The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อสอบวิทยาศาสตร์ ม.4 ปลายภาคเรียนที่ 1 ปี 64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratreetia, 2021-10-02 07:34:54

ข้อสอบวิทยาศาสตร์ ม.4 ปลายภาคเรียนที่ 1 ปี 64

ข้อสอบวิทยาศาสตร์ ม.4 ปลายภาคเรียนที่ 1 ปี 64

แบบทดสอบปลายภาค
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นขุนไกรพิทยาคม
รหสั วชิ า ว 31101 รายวชิ า วิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4

คำอธบิ าย

1. ข้อสอบมี 1 ตอน (5 หน้า) รวม 50 คะแนน

แบบเลือก 1 คำตอบ : จำนวน 50 ขอ้ รวม 50 คะแนน

2. กอ่ นตอบคำถามให้เขยี นชอ่ื – นามสกุล เลขท่ี ชน้ั รหัสวิชา และรายวิชา

บนกระดาษคำตอบให้ชดั เจน

3. ในการตอบแบบเลือก 1 คำตอบให้ใช้ดินสอเบอร์ 2B ระบายวงกลมตัวเลอื กคำตอบให้เต็มวง

(ห้ามระบายนอกวง) ถ้าต้องการเปลีย่ นตวั เลือกใหม่ ต้องลบให้สะอาดจนหมดรอยดำ แลว้ จึง

ระบายวงกลมตัวเลือกใหม่

4. หากมขี ้อสงสัยให้สอบถามกบั ผ้คู ุมสอบเท่าน้นั

5. หากพบการทจุ ริตในการทำแบบทดสอบ กรรมการคุมเข้าสอบจะปรับตกในรายวชิ าน้นั ทันที

6. หา้ มนำข้อสอบและกระดาษคำตอบออกจากห้องสอบโดยเด็ดขาด

ข้อสอบผ่านการตรวจแล้ว

...............................................................ผ้อู อกข้อสอบ
...............................................................หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
...............................................................คณะกรรมการวชิ าการ
...............................................................ผูบ้ ริหาร

แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธว์ิ ิชาวทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน ปลายภาคเรยี นที่ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 หน้า 2

ตอนท่ี 1 ให้นักเรียนใช้ดินสอระบายลง  ในกระดาษคำตอบข้อที่ถูกทส่ี ุดเพยี งข้อเดียว

1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สารอินทรียท์ พ่ี ืชสร้างทั้งหมด 9. ถา้ ต้องการปลูกลองกองให้ออกผลผลิตช่อสวยผลใหญ่

1. คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ควรใช้สารชนิดใด

2. โปรตีน ลพิ ดิ จิบเบอเรลลนิ 1. ออกซนิ 2. จบิ เบอเรลลิน

3. ลพิ ดิ ออกซนิ กรดแอบไซซิก 3. ไซโคไทนนิ 4. เอทิลนิ

4. กรดนคิ ลอี ิก ออกซนิ เอทิฟอน 10. นายไสวมีอาชีพเพาะกล้วยไมข้ าย ควรใชส้ ารชนิดใด

2. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ประโยชน์ของสารอินทรีย์ ในการเร่งให้เกิดราก

1. ทำให้มใี บมากขนึ้ 2. ทำให้ต้นสงู ขึ้น 1. ออกซนิ 2. เอทิลนิ

3. ทำใหม้ ีรากมากขน้ึ 4. ทำให้มียอดมากข้ึน 3. กรดแอบไซซิก 4. ไซโทไคนิน

3. พืชในข้อใดท่มี ีการสะสมสารอินทรยี จ์ ำพวกลพิ ดิ ไว้ที่ 11. ชาวสวนปลกู ดอกมะลติ ้องการ ใหต้ ้นมะลิแตกกง่ิ

เมล็ด มากๆเพื่อให้ไดผ้ ลผลติ สูงควรใส่ฮอรโ์ มนชนดิ ใด

1. ข้าว ข้าวโพด 2. ถัว่ เหลอื ง มนั เทศ 1. ออกซนิ 2. ไซโทไคนิน

3. มะพร้าว ทานตะวัน 4. อ้อย ถ่ัวลิสง 3. จิบเบอเรลลนิ 4. เอทลิ นิ

4. สารที่ใชใ้ นการทดสอบโปรตนี ในพืชคือสารใดและให้ผล 12. นายสมบูรณ์พ่อค้าคนกลางรับซ้อื กล้วยหอมจาก

