The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยการปฏิบัติท่านาฏยศัพท์ทางการเรียนวิชานาฏศิลป์ ด้วยสื่อการสอนรูปแบบวิดีโอและลูกเต๋าของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดงอุดม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 206บงกช ภูดินแดน, 2024-02-28 07:53:40

วิจัยการปฏิบัติท่านาฏยศัพท์ทางการเรียนวิชานาฏศิลป์ ด้วยสื่อการสอนรูปแบบวิดีโอและลูกเต๋าของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดงอุดม

วิจัยการปฏิบัติท่านาฏยศัพท์ทางการเรียนวิชานาฏศิลป์ ด้วยสื่อการสอนรูปแบบวิดีโอและลูกเต๋าของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดงอุดม

ผู้วิจัยได้วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เรื่องนาฏยศัพท์ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ โดยใช้สื่อการ สอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยนําคะแนนแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนมาวิเคราะห์ ปรากฏผลดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง นาฏยศัพท์ทางการเรียนก่อน เรียนและหลังเรียน ของนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สื่อการสอน ด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 การทดสอบ n S.D. df T P ก่อนเรียน 30 12.23 2.12 29 36.54* .000 หลังเรียน 30 28.53 1.33 * มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตารางที่ 2 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่านาฏยศัพท์ของนักเรียนที่ได้รับการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ สื่อการสอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 12.23 และมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 28.53 เมื่อ ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยใช้สถิติ t พบว่า ค่าสถิติ t เท่ากับ 36.54 มีนัยสําคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวิดีโอ และลูกเต๋าสมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่านาฏยศัพท์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ 46


3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีผลต่อการจัดการ เรียนรู้โดยใช้สื่อการสอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยใช้สื่อการสอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า โดยนําผลการตอบแบบสอบถามความพึง พอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนมาท าการวิเคราะห์ ปรากฏผลดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มี ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สื่อการสอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า ข้อที่ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ S.D. ความพึงพอใจ 1 เนื้อหามีความเหมาะสม เข้าใจง่าย 4.87 0.43 มากที่สุด 2 เนื้อหามีความแปลกใหม่ น่าสนใจ 4.97 0.18 มากที่สุด 3 นําไปใช้ในชีวิตปะจําวันได้ 4.93 0.25 มากที่สุด 4 พอใจกับกิจกรรมที่ร่วมศึกษาค้นคว้า 4.90 0.40 มากที่สุด 5 มีขั้นตอนและขบวนการชัดเจน 4.93 0.25 มากที่สุด 6 มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกขั้นตอน 4.93 0.25 มากที่สุด 7 กิจกรรม/กระบวนการช่วยให้เข้าใจ เนื้อหามากขึ้น 4.90 0.40 มากที่สุด 8 กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลาย 4.97 0.18 มากที่สุด 9 นักเรียนมีส่วนร่วมในการวัดและ ประเมินผล 4.93 0.37 มากที่สุด 10 มีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน 4.97 0.18 มากที่สุด เฉลี่ยรวม 4.93 0.29 มากที่สุด จากตารางที่ 3 พบว่า ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยใช้ใช้สื่อการสอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ที่สุด ( = 4.93, S.D. = 0.29) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อมีความพึงพอใจในการเรียน 48


รู้อยู่ในระดับมากที่สุด โดยข้อที่นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้สูงที่สุดคือ เนื้อหามีความแปลกใหม่ น่าสนใจ กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลาย มีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน ( = 4.97, S.D. = 0.18) รองลงมาคือ นําไปใช้ในชีวิตประจําวันได้ มีขั้นตอนและกระบวนการชัดเจน มีส่วนร่วม ในกิจกรรมทุกขั้นตอน นักเรียนมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล ( = 4.93, S.D. = 0.18) พอใจ กับกิจกรรมที่ร่วมศึกษาค้นคว้า กิจกรรม/กระบวนการช่วยให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น ( = 4.90, S.D. = 0.40) ตามลําดับ ส่วนข้อที่นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้ต่ําที่สุดคือเนื้อหามีความเหมาเนื้อหาที่มีความ เหมาะสมเข้าใจง่าย ( = 4.87, S.D.=0.43 49


บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่านาฏยศัพท์ทางการเรียนวิชา นาฏศิลป์ ด้วยสื่อการสอนรูปแบบวิดีโอและลูกเต๋า สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งมีขั้นตอน การนําเสนอผลดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2. สรุปผลการวิจัย 3. การอภิปรายผล 4. ข้อเสนอแนะ วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาสื่อวิดีโอและลูกเต๋า เรื่องนาฏยศัพท์ สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ท่านาฏยศัพท์วิชานาฏศิลป์ ระหว่างก่อน เรียนและหลังเรียน โดยใช้สื่อการสอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า สําหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีผลต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้สื่อการสอนด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า 50


