The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Yanisa Wipasvatcharayotin, 2022-12-23 09:51:50

466F70B5-97DB-429C-8C2F-96141DB5EDE3

466F70B5-97DB-429C-8C2F-96141DB5EDE3

พระธรรมโกศาจารย์
ชาวพุทธตัวอย่าง
จัดทำโดย

ญาณิศา วิภาสวัชรโยธิน เลขที่51 ม.5/3


พระธรรมโกศาจารย์

ประวัติ

ท่านพุทธทาสภิกขุ มีนามเดิมว่า เงื่อม นามสกุล พานิช เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น
๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ในสกุลของพ่อค้าที่
ตลาดพุมเรียง ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี บิดาชื่อ เซี้ยง มารดาชื่อ เคลื่อน มี
น้อง ๒ คน เป็นชายชื่อ ยี่เกย (ธรรมทาส) และเป็นหญิงชื่อ กิมซ้อย

บิดาของท่านมีเชื้อสายจีน ประกอบอาชีพค้าขายของชำ เฉกเช่นที่ชาว
จีนนิยมทำกันทั่วไป แต่อิทธิพลที่ท่านได้รับจากบิดากลับเป็นเรื่องของความ
สามารถทางด้านกวี และทางด้านช่างไม้ ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่ชื่นชอบของบิดา

ส่วนอิทธิพลที่ได้รับจากมารดาคือ ความสนใจในการศึกษาธรรมะอย่าง
ลึกซึ้ง อุปนิสัยที่เน้นเรื่องความประหยัด ความละเอียดลออในการใช้จ่ายและ
การทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด และต้องทำให้ดีกว่าครูเสมอ ท่านได้เรียนหนังสือถึงชั้น
ม.๓ แล้วต้องออกมาค้าขายแทนบิดาซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคลมปัจจุบัน

ครั้นท่านอายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้บวชเป็นพระตามคตินิยมที่วัดอุบล (วัด
นอก) ไชยา ได้รับนามฉายาว่า “อินทปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่
เดิมท่านตั้งใจจะบวชเรียนตามประเพณีเพียง ๓ เดือน แต่ความสนใจ ความ
ซาบซึ้ง ความรู้สึกเป็นสุข สนุกในการศึกษา และเทศน์แสดงธรรม ทำให้ท่านไม่
อยากสึก เล่ากันว่า เจ้าคณะอำเภอเคยถามท่านขณะที่เป็นพระเงื่อมว่า มีความ
คิดเห็นอย่างไรในการใช้ชีวิต ท่านตอบว่า “ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์
แก่เพื่อนมนุษย์มากที่สุด”


บทบาทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

พระธรรมโกศาจารย์ ได้ก่อตั้งสวนโมกขพลาราม ซึ่งในระยะ 2 ปี
แรก สวนโมกข์ไม่ต่างจากป่าช้าที่มีสภาพรกร้าง แต่เมื่อหนังสือพิมพ์ที่
ท่านได้จัดทำขึ้นเริ่มเผยแพร่และมีผู้อ่านมากขึ้นก็เริ่มมีผู้คนเข้ามาในสวน
โมกข์แห่งนี้ ในปีที่ 3 และเริ่มมีมากขึ้นจนท่านได้สร้างที่พักสำหรับนัก
ปฏิบัติธรรมมากขึ้น และได้ขยายมาเป็นสวนโมกข์ดังเช่นในปัจจุบัน

นอกจากสวนโมกข์ที่เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้ว ท่านยังได้เขียน
หนังสืออีกหลายเล่มที่เกี่ยวข้องกับหลักธรรมที่ท่านได้ทดลองและปฏิบัติ
เช่น คู่มือมนุษย์ ธัมมิกกสังคม แก่นพุทธศาสน์ เป็นต้น เพื่อเผยแพร่สู่
สังคมต่อไป ซึ่งนับได้ว่าตลอดชีวิตของท่านพุทธทาสได้อุทิศชีวิตเพื่อการ
ปฏิรูปคำสอนของพุทธศาสนาเพื่อให้พุทธสาวกและบุคคลทั่วไปเข้าถึง
แก่นที่แท้จริงของศาสนา ไม่หลงมัวเมา
ยึดติดในรูปวัตถุและจิตใจลุ่มหลง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวทำให้เกิดกิเลส
และความแตกร้าวทางสัมคมตามมา

