รายงาน
การเพ่ิมประสิทธิภาพการบำรุงรกั ษาเคร่อื งจักรในอุตสาหกรรม
กรณีศึกษา บรษิ ัท T F M I E T 19/2 จำกดั (มหาชน)
เสนอ
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กุณฑล ทองศรี
จัดทำโดย
นายชัยวตั ร สุธาเกียรติสกุล รหสั นักศึกษา 640407300724
นายทวัตร แกว้ ใส รหสั นักศกึ ษา 640407300913
นายสริ ิวัตน์ คำมงุ คุณ รหสั นักศกึ ษา 640407300973
นายนภัทร หลมิ เพียรลี้ รหสั นักศึกษา 640407301034
นายธีระ ใจพุก รหสั นกั ศึกษา 640407301250
นางสาวจนั ทร์พิทักษ์ อนิ ทรปาลติ รหสั นักศกึ ษา 640407301392
นายธนภทั ร วัฒทะนะ รหสั นักศกึ ษา 640407301407
นายสิทธิวัต สุระประจิต รหสั นักศกึ ษา 640407301451
นายอาทติ ย์ แสนคำ รหัสนักศกึ ษา 640407301543
…………………………………………………………………………………………..
รายงานฉบับนเ้ี ป็นส่วนหนงึ่ ของรายวชิ า ทอ. 375 เทคโนโลยีวิศวกรรมการซ่อมบำรุง
หอ้ งเรียน IET 19/2 สาขาวิชาเทคโนโลยวี ิศวกรรมอตุ สาหการ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษมบณั ฑติ
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
ไฟล์ Word ไฟล์ Power point
ไฟล์ PDF (E-book)
คำนำ
รายงานฉบบั นจี้ ดั ทำข้นึ เพ่ือเป็นส่วนหน่งึ ของรายวิชาทอ. 375 เทคโนโลยวี ิศวกรรมการซ่อมบำรุง เพ่ือให้
ไดศ้ ึกษาหาความร้ใู นเรื่องการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการบำรงุ รักษาเคร่ืองจักรในอตุ สาหกรรม กรณีศึกษา บริษัท T F M
I E T 19/2 จำกดั (มหาชน) และได้ศกึ ษาอย่างเข้าใจเพ่ือประโยชนก์ บั การเรยี น
คณะผู้จดั ทำหวงั วา่ รายงานฉบบั น้จี ะเปน็ ประโยชน์กบั ผู้อ่าน หรือนักเรียน นกั ศึกษา ท่ีกำลงั หาขอ้ มูลเรอ่ื ง
นอี้ ยู่ หากมีขอ้ แนะนำหรือข้อผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทำขอน้อมรับไว้และขออภยั มา ณ ท่ีนด้ี ว้ ย
คณะผจู้ ดั ทำ
( นกั ศกึ ษา กลมุ่ 5 IET 19/2 )
สารบญั หนา้
1
เรอื่ ง
บทที่ 1 บทนาํ 1-2
1.1 ความสำคัญและท่มี าของโครงาน 2
1.2 วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน 2
1.3 ขอบเขตของโครงงาน 2
1.4 ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ 2-3
1.5 วิธีการดำเนินโครงงาน 3
1.6 แผนงานการดำเนนิ โครงงาน 3
1.7 งบประมาณในการดำเนินโครงงาน
4-15
บทท่ี 2 ทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้อง 15-20
2.1 ประวัติและความเป็นมาของการบำรงุ รักษาหม้อแปลงไฟฟ้า 21-22
2.2 การบำรงุ รกั ษาเชงิ ปอ้ งกัน 22-24
2.3 ทฤษฏีแผนผงั เหตุและผล 25-28
2.4 การจดั การวสั ดคุ งคลงั แบบ ABC
2.5 งานวจิ ยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง 29
29-30
บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนนิ งาน 31-37
3.1 ข้อมูลท่วั ไปและกระบวนการของบรษิ ัท 38-40
3.2 ส่วนประกอบของหม้อแปลงไฟฟ้า 41-56
3.3 ข้อมูลของหมอ้ แปลงไฟฟ้า
3.4 การจัดการอะไหล่คลงั
สารบัญ (ต่อ)
เรือ่ ง หนา้
บทท่ี 4 ผลการเพิ่มประสิทธ์ิภาพ 57
4.1 วธิ ีดำเนินการวจิ ัย 57-62
4.2 ปรับปรุงแก้ไข 62-64
บทท่ี 5 สรปุ ผลการวิจยั และข้อเสนอแนะ 65
5.1 สรุปผลการวจิ ัย 65-66
5.2 ขอ้ เสนอแนะ 66
บทท่ี 1
บทนำ
1.1 ความสำคญั ของปัญหา
“ไฟฟา้ ” มคี วามสำคญั และมีความจำเป็นตอ่ การดำรงชวี ติ ประจำวนั ถอื เป็นปจั จยั หลกั ในธุรกจิ
อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่บางประเภท เมอ่ื ไฟฟา้ ดับแตล่ ะคร้ังกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายเปน็ มูลคา่ หลายแสนหรอื อาจจะ
เปน็ หลกั ลา้ นก็เป็นได้
ดงั น้ันการป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าดับถอื วา่ เปน็ เร่ืองใหญ่และเปน็ เร่ืองทีห่ ลายฝ่ายให้ความสำคัญเป็นอนั มาก
โดยเฉพาะการไฟฟ้าต่างๆ ทมี่ ีความรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งจะมกี ารดูแล/การบำรุงรักษาอุปกรณท์ ุกชนิดท่ใี ชง้ านใน
ระบบจำหนา่ ย ได้แก่ สายเคเบิล้ , เสาไฟฟ้า, เบรคเกอร์, รเี ลย์, หม้อแปลงไฟฟา้ , ระบบกราวด์ และอนื่ ๆ ให้มสี ภาพ
ดี พร้อมใช้งานเสมอ
“หมอ้ แปลงไฟฟ้า” เป็นอปุ กรณ์หลกั ชนิดหนงึ่ ในระบบจำหนา่ ยทเ่ี ราใช้งานกนั อยู่ในชีวิตประจำวัน ถอื เป็น
อุปกรณ์ท่ีมีความสำคัญ ในการนำพลังงาน ไปใชง้ านกบั อุปกรณไ์ ฟฟ้าของผู้ใชไ้ ฟ เพื่อจ่ายเข้าสอู่ าคาร, บ้านเรือน,
ถนนหนทางต่างๆ และอ่นื ๆ ให้เราไดใ้ ชป้ ระโยชน์กันอย่างเต็มท่ี และถา้ พจิ ารณากนั จะเหน็ ว่าหม้อแปลงไฟฟา้ จะ
ถูกใช้งานตลอด 24 ชัว่ โมงทกุ วัน เป็นเดือน เปน็ ปี ไม่มีการหยดุ ดงั นน้ั เพอ่ื ใหใ้ ช้งานไดอ้ ย่างต่อเนื่องและมีอายุยืน
ยาว จึงควรจัดให้มีการบำรุงรักษาและมกี ารวางแผนที่ดี โดยมีการกำหนดความถท่ี เี่ หมาะสมเชน่ ปีละคร้งั , 2ป/ี คร้ัง
, 3ป/ี คร้งั ซง่ึ ขึน้ อยกู่ ับองค์ประกอบหรอื ความจำเปน็ ตา่ งๆ เชน่ ลักษณะการจา่ ยโหลด, สภาพแวดลอ้ ม, สถานทีต่ ั้ง
และอื่นๆ และควรมีการกำหนดหวั ขอ้ การตรวจสอบบำรุงรกั ษาท่เี หมาะสม ถูกต้อง สอดคลอ้ งกับชนิดและประเภท
ของหม้อแปลงไฟฟ้า รวมทั้งใช้ช่างชำนาญการ, วธิ ีปฏบิ ัติการ, เคร่ืองมือ, เครอื่ งจักร, อุปกรณ์ท่ีได้มาตรฐาน
นอกจากนีใ้ นการบำรงุ รักษาควรจะดำเนินการในลักษณะทเี่ ป็น “การบำรุงรกั ษาเชิงป้องกัน” อยา่ งแทจ้ รงิ เพ่ือให้ได้
ประโยชน์อยา่ งเตม็ ท่ี กลา่ วคือ นอกจากจะบำรุงรักษาที่ตวั หมอ้ แปลงไฟฟา้ แล้ว ยังมองไปถงึ อปุ กรณป์ ้องกนั ท่ี
เกย่ี วข้องดว้ ยเพราะถึงแม้ว่า ตัวหม้อแปลงจะได้รบั การดแู ลรักษาอยา่ งดเี พียงไร แต่ถ้าหากอปุ กรณป์ ้องกันดงั กลา่ ว
ไม่อยู่ในสภาพพรอ้ มใชง้ าน ก็จะทำใหห้ ม้อแปลงไฟฟา้ ชำรุดไดอ้ ย่างง่ายดาย
งานศกึ ษาค้นควา้ นีไ้ ดเ้ ลือกกรณศี ึกษาการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการบำรุงรกั ษาหม้อแปลงไฟฟา้ ในอุตสาหกรรม
ของ บรษิ ัท T F M I E T 19/2 จำกัด (มหาชน) ซ่ึงหากหม้อแปลงไฟฟา้ ขาดการบำรุงรักษาความเสยี หายทเี่ กดิ ขึ้น
เม่ือหม้อแปลงไฟฟ้าเกิดการชำรดุ เสยี หาย นอกจากจะทำให้เสียค่าใชจ้ ่ายในการซ่อมหรือค่าเช่าหม้อแปลงไฟฟา้
ทดแทนแล้ว ยงั จะเปน็ ผลเสียตอ่ กิจกรรมอันควรที่จะไดด้ ำเนนิ ไปโดยปกติอีกด้วย ซึง่ ในบางลักษณะกิจการอาจเกดิ
1
ความสญู เสยี อยา่ งมหาศาล ท้ังน้ไี ดศ้ ึกษาเกยี่ วกับอุปกรณ์ป้องกนั สำหรับหม้อแปลงไฟฟา้ เพ่ือความปลอดภัยในการ
ใชง้ าน และยงั สามารถปอ้ งกันความเสียหายต้งั แต่ติดต้งั จนถึงปจั จุบนั ถูกใช้งานตลอดเวลา ซึ่งอาจจะเกิดการ
เสือ่ มสภาพ และชำรุดได้ จงึ จำเป็นตอ้ งได้รับการบำรุงรกั ษา เพอ่ื ยดื อายกุ ารใชง้ านให้ยาวนานขน้ึ ตามความ
ตอ้ งการ
1.2 วัตถปุ ระสงค์ของการศกึ ษา
1.2.1 เพอื่ ศกึ ษาการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการบำรงุ รักษาหมอ้ แปลงไฟฟ้าในอตุ สาหกรรมและลดความ
สูญเสยี เวลา การทำงานของเคร่ืองจักร
1.2.2 เพ่อื กำหนดมาตรการการป้องกนั ความเสยี หายและดำเนนิ การบำรงุ รักษาหมอ้ แปลงไฟฟ้า โดยมี
เป้าหมายเพื่อยดื อายุการใช้งานและใหห้ ม้อแปลงอยู่ในสภาพดตี ามความต้องการ
1.3 ขอบเขตของการศึกษา
1.3.1 การศึกษาค้นควา้ นี้ใช้ บรษิ ัท T F M I E T 19/2 จำกดั (มหาชน) เพื่อศึกษาการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกนั
ของหม้อแปลงไฟฟ้า โดยการทำ PM (Preventive maintenance) อย่างนอ้ ยปีละ 1 ครัง้
1.3.2 เพือ่ ตรวจสอบตวั ถังหม้อของแปลงไฟฟ้า (Main Tank)
1.3.3 เพอื่ ตรวจสอบการรัว่ ซึมรอบนอกของหม้อแปลงไฟฟ้า
1.3.4 เพ่อื ตรวจสอบชุดกรองความช้ืน (Dehydrating Breather) ของหม้อแปลงไฟฟา้
1.3.5 นำแผนการบำรงุ รักษาไปดำเนินการวเิ คราะหข์ ้อมลู เพ่อื หาคา่ MTBF MTTR และ% Machine
Availability เพ่อื เปรียบเทยี บค่าท่ีไดก้ ่อนการดำเนินการบำรุงรักษา
1.4 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับ
1.4.1 รแู้ ละความเข้าใจการบำรงุ รกั ษาและป้องกนั การชำรุดเสยี หายของหมอ้ แปลงไฟฟา้
1.4.2 สามารถยดื อายุการใชง้ านของหม้อแปลงไฟฟ้า
1.4.3 สามารถตรวจสอบตวั ถังหมอ้ ของแปลงไฟฟ้า (Main Tank) ได้
1.4.4 สามารถตรวจสอบชุดกรองความช้นื (Dehydrating Breather) ของหม้อแปลงไฟฟ้าได้
1.4.5 สามารถคำนวณหาค่า MTBF MTTR และ% Machine Availability เพอื่ เปรยี บเทียบค่าท่ไี ด้ก่อน
การดำเนนิ การบำรงุ รักษา
1.4.5 นำไปประยุกต์ใช้กับการบำรุงเครือ่ งจักร หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้
1.5 วธิ กี ารดำเนนิ โครงงาน
1.5.1 เก็บข้อมลู
1.5.2 ศกึ ษาสภาพปญั หาและวิเคราะหป์ ัญหาเบื้องต้น
1.5.3 เสนอปญั หาต่อคณะกรรมการ
2
1.5.4 วเิ คราะหป์ ญั หาเชงิ ลกึ และกำหนดมาตรการแกไ้ ข
1.5.5 วางแผน ดำเนินการและตดิ ตามผล
1.5.6 ทบทวนและปรบั ปรุงแก้ไข
1.5.7 ประเมนิ ผลเปรียบเทียบกับเป้าหมายและสรุปผล
1.5.8 จดั ทำรายงานและนำเสนอ
1.6 แผนงานการดำเนินโครงงาน
การดำเนินการ ระยะเวลาการดำเนินโครงงาน
ปี 2562
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
1. เกบ็ ข้อมูล
2. ศกึ ษาสภาพปัญหาและ
วิเคราะห์ปญั หาเบ้ืองต้น
3. เสนอปญั หาตอ่
คณะกรรมการ
4. วิเคราะหป์ ัญหาเชงิ ลึกและ
กำหนดมาตรการแก้ไข
5. วางแผน ดำเนนิ การและ
ตดิ ตามผล
6. ทบทวนและปรับปรุงแกไ้ ข
7. ประเมนิ ผลเปรยี บเทยี บกับ
เปา้ หมายและสรุปผล
8. จัดทำรายงานและนำเสนอ
1.7 งบประมาณในการดำเนนิ โครงงาน
1.7.1 คา่ ถ่ายเอกสารและค่าเดินทาง5,000 บาท
1.7.2 เครื่องพมิ พเ์ อกสาร อุปกรณถ์ ่ายภาพ และอุปกรณ์อนื่ ๆ 6,000 บาท
รวมงบประมาณท้ังหมด 11,000 บาท
3
บทที่ 2
ทฤษฎีที่เกยี่ วข้อง
2.1 ประวตั ิและความเป็นมาของการบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า
หม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง เปน็ อุปกรณ์ไฟฟา้ ที่มีราคาสูงทสี่ ุดในระบบสง่ จ่ายกำลงั ไฟฟ้า ดังน้ันเพอื่ ใหไ้ ด้
ประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดและอายุการใช้งานท่ียืนยาวคุ้มคา่ จงึ จำเปน็ ตอ้ งมกี ิจกรรมการบำรุงรักษาหม้อแปลง
ไฟฟา้ กำลงั ที่มีประสทิ ธผิ ลสูง ทีน่ อกเหนือไปจากการวัดและการทดสอบเพื่อให้ได้ค่าพารามเิ ตอร์ต่าง ๆ จาการ
