The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วินัยทางการเงิน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สํานักงาน ก.ค.ศ., 2023-10-11 00:30:05

วินัยทางการเงิน

วินัยทางการเงิน

รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 46 ห่วงที่ 2 คือ มีเหตุผล การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไป อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก การกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ ห่วงที่ 3 คือ มีภูมิคุ้มกัน การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง ด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งใกล้และไกล 2) ความรู้การตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ต้องอยู่บนฐาน เงื่อนไข 2 ประการ คือ เงื่อนไขที่ 1 ความรู้ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ เงื่อนไขที่ 2 คุณธรรม ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียรพยายาม ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต และรู้จักแบ่งปัน คือไม่โลภมาก นึกถึงคนอื่น 2. รู้ว่าเราจะนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้กับตัวเองหรือหน้าที่การงาน การจะสร้างคนทุกคนให้ขับเคลื่อนองค์การไปสู่ความสำเร็จได้ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ต้องสร้างแรงกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา อย่างค่อยเป็นค่อยไป จากสถานการณ์เหล่านี้ทำให้หลัก เศรษฐกิจพอเพียง ถูกนำมาปรับใช้กับการบริหารทรัพยากรบุคคล แต่ในความเป็นจริงหลักการทำงาน ตามแนวทาง 2 ห่วง ประกอบด้วยประมาณตน มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และ 2 เงื่อนไข คือ ความรู้ คุณธรรม ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่ต้องทำความเข้าใจเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมคนทำงาน ซึ่งมีปัจจัย สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมและทำงานมี 5 ประการได้แก่ 1. บุคลิกภาพ ที่ต้องรู้จักวางตน แสดงออกอย่างเหมาะสม มีความเกรงใจ ไม่เบียดเบียนคนอื่น หรือผู้อื่นและไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานการเข้าใจความแตกต่าง ของโลก ในความคิดที่หลากหลายตลอดจน คิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนก่อนแสดงออกทางกายหรือวาจา 2. การสื่อสารการสื่อสาร ต้องเป็นไปอย่างพอดี ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป และให้ความสำคัญ กับการสื่อสารโดยการพูดและการแสดงท่าทางอย่างเหมาะสมพร้อมกับวิเคราะห์ก่อนจะสื่อสารใดๆ ออกไปขณะเดียวกันในบางสถานการณ์เคร่งเครียดจะต้องหลีกเลี่ยงการสื่อสารโดยใช้อารมณ์ 3. การตัดสินใจ ต้องใช้หลักประสานความร่วมมือ ถนอมน้ำใจ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ขณะเดียวกันควรจะวางแผนเรื่องในอนาคต เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง 4. การทำงานเป็นทีม ควรเริ่มต้นทำความเข้าใจเป้าหมายของทีม แสดงบทบาทของตน อย่างเหมาะสมพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มความสามารถ และประเมินความสามารถเพื่อใช้ประโยชน์ จากจุดแข็งของแต่ละคนวางแผนจัดสรร ติดตาม อำนวยการ แลกเปลี่ยนข้อมูล เรียนรู้ร่วมกัน ให้เกิดความไว้ใจ 5. ภาวะผู้นำ ต้องมีความยุติธรรมในการดูแลลูกน้อง ปฏิบัติด้วยความเมตตา ประสาน ความแตกต่าง เพื่อทำให้ส่วนรวมพัฒนาตนเองสม่ำเสมอ ให้เป็นต้นแบบในการจัดความรู้อย่างมีระบบ ในองค์การ


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 47 3. รู้ว่าเราจะทำกิจกรรมอะไร โดยให้ผู้เข้าร่วมประชุมทำใบงาน การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ใน การดำเนินชีวิต โดยมีเงื่อนไข หลักการ และสมดุลพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงใน 4 มิติ การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ในการดำเนินชีวิตก็คือ แนวปฏิบัติตน ในการดำรงชีวิตตามแนววิถีไทยอยู่พอดี ไม่ฟุ่มเฟือยอย่างไร้ประโยชน์ ไม่ยึดวัตถุเป็นที่ตั้ง เดินสายกลาง อยู่กินตามฐานะ ใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิต เจริญเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจใหญ่ อย่าหวัง ความสำเร็จชั่วข้ามคืน กู้เงินมาลงทุนโดยหวังรวยอย่างรวดเร็วแล้วนำไปสู่ความล้มละลาย ตั้งอยู่บน หลักของ “ความรู้ รัก สามัคคี”ใช้สติปัญญาปกป้องตนเอง มีความรัก ความเมตตา ที่จะช่วยเหลือสังคม ให้รอดพ้นจากภัยคุกคาม และรวมพลังด้วยความสามัคคี ขจัดข้อขัดแย้งนำไปสู่ความประณีประนอม และช่วยกันรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม 4. สรุปผลการแบ่งกลุ่มประชุมกำหนดแนวทางการบริหารหนี้สิน และวิเคราะห์บัญชีครัวเรือน จำนวน 5 กลุ่ม โดยแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มละ 20 คน กรณีศึกษาวิเคราะห์บัญชีครัวเรือน ครอบครัว A หัวหน้าครอบครัวเป็นครู อายุ 52 ปี มีภรรยาเป็นครูด้วยกัน ลูก 2 คน อายุ 18 และ 12 ปี หนี้สิน ณ สิ้นปี 2565 สินทรัพย์สภาพคล่อง หนี้สินระยะสั้น เงินสด 8,500 บัตรเครดิต 205,000 เงินฝากธนาคาร 28,000 ผ่อนกล้องถ่ายรูป 54,000 สินทรัพย์ลงทุน หนี้สินระยะยาว ทองคำ 30,000 หนี้สินบ้าน 3,367,525 กบข 330,000 หนี้รถยนต์ CRV 839,500 ทุนเรือนหุ้นสหกรณ์ 300,000 หนี้รถยนต์ Fortuner 450,000 ประกันชีวิต 100,000 สินทรัพย์ใช่ส่วนตัว รวมหนี้สิน 4,916,025 บ้านเดี่ยว 4,000,000 รถยนต์ CRV 850,000 Fortuner 450,000 เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในบ้าน 250,000 ความมั่งคั่งสุทธิ 1,430,475 รวมสินทรัพย์ 6,346,500 รวมหนี้สิน ความมั่งคั่งสุทธิ 6,346,500


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 48 - บัตร ABC วงเงิน 150,000 ภาระหนี้ 85,000 บาท ผ่อนขั้นต่ำเดือนละ 6,000 บาท - บัตร BCD วงเงิน 75,000 ภาระหนี้ 50,000 บาท ผ่อนขั้นต่ำเดือนละ 3,500 บาท - บัตร DEF วงเงิน 200,000 ภาระหนี้ 70,000 บาท ผ่อนขั้นต่ำ เดือนละ 7,500 บาท - ผ่อนกล้องถ่ายรูป เหลือ 10 เดือนๆ ละ 5,4000 บาท - ผ่อนบ้าน อายุ 20 ปี ผ่อนเดือนละ 27,500 บาท ดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี ผ่อนมาได้ 5 ปีแล้ว - CRV อายุ 2 ปี ซื้อมาในราคา 1,300,000 บาท ดาวน์ 300,000 บาท ดอกเบี้ย 2.5 % สัญญาผ่อน 84 งวด ผ่อนเดือนละ 13,990 บาท - Fortuner ซื้อมือสอง เพิ่งซื้อมา ราคา 450,000 ดอกเบี้ย 6.5% สัญญาผ่อน 2 ปี ผ่อนเดือนละ 21,200 บาท รายจ่าย ณ สิ้นเดือน กรกฎาคม 2566 รายการ รายเดือน รายปี เงินเดือน 100,000 เงินปันผลสหกรณ์ 12,000 รายจ่ายผ่อนชำระ ผ่อนบัตร ABC 6,000 ผ่อนบัตร BCD 3,500 ผ่อนบัตร DEF 7,500 ผ่อนกล้องถ่ายรูป 5,400 ผ่อนบ้าน 27,000 ผ่อน CRV 13,990 ผ่อน Fortuner 21,200 เงินออม กบข 2,700 เบี้ยประกันชีวิต 25,000 ค่าใช้จ่าย อาหารในบ้าน 25,000 อาหารพิเศษ 5,000


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 49 เสื้อผ้า ทั้งครัวเรือน 60,000 น้ำ ไฟฟ้า 6000 ค่าโทรศัพท์ Internet 3,500 ค่าน้ำมันรถยนต์ 6,000 งานสังคม 4,000 ให้ลูกคนโต 8,000 ให้ลูกคนเล็ก 2,500 เงินได้สุทธิ โดยทั้ง 5 กลุ่ม จะวิเคราะห์บัญชีครัวเรือนตามใบงานข้างต้น ผู้เข้าร่วมประชุมได้ระดม ความคิดเห็นจากที่ได้รับความรู้จากวิทยากรในเรื่องการบริหารหนี้สิน สรุปรายละเอียดดังนี้ 1. จัดการรวมหนี้ทั้งหมดให้เป็นก้อนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการที่มีใบเรียกเก็บยอดเล็ก ๆ น้อยๆ หลายๆ ใบ ในแต่ละเดือน ทำให้เราต้องเสียค่าธรรมเนียมการชำระเงิน ตามแต่ละช่องทางจำนวน หลายครั้ง ซึ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นอีก ทั้งรวมหนี้ทั้งหมด ให้เป็นก้อนเดียวจะช่วยให้เราบริหาร จัดการหนี้ได้ง่ายกว่า 2. ชำระหนี้ก้อนที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน การชำระหนี้ก้อนที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน จะทำ ให้หลุดพ้นการเป็นหนี้ได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อเงินต้นเหล่านี้ลดลง ดอกเบี้ยที่จ่ายก็ลดลงและถ้าหากมีหนี้ นอกระบบร่วมด้วย ต้องรีบพยายามหาวิธีปิดหนี้นอกระบบนั้นให้หมดโดยเร็วเป็นอันดับแรก เพราะ ดอกเบี้ยสูงกว่าหนี้ประเภทอื่น 3. ชำระหนี้ให้ตรงเวลา ควรชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมการติดตามทวงถาม หากลืมชำระ หรือชำระล่าช้าซึ่งจะเกิดค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นนอกเหนือ จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของยอดหนี้ืที่จะต้องถูกเรียกเก็บอยู่แล้ว นอกจากนี้ถ้าจ่ายตรงตามกำหนด มีประวัติการจ่ายชำระดี อาจจะได้รับการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ จากเจ้าหนี้ได้ 4. ชำระหนี้ให้มากกว่ายอดเรียกเก็บเงินขั้นต่ำ ในแต่ละเดือนจะมีการเรียกเก็บเงินจาก เจ้าหนี้ต่าง ๆ ซึ่งเราจะต้องชำระหนี้อย่างน้อยที่สุดตามยอดเรียกเก็บขั้นต่ำ หากคำนวณแล้วพบว่า สามารถชำระหนี้ขั้นต่ำได้ครบทุกใบ และยังพอมีเงินเหลือควรนำเงินส่วนนั้นไปจ่ายชำระหนี้ให้มากกว่า ยอดเรียกเก็บขั้นต่ำเพราะเงินที่จ่ายชำระส่วนเพิ่มขึ้นนั้น จะทำให้ยอดเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยน้อยลง และหมดหนี้ไวขึ้น


