The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อสอบกลางภาคม.5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratreetia, 2021-08-24 01:41:39

ข้อสอบกลางภาคม.5

ข้อสอบกลางภาคม.5

แบบทดสอบกลางภาค
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนขนุ ไกรพทิ ยาคม

รหัสวิชา ว30223 รายวชิ าเคมี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5

คำอธิบาย

1. ขอ้ สอบมที ัง้ หมด 2 ตอน (6 หนา้ ) รวม 50 คะแนน

ตอนท่ี 1 แบบเลือก 1 คำตอบ : จำนวน 30 ขอ้ รวม 30 คะแนน

ตอนท่ี 2 แสดงวิธที ำ : จำนวน 2 ข้อ รวม 20 คะแนน

2. กอ่ นตอบคำถามให้เขียนชือ่ – นามสกุล เลขท่ี ชน้ั รหสั วิชา และรายวิชา

บนกระดาษคำตอบให้ชัดเจน

3. ในการตอบแบบเลือก 1 คำตอบให้ใช้ดินสอเบอร์ 2B ระบายวงกลมตัวเลือกคำตอบให้เต็มวง (ห้าม

ระบายนอกวง) ถา้ ต้องการเปล่ียนตัวเลือกใหม่ ต้องลบให้สะอาดจนหมดรอยดำ แล้วจึงระบายวงกลม

ตัวเลอื กใหม่

4. หากมีข้อสงสยั ใหส้ อบถามกับผู้คุมสอบเท่าน้ัน

5. หากพบการทจุ ริตในการทำแบบทดสอบ กรรมการคุมเข้าสอบจะปรบั ตกในรายวิชานน้ั ทันที

6. ห้ามนำข้อสอบและกระดาษคำตอบออกจากห้องสอบโดยเด็ดขาด

ข้อสอบผา่ นการตรวจแล้ว

...............................................................ผ้อู อกข้อสอบ
...............................................................หวั หน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้
...............................................................คณะกรรมการวชิ าการ
...............................................................ผบู้ รหิ าร

แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น กลางภาคเรยี นท่ี 1 วิชาเคมี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 หน้า 2

ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรียนใชด้ นิ สอระบายลง  ในกระดาษคำตอบข้อท่ถี ูกทีส่ ุดเพียงข้อเดียว

ผลการเรยี นรู้ 3. การทำนำ้ แข็งแหง้ คือการนำแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์

- ใชท้ ฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ อธิบายสมบตั ิบางประการของแกส๊ มาทำให้เป็นของแข็ง กระบวนการที่นำมาใช้ คอื ขอ้ ใด

- อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างอุณหภมู ิ ความดัน และ 1. เพมิ่ อณุ หภูมิและลดความดัน

ปรมิ าตร ของแก๊ส 2. ลดอุณหภูมแิ ละเพ่ิมความดัน

- ใช้กฎตา่ งๆ ของแกส๊ คำนวณหาปรมิ าตร ความดัน 3. เพิม่ อณุ หภมู ิและเพมิ่ ความดัน

อณุ หภมู ิ และจำนวนโมลหรอื มวลของแก๊ส 4. ลดอณุ หภูมิและลดความดนั
4. แกส๊ Cl2 14.2 กรัม จะมปี ริมาตรก่ี dm3ที่ความดนั
- อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการแพร่ของแกส๊ กบั มวล 380 mmHg ณ อณุ หภูมิ 25 C
โมเลกลุ รวมท้ังสามารถเปรยี บเทยี บอัตรา การแพร่และ
อตั ราการแพร่ผา่ นของแก๊ส 1. 9.77 2. 5.21
- ทำการทดลอง รวบรวมขอ้ มูล แปลความหมายข้อมูล และ
สรุปผลการทดลอง เพ่อื ศึกษารปู ผลกึ กำมะถนั การ 3. 12.53 4. 1.253
เปรยี บเทยี บความดนั ไอของของเหลว ผลของความดนั หรอื 5. แกส๊ ไนโตรเจน ปริมาตร 600 cm3 ที่อุณหภมู ิ 27 C

