Science ว22101 ใบงานที่ 2 ระบบสืบพนั ธุ์
หน่วยท่ี 3 ชอ่ื -สกุล ชั้น ม.2/ เลขที่
ระบบร่างกายมนษุ ย์
7. เพราะเหตใุ ดผนังมดลูกจึงหลุดออกมาและสลายตวั ออกมาเปน็ ประจาเดือนได้
………………………………………………………………………….........................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
8. ผ้หู ญงิ คนหนงึ่ มีประจาเดอื นอยา่ งสมา่ เสมอทุก 28 วัน ถา้ ผูห้ ญงิ คนนม้ี ปี ระจ่าเดือนวันแรกคอื วันที่
14 กมุ ภาพันธ์ผู้หญงิ คนนีจ้ ะตกไข่ครง้ั ตอ่ ไปในวนั ท่ีเท่าใด
………………………………………………………………………….........................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. เพราะเหตุใดการคุมกาเนดิ ด้วยวิธีธรรมชาติจงึ ต้องมเี พศสมั พนั ธ์ในช่วงระยะ 7 วัน กอ่ นมี
ประจาเดือนวนั แรกและหลังวนั แรกของการมปี ระจาเดอื นต่อไปอีก 7 วนั
………………………………………………………………………….........................................................................
10. นกั เรียนควรปฏบิ ตั ิตนอย่างไรเพื่อใหร้ ะบบอวัยวะต่าง ๆ ทางานได้เป็นปกติ
………………………………………………………………………….........................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นนาข้อความเตมิ ลงในช่องว่างให้ถกู ตอ้ ง
การสบื พันธ์ุของมนุษย์อาศัยเซลล์สืบพันธ์ุเพศหญิงได้แก่ (1) …………………..และเซลล์สืบพันธ์ุเพศชาย
นั่นคอื (2) ………………….. โดยเซลลส์ บื พนั ธ์ุเพศหญงิ สร้างจาก (3) ………………….. สว่ นเซลล์สืบพันธ์ุ
เพศชายสรา้ งจาก (4) ………………….. เมื่อเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิงและเพศชายรวมตัวกันทาให้เกิดการ
(5) ………………….. ซ่ึงจะเกิดขึ้นบริเวณ (6) ………………….. ของเพศหญิง เซลล์ไข่ท่ีได้รับการผสม
เรียกวา่ ไซโกต จากน้ันไซโกตจะแบ่งตัวแบบทวีคูณหลายกลุ่มเซลล์เรียกว่า (7) ………………….. ซ่ึงจะ
เคลื่อนที่ไปฝังตัวบริเวณ (8) ………………….. ในขณะอยู่ในครรภ์มารดาตัวอ่อนจะได้รับสารอาหาร
แก๊สและขับถ่ายของเสียผ่านทาง (9) ………………….. และเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์มารดาเป็นเวลา
ประมาณ (10) ………………….. สปั ดาห์จงึ คลอดออกมา
โดยปกติมนุษย์ต้ังครรภ์และคลอดทารกคร้ังละ 1 คน ดังนั้นการเกิดฝาแฝดจึงเป็นการ
ต้ังครรภ์ที่ผิดปกติ ฝาแฝด มี 2 ลักษณะ คือ แฝดร่วมไข่หรือเรียกว่า (11) ………………….. ซ่ึงแฝด
ลักษณะน้ีเกิดจากไข่ 1 ฟองกับอสุจิ 1 ตัว ส่วนแฝดแบบท่ี 2 เรียกว่า (12) ………………….. หรือ
แฝดเทียม ซึ่ง ฝาแฝดลักษณะน้อี าจเป็นเพศเดียวกนั หรอื ตา่ งเพศกนั ก็ได้
ปัจจุบันพบว่าจานวนประชากรเพ่ิมสูงข้ึนอย่างรวดเร็ว รัฐบาลหรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข จึงมีการรณรงค์ให้ประชากรมีการคุมกาเนิด ซึ่งการคุมกาเนิดเป็น
วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ขึ้น การคุมกาเนิดมี (14) ………………….. สาหรับการผ่าตัดทา
หมันเป็นการคุมกาเนิดแบบ (15) …………………..