ทดสอบประจำและรายปี ในงานบริหารการผลติ หรือการบริการ มกั จะหลีกเลี่ยงงานเพิ่มเติมท่ีสำคญั งานหน่งึ ไป
ไมไ่ ดซ้ ึ่งก็คือ การซอ่ มแซมและบำรุงรกั ษาถึงแมว้ า่ งานซ่อมแซมและบำรุงรกั ษาจะไม่ใชง่ านผลิตโดยตรง แต่งาน
ซ่อมแซมและบำรุงรกั ษา ก็มีบทบาทสำคญั ที่จะช่วยใหก้ ารผลติ และการบริการขององคก์ รนนั้ ๆ เปน็ ไปอย่างราบรื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกปจั จุบันที่ การผลติ และการบรกิ ารจำเป็นท่ีจะต้องอาศัยแรงดนั ไฟฟา้ ท่ีมเี สถียรสูงเพอื่ ใช้
เทคโนโลยี อปุ กรณ์และเคร่ืองจักรได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพสงู สุดการทห่ี ม้อแปลงไฟฟา้ เกิดขัดข้องขน้ึ มากะทนั หัน
หรือไมส่ ามารถใชง้ านไดจ้ ะทำใหม้ ีผลกระทบโดยตรงต่อประสทิ ธิภาพการผลิตและการบริการน้ัน ๆ
2.1.1 การสญู เสียในหม้อแปลงไฟฟา้
การสญู เสียในหม้อแปลงไฟฟ้า (Losses in a Transformer) หมอ้ แปลงไฟฟ้า นบั ได้ว่าเปน็ เครื่องกลไฟฟ้า
ท่ีมีการสญู เสียน้อยท่สี ุดเมื่อนำไปเปรียบเทียบกบั เครื่องกลไฟฟ้าชนดิ อืน่ เชน่ มอเตอร์ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟา้
เพราะวา่ หม้อแปลงไฟฟา้ ไม่มีสว่ นประกอบใดๆ ท่ีเคลื่อนที่ได้ ดงั นั้นจึงไม่มกี ารสญู เสียเน่ืองจากความผดื และแรง
ตา้ นจากลม (Friction and Windage Losses) ดังนัน้ จงึ มกี ารสูญเสียเพยี งสองสว่ นเท่าน้นั คอื
2.1.1.1 การสญู เสยี ในแกนเหลก็ (Iron Loss or Core Loss)
การสูญเสียในแกนเหล็กจะประกอบดว้ ยการสญู เสีย 2 ชนดิ คือการสญู เสียเน่ืองจากฮสิ เตอรซี สี และการสญู เสยี
เนือ่ งจากกระแสไฟฟา้ ไหลวนในแกนเหล็ก ท้ังน้เี นอื่ งจากเส้นแรงแม่เหลก็ ร่วมมคี า่ คงท่ตี ลอดเวลาทกุ สภาวะโหลด
ดงั นน้ั การสญู เสยี ชนิดน้ีจงึ มีค่าคงท่ีแมว้ ่าโหลดจะมีการเปลี่ยนแปลง
▪ การสญู เสียเนอื่ งจากฮิสเตอรีซสี (Hysteresis Loss)
▪ การสูญเสียเนอ่ื งจากกระแสไฟฟ้าไหลวน (Eddy Current Loss)
4
2.1.1.2การสูญเสียในขดลวดตัวนำ (Copper Loss)
การสญู เสียในขดลวดตวั นำหรอื ขดลวดทองแดง เกิดข้ึนเนือ่ งจากความต้านทานของขดลวดท้ังด้านปฐมภูมแิ ละ
ทตุ ิยภมู ขิ องหม้อแปลงไฟฟา้ ขณะท่ีหม้อแปลงไฟฟ้าทำงานภาวะไมม่ โี หลดจะมกี ระแสไฟฟา้ ไหลในขดลวดปฐมภมู ิ
จะมปี รมิ าณเพิ่มขึน้ เพยี งเลก็ น้อย
2.1.2 จดุ มุง่ หมายของการบำรงุ รกั ษา
การดำเนินกิจกรรมซ่อมบำรุงตามกำหนดเวลากอ่ นท่ีหมอ้ แปลงไฟฟา้ จะเกดิ ชำรุดเสียหาย ป้องกันการหยดุ
ของเคร่ือง จักรโดยฉกุ เฉิน สามารถทำไดด้ ว้ ยการตรวจสภาพหม้อแปลงไฟฟ้า การทำความสะอาด การทดสอบคา่
ฉนวนต่าง ๆ
การบำรงุ รักษาหม้อแปลงไฟฟา้ ตอ้ งดำเนนิ การอยา่ งน้อย ปีละ 1 ครง้ั เพื่อสำรวจสภาพหมอ้ แปลงไฟฟ้า
รวมถงึ การตรวจสอบและทดสอบประสทิ ธิภาพในการป้องกนั ความเสยี หาย เพราะหม้อแปลงไฟฟ้าชำรดุ อาจทำให้
สายการผลติ ตอ้ งหยุด ดังน้ัน การบำรงุ รักษาหม้อแปลงไฟฟา้ อย่างถูกตอ้ งมมี าตรฐานต้องกระทำโดยผเู้ ช่ียวชาญ
เฉพาะด้านเท่านัน้
▪ เพือ่ ให้หมอ้ แปลงไฟฟ้าใชท้ ำงานไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ (Effectiveness) คือ สามารถใช้หมอ้ แปลง
ไฟฟ้าไดเ้ ตม็ ความสามารถและตรงกับวัตถปุ ระสงคท์ ่จี ัดหามามากที่สุด
▪ เพ่อื ให้หม้อแปลงไฟฟ้ามสี มรรถนะการทำงานสูง (Performance) และช่วยให้หมอ้ แปลงไฟฟา้ มีอายุ
การใชง้ านยาวนานเพราะเมอ่ื หม้อแปลงไฟฟ้าไดใ้ ชง้ านไประยะเวลาหนงึ่ จะเกดิ การเสือ่ มสภาพ ถ้า
หากไม่มกี ารปรับแต่งหรอื ซ่อมแซมแล้ว อาจเกิดการขดั ข้อง ชำรดุ เสยี หายหรือ ไมส่ ามารถ
ดำเนนิ การผลิตได้
▪ เพอื่ ให้หมอ้ แปลงไฟฟ้ามีความเสถยี ร (Reliability) คือ การทำให้หม้อแปลงไฟฟ้ามีมาตรฐาน ไม่มี
ความคลาดเคลื่อนใด ๆ เกิดขึ้น
▪ เพื่อความปลอดภยั (Safety) ซึง่ เปน็ จดุ มุง่ หมายท่สี ำคัญ หม้อแปลงไฟฟ้าจะตอ้ งมคี วามปลอดภัย
เพยี งพอต่อผูใ้ ช้งาน ถ้าหมอ้ แปลงไฟฟา้ ทำงานผดิ พลาด ชำรดุ เสียหาย ไมส่ ามารถทำงานไดต้ ามปกติ
อาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อบุ ัตเิ หตุ และการบาดเจบ็ ตอ่ ผใู้ ช้งานได้ การบำรงุ รกั ษาทีด่ จี ะชว่ ยควบคุมการ
ผิดพลาด
5
2.1.3 ประเภทของการบำรุงรักษา
การบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟา้ กำลังแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทหลกั คอื
▪ การบำรุงรักษาแบบตรวจสอบประจำ(Routine Test & Measurement Maintenance)
▪ การบำรงุ รกั ษาตามความต้องการนน่ั กค็ ือ การบำรงุ รักษาแบบตรวจสอบเป็นระยะ (Periodic
Inspection Maintenance)
การตรวจสอบสภาพ (Condition Maintenance)
ซ่งึ หากปฏบิ ัติได้อยา่ งเหมาะสมจะช่วยหลีกเล่ียงการซ่อมบำรุงแบบฉกุ เฉินหรอื เบรกดาวน์ได้มากโดย
บทความน้จี ะได้กล่าวถงึ การตรวจสอบสภาพภายนอกดว้ ยสายตา (Visual Inspection) เป็นระยะ ๆ ทุก 6 เดือน
ถงึ 1 ปหี รอื ถี่กวา่ นน้ั สำหรบั จดุ สำคัญท่ผี ้มู หี นา้ ท่รี บั ผิดชอบควรจะใหค้ วามสำคญั และเอาใจใส่
การตรวจสอบสภาพภายนอกดว้ ยสายตา
จะทำให้ได้รบั ข้อมูลสำคัญหลายอย่างเกย่ี วกับสภาพภายนอกของหม้อแปลงไฟฟ้า เชน่ ตำแหน่งวาลว์ ท่ไี ม่
ถูกต้อง (Valves Positioned Incorrectly) เกดิ การอุดรูที่ครีบระบายความรอ้ น (Plugged Radiator) การตดิ ขัด
ของตัวชคี้ า่ อุณหภูมิและระดบั นำ้ มนั (Stuck Temperature Indicators and Level Gauges) การเกิดเสยี งดัง
ผิดปกตขิ องปัม๊ นำ้ มนั หรอื พัดลมระบายความร้อน (Noisy Oil Pumps or Fans) การร่ัวไหลของน้ำมัน (Oil Leaks)
ซึ่งมักจะเปน็ โอกาสของการปนเปือ้ นในนำ้ มัน (Oil Contamination)
การสญู เสยี ความเป็นฉนวน (Loss of Insulation) หรอื สรา้ งปญั หาแก่สิง่ แวดล้อม (Environmental
Problems) การตรวจสอบสภาพภายนอกดว้ ยสายตาหรือดา้ นกายภาพ (Physical Inspection) ตอ้ งการชา่ ง
เทคนิคหรือวศิ วกรท่ีมีประสบการณ์สงู ในเรื่องเหลา่ นี้เปน็ ผู้ดำเนินการ
สาเหตกุ ารพังเสียหายของหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง
พบว่าการพังเสียหายจากสาเหตุอ่นื ๆ สูงสุดท่ี 25% ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากจดุ ที่ควรตรวจสอบสำหรบั หม้อ
แปลงไฟฟ้ากำลังที่จะนำเสนอต่อไปนี้กเ็ ป็นได้
การตรวจสอบบำรงุ รกั ษาแบบเปน็ ระยะสำหรบั หมอ้ แปลงไฟฟ้าแรงดนั ปานกลาง
6
ตำแหน่งสำคญั ท้ัง 12 จดุ ของหม้อแปลงไฟฟา้ กำลังขนาดแรงดนั ปานกลาง (11, 22 และ 33 kV) ทีแ่ นะนำให้มีการ
ตรวจสอบด้วยสายตาเปน็ ระยะ ๆ มดี ังนี้
1. การอ่านเกจวัด (Gauge Readings)
2. ชุดกรองความชื้น (Conservator Breather)
3. พัดลมระบายความร้อนและครีบระบายความร้อน (Cooling Fans and Radiators)
4. ปั๊มน้ำมนั (Oil Pumps)
5. บชุ ช่ิงและวัสดฉุ นวนของตัวลอ่ ฟา้ (Bushing and Surge Arrester Insulators)
6. บรเิ วณข้วั ต่อของบุชชงิ่ (Bushing Terminals)
7. ตวั เปลี่ยนแทป็ แรงดันไฟฟ้า (Tap Changer)
8. บคู โฮลซ์รเี ลย์ (Buchholz Relay)
9. การทดสอบค่าไดอิเล็กตรกิ ของฉนวนเหลว (Fluid Dielectric Test)
10. ตรวจสอบปะเก็นครอบตวั ถงั หมอ้ แปลง (Gasket)
11. สายวงจรควบคุม (Control Wiring)
12. สภาพสตี วั ถงั หม้อแปลง (Paint Finish)
2.1.4 ประโยชนข์ องการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกัน
▪ สามารถยดื อายุการทำงานของหมอ้ แปลงไฟฟ้าและป้องกันการชำรดุ เสยี หายระหวา่ งการใชง้ าน
▪ ทำได้งา่ ยและสะดวกรวดเรว็ ไมก่ ระทบกับการผลติ เพราะมีกำหนดเวลามีข้อมลู และวิธีการทำงานพร้อม
▪ ลดเวลาทห่ี ยุดชะงักเน่ืองจากหมอ้ แปลงไฟฟ้าชำรดุ ระหว่างการผลติ ลงได้
▪ สามารถลดอบุ ตั ิเหตหุ รืออันตรายเนื่องจากการชำรดุ ของหมอ้ แปลงไฟฟ้าลงได้
▪ ทำใหว้ างแผนได้ง่ายและทำให้สามารถใช้พนักงานซ่อมบำรงุ ตลอดจนอุปกรณ์และเคร่ืองมอื ไดอ้ ย่างมี
ประสิทธภิ าพ
การบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั ( Preventive Maintenance) คือ การดำเนินกจิ กรรมซ่อมบำรุงตาม
กำหนดเวลาก่อนทีห่ ม้อแปลงไฟฟา้ จะเกิดชำรุดเสยี หาย ป้องกนั การหยุดของเคร่ืองจกั รโดยฉุกเฉนิ สามารถทำได้
ดว้ ยการตรวจสภาพหม้อแปลงไฟฟา้ การทำความสะอาด การทดสอบค่าฉนวนต่าง ๆ
การบำรุงรกั ษาหม้อแปลงไฟฟา้ ต้องดำเนินการอยา่ งน้อย ปีละ 1 ครง้ั เพื่อสำรวจสภาพหม้อแปลงไฟฟา้ รวมถึง
การตรวจสอบและทดสอบประสิทธิภาพในการปอ้ งกันความเสยี หาย เพราะหม้อแปลงไฟฟ้าชำรุดอาจทำให้
7
สายการผลติ ต้องหยดุ ดังน้นั การบำรุงรกั ษาหม้อแปลงไฟฟา้ อยา่ งถูกต้องมีมาตรฐานต้องกระทำโดยผูเ้ ชี่ยวชาญ
เฉพาะดา้ นเท่าน้นั
หัวข้อรายการตรวจเชค็
1. ตัวถังหมอ้ แปลงไฟฟ้า (Main Tank)
1.1 ตรวจรอยรัว่ ซึมของนำ้ มัน,คราบน้ำมนั
1.2 ตรวจคราบสกปรก,ฝ่นุ และขยะทีเ่ กาะติด
1.3 ตรวจดวู า่ เกิดสนิมหรือการกดั กร่อนของตัวถัง
2. การรัว่ ซึมรอบนอกของหมอ้ แปลงไฟฟา้
2.1 ตรวจดูปะเกน็ /ซีลยางต่างๆ
2.2 ตรวจดวู าล์วถา่ ยนำ้ มนั (Drain Valve)
3. ชดุ กรองความชน้ื (Dehydrating Breather)
3.1 ตรวจสอบการเปลย่ี นสีของ ซลิ กิ ้าเกล (Silica gel) จาก สีนำ้ เงินเข้มเป็นสชี มพูไป 3/4 ของกระบอกกรอง
ความช้ืน (ควรแก้ไข)
3.2 ตรวจสอบระดบั นำ้ มันในถว้ ยใต้กระบอกกรองความช้ืนว่ามอี ยใู่ นระดบั ทีม่ าตรฐาน
3.3 ตรวจสอบซลี ยางและน๊อตสกูรต้องไม่มีคราบน้ำมันซึมและซลี ยางไม่แตกระแหง มผี ิวเรียบ
3.4 ต้องดึงแผน่ อลูมิเนียมออกก่อนติดตงั้ และจ่ายไฟ
8
4. การตรวจวดั ค่า (Insulation Resistance) 2000 MW – 5000 MW (20 C)
1. H. V. – L.V. ต้องไม่ตำ่ กวา่ 1000 MW
2. H.V. – Ground ตอ้ งไม่ตำ่ กว่า 1000 MW
3. L.V. – Ground ตอ้ งไมต่ ่ำกว่า 1000 M
5. บุชชิง่ แรงสูง – แรงต่ำ (Bushing)
5.1 ตรวจสภาพผวิ (คราบนำ้ มัน,รอยอาคท(์ Arc),ครีบบิน่ แตก
5.2 ตรวจความสะอาดของบชุ ช่ิง
5.3 ตรวจดูรอยร่วั ซมึ ของคราบนำ้ มัน ,สภาพซลี ยาง (Seal)
5.4 ตรวจ Bolt & Nut ของบุชช่งิ แรงสูง-แรงต่ำ
6. ขัว้ ต่อสายไฟเขา้ – ออก ดา้ นแรงสูงและแรงตำ่ (Terminal Connector H.V.,L.V.)
6.1 ขั้วต่อสายไฟเขา้ – ออก ด้านแรงสูงและแรงตำ่ (Terminal Connector H.V.,L.V.)
