The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อิเหนาตอนศึกกะหมังกุหนิง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

อิเหนาตอนศึกกะหมังกุหนิง

อิเหนาตอนศึกกะหมังกุหนิง

ตอนศึกกะหมังกุหนิง จัดทำ โดย เสนอ นายพรรษวุฒิ งามแฉล้ม ม.๔/๕ เลขที่ ๒ นายรพีภัทร เกตุสกุล ม.๔/๕ เลขที่ ๓ นายฐิติกร ลำ ไย ม.๔/๕ เลขที่ ๑๗ นายลภัส ไทยกลั่น ม.๔/๕ เลขที่ ๒๑ นายวิชญ์พงศ์ ศิลปธรรมธาดา ม.๔/๕ เลขที่ ๒๒ นางสาวสุชัญสินี เกียรติอมรเวช ม.๔/๕ เลขที่ ๓๐ นางสาวอายุทัย ศรีระศาสตร์ ม.๔/๕ เลขที่ ๓๑ คุณครูสุชาติ พิบูลย์วรศักดิ์ รายวิชาภาษาไทย (ท๓๑๑๐๑) โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖


หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ภาษาไทย ท๓๑๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๕ ปีการศึกษาที่ ๑/๒๕๖๖ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ ที่ได้จากเรื่อ รื่ ง อิเหนาตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้ จะประกอบไปด้วย ความเป็นมา ประวัติของผู้แต่ง ลักษณะคำ ประพันธ์ ตัวละครสำ คัญ เนื้อเรื่อ รื่ ง คำ ศัพท์ยากและคุณค่าของ เนื้อเรื่อ รื่ ง ผู้จัดทำ ขอขอบคุณ คุณครูสุชาติ พิบูลย์ศักดิ์ เป็นอย่าง สูงที่ให้คำ แนะนำ และข้อเสนอแนะตลอดการทำ งาน ผู้จัดทำ หวังว่าหนังสืออิเลกทรอนิกส์เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ ตามความสมควร และหากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำ ขอ น้อมรับ รั ไว้ ณ ที่นี้ด้วย กลุ่มผู้จั ผู้ จั ดทำ


เรื่องความเป็นมา หน้า๑ ประวัติวัติ ผู้แต่ง ๒ ลักษณะคำ ประพันธ์ ๓ตัวละครสำ คัญ ๔เรื่อรื่งย่อย่ ๙เนื้อหา ๑๐คำ ศัพท์ยาก ๒๔วิเวิคราะห์คุห์คุณค่า ๒๖บรรณานุกนุรม ๒๗


ตอนศึกกะหมังกุหนิง บทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนาเป็นวรรณคดีเรื่อ รื่ งสำ คัญเรื่อ รื่ งหนึ่งของไทย บทละคร เรื่อ รื่ ง อิเ อิ หนาที่เป็นที่รู้จั รู้จั กอย่า ย่ งกว้า ว้ งขวาง ได้แก่ บทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนาพระ ราชนิพนธ์ใธ์ น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฟ้ จุฬาโลกมหาราช และบท ละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนาพระราช นิพนธ์ใธ์ นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย บทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง ที่นำ มาให้เ ห้ รีย รี นในชั้น ชั้ นี้ เป็นพระราชนิพนธ์ใธ์ นรัช รั กาลที่ ๒ ซึ่งมี ความดีเด่นทั้ง ทั้ในด้านเนื้อหาและ ภาษา บทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนาพระราชนิพนธ์ใธ์ นรัช รั กาลที่ ๒ เป็นวรรณคดี นิทานที่ใช้ สำ หรับ รั การแสดงละครใน มีเนื้อเรื่อ รื่ งมาจากนิทานปันหยีข ยี อง ชวา-มลายู ซึ่งแพร่ห ร่ ลายเข้า ข้ มาในสังคมไทยตั้ง ตั้ แต่สมัยกรุงศรีอ รี ยุธยา ดัง ปรากฏหลักฐานว่า ว่ ใน รัช รั กาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หั ยู่ ว หั บรมโกศมีการแต่งบท ละครเรื่อ รื่ งดาหลัง หรือ รื “อิเ อิ หนาใหญ่”ญ่ (พระนิพนธ์ใธ์ นเจ้าฟ้า ฟ้ หญิง ญิ กุณฑล) และบทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนา หรือ รื “อิเ อิ หนาเล็ก” (พระนิพนธ์ใธ์ นเจ้าฟ้า ฟ้ หญิง ญิ มงกุฎ) ซึ่งได้เค้าเรื่อ รื่ งมาจากนิทานปันหยี ทั้ง ทั้ นี้บทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนาพระ ราชนิพนธ์ใธ์ นรัช รั กาลที่ ๒ กวีท วี รงนำ บทละครเรื่อ รื่ ง อิเ อิ หนาพระราชนิพนธ์ใธ์ น รัช รั กาลที่ ๑ มาทรงปรับ รัปรุงใหม่ให้เ ห้ป็นฉบับที่สมบูรณ์ ทั้ง ทั้ในเชิง ชิ วรรณคดี และการแสดง โดยได้เลือกสรรกวีที่ วี ที่ มีฝีมื ฝี มื อในการประพัน พั ธ์ ไว้เ ว้ป็นที่ปรึก รึ ษา สำ หรับ รั การพระราชนิพนธ์ เช่น ช่ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เจ้าฟ้า ฟ้ กรมหลวง พิทั พิทั กษ์มนตรี สุนทรภู่ ฯลฯ สันนิษฐานว่า ว่ ส่วนที่เป็นพระราชนิพนธ์ เริ่ม ริ่ ตั้ง ตั้ แต่ตอนต้นเรื่อ รื่ งจนถึงตอนสึกชี ส่วนตอนต่อจากนั้นเป็นผลงานของ กวี ท่านอื่น อื่ แต่งต่อภายหลัง บทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนาพระราชนิพนธ์ใธ์ นรัช รั กาลที่ ๒ ได้รับ รั การยกย่อ ย่ งว่า ว่ สามารถ นำ ไปเล่นละครให้ส ห้ มบูรณ์ครบองค์ห้า ห้ ของ ละครดีได้ ได้แก่ ตัวละครงาม งาม ร้อ ร้ งเพราะ พิณ พิ พาทย์เพราะ และกลอน เพราะทั้ง ทั้ ยัง ยัได้รับ รั การยกย่อ ย่ งจากวรรณคดีสโมสรว่า ว่ เป็นยอดของบทละคร รำ ๑


พระบาท สมเด็จพระพุทธเทศหล้านภาลัยเป็น พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้า ฟ้ จุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระอมริน ริ ทราบรมราชินี ชินี พระนาม เดิม ฉิม เสด็จพระราชสมภพเมื่อวัน วั ที่ ๒๔ กุมภาพัน พั ธ์ พ.ศ. ๔ เสด็จขึ้น ขึ้ ครอง ราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ริย์ ลำ ดับ ที่ ๒ แห่ง ห่ พระบรมราชจักรีว รี งศ์ใน พ.ศ. ๒๓๕๒ และสวรรคตเมื่อวัน วั ที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธ เสียหล้านภาลัย มีพระปรีช รี าสามารถหลายด้าน เช่น ช่ ด้านการปกครอง ทรงตรา พระราชกำ หนดและบทลงโทษเรื่อ รื่ งการสูบ การซื้อ และ การขายฝิ่น ฝิ่ ด้านการ ศาสนา ทรงส่งสมณทูตไปยัง ยั กาและ ปฏิสังขรณ์วัด วั หลายแห่ง ห่ โดยเฉพาะด้าน ศิลปะแขนงต่างๆ ทรงพระอัจ อั ฉริย ริ ภาพยิ่ง ยิ่ ด้านดุริย ริ างคศิลป์ ทรงพระราช นิพนธ์ทำ ธ์ ทำ นองเพลงบุหลันลอยเลียน ส่วนด้านวรรณศิลป์ ทรงพระราชนิพนธ์ วรรณคดีจำ นวนมาก เช่น ช่ บทละคร เรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ บทละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนา บท พากย์และบท จับระบำ าเรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ กาพย์เห่ช ห่ มเครื่อ รื่ งคาวหวาน เสภา เรื่อ รื่ งขุนช้า ช้ งขุนแผน บทละครนอกเรื่อ รื่ งไกรทอง คา ไชยเชษฐ์ มณีพิชั พิ ย ชั และ สังข์ทอง ซึ่งล้วนแต่มีความงดงาม ทางวรรณศิลป์ พ.ศ. ๒๕๑๑ องค์การการ ศึกษา วิท วิ ยาศาสตร์ และ วัฒ วั นธรรมแห่ง ห่ สหประชาชาติ (UNESCO) ได้ ประกาศ ยกย่อ ย่ งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยให้ท ห้ รง เป็นบุคคล สำ คัญของโลก และทางราชการได้กำ หนดให้ วัน วั ที่ ๒๔ กุมภาพัน พั ธ์ข ธ์ องทุกปี ซึ่ง เป็นวัน วั คล้ายวัน วั พระบรม ราชสมภพเป็น “วัน วั ศิลปินแห่ง ห่ ชาติ" ๒