อุณหภูมิต่อปรมิ าตรของแกส๊ และการแพรข่ องแก๊ส และความดัน 1 บรรยากาศจะหนักกี่กรมั

1. ความดันของแกส๊ เกิดจากข้อใด 1. 0.34 กรมั 2. 0.68 กรัม

1. โมเลกลุ ของแกส๊ ชนกนั เอง 3. 0.75 กรมั 4. 0.95 กรมั

2. โมเลกุลแก๊สชนผนังภาชนะ 6. แกส๊ ทบ่ี รรจุในบอลลูนมปี รมิ าตร 185 ml ทีอ่ ุณหภมู ิ
3. โมเลกลุ ของแกส๊ ชนกนั เอง และชนผนงั ภาชนะ 52 C จงหาปรมิ าตรของบอลลูน ถ้าอุณหภมู ลิ ดลงเปน็
4. โมเลกลุ ของแก๊สรวมกันเปน็ โมเลกลุ ขนาดใหญ่ − 17 C สมมติความดันคงท่ี

2. ข้อใดถูกตอ้ ง ถ้าลดปริมาตรของภาชนะทบ่ี รรจุแก๊ส โดย 1. 30 ml 2. 60 ml

ให้อณุ หภมู ิคงท่ี 3. 146 ml 4. 165 ml
1. อะตอมของแก๊สจะชนผนังภาชนะดว้ ยแรงเท่าเดิมแต่ 7. แก๊สมีตระกูลชนดิ หน่ึงมปี รมิ าตร 10 dm3ท่ี STP ถา้
ลดปริมาตรลง 3 dm3ที่ความดนั 1.5 atm จะมีอณุ หภูมิ
ในอตั ราความถีเ่ พิ่มขึ้น

2. อะตอมของแก๊สจะชนผนงั ภาชนะแรงขึ้นกวา่ เดิมแต่ เทา่ ใด
ในอัตราความถี่คงเดิม 1. 12 C 2. 14 C
3. อะตอมของแกส๊ จะชนผนังภาชนะแรงขน้ึ กวา่ เดิมแต่ 3. 15 C 4. 20 C

ในอัตราความถล่ี ดลง

4. อะตอมของแกส๊ จะชนผนงั ภาชนะเบากว่าเดมิ แต่ใน

อัตราความถ่เี พมิ่ ขึน้ ( ตอ่ หน้าท่ี 3 )

.

แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน กลางภาคเรยี นที่ 1 วิชาเคมี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 หน้า 3

8. แก๊ส A จำนวน 1.5 โมล ที่ STP จะมีปรมิ าตรเทา่ ใด 13. ใสแ่ ท่งโลหะสงั กะสรี ูปทรงกลม 1 cm3 ลงในกรด
เมอ่ื อุณหภมู ิเปลี่ยนเปน็ 20  C ทีค่ วามดันคงท่ี
ไฮโดรคลอริกเข้มข้น 0.1 โมล/ลิตร 20 cm3 แลว้ เขยา่ เบาๆ

1. 42.54 dm3 2. 24.22 dm3 ถา้ เพ่ิมสิ่งตอ่ ไปน้ี เปน็ สองเทา่ อะไรจะทำใหอ้ ตั ราเร็วของ

3. 15.36 dm3 4. 36.06 dm3 การเกิดกา๊ ซไฮโดรเจนเพมิ่ มากที่สดุ

9. แกส๊ ใดมีความดัน มากทส่ี ุด เมอ่ื มปี ริมาตร อุณหภูมิ และ 1. พื้นทผ่ี วิ ของ Zn 2. ปรมิ าตรของ Zn