6.2 ตรวจ ดรู อยอาคท์ (Arc) หรอื Overheat
6.3 ตรวจ Bolt & Nut ของ Terminal Connector ให้แนน่
6.4 ตรวจสอบความสะอาดและทา Compound เพือ่ ชว่ ยเคลือบคลุมรอยสัมผสั ไว้ เปน็ การกันความช้นื และ
ออ๊ กซิเจนในอากาศ
9
7. ชุดปรับแรงดนั ไฟฟ้า ( Off Load Tap Changer)
7.1 ตรวจสภาพของ Handle และ Tap Changer ตรงล็อกหรือไม่
7.2 ตรวจสอบรอยรว่ั ซึมของน้ำมันและซีลยาง (Seal)
7.3 ตรวจสอบการอาร์ค (Arc) หรือเช่ือมติดของ Tap Changer โดยการหมุนไป – มา 4-5 ครั้ง
8. ที่วดั ระดบั น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า (ถา้ ม)ี
8.1 สังเกตการขยับตวั ของเข็มวดั ระดับ(ถ้ามี)
8.2 ตรวจดรู ะดับน้ำมนั อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (20°C ) หรือไม่
8.3 ตรวจขัน น๊อต สกูรให้แนน่
8.4 ตรวจสอบรอยรัว่ ซึมน้ำมันและซีลยาง (Seal)
8.5 ตรวจสอบ กระจก/พลาสตกิ วา่ แตกชำรุด หรือไม่
10
9. เทอรโ์ มมิเตอร์ (ถ้ามี)
9.1 เทอร์โมมเิ ตอร์ (ถ้ามี)
9.2 ตรวจสอบกระจก/พลาสติกหนา้ ปดั แตกชำรดุ หรอื ไม่
9.3 ตรวจสอบรอยรั่วซมึ คราบน้ำมนั
9.4 ตรวจสอบค่าที่วัดอุณหภูมิ Top oil เกนิ ค่าท่ีกำหนดหรือไม่ (ไมเ่ กนิ 60°C)
9.5 ตรวจสอบการทำงานของอุณหภมู ิถูกต้องหรอื ไม่
10. อุปกรณค์ วามดัน (Pressure Relief Device) (ถ้าม)ี
10.1 ตรวจสอบรอยรว่ั ซึมคราบน้ำมนั
10.2 ความดนั ตงั้ (0.5 bar)
10.3 ระดับน้ำมันในท่อเติมเต็ม
11
11. บุชโฮลซร์ เี ลย์ (Buchholz Relay) (ถ้ามี)
11.1 ตรวจสอบกระจก/หน้าปดั แตกชำรดุ หรอื ไม่
11.2 ตรวจสอบมี Gas สะสมมากผดิ ปกติหรือไม่
11.3 ทดสอบการทำงาน
12. นำ้ มันหมอ้ แปลงไฟฟ้า
12.1 ทดสอบค่า Breakdown Voltage ตามมาตรฐาน ASTM หรอื IEC
12.2 ตรวจสอบสีของนำ้ มัน
12.3 ตรวจสอบคา่ ความเป็นกรด,ความหนืด
12.4 ตรวจสอบสง่ิ เจือปนในน้ำมัน
12
ขอ้ แนะนำสำหรับการบำรุงรักษาหม้อแปลง
1.ควรตรวจสอบหม้อแปลงโดยตลอดทันทีทมี่ ีการตรวจรบั หม้อแปลงจากบริษัท
2..ไมค่ วรป้อนพลังงานไฟฟา้ (energized) แก่หม้อแปลง จนกวา่ จะเติมน้ำมันถึงระดบั ที่กำหนดไวแ้ ล้วเท่านนั้
3.หลกี เล่ยี งการกระแทกหรือสน่ั สะเทือนที่อาจจะเป็นอนั ตรายต่อโครงสรา้ งภายในระหว่างการโยกย้ายหรือขนสง่
4.ตรวจสอบบชุ ชงิ่ และส่วนประกอบอ่ืนๆ ใหต้ ดิ แนน่ ก่อนที่จะนำไปใชง้ าน
5.การเตมิ น้ำมันหมอ้ แปลง พึงระมัดระวังมใิ ห้มีความชน้ื หรือสารอื่นใดเจอื ปนลงไปในหม้อแปลงได้
6.ไม่ควรห้ิวยกหม้อแปลงทบี่ ุชชิ่งหรืออุปกรณ์ทตี่ ดิ แนน่ อยู่บนตัวหม้อแปลง ควรยกทห่ี ูหว้ิ ของหม้อแปลงเท่าน้ัน
7.ถา้ เปน็ หมอ้ แปลงทใี่ ช้ในระบบจำหนา่ ยทตี่ ิดตัง้ อย่กู ับเสาไฟฟ้า ควรยึดหม้อแปลงให้แน่นและอยู่ในแนวด่งิ
8.เมอื่ ทำการบำรงุ รักษาชนดิ ปอ้ งกัน (PM) ให้ทำการตรวจสอบทีบ่ ชุ ช่งิ ทั้งหมด, ข้อต่อ, ปะเกน็ , อปุ กรณ์ส่ง
สัญญาณปอ้ งกัน, สที ีท่ าตวั ถังและส่วนประกอบภายนอกทั้งหมดในเร่อื งสนมิ รอยกดั กร่อน หรอื มีรอยรว่ั ซมึ
ตรวจเช็คระดบั น้ำมนั และทดสอบสภาพความเปน็ ฉนวนของนำ้ มัน (การทดสอบความเป็นฉนวนของนำ้ มันนี้ควร
กระทำทุก 3-6 เดือนสำหรับหมอ้ แปลงขนาดใหญ่) แตถ่ า้ เป็นหม้อแปลงขนาดเลก็ ให้กระทำทุกปี และเม่อื พบวา่
นำ้ มันมีค่าต่างไปจากมาตรฐานกำหนดใหท้ ำการกรองความบริสทุ ธน์ิ ำ้ มันทนั ที
9.ทกุ ครั้งทีม่ กี ารเปิดตัวถังออกเพ่ือตรวจสอบ เม่ือปดิ ฝาถงั จะต้องปิดใหแ้ นน่ และตรวจเช็คความสมบูรณ์ของปะเกน็
ดว้ ย
10.ถา้ หม้อแปลงหลายตัวตอ่ ขนานกนั ไวเ้ พื่อช่วยกันจ่ายโหลด เวลาทำงานกบั หม้อแปลงตัวใดตวั หนึง่ จะต้อง
คำนึงถงึ อนั ตรายทเ่ี กิดจากแรงดันไฟฟา้ ทย่ี ้อนกลบั ด้วย จงึ ควรปลดตัวท่ีกำลงั ตรวจซอ่ มอยู่นัน้ ออกทั้งทางด้านแรง
สงู และแรงต่ำการตรวจสอบและบำรุงรกั ษาหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นระบบการทำงานที่มีความสำคัญยง่ิ ช่างท่ีทำหน้าที่
ในการตรวจสอบต้องเปน็ ผูท้ ี่มีความรู้ ความสามารถและความชำนาญเปน็ การเฉพาะอยูภ่ ายใต้การกำกับดูแลของ
วิศวกร มีความรูเ้ ขา้ ใจเกย่ี วกับโครงสร้างและส่วนประกอบทัง้ ภายในและภายนอกของ หม้อแปลงรายละเอยี ดบน
แผน่ ป้ายของหม้อแปลง รวมทั้งชนดิ ของการตรวจสอบ และบำรุงรักษาของ หม้อแปลงท้งั แบบประจำวันและตาม
กำหนดเวลา ตลอดจนมีความสามารถในการใช้งานเคร่อื งมือวดั ทางไฟฟ้า เชน่ เมกเกอร์ วีตสโตนบริดจ์ เรโช
มเิ ตอร์ และเคร่ืองมือวัดอืน่ ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องได้ดี
การบำรุงรักษาทวีผล(Productive Maintenance) เป็นวิธที ่คี รอบคลมุ ขอบเขตที่กว้างขึน้ โดยนำเอาวธิ ี
บำรุงรกั ษาเชงิ ป้องกันเข้ามาอยูด่ ว้ ยในขณะเดยี วกันก็คำนึงถึงผลทาง เศรษฐศาสตร์ของการผลติ คือการนำเอาค่า
ความเสยี หายของการเสื่อมสภาพและค่าใชจ้ ่ายของการบำรงุ รักษามา พิจารณาหาจดุ ท่เี หมาะสมและสรา้ งขน้ึ เปน็
ระบบบำรุงรักษานัน้ เอง
13
1. การบำรงุ รกั ษาเชิงแก้ไขปรับปรุง (Corrective Maintenance) คือการดำเนิน การเพื่อการดดั แปลง
ปรบั ปรุงแก้ไขหม้อแปลงหรือสว่ นของหม้อแปลงเพ่อื
▪ ขจดั เหตุขัดข้องเรื้อรังของหม้อแปลงใหห้ มดไปโดยส้ินเชิง
▪ ปรบั ปรุงหมอ้ แปลงให้สามารถใชง้ านไดด้ ว้ ยคณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพท่สี งู ขึ้น
การบำรงุ รักษาเชิงแก้ไขปรบั ปรุงไม่ไดห้ มายถึงการแก้ไขปรับปรงุ วธิ ีบำรงุ รกั ษาแตจ่ ะหมายถึงการแก้ไข
ปรบั ปรงุ ตวั หมอ้ แปลงเพ่ือท่ีจะลดความเสียหายจากการเส่ือมสภาพและค่าใช้จ่ายของการบำรุงรักษาลง กลา่ วคือ
เปน็ การปรับปรงุ คุณสมบตั ิของหมอ้ แปลงใหด้ ขี ้นึ นั้น เองแต่ในกรณที ่ีค่าใช้จา่ ยของการแก้ไขปรับปรงุ หม้อแปลง
มากกว่าผลรวมของค่าใช้จา่ ยในการบำรงุ รักษาและความเสียหายจากการเสื่อมสภาพก็จะทำให้วิธกี ารบำรุงรกั ษา
เชงิ แก้ไขปรับปรุงนี้ไม่มีความหมาย ดังนั้นจงึ จำ เป็นจะต้องมกี ารควบคุมเช่นเดยี วกับการบำรุงรักษา เชงิ ป้องกัน
CM มกั จะมีเปา้ หมายในการลดการสญู เสยี ลดต้น ทนุ ในการซอ่ มบำรงุ ลดเวลาในการซ่อม ยืดอายุ การใช้งานของ
หมอ้ แปลง
ดงั นน้ั /อาจจะพดู ไดว้ ่าการทำ CM เปน็ กจิ กรรมท่สี ำคัญมากเทียบกับกิจกรรมซอ่ มบำรงุ ในลักษณะอ่นื ๆ
2. การบำรุงรักษาทีท่ ุกคนมีสว่ นรว่ ม (Total Productive Maintenance: TPM) เปน็ การบำรงุ รักษาท่ีมี
การกำหนดเป้าหมายให้หม้อแปลงอยูใ่ นสภาพท่มี ีประสิทธิภาพสงู สดุ (การปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม)
ระบบ TPM เป็นลักษณะของการสร้างระบบ ของ Productive Maintenance โดย มเี ปา้ หมายทีว่ งจร
ชวี ติ ของหม้อแปลงมีการสร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝา่ ยไมว่ า่ จะเป็น ฝา่ ยบริหาร, ฝา่ ยผลิต และฝา่ ย
ซ่อมบำรุงจะมีการจัดให้พนักงานในทกุ ระดับ มีสว่ นร่วมและมกี ารบริการโดยกอ่ ใหเ้ กดิ แรงจูงใจ เสรมิ
กจิ กรรมกลุ่มยอ่ ยในการทำ Productive Maintenance
3. การปอ้ งกันการบำรุงรกั ษา (Maintenance Prevention) คือการดำเนนิ การใด ๆ ก็ตาม ทีจ่ ะใหไ้ ด้มา
ซง่ึ หมอ้ แปลงทีไ่ มต่ ้องการการบำรงุ รกั ษาหรือต้องการแต่นอ้ ยทีส่ ุด สามารถดำเนินการไดโ้ ดย
▪ การออกแบบหม้อแปลงให้แข็งแรงทนทานบำรงุ รกั ษางา่ ย
▪ ใช้เทคนคิ และวสั ดซุ งึ่ จะทำให้หมอ้ แปลงมคี วามเช่อื ถือไดส้ ูง
▪ รู้จกั เลอื กและซ้ือหม้อแปลงที่ดีทนทาน ซ่อมง่ายและ มรี าคาทเ่ี หมาะสม
14
การปอ้ งกนั การบำรุงรักษาจะได้ผลกต็ ่อเม่ือมขี ้อมลู และประวัติของหม้อแปลง โดยละเอียด ซ่ึงการศึกษาและ
วิเคราะห์ข้อมลู ที่มอี ยู่จะช่วยให้การออกแบบหรือการเลือกซื้อหม้อแปลงบรรลถุ งึ วตั ถุประสงค์ของการป้องกันการ
บำรุงรักษาได้
2.2 การบำรุงรักษาเชงิ ป้องกัน
โดยทว่ั ไปหม้อแปลงไฟฟ้า หม้อแปลงและสิง่ อำนวยความสะดวกจะมีความสกึ หรอจากการใชง้ านและ
สภาพแวดลอ้ มแม้วา่ จะมีการออกแบบที่ดเี ย่ียมก็ตาม ดังนั้น จงึ ต้องมีการดูแลตรวจเช็คสภาพตามรอบเวลาเพือ่ ทำ
การซ่อมแซมและปรับต้ังก่อนทจี่ ะเกิดขัดข้องรวมทงั้ ยดื อายุการใชง้ าน แต่การดำ เนินการดังกลา่ วจะต้องทำ การ
ในช่วงเวลาอันเหมาะสม เพือ่ ลดผลกระทบต่อสายการผลิตกิจกรรมการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกนั (Preventive
Maintenance) จึงมีบทบาทท่ีสำคญั ในการปกป้องการเส่ือมสภาพก่อนเวลาและลดความสญู เสยี จากการขัดข้อง
เชน่ ค่าใชจ้ า่ ยในการซ่อมแซม เสียเวลาในการรอคอยการหยดุ ผลิต ปญั หาทางคุณภาพ เปน็ ต้น รวมทงั้ ยังทำให้
สูญเสียโอกาสในการแข่งขนั การวางแผนการบำรุงรกั ษาทเี่ หมาะสมจะสามารถลดความสญู เสียโดยรวมและเป็น
การรวมกิจกรรมเกีย่ วกับการดูแลรกั ษาอปุ กรณ์ให้มสี ภาพทพ่ี รอ้ มใช้งานด้วยประสิทธิภาพสูงสดุ ดงั น้นั การดำ เนนิ
กจิ กรรมการบำรุงรกั ษาเชงิ ป้องกนั จงึ เป็นปัจจัยสำคญั ในการปรับปรงุ ผลิตภาพโดยรวมการบำรุงรักษา เชิงป้องกัน
(Preventive Maintenance) หรือที่เรยี กวา่ การบำรงุ รกั ษาเชงิ วางแผน (Planned Maintenance) และ การ
บำรงุ รักษาตามกำหนดการ (Scheduled Maintenance) โดย PM เป็นกิจกรรมท่มี ีความสำคญั ต่อการลด
ค่าใชจ้ า่ ยในการบำรงุ รกั ษาและการรักษาสภาพการเดนิ เคร่ืองทเี่ หมาะสมกอ่ นท่ีหม้อแปลงจะเกดิ การขดั ข้องโดย มี
การจดั ทำ แผนงานตามชว่ งเวลาเพอ่ื ลดโอกาสการชำรุดทำให้หม้อแปลงมีคา่ ความนา่ เชอื่ ถือ(Reliability) ทสี่ ูงข้นึ
โดยมีกิจกรรมท่ีเก่ยี วข้องไดแ้ กก่ ารทำความสะอาด การหล่อลื่น การตรวจสอบสภาพหม้อแปลงดงั นั้น PM จงึ
มุ่งเน้น ในการระบตุ น้ ตอของปญั หาและการแก้ไขกอ่ นท่จี ะเกดิ การ Breakdown ความสัมฤทธผิ์ ลของการ ดำ เนิน
กิจกรรม PM จงึ ขนึ้ อยู่กับความถี่ของกิจกรรมการตรวจสอบและการดำ เนินแก้ไข ซงึ่ ความถีข่ องการ ขัดข้องจึง