51
Science ว22101 ข้อสอบเรอื่ ง ระบบสบื พนั ธ์ุ
หน่วยที่ 3 ชอ่ื -สกุล ชั้น ม.2/ เลขที่
ระบบรา่ งกายมนุษย์
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ กู ตอ้ ง
1. อสุจเิ ข้าผสมกบั ไข่ทีบ่ ริเวณใด ข. ทอ่ นาไข่ คะแนน............/10
ก. รังไข่
ค. ผนังมดลูก ง. ปากมดลกู
2. ฮอรโ์ มนเพศชายคือฮอรโ์ มนใด
ก. อีสโทรเจน ข. โกรทฮอรโ์ มน
ค. โพรเจสเทอโรน ง. เทสโทสเทอโรน
3. แฝดรว่ มไขเ่ กดิ ขึ้นได้อย่างไร
ก. เซลลอ์ สจุ ิ 2 เซลล์ เข้าผสมกับเซลล์ไข่พรอ้ มกัน
ข. เซลลไ์ ข่ 2 เซลล์ ท่ีสกุ พรอ้ มกนั ถกู ผสมในเวลาเดียวกัน
ค. เซลลไ์ ข่ 2 เซลล์ ที่สุกพรอ้ มกันถกู ผสมด้วยเซลลอ์ สจุ ิตวั เดียวกนั
ง. เซลล์อสุจเิ ซลล์เดียวเขา้ ผสมกับเซลลไ์ ข่ แลว้ แบง่ เซลลเ์ ปน็ สองไซโกต
4. ตอ่ มลกู หมากทาหน้าท่ใี ดในระบบสบื พันธเ์ุ พศชาย
ก. สร้างเซลลอ์ สุจิ ข. สรา้ งสารหล่อลืน่
ค. สรา้ งนา้ เล้ยี งเซลลอ์ สุจิ ง. สรา้ งสารที่มีฤทธิ์เป็นเบส
5. ประจาเดอื นเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร
ก. การตกไขเ่ ขา้ สู่ท่อนาไข่
ข. การฝ่ังตวั ของเซลลไ์ ขท่ ่ผี นังมดลกู
ค. การหลุดลอกของผนังมดลกู เม่ือไมม่ กี ารปฏิสนธิ
ง. การสลายตัวของเซลล์อสุจิทีไ่ มถ่ ูกปฏิสนธิกับเซลลไ์ ข่
6. ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง
ก. รังไข่ทาหน้าที่ผลติ ไขแ่ ละฮอร์โมน
ข. การตกไขจ่ ะเกิดขน้ึ ภายหลังจากไข่ไดร้ ับการปฏิสนธิ
ค. อัณฑะจะสร้างฮอร์โมนเพศชาย มดลูกสร้างฮอร์โมนเพศหญงิ
ง. ผนงั ช้ันนอกของมดลูกเมอ่ื มกี ารสลายตัวของหลอดเลือด เรียกวา่ ประจาเดอื น
52
Science ว22101 ข้อสอบเรอื่ ง ระบบสบื พนั ธ์ุ
หน่วยท่ี 3 ชอ่ื -สกลุ ชัน้ ม.2/ เลขที่
ระบบรา่ งกายมนษุ ย์
คาชแี้ จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกตอ้ ง
7. หนา้ ท่สี าคญั ของถงุ อัณฑะคือ
ก. ชว่ ยใหอ้ ณั ฑะสร้างฮอร์โมน
ข. ชว่ ยปรับอณุ หภมู ใิ ห้พอเหมาะสาหรบั สร้างตวั อสุจิ
ค. ชว่ ยปอ้ งกนั อันตรายแกอ่ ัณฑะ
ง. ชว่ ยให้ผลติ นา้ อสจุ ทิ ีม่ ีคุณภาพสงู
8. ช่องคลอดไมไ่ ด้ทาหนา้ ท่ใี ด
ก. ทางผา่ นของทารก ข. ทางผ่านของประจาเดือน
ค. ทางผา่ นของปัสสาวะ ง. ทางผ่านของอสุจเิ ขา้ ผสมกับไข่
9. ขอ้ ใดจับครู่ ะหว่างหน้าท่กี ับอวัยวะสบื พันธข์ุ องเพศชายได้ไมถ่ กู ต้อง
ก. อณั ฑะ-สรา้ งตวั อสุจิ
ข. อัณฑะ-สรา้ งฮอรโ์ มนเพศชาย
ค. ถุงอณั ฑะ-ปรับอณุ หภูมิให้ต่ากวา่ อณุ หภมู ิรา่ งกาย
ง. ถุงอณั ฑะ-สรา้ งอาหารมาเลี้ยงตัวอสุจิ
10. ข้อใดจับคู่ระหว่างหนา้ ทกี่ บั อวัยวะสืบพันธ์ุของเพศหญงิ ไม่ถกู ต้อง
ก. รงั ไข-่ สรา้ งไข่
ข. ไข-่ สร้างฮอรโ์ มนเพศหญิง
ค. ปีกมดลูก-บริเวณท่ีเกิดการปฏสิ นธิ
ง. มดลูก-เป็นทีฝ่ งั ตวั ของเอ็มบรโิ อ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
53
Science ว22101 ใบงานที่ 1 ตาแหนง่ ของวตั ถุ
หน่วยท่ี 4 ชื่อ-สกลุ ชน้ั ม.2/ เลขที่
การเคลอ่ื นทแ่ี ละแรง
คาชแี้ จง จากภาพใหน้ ักเรียนบอกตาแหนง่ ของเด็กชายต้น โดยใช้จดุ อา้ งองิ ที่แตกตา่ งกัน
วธิ ีระบจุ ดุ อ้างอิงและตาแหน่งของวัตถทุ ีช่ ดั เจนควรมีลักษณะอยา่ งไร
การระบจุ ุดอ้างองิ และตาแหน่งมีความหมายว่าอย่างไร
จดุ อา้ งองิ มคี วามสาคัญอยา่ งไร
54
Science ว22101 ใบงานที่ 2 ระยะทางและการกระจดั
หน่วยท่ี 4 ช่อื -สกุล ชั้น ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแ่ี ละแรง
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนีใ้ หถ้ ูกต้อง
ระยะทาง คือ 1) …………………..…………………..…………………..………………..…………………..