มวลเทา่ กัน 3. ปริมาตรของ HCl 4. ความเขม้ ข้นของ HCl

1. เท่ากันทงั้ หมด 2. O2 14. มีปฏิกิริยาระหว่างของแข็งกบั แก๊สชนดิ หน่ึง ซ่ึง
สามารถเกดิ ข้ึนได้ตลอดเวลา ถา้ ต้องการทำให้อัตราของการ
3. H2 4. N2 เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเพิ่มขึน้ จะต้องทำใหม้ ีการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร
10. มวลโมเลกลุ ของแกส๊ ขอ้ ใดที่แพร่ได้ชา้ กว่าไฮโดรเจน
6 เทา่ 1. ลดความดนั ของแกส๊
2. ลดอณุ หภมู ลิ ง
1. 12 2. 36
3. ลดขนาดของของแข็งลง
3. 64 4. 72
4. รกั ษาความกดดันให้คงที่
11. การทำน้ำแข็งแห้ง คือการนำแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
15. ปฏกิ ริ ยิ า A(s) + B(aq) → C(aq) + D(g) เป็น
มาทำใหเ้ ปน็ ของแขง็ กระบวนการท่นี ำมาใช้ คือข้อใด
ปฏิกริ ิยาคายความร้อน อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาจะเพมิ่ ข้ึน
1. เพิม่ อุณหภมู ิและลดความดัน
เมอ่ื ใด
2. ลดอณุ หภูมแิ ละเพมิ่ ความดนั
1. ลดขนาดของ A เพม่ิ ความเขม้ ขน้ ของ B ลดอุณหภูมิ
3. เพิ่มอุณหภมู ิและเพิม่ ความดนั
2. ลดปรมิ าณของ D เพ่ิมความเขม้ ขน้ ของ B ลด
4. ลดอณุ หภมู ิและลดความดัน
อณุ หภมู ิ
ผลการเรียนรู้
3. เพมิ่ ขนาดของ A ลดความดัน เพิ่มอณุ หภมู ิ
- บอกความหมายของอัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี และ
4. ลดขนาดของ A เติมตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยา เพ่มิ อณุ หภมู ิ
คำนวณหาอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
- เขยี นและแปลความหมายกราฟ แสดงความสัมพันธ์ 16. ก๊าซ NO2 สลายตวั ตามสมการ
ระหว่างความเข้มขน้ ของสารกับเวลา รวมทงั้ สามารถหา
อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีจากกราฟ 2NO2(g) 2NO(g) + O2(g)
ถา้ อตั ราการสลายตวั ของ NO2 เท่ากับ 4.4 x 10–5
mol/dm3.s อตั ราการเกิด O2 จะเปน็ เท่าใดในหนว่ ย
12. ปจั จัยทมี่ อี ทิ ธิพลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี คอื ขอ้ ใด mol/dm3.s
1. 1.1 x 10–5 2. 2.2 x 10–5
1. ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย ความกดดนั ตัวเร่ง 4. 8.8 x 10–5
3. 4.4 x 10–5
ปฏกิ ิรยิ าพันธะโควาเลนต์

2. พันธะโควาเลนต์ อุณหภมู ิ ความเข้มขน้ ของ

สารละลาย ความดัน ( ตอ่ หน้าท่ี 4 )
3. อณุ หภมู ิ ความเข้มขน้ ของสารละลาย พ้ืนท่ผี วิ ตัวเรง่

ปฏิกริ ิยา

4. อณุ หภมู ิ พันธะโควาเลนต์ พ้นื ที่ผวิ ตัวเรง่ ปฏกิ ิริยา

แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น กลางภาคเรยี นที่ 1 วิชาเคมี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หน้า 4

17. กา๊ ซ AB2 สลายตวั ได้ตามสมการ 19. จากกราฟ ช่วงใดที่แสดงถงึ คา่ พลังงานก่อกมั มนั ต์ของ
2AB2(g) 2AB(g) + B2(g) ถา้ อัตราการ สลายตัว ปฏิกริ ยิ าน้ี