เกี่ยวกบั ความน่าเช่ือถือของอุปกรณ์และการถอดเปลี่ยนชนิ้ ส่วน โดยกจิ กรรมดังกล่าวจะมีการ ดำเนินการตามแผน
ท่กี ำหนดไว้เชน่ การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ในเคร่อื งบินโดยสารทีถ่ ูกตรวจเช็คทำความ สะอาดและสอบเทียบเปน็
ประจำตาม กำหนดการในแผนเพ่ือลดปัญหาขดั ข้องทอ่ี าจเกดิ ขึน้ ขณะทำการบิน ซ่ึงกจิ กรรมทีส่ ำคัญของ PM มี
ดังน้ี
1. การดูแลทำความสะอาดหม้อแปลงและส่งิ อำนวยความสะดวกโดยสาเหตุ หนงึ่ ของปัญหาหมอ้ แปลงกค็ ือ
ความสกปรกดังนั้น กิจกรรมพ้ืนฐาน อย่าง 5 ส จงึ มบี ทบาททส่ี ำคญั ซ่ึง บุคลากรในสายการผลิต อย่าง
พนกั งานควบคุมหม้อแปลงจะเป็นตอ้ งมผี ดู้ ูแลและทาความสะอาดหมอ้ แปลงประจำวันทำให้ง่ายต่อการ
คน้ พบข้อบกพร่อง
15
2. การรกั ษาเงื่อนไขการเดินเคร่ืองให้อยสู่ ภาวะทป่ี กติ เนอื่ งจากหมอ้ แปลงทุก ชนดิ ไดร้ ับการออกแบบให้
สามารถทางานภายใตข้ ้อกำหนด (Specification) โดยมขี อ้ กำหนดทีแ่ นะนาที่ระบใุ นคูม่ ือปฏิบัตกิ าร ซึ่ง
สภาพการใช้งานเป็นตัวแปรท่ีมผี ลต่อการเรง่ การเสื่อมสภาพและการขัดข้องของหม้อแปลง โดยมปี ัจจัยที่
สำคัญ เช่น ความเรว็ อณุ หภูมิ เปน็ ต้น ซ่งึ กิจกรรม PM จะมุ่งรกั ษาสภาวะการใชง้ านไมใ่ หเ้ กินจาก
ข้อกำหนด เพื่อเป็นการรกั ษาสภาพหม้อแปลงไม่ใหเ้ ส่อื มสภาพก่อนกำหนดและยงั ยดื อายกุ ารใช้งาน
3. การตรวจสอบตามรอบเวลา เพยี งแค่กจิ กรรมการทำความสะอาดเครอ่ื งคงไม่ เพยี งพอ ดงั นน้ั การตรวจ
ติดตามการปฏบิ ตั ิการ (Operational Monitoring) จงึ เป็นการตรวจจับอาการทเ่ี ป็นสญั ญาณเตือน ซ่งึ ผู้
ปฏบิ ตั กิ ารจะดาเนินการตรวจเช็คทงั้ ภายนอกและภายใน โดยทีก่ ารตรวจภายนอกกระทำโดยการสังเกต
และการใช้ความรสู้ ึกในการตรวจจับความผิดปกติ เชน่ การสั่นสะเทอื น ความรอ้ นท่ีสูงขึน้ เสยี ง เปน็ ต้น สว่ น
การตรวจภายในสามารถดาเนินการโดยตรวจสอบชน้ิ สว่ นภายใน (Internal Part) เช่น เกยี ร์ ลูกปืน พกิ ดั
เผอ่ื ของชิ้น สว่ น เมอื่ เกดิ อาการข้ึนการดาเนนิ การแก้ไขเบอ้ื งตน้ โดยผู้ปฏบิ ตั ิการ เชน่ การขันตัวยึดให้แน่น
การเตมิ น้ำมนั หรือการเปลยี่ นชนิ้ สว่ น ถ้าหากไม่มีการตรวจจับอาการหรือปัญหาเบ้ืองต้น ก็อาจเกิดปัญหา
ลุกลามจนก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายข้นึ ดังนนั้ ความถีข่ องการตรวจจับควรจะกำหนดและพิจารณาอยา่ ง
รอบคอบ ถา้ หากทำการตรวจบอ่ ยครัง้ ก็อาจทาให้เกิดความสูญเปล่าของเวลาการเดนิ เคร่ืองและผลติ ภาพ
ทางแรงงาน ซ่ึงการกำหนดระยะเวลาและความถีใ่ นการตรวจสอบอาจใช้ประสบการณ์ และกำหนดการท่ี
จำแนกประเภทหมอ้ แปลง ดังน้ี
▪ หมอ้ แปลงที่มีความสำคญั สูง หากมีการหยดุ เครื่องก็จะสง่ ผลกระทบต่อสายการผลติ และใช้เวลาในการ
ซ่อมแซมมาก จึงต้องทำกำหนดการสาหรบั การตรวจสอบ การทาความสะอาด การหล่อลื่น อยา่ เข้มงวด
เพ่อื ป้องกนั ความผิดพลาด
▪ หม้อแปลงโดยทวั่ ไป จะมีความถ่ีในการตรวจสอบนอ้ ย เนื่องจากหม้อแปลงดงั กล่าวไม่กระทบต่อ
สายการผลิตมากนัก
4. การบนั ทึกและจดั เกบ็ ข้อมลู เป็นกิจกรรมที่จำเปน็ อย่างยิ่งต่อ PM โดยเฉพาะการทำจัดเก็บประวัติการซ่อม
บำรุง ซ่ึงจดั ว่าเป็นแหลง่ ข้อมูลที่สำคญั ทีจ่ ะสนับสนุนตอ่ การวางแผนและ การจดั กำหนดการบำรงุ รักษา
5. การวางแผนเพ่ือกำหนดตารางการบำรุงรกั ษา สำหรบั ในทุกกิจกรรมของ PM ควรมีการวางแผนลว่ งหน้าใน
รายละเอียดโดยใชข้ ้อมลู จากประวัตกิ ารบำรงุ รักษาท่ถี กู บันทกึ ดงั น้นั การจัดทำแผนงานจะต้องทาอยา่ ง
รอบคอบโดยมีการระบรุ ายละเอยี ดในแตล่ ะกิจกรรมอย่างชัดเจน
6. การฝกึ อบรมบุคลากร ทเี่ ปน็ ปจั จยั แหง่ ความสำเร็จในการดำเนนิ กจิ กรรม บำรุงรกั ษา โดยเฉพาะบคุ ลากรที่
เป็นทรพั ยากรท่สี ำคัญ เชน่ ช่างเทคนิคและผูค้ วบคมุ งาน ควร ไดร้ บั การฝกึ อบรมใหส้ ามารถดาเนนิ กจิ กรรม
ต่าง ๆ อย่างเปน็ ระบบเช่น การบำรุงรกั ษา การตรวจ ตดิ ตามและการซ่อมแซม
16
2.2.1 เปา้ หมายหลกั ของการบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั
▪ เพ่ือให้หม้อแปลงมคี วามพร้อมใชง้ านสงู สุด (Maximum Availability) โดยหลีกเล่ยี งปัญหาการเกิด
Breakdown และลดเวลาการหยุดของหม้อแปลง
▪ รักษาหม้อแปลงให้อยใู่ นสภาพทเ่ี หมาะสมต่อการใช้งานท่สี ่งผลต่อคุณภาพของสินคา้
▪ ลดอตั ราการชำรุดและเสอ่ื มสภาพของหมอ้ แปลง
▪ เพอ่ื ให้หม้อแปลงมีความปลอดภัยตอ่ ผใู้ ชง้ านในขณะเดนิ เครอ่ื ง
▪ เพอ่ื ให้หมอ้ แปลงสามารถเดินเครอ่ื งอย่างเต็มประสทิ ธิภาพ
▪ ลดค่าใชจ้ า่ ยในการซ่อมแซมและการจัดอุปกรณส์ ารองให้อยใู่ นระดับท่เี หมาะสม
ภาพ 2.2 กจิ กรรมการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกัน
ภาพที่ 2.3 เปรยี บเทียบการบำรงุ รักษาเชิงปอ้ งกนั กับการรักษาอาการเจ็บป่วย
17
การบำรุงรักษาเชงิ ป้องกันกเ็ ปรียบเสมอื นยาปอ้ งกัน เน้นท่ียาปอ้ งกนั การเจบ็ ปว่ ย ซึ่ง เช้อื โรคไม่สามารถเข้ามา
สมั ผัสได้ การรับประทานอาหารท่ถี กู ต้องออกกาลังกายสม่ำเสมอ การตรวจสขุ ภาพตามคาบเวลาอนั สมควรโดย
ผู้เชย่ี วชาญ จะสามารถป้องกันและบำบดั ไดต้ ้ัง แตร่ ะยะเริ่มตน้ ซ่งึ การบำรุงรกั ษาประจำวนั หมอ้ แปลงก็มี
จุดประสงค์เดียวกนั (ความพยายามในการหล่อลื่น ทำความสะอาดปรับแตง่ และทำการตรวจสอบ)การป้องกนั การ
บำบัดรายวัน ระยะแรกซ่อมให้กลับสภาพเดิมการบำรงุ รกั ษารายวัน ทาการซ่อมเพ่ือป้องกนั (หล่อล่นื , ทาความ
สะอาด , เปล่ยี นล่วงหน้า ,ปรับแต่ง , ตรวจสอบ )
ภาพท่ี 2.4 Flow Chart กระบวนการซอ่ มบำรงุ แบบป้องกัน
ทม่ี า : แนะนาสู่ TPM การบำรุงรักษาทวผี ลทีท่ ุกคนมีส่วนรว่ มโดย เซอิจิ นากาจมิ า
18
การบำรงุ รักษาเชิงป้องกัน จะเป็นบำรงุ รักษาโดยทาการบำรงุ รกั ษาตามคาบเวลา (Time-Based Maintenance)
โดยให้การบรกิ ารตามกำหนดและการซ่อมใหญ่ (Overhaul) เช่น การบำรงุ รักษาตามวาระ 500, 1000, 1500,
2000 ชม. เป็นตน้ แต่ในปจั จุบนั การบำรุงรักษาตาม คาบเวลายงั ไมเ่ ปน็ การเพียงพอ จะตอ้ งมีการบำรุงรักษาเชิง
พยากรณ์ ซ่ึงเปน็ การบำรงุ รักษาตาม เง่ือนไขการใชง้ าน (Condition-Based Maintenance) โดยการใชเ้ ครอื่ งมือ
วัดสมยั ใหม่และเทคนิค ในการวิเคราะห์หม้อแปลงขณะหม้อแปลงทำงาน เพื่อตรวจหาสัญญาณของการเสื่อมสภาพ
หรอื เหตุขัดข้องท่ีอาจเกดิ ข้นึ กระบวนการซ่อมและบำรงุ รักษาเชิงป้องกัน (PM) พอจะสรุปเปน็
กระบวนการดัง Flow Chart กระบวนการซ่อมบำรงุ เชงิ ป้องกนั ซ่ึงอธบิ ายพอสงั เขปได้ดังน้ี
1. การอบรมใหค้ วามรู้เรื่องการใช้งานและการบำรุงรักษาหม้อแปลงในเบื่องตน้ ก่อนการนำหมอ้ แปลงไปใช้
งาน ต้องมีการอบรมให้ความรู้แกผ่ ูใ้ ชง้ านถงึ วธิ ีการปฏบิ ตั งิ านที่ถูกต้องและการบำรุงรักษาหม้อแปลงแก่ผูท้ ่ี
ทาหนา้ ท่ีบำรุงรักษา รวมทั้งการอบรมแบบในห้องเรียน (Classroom Training) และแบบฝึกปฏิบัติจรงิ ใน
หนา้ งานหรือแบบสอนในระหวา่ งทางาน (On the Job Training)
2. หน่วยงานซ่อมและบำรงุ รักษา จดั ทารายการช้นิ ส่วนทส่ี ำคัญของหมอ้ แปลงท่ตี ้องเปลย่ี นหรือบำรุงรกั ษา
ตามวาระตลอดอายุใชง้ านหม้อแปลง โดยอาศยั ข้อมูลเบ้ืองตน้ จากค่มู ือบำรุงรักษาหม้อแปลงหรือข้อมูล
จากผ้ขู าย
3. หน่วยงานซ่อมและบำรงุ รักษา จดั ทารายการตรวจสอบ (Check List) ในการตรวจสอบประจำวนั , ประจำ
สปั ดาห์ หรอื ประจาเดือน พร้อมทั้งมาตรฐานในการตรวจ เพือ่ ชแ้ี จงใหผ้ ้ใู ช้หม้อแปลงและผบู้ ำรุงรกั ษา
นำไปใชง้ าน
4. ผู้ใช้หมอ้ แปลงดำเนินการตรวจเช็คหมอ้ แปลงประจำวัน/ประจำสปั ดาห์ ตามรายการตรวจสอบที่มี ถา้ พบ
ความผิดปกติแล้วดาเนินการแกไ้ ขเองได้ (เช่น หม้อแปลงสกปรก น๊อตหลวม ฯลฯ) ใหด้ ำเนนิ การแก้ไขด้วย
ตนเอง ถ้าไมส่ ามารถดาเนนิ การแกไ้ ขได้ ให้แจง้ งานไปยังหนว่ ยงานซอ่ มและบำรงุ รักษา หรือกรณีนำหมอ้
แปลงออกใช้งานแลว้ เคร่ืองจักร Breakdown หรอื มสี ่งิ ผิดปกติ ให้แจ้งหน่วยงานซ่อมและบำรุงรักษา
5. หนว่ ยงานซ่อมและบำรงุ รักษาจัดทำแผน PM & OVH หม้อแปลงประจำปปี ระจำเดือน ดำเนินการเตรยี ม
อะไหลแ่ ละ Supplies ต่างๆ เม่ือใกล้วาระ PM & OVH (บรหิ ารพสั ดุคงคลัง) และนดั ผู้ใช้หมอ้ แปลงนำ
หม้อแปลงเข้าบำรงุ รักษา ถ้าผใู้ ชง้ านหม้อแปลงไม่พร้อมให้ทำการเลอื่ น (ตอ้ งไม่เลอ่ื นมากเกินไปจนมี
ผลกระทบต่อหม้อแปลง)
6. หน่วยงานซ่อมและบำรุงรักษา ทำการบำรุงรักษาพรอ้ มบันทกึ ประวัติ
7. กรณที ห่ี ม้อแปลงเกดิ Breakdown และได้รบั การแจ้งงานจากหนว่ ยงานผูใ้ ช้หมอ้ แปลง หน่วยงานซอ่ ม
และบำรุงรักษาจะทาการตรวจสอบและดำเนินการซ่อมแกไ้ ขเพื่อให้ หม้อแปลงใชง้ านได้ จากนั้น มา
พิจารณาวา่ การ Breakdown ของหม้อแปลงเปน็ ไปอยา่ งผิดปกตนิ อกแผน เชน่ เรว็ เกนิ ไป ยังไมถ่ ึงอายชุ ้ิน
19
ส่วนทีเ่ สยี หาย หรือเกดิ อุบัติเหตหุ รือไม่ ถ้าการ Breakdown เปน็ แบบไม่ปกติ ให้ดำเนินการวิเคราะหห์ า
สาเหตรุ ากเหง้า โดยพจิ ารณา 4 M ได้แก่คน (Man), เคร่อื งจกั ร (Machine), วสั ดุ(Material) และวิธีการ
(Method) แล้วกำหนดมาตรการปอ้ งกันตามสาเหตุรากเหงา้ แล้วทำการบันทึกประวัติหมอ้ แปลง ควร
บนั ทึกจดุ ทเ่ี ป็นสัญญาณ(Warning Point) ก่อนเกิดการ Breakdown ดว้ ย เช่น เสียงดัง สายไฮดรอลิ
คบวม ฯลฯ เพือ่ เกบ็ เป็นจดุ ใชค้ าดการณห์ รือทำนายการ Breakdown ได้
ภาพท่ี 2.5
1. หน่วยงานซ่อมและบำรงุ รักษา ทำการตรวจวัดการเส่อื มสภาพหรือสภาพของหม้อแปลง หรือช้นิ สว่ นหมอ้
แปลง ตามคาบเวลาท่ีกำหนด เชน่ สภาพของสายพาน สภาพของ สายไฮดรอลิค ฯลฯ โดยบางครัง้ /การ
วัดอาจทำโดยหน่วยงานผูใ้ ช้หมอ้ แปลง เช่น การสกึ หรือสภาพ ของดอกเจาะ การสกึ ของค้อนย่อย เปน็ ต้น