มีหน่วย 2) ………………….. ใช้สญั ลักษณ์ คอื 3) …………………..
การกระจัด คอื 4) …………………..…………………..…………………..………………..…………………..
มหี นว่ ย 5) ………………….. ใชส้ ญั ลักษณ์ คือ 6) ……………
ปรมิ าณทางวทิ ยาศาสตร์ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื 7) …………………..…………………..
ปริมาณสเกลาร์ คอื 8) …………………..…………………..…………………..………………..…………………..
ปริมาณเวกเตอร์คอื 9) …………………..…………………..…………………..………………..…………………..
เวลาเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์หรอื ปรมิ าณสเกลาร์ เพราะ10) …………………..…………………..…………………..
คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนเขยี นแผนภาพเปรียบเทียบความเหมือนและแตกต่างระหว่างระยะทางและการกระจดั
55
Science ว22101 ใบงานที่ 3 ระยะทางและการกระจดั
หนว่ ยท่ี 4 ชอื่ -สกุล ชั้น ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแี่ ละแรง
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ใี ห้ถกู ตอ้ ง
1. เคลอ่ื นทตี่ ามเสน้ ทาง A , B และ C จะไดร้ ะยะทางเทา่ กนั หรือไม่ ………………….. ถา้ หากไม่เท่ากัน
เส้นทางใดมรี ะยะทางมากท่สี ดุ ………………….. และเสน้ ทางใดมรี ะยะทางน้อยที่สุด …………………..
2. เคล่ือนทต่ี ามเส้นทาง A , B และ C จะไดก้ ารกระจัดเท่ากนั หรอื ไม่ ………………….. หากไมเ่ ท่ากัน
เส้นทางใดมกี ารกระจัดมากท่สี ุด ………………….. และเส้นทางใดมีการกระจดั น้อยท่ีสดุ …………………..
3. จากภาพเป็นการเคลื่อนท่ขี องวตั ถุ จาก A ไป B ไป C ไป D ในลกั ษณะเป็นส่วนหน่งึ ของรปู
ส่ีเหล่ียมผืนผ้า
3.1) ระยะทาง จากจุด A ถงึ จดุ B เท่ากับ …………………..
3.2) การกระจดั จากจุด A ถงึ จดุ B เท่ากบั …………………..
3.3) ระยะทาง จากจดุ A ถงึ จดุ C เทา่ กบั …………………..
3.4) การกระจัด จากจดุ A ถงึ จุด C เทา่ กบั …………………..
3.5) ระยะทาง จากจดุ A ถึงจุด D เท่ากับ …………………..
56
Science ว22101 ใบงานที่ 4 อตั ราเรว็ และความเรว็
หนว่ ยท่ี 4 ชื่อ-สกุล ชน้ั ม.2/ เลขท่ี
การเคลอ่ื นทแี่ ละแรง
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง .
1. ความเรว็ คอื …………………………………………………………………………….เปน็ ปริมาณเวกเตอร์
มีหน่วยเป็น …………………..
2. อตั ราเรว็ คอื ……………………………………………………………………………เปน็ ปรมิ าณสเกลาร์
มีหน่วยเป็น …………………..
3. การคานวณความเรว็ สูตร คอื ความเรว็ = …………………..…………………..
4. การคานวณอัตราเร็ว สตู ร คอื ความเร็ว = …………………..…………………..
คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นแสดงวธิ ีทาให้ถกู ต้อง
1. รถยนต์เคล่ือนทีไ่ ปทางทิศตะวนั ออก 600 เมตร ในเวลา 10 วินาที จากภาพสามารถหา
อตั ราเรว็ เฉลย่ี ของรถได้เทา่ ใด
วิธีทา………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. รถยนตแลนทางตรงมีระยะทางและเวลาสมั พันธกนั ดงั ตารางจงหาอตั ราเร็วเฉล่ียตลอดการ
เคล่ือนท่ี
วิธที า………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
57
Science ว22101 ใบงานที่ 4 อตั ราเรว็ และความเรว็
หนว่ ยท่ี 4 ชอ่ื -สกลุ ชั้น ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแ่ี ละแรง
คาชแี้ จง ให้นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้อง
3. รถยนต์เคลื่อนท่ีไปทางทิศตะวนั ออก 600 เมตร แล้วยอ้ นกลบั มาทา ทิศตะวันตก 400 เมตร
ในเวลา 10 วินาที จากภาพ สามารถหาความเรว็ เฉลี่ยของรถได้เท่าใด
วิธีทา………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. นกั เรยี นเดนิ จากบา้ นไปโรงพยาบาลท่อี ยู่หา่ งออกไปทางเหนอื 300 m แล้วเดินตอ่ ไปทางทศิ
ตะวันออกอีก 400 m โดยใช้เวลาในการเดิน 5 นาที จงหาความเร็วเฉลย่ี ของการเดินทาง
วิธที า………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
58
Science ว22101 ใบงานที่ 5 แรงลพั ธ์
หน่วยท่ี 4 ชือ่ -สกุล ชัน้ ม.2/ เลขท่ี
การเคลอื่ นทแ่ี ละแรง
คาชแ้ี จง จงพิจารณารูปตอ่ ไปนี้ และหาแรงลพั ธ์ของแรงและทศิ ทางของแรงลัพธ์
1. 2.
