แบบทดสอบกอนเรยี น
เร่อื ง การขยายพันธุพ ืชโดยการทาบกิ่ง
คําชแ้ี จง ใหนักเรียนทําเครื่องหมายกากบาท ( x) ทบั ตัวพยญั ชนะหนา ขอทนี่ กั เรียนเลือกตอบ
เพยี งขอ เดยี ว
1. Stock หมายถึงขอ ใด
ก. ตน ท่ีงอกออกจากเมล็ด
ข. กงิ่ ปก ชาํ ทอ่ี อกรากแกว
ค. สว นทน่ี ําไปเชือ่ มกบั กิง่ พนั ธดุ ี
ง. ถูกทกุ ขอ
2. พชื ในขอใดทน่ี ิยมขยายพันธุโ ดยการทาบกิง่
ก. กุหลาบ
ข. ลําไย
ค. มะมว ง
ง. องนุ
3. การทาบกง่ิ แบง ออกไดเปนก่วี ิธใี หญ ๆ
ก. 2 วธิ ี
ข. 3 วธิ ี
ค. 4 วิธี
ง. 5 วธิ ี
4. การนําตนพืช 2 ตนมาทาํ ใหเชอื่ มประสานตดิ เปน เนอ้ื เดียวกนั เรียกวา
ก. Layering
ข. Budding
ค. Apporach Grafting
ง. Cutting
5. ขอ ใดเปน ความสําคญั ของการทาบกงิ่
ก. เพ่ือเปลีย่ นพันธุพืชที่ไมดใี หเ ปนพนั ธุท ต่ี องการ
ข. เพื่อใชก ับพชื ที่ไมสามารถตอกิ่งกันได
ค. ทาํ ใหไ ดพืชหลายชนิดหลายพันธุอยบู นตน เดียวกนั
ง. ถูกทุกขอ
6. Callus หมายถึงขอใด
ก. รอยตอระหวา งแคลลัสของตน ตอและกิ่งพันธุด ี
ข. รอยแผลของพืช
ค. รอยตอ ของแคมเบียม
ง. ถกู ทกุ ขอ
7. หลักการทาบกงิ่ ขอใดถูกตอง
ก. Scion และ Stock ตา งพันธกุ ัน
ข. Scion และ Stock สามารถตอกนั ได
ค. Scion และ Stock มสี รีระตางกัน
ง. ถูกทกุ ขอ
8. การทาบกงิ่ ท่ตี น ตอและก่ิงพันธดุ ีทีม่ ีขนาดโตกวา กนั มาก ๆ ควรทาบโดยวธิ ีใด
ก. การทาบกง่ิ แบบเขาลิน้
ข. การทาบกิ่งแบบประกับ
ค. การทาบก่งิ แบบแกะเปลือก
ง. ขอ ข และ ค ถกู
9. ปจ จยั ขอใดทม่ี ผี ลตอการสมานแผลรอยตอของก่ิงทาบ
ก. ชนิดของพชื ทนี่ าํ มาทาบ
ข. สภาวะอุณหภูมิ
ค. ความสามารถในการสรางแคลลสั
ง. ถกู ทกุ ขอ
10. การทาบกง่ิ จะใชเ วลานานเทาใดรอยแผลจงึ จะตดิ กัน
ก. 1 เดือน
ข. ½ เดอื น - 2 เดอื น
ค. 2½ เดอื น - 3 เดอื น
ง. 3 เดือนขน้ึ ไป
******************************
การขยายพนั ธพุ ชื โดยวิธกี ารทาบกง่ิ
ความหมายและประโยชนของการทาบกงิ่
การทาบกิ่งเปน การขยายพนั ธพุ ชื อีกวิธีหนง่ึ ทที่ ําใหเ กดิ การขยายพันธุไมช นิดเดยี วกนั ใหมปี ริมาณ
มากขน้ึ โดยคุณลักษณะตา งๆเหมือนตน พนั ธุทกุ ประการ การทาบกงิ่ จะใหผ ลผลิตเรว็ กวา การเพาะเมล็ด การ
ทาบก่ิงตองอาศยั ตน พนั ธุท่สี มบูรณเ ชอ่ื มตดิ กบั ตนตอใหมใหเขา กนั เปน เน้อื เดียวกนั โดยสวนของตน ตอที่
จะนํามาทาบกบั กงิ่ พันธดุ จี ะทําหนา ทีเ่ ปน ระบบรากอาหารใหก ับก่ิงพันธดุ ที ี่ทาํ หนา ทเี่ ปนลําตน ใหมตอไป