ในการวดั น้ี ในกรณที ใ่ี กลค้ รบอายทุ ี่คาดการณข์ องช้ิน ส่วน อาจจะต้องทำการวดั ถ่ีขึ้น เพื่อทำนายหรือ
คาดการณ์การหมดอายุของช้ิน ส่วนหม้อแปลง (Condition-Based Maintenance) พร้อมทั้งดำเนนิ การ
เตรยี มอะไหลช่ ้ิน ส่วนกอ่ นการหมดอายุ และดำเนินการเปล่ยี นหรือซ่อมแซมกอ่ นการหมดอายุ แล้วบนั ทึก
ประวัติ (ถา้ การเก็บบนั ทกึ ขอ้ มูล ประวัติอายุช้ิน สว่ นดี การมีจุดหรอื สัญญาณเตือนภัยดี จะสามารถทา
นายคาดการณไ์ ด้แมน่ ยา)
2. รวบรวมประวัติของหมอ้ แปลง (หมอ้ แปลง 1 เครอื่ ง เสมือนคนไข้ 1 คน) นำมาเปน็ ข้อมูลในการทำนาย
คาดการณก์ าร Breakdown การสึกหรอชิน้ สว่ นสญั ญาณหรือการเตือนภัยก่อนBreakdown เปน็ ข้อมูล
ป้อนกลับในการวางแผนต่อไป แลว้ จะทำใหเ้ รามเี ทคโนโลยเี ฉพาะ ( Intrinsic Technology) ทีค่ ่อยๆ
พฒั นาเพ่ิมข้นึ
20
2.3 ทฤษฎแี ผนผังเหตแุ ละผล (Cause and Effect Diagram) ของการวเิ คราะห์ หม้อแปลงไฟฟ้า
แผนผังสาเหตแุ ละผล เป็นแผนผังทีใ่ ชแ้ สดงความสมั พันธอ์ ยา่ งเป็นระบบระหวา่ งสาเหตุ หลายสาเหตทุ ่ี
เป็นไปไดจ้ ากการ วิเคราะหป์ ัญหา ท่สี งผลกระทบให้เกดิ ปัญหาของเคร่ืองจักร โดยมี หลักการวเิ คราะห์ดังนี้
2.3.1 การวิเคราะห์แบบ Why-Why Analysis เปน็ เคร่ืองมือท่สี ามารถวเิ คราะห์ หาสาเหตขุ องปญั หาหรือ
ปัจจัยท่เี ปน็ ต้นเหตใุ หเ้ กิดปัญหาของเครื่องจักรหรอื ปรากฏการณ์อยา่ งเปน็ ระบบเป็นขน้ั ตอน เพื่อแก้ปญั หาและ
ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยมขี ้ันตอนดงั้ น้ี
2.3.1.1 การกำหนดหวั ข้อปญั หาหรอื ปรากฏการณใ์ หช้ ัดเจน หากกำหนดหวั ข้อ ของปญั หาไม่ชดั เจนจะทำ
ใหก้ ารวิเคราะห์มีขอบเขตทกี่ ว้างมากเกนิ ไป ดงั น้ันจงึ ตองกำหนดหัวขอ้ ให้ ชัดเจนเพ่ืองา่ ยตอ่ การวิเคราะหป์ ญั หา
หากมีปัจจัยที่เกีย่ วขอ้ งมากเกินไป ทำใหย้ ากท่ีจะหาสาเหตุ ที่แทจ้ รงิ รวมถึงวิธกี ารแก้ไขท้ ่ีตามมามักจะมมี ากเกนิ ไป
ท่จี ะนำมาปฏบิ ัติ ในการกำหนดหวั ขอ้ จะต้องมกี ารตรวจสอบสถานทจี่ รงิ ดสู ภาพของปัญหาท่ีแท้จริง กบั ข้อมูลจริง
และแยกแยะปัญหาใหช้ ดั เจน ดว้ ยแผนผงั พาเรโต (Pareto Diagram)
2.3.1.2 การศึกษาโครงสรา้ งและหน้าที่ของส่วนทเ่ี ป็นปัญหา กรณีทเ่ี กิดปัญหา เกยี่ วของกบั หม้อแปลง
ไฟฟ้าให้ทำการศึกษาและถ่ายภาพ หรือเขยี นภาพสเกตซ์ ของ โครงสรา้ งกลไกและการทำงานของ หม้อแปลงไฟฟ้า
แตถ่ าหากเป็นปัญหาเกี่ยวกบั ขนั้ ตอนการทำงานทัว่ ๆ ไป ใหเ้ ขยี นขน้ั ตอนการทำงานหรอ แผนผงั การไหลของงาน
(Flow Process Chart) และให้ทำความเข้าใจเกีย่ วกับหน้าทข่ี องแตล่ ะ ขน้ั ตอน หลังจากนน้ั ให้ ถ่ายภาพ, สเกตซ์
ภาพ ของส่วนทีเ่ กิดปญั หามาถา่ ยทอดใหท้ ีมงานฟัง เพื่อทำให้ทกคน ได้ใช้ความรู้และแสดงความคิดเห็นอย่างได้
เต็มที่
2.3.1.3 การกำหนดหวั ข้อสำรวจ เปน็ การหาปัจจัยทกี่ ่อให้เกิดปัญหาสาเหตุหรือ ปรากฏการณ์โดยมี
แนวทางพจิ ารณาปญั หาจากสภาพที่ควรจะเป็น หรือพจิ ารณาจากหลกั เกณฑท์ าง ทฤษฎีทกี่ ่อใหเ้ กดิ ปรากฏการณ์
ปัญหา
2.3.1.4 การตรวจสอบและยนื ยันผลหัวข้อสำรวจ ทมี งานซ่อมบำรงุ จะต้องลงไป ตรวจสอบท่หี ม้อแปลง
ไฟฟ้า ,เครือ่ งจักรหรือกระบวนการผลติ ตามหัวข้อสำรวจท่ีกำหนดไว้ เม่ือไปตรวจสอบแล้วไม่พบ ข้อบกพร่องจะให้
ใส่คำวา “OK” ส่วนหวั ขอ้ ใดทพี่ บข้อบกพร่องจะใหใ้ สค่ ำว่า “NG” (No Good)
21
2.3.1.5 การหาสาเหตุของปัจจยั ที่ทำให้เกดิ ปญั หาหรือปรากฏการณ์ โดยให้ ถาม “ทำไม” เฉพาะหัวข้อท่ีใส่
คำวา่ “NG” เท่านนั้ และให้ถาม “ทำไม” ไปเร่ือย ๆ จนกว่าจะพบ สาเหตุทีส่ ามารถเช่ือมโยงไปสกู่ ารแก้ไขปอ้ งกนั
ไม่ใหเ้ กิดซำ้ อีก
2.3.1.6 การตรวจสอบความถูกตอ้ งตามตรรกวิทยา โดยให้อา่ นย้อนหลังจาก “ทำไม” ท่ีช่องสุดทา้ ยมายงั
ปรากฏการณ์เพ่ือการตรวจสอบความเป็นเหตุเปน็ ผลซง่ึ กันและกัน
2.3.1.7 การกำหนดมาตรการแก้ไขท่ปี ้องกันการเกิดซำ้ หลังจากได้สาเหตุ ทแี่ ท้จรงิ จากในช่อง “ทำไม”
ทา้ ยสุดของแต่ละสาเหตุท่สี ามารถทำให้เกดิ ปญั หา
2.4 การจดั การวสั ดคุ งคลังแบบ ABC
ใน ครสิ ต์ศกั ราช 1906 Vilfredo Pareto ได้สงั เกตว่ามสี นิ ค้าเพียงไม่กช่ี นิดที่มกี าร แบง่ เปน็ สดั ส่วน
(Proportion) อยา่ งมีนัยสำคัญ (Significant) ซงึ่ ในขณะนั้นเขาเหน็ ว่ามสี ินค้าเพียง บางประเภทในบรษิ ัทขายได้
และมรี ายไดส้ ูงสุด ซึ่งมีอกี บางประเภทขายไดจ้ ำนวนมากสุด ในการจัดการสินค้าคงคลัง ถ้าสินคา้ ใดท่ีมีมูลค่าสูงใน
การคงคลงั ซึ่งจะวดั เป็นจำนวน เงินทใ่ี ช้ไป (อุปสงค์ X ราคาต่อหนว่ ยของสินค้า) จำเป็นจะตอ้ งมกี ารจัดการหรอื
ควบคมุ อย่างใกลช้ ดิ ในงานด้านการจดั การคงคลังโดยปกติแลว้ สนิ คา้ จะถกู แบง่ ออกเปน็ 3 ช้นั คอื A , B และ C
โดยทีช่ ้ัน A จะมสี นิ ค้าอยู่20% ทีม่ ีมลู ค่าสูงท่สี ุดถึง 80% ของเงินท่ใี ชท้ ้งั หมด ซึง่ จะแสดงใหเ้ ห็นถึง นัยสำคัญ สว่ น
ชนั้ C จะมสี ินค้าอยปู่ ระมาณ 50% ท่มี ีมลู ค่าเพียง 59% ของเงินที่ใช้ท้งั หมด โดย สนิ ค้าท้ังหมดเหลา่ น้ีจะมีส่วนให้
(Contribution) ต่อของมลู ค้าคงคลงั น้อยมาก สำหรับชน้ั B จะมี สินคา้ อยู่ประมาณ 30% และท่มี มี ูลคา่ 15%
ของเงินท่ใี ช้ท้งั หมด ซ่ึงการจัดแบง่ ชนั้ ของการจดั การ คงคลังด้วยวธิ ีนจ้ี ะเรียกวา่ การวิเคราะห์โดยระบบแบบ A B
C หรือใช้หลกั การ 80-20 จากเกณฑ์ท่ีกำหนดไวใ้ ห้ดังกล่าว คือ 80-20 เมื่อนำมาใช้ในการวางแผนการจัดการ
มกั จะไม่ได้ค่าตามที่กำหนดไวเ้ สมอไป ดั้งนนั้ จะกำหนดให้เปน็ ชว่ งระหว่าง 15-20 เปอรเ์ ซ็นต์ ของ จำนวนสนิ ค้าคง
คลังมมี ลู คา่ ซึง่ อยู่ในชว่ ง 75-85 เปอร์เซน็ ต์
22
ภาพแสดงการกระจายของรายการสินค้าและยอดขาย
2.4.1 การหาปริมาณของการสง่ั ซ้ืออย่างประหยดั (Economic Ordering Quantity : EOQ) หลงั จากท่ีได้
มกี ารพิจารณาถึงคา่ ใช้จ่ายในการจดั เก็บ การสงั่ ซอื้ และคา่ เฉลย่ี คงคลงั แล้ว สง่ิ ที่จะตอ้ งทำข้นั ตอนตอ่ ไป คือ การ
พฒั นาตัวแบบสนิ คา้ คงคลังในเทอมของปรมิ าณการ สัง่ ซ้ืออยา่ งประหยดั การจัดการสินค้ากบั ตวั แบบน้จี ะเผชญิ กบั
ค่าใชจ้ า่ ยที่มลี ักษณะในทางตรงกนั ข้าม (Opposing Cost) ท่ีกลา่ วคอื ถ้าขนาดของ ล็อต (Lot) เพิ่มข้ึน ทำให้
คา่ ใชจ้ ่ายในการจัดเก็บ จะเพิ่มข้ึนตาม แต่ถา้ คา่ ใช้จา่ ยในการส่งั ซอ้ื จะลดลง หรือจะกลา่ วอีกนยั หน่งึ วา่ ถา้ ขนาดของ
ลอ็ ต เลก็ ลง ทำให้ค่าใชจ้ า่ ยในการจัดเกบ็ จะลดลง แต่คา่ ใช้จ่ายในการส่งั ซอ้ื จะเพิ่มข้ึน และปริมาณการสั่งซ้ือ อยา่ ง
ประหยดั คอื ขนาดของการส่ังสนิ คา้ ท่ที ำให้ค่าใช้จา่ ยรวมต่อปี (Total annual Cost) ของการ จดั เกบ็ และการ
สงั่ ซ้อื มีค่าต่ำสดุ แสดงเพ่ือให้มองเห็นความสัมพันธร์ ะหว่างคา่ ใช้จ่าย (ต้นทุน) ในการจัดหาวสั ดุ คงคลังได้มคี วาม
ชัดเจน
ความสมั พันธร์ ะหวา่ งคา่ ใชจ้ ่าย (ต้นทุน) ในการจดั หาวสั ดคุ งคลงั
23
2.4.2 การคำนวณหาจุดสง่ั ซ้อื และสต็อกเพื่อความปลอดภัย องค์ประกอบที่นับวา่ มีความสำคัญต่อระบบ
การคลังนน้ั ก็คอื สต็อกเพื่อความปลอดภัย ซงึ่ จำเปน็ จะต้องมไี ว้เพ่ือป้องกัน ความแปรผนั ของอุปสงค์ หรือเวลานำ
หรือเปน็ ไปไดท้ ัง้ สองกรณี มฉิ ะนั้นแลว้ กย็ ่อมมีการขาดอยเู่ สมอ สตอ็ กเกิดขน้ึ ถ้าอปุ สงค์และเวลานำทีม่ ีค่ามากกวา่
คา่ ท่ีกำหนดไวใ้ นตวั รูปแบบสินคา้ คงคลัง จาก รูปแบบการคงคลงั ที่มีขนาดของลอ็ ต (Lot size) ซึ่งอยู่เหนอื สตอ็ ก
เพื่อความปลอดภัย จะมคี วามเสย่ี งตอ่ ของการขาดสต็อกลดลง การขาดสต็อกในทนี่ ี้มักจะถกู นิยามใหเ้ ปน็
เปอรเ์ ซ็นตข์ องการขาด สต็อกของสินค้าท่ีเกิดข้นึ ในชว่ งเวลาของการสั่งสินคา้ (Order period) หรออปุ สงค์ทจี่ ะ
เกิดขน้ึ ในช่วงเวลาของการสงั่ ในขณะทร่ี ะดบั สต็อกทีม่ ีอยูจ่ ะเป็นศนู ย์ นอกจากคำนยิ าม ดงั กล่าว มักอาจ จะทำข้ึน
เปน็ อยา่ งอ่ืนอีก เชน่ เปน็ เปอรเ์ ซ็นตข์ องจำนวนทีเ่ กดิ มกี ารขาด สตอ็ ก หรอื จำนวนสินค้าทม่ี ี การขาดสต็อกเม่ือ
เทียบกบั จำนวนความต้องการ การท่มี ีสต็อกเพื่อความปลอดภยั ไวใ้ นปรมิ าณมาก ทำให้จะลดความเส่ยี งต่อการ
ขาดสต็อก แตจ่ ะตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายเพม่ิ ขนึ้ ดง้ั น้ัน ปัญหาของเราก็คอื จะต้องทำอยา่ งไรจึงจะสร้าง หลักเกณฑแ์ ละ
วธิ ขี ึ้นมา เพ่อื จะหาระดบั สต็อกเพ่ือความปลอดภัยและมเี หตมุ ผี ลท่ีน่าเช่อื ถือพอท่ีจะ ยอมรับตอ่ ความเส่ียงในเม่ือมี
การขาดสต็อกทอี่ าจจะเกิดข้ึน หลกั เกณฑ์ดงั กล่าวนนั้ ก็คอื การให้ค่าท่ีมี ความสมดุลระดับ สต็อกเพือ่ ความ
ปลอดภัยที่เหมาะสมซึง่ จะทำให้เกิดผลรวมของค่าการคงคลัง ท่ีคาดหวงั ไว้ ระดับสต็อกดงั กล่าวข้ึนก็คอื จะมรี ะดบั
สต็อกเพือ่ ความปลอดภัยที่เหมาะสมซ่ึงจะทำให้ มีผลรวมของคา่ การคงคลงั ที่ไดม้ ีการคาดหวังไว้กบั คา่ ใชจ้ า่ ยในการ
ขาดสตอ็ กจะมีค่าตำ่ สุด จากหลกั การดงั ท่ีได้กลา่ วมาทง้ั หมดนจ้ี ะเหน็ ได้วา่ มีการพัฒนารูปแบบสำหรบั สตอ็ กเพื่อให้
มคี วาม ปลอดภยั นั้นกระทำไดโ้ ดยไมย่ ากนัก แตถ่ ้าต้องการทีจ่ ะแยกออกมาเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายในการขาดสต็อก (Stock
out Cost) ใหเ้ หน็ ไดอ้ ยา่ งเด่นชัดและถกู ต้องนัน้ จะเปน็ ส่งิ ท่ีทำได้ไม่ง่ายนกั หรือเกือบจะเปน็ ไป ไม่ไดเ้ ลย ดงั นัน้ ใน
การจดั การเชงิ ปฏิบัติโดยท่วั ๆ ไป มักจะเปน็ การกำหนดระดับของการบริการ (Service level) เพอ่ื เปน็
หลักประกันไดว้ ่าการขาดสต็อกต้องไมเ่ กินระดับที่กำหนดไว้ก่อนลว่ งหนา้ เชน่ ฝ่ายบริหารทกี่ ำหนดนโยบายไวว้ า่
จะให้มรี ะดบั บริการโดยเฉลี่ยไวเ้ ท่ากับ 90 หรอ 95%
24
2.5 งานวิจัยที่เก่ียวข้อง