วิธีทา…………………………………………………………… วิธที า……………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
3. 4.
วธิ ที า…………………………………………………………… วธิ ีทา……………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………
……………………………………………………………………
5. 1.
วธิ ีทา…………………………………………………………… วิธีทา……………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
59
Science ว22101 ใบงานที่ 6 แรงลพั ธ์
หนว่ ยท่ี 4 ชอ่ื -สกุล ชนั้ ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแี่ ละแรง
คาชแ้ี จง จงเขียนแผนภาพเพือ่ หาแรงลัพธ์ โดยการรวมเวกเตอร์ “แบบหางต่อหวั ” ให้ถูกตอ้ ง
1. ออกแรงดึงวตั ถทุ ี่อยนู่ ่งิ ดว้ ยแรง 3 แรง ทมี่ ีขนาดและทิศทางดงั ภาพ แรงลัพธ์ทกี่ ระทาตอ่ วัตถเุ ปน็
เท่าใดและวตั ถเุ คลอ่ื นทหี่ รือไม่
റ 3 = 3 N
റ 2 = 4 N
റ 1 = 2 N
2. ออกแรงดึงวัตถุทอี่ ยนู่ งิ่ ด้วยแรง 3 แรง ที่มขี นาดและทิศทางดงั ภาพ แรงลัพธ์ที่กระทาต่อวัตถุเปน็
เทา่ ใดและวตั ถเุ คล่ือนทห่ี รอื ไม่
F1= 5 N F2= 7 N
F3= 14 N
3. ออกแรงหลายแรงกระทากับวัตถุดว้ ยขนาดและทิศทางตา่ งกัน เม่อื นาเวกเตอร์แต่ละแรงมาต่อกนั
แบบหางตอ่ หัวจะไดด้ ังภาพ ขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธท์ ีก่ ระทาต่อวตั ถุในแตล่ ะภาพเปน็ เทา่ ใด
(กาหนดให้ ความยาวลกู ศร 1 เซนติเมตรเทา่ กบั แรง 20 นิวตัน)
3.1) 3.2)
60
Science ว22101 ใบงานที่ 7 แรงกริ ยิ าและแรงปฏกิ ริ ยิ า
หน่วยที่ 4 ชือ่ -สกุล ชั้น ม.2/ เลขท่ี
การเคลอ่ื นทแ่ี ละแรง
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกตอ้ ง
แรงกริ ยิ า คอื …………………..…………………………………………………………………………………………………
แรงปฏกิ ิรยิ า คอื ……………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กจิ กรรม การนาไปใชป้ ระโยชน์
แรงกริ ยิ า แรงปฏกิ ริ ยิ า
61
Science ว22101 ใบงานท่ี 8 แรงเสยี ดทาน
หนว่ ยที่ 4 ช่อื -สกลุ ชั้น ม.2/ เลขท่ี
การเคลอื่ นทแ่ี ละแรง
คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นนาอกั ษรใสล่ งในชอ่ งวา่ งหน้าข้อความใหถ้ กู ต้อง
...... 1. แรงทที่ าใหว้ ตั ถเุ คล่ือนที่ช้าลง ก. นา้ มันหล่อล่ืน
...... 2. ปัจจัยทีม่ ผี ลตอ่ แรงเสยี ดทาน ข. ผวิ เรยี บ
...... 3. ส่ิงทช่ี ่วยลดแรงเสยี ดทาน ค. ออกแรงมากกวา่
..... 4. ทิศทางของแรงเสยี ดทาน ง. เพ่ือให้ยึดเกาะได้ดี
...... 5. พื้นผวิ ทม่ี ีแรงเสยี ดทานนอ้ ย จ. ผวิ ขรขุ ระ
...... 6. ปน่ั จกั รยานบนพนื้ ผิวเรียบกับพนื้ ผิวขรุขระ ฉ. แรงเสียดทาน
..... 7. เพิม่ แรงเสยี ดทานใหก้ บั พื้นรองเท้า ช. ออกแรงนอ้ ยกว่า
...... 8. ลากกลอ่ งบนถนนลูกรังกบั ถนนลาดยางมะตอย ซ. นา้ หนักของวตั ถุ พืน้ ผวิ ของวัตถุ
และพ้นื ผวิ ทวี่ ตั ถุเคล่อื นท่ี
...... 9. ออกแบบล้อรถยนตใ์ ห้มีดอกยาง ฌ. เพ่อื ลดการล่ืนไถล
...... 10. พน้ื ผิวทมี่ แี รงเสยี ดทานมาก ญ. ตรงขา้ มกับการเคลอื่ นทข่ี องวัตถุ
คาชแี้ จง เขียนเครอ่ื งหมาย หน้าขอ้ ท่ถี ูกต้องและเขยี นเคร่อื งหมาย X หน้าขอ้ ที่ผิด
………………….. 1. แรงเสยี ดทานมีทศิ ตรงข้ามกับการเคลือ่ นที่ของวตั ถุ
………………….. 2. ปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ แรงเสียดทานคอื นา้ หนกั ของวตั ถุและพ้นื ผวิ ของวตั ถุเท่านั้น