บทบาทด้านหนังสือ

ผลงานเด่นของท่านพุทธทาสคืองานหนังสือ เช่น ตามรอยพระอรหันต์
คู่มือมนุษย์และเป็นภิกษุไทยรูปแรกที่บุกเบิกการใช้โสตทัศนูปกรณ์สมัย
ใหม่สำหรับการเผยแพร่ธรรมะ และท่านมีสหายธรรมคนสำคัญ คือ
ปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ และท่าน บ.ช. เขมาภิรัต

บทบาทที่น่ายกย่อง

ท่านพุทธทาสภิกขุ (พระธรรมโกศาจารย์) ได้รับยกย่องเป็นบุคคลสำคัญ
ของโลกด้านการศึกษาศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ เนื่องในโอกาส
ครบรอบชาตกาล ๑๐๐ ปี เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙
เป็นเรื่องที่น่าปีติยินดีที่พระมหากษัตริย์ไทย พระราชวงศ์ และบุคคลทั่วไป
ผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาไทย ได้ทรงสร้างสรรค์และได้สร้างสรรค์ผล
งานมากมายฝากไว้แก่อนุชนรุ่นหลัง ได้รับการยกย่องในระดับโลก ตราบ
ใดที่คนในชาติเรายังคงหมั่นแสวงหาความรู้ ใช้ความคิด แล้วลงมือปฏิบัติ
ในอนาคตจะมีชาวไทยได้รับเกียรติเช่นนี้สืบเนื่องไปแน่นอน


คุณธรรมที่เป็นแบบอย่าง

1. ท่านทรงเป็นแบบอย่างของพระภิกษุและชาวพุทธทุกคนในการ
ศึกษาค้นคว้าหลักธรรมะให้เข้าใจอย่างแท้จริง จนสามารถเทศนาสั่ง
สอนพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้เข้าใจธรรมะ
ของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องชัดเจน และสามารถนำไปเป็นแนวปฏิบัติ
ได้
2. ท่านทรงแต่งตำราทางพระพุทธศาสนาไว้มากมาย ก่อให้เกิด
ประโยชน์ต่อผู้อ่านที่สามารถนำหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่ท่านเขียน
ไว้ไปประพฤติปฏิบัติได้
3. ท่านมีปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะให้มวลมนุษย์ได้เข้าใจหลักธรรมะที่
ตนนับถือ (ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม) ต้องการสร้างความปองดองกันในทุก
ศาสนา ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก และต้องการให้ทุกคนไม่หลงมัวเมา
อยู่ในแต่ “วัตถุนิยม” แต่หันมาสนใจธรรมะ เข้าใจธรรมะ และปฏิบัติ
ธรรมะ ในลักษณะ “ธรรมนิยม”
4. ท่านเป็นแบบอย่างของชาวพุทธในการเผยแผ่ธรรมะที่ถูกต้องให้แก่
ชาวโลก ดังนั้นจึงมีผู้ให้ความสนใจที่จะเข้าไปศึกษาธรรมะกับท่านใน
สวนโมกขพลาราม ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ท่านได้ช่วยรื้อฟื้น
ธรรมะของพระพุทธเจ้า ปลุกชาวพุทธให้ตื่นตัว ให้ก้าวหน้า เพื่อทำกิจ
อันเป็นประโยชน์แก่พระศาสนา


ข้อคิดที่ได้

การให้อภัย
คือการยกโทษให้คนที่ทำผิดไม่เก็บความโกรธไว้หรือคิดแค้นเคือง
และไม่คิดแก้แค้นการให้อภัยไม่เพียงแต่ทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้นทำให้
เหตุการณ์ทุกอย่างราบรื่นขึ้นสำคัญไปกว่านั้นคือเป็นการแก้
ปัญหาได้ตรงจุดรู้สึกสบายใจที่ทุกอย่างมันจบลงด้วยดีมีความ
เข้าใจกันมากขึ้นการให้อภัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องตั้งใจ

ความมีเมตตา
คือความรักใคร่ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุขมีจิตอันแผ่ไมตรี
และคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้ากรุณาคือความสงสาร
คิดช่วยให้พ้นทุกข์ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยาก
เดือดร้อนของปวงสัตว์ ความเมตตา คือ ความเป็นมิตรปรารถนา
ให้ผุ้อื่นมีความสุขแม้บุคคลนั้นไมได้ทุกข์อยู่ครับ


Click to View FlipBook Version