จากงานวจิ ยั ท่ผี า่ นมาพบวามีการใชท้ ฤษฎีการบำรุงรกั ษาเคร่ืองจักรเพ่ือเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการทำงาน
ของเครอ่ื งจักรกันอยา่ งแพรห่ ลาย การบำรงุ รกั ษาจะมีขั้นตอนท่ีแตกตางกนั ออกไปข้ึนอยกู่ ับความเหมาะสมและ
สาเหตกุ ารเสียหายของเครื่องจักร ซง่ึ มจี ดมุ่งหมายเดียวกนั คือ ลดความสูญเสยี ของกระบวนการผลติ
ปรชี า ดวงน้อย (2541) วิจัยเพ่ือเพ่มิ ผลผลิตของสายการผลิตแบตเตอรี่อตั โนมตั ิ โดยการใช้ระบบการบำรงุ รักษาเชิง
ปอ้ งกนั และการปรับปรุงของกระบวนการผลิต โดยจะมวี ธิ ีการแผนการ ซ่อมบำรงุ รักษาประจำวนั ประจำสัปดาห์
และประจำเดือน โดยผลการวิจยั เมอ่ื มีการปรับปุรงแลว้ ทำให้ เพ่ิมผลผลิตมากขน้ึ ค่าเฉลี่ยการสูญเสียเวลาในการ
ทำงานของเคร่ืองจักรลดลง โดยทสี่ ัดส่วน ของเสียแผน่ ธาตุบวกลดลง สัดสว่ นของเสยี แผ่นธาตลุ บลดลง สัดสว่ นของ
เสยี แผ่นกนั้ ลดลง สัดส่วน ของเสยี เปลอื กแบตเตอรล่ี ดลง และแรงงานที่ใช้ผลติ แบตเตอรี่ลดลง
ยงวิทย์ ทองนาค (2542) วจิ ยั ผลกระทบของการบำรงุ รกั ษาเชงิ ป้องกนั ต่อ ค่าประสทิ ธผิ ลโดยรวมของ
เครอ่ื งจักร โดยจะใชก้ ารวัดประสทิ ธผิ ลโดยรวมเปน็ ตัวชว้ี ดั ผลการ ปรบั ปรงุ เพ่อื ลดอัตราของเสียที่เกดิ ข้ึนจาก
กระบวนการผลติ และเพื่อลดการสูญเสียเวลาผลิต เน่ืองจากเครื่องจักรหยุดกะทันหนั การดำเนินงานบำรงุ รักษา
ดว้ ยตวั เองอยางอตั โนมตั ิ มีวิธีการจดั ทำมาตรฐานการบำรงุ รักษา และการวางแผนบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกัน 21
ผลการวจิ ัยพบไดว้ า่ ผลของการดำเนินงานระบบบำรุงรกั ษาเครื่องจักรเชิงปอ้ งกันโดยการมสี วนรวมของพนกั งานท้ัง
ฝา่ ยผลติ และ ฝ่ายบำรุงรักษา ทำใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลงของคา่ ประสทิ ธผิ ลโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น
ดนัย สาหรา่ ยทอง (2543) ได้ทำการวเิ คราะห์เหตขุ ดั ข้องของเคร่ืองจกั รเพื่อเพ่ิม ประสิทธภิ าพในการบำรุงรักษาเชิง
ป้องกัน โดยนำประวตั ิการขัดข้องในรูปแบบของข้อมลู ลำดับขั้น การขัดขอ้ งของเครื่องจักรมาประยุกตใ์ ช้กบั ข้อมลู
ทางสถติ ิ ได้ทำการปรบั ปรงุ แผนกผลติ ชนั้ สวนเพลา ขอเหวย่ี งในสายการผลติ A และ B โดยใช้เครือ่ งจักรทส่ี นใจ ได
แก้ เคร่ืองจักรประเภทเจียรนัยผิว นอกเจียรนยั ผิวอตั โนมัติ และเคร่ืองจักรประเภทกลงึ อัตโนมตั ิ จากการวิจยั พบวา่
เครอ่ื งจักร ประเภทเจียรนัยผิวนอกอตั โนมัติมีความพร้อมการทำงานไดเ้ พ่ิมขน้ึ เครื่องจกั รประเภทเจยี รนยั ผิวใน
อตั โนมตั ไิ ด้มคี วามพร้อมการทำงานเพ่ิมข้นึ และเครื่องจกั รประเภทกลงึ อัตโนมตั คิ วามพร้อมการทำงานเพ่มิ ข้ึน
ณัฏฐรินทร์ อกั ษรนำ (2545) ไดว้ ิจัยการเพิ่มประสิทธิภาพผลติ ด้วยการบำรงุ รกั ษาเชงิ ปอ้ งกนั ของโรงงานมีปัญหา
ในด้านการขาดมาตรฐานในการบำรุงรกั ษาเครอื่ งจักรอย่างมรี ะบบ โดยใช้การบำรุงรักษาส่วนใหญ่จะเกดิ ข้ึนเมื่อ
เคร่ืองจักรขัดข้อง มีอุปกรณ์เสยี หายชำรดุ มีเวลาทต่ี อ้ ง สญู เสียเพราะเคร่อื งจกั รหยดุ การผลติ ค่อนขา้ งสูงมากและ
ความถี่ในการเกดิ เครอื่ งจักรเสยี หายหรือ เกดิ การขดั ข้องอยู่บอ่ ยครงั้ การปรับปรุงจะเสนอการจัดการตัง้ ระบบการ
25
บำรงุ รักษาเชิงป้องกันให้กับ โรงงาน โดยจะกำหนดวตั ถุประสงคใ์ นการเพิ่มอัตราความพรอ้ มของเครือ่ งจักร จาก
การวจิ ัยพบวา จำนวนคร้งั ในการเกดิ ความเสยี หายลดลง ระยะเวลาเฉลย่ี ของเคร่อื งจักรเสียหายแตล่ ะครัง้ เพ่ิมขน้ึ
และอตั ราความพรอ้ มใช้งานของเครื่องจกั รเพิ่มขึน้
กฤษดา วเิ ศษเสาวภาคย์ (2546) ไดว้ ิจยั การเพิ่มค่าประสทิ ธิผลโดยรวมของเคร่ืองจักร ในสายงานผลิตชิน้ ส่วน
แหนบรถยนต์ โดยจะประยุกต์ใชร้ ะบบการบำรุงรกั ษาเชิงปอ้ งกันและหาแนว ทางปฏบิ ัตเิ พอื่ ลดความสญู เสยี ด้าน
เวลาการผลติ โดยการกระจายรูปแบบของการบำรุงรกั ษาและ การตรวจสอบอย่างง่ายให้พนักงานผลิต ผลการวิจัย
พบวา่ ลดความสญู เปลา่ ของการผลิตลดลง และ ค่าประสทิ ธผิ ลโดยรวมของเคร่อื งจักรเพ่ิมขนึ้
ชยั สิทธ์ วุฒพิ งศ์วรกิจ (2547) ไดว้ ิจัยการปรับปรงุ ประสทิ ธิผลโดยรวมของเคร่ืองผสมคอมปาวด์ในโรงงานผลิต
ช้นิ สว่ นรถยนตท์ ีท่ ำด้วยยาง การบำรุงรกั ษาเชิงปอ้ งกนั แบบเดิมที่มีความถ่ี ต่ำมาก ขาดการบำรงุ รกั ษาท่ดี ีพอสง่ ผล
เปน็ ผลทำใหเ้ ครอ่ื งจกั รเสยี บ่อย การปรับปรงุ ระบบสายงาน บำรุงรักษาเชงิ ป้องกัน โดยมีการจดั การใหมร่ ะบบการ
ตรวจสอบติดตามผล การฝึกอบรมพนักงาน ควบคมุ เครอื่ งจักรเพ่ือให้มีความรเู้ บอื้ งตนในการซ่อมบำรุงรักษาเชิง
ป้องกนั จากการวิจัยพบวาเครือ่ ง คอมปาวดม์ ปี ระสทิ ธิผลโดยรวมสงู ขน้ึ
พลัฏฐ์ อนนั ต์วฒั นาศริ ิ (2547) ได้วิจัยการประยุกต์ใช้การบำรุงรักษาดว้ ยตนเองอย่าง อัตโนมตั แิ ละการวางแผน
โดยใช้การบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกนั เช่น การทำความสะอาดแมพ่ ิมพร์ ีด รวมทัง้ การกำหนดข้นั ตอนการทำความ
สะอาดขึน้ มาเพื่อใช้เปน็ มาตรฐาน รวมท้ังยังมมี าตรฐานการ แก้ไข้ปัญหาในกรณเี ครื่องจักรเกิดการขดั ขอ้ งอย่าง
กะทันหนั จากการวจิ ยั ในคร้งั น้ที ำใหค้ า่ อัตราการเดนิ เครื่องจกั รเพม่ิ ข้นึ
สมเกียรติ พชั รนฤมล (2547) ไดว้ ิจัยการเพิ่มคา่ ประสทิ ธผิ ลโดยรวมให้กบั สายการผลติ เม็ดพลาสตกิ ชนิดพวี ีซี ซึ่งมี
ปัญหาด้านการหยดุ กะทนั หันของเครอ่ื งจักรค่อนขา้ งสงู มาก โดยไดท้ ำการ วิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาและแนว
ทางการแกไ้ ข้ประกอบดว้ ย การปรับปรงุ สภาพเคร่ืองจักรใหอ้ ยู่ สภาพพร้อมใช้งานการเพ่มิ อตั ราการเดนิ เคร่ืองจกั ร
การปรบั ปรงุ เคร่ืองจกั ร เพื่อลดการหยดุ กะทันหันของเคร่อื งจักร โดยใชก้ จิ กรรมการบำรุงรักษาด้วยตนเอง
ผลการวจิ ัยพบวา่ ความถี่การ หยุดกะทันหันของเคร่ืองจักรลดน้อยลง อตั ราเดนิ เคร่ืองจกั รเพิ่มข้ึน ความรแู้ ละทักษะ
ของพนกั งาน ท้ังฝ่ายผลติ และฝา่ ยซอ่ มบำรุงดีขึน้ เปน็ ผลทำใหค้ ่าประสิทธผิ ลโดยรวมของสายการผลติ เพิ่มขน้ึ
เษกสรร สงิ หธ์ นู (2550) ไดว้ ิจยั การปรบั ปรงุ ประสิทธผิ ลโดยรวมของเคร่ืองจักร สาย การบรรจนุ ำ้ ยาทำความ
สะอาดสขุ ภัณฑ์ โรงงานผลิตน้ำยาสุขภณั ฑ์ทางเคมี ซ่ึงมีปัญหาทางด้านการ หยดุ กะทนั หนั ของเครื่องจักร แนว
ทางการดำเนินงานวจิ ยั เริ่มจากการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเพื่อนำมา วิเคราะหถ์ งึ สาเหตุการหยดุ ของเครอ่ื งจักร
26
จากนั้นวเิ คราะห์สภาพปัญหาและหาแนวทางแก้ไข แลว้ จะดำเนินกิจกรรมเพ่ือปรบั ปรงุ ของเครื่องจกั รให้อยใู่ น
สภาพพรอ้ มใช้งาน และเพิ่มอัตราการเดนิ เคร่ืองจกั ร การปรับปรุ งเพอ่ื ลดการหยุดกะทนั หัน ดำเนินการกิจกรรม
โดยการบำรุงรักษาดว้ ยตนเอง และจดั ทำระบบการบำรุงรกั ษาเชิงป้องกันดว้ ยการกำหนดรายละเอียดของแผนการ
บำรุงรักษา จะใช้ คา่ ประสทิ ธผิ ลโดยรวม (OEE) ค่าการเดินเครอื่ งจักรเฉล่ีย (MTBF) และค่าการซ่อมเฉลีย่ (MUR)
เป็น ตัวชว้ี ัดผล จากการวิจัยพบวา่ ความถี่และเวลาสูญเสียของการหยดุ เคร่ืองจกั รมคี ่าลดลง อตั ราการ เดนิ
เครือ่ งจักรมคี ่าสูงขนึ้ และมรี ะบบบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั ดีข้นึ พนักงานมีความรู้และทักษะสงู ขนึ้ สง่ ผลใหค้ า่
ประสทิ ธิผลโดยรวม (OEE) ของสายการผลิตมีค่าเพมิ่ ขนึ้
สรัณญา ศลิ าอาสน์ (2551) ได้วจิ ัยการปรับปรงุ ประสิทธภิ าพการผลติ ของเคร่ืองจักร โดยอาศัยหลกั การบำรงุ รักษา
เชิงป้องกนั เครอื่ งจักรมาประยุกตใ์ ช้ เพ่ือเพิ่มอตั ราความพร้อมใชง้ าน ของเครือ่ งจักร โดยมีค่าเวลาเฉลย่ี ระหว่าง
ความเสยี หายของเคร่ืองจักรยาวนานข้ึน หลงั จากท่ีได้นำ ระบบการบำรุงรักษาเครื่องจกั รเชิงป้องกนั มาใชง้ านใน
โรงงานตัวอย่าง พบวา่ สามารถจดั เกบ็ ข้อมูล ของเคร่ืองจักรที่ใชใ้ นการวางแผนบำรุงรักษาเชงิ ป้องกนั เครื่องจักรได้
เป็นระบบมากข้นึ พบวา่ อตั รา ความพร้อมใชง้ านของเคร่อื งจักร และมีคา่ เวลาเฉลย่ี ระหว่างความเสียหายของ
เครื่องจักรเพ่ิมขึ้น นอกจากน้ียังมีจำนวนความถี่ในการเกดิ ความเสยี หายลดลง และจำนวนชว่ั โมงท่เี กดิ ความ
เสียหายลดลง
ภาณพุ งศ์ ประจงการ (2552) ไดว้ ิจัยการประยุกต์วิธีการซ่อมบำรุงระบบควบคุม กระบวนการในสายการผลติ แผ่น
ยปิ ซมั ดว้ ยวิธีการบำรุงรกั ษาเชิงป้องกนั รวมกับการประยกุ ตใ์ ช้การบำรุงรกั ษาแบบทวีผลทที่ กุ คนมสี วนรวม (TPM)
มาประยุกต์ใช้ในโรงงานอตุ สาหกรรม โดยใช้ 5 เสา หลกั คือ การจัดการความปลอดภยั และสภาพแวดลอ้ มในการ
ทำงาน การบำรงุ รักษาดว้ นตนเอง การ บำรงุ รักษาตามแผน การปรับปรุงเฉพาะเร่ืองและการอบรมให้ความรู้ จาก
การวิจัยพบวา่ สามารถ ลดปญั หาการหยดุ ชะงักการทำงานของระบบควบคุมกระบวนการเคร่ืองจักร ซึง่ สง่ ผลให้ ค่า
ประสทิ ธิภาพโดยรวมของเคร่ืองจกั รเพ่ิมขนึ้
ณัฐธีร์ วิจติ รต์ รกีรตกุล (2553) ได้วจิ ยั เพ่ือลดจำนวนเหตขุ ัดขอ้ งของเคร่ืองจักร ในกระบวนการผลติ สปรงิ โดย
ประยกุ ต์ใชร้ ะบบการบำรุงรักษาเชงิ ปอ้ งกัน วางแผนการบำรุงรักษา เครื่องจักรประจำวัน ประจำสปั ดาห์ และ
ประจำเดือน ของเคร่ืองม้วนสปรงิ และหาคา่ ระยะเวลา ใช้งานเฉลยี่ กอ่ นการขดั ขอ้ ง (Mean Time Between
Failure : MTBF) หลังดำเนนิ ตามแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันพบวา่ สามารถลดจำนวนเหตขุ ดั ข้องของเครอ่ื งจักร
ลดลง และระยะเวลาการใชง้ านเฉลีย่ กอ่ นการขัดขอ้ งเพิ่มขึ้น
27
รัฐกร อดุ มสขุ (2553) ไดว้ จิ ัยการเพิ่มประสทิ ธผิ ลโดยรวมของเคร่ืองจกั รในกระบวนการผลติ ของโรงงานผลิตอิฐทน
ไฟ ไดร้ วบรวมและวเิ คราะหข์ ้อมูลอาการขัดข้องของเคร่ืองจักรและศึกษา ผลกระทบท่ีมีตอ่ กระบวนการผลติ ใน