กลอนบทละคร มีลักษณะบังคับเหมือนกลอนสุภาพ แต่มักมีคำ ขึ้น ขึ้ ต้นบทด้วยคำ ว่า ว่ “เมื่อนั้น” “บัดนั้น” และ “มาจะกล่าวบท ไป” โดยคำ ว่า ว่ “เมื่อนั้น” ใช้เ ช้ มื่อขึ้น ขึ้ ต้นกับตัวละครที่สำ คัญ เช่น ช่ ตัวเอกหรือ รื กษัตริย์ ริย์ “บัดนั้น ” ใช้ขึ้ ช้ขึ้ น ขึ้ ต้นตัวละครที่เป็นตัวรอง เช่น ช่ เสนา อำ มาตย์หรือ รื ตัวละครธรรมดา “มาจะกล่าวบทไป” ใช้ ขึ้น ขึ้ ต้นเมื่อเริ่ม ริ่ ตอนใหม่ (วิเ วิ ชีย ชี ร เกษประทุม ลักษณะคำ ประพัน พั ธ์ ไทย) นอกจากนั้นยัง ยั มีการขึ้น ขึ้ ต้นด้วยวลี ตั้ง ตั้ แต่ ๒ คำ -๔ คำ หรือ รื อาจมากกว่า ว่ ก็ได้ ๓


อิเ อิ หนาหรือ รื ระเด่นมนตรี เป็นโอรสของท้าวกุเรปันและ ประไหมสุหรีนิ รีนิ หลาอระตา แห่ง ห่ กรุงกุเรปัน อิเ อิ หนาเป็น ชายรูปงามมีเสน่ห์ เจรจาอ่อ อ่ นหวาน นิสัยเจ้าชู้ มีความ เชี่ย ชี่ วชาญในการใช้ก ช้ ริช ริ และกระบี่เป็นอาวุธ วุ บุษบา เป็นธิด ธิ าของท้าวดาหาและประไหมสุหรีด รี าหรา วาตี แห่ง ห่ กรุงดาหาเมื่อตอนประสูติมีเหตุอัศ อั จรรย์คือ มีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว ทั่ ทั้ง ทั้ วัง วั ดนตรี แตรสังข์ก็ ดังขึ้น ขึ้ เองโดยไม่มีผู้บรรเลง บุษบาเป็นหญิง ญิ ที่งามล้ำ เลิศกว่า ว่ นางใด ในแผ่นดินชวากิริย ริ ามารยาท เรีย รี บร้อ ร้ ย คารมคมคาย เฉลียวฉลาดทันคนใจกว้า ว้ ง และมีเหตุผล ท้าวดาหา เป็นกษัตริย์ ริย์ ผู้ครองกรุงดาหา ท้าวดาหามี โอรสและธิด ธิ ากับประไหมสุหรี 2 องค์คือ บุษบาหนึ่ง หรัด รั กับสียะตรา ทรงยิน ยิ ยอมยกบุษบาให้เ ห้ป็นคู่ ตุนาหงัน งั ของอิเ อิ หนา เมื่อท้าวกุเรปันพี่ช พี่ ายของ พระองค์มาสู่ขอ ท้าวดาหาเป็นผู้มีใจยุติธรรม ๔


ท้าวกุเรปัน กษัตริย์ ริย์ ผู้ครองกรุงกุเรปัน ท้าวกุเรปันนั้น ทรงหยิ่ง ยิ่ ทระนงในศักดิ์ศรีข รี องวงศ์อสัญแดหวาจึง จัดการหาคู่ตุนาหงัน งั (คู่หมั้น มั้ ) ที่เป็นเชื้อ ชื้ สายของวงศ์ อสัญแดหวาด้วยกัน ให้โห้ อรสและธิด ธิ าของพระองค์ตั้ง ตั้ แต่ เด็กๆ ดังนั้นจึงไม่พอพระทัยเมื่ออิเ อิ หนาไปมีสัมพันธ์รั ธ์ ก รั กับจินตะหราธิด ธิ าของระตูหมันหยาองค์ใหม่ ท้าวกะหมังกุหนิง ผู้ครองเมืองกะหมังกุหนิง มีโอรสชื่อ ชื่ วิ หยาสะกำ ซึ่งพระองค์และมเหสีรัก รั ราวกับแก้วตา เมื่อ ท้าวกะหมังกุหนิงทราบว่า ว่ ลูกของตนอยากได้นางบุษบา จึงทูลท้าวดาหาต้องการให้บุ ห้ บุ ษบาเป็นคู่หมั้น มั้ ลูกของตน แต่ท้าวดาหาปฎิเสธ ท้าวกะหมังกุหนิงจึงยกทัพไปตีกรุง ดาหา เผื่อเอานางบุษบามาให้ลู ห้ ลู กของตนโดยประกาศว่า ว่ จะยอมตายเพื่อ พื่ ลูกและเมื่อยกทัพไปถึงกรุงดาหา วิห วิ ยา สะกำ ถูกสังคามาระตาฆ่าตาย ทำ ให้ท้ ห้ ท้ าวกะหมังกุหนิง แค้นมาก ขับม้าแกว่ง ว่ หอกเข้า ข้ รุกไล่สังคามาระตาทันที แต่อิเ อิ หนาเข้า ข้ ขวางไว้แ ว้ ละต่อสู้กันเป็นเวลานาน ในที่สุด ท้าวกะหมังกุหนิงก็ถูกอิเ อิ หนาแทงด้วยกริช ริ ถึงแก่ความ ตาย สังคามาระตา โอรสของระตูปรัก รั มาหงัน งั และเป็นน้อง ของมาหยารัศ รั มี สังคามาระตาเป็นหนุ่ม นุ่ รูปงาม มีความ เฉลียวฉลาด รอบคอบ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เก่ง และกล้าหาญ ทั้ง ทั้ ยัง ยั มีความซื่อสัตย์ และชำ นาญในการ ใช้ท ช้ วนเป็นอาวุธ วุ เป็นคู่คิดคู่ปรึก รึ ษาและช่ว ช่ ยเตือนสติ อิเ อิ หนาได้หลายครั้ง รั้ใหม่ ๖


จินตะหราวาตีเป็นธิด ธิ าของระตูหมันหยากับประไหมสุหรี จินดาส่าหรีแ รี ห่ง ห่ เมืองหมันหยา มีรูปโฉมงดงาม มีผิว สองสี นิสัยเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตนเอง แสนงอน ช่า ช่ ง พูด ประชดประชัน ชั บางครั้ง รั้ ก็ก้าวร้า ร้ วหยาบคาย จน แม้แต่อิเ อิ หนายัง ยั นึกเบื่อและรำ คาญใจ ทั้ง ทั้ ๆที่เมื่อได้พบ นางครั้ง รั้ แรกก็หลงรัก รั จนไม่ยอมกลับกรุงกุเรปันและ ปฏิเสธการแต่งงานกับบุษบาอย่า ย่ งสิ้น ระเด่นวิห วิ ยาสะกำ เป็นโอรสของท้าวกะหมังกุหนิง ซึ่ง เกิดจากประไหมสุหรี เป็นหนุ่ม นุ่ รูปงาม ผิวพรรณผุดผ่อง มีฝีมื ฝี มื อในการใช้ท ช้ วนเป็นอาวุธ วุ จึงเป็นที่สุดสวาทของพระบิดา พระมารดายิ่ง ยิ่ นัก ระตูจรกาเป็นผู้ครองนครเมืองจรกาซึ่งเป็นเพีย พี งเมือง เล็กๆรูปร่า ร่ งหน้าตาขี้ริ้ ขี้ ว ริ้ ขี้เ ขี้ หร่ม ร่ ากผมหยิก ยิ ผิวหน้าขรุขระ ปากหนาจมูกใหญ่พู ญ่ พู ดเสียงแหบรูปร่า ร่ งอ้ว อ้ น ๗


ระตูล่าสำ เป็นเชษฐาของจรกา* มีธิด ธิ าชื่อ ชื่ กุสุมา* ซึ่ง เป็นคู่ตุนาหงัน งั ของสังคามาระตา* ระตูล่าสำ เป็นผู้ส่ง สารไปขอนางบุษบา* ให้จ ห้ รกา ท้าวดาหา*ยกให้เ ห้ พราะ โกรธที่อิเ อิ หนา*ไปหลงนางจินตะหรา*จนบอกเลิกการ ตุนาหงัน งั กับนางบุษบา ต่อมาท้าวกะหมังกุหนิง*ส่งสาร มาขอนางบุษบาให้วิ ห้ ห วิ ยาสะกำ *โอรส ท้าวดาหาปฏิเสธ จึงทำ ให้เ ห้ กิดศึกกะหมังกุหนิง ครั้น รั้ เสร็จ ร็ ศึก ระตูล่าสำ ขอ ให้ท้ ห้ ท้ าวดาหาจัดพิธี พิ อ ธี ภิเษกให้จ ห้ รกากับนางบุษบา แต่ อิเ อิ หนาเผาเมืองดาหา*และพานางบุษบาหนี ระตูล่าสำ เป็นผู้ช่ว ช่ ยจรกาดับไฟ และเดินทางไปกับจรกาเพื่อ พื่ ติดตามนางบุษบา ความสัมพันธ์ของตัวละคร ๘