หลงั จากตัดกง่ิ ออกจากลําตนพันธุดี
ลักษณะของพันธุไ มท่ีจะนํามาทาบกงิ่
การทาบกง่ิ เปน การนาํ พืช 2 ตนมาเชือ่ มกัน ประกอบดวย ก่งิ พันธดุ กี ับตน ตอ การคดั เลอื กกง่ิ พนั ธดุ ี
และตน ตอมีแนวการสงั เกต ดังน้ี
1. กงิ่ พันธุดีเปน ก่งิ ที่มีลกั ษณะใหผ ลผลติ ดี ออกดอกและใหผ ลเร็ว ขยายพันธุเดมิ ใหมีจาํ นวนมากขึ้น
กง่ิ พนั ธุท่ีจะทําการทาบก่งิ ควรมลี กั ษณะเปนไมใบล้ียงคู เชน มะมวง มะขาม ทุเรยี น ฯลฯ เปน พืชที่อยูใน
ตระกลู เดียวกันกง่ิ พันธคุ วรมีอายุประมาณ 1 ป หรือสขี องกิ่งเปน สนี าํ้ ตาลเปน ก่ิงพนั ธทุ ี่สมบรู ณแข็งแรง ไมม ี
โรคและแมลงรบกวน
2. ตนตอเปนตน ที่สว นใหญเพาะจากเมลด็ ใหเกิดการเจริญเตบิ โต จะเพาะในถุงพลาสติก ตนตอ
ควรมอี ายอุ ยางนอย 18 เดอื น ลาํ ตน จะสนี ้ําตาลออนแขง็ แรงปราศจากโรคและแมลง
วสั ดุและอปุ กรณท ่ีใชในการทาบกิ่ง
การขยายพนั ธแุ ตละวธิ จี ะมีวัสดแุ ละอปุ กรณต า งกนั การทาบกิ่งมีวัสดอุ ุปกรณ ดังนี้
1. มดี บางหรือมดี ทใ่ี ชใ นการขยายพนั ธุ ใชส าํ หรับปาดกง่ิ พันธุและตน ตอที่จะทาบก่งิ
2. พลาสติกใสกวางประมาณ 0.5 นวิ้ ยาวประมาณ 12 น้วิ หรอื เปนเทปพลาสติกสําเร็จรูป ใช
สําหรับพันรอยทาบระหวางกิง่ พนั ธุกบั ตน ตอใหกิง่ ท้ังสองยดึ แนน เพอ่ื ใหเนอ้ื เยื่อติดกันไดดี
3. เชือกฟางหรือเชอื กเสน เล็กทเ่ี หนียวใชสาํ หรับมดั หรือยดึ ตน ตอกบั กิง่ พันธุใ หแ นนเพ่ือใหร อย
ทาบติดสนทิ ดี
4. ตนตอหรอื ตุมทาบ เปนตน ตอทม่ี อี ายกุ ารเพาะปลกู ในถุงเพาะอยา งนอ ย 18 เดอื น สวนใหญ
เพาะจากเมล็ด ควรใชพ นั ธทุ ีแ่ ข็งแรงทนตอ แมลงศัตรูพืช เตบิ โตเรว็
5. กรรไกรตดั กิง่ ใชสําหรบั ตัดก่งิ ออกจากตนพันธุดเี มื่อกิ่งพันธุดีกับตนตอติดสนิท และใชสาํ หรับตดั
แตง กิง่ ใบ กอ นนาํ ไปเพาะชําถาเปนกิง่ พันธุท่มี ขี นาดใหญกรรไกรตดั ก่งิ ไมส ามารถตดั ไดใหใ ชเลอื่ ยมอื ตัดกิ่งแทน
วิธีการทาํ การทาบกงิ่ แบง ออกเปน ๒ แบบ คอื
๑. การทาบก่ิงแบบประกบั (Approach grafting)การทาบกงิ่ แบบนี้ทั้งตน ตอและกิง่ พนั ธดุ ีตา งก็ยงั มีรากและ
ยอดอยูทัง้ คู มักใชใ นการทาบกิ่งไมผลทร่ี อยแผลประสานกัน ชา เชน การทาบก่ิงมะขาม เปน ตน สําหรบั
วธิ ีการทาบมี ๓ วิธีดงั นี้
๑.๑ วิธีทาบก่ิงแบบฝานบวบ (Spliced approach grafting)
๑. เลือกตนตอและกงิ่ พันธุดี ใหบ รเิ วณท่จี ะทาบมขี นาดพอ ๆ กันและมลี ักษณะเรยี บตรง