การทดสอบเป็นอยา่ งไร ชาวสวนตอ้ งการใหก้ ล้วยหอมสุกพร้อมกันนายสมบรู ณ์ควร

1. สารละลายไอโอดีนเกิดเปน็ สนี ำ้ เงนิ ใชส้ ารชนิดใด

2. สารละลายไอโอดีนเกิดเป็นสีนำ้ ตาล 1. ออกซิน 2. เอทลิ นิ

3. สารละลายเนเนดกิ ์เกดิ เปน็ นำ้ เงิน 3. กรดแอบไซซิก 4. จิบเบอเรลลนิ

4. สารละลายไบยูเรต็ เกิดเปน็ สีมว่ ง 13. นักธรุ กิจสง่ ดอกกล้วยไม้ออกไปต่างประเทศต้องการ

5. สารใดเมือ่ ทดสอบกบั สารละลายไอโอดนี และเกดิ ให้ดอกกล้วยสดอยู่ไดน้ านควรใช้สารชนิดใด

ตะกอนสนี ำ้ เงิน 1. ออกซิน 2. เอทิลิน

1. แป้ง 2. เซลลูโลส 3. กรดแอบไซซิก 4. ไซโทไคนนิ

3. ไกลโคเจน 4. มอลโทส 14. ขอ้ ใดเกย่ี วขอ้ งกบั จิบเบอเรลลนิ

6. สารอนิ ทรียใดไมม่ ใี นใบ ก. การงอกของเมล็ด ข. การผลใิ บ

1. ออกซนิ เอทิฟอน 2. เอทิลิน กรดแอบไซซิก ค. การออกดอก ง. การสุกของผลไม้

3. จิบเบอเรลลนิ เอทลิ ิน 4. ไซโคไทนิน เอทฟิ อน ขอ้ ใดถูกต้อง

7. ขอ้ ใดเป็นประโยชน์ของสารอนิ ทรียท์ ่ี ไม่ จำเป็น 1. ก และ ข 2. ก และ ค

ก. ชว่ ยในการขยายพันธ์.ุ ข. ช่วยกำจดั ศัตรพู ืช 3. ข และ ค 4. ค และ ง

ค. เพื่อผสมเกสร. ง. ยบั ย้ังจลุ ินทรีย์ 15. ข้อใด ไม่ เกี่ยวกับออกซิน

1. ก ข ค 2. ก ข ง 1. การผลิตต้นบอนไซ

3. ก ค ง 4. ถูกทุกข้อ 2. การปักชำพืช

8. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ ผลติ ภัณฑ์ที่ได้จากสารอินทรีย์ทไี่ มจ่ ำเป็นต้อ 3. การกำจดั ศตั รพู ืช

การเจรญิ เตบิ โตของพืช 4. การโค้งงอเข้าหาแสงของตน้ ไม้

1. ยางรถยนต์ 2. ถุงมือยาง

3. น้ำมันพชื 4. ยางรดั ของ ( ต่อหนา้ 3 )

โรงเรยี นขุนไกรพิทยาคม สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสโุ ขทยั

แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิวชิ าวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ปลายภาคเรยี นท่ี 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 หน้า 3

16. ข้อใด ไมใ่ ช่ หนา้ ทีข่ องเอทิลนิ 21. ปจั จยั ท่จี ำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพชื มีอะไรบา้ ง

1. เร่งการร่วงของใบ 2. เรง่ การสุกของผลไม้ 1. อากาศ ดนิ ธาตุอาหาร

3. เร่งการเกดิ ราก 4. เร่งการออกดอก 2. นำ้ แสงแดด

17. ข้อใดเปน็ เหตผุ ลที่ต้นพลูด่างเจริญงอกงามดี เมื่อปลูก 3. นำ้ แสงแดด อากาศ ดิน ธาตอุ าหาร

ในท่ีร่มหรอื ในบา้ น 4. ถกู ทุกข้อ

1. พลดู า่ งไมจ่ ำเป็นต้องใช้แสงสวา่ ง 22. สิ่งที่จำเป็นตอ่ การสร้างอาหารของพชื คืออะไร