ตอนศึกกะหมังกุหนิง ท้าวกะหมังกุหนิงกับประไหมสุหรีมี รีมีโอรสชื่อ ชื่ วิห วิ ยาสะกำ ในคราวที่วิห วิ ยา สะกำ ออกประพาสป่า องค์ปะตาระกาหลาได้แปลงร่า ร่ งเป็นกวางทองเพื่อ พื่ ล่อวิห วิ ยาสะกำ มายัง ยั ต้นไทรที่พระองค์ซ่อนรูปวาดบุษบาไว้ เมื่อวิห วิ ยาสะ กำ เห็น ห็ รูปวาดของบุษบาก็หลงรัก รั นางจนคลั่ง ลั่ ท้าวกะหมังกุหนิงสืบทราบ ว่า ว่ นางคือบุษบา ธิด ธิ าท้าวดาหาที่ตอนนี้เป็นคู่หมั้น มั้ ของจรกาแล้ว แต่ด้วย ความรัก รั และสงสารลูกจึงส่งทูตไปสู่ขอบุษบาให้วิ ห้ ห วิ ยาสะกำ แต่เมื่อท้าว ดาหาปฏิเสธท้าวกะหมังกุหนิงจึงสั่ง สั่ ยกทัพมาเมืองดาหาเพื่อ พื่ จะชิง ชิ ตัว บุษบา ท้าวดาหาส่งพระราชสาส์นไปขอความช่ว ช่ ยเหลือจากท้าวกุเรปัน (พี่ช พี่ าย) ท้าวกาหลังและท้าวสิงหัด หั ส่าหรี (น้องชาย) และจรกาให้ย ห้ กทัพ มาช่ว ช่ ยกันรบป้องกันเมืองดาหา เมื่อท้าวกุเรปันได้รับ รั ข่า ข่ วแล้วจึงให้ท ห้ หาร นำ จดหมายไปให้อิ ห้ เ อิ หนาที่อยู่เ ยู่ มืองหมันหยา(เมืองจินตหรา) อิเ อิ หนาไม่ อยากไปแต่กลัวพ่อ พ่ โกรธเลยต้องไป ในที่สุดอิเ อิ หนาก็ยกทัพมากับกะหรัด รั ตะปาตี (พี่ช พี่ ายคนละแม่) ทำ ให้ท้ ห้ ท้ าวดาหาดีใจมากเพราะเชื่อ ชื่ มั่น มั่ ว่า ว่ อิเ อิ หนาต้องรบชนะแต่ด้วยความที่อิเ อิ หนาเคยทำ ให้ท้ ห้ ท้ าวดาหาโกรธเรื่อ รื่ ง ปฏิเสธการแต่งงานกับบุษบาจนทำ ให้เ ห้ กิดเรื่อ รื่ งขึ้น ขึ้ มาอิเ อิ หนาจึงตัดสินใจสู้ รบให้ช ห้ นะก่อนแล้วค่อยเข้า ข้ไปเฝ้า ฝ้ ท้าวดาหาในที่สุดเมื่อท้าวกะหมังกุหนิง ยกทัพมาใกล้ดาหาทำ ให้เ ห้ กิดการต่อสู้กับกองทัพของอิเ อิ หนา ในที่สุดสังค ามาระตาก็เป็นผู้ฆ่ ผู้ ฆ่ าวิห วิ ยาสะกำ ส่วนอิเ อิ หนาเป็นผู้ฆ่ ผู้ ฆ่ าท้าวกะหมังกุหนิง ตายในสนามรบด้วยกริช ริ เทวา หลังจากนั้นท้าวปาหยัน ยั กับท้าวประหมัน (พี่กั พี่กั บน้องของท้าวกะหมังกุหนิง) ก็ยอมอ่อ อ่ นน้อมต่ออิเ อิ หนา อิเ อิ หนาจึง อนุญนุ าตให้ร ห้ ะตูนำ พระศพของทั้ง ทั้ สองกลับไปทำ พิธี พิ ต ธี ามพระราชประเพณี ๙


.ท้าวกะหมังกุหนิงเสด็จขึ้น ขึ้ แท่นประทับ เมื่อเห็น ห็ พระอนุช นุ า ทั้ง ทั้ สอง ซึ่งก็คือ ระตูปาหยัง ยั และระตูประหมัน จึงตรัส รั เรีย รี ก ให้ม ห้ านั่งร่ว ร่ มกันแล้วถามสารทุกข์สุกดิบ และบอกว่า ว่ ที่ให้ พระอนุช นุ าทั้ง ทั้ สองมานี้ เพื่อ พื่ให้ไห้ปช่ว ช่ ยตีเมืองดาหา ให้ กษัตริย์ ริย์ ทุกนครอย่า ย่ งได้นิ่งนอนใจให้ม ห้ าช่ว ช่ ยกันชิง ชิ ชัย ชัใน การรบครั้ง รั้ นี้ ครั้น รั้ เมื่อเวลาบ่า บ่ ยสามนาฬิก ฬิ าองค์ท้าวดาหาก็เสร็จ ร็ เข้า ข้ สรงน้ำ ในคงคา จากนั้นก็แต่งองค์ทรงเครื่อ รื่ งประ ดับทั้ง ทั้ หลาย แล้วจึง เสด็จ เยื้อ ยื้ งย่า ย่ งอย่า ย่ งสวยงามดุจดั่ง ดั่ หงส์ ออกมายัง ยั ท้องพระ โรงแล้วนั่งลง ณ บัล ลังก์อัน อั งดงาม เสนาบดีตำ แหน่งยาสา นั้น ได้บังคมทูลเบิก บิ ทูตนำ ราชสารให้พ ห้ ระองค์ ดังนั้นจึงรับ รั สั่ง สั่ ให้เ ห้ หล่าเสนานำ แขกเข้า ข้ มาพบใน ทันที (ถอดคำ ประพันธ์) (ถอดคำ ประพันธ์) ๑๐


ฝ่า ฝ่ ยองค์ท้าวกุเรปันได้รับ รั แจ้งว่า ว่ จะมีข้า ข้ ศึกมารุกราน จึงให้แ ห้ ต่งสารหนังสือลับแล้วสั่ง สั่ ให้ส ห้ องเสนาถือไปยัง ยั เมืองหมันหยา ฉบับหนึ่งเร่ง ร่ นำ กองทัพกำ ชับ ชัให้อิ ห้ เ อิ หนา เร่ง ร่ ยกมาช่ว ช่ ย อีก อีใบหนึ่งไปให้กั ห้ กั บเจ้าเมืองผู้ค ผู้ รองเมือง หมันหยา แล้วสั่ง สั่ ให้รี ห้ บ รีไปให้ถึ ห้ ถึ งเมืองหมันหยาภายใน ๑๕ คืน ครั้น รั้ แล้วขุนนางได้รับ รั คำ สั่ง สั่ แล้วจึงรีบ รี นำ สารไป จากท้องพระโรงในทันที พร้อ ร้ มกับเรีย รี กทั้ง ทั้ บ่า บ่ วไพร่ใร่ ห้ มาพร้อ ร้ มหน้า แล้วรีบ รี ขึ้น ขึ้ ขี่ม้ ขี่ม้ าออกจากนครกุเรปันอย่า ย่ ง เร่ง ร่ รีบ รีในทันใด ฝ่า ฝ่ ยขุนนางตำ มะหงงกาหลังรวมทั้ง ทั้ ดะหมังและมหา เสนาใน ก็เร่ง ร่ เกณฑ์ทัพในทันใด ได้จัดทหารอาสาผู้มี ผู้ มี พื้น พื้ ฐานการรบที่แข็ง ข็ ขัน ขั จำ นวนห้า ห้ หมื่นคน มีช้า ช้ งม้าและ อาวุธ วุ อย่า ย่ งครบครัน รั มีพลธงที่สำ คัญคอยนำ กองทัพ สอง จอมทัพขึ้น ขึ้ ขี่ม้ ขี่ม้ ากองทัพแน่นอัด อั เต็มถนนข้า ข้ รับ รัใช้เ ช้ ดิน เคียงคอยกางสัปทน แล้วเคลื่อนพลออกจากเมืองไป (ถอดคำ ประพันธ์) (ถอดคำ ประพันธ์) ๑๑