๒. เฉอื นกิง่ พนั ธุด ีเขา ไปในเน้ือไมเล็กนอ ย รอยแผลยาวประมาณ ๑-๒ นวิ้ ลักษณะแผลรอยเฉอื น
คลา ยรูปโล
๓. เตอื นตนตอในทํานองเดยี วกนั และใหมคี วามยาวเทา กับแผลบนกิง่ พนั ธดุ ี
๔. มดั ตนตอและยอดพันธุดีเขาดวยกนั โดยจัดแนวเย่ือเจริญใหส มั ผสั กันมากทสี่ ดุ
๕. พันรอบรอยดวยพลาสติกใหแ นน
๑.๒ วธิ ีการทาบกง่ิ แบบเขา ล้ิน (Tongued approach grafting) เปน วธิ ีท่คี ลายวธิ แี รก แตต างกันตรงทร่ี อย
แผลของตน ตอและก่งิ พนั ธดุ จี ะทาํ เปนลิน้ เพอื่ ใหส ามารถสอดเขา หากันได
๑. เลอื กตน ตอและกงิ่ พันธดุ ี ใหบ รเิ วณทจ่ี ะทาบมขี นาดพอ ๆ กนั
๒. เฉือนตนตอใหม แี ผลเปน รปู โลย าวประมาณ ๑-๒ น้วิ พยายามเฉือนใหเรยี บอยาใหเปน คลื่น
๓. จาก ๑/๓ ของปลายรอยแผลท่ีเฉือนนี้ เฉอื นใหเ ปนลิน้ ลงมาเสมอกบั โคนรอยแผลดา นลาง
๔. เฉือนก่ิงพนั ธดุ ใี นลักษณะเดยี วกนั แตใหลิ้นทเี่ ฉือนกลบั ลงในลักษณะตรงกันกับลน้ิ ของตนตอ
๕. สวมล้นิ ของตนตอและก่ิงพันธุดีเขา ดวยกนั โดยจดั ใหแ นวเย่อื เจรญิ สัมผัสกัน
๖. พันรอบรอยแผลดวยพลาสติกใหแ นน
๑.๓ วธิ ที าบกิ่งแบบพาดรอง (Inlay approach grafting) การทาบกง่ิ วธิ ีน้มี ักใชเพือ่ การเปลี่ยนยอด หรอื การ
เสรมิ รากใหตนไมท ีม่ ีระบบรากไมแขง็ แรง หรอื ระบบรากถูกทาํ ลาย วิธที างก่งิ ปฏิบัตไิ ดด ังนี้
๑. กรีดเปลอื กตนตอตรงบรเิ วณท่จี ะทําการทาบ ใหมคี วามยาวประมาณ ๒-๓ นิว้ โดยกรีดเปนสอง
รอยใหขนานกนั และใหร อยกรีหา งกนั เทากับเสน ผาศูนยกลางของกิง่ พันธุดี
๒. กรดี เปลือกตามขวางตรงหวั และทายรอยกรีดท่ีขนานกนั แลวแกะเอาเปลือกออก
๓. เฉอื นก่ิงพันธดุ ีใหเขาไปในเน้อื ไมเปนรูปโล และใหย าวเทา กบั ความยาวของแผลทเี่ ตรียมบน
ตน ตอ
๔. ทาบกิง่ พันธุด ตี รงบรเิ วณที่เฉือนนนั้ ใหเ ขาในแผลบนตน ตอ
๕. ใชต ะปเู ข็มขนาดเล็กตอกกิ่งพนั ธุดีติดกับตน ตอ แลวพันดว ยพลาสติกใหแนน
๖. เม่อื กงิ่ พันธดุ แี ละตน ตอตดิ กันดแี ลว จงึ ทาํ การตัดตน ตอเหนือรอยตอ และตดั กิง่ พนั ธดุ ีใตร อยตอ
กรณีตอ งการเปลย่ี นเปน ยอดพันธุดี
๒. การทาบกง่ิ แบบเสยี บ (Modified approach grafting) เปนวิธีทาบก่ิงที่แปลงมาจากวธิ กี ารทาบก่ิงแบบ
ประกบั โดยจะทําการตดั ยอดตน ตอออกใหเหลอื สน้ั ประมาณ ๓-๕ นว้ิ เพ่อื ลดการคายน้าํ สาํ หรบั วิธที าบแบบ
เสียบทนี่ ยิ มปฏิบตั กิ ันมี ๓ วธิ คี อื
๒.๑ การทาบกิ่งแบบฝานบวบแปลง (Modified spliced approach grafting) เปนวิธที ีน่ ิยมใชก นั มากเพราะ