2. พลูด่างสังเคราะห์ด้วยแสงไดแ้ ม้มีความเขม้ ของแสง 1. วชั พืน 2. แสงแดด

นอ้ ย 3. ไฮโดรเจน 4. นำ้ ตาล

3. พลูด่างเป็นเปน็ พชื ในร่มจึงไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งสังเคราะห์ 23. เราไม่ควรนำตน้ ไม้ไปต้งั ไว้ในหอ้ งนอน ตอนกลางคืน

ด้วยแสง เพราะอะไร

4. อณุ หภมู ิในรม่ เพยี งพอตอ่ การสังเคราะห์ดว้ ยแสง 1. ต้นไม่ทำใหห้ ้องนอนสกปรก

ของพลูด่าง 2. ต้นไมท้ ำให้อากาศเย็นเกินไป

18. การทใ่ี บของพืชตระกลู ถ่ัวหบุ ตอนเย็นใกล้พระอาทิตย์ 3. ตน้ ไม้แยง่ อากาศหายใจเรา

ตกเพราะเหตุใด 4. ตน้ ไมท้ ำให้หอ้ งนอนรก

1. การขยายตัวของเซลล์ด้านนอกด้านในไม่เท่ากัน 24. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชน์ของดิน

2. การเปลย่ี นแปลงของแสงและเปลีย่ นแปลงความเตง่ 1. ช่วยในการสังเคราะห์แสง

3. การเปล่ยี นแปลงอุณหภูมแิ ละการเปล่ยี นแปลง 2. ช่วยกระตนุ้ ให้ ผล ดอก งอกเร็วหรือได้ผลดี

ความเตง่ 3. ชว่ ยใหค้ วามสมบรู ณแ์ ข็งแรงของพืช

4. การขยายตัวของเซลล์และการเปล่ียนแปลงความ 4. ชว่ ยในการเจริญเติบโตของพืช

เต่ง 25. ธาตุอาหารท่สี ำคัญมากของพืชคือข้อใด

19. การบานของดอกไม้เกิดไดจ้ ากสาเหตุใด 1. ปรอท 2. นอี อน

1. กลุม่ เซลล์ด้านในของกลบี ดอกขยายตัวแต่ดา้ นนอก 3. เหลก็ 4. โพแทสเซยี ม

ไมข่ ยายตวั 26. ปจั จยั ในการดำรงชีวิตข้อใดท่ีพชื ขาดไม่ได้

2. กลมุ่ เซลลด์ า้ นในของกลีบดอกขยายตวั น้อยกวา่ ดา้ น 1. น้ำ อากาศ แสง 2. น้ำ ป๋ยุ ดนิ

นอก 3. ปุ๋ย ยาฆา่ แมลง ดิน 4. น้ำ ดนิ ยาฆ่าแมลง

3. กลุม่ เซลลด์ ้านในของกลบี ดอกขยายตวั มากกว่าด้าน 27. แรธ่ าตุที่สำคญั กับอย่างย่ิงสำหรบั พชื 3 ชนิด คือข้อ

นอก ใด

4. กลุ่มเซลลด์ า้ นในของกลบี ดอกไม่ขยายตวั แต่ด้าน 1. ออกซิเจน ฟอสฟอรัส ไฮโดรเจน

ขยายตวั อย่างรวดเร็ว 2. ออกซิเจน โพแทสเซยี ม ไนโตรเจน

20. ข้อใดเปน็ การเคล่ือนไหวของพืชท่ีมีทศทางสัมพันธ์กับ 3. ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม

สิง่ เรา้ 4. ไฮโดรเจน ฟอสฟอรสั ไนโตรเจน

1. การหบุ และการบานของจามจุรตี อนเช้าและตอน

เย็น

2. การหบุ และกางใบของใบไมยราพเม่ือถูกสมั ผสั ( ต่อหน้า 4 )

3. การเลอ้ื ยพนั รอบหลักหรือที่ยึดเกาะของลำต้นพัน

ตำลงึ

4. การหบุ และการบานของดอกบวั ตอนเช้าและตอน

เยน็

โรงเรยี นขุนไกรพทิ ยาคม สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสุโขทัย

แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์วิ ชิ าวิทยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ปลายภาคเรยี นที่ 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 หนา้ 4

28. ฮอรโ์ มนพชื และการแสดงผลในข้อใดถูกต้อง 35. พชื สงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ดที สี่ ุดทแี่ สงสีใด

1. ออกซิน กบั การขยายตวั ของเซลลต์ รงช่วง 1. สีเขียว 2. สีแดง

ระหวา่ งขอ้ 3. สมี ว่ ง 4. สเี หลอื ง

2. จิบเบอเรลลิน กับ การขม่ ตาข้างไมใ่ หต้ าข้าง 36. ออรแ์ กเนลล์ที่ทำหนา้ ที่สงั เคราะห์ด้วยแสง คือ ออร์

เจริญเติบโต แกเนลล์ใด

3. ไซโทไคนิน กับ การเกิดรากของก่ิงปกั ชำ 1. ผนังเซลล์ 2. เซลล์คมุ

4. เอทลิ นี กบั การออกดอกของสบั ปะรด 3. คลอโรฟิลล์ 4. คลอโรพลาสต์

29. การปกั ชำพืชบางชนดิ มักใชก้ ิง่ ท่ีมีใบและยอด ทท่ี ำ 37. ในพชื พวกโกสนท่ีมีใบสเี หลืองหรือสีแดง สามารถ

เช่นนีเ้ พราะเหตุผลใด สงั เคราะห์ด้วยแสงได้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด

1. ใบชว่ ยดดู ซบั นำ้ เอาไว้ทำใหก้ ่ิงปักชำแข็งแรง และ 1. ได้ เพราะแมจ้ ะมีสีเหลืองก็มีคลอโรฟิลลอ์ ยู่

ออกรากไดเ้ ร็ว 2. ได้ เพราะมสี ีเหลอื งของแคโรทีนอยด์ ซ่งึ สามารถดูด

2. สว่ นยอดมีการสรา้ งฮอรโ์ มนออกซนิ สง่ ลงมาเร่งการ พลงั งานแสงได้

เกิดราก 3. ไมไ่ ด้ เพราะไม่มีคลอโรฟิลล์

3. สว่ นของยอดมีการสรา้ งฮอร์โมนจบิ เบอเรลลนิ ส่ง 4. ไมไ่ ด้ เพราะมีแต่แคโรทีนอยด์

ลงมาเรง่ การเกดิ ราก 38. การทพี่ ืชดอกสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ เพราะมีสารสี

4. สว่ นของใบมีการสรา้ งอาหารฮอรโ์ มนไซโทไคนิน สง่ ชนิดใด

ลงมาเรง่ การเกิดราก 1. คลอโรฟลิ ล์ 2. ไฟโคบลิ ิน

30. เมล็ดขา้ วโพดบางชนดิ งอกได้ทง้ั ๆท่ีเมลด็ ยังอยู่บนตน้ 3. คลอโรพลาส 4. คาโรทีนอยด์

เมลด็ เหล่าน้ีน่าจะมีฮอร์โมนพืชชนิดใดในระดับตำ่ กวา่ ปกติ 39. ขอ้ ใดแสดงว่าพืชตอบสนองต่อแสงสวา่ ง

1. ออกซิน 2. จบิ เบอเรลลิน 1. ดอกบัวบานตอนกลางวนั แล้วหุบในตอนเยน็

3. ไซโทไคนิน 4. กรดแอบไซซิก 2. เถาอง่นุ พนั รอบไม้ท่ีทำเป็นร้านใหอ้ งนุ่ เกาะ

31. ฮอร์โมนพชื ชนดิ ใดทมี่ ีอยู่ในผลไมท้ ่ีกำลงั จะสุก 3. ตน้ กาบหอยแครงดักจับแมลงวันท่ีเดนิ เข้าไปในใบ

1. ออกซนิ 2. ไซโตไคนิน 4. ลำตน้ ของพืชทีป่ ลูกในร่มชไ้ี ปทางหนา้ ต่าง

3. เอทีลนี 4. จิบเบอริลนิ 40. ต้นพรกิ ไทยจะพนั รอบหลักในการเจริญเติบโต แสดง

32. การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคืออะไร ว่ามกี ารตอบสนองต่อ