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 50 5. รู้จักประหยัด และลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การรู้จักประหยัดและเลือกใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น จะทำให้เรามีเงินเหลือเพิ่มในกระเป๋าได้ และควรจะเลิกหรือลดการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย เช่น การซื้อเสื้อผ้าแพงๆ การกิน ดื่ม เที่ยว เป็นต้น 6. อย่าสร้างหนี้ก้อนใหม่ขึ้นมาอีก ถ้าหากหนี้ก้อนเดิมยังชำระไม่หมด และยังเป็นภาระอยู่ ก็อย่าสร้างหนี้ก้อนใหม่เพิ่มเติม นอกเสียจากว่าจะนำหนี้ก้อนใหม่มาจ่ายหนี้ก้อนเก่าให้หมด โดยหนี้ ก้อนใหม่จะต้องมีดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเท่านั้น 7. ถ้าชำระหนี้หมดแล้ว ให้เปลี่ยนมาเก็บเงิน ถ้าหากว่าเราใช้หนี้หมดแล้ว ควรนำเงิน ส่วนที่หักไว้ชำระหนี้ มาเปลี่ยนเป็นเงินเก็บแทนเพื่อเพิ่มความพร้อมทางการเงิน เผื่อในอนาคตจำเป็น ที่จะต้องใช้เงิน จะได้ไม่ต้องกลับไปสู่วังวนของการเป็นหนี้อีก 4. สรุปการจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย ประจำเดือน สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ถ่ายทอด สู่โรงเรียน และสังคมได้ สรุปรายละเอียดได้ดังนี้ 1) ผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างวินัยทางการเงินและการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร - หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนี้ 2 เงื่อนไข 1) ความรู้ มีความรู้เรื่องวินัยทางการเงินตามความรู้ที่กำหนด 2) คุณธรรม ต้องมีวินัยต่อตนเองในการลด ภาระหนี้หรือปลดหนี้สิน 3 หลักการ 1) พอประมาณ รู้จักสภาพความเป็นอยู่ของตัวเองมีหนี้ ที่เหมาะสมกับตนเอง 2) มีเหตุผล มีเหตุผลที่จำเป็นที่สุดในการเป็นหนี้ 3) มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี เป็นหนี้ที่สามารถสร้างมูลค่าได้ การเปลี่ยนแปลงและสมดุล 4 มิติ 1) วัตถุ 2) สังคม การอยู่ร่วมกันของคน 3) สิ่งแวดล้อม 4) วัฒนธรรม และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และไปถ่ายทอดแก่บุคคล ในครอบครัวเพื่อให้เกิดความตระหนักในการใช้จ่ายการเงินของตนเองและครอบครัว ตลอดจนความรู้ ในการทำบัญชีรับ - จ่าย ในชีวิตประจำวันเพื่อเป็นการออมที่ยั่งยืน - ดำเนินการปรับปรุงเรื่องวินัยทางการเงิน โดยนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ใน การวางแผนด้านการเงิน ประหยัด อดออม ลดค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ไม่ ใช้ของใช้ตามกระแสค่านิยม ใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่ซื้อของตามอารมณ์ และความต้องการของตนเอง มากเกินไป เน้นตามความจำเป็นให้มากที่สุด โดยจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายประจำเดือน วางแผน ปลดภาระหนี้ เก็บเงินออม เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยอยู่อย่างพอเพียง พอมี พอกิน ใช้ชีวิตอย่างมี ความสุข รอบรู้รอบคอบ ระมัดระวัง ซื่อสัตย์สุจริต ขยันอดทน สติปัญญา การแบ่งบัน - เริ่มทำบัญชีรายรับรายจ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อให้รู้ที่มาที่ไปของรายรับ รายจ่าย จะได้รู้ ต้นสายปลายเหตุของการเป็นหนี้ และเป็นการวางแผนการใช้เงินในอนาคตต่อไป รายจ่ายไหนที่ไม่จำเป็น จะต้องพยายามลดหรือตัดออกไป นำไปจัดการวางเป้าหมายทางการเงินของตนเองกำหนดกรอบการใช้เงิน รู้จัดทำบันทึกการใช้เงิน นำข้อคิดเกี่ยวกับการใช้เงินไปใช้กับตัวเอง นำความรู้ที่ได้เพื่อไปแก้ปัญหาด้านหนี้สิน ของตนเอง นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับการเงินของตนเองในการแก้ปัญหาหนี้สิน การใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน และสามารถนำไปใช้ในการปรับลดหนี้ การประหยัด การตัดสิ่ง ไม่จำเป็นในชีวิตทิ้ง เพื่อคุณภาพชีวิต


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 51 -สามารถนำไปเป็นแนวทางในการวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัด โดยการนำหลักและเงื่อนไข ไปปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย เช่น วางแผนการใช้เงินรายปี/รายเดือน โดยการสำรวจ ภาวะทางการเงินการใช้ในแต่ละเดือน และตั้งเป้าหมายการเก็บออม นำไปสู่การแก้ไขภาระหนี้ของตัวเอง ทำให้เราดำเนินชีวิตอย่างพอดี และมีความสุขได้ - นำความรู้ที่ได้มาสร้างวินัยในการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน ทำให้มองเห็นภาพรวมของ สถานการณ์การเงินได้ชัดเจนขึ้น และสามารถบริหารจัดการ รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่ โดยใช้แนวทางที่ได้ จากการอบรม ทั้งการสร้างวินัย การบริหารการเงินและการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ โดยไม่เบียดเบียนตนเอง - นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่ พอดี พอกิน และการรักษาวินัยทางการเงิน บริหารจัดการ ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิต บริหารจัดการหนี้สินเป็นราย โดยบริหารหนี้เสี่ยงที่เป็นอยู่ บริหารจัดการทรัพย์สิน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกมีเงินเหลือ มีเงินออมในอนาคตด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ลงทุนเกินขนาด ลดและวางแผนอย่างรอบคอบ มีภูมิคุ้มกัน ไม่เสี่ยงเกินไป ทำบัญชีรายรับ -รายจ่าย เพื่อที่จะจัดการการใช้จ่ายเงินได้อย่างเป็นระบบ ด้านจิตใจ มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวและสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้จริง - นำความรู้ในด้านการวางแผนการใช้หนี้ การคำนวณอัตราดอกเบี้ยของหนี้สินและระยะเวลา การใช้หนี้ การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยการลดรายจ่าย มีความอดทน และใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต และนำไปใช้ในการวางแผนการชำระหนี้ การปลดหนี้ การออม เพื่ออนาคต และการไม่สร้างหนี้เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบครัวพออยู่ พอกิน ดำรงชีวิตอย่างมีความสุข - สามารถนำไปใช้ในการวางแผนปลดหนี้บางส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยจะทำบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อประเมินสถานะทางการเงินของตนและทำบัญชี รายรับ - รายจ่าย เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายให้เพียงพอในแต่ละเดือน ยึดหลักพออยู่พอกินพอใช้ ประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีพ - การนำความรู้มาใช้ในการวางแผนทางด้านการใช้จ่ายเงินของตนเองและครอบครัว เพื่อให้ ครอบครัวมีเงินเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายการวางแผนการออม สร้างความงอกเงยทางด้านการเงิน ให้ชีวิต มีความร่ำรวย มั่งคั่ง อย่างมีความสุข - สามารถนำมาบริหารจัดการหนี้สินในครัวเรือน วางแผนการใช้จ่ายและการออมเงินได้ อย่างเป็นระบบ มีวินัยในการใช้จ่ายเงิน มีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือน มีการสร้างรายได้ เพิ่มเติมในครอบครัว และมีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต -สามารถวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การเก็บออม เงินฉุกเฉิน การออมเพื่อการเกษียณ การลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้ การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การมีวินัยทางการเงินทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้จะสำเร็จ ปรับกับตนเองแล้วสามารถนำไปปรับใช้กับครอบครัว และเพื่อญาติได้


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 52 - สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนชีวิตตนเอง โดยเฉพาะด้านการเงินมีความเข้าใจวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเองดีขึ้น เริ่มฝึกจดบันทึกรายรับ - รายจ่ายประจำวัน ทำบัญชีครัวเรือน คำนวณงบประมาณครอบครัวให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้ พยายามเก็บออมประหยัด ใช้สติในการตัดสินใจลงทุน ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดไม่ตกเป็นทาสการตลาดของบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดต่าง ๆ ตลอดจนชี้แจง พูดคุยกับสมาชิกทุกคนในครอบครัวให้ร่วมมือกันดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง - สามารถประยุกต์ใช้กับตัวเองโดยการเริ่มกำหนดกรอบการเงินของตัวเอง เพื่อให้รู้ทิศทางการดำเนินชีวิต ต่อจากนี้ไปว่าควรลดรอยรั่วตรงไหน ควรตัดอะไรที่ไม่จำเป็นในชีวิต และตัดใจสละแมวน้ำที่ไม่จำเป็น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายหาลู่ทางเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และพยายามหาทางปิดหนี้ที่มีระยะเวลา ผ่อนชำระนานๆ ให้หมดเร็วที่สุด ที่สำคัญได้ปรับความคิดของตนเอง และเริ่มต้นวางแผนการจัดการหนี้สิน หลังจากจบการอบรม -สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ โดยการมีความพอประมาณ รู้จักเหตุผล และสร้างภูมิคุ้มกัน การใช้จ่ายไม่เกินตัว ต้องคิดอย่างรอบคอบ เพิ่มรายได้ลดรายจ่าย เพื่อให้มีเงินเก็บ ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ งดใช้ ของที่ไม่จำเป็น จดบันทึกรายรับรายจ่าย เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน “การจดบันทึก” เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารเงิน บริหารหนี้ การปลดหนี้ทำอย่างไร ทำให้นำความรู้ไปเปลี่ยนชีวิต และนำชีวิตให้มั่นคงกลับไปสำรวจ สิ่งของในบ้านสิ่งไหนที่จำเป็นต้องใช้สิ่งไหนเป็นต้องการ และเพิ่มการออมโดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน - สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้กับตัวเอง โดยนำหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการดำรงชีวิตเบื้องต้น เช่น มีการกำหนดเป้าหมาย สำรวจตัวเอง จัดทำแผนการเงิน ปฏิบัติตามแผนที่วางแผนไว้ ทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอ ให้มีความเหมาะสม ต่อการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขตามกำลัง โดยคำนึงถึงความสมดุลต่อตนเอง สังคม สิ่งแวดล้อม ให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน 2) ผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างวินัยทางการเงินและการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาถ่ายทอดสู่โรงเรียน และสังคมได้อย่างไร - หลังจากการได้รับความรู้ในการอบรมฯ ในครั้งนี้ซึ่งได้หลักการและวิธีการเสริมสร้างวินัย ทางการเงินได้เป็นอย่างดียิ่ง ควรนำไปถ่ายทอดความรู้ให้บุคคลอื่นๆ เป็นอย่างมาก เช่น เผยแพร่ ระดับโรงเรียนผ่านทางการประชุมประจำเดือน PLC และสื่อสารทางไลน์ระดับศูนย์พัฒนาวิชาการ (กลุ่มโรงเรียน) ในโอการประชุมสัมมนาต่างๆ และกลุ่มไลน์ของศูนย์พัฒนาวิชาการ และระดับทั่วไป ประชาสัมพันธ์ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ - นำทฤษฎีและความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ให้สอดคล้องกับหลักสูตร สถานศึกษาและปรับประยุกต์บูรณาการให้สอดคล้องกับการเรียนการสอน ตลอดจนนำภูมิปัญญาท้องถิ่น มาบูรณาการร่วมกับหลักสูตรท้องถิ่นโรงเรียน และให้ความรู้การเสริมสร้างวินัยทางการเงินนำไปกำหนด เป็นนโยบาย และแผนปฏิบัติการประจำปีขับเคลื่อนสู่ห้องเรียนและโรงเรียน โดยจัดทำเป็นแผนงาน โครงการที่เน้นการปฏิบัติจริงส่งเสริมสนับสนุนให้ครูจัดการเรียนการสอน ถ่ายทอดวิธีการขั้นตอนการสำรวจ รายรับ - รายจ่าย โดยสอดแทรกแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ลงในแผนการจัดการเรียนรู้ เป้าหมายลงสู่ผู้เรียน


