
ข. เพื่อใชก ับพชื ที่ไมสามารถตอกิ่งกันได
ค. ทาํ ใหไ ดพืชหลายชนิดหลายพันธุอยบู นตน เดียวกนั
ง. ถูกทุกขอ

6. Callus หมายถึงขอใด
ก. รอยตอระหวา งแคลลัสของตน ตอและกิ่งพันธุด ี
ข. รอยแผลของพืช
ค. รอยตอ ของแคมเบียม
ง. ถกู ทกุ ขอ

7. หลักการทาบกงิ่ ขอใดถูกตอง
ก. Scion และ Stock ตา งพันธกุ ัน
ข. Scion และ Stock สามารถตอกนั ได
ค. Scion และ Stock มสี รีระตางกัน
ง. ถูกทกุ ขอ

8. การทาบกงิ่ ท่ตี น ตอและก่ิงพันธดุ ีทีม่ ีขนาดโตกวา กนั มาก ๆ ควรทาบโดยวธิ ีใด
ก. การทาบกง่ิ แบบเขาลิน้
ข. การทาบกิ่งแบบประกับ
ค. การทาบก่งิ แบบแกะเปลือก
ง. ขอ ข และ ค ถกู

9. ปจ จยั ขอใดทม่ี ผี ลตอการสมานแผลรอยตอของก่ิงทาบ
ก. ชนิดของพชื ทนี่ าํ มาทาบ
ข. สภาวะอุณหภูมิ
ค. ความสามารถในการสรางแคลลสั
ง. ถกู ทกุ ขอ

10. การทาบกง่ิ จะใชเ วลานานเทาใดรอยแผลจงึ จะตดิ กัน
ก. 1 เดือน
ข. ½ เดอื น - 2 เดอื น
ค. 2½ เดอื น - 3 เดอื น
ง. 3 เดือนขน้ึ ไป

******************************

การขยายพนั ธพุ ชื โดยวิธกี ารทาบกง่ิ

ความหมายและประโยชนของการทาบกงิ่
การทาบกิ่งเปน การขยายพนั ธพุ ชื อีกวิธีหนง่ึ ทที่ ําใหเ กดิ การขยายพันธุไมช นิดเดยี วกนั ใหมปี ริมาณ

มากขน้ึ โดยคุณลักษณะตา งๆเหมือนตน พนั ธุทกุ ประการ การทาบกงิ่ จะใหผ ลผลิตเรว็ กวา การเพาะเมล็ด การ
ทาบก่ิงตองอาศยั ตน พนั ธุท่สี มบูรณเ ชอ่ื มตดิ กบั ตนตอใหมใหเขา กนั เปน เน้อื เดียวกนั โดยสวนของตน ตอที่
จะนํามาทาบกบั กงิ่ พันธดุ จี ะทําหนา ทีเ่ ปน ระบบรากอาหารใหก ับก่ิงพันธดุ ที ี่ทาํ หนา ทเี่ ปนลําตน ใหมตอไป
หลงั จากตัดกง่ิ ออกจากลําตนพันธุดี
ลักษณะของพันธุไ มท่ีจะนํามาทาบกงิ่

การทาบกง่ิ เปน การนาํ พืช 2 ตนมาเชือ่ มกัน ประกอบดวย ก่งิ พันธดุ กี ับตน ตอ การคดั เลอื กกง่ิ พนั ธดุ ี
และตน ตอมีแนวการสงั เกต ดังน้ี

1. กงิ่ พันธุดีเปน ก่งิ ที่มีลกั ษณะใหผ ลผลติ ดี ออกดอกและใหผ ลเร็ว ขยายพันธุเดมิ ใหมีจาํ นวนมากขึ้น
กง่ิ พนั ธุท่ีจะทําการทาบก่งิ ควรมลี กั ษณะเปนไมใบล้ียงคู เชน มะมวง มะขาม ทุเรยี น ฯลฯ เปน พืชที่อยูใน
ตระกลู เดียวกันกง่ิ พันธคุ วรมีอายุประมาณ 1 ป หรือสขี องกิ่งเปน สนี าํ้ ตาลเปน ก่ิงพนั ธทุ ี่สมบรู ณแข็งแรง ไมม ี
โรคและแมลงรบกวน

2. ตนตอเปนตน ที่สว นใหญเพาะจากเมลด็ ใหเกิดการเจริญเตบิ โต จะเพาะในถุงพลาสติก ตนตอ
ควรมอี ายอุ ยางนอย 18 เดอื น ลาํ ตน จะสนี ้ําตาลออนแขง็ แรงปราศจากโรคและแมลง

