จัจั จั ด จั ดทำทำทำทำโดย นางสาวสุสุ สุ ไ สุ ไกดา กาเส็ส็ ส็ ม ส็ มส๊ส๊ ส๊ ะ ส๊ ะ รหัหั หั สหั สนินิ นิ สินิ สิ สิ ต สิ ต 641031429 คณะศึศึ ศึ ก ศึ กษาศาสตร์ร์ ร์ร์สาขาวิวิ วิ ชวิ ชาภาษาไทย
คำ สมาส คำ สนธิ คำ สมาส เป็น ป็ คำ ที่เกิดจากการรวมคำ สองคำ ซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ คำ บาลี หรือ รื สัน สั สกฤต เข้า ข้ เป็น ป็ คำ เดียวกัน โดยการนำ มาเรีย รี งต่อกัน ไม่ไม่ ด้ มีก มี ารดัดแปลงรูปอักษร มีก มี ารออกเสีย สี ง อะ อิ อุ ระหว่างคำ คือการสมาสโดยการเชื่อ ชื่ มคำ เข้า ข้ ระหว่างพยางค์หลังของคำ หน้า น้ กับ พยางค์หน้า น้ ของคำ หลัง เป็น ป็ การย่อ ย่ อักขระให้น้ ห้ อ น้ ยลง เวลาอ่านจะเกิด เสีย สี งกลมกลืนเป็น ป็ คำ เดียวกัน คำ สนธิ
ลักษณะเฉพาะของคำ สมาส 1. เกิดจากคำ มูล มู ตั้งแต่สองคำ ขึ้นไป 2. เป็น ป็ คำ ที่มีร มี ากศัพ ศั ท์มาจากภาษาบาลีและสัน สั สกฤตเท่านั้น นั้ เช่นช่ กาฬพัก พั ตร์ ภูมิ ภู ศมิาสตร์ ราชธรรม บุตรทาน อักษรศาสตร์ อรรถคดี ฯลฯ 3. พยางค์สุด สุ ท้ายของคำ หน้า น้ หากมีส มี ระ อะ หรือมีตั มี ตั วการันต์อยู่ ให้ ยุบตัวนั้น นั้ ออก (ยกเว้นคำ บางคำ เช่นช่กิจจะลักษณะ เป็น ป็ ต้น) 4. แปลความจากหลังมาหน้า น้ เช่นช่ราชบุตร แปลว่า บุตรของพระ ราชา, เทวบัญ บั ชา แปลว่า คำ สั่ง สั่ ของเทวดา, ราชการ แปลว่า งานของ พระเจ้าแผ่นผ่ดิน 5. ส่วส่นมากออกเสีย สี งพยางค์ท้ายของคำ หน้า น้ แม้จ ม้ ะไม่มีม่รู มี รู ปสระกำ กับ อยู่ โดยจะใช้เ ช้ สีย สี ง อะ อิ และ อุ (เช่นช่เทพบุตร) แต่บางคำ ก็ไม่อม่อก เสีย สี ง (เช่นช่สมัย มั นิยนิม สมุท มุ รปราการ)
6. คำ บาลีสัน สั สกฤตที่มีคำ มี คำ ว่า พระ ซึ่ง ซึ่ กลายเสีย สี งมาจากบาลี สัน สั สกฤต ก็ถือว่าเป็น ป็ คำ สมาส (เช่นช่พระกร พระจันทร์)ร์ 7. ส่วส่นใหญ่จญ่ะลงท้ายว่า ศาสตร์ กรรม ภาพ ภัย ศึก ศึ ษา ศิล ศิป์ วิทยา (เช่นช่ศึก ศึ ษาศาสตร์ทุก ทุ ขภาพ จิตวิทยา) 8. อ่านออกเสีย สี งระหว่างคำ เช่นช่ ประวัติศาสตร์ อ่านว่า ประ – หวัด – ติ – สาด นิจ นิ ศีล ศี อ่านว่า นิจ นิ– จะ – สีน สี ไทยธรรม อ่านว่า ไทย –ยะ –ทำ อุทกศาสตร์ อ่านว่า อุ –ทก –กะ –สาด อรรถรส อ่านว่า อัด –ถะ –รด จุลสาร อ่านว่า จุน –ละ –สาน 9. คำ ที่มีคำ มี คำ เหล่านี้อ นี้ ยู่ด้ยู่ ด้ วย มัก มั จะเป็น ป็ คำ สมาส คือ การ กร กรรม คดี ธรรม บดี ภัย ภัณฑ์ ภาพ ลักษณ์ วิทยา ศาสตร์ ลักษณะเฉพาะของคำ สมาส