1. การสรา้ งเสน้ ใยของพชื โดยใชแ้ สง 1. ความช้นื ของหลกั 2. สารเคมที ่หี ลัก

2. การสรา้ งอาหารของพืช 3. การสัมผสั 4. แสงสวา่ ง

3. การสรา้ งพลงั งานโดยใชแ้ สง 41. ขอ้ ใดคอื โฟโตโทรปิซมึ photopism

4. การดูดกลืนแสงของพืช 1. ทานตะวนั หมนุ ตามดวงอาทติ ย์

33. ผลผลติ ท่ไี ด้จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคืออะไร 2. การบานของคณุ นายต่ืนสาย

1. นำ้ ตาลกลูโคส 2. นำ้ ตาลฟรุกโตส 3. การงอกของราก

3. แป้ง 4. คารบ์ อนไดออกไซด์ 4. การบานของดอกบัว

34. ออกซเิ จนที่ได้จากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง ได้มาจาก

อะไร ( ตอ่ หนา้ 5 )
1. ออกซิเจนท่ีพชื ดูดเข้าไป

2. นำ้

3. คาร์บอนไดออกไซดท์ ี่พืชดูดเขา้ ไป

4. คลอโรฟลิ ล์

โรงเรียนขนุ ไกรพทิ ยาคม สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาสุโขทัย

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธว์ิ ิชาวทิ ยาศาสตร์พื้นฐาน ปลายภาคเรียนท่ี 1 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 หนา้ 5

42. ไฮโดรโทปริซมึ (hydrotropism) คอื ข้อใด 49. พชื ชนดิ ใดตอ่ ไปนี้พบฮอร์โมนเอทิลีนมากทส่ี ุด

1. ตอบสนองตอ่ แสงแดด 1. มะเขือ 2. มะมว่ ง

2. การตอบสนองต่อความชน้ื 3. มะละกอสุก 4. ชมพู่

3. การตอบสนองต่อแรงโนม้ ถ่วง 50. ฮอรโ์ มนใดพบมาบรเิ วณยอดอ่อน

4. การตอบสนองต่อเคมี 1. ไซโทไคนิน 2. แอบไซซดิ

43. ขอ้ ใดคอื ไฮโปแนสต้ี : hyponasty 3. เอทิลนี 4. ออกซนิ

1. การบานของดอกไม้

2. การหมนุ คอตามดวงอาทติ ย์ ###########################

3. การหบุ ของดอกไม้

4. การยดื ตามขอ้ ของต้นไม้ “บุคคลทเ่ี จรญิ แลว้ ย่อมรตู้ วั เสมอ ว่ากาลงั กระทาสง่ิ
ใด”
44. ฮอรโ์ มนชนดิ ใดค้นพบเป็นชนดิ แรก

1. ออกซนิ 2. ไซโทไคนิน

3. เอทลิ นี 4. แอบไซซิกแอซิด

45. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเป็นลักษณะของการตอบสนองของพืช

ต่ออุณหภมู ิของอากาศ

1. การหบุ ของดอกบัว

2. การหุบของดอกมะลิ

3. การหุบของใบกระถิน

4. การหุบของไมยราบ

46. ข้อใดไมเ่ ป็นการตอบสนองของพชื อยา่ งมที ศิ ทาง

1. การเจรญิ ของมือเกาะ

2. การงอกของละอองเรณู

3. การบานและหุบของดอก

4. การเจรญิ ของพืชลงสูด่ ิน

47. ข้อใดอธิบายปรากฏการณท์ ี่รากพืชโคง้ เข้าหาแรง

ดึงดดู โลก เมือ่ วางกระถางไว้ในแนวขนานกับพืช

1. photoperiodism

2. Positive phototropism

3. photomorphogenesis

4. Positive geotropism

48. การงอกของหลอดละอองเรณูไปยงั รังไข่ของพชื ดอก

เป็นการตอบสนองต่อส่งิ เรา้ ในขอ้ ใด

1. แรงดงึ ดูดของโลก 2. สารเคมบี างอยา่ ง

3. ความช้นื จากน้ำ 4. ไขซ่ ง่ึ พร้อมทจี่ ะผสม

โรงเรยี นขนุ ไกรพทิ ยาคม สำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสุโขทัย


Click to View FlipBook Version