………………….. 3. นา้ ชว่ ยลดแรงเสยี ดทานระหวา่ งพืน้ ผวิ ของวัตถุได้
………………….. 4. วัตถุท่มี ีน้าหนักมากผลกั ให้เคลือ่ นทไี่ ด้งา่ ยกวา่ วัตถทุ ี่มนี า้ หนักนอ้ ย
………………….. 5. วตั ถทุ ี่เคลอื่ นทบี่ นพ้นื ผิวขรุขระจะเคลื่อนทไ่ี ด้ชา้ กว่าพนื้ ผวิ เรียบ
………………….. 6. ฟตุ บอลท่กี ลิง้ บนพื้นปนู จะกลิ้งได้ไกลกวา่ บนพน้ื สนามหญ้า
………………….. 7. แรงเสยี ดทานคอื แรงทที่ าให้วตั ถุและส่ิงของต่างๆ เคลื่อนท่เี รว็ ขึน้
………………….. 8. การใชล้ อ้ เล่ือนจะทาใหเ้ คล่อื นย้ายวัตถุได้ง่ายข้ึน
………………….. 9. ขอ้ เสียของแรงเสยี ดทานคอื ทาให้วตั ถุต่างๆ ไม่ลื่นจนเกินไป
………………….. 10. ถา้ ล้อรถยนตก์ ับพืน้ ถนนมีแรงเสียดทานมาก รถยนตจ์ ะเคลือ่ นทไ่ี ดเ้ รว็ มาก
………………….. 11. พืน้ ผวิ ขรขุ ระจะมีแรงเสยี ดทานมากกวา่ พื้นผวิ เรยี บ
………………….. 12. วตั ถุตกลงสูพ่ ื้นไม่เกิดจากแรงเสียดทาน
………………….. 13. พื้นผวิ เรียบสมั ผสั กับนา้ จะทาให้เกิดการลืน่ ไถล
………………….. 14. แรงเสยี ดทานคอื แรงที่ทาให้วัตถไุ ม่เคล่ือนท่ี
………………….. 15. นา้ มนั ช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน
62
Science ว22101 ใบงานที่ 9 แรงเสยี ดทาน
หนว่ ยท่ี 4 ชื่อ-สกลุ ช้ัน ม.2/ เลขท่ี
การเคลอื่ นทแี่ ละแรง
คาชแี้ จง ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกตอ้ ง
1. แรงเสียดทานคือ…………………………………………………………………………………………………………………..
2. แรงเสยี ดทาน มี…………ประเภท คือ
1. ……………………………………………………………เกิดข้ึนเมอื่ ………………………………………………………………
2. ………………………………………...................เกิดขนึ้ เมอ่ื ……………………………………………………………………
3. ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อแรงเสียดทาน………………………………………………………………………………………
คาชแี้ จง
กระดานล่ืน ลดแรงเสยี ดทาน เพ่ิมแรงเสยี ดทาน
นา้ ยาลา้ งจาน
น้ามันหล่อลื่น
รอยหยักทพ่ี ืน้
รองเท้า
ตลับลกู ปืน
ดอกยางรถยนต์
เบรกของรถยนต์
พรมปูพื้น
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นนาข้อความทกี่ าหนดใหเ้ ตมิ ลงในช่องว่างและตอบคาถามให้ถกู ตอ้ ง
พ้นื ผิวขรขุ ระออกแรงมากกว่าพ้ืนผิวเรยี บ ผลมะม่วงตกลงสู่พื้น ออกแรงเคลอื่ นตู้
ป่นั จักรยานบนพื้นทราย ออกแรงยกของ ว่ิงออกกาลังกาย นอนดูโทรทัศน์
เตะฟุตบอลสนามหญ้า กระโดดเชือก เดินข้ึน-ลงบันได
กิจกรรมท่ีมผี ลจากแรงเสยี ดทาน กิจกรรมที่ไม่มีผลจากแรงเสียดทาน
63
Science ว22101 ใบงานท่ี 10 แรงพยงุ ของของเหลว
หน่วยที่ 4 ชอ่ื -สกลุ ชั้น ม.2/ เลขที่
การเคลอ่ื นทแ่ี ละแรง
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นนาอกั ษรใสล่ งในชอ่ งวา่ งหน้าขอ้ ความใหถ้ กู ต้อง
1. จากรูปนาวัตถมุ วล m ปริมาตร V นาไปใส่ลงในของเหลว A, B, C และ D พบวา่ วัตถุมี
ลกั ษณะการลอยและจมดังรูป จงตอบคาถามนี้
1.1 ของเหลวชนดิ ใดมคี วามหนาแนน่ มากท่ีสดุ และนอ้ ยท่สี ดุ เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1.2 เม่ือเปรยี บเทียบความหนาแน่นของวัตถุกบั ความหนาแนน่ ของของเหลวชนดิ ต่าง ๆ ของเหลวชนิด
ใดมคี วามหนาแนน่ นอ้ ยกวา่ วตั ถุ เพราะเหตุใดนกั เรียนจึงคดิ เชน่ นน้ั