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 53 - นำองค์ความรู้ เทคนิค วิธีการที่ได้รับมาประชุมถ่ายทอดแก่คณะครู นำความรู้เข้าสู่หลักสูตร การเรียนการสอนสำหรับนักเรียน โดยเฉพาะมาตรฐาน ส.3.1 -ส.3.2 เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี ความต้องการจำเป็นและสาระการเรียนรู้อื่นๆ ที่นักเรียนในแต่ละระดับควรรู้และจัดกลุ่มนักเรียนแกนนำ และครูแกนนำ ฝึกการจัดทำบัญชีขยายผลทั้งโรงเรียนและเครือข่าย ขยายผลสู่ผู้บริหารโรงเรียน คุณครูและนักเรียน เพื่อให้บุคลากรทุกคน รู้จัดความพอประมาณ และมีวินัยทางการเงิน - ด้านโรงเรียนนำมาใช้ในการบริหารสถานศึกษาในด้านต่างๆ การจัดการเรียนรู้โดยสอดแทรก สาระเศรษฐกิจพอเพียงในหลักสูตร และสาระการเรียนรู้ในห้องเรียน นำหลักวินัยทางการเงิน ถ่ายทอดให้คณะครู ได้สร้างความตระหนัก รับรู้ และเป็นแนวทางในการวางแผนชีวิตด้านการเงิน โดยใช้รูปแบบพอเพียงเป็นแนวทาง ในการบริหารจัดการหนี้ และการออม ประยุกต์หลักเศรษฐกิจพอเพียง ในการจัดกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน นอกห้องเรียนโดยมีครูเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านสังคม นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ในสังคมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ มีพื้นฐานอยู่บนทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวโดยใช้ความรู้ และคุณธรรม - นำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปถ่ายทอดให้เพื่อนร่วมงานที่โรงเรียน ให้คำแนะนำวิธีการใช้จ่าย การเลือกวิธีการบริหารจัดการรายรับ -รายจ่าย เพื่อให้มีหนี้สินน้อยลง หรือไม่มีหนี้สินเลย และวิธีการออมเงิน แบบไหนที่จะทำให้ได้รับดอกเบี้ยมากขึ้น และมีเงินเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ โดยไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกในยุคปัจจุบัน - นำความรู้สู่ครอบครัวตัวเองสร้างความร่วมมือกับสมาชิกในครอบครัวพยายามทำจนสู่ความสำเร็จ สามารถเป็นตัวอย่างเชิงประจักษ์แก่ผู้อื่นให้เห็นถึงผลสำเร็จ สร้างความเชื่อถือได้ของแนวทางการปฏิบัติ ตามหลักการที่ได้เรียนรู้ นำความรู้และแนวทางการดำเนินการถ่ายทอดสู่ครูภายในโรงเรียน โดยการหา โอกาสจัดกิจกรรมสู่คุณครู ภายในโรงเรียนประยุกต์ ใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนในชั้นเรียน -สามารถนำมาถ่ายทอดที่โรงเรียนและสังคมได้ โดยเริ่มที่ตัวเราก่อน (ต้นแบบ) ถ่ายทอดสู่นักเรียน โดยการจัดสู่การเรียนการสอนในชั้นเรียน หรือจะเป็นคาบ Homeroom กิจกรรมหรือรายวิชา พร้อมเสริม ตลอดจนถ่ายทอดสู่ชุมชน จากนักเรียนไปที่ผู้ปกครองหรือสอดแทรกในกิจกรรมเยี่ยมบ้านหรือกิจกรรม ประชุมผู้ปกครอง - สามารถนำไปบูรณาการกับกลุ่มสาระต่างๆ และฝึกให้นักเรียนรู้การมีวินัยในการใช้จ่าย ประหยัด อดออม การพึ่งตนเองในการผลิตและการสร้างรายได้ อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมการปฏิบัติ ตามคำสอนของศาสนา และการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้เป็นอย่างดี - นำไปถ่ายทอดให้เพื่อนครูรู้จักวางแผนจัดการหนี้ให้หมดไปก่อนเป็นอันดับแรก โดยใช้โปรแกรม EZ Calculatorคำนวณเพื่อจ่ายหนี้ให้หมดโดยเร็ว แนะนำเพื่อนครูให้รู้จัดการรีไฟแนนซ์บ้าน ให้ครูรู้จัก ออมก่อนใช้ รับเงินเดือนมาหักออมก่อน 10% และ 5% ลงทุนความรู้ให้ตัวเอง อีก 85% ค่าใช้จ่าย จำเป็นต่างๆ


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 54 - นำความรู้ ทักษะต่างๆ ที่ได้รับจากการอบรมไปถ่ายทอดให้กับเพื่อนครู ผู้ร่วมงาน ตลอดจน ผู้เรียนให้ตระหนักถึงความสำคัญในการฝึกฝน และมีวินัยทางการเงิน โดยภาพรวมของโรงเรียน สอดแทรกในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมพิเศษ สอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง บูรณาการหลักสูตรของสถานศึกษา ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ นอกจากนี้จะเผยแพร่ความรู้ในชุมชน ให้สามารถดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาชีวิตและฐานะความเป็นอยู่ ของคนในชุมชนต่อไป - นำวิธีการหลักการที่ได้รับจากการอบรมมาถ่ายทอดให้กับครูในโรงเรียน และให้ผู้ที่สนใจเข้ามาดู เป็นตัวอย่างและแนะนำช่องทางรวมถึง Application ในการช่วยทำบัญชีรายรับ –จ่ายและการวางแผนการใช้จ่าย เพื่อนำดอกเบี้ยเหล่านั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างอื่นแทน เช่น ดูแลบุพการี สร้างอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ 3) ข้อเสนอแนะอื่นๆ -ควรจัดอบรมวินัยทางการเงินให้กับบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดไม่ใช่เฉพาะผู้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนฯ เพราะมีบุคลากรอีกจำนวนมากที่มีปัญหาทางการเงิน โดยเฉพาะการอบรมให้ข้าราชการครูที่บรรจุใหม่ - ควรนำหลักสูตรเข้าสู่การเรียนการสอนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้นักเรียนเข้าใจและนำไปปรับ ใช้ได้จริง และควรมีการจัดอบรมทุกปี เพื่อให้ผู้กู้ได้ตระหนักถึงการเป็นหนี้ การจัดระบบการเงิน การวางแผนค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มความรู้ทางด้านการลงทุนในกองทุนรวม หุ้น การรับเงินปันผล การเสีย ภาษีเงินปันผล การขอคืนเงินภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การเลือกลงทุนในหุ้น ปัจจัยความเสี่ยง และให้ความรู้ในกิจกรรมการจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย เพื่อวางแผนการออมและการลงทุนระยะยาวในอนาคต สรุปผลการจาการประชุมทั้ง 3 ครั้งนี้ ผู้เข้ารับการประชุมได้รับความรู้และมีความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักการนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ที่คาดหวังว่าผู้เรียนทุกช่วงวัยจะได้รับ การพัฒนาในทุกมิติ เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ และมีความพร้อมร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนา ประเทศสู่ความมั่นคง และยั่งยืน พร้อมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนในการเร่งรัดการดำเนินการแก้ไข ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ ควบคู่กับการให้ความรู้ด้านการวางแผน และการสร้างวินัยด้านการเงินและการออม ได้เรียนรู้หลักการวางแผนทางด้านการเงิน การวางแผน การใช้จ่ายเงิน การลงทุน การหารายได้จากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งเรียนรู้หลักการจัดทำ บัญชีรายรับ - รายจ่ายประจำเดือนรายบุคคล เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการใช้จ่ายตามความจำเป็น พอเหมาะกับรายรับ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือฟุ้งเฟ้อ และดำเนินชีวิต ตามทางสายกลาง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จะส่งผลให้ผู้เข้าร่วมประชุมเกิดความตระหนัก ในการใช้ชีวิตและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข พร้อมทั้งผู้เข้าร่วมประชุมยังสามารถนำองค์ ความรู้ เทคนิค วิธีการที่ได้รับมาจากการประชุมถ่ายทอดแก่เพื่อนร่วมงาน ครู นักเรียน สถานศึกษา รวมถึงคนในชุมชนได้อีกด้วย


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 55 สรุปการจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย ประจำเดือน ผู้เข้าร่วมการประชุมโครงการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมาณ 2566 ผู้เข้าร่วมการประชุมต้องจัดทำบัญชี รายรับ –รายจ่าย ประจำเดือน อย่างน้อยร้อยละ 10 ของผู้เข้าร่วมการประชุมโครงการฯโดยจัดทำบัญชี รายรับ –รายจ่าย ประจำเดือน รวม 3 เดือน (มิ.ย. 66 -ส.ค. 66) ผ่านทาง Google Forms ตามแบบฟอร์ม สมุดเงินออมของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการประชุมโครงการฯ จัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย ตามรายชื่อดังนี้ ลำดับ ชื่อ -สุกล โรงเรียน สังกัด 1. นางสาวจริญญา ทองคร่ำ วันอาสาพัฒนา 2520 สพป.นครราชสีมา เขต 4 2. นางสาวนิตยา มาลีวรรณ์ เมืองยาง "คุรุราษฎร์อุทิศ" สพป.นครราชสีมา เขต 7 3. นางสาวลฎาภา บุญยรัตน์ บ้านทองหลาง สพป.บุรีรัมย์เขต 4 4. นางหัชฆภรณ์ กาวไธสง วัดสระจันทร์ สพป.บุรีรัมย์เขต 4 5. นางสาวกิ่งกนก ศิริจันทะพันธ์ บ้านโนนสังข์ศรี สพป.มุกดาหาร 6. นายเกรียงศักดิ์ คำภักดี หัวนางามวิทยา สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 7. นางสาวศิรินธร พิมพ์ดี ร่องคำวิทยานุกูล สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 8. นางสาวเจนจิรา เจตินัย บ้านโนนแกด สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 9. นายปิยะ ไตรยงค์ บ้านโต่งโต้น สพป.ศรีสะเกษ เขต 2 10. นางเนาวรัตน์ ไตรยงค์ บ้านแต้(ประชาบำรุง) สพป.ศรีสะเกษ เขต 2 11. นายศรณ์ณิวิชญ์ ศรวิมล สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 12. นายไพโรจน์ คุณภาที แสงทองสมบูรณ์วิทยา สพป.สุรินทร์เขต 3 13. นางสาวจิราพร แก้วดี บ้านนาสีนวน สพป.อำนาจเจริญ 14. นางสาวณัฐฐ์ธวาฐ์ แสงเขียว มูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม สพป.อุบลราชธานีเขต 1 15. นายจีรศักดิ์ ภาระเวช บ้านคำสมิง สพป.อุบลราชธานีเขต 2 16. นางธัญรัตน์ ลีลา บ้านขุมคำดงตาหวาน สพป.อุบลราชธานีเขต 2 17. นายประชา คำวรรณ ชุมชนบ้านขามป้อม สพป.อุบลราชธานีเขต 2 18. นายนัฐพงษ์ จรทะผา บ้านคำบาก สพป.อุบลราชธานีเขต 5 19. นายจักรพงษ์ สุรศิลป์ ยโสธรพิทยาคม สพม. ศรีสะเกษ ยโสธร 20. นางสาวณัฎฐณิชา โพธิ์งาม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ สพม. ศรีสะเกษ ยโสธร 21. นางสาวพจมาพร คะเลรัมย์ บัวหลวงวิทยาคม สพม.บุรีรัมย์ 22. นางสาววิภาวี บุบพาพันธ์ บัวหลวงวิทยาคม สพม.บุรีรัมย์ 23. นางธัญณ์ญสิตา ธนโชติเดชากาญจน์ ขุขันธ์ สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 56 ลำดับ ชื่อ -สุกล โรงเรียน สังกัด 24. นายชินาวุฒิ สองสี สพม. ศรีสะเกษ ยโสธร สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร 25. นางนุชนาถ สว่างภพ ขุขันธ์ สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร 26. นายพิทักษ์พงษ์ นามวงษ์ กันทรลักษ์วิทยา สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร 27. นางนันทนา วรรณคำ โขงเจียมวิทยาคม สพม.อุบลราชธานีอำนาจเจริญ 28. นางสาวยุพิน คำบุญมา วารินชำราบ สพม.อุบลราชธานีอำนาจเจริญ 29. นางสาววินิจดา ปรัสเพ็ชร สำโรงวิทยาคาร สพม.อุบลราชธานีอำนาจเจริญ 30. นางสาวโสรัจจิ ปทุมทอง นาเยียศึกษารัชมังคลาภิเษก สพม.อุบลราชธานีอำนาจเจริญ หมายเหตุ : บัญชีรายรับ - รายจ่าย ประจำเดือนรายบุคคล โดยธนาคารแห่งประเทศไทย รายละเอียดตาม ภาคผนวก ก จากการจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย สรุปได้ว่าการจัดทำบัญชีเงินออมครัวเรือน บันทึกรายรับและรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ โดยแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจนเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยตรวจสอบ พฤติกรรมการใช้จ่ายของครอบครัวว่า มีการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ตามความจำเป็นพอเหมาะกับรายรับ ของครอบครัวหรือไม่ หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือฟุ้งเฟ้อ เกินตน รวมทั้งมุ่งมั่นสะสมเงินออมตามเป้าหมายของตน จะสามารถสร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคง เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีสำหรับชีวิตในอนาคตเกิดความพอเพียงในวิธีปฏิบัติอย่างแท้จริง


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 57 ส่วนที่ 3 สรุปผลการทดสอบความรู้และแบบสอบถามความคิดเห็น 1. วิธีการดำเนินการ 1.1 ประชากร การสอบถามความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทาง การเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงครั้งนี้ใช้ประชากรทั้งหมด จำนวน 280 คน (ครั้งที่ 1 จำนวน 97 คน ครั้งที่ 2 จำนวน 97 คน และครั้งที่ 3 จำนวน 86 คน) 1.2 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 1) แบบทดสอบความรู้ เป็นข้อคำถามเพื่อวัดความรู้ของผู้เข้าร่วมการประชุมก่อน และหลังการประชุมมีลักษณะเป็นแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน 2) แบบสอบถามความคิดเห็นการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงิน และรณรงค์การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แบ่งเป็น 2 ส่วน ลักษณะข้อคำถาม แบบปลายปิด วัดค่าคะแนนตามแบบมาตรวัดของลิเคิร์ท (Likert Scale) 5 ระดับ จำนวน 29 ข้อ และความคิดเห็นเพิ่มเติม/ข้อเสนอแนะ ลักษณะข้อคำถามเป็นแบบปลายเปิด จำนวน 3 ข้อ 1.3 การรวบรวมข้อมูล ดำเนินการส่งแบบทดสอบทางออนไลน์ให้กับผู้เข้าร่วมประชุมก่อนและหลังการบรรยาย และแบบสอบถามความคิดให้ในวันสุดท้ายของการประชุม 1.4 การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้โปรแกรม SPSS for window หาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าต่ำสุด (Minimum) ค่าสูงสุด (Maximum)ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าคะแนนเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) 1.5 เกณฑ์การให้คะแนนระดับความคิดเห็น มากที่สุด ให้คะแนน 5 คะแนน มาก ให้คะแนน 4 คะแนน ปานกลาง ให้คะแนน 3 คะแนน น้อย ให้คะแนน 2 คะแนน น้อยที่สุด ให้คะแนน 1 คะแนน