1. ไม่ใม่ ช่คำ ช่ คำ ที่มาจากภาษาบาลีสัน สั สกฤตทั้งหมด เช่น ช่ เทพเจ้า (เจ้า เป็น ป็ คำ ไทย) พระโทรน (โทรน เป็น ป็ คำ อังกฤษ) บายศรี (บาย เป็น ป็ คำ เขมร) 2.คำ ที่ไม่ส ม่ ามารถแปลความจากหลังมาหน้า น้ได้ ไม่ใม่ ช่คำ ช่ คำ สมาส เช่น ช่ ประวัติวรรณคดี แปลว่า ประวัติของวรรณคดี นายกสมาคม แปลว่า นายกของสมาคม วิพากษ์วิจารณ์ แปลว่า การวิพากษ์และการวิจารณ์ 3. คำ สมาสบางคำ ไม่อ ม่ อกเสีย สี งสระตรงพยางค์ของคำ หน้า น้ เช่น ช่ ปรากฏ อ่านว่า ปรา –กด –กาน สุภ สุ าพบุรุษ อ่านว่า สุ –พาบ– บุ –หรุด สุพ สุ รรณบุรี อ่านว่า สุ –พรรณ– บุ –รี สามัญ มั ศึก ศึ ษา อ่านว่า สา –มัน มั–สึก สึ–สา ข้อสังเกตคำ สมาส
ธุรกิจ กิจกรรม กรรมกร ขัณฑสีมา คหกรรม เอกภพ กาฬทวีป สุนทรพจน์ จีรกาล บุปผชาติ ประถมศึกษา ราชทัณฑ์ มหาราช ฉันทลักษณ์ พุทธธรรม วรรณคดี อิทธิพล มาฆบูชา มัจจุราช วิทยฐานะ วาตภัย สัมมาอาชีพ หัตถศึกษา ยุทธวิธี สังฆราช รัตติกาล วสันตฤดู สุขภาพ อธิการบดี ดาราศาสตร์ พุพภิกขภัย สุคนธรส วิสาขบูชา บุตรทาน สังฆเภท อินทรธนู ฤทธิเดช แพทย์ศาสตร์ ปัญญาชน วัตถุธรรม มหานิกา วัฏสงสาร สารัตถศึกษา พัสดุภัณฑ์ เวชกรรม เวทมนตร์ มรรคนายก อัคคีภัย อุดมคติ เอกชน ทวิบาท ไตรทวาร ศิลปกรรม ภูมิศาสตร์ รัฐศาสตร์ กาฬพักตร์ ราชโอรส ราชอุบาย บุตรทารก ทาสกรรมกร พระหัตถ์ พระชงฆ์ พระพุทธ วิทยาศาสตร์ กายภาพ กายกรรม อุทกภัย วรพงศ์ ตัวอย่างคำ สมาส
การสนธิแ ธิ บ่งบ่เป็น ป็ 3 ประเภท คือ 1.สระสนธิ 2.พยัญ ยั ชนะสนธิ 3.นฤคหิต หิ สนธิ 1.สระสนธิ คือการนำ คำ ที่ลงท้ายด้วยสระไปสนธิกั ธิกั บคำ ที่ขึ้น ขึ้ ต้น ด้วยสระ ซึ่ง ซึ่ เมื่อ มื่ สนธิแ ธิ ล้วจะมีก มี ารเปลี่ยนแปลงรูปสระตามกฏ เกณฑ์ - ตัดสระพยางค์ท้ายคำ หน้า น้ แล้วใช้ส ช้ ระพยางค์หน้า น้ คำ หลัง เช่นช่ราช อานุภ นุ าพ = ราชานุภ นุ าพ สาธารณ อุปโภค = สาธารณูป ณู โภค - ตัดสระพยางค์ท้ายคำ หน้า น้ และใช้ส ช้ ระพยางค์ต้นของคำ หลัง โดยเปลี่ยนสระพยางค์ต้นของคำ หลัง อะ เป็น ป็ อา อิ เป็น ป็ เอ อุ เป็น ป็ อู อุ, อู เป็น ป็ โอ เช่นช่พงศ อวตาร =พงศาวตาร ปรม อินทร์=ปรเมนทร์ มหา อิสี= สี มเหสี - เปลี่ยนสระพยางค์ท้ายของคำ หน้า น้ เป็น ป็ พยัญ ยั ชนะ คือ อิ อี เป็น ป็ ย อุ อู เป็น ป็ ว ลักษณะเฉพาะของคำ สนธิ