สามารถทําไดรวดเรว็ และใชกับพชื ไดท ั่ว ๆ ไป พชื ที่นิยมใชวิธที าบแบบนี้ ไดแก มะมว ง มะขาม ขนนุ ทเุ รยี น
เปน ตน โดยมวี ิธปี ฏิบตั ิดงั นี้
๑. นาํ ตนตอขน้ึ ไปทาบโดยกะดูบรเิ วณทจี่ ะทําแผลทั้งตน ตอและกิ่งพนั ธุดี
๒. เฉอื นกิ่งพันธดุ เี ปนรปู โลเ ขา เน้อื ไมเ ลก็ นอ ย และใหแผลยาวประมาณ ๑.๕-๒ นว้ิ
๓. เฉือนตนตอเฉียงข้ึนเปน ปากฉลามใหแผลยาวเทากบั แผลทีเ่ ตรียมบนกิง่ พันธดุ ี
๔. นาํ ตน ตอประกบกบั กิ่งพนั ธดุ ี โดยใหแนวเยอ่ื เจรญิ ทับกันดานในดานหน่งึ หรอื ทง้ั สองดา น
๕. พันรอบรอยแผลดวยพลาสตกิ ใหแนน และมัดตน ตอเขา กับกิ่งพนั ธุดี
๒.๒ การทาบกงิ่ แบบเขา บา ขัดหลงั (Modified veneer side approach grafting) วธิ กี ารทาบกง่ิ แบบนี้คลาย
กบั วิธีฝานบวบแปลง แตแ ตกตางกนั ตรงรอยแผลของก่ิงพันธดุ จี ะเฉอื นทําเปนบาหรือเง่ียงปลา สว นของตนตอ
จะเฉอื นดานหลงั ของรอยแผลปากฉลามออกเล็กนอย พืชที่นยิ มใชเชน เดียวกับแบบฝานบวบแปลง โดยมีวิธี
ปฏบิ ตั ิดงั นี้
๑. เฉอื นก่งิ พนั ธดุ ีเอียงขนึ้ เขา เนอื้ ไมป ระมาณ ๑/๔ ของเสน ผาศูนยกลางของก่ิงความยาวแผล
ประมาณ ๑.๕-๒ นิ้ว เฉือนแผลดานบนทาํ เปน บา หรือเงยี่ งปลาประมาณ ๑/๔ ของความยาวของแผล
๒. เฉือนตนตอเปน รปู ปากฉลามตัดดานหลังเอียงข้นึ เขา หาปากฉลามขนาดความยาวแผลประมาณ
๑/๔ ของแผลปากฉลาม
๓. นําตนตอทป่ี าดเรียบรอยแลว สอดเขาไปขัดกับบา หรอื เงยี่ งปลาทที่ ําไว แลวจดั ใหแ นวเยื่อเจรญิ
สัมผัสกนั มากท่สี ุด
๔. พนั ดว ยพลาสตกิ ใหแนน
๒.๓ การทาบกิ่งแบบเสียบขา งแปลง (Modified side approach grafting) วธิ กี ารทาบแบบน้ีมขี ้นั ตอนตาง ๆ
เหมอื นวิธีแรก แตแตกตา งกันทลี่ ักษณะเฉอื นตน ตอและกิง่ พนั ธดุ ี โดยมวี ิธปี ฏบิ ตั ิ ดังนี้
๑. เฉือนกิ่งพันธุดเี ปน มุมเอียงขนึ้ ประมาณ ๒๐-๓๐ องศา เขาไปในเนอ้ื ไมป ระมาณ ๑/๔ ของ
เสน ผาศนู ยกลางของก่งิ ความยาวแผลประมาณ ๑.๕-๒ นว้ิ
๒. เฉอื นตนตอเปนรปู ลิ่มโดยใหแผลสวนทส่ี ัมผัสดานในกวา แผลหนาทสี่ มั ผัสดา นนอก
๓. สอดตน ตอเขาไปในเนือ้ ไมแ บบตอกลิ่ม โดยใหแนวเย่อื เจริญสัมผัสกันมากท่สี ุด
๔. พนั ดว ยพลาสตกิ ใหแนน
ใบงานที่ 1
เรอื่ งการทาบก่ิง
ช่ือ ........................................................................................................ชนั้ ..............เลขที่...........
คาํ ชีแ้ จง นักเรยี นอธบิ ายหัวขอ ตอไปน้ี