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 58 โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนเฉลี่ยตามแบบของลิเคิร์ท (Likert Scale) 5 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับ มีเกณฑ์การให้คะแนนและการแปลความหมายเพื่อจัดระดับคะแนนเฉลี่ยในช่วงคะแนน ดังนี้ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.21 - 5.00 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.41 - 4.20 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.61 - 3.40 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.81 - 2.60 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.00 - 1.80 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด 2. การวิเคราะห์ข้อมูล 2.1 ผลการวัดความรู้และการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการประชุม ครั้งที่ 1 1) ผลการวัดความรู้ การประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 1 จังหวัดบุรีรัมย์มีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 97คน ได้ทำแบบทดสอบทางออนไลน์ จำนวน 97 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รายละเอียดดังตาราง 1 - 4 ตาราง 1 ผลสัมฤทธิ์การวัดความรู้ของผู้เข้าร่วมการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์เรื่อง ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดย นายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 97) การทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนต่ำสุด คะแนนสูงสุด คะแนนเฉลี่ย 1. ก่อนการประชุม 20 4 19 11.65 2. หลังการประชุม 20 16 20 16.92 จากตาราง 1 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบ จำนวน 97คน พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุม มีคะแนนหลังการประชุมเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการประชุม 11.65 คะแนน และค่าเฉลี่ย ของคะแนนหลังการประชุม 16.92 คะแนน ตาราง 2 ผลคะแนนหลังการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดย นายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 97) คะแนนเต็ม คะแนน หลังการประชุม คิดเป็นร้อยละ ของคะแนนเต็ม จำนวน (คน) คิดเป็นร้อยละ ของผู้เข้าร่วมประชุม 20 16 80.00 57 58.76 20 17 85.00 14 14.43 20 18 90.00 10 10.31 20 19 95.00 9 9.28 20 20 100.00 7 7.22 รวมทั้งสิ้น 97 100.00


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 59 จากตาราง 2 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบหลังการประชุม จำนวน 97 คน พบว่า คะแนนสูงสุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ มีคะแนนหลังการประชุม 20 คะแนน หรือคิด เป็นร้อยละ 100 ของคะแนนเต็ม จำนวน 7 คน รองลงมาคือ มีคะแนนหลังการประชุม 19 คะแนน หรือคิด เป็นร้อยละ 95 ของคะแนนเต็ม จำนวน 9 คน มีคะแนนหลังการประชุม 18 คะแนน หรือคิดเป็นร้อย ละ 90 ของคะแนนเต็ม จำนวน 10 คน มีคะแนนหลังการประชุม 17 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 85 ของคะแนนเต็ม จำนวน 14 คน และมีคะแนนหลังการประชุม 16 คะแนน หรือคิดเป็ น ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม จำนวน 57 คน ตาราง 3 ผลสัมฤทธิ์การวัดความรู้ของผู้เข้าร่วมการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยพระครูสุธีคัมภีรญาณ วิ. (N = 97) การทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนต่ำสุด คะแนนสูงสุด คะแนนเฉลี่ย 1.ก่อนการประชุม 20 4 19 11.65 2.หลังการประชุม 20 16 20 17.63 จากตาราง 3 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบ จำนวน 97คน พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุม มีคะแนนหลังการประชุมเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการประชุม 11.65 คะแนน และค่าเฉลี่ย ของคะแนนหลังการประชุม 17.63 คะแนน ตาราง 4ผลคะแนนหลังการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์เรื่อง การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยพระครูสุธีคัมภีรญาณ วิ. (N = 97) คะแนนเต็ม คะแนน หลังการประชุม คิดเป็นร้อยละ ของคะแนนเต็ม จำนวน (คน) คิดเป็นร้อยละ ของผู้เข้าร่วมประชุม 20 16 80.00 34 35.05 20 17 85.00 12 12.37 20 18 90.00 20 20.62 20 19 95.00 18 18.56 20 20 100.00 13 13.40 รวมทั้งสิ้น 97 100.00 จากตาราง 2 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบหลังการประชุม จำนวน 97 คน พบว่า คะแนนสูงสุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ มีคะแนนหลังการประชุม 20 คะแนน หรือคิด เป็นร้อยละ 100 ของคะแนนเต็ม จำนวน 13 คน รองลงมาคือ มีคะแนนหลังการประชุม 19 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 95 ของคะแนนเต็ม จำนวน 18 คน มีคะแนนหลังการประชุม 18 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของคะแนนเต็ม จำนวน 20 คน มีคะแนนหลังการประชุม 17 คะแนน หรือคิด เป็นร้อยละ 85 ของคะแนนเต็ม จำนวน 12 คน และมีคะแนนหลังการประชุม 16คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม จำนวน 34 คน


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 60 มากทสีุ่ด มาก ปานกลาง นอ้ย นอ้ยทสีุ่ด ร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1. ดา้นเนอื้หา ความรู้ความเข้าใจเกยี่วกบัการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนสี้นิ) 1.1 มคีวามน่าสนใจ 8 1 1 5 1 0 0 4.82 0.41 96.49 มากทสีุ่ด (83.51) (15.46) (1.03) (0.00) (0.00) 1.2 มปีระโยชน์ 8 3 1 3 1 0 0 4.85 0.39 96.91 มากทสีุ่ด (85.57) (13.40) (1.03) (0.00) (0.00) 1.3 สามารถน าไปบริหารการเงนิของตนเองได้ 7 0 2 2 4 1 0 4.66 0.61 93.20 มากทสีุ่ด (72.16) (22.68) (4.12) (1.03) (0.00) รวม 4.78 0.47 95.53 มากทสี่ดุ รายการ ระดบัความคดิเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดับ มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ย นอ้ยที่สุด ร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นวิทยากร อาจารย์กติพิัฒน์แสนทวีสขุ 2.1 มคีวามรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องทบี่รรยาย 8 9 8 0 0 0 4.92 0.28 98.35 มากทสีุ่ด (91.75) (8.25) (0.00) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาไดช้ัดเจน 8 6 1 1 0 0 0 4.89 0.32 97.73 มากทสีุ่ด (88.66) (11.34) (0.00) (0.00) (0.00) 2.3 เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมสี่วนร่วมในการซักถาม 7 7 1 8 2 0 0 4.77 0.47 95.46 มากทสีุ่ด และแสดงความคดิเห็น (79.38) (18.56) (2.06) (0.00) (0.00) 2.4 สรุปและตอบข้อซักถามไดช้ัดเจน 7 8 1 8 1 0 0 4.79 0.43 95.88 มากทสีุ่ด (80.41) (18.56) (1.03) (0.00) (0.00) 2.5 มคีวามเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม 9 1 5 1 0 0 4.93 0.30 98.56 มากทสีุ่ด (93.81) (5.15) (1.03) (0.00) (0.00) รวม 4.86 0.36 97.20 มากทสี่ดุ รายการ ระดบัความคดิเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดับ 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจ การประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 1 จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 97 คน ได้ทำแบบทดสอบทางออนไลน์ จำนวน 97 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รายละเอียดดังตาราง 5 - 10 ตาราง 5 จำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการบรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดยนายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 97)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 61 มากทสีุ่ด มาก ปานกลาง นอ้ย นอ้ยทสีุ่ด ร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1.1 มคีวามน่าสนใจ 7 4 2 3 0 0 0 4.76 0.43 95.26 มากทสีุ่ด (76.29) (23.71) (0.00) (0.00) (0.00) 1.2 มปีระโยชน์ 7 6 1 7 4 0 0 4.74 0.53 94.85 มากทสีุ่ด (78.35) (17.53) (4.12) (0.00) (0.00) 1.3 สามารถน าไปบริหารการเงนิของตนเองได้ 6 9 2 3 5 0 0 4.66 0.58 93.20 มากทสีุ่ด (71.13) (23.71) (5.15) (0.00) (0.00) รวม 4.72 0.51 94.43 มากทสี่ดุ 1. ดา้นเนอื้หา การดา เนินชีวิตตามหลกัปรัชญาของเศรษฐกจิพอเพียง รายการ ระดบัความคดิเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดับ จากตาราง 5 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นในการบรรยายความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) ดังนี้ 1. ด้านเนื้อหาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.78 คิดเป็นร้อยละ 95.53 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า มีประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.85 คิดเป็นร้อยละ 96.91 รองลงมา คือ มีความน่าสนใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.85 คิดเป็นร้อยละ 96.91 และสามารถนำไปบริหารการเงินของตนเองได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.66 คิดเป็นร้อยละ 93.20 2. ด้านวิทยากรโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.86 คิดเป็นร้อยละ 97.20 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า วิทยากรมีความเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม อยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.93 คิดเป็นร้อยละ 98.56 รองลงมาคือมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่บรรยาย อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.92คิดเป็นร้อยละ 98.35 สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.89คิดเป็นร้อยละ 97.73 สรุปและตอบข้อซักถามได้ชัดเจน อยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.79คิดเป็นร้อยละ 95.88 และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมีส่วนร่วมในการซักถาม และแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.77 คิดเป็นร้อยละ 95.46 ตาราง 6 จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการบรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง โดยพระครูสุธีคัมภีรญาณ วิ. (N = 97)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 62 มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ย นอ้ยที่สุด ร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นวิทยากร พระครูสธุคีมัภีรญาณ วิ. 2.1 มคีวามรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องทบี่รรยาย 7 5 2 0 2 0 0 4.75 0.48 95.05 มากทสีุ่ด (77.32) (20.62) (2.06) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาไดช้ัดเจน 6 9 2 8 0 0 0 4.71 0.46 94.23 มากทสีุ่ด (71.13) (28.87) (0.00) (0.00) (0.00) 2.3 เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมสี่วนร่วมในการซักถาม 7 1 2 4 2 0 0 4.71 0.50 94.23 มากทสีุ่ด และแสดงความคดิเห็น (73.20) (24.74) (2.06) (0.00) (0.00) 2.4 สรุปและตอบข้อซักถามไดช้ัดเจน 5 6 3 9 2 0 0 4.56 0.54 91.13 มากทสีุ่ด (57.73) (40.21) (2.06) (0.00) (0.00) 2.5 มคีวามเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม 7 1 2 2 4 0 0 4.69 0.55 93.81 มากทสีุ่ด (73.20) (22.68) (4.12) (0.00) (0.00) รวม 4.68 0.50 93.69 มากทสี่ดุ รายการ ระดบัความคดิเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดับ ตาราง 6(ต่อ) จากตาราง 6 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นในการบรรยายการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยพระครูสุธีคัมภีรญาณ วิ. ดังนี้ 1. ด้านเนื้อหาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.72คิดเป็นร้อยละ 94.43 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า มีความน่าสนใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.76คิดเป็นร้อยละ 95.26 รองลงมา คือ มีประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.74 คิดเป็นร้อยละ 94.85 และสามารถนำไปบริหารการเงินของตนเองได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.66 คิดเป็นร้อยละ 93.20 2. ด้านวิทยากรโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.68คิดเป็นร้อยละ 93.69 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่บรรยาย อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.75 คิดเป็นร้อยละ 95.05 รองลงมา คือ สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.71 คิดเป็นร้อยละ 94.23 และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุม มีส่วนร่วมในการซักถามและแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด 4.71 คิดเป็นร้อยละ 94.23 วิทยากร มีความเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.69 คิดเป็นร้อยละ 93.81 และสรุปและตอบข้อซักถามได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.56 คิดเป็นร้อยละ 91.13


