The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-01-19 06:36:56

E BOOK 38

E BOOK 38

E BOOK

ด.ญ.ธนทั ชา เกิดเสยี ม
ชนั้ ม.2/2 เลขท่ี 38

ผ้จู ดั ครูพฒั นา โชติกนั ตะ

โรงเรยี นกรรณสตู ศกึ ษาลยั

1. Present Simple Tense
2. Present Continuous Tense
3. Past Simple Tense
4. Past Continuous Tense
5. Present Perfect Tense
6. Comparision
7. Be going to ; Should/Shouldn't ; Must/Mustn't
8. Will
9. Verb to be ; Verb to have ; There is/There are
10. A/An ; some/any
11. Personal and object pronouns ; Possessive 's ;

Possessive adjective pronouns

1. Present Simple Tense

Present Simple Tense (Tense ปัจจบุ ันธรรมดา)
Present เพร๊เซินท= ปัจจบุ ัน
Simple ซ๊ิมเพลิ = ธรรมดา
โครงสร้าง Present Simple Tense

S+V1 (s,es)

Subject Verb (s, es)

I, You, We,They eat, go

He, She, It eats, goes

♦ S + V1 (ประธานเอกพจน์ กริยาเติม s, es)
ประธาน + กริยาช่องท่ี 1 (ถ้าประธานเป็ นเอกพจน์ กริยาต้องเตมิ s หรือ es แล้วแต่กรณี)

♦ S + กริยาช่วย + V1
ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องท่ี 1 (ไม่ต้องเติม s ทกุ กรณี)
กริยาช่วยท่ใี ช้บ่อยคือ can, should, must

Present Tense อนั นคี้ ่อนข้างจะย่งุ ยากนิดหน่อยตรงท่ีประธานเอกพจน์ต้องเตมิ
s ส่วนประธานพหูพจนไ์ มต่ อ้ งเติม สิ่งที่จะสร้างความยงุ่ ยากนิดหน่ึงคือการเติม s เพราะกริยาบาง
ตวั ตอ้ งเติม es ไมใ่ ช่แค่ s เฉยๆ แตไ่ ม่ใช่เรื่องยากถา้ ไดศ้ ึกษาการเติม s ท้่ีทา้ ยคานามเพือ่ ใหน้ าม
น้นั เป็นพหูพจน์

2. Present Continuous Tense

หลกั การใช้ Present Continuous Tense
Present Continuous Tense (Tense ปัจจุบันกาลงั ทา)

• Present เพร๊เซินท= ปัจจุบัน

• Continuous คอนทินวิ อสั = ต่อเนื่อง
Present Continuous Tense มีชื่อเรียกอีกอยา่ งหน่ึงคือ Present
Progressive Tense

♦โครงสร้าง present continuous tense

S + is, am, are + V ing

ประธาน + is, am, are + กริยาเติม ing

I am eating

He, She, It, A cat is eating

You, We, They, Cats are eating

1. ใช้กล่าวเหตุการณ์ทก่ี าลงั เกิดขนึ้ ขณะทพ่ี ูดอยู่ หรือในระหว่างอาทติ ย์น้นั เดือนน้นั ก็ได้ ซ่ึงอาจจะมคี าเหล่านีอ้ ยู่ด้วยกไ็ ด้

⇒ now / right now ตอนน้ี
⇒ at the moment ตอนนี

I am studying hard, John.
ฉนั กาลงั เรียนหนกั นะ จอหน์ (ไม่ใช่ขณะน้ี แต่เป็นในช่วงน้ี)

Most students are using mobile phones.
นกั เรียนส่วนใหญก่ าลงั (นิยม)ใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือ (ไม่ใช่ขณะน้ี แตเ่ ป็นปัจจุบนั น้ี)

He is driving a car.
เขากาลงั ขับรถ

She‘s eating an apple.
หลอ่ นกาลงั กนิ แอปเป้ิ ล

It is raining at the moment.
มนั กาลงั ฝนตกขณะน้ี (ฝนกาลงั ตก)

A cat is sleeping in the room.
แมวกาลงั นอนหลบั ในหอ้ ง

You are sitting on my book.
คุณกาลงั น่ังบนหนงั สือของฉนั

We are running right now.
พวกเรากาลงั วิ่งขณะน้ี

They are going to school.
พวกเขากาลงั ไปโรงเรียน

2. ใช้กล่าวถงึ เหตุการณ์ทีก่ าลงั จะเกิดขนึ้ ในอนาคต (แน่ๆ) และมกั จะมีคาทบ่ี ่งบอกอนาคตกากับอย่ดู ้วย