ของ AB2 เทา่ กบั k1 mol.dm–3s–1 อตั ราการเกดิ B2 จะเป็น 1. PQ 2. PR
เทา่ ไร 3. PS 4. QR
20. ถ้าใสต่ ัวเรง่ ปฏกิ ิริยาลงไป กราฟแตล่ ะสว่ นจะมีการ
1. k1 2. k1 เปล่ยี นแปลงอย่างไร
1. จุด X และ จดุ Y คงท่ี จดุ P สงู กว่าเดิม
4 2 2. จดุ X และ จุด Y คงท่ี จุด P ลดต่ำลง
3. k1 4. 2 k1 3. ทั้งจุด X จุด Y และ จดุ P ลดต่ำลง
4. ท้งั จุด X จดุ Y และ จดุ P สูงกวา่ เดมิ
ผลการเรยี นรู้ 21. ถ้ากราฟระหวา่ งพลังงาน และการดำเนนิ ไปของ
- แปลความหมายจากกราฟ แสดงการเปลย่ี นแปลงพลงั งาน ปฏกิ ิรยิ า (ก) และ (ข) เป็นดงั กราฟ
กับการดำเนนิ ไปของปฏกิ ิริยาเคมี และสามารถระบุได้ว่าเป็น
ปฏิกิริยาดูดหรอื คายพลังงาน
- เขยี นและแปลความหมายกราฟ แสดงความสัมพันธ์
ระหวา่ งความเข้มข้นของสารกับเวลา รวมทั้งสามารถหา
อตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมีจากกราฟ

คำชแี้ จง ใชก้ ราฟประกอบการตอบคำถามขอ้ 18 – 20 ขอ้ ใดกลา่ ว ไมถ่ ูกตอ้ ง เกี่ยวกับปฏิกริ ยิ า
สาร A ทำปฏกิ ิริยากับสาร B ไดส้ าร C และกราฟต่อไปนี้ 1. ปฏกิ ิรยิ า (ก) เป็นปฏกิ ริ ิยาคายความร้อน สว่ น
เป็นกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหว่างพลงั งานของสารตั้งต้น ปฏิกริ ิยา (ข) เปน็ ปฏิกริ ยิ าดดู ความร้อน
พลงั งานก่อกัมมันต์ของปฏิกริ ิยา และพลังงานของสารใหม่ 2. พลงั งานก่อกมั มันต์ของปฏิกริ ิยา (ก) จะเป็น
คร่งึ หนงึ่ ของพลงั งานกอ่ กัมมนั ต์ของปฏิกริ ิยา (ข)
3. ผลิตภัณฑ์ทไ่ี ด้จากปฏิกิริยา (ก) จะเสถียรกวา่
ผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากปฏิกิริยา (ข)
4. กราฟท้งั สองไม่ให้ข้อมลู เก่ียวกับอัตราการ
เกดิ ปฏิกริ ยิ าเลย

18. จากกราฟข้อใดกลา่ วได้ ถูกตอ้ ง ( ต่อหน้าที่ 5 )
1. พลังงานของสาร A สงู กวา่ สาร B และสูงกวา่ สาร C
2. พลงั งานของสาร A สงู กวา่ สาร B และต่ำกวา่ สาร C
3. พลังงานของสาร A และสาร B สงู กวา่ สาร C
4. พลังงานของสาร A และสาร B ต่ำกว่าสาร C

แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น กลางภาคเรยี นที่ 1 วชิ าเคมี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 หน้า 5

22. ปฏิกิรยิ าชนิดหนึ่ง มีพลังงานกอ่ กัมมนั ต์ 150 KJ และ คำชี้แจง ขอ้ มลู ต่อไปนีใ้ ช้ประกอบคำถามข้อ 26 – 27

คายพลงั งาน 100 KJ กราฟในขอ้ ใด แสดงการดำเนนิ ไปของ ปฏกิ ริ ิยาเคมชี นดิ หนึ่ง จากสารต้ังต้น A เกิดเป็นสารใหม่ E

ปฏกิ ริ ยิ าได้ดที ส่ี ุด มกี ารเปลี่ยนแปลงพลังงานตามทีแ่ สดงดงั รปู

ชแี้ จง ข้อมูลต่อไปน้ีใชป้ ระกอบคำถาม ข้อ 23 – 25 26. ปฏิกริ ยิ านเ้ี กิดเปน็ ขนั้ ๆ ขั้นทชี่ า้ ทส่ี ุดคือข้นั ใด
สาร A ทำปฏิกริ ิยากบั สาร B ได้สาร C และ D ถา้ มีตัวเร่ง
ปฏิกิริยาทำใหเ้ กิดปฏกิ ริ ิยาเร็วขึ้น 1. A →B 2. B →D