วสั ดุและอปุ กรณท ่ีใชในการทาบกิ่ง
การขยายพนั ธแุ ตละวธิ จี ะมีวัสดแุ ละอปุ กรณต า งกนั การทาบกิ่งมีวัสดอุ ุปกรณ ดังนี้
1. มดี บางหรือมดี ทใ่ี ชใ นการขยายพนั ธุ ใชส าํ หรับปาดกง่ิ พันธุและตน ตอที่จะทาบก่งิ
2. พลาสติกใสกวางประมาณ 0.5 นวิ้ ยาวประมาณ 12 น้วิ หรอื เปนเทปพลาสติกสําเร็จรูป ใช

สําหรับพันรอยทาบระหวางกิง่ พนั ธุกบั ตน ตอใหกิง่ ท้ังสองยดึ แนน เพอ่ื ใหเนอ้ื เยื่อติดกันไดดี
3. เชือกฟางหรือเชอื กเสน เล็กทเ่ี หนียวใชสาํ หรับมดั หรือยดึ ตน ตอกบั กิง่ พันธุใ หแ นนเพ่ือใหร อย

ทาบติดสนทิ ดี
4. ตนตอหรอื ตุมทาบ เปนตน ตอทม่ี อี ายกุ ารเพาะปลกู ในถุงเพาะอยา งนอ ย 18 เดอื น สวนใหญ

เพาะจากเมล็ด ควรใชพ นั ธทุ ีแ่ ข็งแรงทนตอ แมลงศัตรูพืช เตบิ โตเรว็

5. กรรไกรตดั กิง่ ใชสําหรบั ตัดก่งิ ออกจากตนพันธุดเี มื่อกิ่งพันธุดีกับตนตอติดสนิท และใชสาํ หรับตดั
แตง กิง่ ใบ กอ นนาํ ไปเพาะชําถาเปนกิง่ พันธุท่มี ขี นาดใหญกรรไกรตดั ก่งิ ไมส ามารถตดั ไดใหใ ชเลอื่ ยมอื ตัดกิ่งแทน
วิธีการทาํ การทาบกงิ่ แบง ออกเปน ๒ แบบ คอื
๑. การทาบก่ิงแบบประกบั (Approach grafting)การทาบกงิ่ แบบนี้ทั้งตน ตอและกิง่ พนั ธดุ ีตา งก็ยงั มีรากและ
ยอดอยูทัง้ คู มักใชใ นการทาบกิ่งไมผลทร่ี อยแผลประสานกัน ชา เชน การทาบก่ิงมะขาม เปน ตน สําหรบั
วธิ ีการทาบมี ๓ วิธีดงั นี้
๑.๑ วิธีทาบก่ิงแบบฝานบวบ (Spliced approach grafting)

๑. เลือกตนตอและกงิ่ พันธุดี ใหบ รเิ วณท่จี ะทาบมขี นาดพอ ๆ กันและมลี ักษณะเรยี บตรง
๒. เฉอื นกิง่ พนั ธุด ีเขา ไปในเน้ือไมเล็กนอ ย รอยแผลยาวประมาณ ๑-๒ นวิ้ ลักษณะแผลรอยเฉอื น
คลา ยรูปโล
๓. เตอื นตนตอในทํานองเดยี วกนั และใหมคี วามยาวเทา กับแผลบนกิง่ พนั ธดุ ี
๔. มดั ตนตอและยอดพันธุดีเขาดวยกนั โดยจัดแนวเย่ือเจริญใหส มั ผสั กันมากทสี่ ดุ
๕. พันรอบรอยดวยพลาสติกใหแ นน

๑.๒ วธิ ีการทาบกง่ิ แบบเขา ล้ิน (Tongued approach grafting) เปน วธิ ีท่คี ลายวธิ แี รก แตต างกันตรงทร่ี อย
แผลของตน ตอและก่งิ พนั ธดุ จี ะทาํ เปนลิน้ เพอื่ ใหส ามารถสอดเขา หากันได

๑. เลอื กตน ตอและกงิ่ พันธดุ ี ใหบ รเิ วณทจ่ี ะทาบมขี นาดพอ ๆ กนั
๒. เฉือนตนตอใหม แี ผลเปน รปู โลย าวประมาณ ๑-๒ น้วิ พยายามเฉือนใหเรยี บอยาใหเปน คลื่น
๓. จาก ๑/๓ ของปลายรอยแผลท่ีเฉือนนี้ เฉอื นใหเ ปนลิน้ ลงมาเสมอกบั โคนรอยแผลดา นลาง
๔. เฉือนก่ิงพนั ธดุ ใี นลักษณะเดยี วกนั แตใหลิ้นทเี่ ฉือนกลบั ลงในลักษณะตรงกันกับลน้ิ ของตนตอ
๕. สวมล้นิ ของตนตอและก่ิงพันธุดีเขา ดวยกนั โดยจดั ใหแ นวเย่อื เจรญิ สัมผัสกัน
๖. พันรอบรอยแผลดวยพลาสติกใหแ นน