กล่าวถึงกะหมังจากเมืองกุเรปันเมื่อเดินทางมาถึงเมืองหมันหยาก็ตรงไปยัง ยั เรือ รื นพัก พั ของอิเ อิ หนาเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ ถวายพระราชสาร แก่อิเ อิ หนา อิเ อิ หนาคลี่สารของ ท้าวกุเรปัน ออกอ่า อ่ น ซึ่งในสารนั้นกล่าวว่า ว่ ตอนนี้ มีข้า ข้ ศึกมาตั้ง ตั้ ทัพประชิด ชิ เมืองดาหา ขอให้อิ ห้ เ อิ หนารีบ รี ยกพลไปตีให้ทั ห้ ทั นท่วงที ถึงไม่เห็น ห็ แก่ บุษบาก็ขอให้ เห็น ห็ แก่ท้าวดาหาผู้เ ผู้ป็น อา ศึกครั้ง รั้ นี้เกิดขึ้น ขึ้ ก็เพราะใครไปทำ งามหน้า ไว้ใว้ ห้ เสียคำ พูดให้อ ห้ ายชาวเมืองดาหา ครั้ง รั้ นี้จะเมินเฉยอีก อี ทำ ให้เ ห้ สียศักดิ์ศรีก็ รีก็ แล้ว แต่ ใจ ถ้าไม่มาช่ว ช่ ยก็ขาดกันอย่า ย่ ได้เผาผีกั ผีกั นอีก อี เลย เมื่ออิเ อิ หนาได้อ่า อ่ นดังนั้น ก็ถอน ใจด้วยความสงสัยว่า ว่ บุษบาจะงามถึงเพีย พี งรูปก็จะพากันมาตายเสีย แล้ว หากงาม เหมือนจินตะหราก็ว่า ว่ ไปอย่า ย่ ง จึงบอกแก่กะหมังไปว่า ว่ จะยกทัพ ไปในอีก อี ๗ วัน วั แต่กะหมังรีบ รี ทูลว่า ว่ ต้องรีบ รีไปในทันที เพราะตอนนี้ข้า ข้ ศึกยกทัพ มาติดพระนครแล้วอิเ อิ หนาเกรงกลัวท้าวกุเรปันพระบิด บิ าสุดที่จะเลื่อนวัน วัไป ทั้ง ทั้ รัก รั ทั้ง ทั้ กลัวห่ว ห่ งหน้าพะวงหลังคิด แล้วก็ทอดถอนใจจึงสั่ง สั่ นํามะหงงให้รี ห้ บ รี จัดทัพ ใหญ่ทั้ ญ่ ทั้ ง ทั้ ทัพม้า ทัพรถ ทัพช้า ช้ งเลือกทหารที่ มีความสามารถทั้ง ทั้ ทหารปืนและ ทหารดาบอิเ อิ หนาจะตัดกอใหญ่ด้ ญ่ ด้ วยกำ ลังที่เข้ม ข้ แข็ง ข็ แม้นข้า ข้ ศึกหนีก็จะทําลาย ให้สิ้ ห้ สิ้ นไปถือเอาฤกษ์พรุ่ง รุ่ นี้จะยกทัพไปช่ว ช่ ยเมืองดาหาเมื่อ สั่ง สั่ เสร็จ ร็ อิเ อิ หนา ก็ไป เข้า ข้ เฝ้า ฝ้ ท้าวหมันหยา เมื่อ ไปถึงเขตวัง วัในก็ลงจากหลังม้าเข้า ข้ ท้องพระ โรงทันที กะหมังเมืองกุเรปันก็เข้า ข้ เฝ้า ฝ้ ท้าว หมันหยาเช่น ช่ กันแล้วถวายสารแก่ เจ้า เมือง หมันหยา ท้าวหมันหยารับ รั สารจากกะหมังคลี่ ออกอ่า อ่ นทันทีในสารมีใจความ ว่า ว่ ตัวท้าว หมันหยามีลูกสาวให้แ ห้ ต่งตัวยั่ว ยั่ ชายจนอิเ อิ หนาต้องร้า ร้ งคู่ไป หลงรัก รั ไปติดพัน พั ช่า ช่ งไม่อาย ผู้ค ผู้ นตอนนี้มีศึกประชิด ชิ เมืองดาหา จนเกิดเรือ รื งวุ่น วุ่ วาย เสียงานกาวิว วิ าห์ ไปหมดต่างคนก็หมางใจกันในการสงครามครั้ง รั้ นี้ถ้าไม่ไปช่ว ช่ ย ก็จะ ติดญาติขาดมิตรกันไปก็แล้ว แต่ใจเมื่ออ่า อ่ น สารแล้วท้าวหมันหยากลัว ท้าวกุเรปันขุ่น ขุ่ เคืองจึงยื่น ยื่ สารให้แ ห้ ก่อิเ อิ หนาและกล่าวว่า ว่ เห็น ห็ หรือ รืไม่อิเ อิ หนา หลานรัก รั เจ้าไม่เชื่อ ชื่ฟัง ฟั คำ จึงทํา ให้มี ห้ มี ความผิด ผิไปด้วย (ถอดคำ ประพันธ์) ๑๒


แล้วเร่ง ร่ ให้อิ ห้ เ อิ หนารีบ รี ยกทัพไปช่ว ช่ ยเมืองดาหาหากไม่ไปก็จะไม่ให้ อยู่กั ยู่ กั บนางจินต ะหรา พร้อ ร้ มทั้ง ทั้ให้ร ห้ ะ เด่นดาหยนคุมกองทัพของเมืองหมันหยา ไปด้วย ได้ฤกษ์ ยกทัพไปในตอนเช้า ช้ พรุ่ง รุ่ นี้อิเ อิ หนารับ รั คําสั่ง สั่ แล้วลาไปยัง ยัปราสาทนางจินตะหรา เมื่อไปถึงก็เข้า ข้ แนบชิด ชิ นางทอดถอนใจแล้วแจ้งเรื่อ รื่ งราว แก่นางว่า ว่ กะหมังถือ สารจากพระบิด บิ าว่า ว่ เมืองดาหาเกิดตึกให้อิ ห้ เ อิ หนารีบ รี ยกทัพไปช่ว ช่ ย ในวัน วั พรุ่ง รุ่ นี้ขอ ให้น ห้ างจงอยู่ดี ยู่ ดี อย่า ย่ โศกเศร้า ร้ เสีย ใจเสร็จ ร็ ศึกแล้วจะรีบ รี กลับทันที นางจินตะหรา ได้ฟัง ฟั ก็แค้นใจสะบัดหน้าหัน หั หลังให้พ ห้ ร้อ ร้ มกับตัดพ้อ พ้ ต่อว่า ว่ อิเ อิ หนาว่า ว่ จะไปปราบ ข้า ข้ ศึกหรือ รื จะกลับไปหวนคืนสู่คู่หมั้น มั้ เก่ากันแน่ไหนบอกว่า ว่ จะไม่ไปไหนจนกว่า ว่ จะ ตายจากกัน นางก็หลงเชื่อ ชื่ไม่รู้ว่ รู้ า ว่ ภายหลังจะมาเป็นเช่น ช่ นี้ แล้วอีก อี นานเท่าไหร่ เล่าอิเ อิ หนาจะกลับมา อิเ อิ หนาชี้แ ชี้ จงว่า ว่ ไม่เคยคลายความรัก รัในตัวจินตะหราเลย แต่ตนมีเหตุจําเป็นต้อง ไป เพราะท้าวกุเรปันให้ก ห้ ลับสองครั้ง รั้ แล้วแต่ครั้ง รั้ นี้เกิด ศึกสงคราม ไม่อาจจะขัด ขั ได้ แล้วจึงยื่น ยื่ สารให้จิ ห้จิ นตะหราอ่า อ่ น นางจินตะหราก็ รู้สึ รู้ สึ กคับแค้นใจไม่มองดูสารแล้วคร่ำ ครวญว่า ว่ อนิจจาความรัก รั นั้นก็เหมือนน้ำ ที่ ไหลเชี่ย ชี่ ว ไฉนเล่าจะไหลกลับคืนมา คงไม่ มีหญิง ญิใดจะเจ็บช้ำ ไปกว่า ว่ นาง เพราะ หลงเชื่อ ชื่ หลงรัก รั ถึงตอนนี้แล้วจะไปโทษใครได้ เสีย แรงหวัง วั ที่จะฝากชีวิ ชี ต วิไว้กั ว้กั บ อิเ อิ หนาแต่ก็ไม่ ปราณี ที่จักรีบ รี เสด็จไปนั้นก็เข้า ข้ใจเพราะ นางบุษบานั้นคู่ควรกับ อิเ อิ หนา ไม่ต่ำ ศักดิ์ เหมือนนาง ต่อไปชาวเมืองดาหาก็จะนินทา ได้ นางเอาแต่ ร้อ ร้ งไห้ค ห้ ร่ำ ครวญ อิเ อิ หนาปลอบโยนให้จิ ห้จิ นตะหราคลายความโศกเศร้า ร้ ว่า ว่ ที อิเ อิ หนาไปนั้น แม้บุษบาจะสวยก็จริง ริ แต่อิเ อิ หนาตัดสัมพัน พั ธ์ไธ์ปแล้ว จรกาจึงมา ทำ การสู่ขอและเตรีย รี มการวิว วิ าห์พ ห์ อท้าวกะหมังกุหนิงทราบก็มาสู่ขอนางอีก อี เมื่อ ไม่ ได้นางจึงเกิดอีก อีในเมืองดาหา เพื่อ พื่ ช่ว ช่ งชิง ชิ นางบุษบาไม่ใช่ว่ ช่ า ว่ นางไม่มี ใคร อัน อั ข่า ข่ วลือที่ว่า ว่ บุษบางามนักนั้นแต่ก็งาม สู้นางจินตะหราไม่ได้ ครั้ง รั้ นี้จำ เป็นจึงต้อง จำ จากไปเพราะเกรงกลัวท้าวกุเรปัน บิด บิ าต่างหาก หากเสียเมืองดาหาก็เหมือน เสีย ถึงวงศ์ตระกูลมีแต่จะถูกนินทา ขอให้น ห้ างคิดให้ดี ห้ ดี เมื่อไปแล้วก็ไม่อยู่น ยู่ านจะ รีบ รี กลับมาหา นาง นางอย่า ย่ ได้โศกเศร้า ร้ เสียใจ อิเ อิ หนาหอม ๑๓