………………………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. เมอ่ื นักเรยี นนาวัตถหุ นึง่ แขวนกบั เครือ่ งชั่งสปริงพบว่า อ่านคา่ น้าหนกั ได้ 6.42 นวิ ตัน แตเ่ มื่อ
นาไปชง่ั ในน้าพบวา่ อ่านคา่ น้าหนักบนเคร่ืองชง่ั สปรงิ ได้ 4.78 นิวตัน แรงพยุงท่ีนา้ กระทาต่อวตั ถนุ ้ี
มคี า่ เท่าใด
………………………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. ถา้ เรือสาราญลาหนึ่งหนกั หนง่ึ ลา้ นนวิ ตัน ลอยอยใู่ นทะเลโดยตวั เรือมีส่วนที่จมลงไปในน้าทะเลเป็
หนึง่ ในสขี่ องความสูงเรอื แรงพยงุ ของนา้ ทะเลจะมขี นาดเปน็ เทา่ ใด
………………………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
64
Science ว22101 ใบงานที่ 11 โมเมนตข์ องแรง
หนว่ ยท่ี 4 ชื่อ-สกุล ช้ัน ม.2/ เลขที่
การเคลอ่ื นทแ่ี ละแรง
คาชแ้ี จง ให้นักเรียนนาอักษรใสล่ งในชอ่ งว่างหน้าข้อความให้ถูกตอ้ ง
1. โมเมนตข์ องแรง หมายถงึ …………………..…………………..…………………..………………..…………………..
2. โมเมนตม์ ีหนว่ ยเปน็ …………………..………………….. .
3. โมเมนต์ของแรงแบง่ ตามทิศทางการหมนุ ได้ ………………….. ชนิด
4. ผลหมุนของแรงท่ที าใหว้ ัตถหุ มุนรอบจดุ หมุนในทศิ ทางทวนเข็มนาฬิกา คือ …………………..
5. ผลหมนุ ของแรงท่ีทาให้วัตถหุ มุนรอบจดุ หมนุ ในทศิ ทางตามเข็มนาฬิกา คือ …………………..
6. ถา้ มแี รงหลายแรงกระทาตอ่ วัตถชุ ้นิ หนึ่ง แลว้ ทาให้วตั ถุนัน้ อยใู่ นสภาวะสมดลุ จะได้วา่
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. นักเรยี นต้องการหักแทง่ ไม้ จึงนาปลายด้านหน่งึ ของแทง่ ไม้วางกับหลกั โดยใชเ้ ทา้ กดปลายไมด้ า้ น
นน้ั ไวไ้ ม่ใหไ้ ม้เขย้อื น จากนั้นให้เพอื่ นออกแรงกดแทง่ ไม้เพอ่ื ให้ไม้หกั นักเรียนคดิ ว่าเพื่อนควรออกแรงกด
ทีต่ าแหน่งใดในภาพจงึ จะใช้แรงนอ้ ยที่สดุ เพราะเหตใุ ด
8. จากภาพ หากโมเมนตข์ องแรงทกี่ ดลงบนคานมีค่าเทา่ กบั 40 นวิ ตัน-เมตร จงหาขนาดของแรงที่
.
กดลงคานและทศิ การหมนุ ของคานนี้
วธิ ที า …..………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
65
Science ว22101 ใบงานที่ 11 โมเมนต์ของแรง
หนว่ ยที่ 4 ชื่อ-สกุล ชน้ั ม.2/ เลขท่ี
การเคลอ่ื นทแ่ี ละแรง
คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ใี ห้ถกู ตอ้ ง
9. จากภาพ หากโมเมนต์ของโมบายนี้มีคา่ เทา่ กับ 1.0 นิวตัน เมตร จงหา ระยะห่างจากจดุ หมนุ
และจงหาทิศการหมุนของโมบายน้ี
วิธีทา …..………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
10. แขวนนา้ หนกั 40 นวิ ตัน หา่ งจากจุดหมนุ ทางดา้ นซา้ ยของไมเ้ มตรเป็นระยะ 30 เซนติเมตร
หากต้องการให้ไม้เมตรนส้ี มดลุ จะต้องแขวนนา้ หนกั 24 นิวตนั ไว้ทางดา้ นขวาห่างจากจุดหมุนก่ี
เซนติเมตร
วิธีทา …..………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………….............................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
66
Science ว22101 ใบงานท่ี 12 แรงและสนามของแรง
หน่วยที่ 4 ช่อื -สกลุ ชน้ั ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแี่ ละแรง
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง
1. แรงแม่เหลก็ คอื ……………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. สนามของแรงแบง่ ออกได้เปน็ 3 ประเภท คอื …………………..…………………..…………………..