สรุปผลการวิจัย 1. สื่อวิดีโอและลูกเต๋า เรื่องนาฏยศัพท์ สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยสร้าง ขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.67/95.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กําหนดไว้ 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวิดีโอและลูกเต๋ามี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง ท่านาฏยศัพท์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ 3. นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ใช้สื่อการสอน ด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด การอภิปรายผล 1. สื่อการสอนสื่อวิดีโอและลูกเต๋า เรื่องนาฏยศัพท์ สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.67/95.1 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กําหนดไว้ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก งานวิจัยของนิสา เมลานนท์ ได้ทําการทดลองเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมการสอนวิชานาภูศิลป์ เรื่อง นาฎลีลานาฏยศัพท์ พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาสาขาวิชานาฏศิลป์และการละครและ สาขาวิชานาฎดุริยางคศิลป์ไทย มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ที่เรียนโดยนวัตกรรมการสอนวิชา นาฏศิลป์ เรื่อง นาฎลีลานาฏยศัพท์ พบว่ามีคะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับและสอดคล้องกับงานวิจัยของวัลลิกาวัฒนวันยู ได้ ทําการทดลองเรื่อง การสร้างบทเรียนวิดีโอเรื่องภาษาท่า กลุ่มสาระนาฎศิลป์ สําหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ สังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่า คะแนนหลังการเรียนด้วยสื่อวิดีโอทัศน์สูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้เนื่องจากผู้เรียนเห็นภาพเคลื่อนไหว จากบทเรียน ซึ่งทําให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ส่งผลให้ผู้เรียนมีความสนใจ และตั้งใจที่จะปฏิบัติท่าทางต่าง ๆ เหล่านั้น ตามสื่อวิดีโอได้ดี เป็นการเรียนรู้จากสื่อวิดีโอทัศน์โดยตรง 51


อย่างเดียว ซึ่งวิธีการสอนแบบนี้สามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะผู้เรียน ที่ยังขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติท่าทางตามผู้สอน จะสามารถปฏิบัติตามท่าทางและเข้าใจภาษาท่า ได้มากขึ้นและยังเป็นการช่วยเหลือผู้สอนให้เกิดความสะดวกในการสอนยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการวิจัยของ รักชนกชรินทร์ พูล สุวรรณนธี และอาคีรา ราชเวียง (2556) ได้ทําการทดลองเรื่อง การพัฒนาวิดีโอเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่อง ท่ารํามโนราห์เบื้องต้น พบว่า มีค่าคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 4.38 อยู่ในระดับดี โดยค่าเฉลี่ยมากที่สุดเท่ากับ 5.00อยู่ในระดับดีมากคือ ความชัดเจนของ ภาพ ความเหมาะสมของเสียงดนตรีและเสียงประกอบ ทําให้ผู้เรียนได้ยินเสียงและเห็นอากัปกิริยา ท่าทางประกอบในสถานการณ์จริง สามารถบันทึกภาพและปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ในการ สาธิตให้ดีขึ้นได้ ส่งผลให้สื่อมีประสิทธิภาพจริงและสามารถนําไปใช้ประกอบการสอนได้และ สอดคล้องกับ งานวิจัยของ มัลลิการ์ วงศ์ศิรินวรัตน์ (2550) ได้ทําการทดลองเรื่อง การพัฒนาสื่อวิดีโอ วิชานาฎศิลป์ เรื่อง ภาษาท่านาฎศิลป์ สําหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสวน กุหลาบนนทบุรี พบว่า วิดีโอสามารถเป็นสื่อกลางระหว่างผู้สอนและผู้เรียนได้อย่างดี เพราะช่วยให้ ผู้เรียนเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น การทดลอง การสาธิต อีกทั้งสามารถแสดงสิ่งสัมพันธ์ โดยใช้เทคนิคการถ่ายใกล้ (Close Up) ซึ่งในสภาพความเป็นจริงไม่สามารถกระทําได้ 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวิดีโอและลูกเต๋ามี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ท่านาฏยศัพท์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา จํานวน 3 ท่าน และด้านเทคโนโลยีการศึกษา จํานวน 3 ท่าน จะเห็นได้ว่าวิดีโอที่ผู้สร้างวิจัยสร้างขึ้นมีคุณภาพ จึงทําให้ผู้เรียนมีผลของทักษะปฏิบัติสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ งานวิจัยของ รักชนกชรินทร์ พูล สุวรรณนธี และ อาคีรา ราชเวียง (2556) ได้ทําการทดลองเรื่อง การ พัฒนาวิดีโอเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่อง ท่ารํามโนราห์เบื้องต้น พบว่า มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.38 อยู่ใน ระดับดี โดยค่าเฉลี่ย 52