๑.๓ วธิ ที าบกิ่งแบบพาดรอง (Inlay approach grafting) การทาบกง่ิ วธิ ีน้มี ักใชเพือ่ การเปลี่ยนยอด หรอื การ
เสรมิ รากใหตนไมท ีม่ ีระบบรากไมแขง็ แรง หรอื ระบบรากถูกทาํ ลาย วิธที างก่งิ ปฏิบัตไิ ดด ังนี้

๑. กรีดเปลอื กตนตอตรงบรเิ วณท่จี ะทําการทาบ ใหมคี วามยาวประมาณ ๒-๓ นิว้ โดยกรีดเปนสอง
รอยใหขนานกนั และใหร อยกรีหา งกนั เทากับเสน ผาศูนยกลางของกิง่ พันธุดี

๒. กรดี เปลือกตามขวางตรงหวั และทายรอยกรีดท่ีขนานกนั แลวแกะเอาเปลือกออก
๓. เฉอื นก่ิงพันธดุ ีใหเขาไปในเน้อื ไมเปนรูปโล และใหย าวเทา กบั ความยาวของแผลทเี่ ตรียมบน
ตน ตอ
๔. ทาบกิง่ พันธุด ตี รงบรเิ วณที่เฉือนนนั้ ใหเ ขาในแผลบนตน ตอ
๕. ใชต ะปเู ข็มขนาดเล็กตอกกิ่งพนั ธุดีติดกับตน ตอ แลวพันดว ยพลาสติกใหแนน
๖. เม่อื กงิ่ พันธดุ แี ละตน ตอตดิ กันดแี ลว จงึ ทาํ การตัดตน ตอเหนือรอยตอ และตดั กิง่ พนั ธดุ ีใตร อยตอ
กรณีตอ งการเปลย่ี นเปน ยอดพันธุดี

๒. การทาบกง่ิ แบบเสยี บ (Modified approach grafting) เปนวิธีทาบก่ิงที่แปลงมาจากวธิ กี ารทาบก่ิงแบบ
ประกบั โดยจะทําการตดั ยอดตน ตอออกใหเหลอื สน้ั ประมาณ ๓-๕ นว้ิ เพ่อื ลดการคายน้าํ สาํ หรบั วิธที าบแบบ
เสียบทนี่ ยิ มปฏิบตั กิ ันมี ๓ วธิ คี อื
๒.๑ การทาบกิ่งแบบฝานบวบแปลง (Modified spliced approach grafting) เปนวิธที ีน่ ิยมใชก นั มากเพราะ
สามารถทําไดรวดเรว็ และใชกับพชื ไดท ั่ว ๆ ไป พชื ที่นิยมใชวิธที าบแบบนี้ ไดแก มะมว ง มะขาม ขนนุ ทเุ รยี น
เปน ตน โดยมวี ิธปี ฏิบตั ิดงั นี้

๑. นาํ ตนตอขน้ึ ไปทาบโดยกะดูบรเิ วณทจี่ ะทําแผลทั้งตน ตอและกิ่งพนั ธุดี
๒. เฉอื นกิ่งพันธดุ เี ปนรปู โลเ ขา เน้อื ไมเ ลก็ นอ ย และใหแผลยาวประมาณ ๑.๕-๒ นว้ิ
๓. เฉือนตนตอเฉียงข้ึนเปน ปากฉลามใหแผลยาวเทากบั แผลทีเ่ ตรียมบนกิง่ พันธดุ ี
๔. นาํ ตน ตอประกบกบั กิ่งพนั ธดุ ี โดยใหแนวเยอ่ื เจรญิ ทับกันดานในดานหน่งึ หรอื ทง้ั สองดา น
๕. พันรอบรอยแผลดวยพลาสตกิ ใหแนน และมัดตน ตอเขา กับกิ่งพนั ธุดี

๒.๒ การทาบกงิ่ แบบเขา บา ขัดหลงั (Modified veneer side approach grafting) วธิ กี ารทาบกง่ิ แบบนี้คลาย
กบั วิธีฝานบวบแปลง แตแ ตกตางกนั ตรงรอยแผลของก่ิงพันธดุ จี ะเฉอื นทําเปนบาหรือเง่ียงปลา สว นของตนตอ
จะเฉอื นดานหลงั ของรอยแผลปากฉลามออกเล็กนอย พืชที่นยิ มใชเชน เดียวกับแบบฝานบวบแปลง โดยมีวิธี
ปฏบิ ตั ิดงั นี้