3. เมอ่ื กาหนดใหส้ นามแมเ่ หลก็ มลี กั ษณะและทิศทางดงั ภาพ จะระบุข้วั แมเ่ หลก็ ของตาแหน่ง A B C
และ D ได้วา่ อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. เขียนลูกศรแสดงทิศทางของแรงแมเ่ หล็กท่ีกระทาตอ่ ลวดเสียบกระดาษ
5. เขยี นลกู ศรแสดงทิศทางของแรงแมเ่ หล็กท่กี ระทาต่อขัว้ แมเ่ หล็กข้ัวเหนือที่อยูใ่ นสนามแม่เหล็ก A
67
Science ว22101 ใบงานท่ี 12 แรงและสนามของแรง
หน่วยท่ี 4 ชื่อ-สกุล ช้ัน ม.2/ เลขที่
การเคลอ่ื นทแ่ี ละแรง
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ใี หถ้ กู ต้อง
6. เขียนทศิ ทางของแรงไฟฟา้ ทีก่ ระทาต่อประจใุ นสนามไฟฟ้าได้อย่างไร
6.1
6.2
6.3
6.4
68
Science ว22101 ใบงานที่ 12 แรงและสนามของแรง
หนว่ ยที่ 4 ชือ่ -สกุล ชน้ั ม.2/ เลขที่
การเคลอ่ื นทแี่ ละแรง
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ถกู ตอ้ ง
7. เขยี นเวกเตอรแ์ ทนขนาดและทิศทางของแรงโน้มถ่วงทก่ี ระทต่าอวตั ถุหน่งึ เม่ือวัตถุนั้นอยู่
ตาแหนง่ ต่าง ๆ ดงั ภาพได้อยา่ งไร
8. โลกเป็นดาวเคราะหด์ วงหน่งึ ในระบบสรุ ยิ ะ นกั เรียนคิดวา่ ดาวเคราะห์ดวงอนื่ ๆ จะมสี นามโน้ม
ถว่ งเชน่ เดียวกับโลกหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. พิจารณาภาพตอ่ ไปนี้
…………… ………………
10. สนามโนม้ ถ่วงมีทศิ พงุ่ สู่ศนู ย์กลางของโลกทาให้เกดิ แรงโน้มถว่ งหรอื แรงดึงดดู ทก่ี ระทาตอ่ มวล
ของวัตถุในการตกของวัตถุจะเคลอ่ื นทล่ี งด้วยความเรว็ …………………..…………………..
69
Science ว22101 ขอ้ สอบเรอ่ื ง การเคลอ่ื นทแี่ ละแรง
หน่วยท่ี 4 ชื่อ-สกลุ ชั้น ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแ่ี ละแรง
คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง
1. พจิ ารณาขอ้ มูลต่อไปนี้แล้วตอบคาถาม คะแนน............/10
จากรปู ภาพ เปน็ เส้นทางทใี่ ช้เดนิ ทางจากบ้านแดงไปบา้ นดา และมปี ม๊ั น้ามนั ตง้ั อยตู่ รงกง่ึ กลางของทุก
เส้นทาง ถา้ แดงขับรถยนต์ด้วยอัตราเร็วคงตวั 60 กิโลเมตร/ช่วั โมง เมอ่ื เขาเดินทางได้ 1 ชว่ั โมง เขา
ต้องพกั รถทป่ี มั๊ นา้ มันพอดี แดงเดนิ ทางไปหาดาโดยใชเ้ ส้นทางใด
ก. A ข. B ค. C ง. D
2. ขอ้ ใดมีขนาดการกระจัดมากที่สดุ
ก. วา่ ยนา้ และไปกลบั ในสระนา้ กวา้ ง 50 เมตร
ข. เดินรอบสระน้ารูปวงกลมรศั มี 7 เมตร 1 รอบ
ค. วิง่ รอบสนามวงกลมรศั มี 14 เมตร ครึ่งรอบ
ง. เดินไปทางทศิ เหนือ 12 เมตร แล้วเลี้ยวไปทางทศิ ตะวนั ออก 16 เมตร
3. กิจกรรมในขอ้ ใดทีม่ ี “การกระจดั จะมคี ่าเท่ากบั ศนู ย์”
ก. หนดู แี ขง่ วิ่งกรีฑาครบรอบ 400 เมตร
ข. หนูดวี ิง่ รอบสวนสาธารณะหน่งึ รอบครึ่ง
ค. หนูดเี ดินขนึ้ สะพานลอยไปถึงฝ่ังตรงข้าม
ง. หนูดีเดินทางจากบ้านไปโรงเรยี นในแนวเส้นตรง
4. เด็กชายเก่ง ใสร่ องเท้าฟตุ บอลวิง่ รอบสนาม
คณุ พอ่ ใชผ้ ้ารองตเู้ ส้อื ผา้ แลว้ ดงึ ผ้าเพอ่ื ทาใหต้ ูเ้ คล่อื นที่