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 63 มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ย นอ้ยที่สุด ร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1. ดา้นเจ้าหน้าที่ 1.1 มคีวามสุภาพและเป็นมติร 8 2 1 5 0 0 0 4.85 0.36 96.91 มากทสีุ่ด (84.54) (15.46) (0.00) (0.00) (0.00) 1.2 อ านวยความสะดวกดว้ยความรวดเร็ว 7 8 1 9 0 0 0 4.80 0.40 96.08 มากทสีุ่ด (80.41) (19.59) (0.00) (0.00) (0.00) 1.3 ดแูลเอาใจใส่ดว้ยความกระตอืรือร้นและเตม็ ใจให้บริการ 7 9 1 8 0 0 0 4.81 0.39 96.29 มากทสีุ่ด (81.44) (18.56) (0.00) (0.00) (0.00) 1.4 ให้ค าแนะน าหรือตอบข้อสงสัยไดเ้ป็นอย่างดี 7 3 2 4 0 0 0 4.75 0.43 95.05 มากทสีุ่ด (75.26) (24.74) (0.00) (0.00) (0.00) 1.5 แก้ไขปัญหาข้อขัดข้องตามทรี่้องขอไดด้ว้ยดี 6 6 3 0 1 0 0 4.67 0.49 93.40 มากทสีุ่ด (68.04) (30.93) (1.03) (0.00) (0.00) รวม 4.78 0.42 95.55 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดับ มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ย นอ้ยที่สุด ร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นเอกสารประกอบการประชุม 2.1 เอกสารทมี่คีณุภาพ 5 1 4 3 3 0 0 4.49 0.56 89.90 มากทสีุ่ด (52.58) (44.33) (3.09) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้ 5 6 3 7 4 0 0 4.54 0.58 90.72 มากทสีุ่ด (57.73) (38.14) (4.12) (0.00) (0.00) 3. รูปแบบของกจิกรรมมีความเหมาะสม 5 7 3 6 2 1 1 4.52 0.69 90.31 มากทสีุ่ด (58.76) (37.11) (2.06) (1.03) (1.03) 4. ระยะเวลาของการจัดกจิกรรมมีความเหมาะสม 5 0 3 5 1 0 2 0 4.37 0.75 87.42 มากทสีุ่ด (51.55) (36.08) (10.31) (2.06) (0.00) 5. ความรู้ความเข้าใจทไี่ดร้ับจากการประชุม 5 1 4 0 5 0 1 4.44 0.69 88.87 มากทสีุ่ด (52.58) (41.24) (5.15) (0.00) (1.03) 6. ความรู้ความเข้าใจทไี่ดร้ับสามารถน าไปใช้ประโยชน์ 5 3 3 7 6 0 1 4.45 0.71 89.07 มากทสีุ่ด ในการปฏิบตัหิน้าทแี่ละดา เนินชีวิตประจ าวันได้ (54.64) (38.14) (6.19) (0.00) (1.03) 7. ความพึงพอใจในเนอื้หาสาระและความรู้ทไี่ดร้ับ 6 5 2 5 6 0 1 4.58 0.70 91.55 มากทสีุ่ด (67.01) (25.77) (6.19) (0.00) (1.03) 8. ความพึงพอใจโดยรวมของการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ 5 9 3 2 5 0 1 4.53 0.69 90.52 มากทสีุ่ด (60.82) (32.99) (5.15) (0.00) (1.03) รวม 4.49 0.67 89.79 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น ค่าเฉลี่ย ส่วน เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดับ ตาราง 7 จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ครั้งที่ 1 จังหวัดบุรีรัมย์(N = 97)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 64 ที่สงิ่ทปี่ระทับใจ ความถี่ 1 ไดร้ับความรู้จากเนื้อหาสาระมคีวามเหมาะสมเป็นประโยชน์สามารถน าไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวัน 3 0 2 คณะท างานดแูล บริหาร และอ านวยความสะดวกสบายให้ผเู้ข้ารับการประชุมเป็นอย่างดี 1 8 3 วิทยากรมคีวามรู้ความเชี่ยวชาญบรรยายถ่ายทอดเนื้อหาไดด้มีาก และตอบข้อค าถามไดช้ัดเจน 3 8 4 การด าเนินการจัดประชุมมรีะบบทดี่ี 3 5 ทพี่กัและสถานทจี่ัดประชุมสะดวกสบาย 6 6 อาหาร 5 7 มติรภาพทดี่ขีองผทู้เี่ข้าร่วมการประชุม 4 8 ประทับใจทุกอย่าง 8 จากตาราง 7 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุม ดังนี้ 1. ด้านเจ้าหน้าที่ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.78 คิดเป็นร้อยละ 95.55 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า มีความสุภาพและเป็นมิตร อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.85 คิดเป็นร้อยละ 96.91รองลงมาคือ ดูแลเอาใจใส่ด้วยความกระตือรือร้นและเต็มใจให้บริการ อยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.81คิดเป็นร้อยละ 96.29อำนวยความสะดวกด้วยความรวดเร็ว อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.80คิดเป็นร้อยละ 96.08 ให้คำแนะนำหรือตอบข้อสงสัยได้เป็นอย่างดีอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.75 คิดเป็นร้อยละ 96.05และแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องตามที่ร้องขอได้ด้วยดี อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.67 คิดเป็นร้อยละ 93.40 2. ด้านเอกสารประกอบการประชุมผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า สามารถนำไปใช้ ประโยชน์ได้ในการใช้งาน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.54 คิดเป็นร้อยละ 90.72 และรองลงมา คือเป็นเอกสารที่มีคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.49 คิดเป็นร้อยละ 89.90 3. รูปแบบของกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.52คิดเป็นร้อยละ 90.31 4. ระยะเวลาของกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.37คิดเป็นร้อยละ 87.42 5. ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับจากการประชุม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.44 คิดเป็นร้อยละ 88.87 6. ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่และดำเนิน ชีวิตประจำวันได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.45 คิดเป็นร้อยละ 89.07 7. ความพึงพอใจในเนื้อหาสาระและความรู้ที่ได้รับ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.58 คิดเป็นร้อยละ 91.55 8. ความพึงพอใจโดยรวมของการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.49 คิดเป็นร้อยละ 89.79 ตาราง 8 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมประชุมประทับใจ (N = 112)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 65 ที่สงิ่ทคี่วรปรับปรุง ความถี่ 1 ระยะเวลาการประชุมนานเกินไป 5 2 ควรเพมิ่เวลาส าหรับหัวข้อการบริหารหนี้สิน 3 3 ควรเพมิ่เวลาส าหรับกิจกรรมภาคปฏิบัติ 2 4 สถานทจี่ัดประชุม 1 5 อาหาร 2 6 ไมม่ ี 11 ที่ข้อเสนอแนะอนื่ๆ ความถี่ 1 เป็นโครงการทดี่คีวรให้มกีารจัดประชุมอย่างตอ่เนื่อง 4 2 ควรเพมิ่เวลาอบรมในเรื่องความรู้ความเข้าใจเกยี่วกับการมวีินัยทางการเงนิ 2 3 อยากให้เพมิ่เนื้อหาในเรื่องการสร้างรายได้ 4 4 ระยะเวลาการประชุมนานเกินไป 1 จากตาราง 8 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ประทับใจ 3 อันดับแรก ได้แก่ วิทยากรมีความรู้ความเชี่ยวชาญบรรยายถ่ายทอดเนื้อหาได้ดีมาก และตอบข้อคำถามได้ชัดเจนได้ดี ตรงประเด็น บรรยายสนุก เข้าใจง่าย มีเทคนิคการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้อย่างน่าสนใจ มีความเป็นกันเอง รองลงมา คือ ได้รับความรู้จากเนื้อหาสาระมีความเหมาะสมเป็นประโยชน์ สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และคณะทำงานมีการประสานงานได้ดีมากและดูแลเอาใจใส่ เป็นอย่างดีอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารัยการประชุมเป็นอย่างดี ตาราง 9 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมการประชุมเห็นว่าควรปรับปรุง (N = 24) จากตาราง9 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ควรปรับปรุง3 อันดับแรก ได้แก่ ไม่มี บริหารจัดการได้เหมาะสมแล้ว รองลงมา คือ ระยะเวลาการประชุมนานเกินไป และควรเพิ่ม เวลาสำหรับหัวข้อการบริหารหนี้สิน การลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อหาเกี่ยวกับการคำนวณ ตาราง 10 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมการประชุมให้ข้อเสนอแนะ (N = 27) จากตาราง 10 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมให้ข้อเสนอแนะ3อันดับ ได้แก่ เป็นโครงการที่ดี ควรจัดเป็นประจำอย่างต่อเนื่องให้กับข้าราชการครู และอยากให้เพิ่มเนื้อหาในเรื่องการสร้างรายได้


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 66 2.2 ผลการวัดความรู้และการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการประชุม ครั้งที่ 2 1) ผลการวัดความรู้ การประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 2 จังหวัดอุดรธานีมีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 97คน ได้ทำแบบทดสอบทางออนไลน์ จำนวน 97 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รายละเอียดดังตาราง 11 - 14 ตาราง 11 ผลสัมฤทธิ์การวัดความรู้ของผู้เข้าร่วมการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์เรื่อง ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดย นายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 97) การทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนต่ำสุด คะแนนสูงสุด คะแนนเฉลี่ย 1. ก่อนการประชุม 20 3 20 10.51 2. หลังการประชุม 20 16 20 17.93 จากตาราง 11 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบ จำนวน 97คน พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุม มีคะแนนหลังการประชุมเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการประชุม 10.51คะแนน และค่าเฉลี่ย ของคะแนนหลังการประชุม 17.93 คะแนน ตาราง 12 ผลคะแนนหลังการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดย นายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 97) คะแนนเต็ม คะแนน หลังการประชุม คิดเป็นร้อยละ ของคะแนนเต็ม จำนวน (คน) คิดเป็นร้อยละ ของผู้เข้าร่วมประชุม 20 16 80.00 34 35.05 20 17 85.00 6 6.19 20 18 90.00 14 14.43 20 19 95.00 19 19.59 20 20 100.00 24 24.74 รวมทั้งสิ้น 97 100.00 จากตาราง 12 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบหลังการประชุม จำนวน 97 คน พบว่า คะแนนสูงสุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ มีคะแนนหลังการประชุม 20 คะแนน หรือคิด เป็นร้อยละ 100 ของคะแนนเต็ม จำนวน 24คน รองลงมาคือ มีคะแนนหลังการประชุม 19 คะแนน หรือ คิดเป็นร้อยละ 95 ของคะแนนเต็ม จำนวน 19 คน มีคะแนนหลังการประชุม 18 คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 90 ของคะแนนเต็ม จำนวน 14 คน มีคะแนนหลังการประชุม 17 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 85 ของคะแนนเต็ม จำนวน 6 คน และมีคะแนนหลังการประชุม 16 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม จำนวน 34 คน


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 67 ตาราง 13 ผลสัมฤทธิ์การวัดความรู้ของผู้เข้าร่วมการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยพระครูสุธีคัมภีรญาณ วิ. (N = 97) การทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนต่ำสุด คะแนนสูงสุด คะแนนเฉลี่ย 1.ก่อนการประชุม 20 6 19 14.32 2.หลังการประชุม 20 16 20 18.67 จากตาราง 13 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบ จำนวน 97คน พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุม มีคะแนนหลังการประชุมเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการประชุม 14.32คะแนน และค่าเฉลี่ย ของคะแนนหลังการประชุม 18.67 คะแนน ตาราง 14 ผลคะแนนหลังการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์เรื่อง การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยพระครูสุธีคัมภีรญาณ วิ. (N = 97) คะแนนเต็ม คะแนน หลังการประชุม คิดเป็นร้อยละ ของคะแนนเต็ม จำนวน (คน) คิดเป็นร้อยละ ของผู้เข้าร่วมประชุม 20 16 80.00 13 13.4 20 17 85.00 7 7.22 20 18 90.00 17 17.53 20 19 95.00 22 22.68 20 20 100.00 38 39.17 รวมทั้งสิ้น 97 100.00 จากตาราง 14 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบหลังการประชุม จำนวน 97 คน พบว่า คะแนนสูงสุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ มีคะแนนหลังการประชุม 20 คะแนน หรือคิด เป็นร้อยละ 100 ของคะแนนเต็ม จำนวน 38 คน รองลงมาคือ มีคะแนนหลังการประชุม 19 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 95 ของคะแนนเต็ม จำนวน 22 คน มีคะแนนหลังการประชุม 18 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของคะแนนเต็ม จำนวน 17 คน มีคะแนนหลังการประชุม 17 คะแนน หรือคิด เป็นร้อยละ 85 ของคะแนนเต็ม จำนวน 7 คน และมีคะแนนหลังการประชุม 16 คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม จำนวน 16 คน 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจ การประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 2 จังหวัดอุดรธานีมีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 97 คน ได้ทำแบบทดสอบทางออนไลน์ จำนวน 97 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รายละเอียดดังตาราง 15 – 20