มากที่สุดเท่ากับ 5.00 อยู่ในระดับดีมากคือ ความชัดเจนของภาพ ความเหมาะสมของเสียงดนตรีและ เสียงประกอบ ทําให้ผู้เรียนได้ยินเสียง และเห็นอากัปกิริยาท่าทางประกอบในสถานการณ์จริง สามารถบันทึกภาพและปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ในการสาธิตให้ดีขึ้นได้ ส่งผลให้สื่อมี ประสิทธิภาพจริงและสามารถนําไปใช้ประกอบการสอนได้ ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการวิจัยของ นิสา เมลานนท์ (2555) ได้ทําการทดลองเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมการสอนวิชา นาฏศิลป์ เรื่อง นาฎลีลานาฎยศัพท์ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาสาขาวิชานาฎศิลป์และการ ละคร และสาขาวิชานาฏดุริยางคศิลป์ไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ที่เรียนโดยนวัตกรรมการสอน วิชานาฏศิลป์ เรื่อง นาฎลีลานาฏยศัพท์ พบว่า มีคะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับ งานวิจัยของ วัลลิกา วัฒนวันยู (2525) ได้ทําการทดลองเรื่อง การสร้างบทเรียนวิดีโอเรื่อง ภาษาท่า กลุ่มสาระนาฎศิลป์ สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่าคะแนนหลังการเรียน ด้วยสื่อวิดีโอสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ เนื่องจาก ผู้เรียนเห็นภาพเคลื่อนไหวจากบทเรียน ซึ่งทําให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ส่งผลให้ ผู้เรียนมีความสนใจและตั้งใจที่จะปฏิบัติท่าทางต่างๆ เหล่านั้น ตามสื่อวิดีโอได้ดี เป็นการเรียนรู้จากสื่อวิดีโอ โดยตรงอย่างเดียว ซึ่งวิธีการสอนแบบนี้สามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากขึ้นโดยเฉพาะผู้เรียนที่ ยังขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติท่าทางตามผู้สอนจะสามารถปฏิบัติตามท่าทางและเข้าใจภาษาท่าได้มากขึ้น และยังเป็นการช่วยเหลือผู้สอนให้เกิดความสะดวกในการสอนยิ่งขึ้น 3. นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ใช้สื่อการสอน ด้วยรูปแบบสื่อวิดีโอและลูกเต๋า โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก ฐาปนีย์ ธรรมเมธา (2541) กล่าวถึงข้อดีของวิดีโอเพื่อการศึกษา คือ แสดงการเคลื่อนไหวประกอบ เสียงที่ให้ภาพและความรู้สึกเหมือนจริง นักเรียนสามารถทบทวนเนื้อหาที่เรียนได้ตลอดเวลาในหัวข้อ นี้จะเห็นความแตกต่างคะแนนความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิโอมีคะแนนมากกว่า นักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้ผู้สอนจริงเนื่องจาก สื่อวีดิโอ เป็นการบันทึกภาพที่สามารถนํามาดูย้อนกลับได้ ทันที ทําให้เหมาะสมสําหรับการเรียนการสอน ดังที่ ไพโรจน์ตีรณธนากุล(2528) ได้กล่าวไว้ แต่การเรียนรู้โดยใช้ผู้สอนจริง หลังจากเรียนรู้ไปแล้วอาจมีการ ทบทวนเนื้อหาด้วยตนเองได้ โดยการจินตนาการจากการสอนของครูซึ่งไม่ชัดเจนเหมือนการดูซ้ํา ๆ เสียง บรรยายถูกต้อง ชัดเจน เนื่องจาก 53