๑. เฉอื นก่งิ พนั ธดุ ีเอียงขนึ้ เขา เนอื้ ไมป ระมาณ ๑/๔ ของเสน ผาศูนยกลางของก่ิงความยาวแผล
ประมาณ ๑.๕-๒ นิ้ว เฉือนแผลดานบนทาํ เปน บา หรือเงยี่ งปลาประมาณ ๑/๔ ของความยาวของแผล

๒. เฉือนตนตอเปน รปู ปากฉลามตัดดานหลังเอียงข้นึ เขา หาปากฉลามขนาดความยาวแผลประมาณ
๑/๔ ของแผลปากฉลาม

๓. นําตนตอทป่ี าดเรียบรอยแลว สอดเขาไปขัดกับบา หรอื เงยี่ งปลาทที่ ําไว แลวจดั ใหแ นวเยื่อเจรญิ
สัมผัสกนั มากท่สี ุด

๔. พนั ดว ยพลาสตกิ ใหแนน
๒.๓ การทาบกิ่งแบบเสียบขา งแปลง (Modified side approach grafting) วธิ กี ารทาบแบบน้ีมขี ้นั ตอนตาง ๆ
เหมอื นวิธีแรก แตแตกตา งกันทลี่ ักษณะเฉอื นตน ตอและกิง่ พนั ธดุ ี โดยมวี ิธปี ฏบิ ตั ิ ดังนี้

๑. เฉือนกิ่งพันธุดเี ปน มุมเอียงขนึ้ ประมาณ ๒๐-๓๐ องศา เขาไปในเนอ้ื ไมป ระมาณ ๑/๔ ของ
เสน ผาศนู ยกลางของก่งิ ความยาวแผลประมาณ ๑.๕-๒ นว้ิ

๒. เฉอื นตนตอเปนรปู ลิ่มโดยใหแผลสวนทส่ี ัมผัสดานในกวา แผลหนาทสี่ มั ผัสดา นนอก
๓. สอดตน ตอเขาไปในเนือ้ ไมแ บบตอกลิ่ม โดยใหแนวเย่อื เจริญสัมผัสกันมากท่สี ุด
๔. พนั ดว ยพลาสตกิ ใหแนน

ใบงานที่ 1
เรอื่ งการทาบก่ิง
ช่ือ ........................................................................................................ชนั้ ..............เลขที่...........
คาํ ชีแ้ จง นักเรยี นอธบิ ายหัวขอ ตอไปน้ี
1. ความหมายและประโยชนของการทาบกง่ิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
2. ลักษณะของพนั ธไุ มท ่นี าํ มาทาบก่งิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. วสั ดอุ ปุ กรณท ใี่ ชในการทาบกิง่
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. วิธกี ารและขั้นตอนการทาบกิง่ แบบฝานบวบ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
5. วิธกี ารและข้นั ตอนทาบกงิ่ แบบเสยี บขา ง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ช่อื ........................................................ นามสกลุ ................................................... เลขท่ี ............. ชัน้ ........

ใบงานท่ี 2
เรื่อง การขยายพนั ธพุ ชื โดยการทาบกิ่ง
กลุม ท่.ี ......................เลขที่...........................................................................ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 3

จุดประสงคการเรียนรู
- บอกความหมายและความสําคัญของการทาบกิ่งได
- บอกวิธีการทาบกง่ิ และจําแนกประเภทการทาบกงิ่ ได