อิเหนาเข้าเฝ้าระตูหมันหยา และถวายบังคมลา อิเห อิ นาทูลลาท้าวหมันหยาและประไหมสุหรี ต่างองค์ต่าง อวยพรให้ เดินทางปลอดภัยและให้ข้ ห้ า ข้ ศึกศัตรูพ่า พ่ ยแพ้ แล้วอิเห อิ นาก็ทูลลากลับมาที่ตำ หนักของตน (ถอดคำ ประพันธ์) พอรุ่ง รุ่ เช้า ช้ อิเ อิ หนาทรงช้า ช้ งหัน หั หน้าไปทางทิศตะวัน วั ออกพร้อ ร้ มด้วยเสนา อำ มาตย์ โหราและชีพ ชี ราหมณ์พอได้ฤกษ์ก็ ลั่น ลั่ ฆ้องดังสนั่นกึกก้องไปทั้ง ทั้ สนาม ปุโรหิต หิ ทำ พิธี พิ ตั ธีตั ดไม้ข่ม ข่ นามตามตาราพิชั พิ ย ชั สงคราม ทั้ง ทั้ ทัพหน้า ทัพหลัง ทัพ หลวงพร้อ ร้ มกัน ทหารโบกธงทองกระครุฑ พวกฝรั่ง รั่ จุดปืนใหญ่ใญ่ ห้สั ห้ สั ญญาณ ซี พราหมณ์ทําพิธี พิ เ ธี บิก บิโขลนทวารอ่า อ่ นคาถา อาคม เคลื่อนกองทัพ ออกจากเห มืองหมันหยา มุ่งตรงไปเมืองดาหา ระหว่า ว่ งทางอิเ อิ หนา โศกเศร้า ร้ เสียใจอาลัย รัก รั นางทั้ง ทั้ สามยิ่ง ยิ่ นักว่า ว่ ป่านนี้จะคร่ำ ครวญหา ใครจะปลอบนาง คิดถึงความ หลังแล้งยิ่ง ยิ่ใจหายคิดไปก็อายพวกไพร่พ ร่ ลจึงชัก ชั ม่านปิดทั้ง ทั้ สี่ทิศ เหมือนจะบัง แสงดวงอาทิตย์ ลมพัดกลิ่นดอกไม้เหมือนกลิ่นผ้า ผ้ นางที่เปลี่ยนมาได้ยิน ยิ เสียง นกยูงร้อ ร้ งก็คิดว่า ว่ เป็นเสียงของนางจึงเผยมานออกมาเห็น ห็ แต่ต้นไม้ใบไม้จึง เอนตัวลงพิง พิ หมอนเอามือก่ายหน้าผากคิดถึงความรัก รั ก็ยิ่ง ยิ่ เศร้า ร้ใจจนน้ำ ตา ไหลออกมา ประสันตาพี่เ พี่ ลี้ยงเห็น ห็ เช่น ช่ นั้นก็ขี่ช้ ขี่ า ช้ งมาข้า ข้ งท้ายชี้ช ชี้ วนให้ช ห้ ม ธรรมชาติของป่าไปตลอดทาง ว่า ว่ ป่านี้ แปลกตากว่า ว่ ป่าไหนๆ ไว้เ ว้ สร็จ ร็ ศึกแล้ว น่าจะ ชวนนางทั้ง ทั้ สามมาเที่ยวพักผ่อ ผ่ นให้ส ห้ บาย (ถอดคำ ประพันธ์) ๑๔


อิเ อิ หนานิ่งฟัง ฟั อยู่น ยู่ านก็คลายทุกข์แล้วลุกขึ้น ขึ้ ถามว่า ว่ ป่านี้หรือ รื สนุก นุ ว่า ว่ พลาง อิเ อิ หนาก็มองไปถามว่า ว่ ไหนล่ะอย่า ย่ โกหกกัน ประสันตาแกล้งทำ ตกใจทูลว่า ว่ อยู่ ดังนี้ เพราะช้า ช้ งเดินเลยมาแล้วแต่ดงข้า ข้ งหน้า ยัง ยั มีอิเ อิ หนายิ้ม ยิ้ แล้วตอบว่า ว่ โก หกซึ่งๆหน้าช่า ช่ งไม่อาย ยัง ยั มาเฉไฉไปอีก อี คนอะไร น่าจะผลักให้ต ห้ กจากช้า ช้ งท่า จะดีอิเ อิ หนาชมนกชมไม้ต่าง ๆ เห็น ห็ นกต่างๆ ไม่ว่า ว่ จะเป็นนกเบญจวรรณ นก นางนวล นกจากพราก นกแขกเต้าที่กำ ลังเกาะต้นเต่าร้า ร้ ง นกแก้ว นก ตระเวนไพร นกเค้าโมง นกคับแค ก็ให้นึ ห้ นึ กไปถึงนางทั้ง ทั้ สามตลอดทางเดินทางมาหลายวัน วั ก็มาถึงทางร่ว ร่ มเมืองกุเรปันพบกับกองทัพของกะหรัด รั ตะปาตี อิเ อิ หนาก็ให้ หยุดกองทัพกะหรัด รั ตะปาติพี่ช พี่ ายอิเ อิ หนาเห็น ห็ ทัพอิเ อิ หนายกมาก็ดีใจบอกว่า ว่ ท้าวกุเรปันบิด บิ า ให้คุ ห้ คุ มทัพมารอทัพอิเ อิ หนาเพื่อ พื่ไปช่ว ช่ ย เมืองดาหามา คอยอยู่ห ยู่ ลายวัน วั แล้วข่า ข่ วว่า ว่ ข้า ข้ ศึก ประชิด ชิ เมืองแล้วจะได้รีบ รีไป อิเ อิ หนาจึง ว่า ว่ การ เดินทางทัพนั้นอ้อ อ้ มกว่า ว่ กุเรปัน แล้วทั้ง ทั้ สองทัพก็จัดทัพเข้า ข้ กระบวน เดียวกัน เร่ง ร่ รีบ รี ยกทัพไปยัง ยั กรุงดาหาทันที เมื่อถึงชาย แดนเมืองดาหา อิเ อิ หนาก็หยุดตั้ง ตั้ ค่าย นามครุฑตามตำ ราพิชั พิ ย ชั สงคราม แล้วให้ตำ ห้ ตำ มะ หงงรีบ รีไปกราบทูลท้าวดาหา ให้ก ห้ ราบทูลอย่า ย่ ให้ขุ่ ห้ ขุ่ น ขุ่ เคืองใจ ตำ มะ หงงรับ รั คำ สั่ง สั่ แล้วควบม้า ไปทันทีเมื่อไปถึงก็แจ้งยาสาเสนาเมือง ดาหา ว่า ว่ บัดนี้อิเ อิ หนา และกะหรัด รั ตะปาตีจากกุเรปัน ยกทัพมาช่ว ช่ ย พระธิด ธิ าดาหาแล้วจงพาเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ กราบทูลเรื่อ รื่ งราวให้ก ห้ ระจ่าง ยาสา ดีใจมากพานํามะหงงเข้า ข้ไป ท้องพระโรงทันที ตำ มะหงงกราบทูลว่า ว่ บัดนี้ อิเ อิ หนากับกะหรัด รั ตะปาตียกทัพมามากมาย หลายแสนตั้ง ตั้ อยู่ ปลายแดนเมืองดาหา ท้าวดา หารู้ว่ รู้ า ว่ อิเ อิ หนายกทัพมาช่ว ช่ ยก็มีความ ดีใจ ๑๕