ใช้ส ช้ ระพยางค์ต้นของคำ หลังซึ่ง ซึ่ อาจเปลี่ยนรูปหรือ รื ไม่เม่ ปลี่ยนรูป ก็ได้ ในกรณีที่สระพยางค์ต้นของคำ หลังไม่ใม่ช่ อิ อี อุ อู อย่าย่งสระ ตรงพยางค์ท้ายของคำ หน้า น้ เช่นช่ กิตติ อากร = กิตยากร สามัค มั คี อาจารย์ = สามัค มั ยาจารย์ ธนู อาคม = ธัน ธั วาคม คำ สนธิบธิางคำ ไม่เม่ ปลี่ยนสระ อิ อี เป็น ป็ ย แต่ตัดทิ้ง ทั้งสระพยางค์ หน้า น้ คำ หลังจะไม่มีม่ มี อิ อี ด้วยกัน เช่นช่ ศัก ศั คิ อานุภ นุ าพ = ศัก ศั ดานุภ นุ าพ ราชินีชิ นี อุปถัมภ์ = ราชินูชิ ป นู ถัมภ์ หัส หั ดี อาภรณ์= หัส หั ดาภรณ์ 2.พยัญ ยั ชนะสนธิ คือการเชื่อมคำ ด้วยพยัญชนะ เป็น ป็ การเชื่อ ชื่ ม เสีย สี งพยัญ ยั ชนะในพยางค์ท้ายของคำ แรกกับเสียงพยัญ ยั ชนะหรือ รื สระในพยางค์แรกของคำ หลัง เช่นช่ -สนธิเธิข้า ข้ ด้วยวิธี โลโป คือลบพยางค์สุด สุ ท้ายของคำ หน้า น้ ทิ้ง เช่นช่ นิรนิส ภัย = นิรนิภัย ทุร ทุ ส พล = ทุร ทุ พล อายุรส แพทย์ = อายุรแพทย์ -สนธิเธิข้า ข้ ด้วยวิธี อาเสโท คือแปลงพยัญชนะท้ายของคำ หน้า น้ เป็น ป็ สระ โอ แล้วสนธิตธิามปกติ เช่นช่ มนส ภาพ = มโนภาพ ยสส ธร = ยโสธร รหส ฐาน = รโหฐาน
3. นฤคหิตหิสนธิ คือ การเชื่อ ชื่ มคำ ด้วยนฤคหิตหิเป็น ป็ การเชื่อ ชื่ มเมื่อ มื่ พยางค์หลังของคำ แรกเป็น ป็ นฤคหิตหิกับเสีย สี งสระในพยางค์แรกของคำ หลัง มี 3 วิธี คือ 1. นฤคหิตหิสนธิกัธิกั บสระ ให้เ ห้ปลี่ยนนฤคหิตหิเป็น ป็ ม แล้วสนธิกัน เช่นช่สํ อาคม = สม อาคม = สมาคม สํ อุทัย = สม อุทัย = สมุทั มุ ทั ย 2. นฤคหิตหิสนธิกัธิกั บพยัญ ยั ชนะของวรรค ให้เ ห้ปลี่ยนนฤคหิตหิเป็น ป็ พยัญ ยั ชนะตัวสุด สุ ท้ายของพยัญ ยั ชนะในแต่ละวรรค ได้แก่ วรรคกะ เป็น ป็ ง วรรคจะ เป็น ป็ ญ วรรคตะ เป็น ป็ น วรรคฏะ เป็น ป็ ณ วรรคปะ เป็น ป็ ม เช่นช่สํ จร = สญ จร = สัญ สั จร สํ นิบนิาต = สน นิบนิาต = สัน สั นิบนิาต 3. วรรคกะ เป็น ป็ สนธิกับพยัญชนะเศษวรรค ให้เ ห้ปลี่ยนนฤคหิตหิเป็น ป็ ง เช่นช่สํ สาร = สงสาร สํ หรณ์= สัง สั หรณ์
ตัวอย่างคำ สนธิ นครินทร์ ราโชวาท ราชานุสรณ์ คมนาคม ผลานิสงส์ ศิษยานุศิษย์ ราชินยานุสรณ์ สมาคม จุลินทรีย์ มหิทธิ นภาลัย ธนาณัติ สินธวานนท์ หิมาลัย ราชานุสรณ์ จุฬาลงกรณ์ มโนภาพ รโหฐาน สงสาร หัสดาภรณ์ จักขวาพาธ หัตถาจารย์ วัลยาภรณ์ นโยบาย อินทรธิบดี มหัศจรรย์ มหรรณพ มหานิสงส์ ดรุโณทยาน ภยาคติ บรรณารักษ์ เทพารักษ์ ทันตานามัย วโรดม สินธวาณัติ ศิลปาชีพ ปรเมนทร์ ทุตานุทูต นเรศวร กุศโลบาย ราโชบาย ชลาลัย สุโขทัย สังคม สมาทาน สุริโยทัย ขีปนาวุธ บดินทร์ พนาลัย อนามัย สังหรณ์ กินนรี สโมสร กาญจนามัย พลานามัย นิรภัย คณาจารย์ มีนาคม มกราคม กุมภาพันธ์ เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม ทุรชาติ ยโสธร อมรินทร์
ขอบคุณค่ะ