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 68 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1. ดา้นเนอื้หา ความรู้ความเข้าใจเกยี่วกบัการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนสี้นิ) 1.1 มคีวามน่าสนใจ 8 4 1 3 0 0 0 4.87 0.34 97.32 มากทสีุ่ด (86.60) (13.40) (0.00) (0.00) (0.00) 1.2 มปีระโยชน์ 8 2 1 5 0 0 0 4.85 0.36 96.91 มากทสีุ่ด (84.54) (15.46) (0.00) (0.00) (0.00) 1.3 สามารถน าไปบริหารการเงนิของตนเองได้ 7 6 2 1 0 0 0 4.78 0.41 95.67 มากทสีุ่ด (78.35) (21.65) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.83 0.37 96.63 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นวิทยากร อาจารย์กติพิัฒน์แสนทวีสขุ 2.1 มคีวามรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องทบี่รรยาย 8 6 1 1 0 0 0 4.89 0.32 97.73 มากทสีุ่ด (88.66) (11.34) (0.00) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาไดช้ัดเจน 7 9 1 8 0 0 0 4.81 0.39 96.29 มากทสีุ่ด (81.44) (18.56) (0.00) (0.00) (0.00) 2.3 เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมสี่วนร่วมในการซักถาม 7 5 2 2 0 0 0 4.77 0.42 95.46 มากทสีุ่ด และแสดงความคดิเห็น (77.32) (22.68) (0.00) (0.00) (0.00) 2.4 สรุปและตอบข้อซักถามไดช้ัดเจน 7 6 2 1 0 0 0 4.78 0.41 95.67 มากทสีุ่ด (78.35) (21.65) (0.00) (0.00) (0.00) 2.5 มคีวามเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม 8 1 1 6 0 0 0 4.84 0.37 96.70 มากทสีุ่ด (83.51) (16.49) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.82 0.38 96.37 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั ตาราง 15 จำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการบรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดยนายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 97) จากตาราง 15 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเรื่อง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) ดังนี้ 1. ด้านเนื้อหาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.83คิดเป็นร้อยละ 96.63 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า เนื้อหามีความน่าสนใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.87 คิดเป็นร้อยละ 97.32 รองลงมาคือ มีประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.85คิดเป็นร้อยละ 96.91 และสามารถนำไปบริหารการเงินของตนเองได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.78คิดเป็นร้อยละ 95.67


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 69 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1.1 มคีวามน่าสนใจ 8 7 1 0 0 0 0 4.90 0.31 97.94 มากทสีุ่ด (89.69) (10.31) (0.00) (0.00) (0.00) 1.2 มปีระโยชน์ 8 5 1 2 0 0 0 4.88 0.33 97.53 มากทสีุ่ด (87.63) (12.37) (0.00) (0.00) (0.00) 1.3 สามารถน าไปบริหารการเงนิของตนเองได้ 8 0 1 7 0 0 0 4.82 0.38 96.49 มากทสีุ่ด (82.47) (17.53) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.87 0.34 97.32 มากทสีุ่ด 1. ดา้นเนอื้หา การดา เนินชีวิตตามหลกัปรัชญาของเศรษฐกจิพอเพียง รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นวิทยากร พระครูสธุคีมัภีรญาณ วิ. 2.1 มคีวามรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องทบี่รรยาย 8 3 1 4 0 0 0 4.86 0.35 97.11 มากทสีุ่ด (85.57) (14.43) (0.00) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาไดช้ัดเจน 8 0 1 7 0 0 0 4.82 0.38 96.49 มากทสีุ่ด (82.47) (17.53) (0.00) (0.00) (0.00) 2.3 เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมสี่วนร่วมในการซักถาม 7 5 2 2 0 0 0 4.77 0.42 95.46 มากทสีุ่ด และแสดงความคดิเห็น (77.32) (22.68) (0.00) (0.00) (0.00) 2.4 สรุปและตอบข้อซักถามไดช้ัดเจน 8 0 1 7 0 0 0 4.82 0.38 96.49 มากทสีุ่ด (82.47) (17.53) (0.00) (0.00) (0.00) 2.5 มคีวามเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม 8 2 1 5 0 0 0 4.85 0.36 96.91 มากทสีุ่ด (84.54) (15.46) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.82 0.38 96.49 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั 2. ด้านวิทยากรโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.81คิดเป็นร้อยละ 96.21 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า วิทยากรมีความเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุมอยู่ใน ระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.93คิดเป็นร้อยละ 98.68รองลงมาคือมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่บรรยาย อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.87 คิดเป็นร้อยละ 97.37สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.82คิดเป็นร้อยละ 96.32 เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมีส่วนร่วม ในการซักถามและแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.72 คิดเป็นร้อยละ 94.47และสรุป และตอบข้อซักถามได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.71 คิดเป็นร้อยละ 94.21 ตาราง 16 จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการบรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง โดยพระครูสุธีคัมภีรญาณ วิ. (N = 97)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 70 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1. ดา้นเจ้าหน้าที่ 1.1 มคีวามสุภาพและเป็นมติร 8 4 8 5 0 0 4.81 0.51 96.29 มากทสีุ่ด (86.60) (8.25) (5.15) (0.00) (0.00) 1.2 อ านวยความสะดวกดว้ยความรวดเร็ว 8 3 1 4 0 0 0 4.86 0.35 97.11 มากทสีุ่ด (85.57) (14.43) (0.00) (0.00) (0.00) 1.3 ดแูลเอาใจใส่ดว้ยความกระตอืรือร้นและเตม็ ใจให้บริการ 8 5 1 0 2 0 0 4.86 0.41 97.11 มากทสีุ่ด (87.63) (10.31) (2.06) (0.00) (0.00) 1.4 ให้ค าแนะน าหรือตอบข้อสงสัยไดเ้ป็นอย่างดี 8 6 1 1 0 0 0 4.89 0.32 97.73 มากทสีุ่ด (88.66) (11.34) (0.00) (0.00) (0.00) 1.5 แก้ไขปัญหาข้อขัดข้องตามทรี่้องขอไดด้ว้ยดี 7 8 1 9 0 0 0 4.80 0.40 96.08 มากทสีุ่ด (80.41) (19.59) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.84 0.40 96.87 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั จากตาราง 16 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นในหัวข้อการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ 1. ด้านเนื้อหาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.87คิดเป็นร้อยละ 97.32 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า เนื้อหามีความน่าสนใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.90คิดเป็น ร้อยละ 97.94รองลงมาคือเนื้อหามีประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.88คิดเป็นร้อยละ 97.53 และสามารถนำไปบริหารการเงินของตนเองได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.82คิดเป็นร้อยละ 96.49 2. ด้านวิทยากรโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.82คิดเป็นร้อยละ 96.49 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า วิทยากรมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่บรรยาย อยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.86 คิดเป็นร้อยละ 97.11 รองลงมาคือ มีความเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.85คิดเป็นร้อยละ 96.91สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.82คิดเป็นร้อยละ 96.49สรุปและตอบข้อซักถามได้ชัดเจน อยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.82 คิดเป็นร้อยละ 96.49 และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมีส่วนร่วมในการซักถาม และแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.82 คิดเป็นร้อยละ 95.46 ตาราง 17 จำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการจัดประชุม (N = 97)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 71 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นเอกสารประกอบการประชุม 2.1 เป็นเอกสารทมี่คีณุภาพ 6 1 3 6 0 0 0 4.63 0.49 92.58 มากทสีุ่ด (62.89) (37.11) (0.00) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้ 6 0 3 7 0 0 0 4.62 0.49 92.37 มากทสีุ่ด (61.86) (38.14) (0.00) (0.00) (0.00) 3. รูปแบบของกจิกรรมมีความเหมาะสม 7 4 2 3 0 0 0 4.76 0.43 95.26 มากทสีุ่ด (76.29) (23.71) (0.00) (0.00) (0.00) 4. ระยะเวลาของการจัดกจิกรรมมีความเหมาะสม 6 4 3 2 1 0 0 4.65 0.50 92.99 มากทสีุ่ด (65.98) (32.99) (1.03) (0.00) (0.00) 5. ความรู้ความเข้าใจทไี่ดร้ับจากการประชุม 7 4 2 3 0 0 0 4.76 0.43 95.26 มากทสีุ่ด (76.29) (23.71) (0.00) (0.00) (0.00) 6. ความรู้ความเข้าใจทไี่ดร้ับสามารถน าไปใช้ประโยชน์ 7 2 2 4 1 0 0 4.73 0.47 94.64 มากทสีุ่ด ในการปฏิบตัหิน้าทแี่ละดา เนินชีวิตประจ าวันได้ (74.23) (24.74) (1.03) (0.00) (0.00) 7. ความพึงพอใจในเนอื้หาสาระและความรู้ทไี่ดร้ับ 7 6 2 1 0 0 0 4.78 0.41 95.67 มากทสีุ่ด (78.35) (21.65) (0.00) (0.00) (0.00) 8. ความพึงพอใจโดยรวมของการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ 7 6 2 1 0 0 0 4.78 0.41 95.67 มากทสีุ่ด (78.35) (21.65) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.72 0.45 94.30 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั ตาราง 17 (ต่อ) จากตาราง 17 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุม ดังนี้ 1. ด้านเจ้าหน้าที่ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.84คิดเป็นร้อยละ 96.87 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า ให้คำแนะนำหรือตอบข้อสงสัยได้เป็นอย่างดี อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.89 คิดเป็นร้อยละ 97.73 รองลงมาคือ อำนวยความสะดวกด้วยความรวดเร็ว อยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.86 คิดเป็นร้อยละ 97.11 ดูแลเอาใจใส่ด้วยความกระตือรือร้นและเต็มใจให้บริการ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.86 คิดเป็นร้อยละ 97.11 มีความสุภาพและเป็นมิตร อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.81คิดเป็นร้อยละ 96.29และแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องตามที่ร้องขอได้ด้วยดีอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.80 คิดเป็นร้อยละ 96.08 2. ด้านเอกสารประกอบการประชุมผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า เป็นเอกสารที่มีคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.63คิดเป็นร้อยละ 92.58 และรองลงมาคือสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.62 คิดเป็นร้อยละ 92.37 3. รูปแบบของกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.76 คิดเป็น ร้อยละ 95.26


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 72 ที่สงิ่ทปี่ระทับใจ ความถี่ 1 ไดร้ับความรู้จากเนื้อหาสาระมคีวามเหมาะสมเป็นประโยชน์สามารถน าไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวัน 5 2 คณะท างานดแูล บริหาร และอ านวยความสะดวกสบายให้ผเู้ข้ารับการประชุมเป็นอย่างดี 3 3 วิทยากรมคีวามรู้ความเชี่ยวชาญบรรยายถ่ายทอดเนื้อหาไดด้มีาก และตอบข้อค าถามไดช้ัดเจน 9 4 การด าเนินการจัดประชุมมรีะบบทดี่ี 3 5 ทพี่กัและสถานทจี่ัดประชุมสะดวกสบาย 3 6 อาหาร 1 7 ประทับใจทุกอย่าง 3 ที่สงิ่ทคี่วรปรับปรุง ความถี่ 1 ควรจัดอบรมในวันหยุดราชการ 1 2 ไมม่ ี 4 4. ระยะเวลาของกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.65 คิดเป็น ร้อยละ 92.99 5. ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับจากการประชุม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.76 คิดเป็นร้อยละ 95.26 6. ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่และดำเนินชีวิต ประจำวันได้ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.73 คิดเป็นร้อยละ 94.64 7. ความพึงพอใจในเนื้อหาสาระและความรู้ที่ได้รับ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.78 คิดเป็นร้อยละ 95.67 8. ความพึงพอใจโดยรวมของการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ อยู่ในระดับมากที่สุดค่าเฉลี่ย 4.78 คิดเป็นร้อยละ 95.67 ตาราง 18 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมประชุมประทับใจ (N = 27) จากตาราง 18 พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ประทับใจ 3 อันดับแรก ได้แก่ วิทยากรมีความรู้ความเชี่ยวชาญดีเยี่ยม บรรยายได้ดีตรงประเด็นบรรยายสนุกเข้าใจง่ายมีเทคนิค การถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้อย่างน่าสนใจ มีความเป็นกันเอง รองลงมาคือได้รับความรู้ เนื้อหาสาระ มีความเหมาะสมเป็นประโยชน์ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ตาราง 19 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมการประชุมเห็นว่าควรปรับปรุง (N = 5)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 73 ที่ข้อเสนอแนะอนื่ๆ ความถี่ 1 เป็นโครงการทดี่คีวรให้มกีารจัดประชุมอย่างตอ่เนื่อง 2 2 ควรมโีครงการทชี่่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึษาเพมิ่มากขึ้น 1 3 น าความรู้ทไี่ดร้ับจากการประชุมไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 1 จากตาราง 19 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ควรปรับปรุง ได้แก่ ไม่มี บริหารจัดการได้เหมาะสมแล้ว รองลงมาคือ ควรมีการจัดประชุมอบรมในวันหยุดราชการ ตาราง 20 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมการประชุมให้ข้อเสนอแนะ (N = 4) จากตาราง 20 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมให้ข้อเสนอแนะ ได้แก่ เป็นโครงการที่ดี ควรให้มีการจัดประชุมอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือควรมีโครงการที่ช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาเพิ่มมากขึ้น และนำความรู้ที่ได้รับจากการประชุมไปใช้ในชีวิตประจำวันได้