1. ความหมายและประโยชนของการทาบกง่ิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
2. ลักษณะของพนั ธไุ มท ่นี าํ มาทาบก่งิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. วสั ดอุ ปุ กรณท ใี่ ชในการทาบกิง่
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. วิธกี ารและขั้นตอนการทาบกิง่ แบบฝานบวบ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
5. วิธกี ารและข้นั ตอนทาบกงิ่ แบบเสยี บขา ง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ช่อื ........................................................ นามสกลุ ................................................... เลขท่ี ............. ชัน้ ........
ใบงานท่ี 2
เรื่อง การขยายพนั ธพุ ชื โดยการทาบกิ่ง
กลุม ท่.ี ......................เลขที่...........................................................................ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 3
จุดประสงคการเรียนรู
- บอกความหมายและความสําคัญของการทาบกิ่งได
- บอกวิธีการทาบกง่ิ และจําแนกประเภทการทาบกงิ่ ได
คาํ ช้แี จง ใหน กั เรียนเลอื กตวั อักษรหนา ขอความทางขวามือมาใสห นาหมายเลขขอ ความ ทางซายมอื โดยใหมี
ความสมั พันธกนั (5 คะแนน)
..........1. ตนท่งี อกออกจากเมล็ดหรอื กง่ิ ปกชําที่ออกรากแลว ก. Callus
..........2. พืชท่ีนิยมในการทางกิ่ง ข. มะมว ง
..........3. การนาํ ตน พชื 2 ตน มาทาํ ใหเชอื่ มประสานตดิ เปน เนื้อ
เดียวกนั ค. Stock
..........4. รอยตอ ระหวางแคลลสั ของตน ตอและก่ิงพนั ธดุ ี ง. Apporach Grafting
..........5. การทาบกิ่งทตี่ น ตอและกง่ิ พนั ธดุ ีท่ีมีขนาดโตกวากันมากๆ จ. ข้ีผง้ึ
..........6. หนอ ทีพ่ ึง่ งอกออกจากตนแม ฉ. Cambium
..........7.ไมผลทเ่ี หมาะกบั การทาบก่งิ ช. การทาบกิง่ แบบ
แกะเปลอื ก
..........8. เนื้อเย่ือระหวางเปลือกไมก บั เน้อื ไม ซ. มะมวง
..........9. เปน วัสดุในการอดั ถุงตน ตอเพื่อเตรยี มไปทาบกิง่ ฌ. ซักเกอร
..........10. หลงั จากทาบกงิ่ ตองรีบพนั แผลหรอื ทาดว ยขี้ผงึ้ เพื่อ
ลดการระเหยของน้ํา ญ. ขยุ มะพรา ว
ฎ. ลาํ ไย
ฏ. เทคนิคการทาบก่งิ
ชอื่ ........................................................ นามสกุล................................................... เลขที่ ............. ช้นั ........