สายงานวกิ ฤต โดยคำนวณระยะเวลาเฉลีย่ ก่อนการเสียของ เครือ่ งจกั รในสายงานท่วี กิ ฤต และค่าประสิทธผิ ล
โดยรวมของเคร่ืองจักร หลังจาการวจิ ยั พบว่า ระยะเวลาเฉล่ียกอ่ นการเสียของเคร่ืองจักรได้เพิ่มข้นึ และค่า
ประสทิ ธผิ ลโดยรวมของเคร่ืองจักรเพิ่มขึน้
ศกั ดา วิรยิ ะภาพ (2553) ไดว้ จิ ยั การปรบั ปรุงคา่ ประสทิ ธผิ ลโดยรวมของเคร่ืองจักร ในกระบวนการผลิตลวดเชอื่ ม
ไฟฟา้ เพื่อให้ไดค้ ่าประสิทธิผลโดยรวมของเคร่ืองจกั รของกระบวนการผลิตลวดเชอ่ื มไฟฟ้า ได้ทำการเกบ็ รวบรวม
ข้อมูลกอ่ นปรบั ปรุงเป็นระยะเวลา 3 เดือน และนำข้อมลู มาวเิ คราะหค์ ำนวณหาค่าประสิทธผิ ลโดยรวมของ
เครอ่ื งจักรเฉลย่ี ในกระบวนการก่อนการปรับปรงุ หลังวิจยั พบว่าค่าประสทิ ธิผลโดยรวมของเคร่อื งจักร (OEE)
เพ่ิมขนึ้
อนพุ ล จินวรรณ (2554) ไดว้ ิจยั การนำระบบการบำรุงรักษาเครื่องจักรและการวิเคราะห์รูปแบบและผลกระทบของ
ความเสียหาย นำมาทำการวิเคราะห์ความเสยี หายเพื่อหาระดบั ความเสยี งของเคร่ืองจักร เพื่อนำขอ้ มลู ทไ่ี ด้มาทำ
การวางแผนการบำรุงรักษาเชิงปอ้ งกันให้เป็น มาตรฐานในการบำรุงรกั ษาเครื่องจกั ร หลังการดำเนนิ งานวจิ ยั พบวา่
สามารถทำให้อัตราความพร้อม ใช้งานของเครื่องจักรเพิม่ ข้ึน คา่ เวลาเฉลย่ี ความเสียหายของเครื่องจักรเพ่ิมขน้ึ และ
คา่ เวลาเฉลย่ี ในการซ่อมแซมเครื่องจักรลดลง นอกจากนี้ยังมจี ำนวนความถ่ีในการเกดิ ความเสยี หายลดนอ้ ยลง
และจำนวนชั่วโมงทเ่ี กิดความเสยี หายลดลง การปรับปรุงประสิทธภิ าพเคร่ืองจักร โดยส่วนใหญจ่ ะมีการเรยี บเรียง
ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ วเิ คราะหส์ าเหตุ ทำการแก้ไขให้บรรลตุ ามเปา้ หมาย จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีการฝึก
ทักษะเบ้ืองตนของผู้ปฏบิ ัติงานให้มคี วามเข้าใจในการแก้ไขปญั หาและการบำรงุ รักษาอย่างถูกวธิ ีการ สรา้ งระบบ
การบำรงุ รกั ษาทส่ี อดคล้องกับการเสียหายของเคร่ืองจักรเพือ่ การบำรุงรกั ษาแบบมขี ัน้ ตอน การดำเนินกจิ กรรมการ
บำรงุ รักษาแบบมขี น้ั ตอน จะทำใหก้ ารปรับปรุงประสิทธิภาพเคร่ืองจกั รบรรลุเปา้ หมายได้รวดเร็ว
28
บทที่ 3
วธิ ีการดำเนินงาน
ในบทนีจ้ ะกลา่ วถงึ วิธกี ารและขั้นตอนการดำเนนิ การวจิ ัย โดยศกึ ษาถงึ ปัจจัยต่างๆที่ มีผลตอ่ ความสำเร็จ
ของการวิจยั โดยมีการศึกษาถงึ ข้อมลู และปัญหาต่างๆ ของกรณีศึกษาก่อนทจี่ ะมกี ารวางแผนการบำรุงรักษา แล้ว
นำข้อมูลท่ไี ด้มาวเิ คราะหเ์ พื่อจดั ทาการบำรุงรักษาเชิงป้องกนั ใหก้ ับหม้อแปลงฟ้า ขนาด 1250 KVAตวั อยา่ งทีจ่ ะใช้
เปน็ กรณีศึกษาคือ หม้อแปลงไฟฟา้ ขนาด 1250 KVA
3.1 ข้อมูลท่ัวไปและกระบวนการของบริษัท T F M I E T 19/2
กรณีศึกษาน้ี เป็นบริษทั ทำเกี่ยวกับ สกนิ แคร์ ผลติ ภนั ฑอ์ าหารเสริม เคร่ืองสำอาง
ประวัตทิ ี่ต้ังโรงงานพอสงั เขป
สถานทีต่ ัง้ และภาพโดยรวม
แผนผังหม้อแปลงไฟฟา้ ขนาด 1250 KVA
ภาพท่ี 3.1.2
29
3.1.1 ข้อมลู เบ้ืองตน้ ของหม้อแปลงไฟฟา้ ขนาด KVA 1250
ข้อมลู นำมาใชเ้ ป็นกรณีศึกษาเร่ืองการวางแผนการบำรุงรักษาและเพ่มิ ประสิทธภิ าพการทำงาน
ภาพหม้อแปลงไฟฟ้า 1250 KVA ในบริษทั T F M I E T 19/2
30
3.2ส่วนประกอบของหม้อแปลงไฟฟา้ 1250 KVA
ส่วนประกอบของหมอ้ แปลงไฟฟา้
1.Tang : ห่อห้มุ ชนิ้ สว่ นท่สี ำคัญภายในหมอ้ แปลงไฟฟ้า Fin : เปน็ ส่วนประกอบของ Tank ทำหนา้ ที่ระบายความ
ร้อน
2. HV and LV Bushing เป็นฉนวนกั้นระหว่างขวั้ ตัวนำด้านแรงสงู และด้านแรงตำ่ กบั Tank
3 Transformer Gasket เปน็ วสั ดทุ ่ีใช้ปอ้ งกนั การรวั่ ซมึ ของน้ำมัน
4. HV and LV Terminal เปน็ จดุ เชื่อมต่อระหว่างขดลวดของหม้อแปลงไฟฟ้ากบั สายไฟฟา้
5.Tap Changer ใชส้ ำหรบั เพ่ิม-ลดระดับแรงดนั ของหม้อแปลง เพือ่ รักษาระดบั แรงดนั ด้านผูใ้ ชไ้ ฟให้คงที่ จะมีทง้ั
แบบ Off-Load Changer และแบบ On-Load Changer
6. Pressure-Relief Device ทำหน้าทีร่ ะบายความดนั ภายใน Tank และ Fin ไม่ใหเ้ กิดความเสยี หาย จะมีทงั้ แบบ
Without Contact และ With Contact
31
7. Arcing Horn ทำหนา้ ทป่ี ้องกนั หม้อแปลงเสยี หายจากแรงดนั เกิน (Surge) โดยเฉพาะทเ่ี กดิ จากฟ้าผ่า
8. Tranformer Core แกนเหล็กของหมอ้ แปลง ใชเ้ ป็นทางผา่ นของสนามแม่เหล็ก ระหว่างขดลวดแรงสูงและ
ขดลวดแรงต่ำ
9. HV Winding เปน็ ขดลวดด้านแรงสงู
10. LV Winding เป็นขดลวดด้านแรงตำ่
11. Dial Type Thermometor แสดงอุณหภมู ิของนำ้ มันหมอ้ แปลง จะมีทั้งแบบ Without Contact และWith
Contact
12. Oil Level Indicator แสดงระดับน้ำมันภายใน Tank จะมีทง้ั แบบ With-out Contact และ With Contact
13. Dehydrating Rreather with Silica Gel ทำหนา้ ทีป่ ้องกนั ความช้นื เข้าสภู่ ายใน Tank ตดิ ตงั้ กบั หม้อแปลง
ชนิดทีม่ ถี ังนำ้ มนั สำรอง
14. Conservator Tank รองรับการขยายตวั และหดตวั ของน้ำมันจาก Main Tank ขณะที่หม้อแปลงกำลังใชง้ าน
15. Buchholz Relay ทำหน้าทด่ี กั จับการสะสมของก๊าซและอัตราการไหลของน้ำมนั ทผี่ ิดปกติ ติดต้ังหม้อแปลง
ชนดิ ท่มี ีถงั พักสำรอง จะมที ง้ั แบบ Without Contact และ With Contact
16. Trasformer Oil เป็นฉนวนระหวา่ งตัวนำกบั Ground และยงั เป็นตวั ระบายความร้อน โดยนำความรอ้ นจาก
ขดลวดมาท่ี Fin
32
3.2.1 ขอ้ มูลการศึกษาปัญหาของหม้อแปลงไฟฟา้ จากและการเก็บข้อมลู จากการซ่อมหมอ้ แปลงไฟฟ้า 1250
KVA ตลอดระยะ เวลา 6 เดือน เผอ่ื นำมาหาแนวทางการเพม่ิ ประสิทธิภาพ การทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้า
1250 KVA ให้มปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ
33
34
35
36
37
3.3 ข้อมูลของหม้อแปลงไฟฟ้า
หมอ้ แปลงไฟฟ้าคืออุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหน่ึงที่ทำหน้าท่ีสง่ ผา่ นพลังงานไฟฟ้าจากวงจรไฟฟ้าสอง วงจรโดย
การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถแปลงแรงดันไฟฟ้าจากวงจรหนึ่งไปสู่อีกวงจรหนึ่งให้สูงขึ้นเรียกว่าหม้อแปลง
ไฟฟ้าแบบเพิ่มแรงดัน (Step-up transformer) หรือให้ลดแรงดันไฟฟ้าลงได้เรียกว่าหม้อแปลงไฟฟ้าแบบลด
แรงดัน (Step-down transformer) ลกั ษณะของหมอ้ แปลงไฟฟา้ แบบต่างๆ
3.3.1 โครงสร้างและส่วนประกอบ
โครงสร้างและส่วนประกอบโครงสร้างหม้อแปลงไฟฟ้าจะประกอบไปด้วยโครงสร้างที่สำคัญคือขดลวด
(Winding) และแกนเหล็ก (Core) ขดลวดจะมีสองขดหรือมากกว่าขึ้นอยู่กับชนิดของหม้อแปลงไฟฟ้าขดที่หนึ่งคือ
ขดลวดปฐมภูมิ (Primary winding) ขอที่สองคือขดลวดทุติยภูมิ (Secondary winding) ลักษณะภายนอก
โครงสร้างของหมอ้ แปลงไฟฟ้า 1 เฟสและลักษณะภายนอกของหม้อแปลงไฟฟ้าในระบบสง่ จ่ายไฟฟ้า 3 เฟส
โครงสรา้ งพ้ืนฐานของหม้อแปลงไฟฟ้า
38
แกนเหล็กของหม้อแปลงไฟฟ้า
3.3.2 ส่วนประกอบ ทีส่ ำคัญของหม้อแปลงไฟฟ้าทัง้ 1 เฟสและ 3 เฟสมดี ังนี้
1. ขดลวดตัวนำปฐมภมู ิ (Primary Winding) ทำหนา้ ที่รับแรงดันไฟฟ้า
2. ขดลวดทุตยิ ภูมิ (Secondary Winding) ทำหน้าที่จ่ายแรงดันไฟฟา้
3. แกนเหลก็ (Core) ทำหน้าท่ีเปน็ ทางเดินสนามแม่เหล็กไฟฟา้ และให้ขดลวดพนั รอบแกนเหลก็ แกนเหล็กของหมอ้
แปลงไฟฟา้ จะเป็นแกนเหล็กทีท่ ำมาจากแผ่นเหล็กบาง ๆ อดั ซ้อนกันเป็นแท่ง (Laminated Sheet Core เพราะทำ
ให้ไดค้ า่ ความหนาแนน่ ของเส้นแรงแมเ่ หลก็ มากและชว่ ยลดการสูญเสียกำลังไฟฟ้าในแกนเหลก็ ดว้ ย
39
ขดลวดและแกนเหล็กของห้อแปลงไฟฟ้า
แกนเหล็กของหม้อแปลงไฟฟ้าแบบ Laminated Core
4. ข้ัวตอ่ สายไฟ (Terminal) ทำหนา้ ทีเ่ ปน็ จุดต่อสายไฟกับขดลวด
5. แผน่ ป้าย (Name Plate) ทำหน้าทบ่ี อกรายละเอียดประจำตวั หมอ้ แปลง
6. อุปกรณ์ระบายความร้อน (Coolant) ทำหน้าท่รี ะบายความรอ้ นให้กบั ขดลวดเชน่ อากาศ, พดั ลม, น้ำมนั หรือใช้
ทงั้ พดั ลมและนำ้ มนั ช่วยระบาย
7. โครง (Frame) หรอื ตัวถังของหม้อแปลง (Tank) ทำหน้าทีบ่ รรจขุ ดลวดแกนเหลก็ รวมทง้ั ติดตัง้ ระบบระบาย
ความรอ้ นให้กับหม้อแปลงขนาดใหญ่
40
ขวั้ ต่อสายไฟ โครงและอุปกรณ์ระบายความรอ้ น
3.4 การจดั การอะไหลค่ งคลัง (Spare Part Management)
คา่ ใช้จ่ายด้านพสั ดุอะไหล่ เป็นสดั ส่วนทส่ี ูงมากในค่าใชจ้ า่ ยซ่อมบำรุงทงั้ หมด ในบางครั้งมากกว่ากำไร
ประจำปเี สยี อีก ในประเภทอุตสาหกรรมมีการเก็บสำรอง อะไหลโ่ ดยเฉลี่ยประมาณ 3 -5% ของราคาเครื่องจักร
และมีค่าใชจ้ ่ายในการจดั เก็บสำรองประมาณ 20-40% ของมูลค่าอะไหลท่ ่เี กบ็ สำรอง เหตุผลหลกั ทอ่ี งค์กรธรุ กิจ
ต้องลงทนุ ถงึ เพยี งนี้ ก็เพอ่ื ปกป้องประกนั ความสามารถในการผลติ ของตนนัน่ เอง การบริการอะไหล่ ตอ้ งใช้ความรู้
ความสามารถทางด้านเทคนิคมากกวา่ การจัดการ โดยเฉพาะความรดู้ า้ นสถิติ การวิเคราะห์ ตอ้ งใช้ผเู้ ชย่ี วชาญ
เฉพาะด้าน วิชานเ้ี ปน็ ส่วนหนงึ่ ของ วศิ วอุตสาหการ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลาคือสาระสำคัญของ
การบรหิ ารงานอะไหล่ เป้าหมายของการบริหารจัดการพัสดุคงคลงั อะไหล่ คอื
1. ให้มีระดบั พสั ดคุ งคลังอะไหล่หรอื ระดบั สะสม (Stock Level) ต่ำทส่ี ดุ
2. ให้มีความพร้อมของพสั ดุคงคลงั อะไหล่ (Stock Availability หรอื Service Level) สงู สุด
3. ให้มรี ะดับการหมุนเวยี น (Stock Turn Over) ของพัสดุคงคลังอะไหลส่ งู สุด
4. โดยที่เคร่ืองจกั รมีความพร้อมผลติ (Plant Availability) สงู สุด
41
การแบง่ ประเภทพสั ดโุ รงงาน
ประเภทพัสดุโรงงานมีความแตกตา่ งกนั สำหรบั โรงงานท่มี ี กระบวนการซ่อมบำรุงตา่ งกัน โดยเฉพาะ
ประเภทเครื่องจกั รทบ่ี างโรงงานไม่ค่อยซบั ซ้อนเรื่อง อะไหล่ เชน่ โรงงานท่ใี ช้เครอื่ งจกั รเชงิ เดี่ยว (เครอ่ื งจกั รท่ี