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 74 2.3 ผลการวัดความรู้และการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการประชุม ครั้งที่ 3 1) ผลการวัดความรู้ การประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 86คน ได้ทำแบบทดสอบทางออนไลน์ จำนวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รายละเอียดดังตาราง 21 - 24 ตาราง 21 ผลสัมฤทธิ์การวัดความรู้ของผู้เข้าร่วมการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์เรื่อง ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดย นายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 86) การทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนต่ำสุด คะแนนสูงสุด คะแนนเฉลี่ย 1. ก่อนการประชุม 20 3 18 10.64 2. หลังการประชุม 20 16 20 17.95 จากตาราง 21 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบ จำนวน 86คน พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุม มีคะแนนหลังการประชุมเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการประชุม 10.64คะแนน และค่าเฉลี่ย ของคะแนนหลังการประชุม 17.95 คะแนน ตาราง 22 ผลคะแนนหลังการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดย นายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 86) คะแนนเต็ม คะแนน หลังการประชุม คิดเป็นร้อยละ ของคะแนนเต็ม จำนวน (คน) คิดเป็นร้อยละ ของผู้เข้าร่วมประชุม 20 16 80.00 23 26.74 20 17 85.00 12 13.96 20 18 90.00 15 17.44 20 19 95.00 18 20.93 20 20 100.00 18 20.93 รวมทั้งสิ้น 86 100.00 จากตาราง 22 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบหลังการประชุม จำนวน 86 คน พบว่า คะแนนสูงสุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ มีคะแนนหลังการประชุม 20 คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 100 ของคะแนนเต็ม จำนวน 18คน รองลงมาคือ มีคะแนนหลังการประชุม 19 คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 95 ของคะแนนเต็ม จำนวน 18 คน มีคะแนนหลังการประชุม 18 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของคะแนนเต็ม จำนวน 15 คน มีคะแนนหลังการประชุม 17 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 85 ของคะแนนเต็ม จำนวน 12 คน และมีคะแนนหลังการประชุม 16 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม จำนวน 23 คน


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 75 ตาราง 23 ผลสัมฤทธิ์การวัดความรู้ของผู้เข้าร่วมการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยนางสาวไข่แก้ว ปวงคำคง (N = 86) การทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนต่ำสุด คะแนนสูงสุด คะแนนเฉลี่ย 1.ก่อนการประชุม 20 3 20 14.53 2.หลังการประชุม 20 16 20 19.20 จากตาราง 13 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบ จำนวน 86คน พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุม มีคะแนนหลังการประชุมเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการประชุม 14.32 คะแนน และค่าเฉลี่ย ของคะแนนหลังการประชุม 18.67 คะแนน ตาราง 24 ผลคะแนนหลังการประชุมจังหวัดบุรีรัมย์เรื่อง การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยนางสาวไข่แก้ว ปวงคำคง (N = 86) คะแนนเต็ม คะแนน หลังการประชุม คิดเป็นร้อยละ ของคะแนนเต็ม จำนวน (คน) คิดเป็นร้อยละ ของผู้เข้าร่วมประชุม 20 16 80.00 1 1.16 20 17 85.00 3 3.49 20 18 90.00 22 25.58 20 19 95.00 12 13.95 20 20 100.00 48 55.82 รวมทั้งสิ้น 86 100.00 จากตาราง 24 มีผู้เข้าร่วมประชุมทำแบบทดสอบหลังการประชุม จำนวน 97 คน พบว่า คะแนนสูงสุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ มีคะแนนหลังการประชุม 20 คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 100 ของคะแนนเต็ม จำนวน 48 คน รองลงมาคือ มีคะแนนหลังการประชุม 19 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 95 ของคะแนนเต็ม จำนวน 12 คน มีคะแนนหลังการประชุม 18 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของคะแนนเต็ม จำนวน 22คน มีคะแนนหลังการประชุม 17คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 85 ของคะแนนเต็ม จำนวน 3 คน และมีคะแนนหลังการประชุม 16 คะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม จำนวน 1 คน 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจ การประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 86คน ได้ทำแบบทดสอบทางออนไลน์ จำนวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รายละเอียดดังตาราง 25 - 30


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 76 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1. ดา้นเนอื้หา ความรู้ความเข้าใจเกยี่วกบัการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนสี้นิ) 1.1 เนื้อหาน่าสนใจ 6 7 1 7 2 0 0 4.76 0.48 95.12 มากทสีุ่ด (77.91) (19.77) (2.33) (0.00) (0.00) 1.2 มปีระโยชน์ 7 2 1 2 2 0 0 4.81 0.45 96.28 มากทสีุ่ด (83.72) (13.95) (2.33) (0.00) (0.00) 1.3 สามารถน าไปบริหารการเงนิของตนเองได้ 6 4 2 0 2 0 0 4.72 0.50 94.42 มากทสีุ่ด (74.42) (23.26) (2.33) (0.00) (0.00) รวม 4.76 0.48 95.27 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นวิทยากร อาจารย์กติพิัฒน์แสนทวีสขุ 2.1 มคีวามรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องทบี่รรยาย 7 5 9 0 1 1 4.81 0.60 96.28 มากทสีุ่ด (87.21) (10.47) (0.00) (1.16) (1.16) 2.2 สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาไดช้ัดเจน 7 8 6 1 0 1 4.86 0.53 97.21 มากทสีุ่ด (90.70) (6.98) (1.16) (0.00) (1.16) 2.3 เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมสี่วนร่วมในการซักถาม 7 2 1 1 2 1 0 4.79 0.53 95.81 มากทสีุ่ด และแสดงความคดิเห็น (83.72) (12.79) (2.33) (1.16) (0.00) 2.4 สรุปและตอบข้อซักถามไดช้ัดเจน 7 0 1 3 2 0 1 4.76 0.61 95.12 มากทสีุ่ด (81.40) (15.12) (2.33) (0.00) (1.16) 2.5 มคีวามเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม 7 9 6 1 0 0 4.91 0.33 98.14 มากทสีุ่ด (91.86) (6.98) (1.16) (0.00) (0.00) รวม 4.83 0.52 96.51 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั ตาราง 25 จำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการบรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) โดยนายกิติพัฒน์ แสนทวีสุข (N = 86) จากตาราง 25 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเรื่อง ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน (การบริหารหนี้สิน) ดังนี้ 1. ด้านเนื้อหาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.76คิดเป็นร้อยละ 95.27 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า เนื้อหามีประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.81คิดเป็น ร้อยละ 96.28 รองลงมาคือ เนื้อหามีความน่าสนใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.76คิดเป็นร้อยละ 95.12 และสามารถนำไปบริหารการเงินของตนเองได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.72 คิดเป็นร้อยละ 94.42


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 77 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1.1 เนื้อหาน่าสนใจ 6 3 2 0 3 0 0 4.70 0.53 93.95 มากทสีุ่ด (73.26) (23.26) (3.49) (0.00) (0.00) 1.2 มปีระโยชน์ 6 3 2 2 1 0 0 4.72 0.48 94.42 มากทสีุ่ด (73.26) (25.58) (1.16) (0.00) (0.00) 1.3 สามารถน าไปบริหารการเงนิของตนเองได้ 6 0 2 4 2 0 0 4.67 0.52 93.49 มากทสีุ่ด (69.77) (27.91) (2.33) (0.00) (0.00) รวม 4.70 0.51 93.95 มากทสีุ่ด 1. ดา้นเนอื้หา การดา เนินชีวิตตามหลกัปรัชญาของเศรษฐกจิพอเพียง รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นวิทยากร นางสาวไข่แกว้ ปวงคา คง 2.1 มคีวามรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องทบี่รรยาย 6 8 1 8 0 0 0 4.79 0.41 95.81 มากทสีุ่ด (79.07) (20.93) (0.00) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหาไดช้ัดเจน 6 8 1 7 1 0 0 4.78 0.44 95.58 มากทสีุ่ด (79.07) (19.77) (1.16) (0.00) (0.00) 2.3 เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมสี่วนร่วมในการซักถาม 7 4 1 2 0 0 0 4.86 0.35 97.21 มากทสีุ่ด และแสดงความคดิเห็น (86.05) (13.95) (0.00) (0.00) (0.00) 2.4 สรุปและตอบข้อซักถามไดช้ัดเจน 6 7 1 9 0 0 0 4.78 0.42 95.58 มากทสีุ่ด (77.91) (22.09) (0.00) (0.00) (0.00) 2.5 มคีวามเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม 7 2 1 4 0 0 0 4.84 0.37 96.74 มากทสีุ่ด (83.72) (16.28) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.81 0.40 96.19 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั 2. ด้านวิทยากรโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.83คิดเป็นร้อยละ 96.51 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า วิทยากรมีความเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม อยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.91 คิดเป็นร้อยละ 98.14 รองลงมาคือ สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหา ได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.86 คิดเป็นร้อยละ 97.21 มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในเรื่องที่บรรยาย อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.81คิดเป็นร้อยละ 96.28เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุม มีส่วนร่วมในการซักถามและแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.79คิดเป็นร้อยละ 95.81 และสรุปและตอบข้อซักถามได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.76 คิดเป็นร้อยละ 95.12 ตาราง 26 จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการบรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง โดยโดยนางสาวไข่แก้ว ปวงคำคง (N = 86)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 78 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1. ดา้นเจ้าหน้าที่ 1.1 มคีวามสุภาพและเป็นมติร 7 4 1 1 1 0 0 4.85 0.39 96.98 มากทสีุ่ด (86.05) (12.79) (1.16) (0.00) (0.00) 1.2 อ านวยความสะดวกดว้ยความรวดเร็ว 7 7 9 0 0 0 4.90 0.31 97.91 มากทสีุ่ด (89.53) (10.47) (0.00) (0.00) (0.00) 1.3 ดแูลเอาใจใส่ดว้ยความกระตอืรือร้นและเตม็ ใจให้บริการ 7 7 8 1 0 0 4.88 0.36 97.67 มากทสีุ่ด (89.53) (9.30) (1.16) (0.00) (0.00) 1.4 ให้ค าแนะน าหรือตอบข้อสงสัยไดเ้ป็นอย่างดี 7 7 9 0 0 0 4.90 0.31 97.91 มากทสีุ่ด (89.53) (10.47) (0.00) (0.00) (0.00) 1.5 แก้ไขปัญหาข้อขัดข้องตามทรี่้องขอไดด้ว้ยดี 7 4 1 2 0 0 0 4.86 0.35 97.21 มากทสีุ่ด (86.05) (13.95) (0.00) (0.00) (0.00) รวม 4.88 0.34 97.53 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั จากตาราง 26 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นในหัวข้อการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ 1. ด้านเนื้อหาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.70คิดเป็นร้อยละ 93.95 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า เนื้อหามีประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.72คิดเป็นร้อยละ 94.42 รองลงมาคือ เนื้อหามีความน่าสนใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.70 คิดเป็นร้อยละ 93.95 และสามารถนำไปบริหารการเงินของตนเองได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.67คิดเป็นร้อยละ 93.49 2. ด้านวิทยากรโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.82 คิดเป็นร้อยละ 96.19 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมีส่วนร่วมในการซักถามและแสดง ความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.86 คิดเป็นร้อยละ 97.21 รองลงมาคือ มีความเป็นกันเอง กับผู้เข้าร่วมการประชุม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.84 คิดเป็นร้อยละ 96.74 วิทยากรมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่บรรยายอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.79คิดเป็นร้อยละ 95.81สามารถบรรยาย และถ่ายทอดเนื้อหาได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.78 คิดเป็นร้อยละ 95.58 และสรุป และตอบข้อซักถามได้ชัดเจน อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.78 คิดเป็นร้อยละ 95.58 ตาราง 27 จำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นผู้เข้าร่วมการประชุม ที่มีต่อการจัดประชุม (N = 86)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 79 มากทสี่ดุมาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ดุร้อยละ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2. ดา้นเอกสารประกอบการประชุม 2.1 เอกสารทมี่คีณุภาพ 6 1 2 2 3 0 0 4.67 0.54 93.49 มากทสีุ่ด (70.93) (25.58) (3.49) (0.00) (0.00) 2.2 สามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้ 6 9 1 6 0 1 0 4.78 0.49 95.58 มากทสีุ่ด (80.23) (18.60) (0.00) (1.16) (0.00) 3. รูปแบบของกจิกรรมมีความเหมาะสม 5 7 2 5 4 0 0 4.62 0.58 92.33 มากทสีุ่ด (66.28) (29.07) (4.65) (0.00) (0.00) 4. ระยะเวลาของการจัดกจิกรรมมีความเหมาะสม 3 9 4 0 6 1 0 4.36 0.67 87.21 มากทสีุ่ด (45.35) (46.51) (6.98) (1.16) (0.00) 5. ความรู้ความเข้าใจทไี่ดร้ับจากการประชุม 5 6 2 7 3 0 0 4.62 0.56 92.33 มากทสีุ่ด (65.12) (31.40) (3.49) (0.00) (0.00) 6. ความรู้ความเข้าใจทไี่ดร้ับสามารถน าไปใช้ประโยชน์ 5 7 2 9 0 0 0 4.66 0.48 93.26 มากทสีุ่ด ในการปฏิบตัหิน้าทแี่ละดา เนินชีวิตประจ าวันได้ (66.28) (33.72) (0.00) (0.00) (0.00) 7. ความพึงพอใจในเนอื้หาสาระและความรู้ทไี่ดร้ับ 6 5 2 0 0 0 0 4.71 0.43 94.19 มากทสีุ่ด (76.47) (23.53) (0.00) (0.00) (0.00) 8. ความพึงพอใจโดยรวมของการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ 6 6 1 8 2 0 0 4.74 0.49 94.88 มากทสีุ่ด (76.74) (20.93) (2.33) (0.00) (0.00) รวม 4.65 0.53 92.91 มากทสีุ่ด รายการ ระดบัความคดิเห็น คา่เฉลยี่ สว่น เบยี่งเบน มาตรฐาน ระดบั ตาราง 27 (ต่อ) จากตาราง 27 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุม ดังนี้ 1. ด้านเจ้าหน้าที่ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.88คิดเป็นร้อยละ 97.53 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า อำนวยความสะดวกด้วยความรวดเร็ว อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.90 คิดเป็นร้อยละ 97.91 ให้คำแนะนำหรือตอบข้อสงสัยได้เป็นอย่างดี อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.90 คิดเป็นร้อยละ 97.91 รองลงมาคือ ดูแลเอาใจใส่ด้วยความกระตือรือร้นและเต็มใจให้บริการ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.88 คิดเป็นร้อยละ 97.67 แก้ไขปัญหาข้อขัดข้องตามที่ร้องขอได้ด้วยดี อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.86 คิดเป็นร้อยละ 97.21และมีความสุภาพและเป็นมิตร อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.85 คิดเป็นร้อยละ 96.98 2. ด้านเอกสารประกอบการประชุมผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นว่า สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.78 คิดเป็นร้อยละ 95.58และรองลงมาคือ เป็นเอกสารที่มีคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.67 คิดเป็นร้อยละ 93.49 3. รูปแบบของกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.62คิดเป็นร้อยละ 92.33 4. ระยะเวลาของกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.36 คิดเป็น ร้อยละ 87.21