เพราะอิเ อิ หนามีความ เก่งกล้าสมารถเห็น ห็ ว่า ว่ นางบุษบาจะไม่เป็น อัน อั ตราย แต่ไม่แสดงออกให้ให้ ครเห็น ห็ ยิ้ม ยิ้ แล้วกล่าวว่า ว่ อิเ อิ หนายกทัพ มาช่ว ช่ ยก็ขอขอบใจ แล้วให้ตำ ห้ ตำ มะหงงไปเชิญ ชิ ให้เ ห้ ข้า ข้ มาในเมืองจะได้ พัก พั ผ่อ ผ่ นให้ส ห้ บาย ตำ มะ หงงกราบทูลว่า ว่ อิเ อิ หนารู้ตั รู้ ตั วดีว่า ว่ มีความ ผิด ผิ ติดตัวอยู่ จึงขอทำ ศึกให้เ ห้ สร็จ ร็ สิ้นก่อน จึงจะเข้า ข้ มาถวายบังคม ท้าว ดาหาจึงไม่ได้รับ รั สั่ง สั่ อะไร แต่ถามสุหรานากงว่า ว่ จะทำ ศึกใน เมือง หรือ รื จะไปช่ว ช่ ยพี่ ๆรบ สุหรานากงทูลว่า ว่ มาอยู่ด ยู่ าหานาน แล้วจึงขอ อาสาออกไปช่ว ช่ ยอิเ อิ หนาและกะ หรัด รั ตะปาตีออกรบ เมื่อท้าวดาหา อนุญนุ าต สุ หรานากงก็กราบทูลลาออกมาเตรีย รี มไพร่พ ร่ ล แล้วยกพลอ อกจากเมืองไปยัง ยั ค่ายของอิเ อิ หนา เมื่อไปถึงก็เข้า ข้ เฝ้า ฝ้ อิเ อิ หนา สนทนา กันด้วยความยิน ยิ ดีเล่าเรื่อ รื่ งราว ตั้ง ตั้ แต่ต้นจนจบว่า ว่ เมื่อวัน วั ที่สุหรานา กงมาถึง เมืองดาหาได้ทูลว่า ว่ อิเ อิ หนาจะยกทัพ มาช่ว ช่ ย ดูท่าทางท้าว ดาหาจะขัด ขั เคืองว่า ว่ ไหน เลยจะจากเมืองหมันหยามาเพราะรัก รั เมียดัง แก้วตาคงไม่มาแน่นอน เกิดศึกก็เพราะ ใครจนเดือดร้อ ร้ นไปทั้ง ทั้ เมือง นับประสาอะ ไรกับท้าวดาหาแม้นตายก็คงไม่เผาผี อิเ อิ หนา ได้ฟัง ฟั ก็ ตอบว่า ว่ ที่ท้าวดาหาขุ่น ขุ่ เคืองนั้นก็รู้กั รู้กั นอยู่อิ ยู่ เ อิ หนาไม่ถือโทษโกรธตอบ คิดแต่จะทำ ศึก ให้ไห้ ด้ชัย ชั ชนะแล้วเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ จะด่า ว่า ว่ อย่า ย่ งไรก็ แล้วแต่ ตำ มะหงงทูลว่า ว่ ท้าวดาหารับ รั สั่ง สั่ ให้ทู ห้ ทู ล อิเ อิ หนาว่า ว่ ท่านขอบใจมากเชิญ ชิ เข้า ข้ในเมืองจะได้พัก พั พล แต่ตํามะหงงทูลท้าวดาหาว่า ว่ อิ เหนาจะขอ ทำ ศึกแก้ตัวก่อนเสร็จ ร็ ศึก แล้วจึงจะเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ ดูท่าทีจะคลายความ โกรธ เคืองลงแล้ว อิเ อิ หนาได้ฟัง ฟั ตำ มะหงงทูลก็รู้ สีกสบายใจเสด็จ กลับเข้า ข้ ข้า ข้ งใน สุหรานากงก็กลับไปยัง ยั ที่พัก พั ๑๖


โผนผกจับไม้อึง อึ มี เหมือนวัน วั พี่ไพี่ กลสามสุดามา เหมือนพี่แ พี่ นบนวลสมรจินตะหรา เหมือนจากนางสะการะวาตี เหมือนร้า ร้ งห้อ ห้ งมาหยารัศ รั มี เหมือนแก้วพี่ทั้ พี่ทั้ ง ทั้ สามสั่ง สั่ ความมา เหมือนเวรใดให้นิ ห้ นิ ราศเสน่หา เหมือนพี่นั พี่นั บโมงมาที่ไกลนาง ว่า ว่ พลางทางชมคณานก เบญจวรรณจับวัล วั ย์ชาลี นางนวลจับนางนวลนอน จากพรากจับจากจำ นรรจา แขกเต้าจับเต่าร้า ร้ งร้อ ร้ ง นกแก้วจับแก้วพาที ตระเวนไพรร่อ ร่ นร้อ ร้ งตระเวนไพร เค้าโมงจับโมงอยู่เ ยู่ อกา นกเบญจวรรณ เถาวัล วั ย์ นกนางนวล ต้นกระพี้น พี้ างนวล นกเป็ดจากพราก ต้นจาก ๑๗


นกแขกเต้า นกแก้ว ต้นแก้ว นกตระเวนไพร นกเค้าโมง ต้นโมง ๑๘


อิเ อิ หนาได้ฟัง ฟั พี่เ พี่ ลี้ยงเล่าเรื่อ รื่ งราวให้ ฟัง ฟั จึงสั่ง สั่ ตำ มะหงงให้ เร่ง ร่ จัดทัพ ตำ มะหงงรับ รั คําสั่ง สั่ แล้วรีบ รี ออกไปจัดทัพทันที (ถอดคำ ประพันธ์) (ถอดคำ ประพันธ์) เมื่อได้ฤกษ์อิเ อิ หนา กะหรัด รั ตะปาตี สุหรานากง สังคามาระตา และระ เด่นดาหยน ต่างพากันเข้า ข้ ที่อาบนํ้าทิพย์มนต์ ทั้ง ทั้ ห้า ห้ องค์ชาระร่า ร่ งกาย แล้วมหาดเล็กก็นำ เครื่อ รื่ งทรงถวาย บรรจงทาแป้งที่ปรุงด้วยกลิ่น ดอกไม้ สวมใส่กางเกง สวมเสื้อสีต่าง ๆ รัด รั เข็ม ข็ ขัด ขั ที่ประ ดับด้วยเพชร พลอย สวมสังวาล สวมกำ ไลข้ อมือแก้วจากพม่า สวมแหวนสวยงาม ระ ยับ ยั ตา สวมมงกุฎและใส่ดุมหูเป็นอุบะเพชร เหน็บกริช ริ อัน อั มีฤทธิ์ เสด็จออกมาที่เกยแก้ว ต่างองค์ขึ้น ขึ้ มาพร้อ ร้ มพลทั้ง ทั้ สี่เหล่า มหาดเล็ก กั้น กั้ ร่ม ร่ ทองเป็นสีต่างกันให้เ ห้ ดินทัพเป็นห้า ห้ กอง เสียงกลองเสียงปืนดัง สนั่นครั่น รั่ ครื้น รื้ ฝุ่น ฝุ่ ตลบอบอวนดังควัน วัไฟ เมื่อมา ใกล้กองทัพข้า ข้ ศึกเห็น ห็ ธงทิวปลิวไสวก็ให้ หยุดทัพ ตำ มะหงงรับ รั คำ สั่ง สั่ ก็ให้ธ ห้ งสัญญาณหยุดทัพ จัดทัพแบบ นามครุฑวางกองทหารเยื้อ ยื้ งกันเป็นป้นปลา ๑๙