คุณแม่ ขบั รถยนตท์ เ่ี ปล่ียนยางเสน้ ใหม่ มดี อกลวดลายสวยงาม
การกระทาของบุคคลใดในข้อใดเปน็ การเพ่มิ แรงเสียดทาน
ก. คณุ พอ่ กับคณุ แม่ ข. คุณพอ่ กบั เด็กชายเก่ง
ค. คณุ แม่กับเด็กชายเก่ง ง. คณุ พอ่ คุณแม่ และเดก็ ชายเกง่
70
Science ว22101 ข้อสอบเรอื่ ง การเคลอ่ื นทแี่ ละแรง
หน่วยท่ี 4 ชอ่ื -สกุล ชัน้ ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแ่ี ละแรง
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ีใหถ้ กู ตอ้ ง
5. พจิ ารณาภาพตอ่ ไปนี้ แล้วตอบคาถาม ภาพใดเกดิ แรงคู่กริ ยิ า – ปฏิกิรยิ า
ก. ภาพ 1 เทา่ นน้ั เกิดแรงคกู่ ริ ยิ า – ปฏกิ ิริยา
ข. ภาพ 2 เทา่ นั้นเกิดแรงคกู่ ริ ิยา - ปฏิกิรยิ า
ค. ภาพ 1 และภาพ 2 เกดิ แรงค่กู ริ ยิ า - ปฏกิ ริ ิยา
ง. ภาพ 1 และภาพ 2 ไมเ่ กดิ แรงคกู่ ริ ิยา – ปฏกิ ิริยา
6. นักเรยี นคนหน่ึงออกแรงกระทาตอ่ วตั ถุ 10 นวิ ตัน ดังภาพ แต่วัตถไุ มเ่ คล่ือนท่ี ขอ้ ใดสรุปได้ถกู ต้อง
ที่สุด
ก. แรงเสียดทานจลน์มีคา่ 10 นวิ ตนั
ข. แรงเสียดทานจลนม์ ีค่าน้อยกว่า 10 นวิ ตัน
ค. แรงเสยี ดทานสถิตมีค่ามากกว่า 10 นิวตนั
ง. แรงเสียดทานสถติ มคี ่าน้อยกวา่ 10 นวิ ตัน
7. จากภาพ ขอ้ ใดกล่าวเก่ยี วกบั ความหนาแนน่ ของวัตถุและของเหลวไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
ก. วตั ถมุ คี วามหนาแน่นเทา่ กบั ของเหลว
ข. วตั ถุมีความหนาแน่นมากกว่าของเหลว
ค. วัตถุมีความหนาแน่นนอ้ ยกวา่ ของเหลว
ง. วัตถมุ คี วามหนาแน่นมากกว่าหรือนอ้ ยกว่าของเหลวกไ็ ด้
71
Science ว22101 ข้อสอบเรอื่ ง การเคลอื่ นทแ่ี ละแรง
หนว่ ยที่ 4 ชอ่ื -สกลุ ช้ัน ม.2/ เลขที่
การเคลอื่ นทแี่ ละแรง
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถกู ต้อง
8. ช่ังแทง่ เหลก็ ด้วยตาชงั่ สปริง เมอ่ื ช่ังในอากาศอ่านคา่ แรงไดเ้ ทา่ กับ 50 นวิ ตนั เมื่อชัง่ โดยหยอ่ นแท่ง
เหล็กลงในถงั นา้ อา่ นคา่ แรงได้เท่ากบั 40 นวิ ตัน โดยถือว่านาหนกั ของสปรงิ มคี า่ นอ้ ยมากไมต่ ้องนามา
คิด แรงพยงุ ท่ีน้าทาตอ่ แทง่ เหลก็ เท่ากบั กี่นวิ ตนั
ก. 10 ข. 20 ค. 30 ง. 40
9. แขวนวตั ถุกับคานเบายาว 10 เมตร ถา้ คานอยู่ในภาวะสมดลุ ระยะหา่ ง (X) ระหวา่ งจุดหมุน (F)
กับวตั ถุ 30 นิวตนั เทา่ กบั ก่เี มตร
ก. 2.50 ข. 3.75 ค. 5.00 ง. 6.25
10. ข้อใดถูกตอ้ งเก่ียวกบั ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า สนามโน้มถ่วง กับระยะทาง
จากแหล่งของสนาม เหมอื นหรอื ตา่ งกันอย่างไร
ก. ตา่ งกนั เพราะ ถ้าระยะทางจากแหลง่ ของสนามมากขึ้น ความเขม้ ของสนามน้ัน ๆ จะมคี ่าลดลง
ข. ตา่ งกัน เพราะถา้ ระยะทางจากแหล่งของสนามมากขน้ึ ความเขม้ ของสนามนนั้ ๆ จะมคี า่ เพ่ิมขน้ึ
ค. เหมือนกนั เพราะถ้าระยะทางจากแหลง่ ของสนามมากขึ้น ความเข้มของสนามนน้ั ๆ จะมคี ่าลดลง
ง. เหมอื นกัน เพราะถ้าระยะทางจากแหล่งของสนามมากขน้ึ ความเขม้ ของสนามนนั้ ๆจะมคี ่าเพ่ิมข้นึ
72