สื่อวีดีโอได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อโดยตรงและในการนําไปใช้ในห้องเรียนผู้สอน สามารถปรับความดังของเสียงตามความเหมาะสมได้เวลาที่ใช้ในสื่อวีดีโอมีความเหมาะสมกับเวลา เรียน และการเรียนรู้จากสื่อวีดิโอมีประโยชน์ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ นิสา เมลานนท์ (2555) ได้ทําการทดลองเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมการสอนวิชานาฎศิลป์ เรื่อง นาฎ ลีลานาฏยศัพท์ พบว่า ความพึงพอใจของนักศึกษาสาขาวิชานาฎศิลป์และการละคร กับสาขาวิชานาฏดุริยางค ศิลป์ไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ที่มีต่อนวัตกรรมการสอนวิชานาฎศิลป์ เรื่อง นาฎลีลานาฏยศัพท์ เฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากได้รับความรู้เพิ่มขึ้น และสามารถเข้าใจในเนื้อหายิ่งขึ้น และสอดคล้อง กับงานวิจัยของ มัลลิการ์ วงศ์ศิรินวรัตน์ (2550) ได้ทําการทดลองเรื่อง การพัฒนาสื่อวิดีโอ วิชา นาฎศิลป์เรื่อง ภาษาท่านาฏศิลป์สําหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสวนกุหลาบนนทบุรี พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนจากบทเรียนวิดีโอ พบว่า การนําเสนอน่าสนใจ ความ ยาวของรายการวิดีโอมีความเหมาะสม เสียงบรรยายและเสียงประกอบมีความเหมาะสม ภาพชัดเจน น่าสนใจ สามารถปฏิบัติตามได้ หลังชมวิดีทัศน์แล้วนักเรียนสามารถนําไปใช้ในการชมนาฎศิลป์ไทยให้มีความเข้าใจมาก ขึ้นอีกด้วย ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะส าหรับการน าไปใช้ 1.1 ครูผู้สอนสามารถนําสื่อวิดีโอและลูกเต๋าเรื่อง นาฏยศัพท์สําหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ไปใช้ในการเรียนการสอน เรื่องนาฏยศัพท์ได้ โดยครูผู้สอนจะต้องคอยติดตามและ ให้คําปรึกษากับผู้เรียน เพื่อเพิ่มเติมในสิ่งที่นักเรียนสงสัยหรือเกิดความสงสัยในสื่อวิดีโอและลูกเต๋า 2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบที่มีส่วนช่วยให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจาก การใช้สื่อวิดีโอที่แตกต่างกัน เช่น เทคนิคการผลิตรายการ วิธีการนําเสนอ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ทันสมัยมากขึ้นในด้านคอมพิวเตอร์เข้ามาร่วมในการผลิตรายการ 54


บรรณานุกรม คทาวุฒิ บุตรลพ (2558) ศึกษาพฤติกรรมของนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้าน หนอง หญ้ารังกา จิตตรารัตน์ ตะตานัง (มป.ป.) การศึกษาพฤติกรรมการไม่รับผิดชอบส่งงาน ของนักศึกษากลุ่ม CD 103 โรงเรียนพายัพเทคโนโลยีและบริหารธุรกิจ จุมพล หนิมพานิช (2542) และคณะ จิตวิทยาทั่วไป. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยรามคําแหง.ชม ภูมิภาค. (2516) จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช สํานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. (2537). การเสริมสร้างวินัย. คู่มือแนะแนวทางปฏิบัติ.กรุงเทพฯ สํานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ วิชัย วงษ์ใหญ่. “ความหมายของหลักสูตรและการสอน” สารพัฒนาหลักสูตร 20 พฤษภาคม 2526. วิภาพรรณ เจริญกุล (2557) การปรับพฤติกรรมการเรียนในชั้นเรียนและการส่งงาน/การบ้าน วิชา จิตวิทยาเพื่อการพัฒนาตน ของนักศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์ตรัง วิภาพรรณ เจริญกุล (2557) การศึกษาสาเหตุการไม่ส่งการบ้านตามก าหนดในวิชาจิตวิทยาเพื่อการ พัฒนาตน ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลักสูตรคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยสวนดุสิตศูนย์ตรัง ทฤษฏีการเรียนรู้แบบวางเงื่อนไข แบบการกระท าของสกินเนอร์[online] สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2563 http://school.obec.go.th/science_wp/suppm/5E.htm ปิยมาส แก้วอินตา. (2560) การแก้ปัญหาการส่งงานในรายวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องาน อาชีพ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย สุขสวัส จันโสดา. (2563 ) การศึกษาพฤติกรรมของนักเรียนเรื่องการไม่ส่งงาน /การบ้าน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์อ าเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สุรีย์พร ปานยิ้ม. (2558) การพัฒนาพฤติกรรมการเรียนให้มีความรับผิดชอบของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในรายวิชาชีววิทยา โรงเรียนสูงเนิน อําเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนคราชสีมา


บรรณานุกรม (ต่อ) สํานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. (2573). การเสริมสร้างวินัย. คู่มือแนะแนวทางปฏิบัติ. กรุงเทพฯ ส านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ


ภาคผนวก


ประวัติผู้วิจัย ชื่อ : นางสาวบงกช ภูดินแดน ชื่อเล่น : ฟ้าพริ้ม รหัสนักศึกษา : 63040105206 เบอร์โทรศัพท์ : 0989613513 วัน/เดือน/ปีเกิด : 12 พฤษภาคม 2544 สถานที่เกิด : โรงพยาบาลสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่อยู่ปัจจุบัน : 99 หมู่ 5 บ.เหล่าพัฒนา ต.เหล่าทอง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ 38170 อีเมล์ : - ประวัติการศึกษา : - ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านโซ่พิสัยพิทยาคม - ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคม - ปัจจุบันก าลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี คณะครุศาสตร์ สาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา


Click to View FlipBook Version