ฝ่า ฝ่ ยท้าวกะหมังกุหนิง เห็น ห็ กองทัพใหญ่ตั้ ญ่ ตั้ ง ตั้ มั่น มั่ ขวางเมืองไว้จึ ว้ จึ งเรีย รี กวิห วิ ยาสะกำ โอรส และระตูปาหยัง ยั กับระตูประหมัน น้องชายรีบ รี กระตุ้นม้าออกไปประจำ ที่กองทัพ แล้ว ประกาศให้เ ห้ ร่ง ร่ ตีทัพคาหาให้ไห้ ด้ในวัน วั นี้ คะหมังรับ รั คําสั่ง สั่ ก็รีบ รี เข้า ข้โจมตีทันที บ้า บ้ งจุดปืน ใหญ่ (ฉัตรชัย ชั มณฑก นกสับ) นายกองแกว่ง ว่ ดาบควบม้าเข้า ข้ ชิง ชิ ชัย ชั กัน ทหารเมืองกุเร ปันใช้ปืช้ ปื นตับยิง ยิ สกัดไว้แ ว้ ล้วไล่ประจัญบานกัน ต่างฝ่า ฝ่ ยต่างมีฝีมื ฝี มื อ ต่อสู้กันจนถึงอาวุธ วุ สั้น สั้ ดาบสองมือโถมเข้า ข้ ทะลวงฟัน ฟั พวกใช้ก ช้ ริช ริ ต่อสู้ก็ต่อสู้กันพลวัน วั ทหารหอกก็ป้อง ปัดอาวุธ วุ ไม่หลบหนี ทหารม้ารำ ทวนเข้า ข้ สู้กันบ้า บ้ งสกัดหอกที่ซัดมา บ้า บ้ งพุ่ง พุ่ หอก บ้า บ้ งยิง ยิ เกาทัณฑ์ เข้า ข้ ตะลุมบอนกันกลางสนามรบ ส่วนที่ตายทับกัน เหมือนกองฟาง เลือด ไหลนองไปทั่ว ทั่ ท้องทุ่ง กองหลังก็หนุน นุ ขึ้น ขึ้ ไปไม่ขาดสาย สังคามาระคาเห็น ห็ ข้า ข้ ศึกโจมตี ไม่หยุดก็ โกรธมากแกว่ง ว่ ดาบขับ ขั มาเข้า ข้โจมตีข้า ข้ ศึกตามลำ พัง พั อิเ อิ หนากับระเด่นทั้ง ทั้ สาม หัน หั ไปดูเห็น ห็ สังคามาระตากล้าหาญไม่กลัวเกรงข้า ข้ ศึกจึงขับ ขั ม้าตามไป ท้าวกะหมังกุ หนิงมองเห็น ห็ อิเ อิ หนาและระเด่นทั้ง ทั้ สามจึงถามว่า ว่ ใครคือจรกา อิเ อิ หนายิ้ม ยิ้ แล้วตอบว่า ว่ ยกทัพมาจากเมืองกุเรปันเพื่อ พื่ สังหารข้า ข้ ศึกที่มาติดเมืองดาหา มาถาม หาจรกานั้นไม่ อยู่ใยู่ นกองทัพนี้ ท้าวกะหมังกุหนิงรู้ว่ รู้ า ว่ เป็นอิเ อิ หนาก็รู้สึ รู้ สึ กกลัวอยู่ลึ ยู่ ลึ ก ๆ แต่แข็ง ข็ใจตอบว่า ว่ อิเ อิ หนาอายุยัง ยั น้อยและรูปร่า ร่ งก็สวยงามพอได้เห็น ห็ ก็น่าเสียดาย ที่ต้องมาตายเสีย เปล่าไม่ควรต่อสู้กับท้าวกะ หมังกุหนิง เพราะท้าวกะหมังกุหนิงกับอิเ อิ หนา ไม่มีข้อ ข้ ขัด ขั ข้อ ข้ งหมองใจกันให้จ ห้ รกามารบเถิดจะ ได้ดูเล่นเป็นขวัญ วั ตา อิเ อิ หนาจึงตอบว่า ว่ อัน อั ตัวจรกานั้นไม่ได้อยู่ ที่เมืองดาหานี้เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงหลับหูหลับตามารบผิด ผิ เมือง ทำ ให้ไห้ พร่พ ร่ ลล้มตายเสีย เปล่า ถ้าจะรบกับจรกาก็ต้องไปเมืองของจรกา หากไม่รู้จั รู้จั กทาง อิเ อิ หนาจะช่ว ช่ ยชี้ท ชี้ างให้ แต่ถ้ายัง ยั ยืน ยื ตั้ง ตั้ ทัพประชิด ชิ ดาหาอยู่อี ยู่ ก อี ก็ คงจะ ต้องรบกัน เพราะถึงระตูจรกาจะไม่ยกทัพมา ตัวอิเ อิ หนาเองในฐานะพี่ช พี่ าย ก็ ต้องปกป้องบุษบาผู้เ ผู้ป็นน้องให้ปห้ ลอดภัย ๒๐


ท้าวกะหมังกุหนิงจึงชี้แ ชี้ จงว่า ว่ ที่ยกกองทัพมาหมายจะชิง ชิ ตัวนางบุษบา เพราะถึง ท้าวดาหาจะรับ รั ของหมั้น มั้ จากจรกาไว้ แล้ว แต่ก็ยัง ยั มิได้อภิเษกสมรสกัน จรกาไม่ ได้มาด้วยก็ดี จะได้ผิด ผิ ธรรมเนียมเพราะเป็นประเพณีมาแต่ โบราณ สุดแต่ว่า ว่ ใคร จะมีฝีมื ฝี มื อมากกว่า ว่ ก็ได้นางไม่มีก้างขวางคอ การชิง ชิ นางเช่น ช่ นี้ย่อ ย่ มไม่ ไป ดังนั้น เรื่อ รื่ งนี้คงไม่ใช่ธุ ช่ ธุ ระกงการอะ ไรของพี่ช พี่ าย เพราะฉะนั้นจงยกทัพกลับไป เสียดีกว่า ว่ อิเ อิ หนาจึงท้ารบกับท้าวกะหมังกุหนิง แล้วบอกว่า ว่ หากรัก รั ตัวกลัวตาย ก็ให้รี ห้ บ รี มาก้ม กราบแล้วยกทัพกลับเมืองไปเสียวิห วิ ยาสะกำ ได้ยิน ยิ แล้วเคียดแค้นแทน ท้าวกะห มังกุหนิง จึงกล่าวกับอิเ อิ หนาว่า ว่ อย่า ย่ ปากกล้าโอหัง หั ลบหลู่ผู้ใผู้ หญ่ อย่า ย่ ทะนงตัวว่า ว่ เก่ง เมื่อรบกัน ไม่ใครก็ใครก็ต้องตายกัน ไปข้า ข้ งหนึ่ง นี่ยัง ยัไม่ทันรบเลยก็มาพูดจาข่ม ข่ ขู่ ให้คู่ ห้ คู่ ต่อสู้ยอมแพ้เ พ้ สียแล้ว สังคามาระตาฟัง ฟั วิห วิ ยาสะกำ าพูดดังนั้นก็โกรธ ขออาสา รบกับวิห วิ ยากะกำ อิเ อิ หนาก็อนุญนุ าตแต่กำ ชับ ชั เตือนว่า ว่ อย่า ย่ ลงจากหลังม้า เพราะไม่ ชำ นาญเพลงดาบ ให้ร ห้ บด้วยทวนบนหลังม้างานาญดีแล้วจะ ได้มีชัย ชั ชนะในการรบ สังคามาระตาจึงขับ ขั มา ไปหยุดที่หน้าวิห วิ ยาสะกำ ร้อ ร้ งท้าให้ร ห้ บด้วยเพลงทวน และ แกล้งเยาะเย้ย ย้ ว่า ว่ หากมี ฝีมื ฝี มื อควรคู่กับวงศ์เทวัญ วั ก็จะยกนางบุษบาให้วิ ห้ ห วิ ยาสะก๋า แค้นใจยิ่ง ยิ่ นัก จึงถามออกไป ว่า ว่ เจ้าผู้เ ผู้ ก่งกล้ามีชื่อ ชื่ เสียงเรีย รี งนามว่า ว่ อะไร อยู่ เมือง ไหนเป็นเชื้อ ชื้ สายตระกูลใด หรือ รื เป็นเชื้อ ชื้ สายในวงศ์เทวัญ วั ของสี่เมืองจึงมาท้ารบ ช่า ช่ ง ไม่กลัวตาย และผู้ที่ ผู้ ที่ ทรงม้าอยู่ใยู่ นร่ม ร่ มีใครบ้า บ้ ง แล้วค่อยมารบกัน สังคามาระ ตาได้ฟัง ฟั ก็โกรธมาก ก็ชี้แ ชี้ จงว่า ว่ มีอิเ อิ หนาเมืองกุเรปัน กะหรัด รั ตะปาตีพี่ช พี่ ายอิเ อิ หนา สุ หรานากง แห่ง ห่ เมืองสิงหัด หั ส่าหรี ระเด่นดาหยนจากเมืองหมันหยา ตัวเราชื่อ ชื่ สังคา มาระตาบุตรท้าว ปักมาหงัน งั เป็นน้องของอิเ อิ หนา วิห วิ ยาสะกำ ยิ้ม ยิ้ เยาะแล้วว่า ว่ ยัง ยั สงสัยว่า ว่ ตัวสังคามาระตานั้น เป็นน้องอิเ อิ หนาได้อย่า ย่ งไร หรือ รื มีความรัก รั ใคร่กั ร่ กั นขอ ให้บ ห้ อกมาตามตรง สังคามาระตาโกรธมากร้อ ร้ งว่า ว่ ไอ้ข้ อ้ า ข้ ศึกวาจาหยาบคายมาถาม เอาอะ ไรนักหนา จึงตอบว่า ว่ “สุดแต่ว่า ว่ จิตพิศ พิ วาส ก็นับเป็นวงศ์ญาติกันได้" หลัง จากที่เจรจาได้สักพัก พั ก็ลงมือรบกันทั้ง ทั้ สองสู้ด้วยทวนบนหลังม้าอย่า ย่ งกล้าหาญ สง่า ง่ งามร่า ร่ ยรำ ๒๑