3. C →D 4. C →E

27. ปฏิกริ ิยานเี้ ป็นแบบใด

1. ดูดความร้อนเท่ากับ W – Y

2. ดดู ความร้อนเทา่ กับ Z

3. คายความรอ้ นเทา่ กบั X

4. คายความร้อนเทา่ กบั Z – X

28. หนา้ ทข่ี องตัวเร่งปฏิกิรยิ าคอื ข้อใด

1. ลดความแตกต่างระหว่างพลงั งานของสารตั้งต้นและ

23. ขอ้ ใดคือพลงั งานก่อกัมมันต์ของปฏิกิรยิ าทมี่ ีตัวเร่ง สารผลติ ภณั ฑ์

ปฏกิ ิริยา 2. เพิ่มพลงั งานใหแ้ กโ่ มเลกลุ ของระบบ

1. a 2. b 3. ลดพลงั งานก่อกัมมนั ต์ของปฏิกิริยา

3. c 4. d 4. ชว่ ยเพ่ิมจำนวนคร้ังของการชนกนั ของโมเลกลุ ของ

24. ขอ้ ใดคอื พลังงานกอ่ กมั มันต์ของปฏิกริ ิยายอ้ นกลับ ที่ไม่ สารตง้ั ตน้

มตี ัวเร่งปฏิกิรยิ า 29. การกระทำในข้อใด ไม่ สามารถช่วยเพม่ิ อัตราการ

1. a 2. b เกิดปฏกิ ริ ิยาของ
Zn(s) + 2HCl(aq) → ZnCl2 (aq) + H2 (g)
3. c 4. d

25. เม่อื มีตัวเรง่ ปฏิกิริยา สามารถลดพลงั งานก่อกัมมนั ต์ได้ 1. การคนสารในภาชนะ

เท่าไหร่ 2. ใส่ Zn ทเ่ี ปน็ ผงละเอียด

1. a – b 2. b – a 3. เพิ่มความเข้มข้นของ HCl

3. d – c 4. c – d 4. เพ่มิ ความดนั

( ต่อหน้าที่ 6 )

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียน กลางภาคเรยี นท่ี 1 วิชาเคมี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 หน้า 6

30. ในปฏิกิรยิ าคายความร้อนของปฏกิ ิรยิ าไปข้างหนา้ กำหนดให้ความแตกต่างของพลังงานระหวา่ งสารตง้ั ต้น และสาร
ผลิตภณั ฑ์ มีคา่ เท่ากับ 30 kJ/mol และพลงั งานกระตุ้นของปฏกิ ริ ยิ ามีคา่ – 50 KJ/mol ถา้ เติมตวั คะตะไลต์ลงไปใน
ปฏิกิรยิ าจะมผี ลเปน็ อย่างไร

1. ปฏกิ ริ ยิ าจะคายความร้อน และพลังงานกระตุ้นมากกวา่ เดิม
2. ปฏกิ ิริยาจะคายความร้อน และพลงั งานกระตุน้ เท่าเดมิ
3. ปฏกิ ริ ิยาจะดดู ความร้อน และพลังงานกระตนุ้ น้อยกว่าเดมิ
4. ปฏิกิรยิ าจะคายความร้อน และพลงั งานกระตุ้นน้อยกวา่ เดิม

###############################

ตอนที่ 2 จงแสดงวธิ ที ำ (ข้อละ 10 คะแนน)
1. แกส๊ A มปี รมิ าตร 4 dm 3 บรรจใุ นภาชนะภายใตค้ วามดัน 1140 mmHg อุณหภมู ิ 273 C ปริมาตรของแก๊สนท้ี ี่ STP
เทา่ กับก่ลี ูกบาศกเ์ ดซเิ มตร
2. ปฏกิ ิรยิ า 3O2(g) → 2O3(g) ดูดพลงั งาน 150 kJ/mol และมีพลงั งานกระตุ้นสำหรบั ปฏิกิรยิ าไปข้างหน้า (Ea) เปน็
400 kJ จงหาค่าพลงั งานกระตนุ้ สำหรับปฏกิ ริ ยิ ายอ้ นกลับในหน่วย kJ พร้อมทั้งวาดกราฟประกอบ


Click to View FlipBook Version