⇒ this evening เยน็ น้ี
⇒ tonight คืนน้ี
⇒ tomorrow พรุ่งน้ี
⇒ this weekend สุดสปั ดาหน์ ้ี

3. Past Simple Tense

หลกั การใช้และโครงสร้างของ Past Simple Tense

1. ใชก้ บั เร่ืองที่เกิดข้ึนในอดีตและจบสิ้นลงไปเรียบร้อยแลว้ สงั เกตง่าย ๆ วา่ มกั จะมีการระบุช่วงเวลาไวด้ ว้ ย
วา่ เกิดข้ึนเมื่อไหร่ และใชก้ ริยาช่อง 2 ลองมาดูโครงสร้างและตวั อยา่ งประโยคกนั ก่อนค่ะ

ประโยคบอกเล่า S. + V.2 I went to the theme park yesterday.
ประโยคปฎิเสธ
ประโยคคาถาม S. + did not + V.1 She didn’t come to
Thailand last year.

Did + S + V.1 Did you see Jane at the bank last
hour?

จาง่าย ๆ วา่ ประโยคบอกเลา่ ใชก้ ริยาช่อง 2 ส่วนประโยคปฏิเสธและประโยคคาถาม ใช้ did ร่วมกบั กริยา
ช่อง 1

นอกจากน้ีแลว้ Key word บอกเวลาซ่ึงจบไปแลว้ ที่พบบอ่ ย ๆ ในประโยค Past Simple
Tense ไดแ้ ก่ Yesterday, Last , Ago โดยใชร้ ่วมกบั คาบอกเวลาอื่น ๆ มาดูตวั อยา่ งกนั เลย
ค่ะ

last + เวลา/ วนั / last hour, last Did they study Science la
Last สัปดาห์/ เดือน/ฤดู/ ปี night, last Monday, The bus arrived thirty m
last week, last month,
last summer, last
winter, last year

Ago วนิ าที / นาที/ ชวั่ โมง/ วนั / 5 minutes ago, 3 day
สปั ดาห/์ เดือน/ ปี + ago ago, 2 weeks ago, 1

month ago, 4 years
ago

เมื่อกริยาช่อง 2 เป็นองคป์ ระกอบสาคญั เราจึงตอ้ งท่องคากริยาท่ีอยใู่ นช่อง 2 ใหด้ ีวา่ เติม –ed หรือ -d
หรือไม่ อยา่ งไร ดูตวั อยา่ งกริยาช่อง 2 กนั คะ่

ช่องท่ี 1 ช่องท่ี 2 ช่องที่ 3 ความหมาย

be was, were been เป็น,อย,ู่ คือ

become became become กลายเป็ น

break broke broken แตก, หกั

bring brought brought นามา

build built built สร้าง

buy bought bought ซ้ือ

come came come มา

do did done ทา

drive drove driven ขบั รถ

eat ate eaten กิน

feel felt felt รู้สึก

get got gotten ได้

give gave given ให้

leave left left ออกจาก

run ran run วิ่ง
sell sold sold ขาย
sit sat sat นง่ั
sleep slept slept นอน

Ex. They came here yesterday.
(พวกเขามาที่น่ีเมื่อวานน้ี)

Ex. He left home ten minutes ago.
(เขาออกจากบา้ นเม่ือ 50 นาทีที่แลว้ )

Ex. I bought a new phone two days ago.
(ฉนั ซ้ือโทรศพั ทใ์ หมม่ าเม่ือ 2 วนั ก่อน)

2. ใชพ้ ูดถึงนิสยั หรือกิจวตั รท่ีเคยทาในอดีต หรือการบอกวา่ ใครเคยทาอะไร เคยไปไหนในอดีตมาแลว้ และ
เหตกุ ารณ์น้นั จบลงแลว้
Ex. We cooked every day last year.
(พวกเราทาอาหารกนั ทกุ วนั เม่ือปี ที่แลว้ )

Ex. He always went to office late last month.
(เขาไปสานกั งานสายเสมอเม่ือเดือนที่แลว้ )

Ex. I was in London in 2017.
(ฉนั อยทู่ ่ีลอนดอนในปี 2017)

4. Past Continuous Tense

โครงสร้างประโยค Past continuous tense

ประโยคบอกเลา่ S + was/were + He was playing football
V.ing yesterday at 10 am.

ประโยคปฏิเสธ S + was/were + not He was not playing football
+ V.ing yesterday at 10 am.

ประโยคคาถาม Was/Were+ S + Was he playing football
V.ing yesterday at 10 am?