ยัก ยั ย้า ย้ ยเปลี่ยนแปลกระบวนท่า เพลงทวนอย่า ย่ งชำ นิชำ นาญ ในที่สุดสังคา มาระตา ก็แกล้ง ลวงให้วิ ห้ ห วิ ยาสะกำ แทงทวน แล้วทำ ที่พ่า พ่ ยหนี วิห วิ ยาสะกำ หลงกลชัก ชั ม้าเลียวตาม สังคามาระ ตาตลบหลังกลับมาทันที แล้วแทงทวนสอดลอดเกราะของวิห วิ ยาสะกำ ทำ ให้วิ ห้ ห วิ ยาสะกำ ตก จากหลังม้าตายทันทีเมื่อท้าวกะหมังกุหนิงเห็น ห็ วิห วิ ยาสะกำ ถูกอาวุธ วุ ตกจากหลังม้าก็โกรธยิ่ง ยิ่ นัก ชัก ชั ม้า แกว่ง ว่ หอกเข้า ข้ใส่สังคามาระตาทันที อิ เหนาจึงรีบ รี ควบม้าเข้า ข้ มาขวาง พุ่ง พุ่ หอก สกัดไว้ แต่ท้าวกะหมังกุหนิงก็รับ รัไว้ไว้ ด้ ทั้ง ทั้ สองรุกไล่กัน ไปมา ในที่สุดอิเ อิ หนาชัก ชั ม้าออกรอ ไม่ บุกเข้า ข้ไปคิดว่า ว่ ท้าวกะหมังกุหนิงนั้นมีฝีมื ฝี มื อในการใช้ เพลงทวนบนหลังม้า ยากต่อการ เอาชนะ จึงต้องออกอุบายให้ร ห้ บด้วยเพลงดาบ จึงจะ สามารถเอาชนะได้ อิเ อิ หนาจึงท้าให้ท้ ห้ ท้ าว กะ หมังกุหนิงมาสู้กันด้วยดาบ ท้าวกะหมังกุหนิงก็รับ รั ค่าชัก ชั ดาบออกมาจ้วงฟัน ฟั อย่า ย่ ง คล่องแคล่ว เมื่อ ผ่า ผ่ นไปได้พัก พัใหญ่ อิเ อิ หนานึกในใจว่า ว่ ท้าวกะ หมังกุหนิงก็เก่งเพลงดาบ ยากที่ใครจะทัด เทียม จึงต้องสู้ด้วยกริช ริ ซึ่งองค์เทวัญ วั ประทานให้ จึงจะเอาชนะได้ อิเ อิ หนาก็ ร้อ ร้ งท้าท้าวกะหมังกุหนิงให้ม ห้ ารำ กริช ริ สู้อีก อี เช่น ช่ กัน ท้าวกะหมังกุหนิงก็ชัก ชั กริช ริ เข้า ข้ปะทะต่อสู้ อย่า ย่ ง ไม่ครั่น รั่ คร้า ร้ ม จนเมื่ออิเ อิ หนาเห็น ห็ ท้าวกะหมังกุหนิงก้าวเท้าผิด ผิ จึงแทงกริช ริ ทะลุอก ไป ถึงหลังทำ ให้ท้ ห้ ท้ าวกะหมังกุหนิงสิ้นใจตาย ทันที กะหรัด รั ตะปาตี ระเด่นดาหยน สุหรา นากง เห็น ห็ อิเ อิ หนาสังหารท้าวกะ หมังกุหนิงสิ้นชีวิ ชี ต วิ ลง ทั้ง ทั้ สามจึงชัก ชั ม้า เข้า ข้ สังหารข้า ข้ ศึก จนระตูปา หยัง ยั กับระตูประหมันพ่า พ่ ยหนีไประตูปะหมันและระตูปาหยัง ยั สุดที่จะทัดทานได้ก็แตกพ่า พ่ ยไป ไพร่พ ร่ ลต่างกระจัดกระจายกันไปคนละ ทิศคนละทาง บ้า บ้ งปลอมปนกับพล ทหาร บ้า บ้ งบ่า บ่ ว หามใส่บ่า บ่ พาวิ่ง วิ่ หนี เครื่อ รื่ งแป้งทิ้งตกกระจายเกลื่อน บ้า บ้ งหนามเกี่ยวหัว หั หูก็ไม่รู้สึ รู้ สึ กตัว บ้า บ้ งก็หนีไปตามลำ พัง พั บ้า บ้ งก็ทิ้งปืนหนีไปแอบหลัง เพื่อ พื่ น พวกถูกปืนก็เซซังคลานหนี ระตูทั้ง ทั้ สอง เมื่อกลับถึงค่ายก็ปรึก รึ ษากันขอยอมแพ้แ พ้ ก่ อิเ อิ หนา เพื่อ พื่ เป็นการรัก รั ษาชีวิ ชี ต วิ และพลไว้ แล้ว ระตูทั้ง ทั้ สองก็เข้า ข้ เฝ้า ฝ้ อิเ อิ หนาระตูปะหมัน และระตูปาหยัง ยั ต่างกลัวจนตัวสั่น สั่ แจ้งแก่อิเ อิ หนาว่า ว่ ทั้ง ทั้ สองมีความผิด ผิ หนักหนาแต่ขอ ประทานชีวิ ชี ต วิ ไว้จ ว้ ะขอเป็นข้า ข้ รับ รัใช้ต่ ช้ ต่ ออิเ อิ หนาจนกว่า ว่ จะตาย ๒๒


และจะส่งบรรณาการมาถวายตามประเพณี อิ เหนาก็รับ รัไว้เ ว้ป็นเมือง ขึ้น ขึ้ แล้วให้ทั้ ห้ ทั้ ง ทั้ สองนำ ศพของท้าวกะหมังกุหนิง และวิห วิ ยาสะกำ ไปทํา พิธี พิ ต ธี ามราชประเพณี แล้วอิเ อิ หนาก็มาดู ศพวิห วิ ยาสะกำ เห็น ห็ ศพถูกทิ้ง อยู่พิ ยู่ จ พิ ารณาดู แล้วก็ใจหายเพราะยัง ยั เป็นหนุ่ม นุ่ อยู่รู ยู่ รู ป ร่า ร่ งก็สวยงามนับ ว่า ว่ สมชายชาตรี ฟัน ฟั แดงดัง แสงทับทิม หน้าตางดงามรับ รั กับคิ้ว ผม ปลายงอนงามรูปร่า ร่ งสมส่วนอย่า ย่ งนี้ บิด บิ าจึงรัก รั รัก รั รัก รั หนาจนต้องมา ตายเพราะ ลูก หากจรกางดงามอย่า ย่ งวิห วิ ยาสะกำ ก็จะไม่ ร้อ ร้ นใจว่า ว่ จะ มาปะปนศักดิ์กัน แล้วอิเ อิ หนาก็ขึ้ นม้ากลับที่พัก พัไป ระตูปะหมันและระตู ปาหยัง ยั กอดศพ ท้าวกะหมังกุหนิงพี่ช พี่ ายร้อ ร้ งไห้รำ ห้ รำพัน พั ออกมาด้วยความ เศร้า ร้ ว่า ว่ ท้าวกะหมังกุหนิงนั้น มีชื่อ ชื่ เสียงเกียรติยศปรากฏไปทั่ว ทั่ ทุกแผ่น ผ่ ดินทํา สงครามทุกครั้ง รั้ ที่ผ่า ผ่ นมาไม่เคยพ่า พ่ ยแพ้ค พ้ รั้ง รั้ นี้ เป็นเพราะคิด ประมาทรัก รั ลูกมากเกินไปจะ ทัดทานอย่า ย่ งไรก็ไม่ฟัง ฟั อนิจจาวิห วิ ยาสะ กำ คง เป็นเวรกรรมแต่ครั้ง รั้ ก่อน เสียแรงที่มีกำ ลังมีความกล้าหาญ ต้องมาตายตั้ง ตั้ แต่ยัง ยั อายุ น้อย ต่อไปนี้คงไม่ได้เห็น ห็ หน้า กลับบ้า บ้ นเมือง ไปคงจะมีแต่ความเงีย งี บเหงา ทั้ง ทั้ สองระตูต่าง โศกเศร้า ร้ เสียใจ ๒๓


คำ ศัพท์ ความหมาย ๒๔


คำ ศัพท์ ความหมาย ๒๕


ด้านเนื้อหา ๑)ความรัก รั ของบิด บิ าที่มีต่อบุตร ๒)ผลของการใช้อ ช้ ารมณ์ ด้านสังคมและวัฒนธรรม ๑)การแต่งกายสีมงคลตามวัน วั ๒)การทำ ศึกสงครามในอดีต -การยกทัพ -พิธี พิ ก ธี รรมก่อนทำ สงคราม การตัดไม้ข่ม ข่ นาม เบิก บิโขลนทวาร -อาวุธ วุ ที่ใช้ใช้ นการรบ ๓)ความเชื่อ ชื่ ของคนในอดีต ด้านวรรณศิลป์ ๑)การเล่นเสียงสัมผัส ๒)การใช้คำ ช้ คำ พ้อ พ้ ง ๓)โวหารภาพพจน์ -อุปมา -อุปลักษณ์ -การใช้คำ ช้ คำ ถามเชิง ชิ วาทศิลป์ ๔)การใช้ลี ช้ ลี ลาการเขีย ขี น ๒๖


จรรยวรรณ/จรรยวรรณ ศรีฉ รี ายา./(๒๕๖๔)./วรรณคดีและ วรรณกรรม๔/(ครั้ง รั้ ที่ ๑)./กรุงเทพมหานคร:/บริษั ริษั ท คุรุมีเดีย. ภาษาไทย วิถี วิถีไทย./(๒๕๕๘)./กลอนบทละคร./ https://kingkarnk288.wordpress.com /2015/09/14/กลอนบทละคร/ นิยาย Dek-D./(๒๕๖๐)./ถอดคำ ประพัน พั ธ์บ ธ์ ทละครอิเ อิ หนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง./https://writer.dekd.com/ kimikavenus/writer/view.php?id=1249926 Thaigoodview.com./(๒๕๖๕)./ตัวละครเรื่อ รื่ งอิเ อิ หนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ./https://writer.dekd.com/ kimikavenus/writer/view.php?id=1249926 ๒๗


Click to View FlipBook Version