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 80 ที่สงิ่ทปี่ระทับใจ ความถี่ 1 ไดร้ับความรู้จากเนื้อหาสาระมคีวามเหมาะสมเป็นประโยชน์สามารถน าไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวัน 1 4 2 คณะท างานดแูล บริหาร และอ านวยความสะดวกสบายให้ผเู้ข้ารับการประชุมเป็นอย่างดี 1 7 3 วิทยากรมคีวามรู้ความเชี่ยวชาญบรรยายถ่ายทอดเนื้อหาไดด้มีาก และตอบข้อค าถามไดช้ัดเจน 2 1 4 การด าเนินการจัดประชุมมรีะบบทดี่ี 2 5 ทพี่กัและสถานทจี่ัดประชุมสะดวกสบาย 3 6 อาหาร 2 7 ประทับใจทุกอย่าง 3 ที่สงิ่ทคี่วรปรับปรุง ความถี่ 1 ควรจัดประชุมในวันหยุดราชการ 1 2 ควรจัดประชุมภายในจังหวัด/พนื้ทตี่น้สังกัด 1 3 ควรมกีารจัดประชุมออนไลน์ 1 4 ระยเวลาในการจัดประชุมน้อยเกินไป 1 5 ระยะเวลาในการประชาสัมพนัธ์การจัดประชุม 2 6 ไมม่ ี 9 5. ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับจากการประชุม อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.62คิดเป็น ร้อยละ 92.33 6. ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่และดำเนินชีวิต ประจำวันได้ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.66 คิดเป็นร้อยละ 93.26 7. ความพึงพอใจในเนื้อหาสาระและความรู้ที่ได้รับ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.71 คิดเป็นร้อยละ 94.19 8. ความพึงพอใจโดยรวมของการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.74 คิดเป็นร้อยละ 94.88 ตาราง 28 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมประชุมประทับใจ (N = 62) จากตาราง 28 พบว่าผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ประทับใจ 3 อันดับแรก ได้แก่ วิทยากรมีความรู้ความเชี่ยวชาญดีเยี่ยม บรรยายถ่ายทอดเนื้อหาได้ดีมากและตอบข้อคำถามได้ชัดเจน รองลงมาคือ คณะทำงานดูแล บริหารและอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ารับการประชุมเป็นอย่างดี และได้รับความรู้เนื้อหาสาระมีความเหมาะสมเป็นประโยชน์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ตาราง 29 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมการประชุมเห็นว่าควรปรับปรุง (N = 15)


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 81 ที่ข้อเสนอแนะอนื่ๆ ความถี่ 1 เป็นโครงการทดี่คีวรให้มกีารจัดประชุมอย่างตอ่เนื่อง 4 2 ควรมโีครงการทชี่่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึษาเพมิ่มากขึ้น 2 3 น าความรู้ทไี่ดร้ับจากการประชุมไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 1 จากตาราง 29 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ควรปรับปรุง 2 อันดับแรก ได้แก่ ไม่มี บริหารจัดการได้เหมาะสมแล้ว รองลงมาคือ ระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์ การจัดประชุม และควรจัดประชุมในวันหยุดราชการ เพื่อสะดวกต่อการเข้าร่วมประชุม ตาราง 30 จำนวนความถี่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมการประชุมให้ข้อเสนอแนะ (N = 7) จากตาราง 30 พบว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมให้ข้อเสนอแนะ ได้แก่ เป็นโครงการที่ดี ควรให้มีการจัดประชุมอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือ ควรมีโครงการที่ช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาเพิ่มมากขึ้น และนำความรู้ที่ได้รับจากการประชุมไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ จากสรุปผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของการประชุม ทั้ง 3 ครั้ง เห็นว่าผู้เข้าร่วมประชุม มีความพึงพอใจในการเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์ การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทั้ง 3ครั้งอยู่ในระดับมากที่สุด และผู้เข้าร่วมประชุม มีความเห็นว่า ได้รับความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้รับจากวิทยากร ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และนำความรู้ที่ได้รับมาถ่ายทอดสู่นักเรียน เพื่อนร่วมงาน รวมถึงชุมชน สถานที่ในการจัดประชุมมีความพร้อม เจ้าหน้าที่ให้การบริการอำนวยความสะดวกอย่างดี อีกทั้งวิทยากรสามารถถ่ายทอดความรู้ได้ดี มีความเชี่ยวชาญในการบรรยาย ได้สาระความรู้ และสอดแทรกความสนุก ให้ความเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุม ตอบข้อคำถามได้อย่างชัดเจน และผู้เข้าร่วมประชุมมีความเห็นอีกว่า อยากให้เพิ่มเนื้อหาความรู้ เรื่องการลงทุน การหารายได้เสริม รวมทั้งอยากให้มีการจัดโครงการอย่างต่อเนื่อง และอยากให้มีการจัดประชุมแบบออนไลน์ เพื่อให้ความรู้ กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สนใจ ซึ่งทำให้การจัดประชุมเป็นไปตามเป้าหมายและบรรลุ วัตถุประสงค์ ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ดำเนินการจัดทำเกียรติบัตรออนไลน์สำหรับผู้ผ่านการเข้าร่วม ประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ให้กับผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนเรียบร้อยแล้ว


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 82 ส่วนที่ 4 สรุปผลการโครงการ 1. ผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่อบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2566 ระหว่างกระทรวงการคลัง กับ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน ข้าราชการครู สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ การดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู กำกับดูแลโดยคณะกรรมการ บริหารเงินทุนหมุนเวียน กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 สำนักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงาน เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู กับกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังได้กำหนด ตัวชี้วัดเพื่อวัดประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินทุนหมุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู ไว้ 6 ด้าน โดยด้านที่ 2 การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของ โครงการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ได้กำหนดเกณฑ์การประเมินผล โดยพิจารณาจากร้อยละของจำนวนข้าราชการครูที่เข้ารับการอบรม ตามโครงการดังกล่าว ซึ่งต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบ (Post Test) ด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัย ทางการเงินและการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป และกำหนดให้ ผู้เข้ารับการอบรมจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือน อย่างน้อยร้อยละ 10 ของผู้เข้ารับการอบรม ตามเป้าหมายของโครงการ รวมทั้งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ถ่ายทอดสู่โรงเรียน และสังคมได้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ดำเนินการสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลลัพธ์ของการดำเนินงานของตัวชี้วัด ดังนี้ 1. จัดทำแบบทดสอบ (Posttest) ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงินและการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งให้กรมบัญชีกลางและที่ปรึกษา เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 โดยกรมบัญชีกลางและบริษัทที่ปรึกษา (บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ได้แจ้งการพิจารณาเห็นชอบ แบบทดสอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 2. จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 3ครั้ง ครั้งละ 100คน รวม 300คน มีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 280 คน (ครั้งที่ 1 จำนวน 97 คน ครั้งที่ 2 จำนวน 97 คน และครั้งที่ 3 จำนวน 86 คน) คิดเป็นร้อยละ 93.33 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมทั้ง 280คน มีคะแนนหลังการอบรมคิดเป็นร้อยละ 80 ขึ้นไป จำนวน 280 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของผู้เข้ารับการอบรม โดยมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 90.24 (คะแนนเฉลี่ย 18.05 จากคะแนนเต็ม 20) เท่ากับค่าเกณฑ์วัด = 5 และผู้เข้ารับการอบรมจัดทำบัญชี รายรับรายจ่ายประจำเดือน จำนวน 30 คน ของผู้เข้ารับการอบรมตามเป้าหมายของโครงการ รวมทั้งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ถ่ายทอดสู่โรงเรียน และสังคมได้


รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินฯ ปี 2566 หน้า 83 2. ผลความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัย ทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวม 3 ครั้ง มีรายละเอียดดังนี้ 2.1 ด้านเนื้อหาการบรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีวินัยทางการเงิน หัวข้อการบริหาร หนี้สิน และการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หัวข้อการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง มีความน่าสนใจ มีประโยชน์ และสามารถนำไปบริหารการเงินของตนเองได้ อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด 2.2 ด้านวิทยากร มีความรู้ ความเชียวชาญในเรื่องที่บรรยาย สามารถบรรยายและถ่ายทอดเนื้อหา ได้ชัดเจน เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมีส่วนร่วมในการซักถามและแสดงความคิดเห็น สรุปและตอบ ข้อซักถามได้ชัดเจน และมีความเป็นกันเองกับผู้เข้าร่วมการประชุมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด 2.3 ด้านเจ้าหน้าที่ มีความสุภาพและเป็นมิตร อำนวยความสะดวกด้วยความรวดเร็ว ดูแลเอาใจใส่ด้วยความกระตือรือร้นและเต็มใจให้บริการ ให้คำแนะนำหรือตอบข้อสงสัยได้เป็นอย่างดี และแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องตามที่ร้องขอได้ด้วยดี อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด 2.4 ด้านเอกสารประกอบการประชุม เป็นเอกสารที่มีคุณภาพ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด 2.5 รูปแบบของกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด ระยะเวลา ของการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับ จากการประชุมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด ความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในการปฏิบัติหน้าที่และดำเนินชีวิตประจำวันได้ อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด ความพึงพอใจ ในเนื้อหาสาระและความรู้ที่ได้รับ อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด และความพึงพอใจโดยรวม ของการเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด ทั้งนี้ การดำเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์ การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีผลลัพธ์ทำให้ผลการดำเนินการตามตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จโครงการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงินและรณรงค์การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ได้ค่าเกณฑ์วัดที่ระดับ 5 จาก 5 ระดับ และยังมีผลให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถ นำความรู้ไปบริหารจัดการหนี้ที่มีอยู่ จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือน เพื่อช่วยตรวจสอบพฤติกรรม การใช้จ่ายของตนเอง ตามความจำเป็นพอเหมาะกับรายรับ และหากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตจะสามารถ สร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคงเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีสำหรับชีวิตในอนาคตตรงตามเป้าหมายของโครงการ รวมทั้งสามารถถ่ายทอดสู่โรงเรียน และสังคมได้ต่อไป


Click to View FlipBook Version