แบบทดสอบหลงั กอนเรยี น
เร่อื ง การขยายพันธุพ ชื โดยการทาบกิง่
คาํ ช้ีแจง ใหน กั เรียนทาํ เครอ่ื งหมายกากบาท (x) ทบั ตัวพยัญชนะหนา ขอ ท่นี ักเรยี นเลือกตอบเพยี งขอเดยี ว
1. Stock หมายถงึ ขอใด 6. Callus หมายถงึ ขอ ใด
ก. ตน ทง่ี อกออกจากเมลด็ ก. รอยตอระหวางแคลลัสของตนตอ
ข. กง่ิ ปก ชําทอ่ี อกรากแกว และกิ่งพันธุดี
ค. สว นทน่ี าํ ไปเช่ือมกบั ก่งิ พันธดุ ี ข. รอยแผลของพืช
ง. ถกู ทุกขอ ค. รอยตอ ของแคมเบยี ม
ง. ถกู ทุกขอ
2. พชื ในขอ ใดทีน่ ยิ มขยายพนั ธโุ ดยการทาบกง่ิ
ก. กหุ ลาบ 7. หลกั การทาบกิ่งขอ ใดถูกตอง
ข. ลําไย ก. Scion และ Stock ตางพนั ธกุ นั
ค. มะมวง ข. Scion และ Stock สามารถตอ กนั
ง. องุน ได
ค. Scion และ Stock มีสรีระตางกัน
3. การทาบกง่ิ แบงออกไดเ ปน กีว่ ธิ ีใหญ ๆ ง. ถกู ทุกขอ
ก. 2 วธิ ี
ข. 3 วิธี 8. การทาบกงิ่ ทีต่ น ตอและกิ่งพันธุดีทมี่ ีขนาด
ค. 4 วธิ ี โตกวา กนั มาก ๆ ควรทาบโดยวธิ ีใด
ง. 5 วิธี ก. การทาบกิ่งแบบเขา ลิน้
ข. การทาบกง่ิ แบบประกบั
4. การนาํ ตน พชื 2 ตนมาทําใหเชื่อมประสานติด ค. การทาบกิง่ แบบแกะเปลือก
เปน เน้ือเดยี วกันเรยี กวา ง. ขอ ข และ ค ถูก
ก. Layering
ข. Budding 9. ปจจยั ขอ ใดทีม่ ผี ลตอ การสมานแผลรอยตอ
ค. Apporach Grafting ของก่งิ ทาบ
ง. Cutting ก. ชนิดของพืชที่นาํ มาทาบ
ข. สภาวะอุณหภมู ิ
5. ขอใดเปนความสาํ คญั ของการทาบกง่ิ ค. ความสามารถในการสรา งแคลลสั
ก. เพ่อื เปล่ยี นพนั ธพุ ชื ท่ีไมดีใหเ ปน พันธุ ง. ถกู ทุกขอ
ทต่ี อ งการ
ข. เพ่ือใชก ับพชื ท่ีไมสามารถตอก่ิงกันได 10. การทาบกิ่งจะใชเวลานานเทา ใดรอยแผลจึง
ค. ทาํ ใหไดพ ชื หลายชนิดหลายพันธอุ ยู จะตดิ กัน
บนตน เดยี วกนั ก. 1 เดอื น
ง. ถกู ทกุ ขอ ข. ½ เดือน - 2 เดือน
ค. 2½ เดอื น - 3 เดือน
ง. 3 เดือนขึน้ ไป
ช่ือ........................................................ นามสกุล................................................... เลขท่ี ............. ช้ัน........