คาํ ช้แี จง ใหน กั เรียนเลอื กตวั อักษรหนา ขอความทางขวามือมาใสห นาหมายเลขขอ ความ ทางซายมอื โดยใหมี
ความสมั พันธกนั (5 คะแนน)
..........1. ตนท่งี อกออกจากเมล็ดหรอื กง่ิ ปกชําที่ออกรากแลว ก. Callus
..........2. พืชท่ีนิยมในการทางกิ่ง ข. มะมว ง
..........3. การนาํ ตน พชื 2 ตน มาทาํ ใหเชอื่ มประสานตดิ เปน เนื้อ
เดียวกนั ค. Stock
..........4. รอยตอ ระหวางแคลลสั ของตน ตอและก่ิงพนั ธดุ ี ง. Apporach Grafting
..........5. การทาบกิ่งทตี่ น ตอและกง่ิ พนั ธดุ ีท่ีมีขนาดโตกวากันมากๆ จ. ข้ีผง้ึ
..........6. หนอ ทีพ่ ึง่ งอกออกจากตนแม ฉ. Cambium
..........7.ไมผลทเ่ี หมาะกบั การทาบก่งิ ช. การทาบกิง่ แบบ
แกะเปลอื ก
..........8. เนื้อเย่ือระหวางเปลือกไมก บั เน้อื ไม ซ. มะมวง
..........9. เปน วัสดุในการอดั ถุงตน ตอเพื่อเตรยี มไปทาบกิง่ ฌ. ซักเกอร
..........10. หลงั จากทาบกงิ่ ตองรีบพนั แผลหรอื ทาดว ยขี้ผงึ้ เพื่อ
ลดการระเหยของน้ํา ญ. ขยุ มะพรา ว
ฎ. ลาํ ไย
ฏ. เทคนิคการทาบก่งิ

ชอื่ ........................................................ นามสกุล................................................... เลขที่ ............. ช้นั ........

แบบทดสอบหลงั กอนเรยี น

เร่อื ง การขยายพันธุพ ชื โดยการทาบกิง่

คาํ ช้ีแจง ใหน กั เรียนทาํ เครอ่ื งหมายกากบาท (x) ทบั ตัวพยัญชนะหนา ขอ ท่นี ักเรยี นเลือกตอบเพยี งขอเดยี ว

1. Stock หมายถงึ ขอใด 6. Callus หมายถงึ ขอ ใด
ก. ตน ทง่ี อกออกจากเมลด็ ก. รอยตอระหวางแคลลัสของตนตอ
ข. กง่ิ ปก ชําทอ่ี อกรากแกว และกิ่งพันธุดี
ค. สว นทน่ี าํ ไปเช่ือมกบั ก่งิ พันธดุ ี ข. รอยแผลของพืช
ง. ถกู ทุกขอ ค. รอยตอ ของแคมเบยี ม
ง. ถกู ทุกขอ
2. พชื ในขอ ใดทีน่ ยิ มขยายพนั ธโุ ดยการทาบกง่ิ
ก. กหุ ลาบ 7. หลกั การทาบกิ่งขอ ใดถูกตอง
ข. ลําไย ก. Scion และ Stock ตางพนั ธกุ นั
ค. มะมวง ข. Scion และ Stock สามารถตอ กนั
ง. องุน ได
ค. Scion และ Stock มีสรีระตางกัน
3. การทาบกง่ิ แบงออกไดเ ปน กีว่ ธิ ีใหญ ๆ ง. ถกู ทุกขอ
ก. 2 วธิ ี
ข. 3 วิธี 8. การทาบกงิ่ ทีต่ น ตอและกิ่งพันธุดีทมี่ ีขนาด
ค. 4 วธิ ี โตกวา กนั มาก ๆ ควรทาบโดยวธิ ีใด
ง. 5 วิธี ก. การทาบกิ่งแบบเขา ลิน้
ข. การทาบกง่ิ แบบประกบั
4. การนาํ ตน พชื 2 ตนมาทําใหเชื่อมประสานติด ค. การทาบกิง่ แบบแกะเปลือก
เปน เน้ือเดยี วกันเรยี กวา ง. ขอ ข และ ค ถูก
ก. Layering
ข. Budding 9. ปจจยั ขอ ใดทีม่ ผี ลตอ การสมานแผลรอยตอ
ค. Apporach Grafting ของก่งิ ทาบ
ง. Cutting ก. ชนิดของพืชที่นาํ มาทาบ
ข. สภาวะอุณหภมู ิ
5. ขอใดเปนความสาํ คญั ของการทาบกง่ิ ค. ความสามารถในการสรา งแคลลสั
ก. เพ่อื เปล่ยี นพนั ธพุ ชื ท่ีไมดีใหเ ปน พันธุ ง. ถกู ทุกขอ
ทต่ี อ งการ
ข. เพ่ือใชก ับพชื ท่ีไมสามารถตอก่ิงกันได 10. การทาบกิ่งจะใชเวลานานเทา ใดรอยแผลจึง
ค. ทาํ ใหไดพ ชื หลายชนิดหลายพันธอุ ยู จะตดิ กัน
บนตน เดยี วกนั ก. 1 เดอื น
ง. ถกู ทกุ ขอ ข. ½ เดือน - 2 เดือน
ค. 2½ เดอื น - 3 เดือน
ง. 3 เดือนขึน้ ไป

ช่ือ........................................................ นามสกุล................................................... เลขท่ี ............. ช้ัน........


Click to View FlipBook Version