ทำงานเบด็ เสรจ็ ในตัวของมันเอง) อยา่ งไร ก็ตามการแบง่ แยกประเภทของพสั ดุโรงงานยังมคี วามจำเป็น เนื่องจาก
ต้องบรหิ ารระดบั คงคลัง บริหารการจดั ซ้อื ใหเ้ หมาะสมกบั การใช้อะไหล่และอปุ กรณ์ และตามคาบเวลาของการสกึ
หรอท่ี ตอ้ งซ่อมเปล่ยี น ดังน้นั การแบ่งประเภทพสั ดุโรงงานเพ่อื การจดั การ แบง่ ออกได้เป็น 3 ประเภท ดังน้ี
ประเภทท่ี 1 พัสดุท่เี ปน็ อะไหล่เครื่องจักรโดยตรง (Spare Part for Machinery) เช่น อะไหล่เครื่องจักร
อะไหล่เครอ่ื งไฟฟ้า เคร่อื งยนตแ์ ละอุปกรณ์หลัก
ประเภทที่ 2 อะไหล่อย่างอ่ืนท่ีไม่ใช่อะไหล่เคร่ืองจกั ร (Spare for Other Than Machinery) พสั ดใุ น
ประเภทนี้ บางชนิดมลี ักษณะที่คล้ายอะไหลเ่ ครือ่ งจักร คือ สามารถซ่อมถอดเปลยี่ นไดแ้ ละ มคี วามสำคัญ
เช่นเดียวกัน เพราะจะส่งผลใหก้ ารท างานของเครอื่ งจกั รและอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ท างานได้ ปกติ อะไหล่ตา่ ง ๆ เหล่านี้
จำเป็นตอ้ งเกบ็ สำรองไวเ้ ชน่ เดียวกนั
ประเภทท3ี่ การจดั แยกประเภทตามนัยพเิ ศษเพอ่ื การบรกิ ารควบคมุ พัสดุทอี่ ยู่ใน ประเภทอะไหล่
เครื่องจักรและทีไ่ ม่ใช่เคร่อื งจักรดังกลา่ ว ต้องแบ่งแยกตามลกั ษณะการควบคมุ พิเศษ เพ่ือใหก้ ารบรหิ ารจัดการ
เป็นไปอย่างถูกต้องชัดเจนโดยเฉพาะการจัดเกบ็ การจดั หา และการ ควบคุมระดับคงเหลือ
การแบง่ พสั ดปุ ระเภทนี้ ตอ้ งแบ่งตามลกั ษณะการใช้ดังน้ี
พัสดุอะไหลท่ สี่ ามารถจัดซ้ือตามความต้องการไดเ้ ร็ว เรียกว่า OAR (Order as Required)
พัสดุอะไหล่ทส่ี ำรองไวส้ ำหรับการเดนิ เคร่ืองจักรคร้ังแรก (Standby for Commissioning Period)
พสั ดุและอะไหล่ท่ีมีเกินความตอ้ งการหรอื เปน็ พสั ดุท่ีไม่มีที่ใช้แล้ว (Surplus and Obsolute)
พัสดแุ ละอะไหล่ทเ่ี ตรียมไวส้ ำหรบั ใช้ในงานใดงานหน่ึงโดยเฉพาะ เชน่ งานซ่อมใหญ่ (Turn Around) และ
งานโครงการต่าง ๆ (Item Reserve for Project)
พัสดุและอะไหล่ท่จี ะยกเลกิ การสำรองคงคลัง DNRO (Do Not Re - Order)
42
พสั ดแุ ละอะไหลท่ ่ีสามารถจัดการฝากไว้กับผู้ค้าได้ (Vendor Stocking Items)
พสั ดุและอะไหล่ที่สามารถผลติ ในประเทศได้ รวมถงึ พสั ดุและอะไหลท่ ่สี ามารถทำขึน้ ในโรงงานเองได้
(Local Made Parts)
บทบาทหน้าทขี่ องแต่ละหน่วยงานทีส่ ัมพันธ์กับพสั ดุอะไหล่คงคลงั
การซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน Preventive Maintenance และ การซ่อมบำรงุ เชงิ เร่งด่วน Breakdown
Maintenance
หนว่ ยซอ่ มบำรงุ จะเป็นผู้กำหนดขอ้ มลู อะไหล่ดงั น้ี
1. กำหนดอัตราการใช้อะไหล่แตล่ ะรายการ
2. กำหนดระดบั ความต้องการของอะไหลค่ งคลัง
3. วางแผนการใช้พัสดุอะไหล่สำหรับงานซอ่ มบำรุงเชงิ รักษา
4. จัดเตรยี มข้อมูลของพสั ดุอะไหล่ท่จี ะสำรองคลังและไม่ต้องสำรองคลัง
คลงั พัสดุ
คลังพสั ดจุ ะมหี น้าทีด่ ังนี้
1. ตรวจสอบใบเบิก ตดั ยอดอะไหล่คงคลัง
2. จดั ทำใบเบกิ ซื้อพัสดุอะไหล่ เม่อื พัสดุอะไหลห่ มดคลงั หรอื ยอดต่ำกว่า Min.Stock
3. ร่วมกับหน่วยซอ่ มบำรุงจดั ทำ Stock Level
4. บริการรายการพสั ดุอะไหล่คงคลัง โดยเฉพาะสว่ นทีเ่ ป็นCommon Spare Part ห
43
หน่วยจดั ซื้อ
หน่วยจัดซ้อื มหี นา้ ทดี่ ังตอ่ ไปนี้
1. กำหนด Lead Time หรอื ช่วงเวลานำ ของการจัดซื้ออะไหล่แต่ละรายการ
2. กำหนดแหล่งซื้อและราคากลางของพัสดุอะไหล่
3. บรหิ ารการจดั ซื้อ จัดสง่ ทั้งพสั ดุอะไหล่คงคลงั และจดั ซื้องานตรงให้มปี ระสิทธิภาพ และรวดเร็ว
4. จัดทำสญั ญาในลกั ษณะของ Supply Management เชน่ Blanket Order หรือ Vender Stock
ผลท่ีไดจ้ ากการกำหนดบทบาทหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานท่เี กีย่ วข้องกบั พสั ดุอะไหล่สำรองคงคลงั ทำใหส้ ามารถ
พิจารณาในแงก่ ารจดั การไดด้ ังน้ี
1. กลมุ่ งานดา้ นอปุ ทาน (Supply Side) คือ หน่วยพสั ดแุ ละหนว่ ยจดั ซือ้ ท่ตี อ้ งสรา้ งระบบ บรหิ ารงานภายในของ
หน่วยงานใหม้ ีประสทิ ธิภาพ เพ่อื บรกิ ารต่อหนว่ ยบารุงรกั ษาใหท้ นั การเบิก ใชง้ าน ตลอดจนบรหิ ารการจดั เก็บพสั ดอุ ะไหล่
รวมถงึ ยอดคงคลงั และการวเิ คราะหด์ ชั นีของคลงั พสั ดอุ ะไหลไ่ ดอ้ ย่างสมบรู ณถ์ กู ตอ้ งและแม่นยา
2. กล่มุ งานดา้ นอปุ สงค์ (Demand Side) คอื หน่วยซอ่ มบารุงรกั ษาท่เี ป็นฝ่ายเรยี กรอ้ งให้ มพี สั ดอุ ะไหลส่ ารองคง
คลงั เพ่อื ตอบสนองตอ่ แผนงานของงานซอ่ มบารุงรกั ษาตามแผนงาน (Planned Maintenance) และเพ่อื ใชง้ านฉกุ เฉินใน
กรณีงานซ่อมบารุงรกั ษานอกแผนงาน (Unplanned Maintenance หรือ Breakdown Maintenance) ทง้ั นหี้ นว่ ยซ่อม
บารุงรกั ษาจะตอ้ งเป็น ผกู้ าหนดรายละเอยี ดรายการพสั ดอุ ะไหล่สารองคงคลงั ตลอดจนขอ้ มลู ทางเทคนคิ ของรายการพสั ดุ
อะไหล่สารองคงคลงั ทกุ ๆ รายการใหช้ ดั เจน จงึ เป็นสงิ่ จาเป็นท่หี น่วยซ่อมบารุงรกั ษาตอ้ งเป็น ผวู้ างแผนดา้ นพสั ดอุ ะไหล่คงคลงั
ใหเ้ หมาะสมและไม่สรา้ งภาระใหด้ า้ นอปุ ทานมากเกินไป เม่ือหน่วยงานซอ่ มบารุงไดจ้ ดั ทาแผนการซ่อมบารุงรกั ษาหรอื
Preventive Maintenance Program (PM-Program) ไวแ้ ลว้ การจดั ลาดบั ความจาเป็นของพสั ดอุ ะไหลค่ งคลงั กจ็ ะ
สามารถทา ไดง้ า่ ยขึน้ เพราะใชค้ วามสมั พนั ธข์ องหลกั เกณฑเ์ ดียวกนั น่นั คอื พจิ ารณาจากแผนงาน PM-Program กท็ าการ
จดั ทากิจกรรมสว่ นท่เี ป็นพสั ดอุ ะไหล่คงคลงั ของแต่ละกลมุ่ เคร่อื งจกั ร
พสั ดอุ ะไหล่สารองคลงั ของเคร่ืองจกั รและอปุ กรณท์ ม่ี คี วามสาคญั ระดบั
1.จดั เป็น Insurance Spare Part +Necessary Spare Part (Unique Spare Part) 2. พสั ดอุ ะไหล่สารองคลงั
ของเครือ่ งจกั รและอปุ กรณท์ ่มี คี วามสาคญั ระดบั
2. จดั เป็น Necessary Spare Part + Frequently Used Spare Part
44
3. พสั ดอุ ะไหลส่ ารองคงคลงั ของเคร่อื งจกั รอปุ กรณท์ ่มี คี วามสาคญั ระดบั 3 จดั เป็น Frequency Used Spare Part
4. อะไหล่สารองคงคลงั ของเครอื่ งจกั รและอปุ กรณท์ ่มี คี วามสาคญั ระดบั 4 จดั เป็น Common Spare Part หรอื
Interchange Spare Part ซง่ึ ใชร้ ว่ มกบั เครอื่ งจกั รและอปุ กรณท์ ่มี ี ความสาคญั ระดบั 1 ระดบั 2 และระดบั 3
สัดส่วนจำนวน ระดับ 1 ระดับ 2 ระดับ 3 ระดับ 4
รายการ 20% 30% 40% 10%
สัดสว่ นมลู ค่า 35% 35% 25% 5%
สดั สว่ นDead Stock 75% ของมลู คา่ ,50%ของ 25% ของมูลค่า และรายการ - -
(Non Moving)
รายการ > 1 เดือน < 1 เดอื น < 1 สัปดาห์
Lead Time > 3 เดือน
วัตถุประสงค์ การ เพ่ือใช้กับงานท่ีไม่ได้วางแผนซ่อม เพื่อใชก้ ับงานที่อยู่ เพือ่ ใช้กับงานเปลีย่ นทดแทน เพื่อใช้กับงานเปลี่ยนทดแทนอะไหล่ทม่ี กี ารวางแผน
สำรองคงคลัง บำรุงและงานนอกแผน นอกการวางแผน อะไหลท่ ่ีมกี ารวางแผนซอ่ มบำรงุ ซ่อมบำรงุ และงานทอ่ี ย่นู อกแผนซ่อมบำรงุ
รายการอะไหล่(Spare Part List) ของบรษิ ัท T F M I E T 19/2 จำกดั (มหาชน)
รหสั สินคา้ รายการ สถานที่จดั เกบ็ min max สินคา้ คงคลงั หน่วย
EE- PRO-001 PROXIMITY TL-Q5MC1 EE-02-01 2 4 4 Pcs.
EE-02-03 2 5 2 Pcs.
EE-BAK-001 SB.SCHNEIDER 3PH. 10 A. EE-02-05 2 5 1 Pcs.
EE-02-11 2 5 1 Pcs.
EE-BAK-002 เบรกเกอร์ Schneider 50A EE-02-07 2 4 3 Pcs.
EE-02-12 2 4 2 Pcs.
EE-BAK-003 เบรกเกอร์ Schneider 100A EE-02-13 1 4 1 Pcs.
EE-02-06 1 4 3 Pcs.
EE-MAG-001 หนา้ คอนแทคช่วย EE-03-09 1 4 3 Pcs.
EE-02-06 1 4 3 Pcs.
EE-MAG-002 โอเวอร์โหลด มิตซูบิชิ EE-03-04 1 2 1 Pcs.
EE-03-03 1 2 1 Pcs.
EE-MAG-003 แมก็ เนติก ABB A9
EE-MAG-004 แมก็ เนติก มิชูบิชิ St10
EE-MAG-005 แมก็ เนติก 110-120v
EE-MAG-006 แมก็ เนติก SC-5-1
EE-THE-001 เทอร์โม T.K
EE-THE-002 เทอร์โม JB30S
45
EE-HET-001 HEATER 3000 W 220V ความยาว L = 250 MM EE-03-06 1 5 1 Pcs.
EE-HET-002 HEATER 3000 W 220V ความยาว L = 240 MM. EE-03-16 1 5 1 Pcs.
EE-HET-003 HEATER 4500 W 220V ความยาว L = 325 MM. EE-03-15
EE-HET-004 ฮีตเตอร์ 220W*220V*12*L90 EE-03-14 1 5 0 Pcs.
EE-HET-005 1510 220V 100W24L3.5 EE-03-05 1 5 1 Pcs.
EE-HET-006 110V 250W -17-04 L14 EE-03-13 1 5 1 Pcs.
EE-HET-007 XB 17-08-31 220V 1000W UL L56 EE-03-02 1 5 2 Pcs.
EE-HET-008 XB 17-04-01 220V 800W UL L46.5 EE-03-01 1 5 1 Pcs.
EE-HET-009 240V 650W 10/58 L25 EE-03-12 1 5 1 Pcs.
EE-TEM-001 TEMPERATURE CONTROL EE-02-14 1 5 2 Pcs.
EE-TEM-002 TEMPERATURE CONTROL OMRON EE-02-15 1 2 1 Pcs.
EE-VOL-001 Vol Metter EE-02-16 1 2 1 Pcs.
EE-AMT-001 A.Metter SAM -96 EE-03-07 1 2 0 Pcs.
EE-WIR-001 สายไฟ THW 1x1.5 mm. (สีดา) EE-02-09 1 2 2 Pcs.
EE-WIR-002 สายไฟ VAF 2x1.5 SQ. mm. EE-02-08 30 100 10 เมตร.
EE-WIR-003 สายไฟ VAF 2x2.5 SQ. mm. EE-02-08 30 100 90 เมตร.
EE-WIR-004 สายไฟ VCT-GRD 3X2.5/2.5 MM. YAZAKI EE-01-04 30 100 90 เมตร.
EE-WIR-005 สายไฟ PVC 4+Gx2.5 SQ.mm. EE-01-05 30 100 90 เมตร.
EE-WIR-006 สายไฟ V-K 1.5 SQ.mm. EE-03-09 30 100 50 เมตร.
EE-WIR-007 สายไฟทนความร้อน 1.5 MM EE-03-08 20 50 18 เมตร.
EE-WIR-008 สายโทรศพั ท์ EE-03-11 20 50 95 เมตร.
EE-WIR-009 ปลอกสายไฟทนความร้อน 4 มิล EE-03-10 100 200 100 เมตร.
EE-PUG-001 เตา้ รับกราวดค์ ู่ รุ่นใหม่ PANA WEG 15929 EE-04-05 50 100 95 เมตร.
EE-PUG-002 ปลกั๊ 3 ขา EE-04-04 5 10 0 Pcs.
EE-Box-001 บ๊อกลอย 2X4 รุ่นใหม่ PANA WEG6803WK EE-04-02 5 10 0 Pcs.
EE-Box-002 บอ๊ กลอย 4X4 รุ่นใหม่ PANA WEG6803WK EE-04-08 5 10 3 Pcs.
EE-Box-003 Easy Box EE-04-11 5 10 5 Pcs.
EE-Box-004 บอ๊ ก Nan 4X4 EE-04-01 5 10 0 Pcs.
5 10 0 Pcs.
46