ก่อนจะไปกนั ต่อ ขอจอดแวะทบทวนเพม่ิ เตมิ หลกั การใช้ Was / Were

Subject ประธานประโยค Verb to be ที่ใช้ (กริยาช่อง 2 ของ is และ
are)
I, He, She, It, A cat (ประธาน
เอกพจน)์ was

You, We, They, Cats (ประธาน were
พหูพจน)์

Past continuous tenseใช้เล่าถึงเหตกุ ารณ์ในอดีต ซ่ึงมดี ้วยกนั 3 แบบ คือ

1. เหตกุ ารณ์ทีก่ าลงั เกดิ ในอดตี เช่น
It was raining yesterday at noon.
(ฝนตกลงมาเม่ือวานตอนเที่ยง)

2. เหตกุ ารณ์ทีก่ าลงั เกดิ ต่อเน่ืองอยู่ในอดตี ซึ่งเกดิ ขนึ้ อย่กู ่อน แล้วกม็ ีอกี เหตกุ ารณ์หน่งึ เข้ามาแทรก เช่น
I was having a beautiful dream when the alarm clock rang.
(ฉนั กาลงั ฝันดีอยเู่ ชียว นาฬกิ าปลกุ กด็ นั ดงั ข้ึน)

3. เหตกุ ารณ์กาลงั เกดิ ไปพร้อม ๆ กนั ในอดตี ไม่มอี นั ไหนเกดิ ก่อนเกดิ หลงั เช่น
While my mom was cooking, my dad was washing his car.
(ขณะที่แม่กาลงั ทาอาหาร พ่อกก็ าลงั ลา้ งรถ)

การใช้ While, When, As

While, When, as ถือวา่ เป็น Key word สาคญั ที่บ่งบอกวา่ ประโยคน้ีเป็นประโยค Past
continuous tense เลยก็วา่ ได้ เช่น
When the police arrived, we were sleeping.
(ตอนที่ตารวจมาถึง พวกเรากาลงั นอนหลบั กนั อย)ู่

While she was drawing a picture, I came in the room.
(ขณะท่ีเธอกาลงั วาดภาพ ผมก็เขา้ มาในหอ้ ง )

เทคนคิ การจา

- ประโยคทีอ่ ย่หู ลงั while และ as ใช้ past continuous (Subject + was/were
+V.ing) เพราะเป็นเหตุการณ์ท่ียงั จะเกิดต่อเน่ืองไปอีกระยะหน่ึง เช่น We were sleeping,
The car was running, She was drawing a picture

- ประโยคท่ีอย่หู ลงั when ใช้ past simple (Subject + V.2) เพราะเป็นเหตุการณ์ท่ี
แทรกเขา้ มาส้นั ๆ และจบไปแลว้ พูดง่าย ๆ วา่ เกิดข้ึนแป๊ บเดียว เช่น the police arrived, the
phone rang, I came in the room, it started to rain

5. Present Perfect Tense

Present Perfect Tense ถูกใชเ้ พอื่ อธบิ าย

• สงิ่ หรอื เหตุการณท์ เี่ รม่ิ ตน้ ในอดตี และยงั คงเกดิ ขนึ้ มาจนถงึ ปัจจบุ นั เชน่ I have lived in Bristol
since 1984 (= และตอนนีฉ้ นั ก็ยงั คงอยทู่ นี่ ่ัน)

• สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในชว่ งเวลาหนึ่งและยงั ไมเ่ สรจ็ สนิ้ เชน่ She has been to the cinema twice this
week (= ยงั ไมห่ มดสปั ดาห)์

• สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ซา้ ๆ ในชว่ งเวลาใดเวลาหนึ่งทไี่ มไ่ ดร้ ะบไุ วอ้ ยา่ งเจาะจงระหว่างอดตี และปัจจบุ นั
เชน่ We have visited Portugal several times.

• สงิ่ ทพี่ งึ่ ทาเสรจ็ ไปเมอื่ สกั ครูท่ ผี่ า่ นมา มกั จะใชค้ าวา่ 'just' เชน่ I have just finished my work.
• การกระทาบางอย่างทเี่ วลาไมใ่ ชต่ วั บ่งชที้ สี่ าคญั หรอื ไมไ่ ดร้ ะบไุ วอ้ ย่างชดั เจน เชน่ He has

read 'War and Peace'. (= ผลจากการอ่านหนังสอื ของเขาเป็ นสงิ่ ทสี่ าคญั )

หมายเหตุ: หากตอ้ งการถามขอ้ มูลเกยี่ วกบั when, where และ who เราจะใช ้ simple past tense อ่าน
เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การเลอื กใช้ tense ระหวา่ ง present perfect tense และ simple past
tense อยา่ งถกู ตอ้ งไดท้ นี่ ี่

สงิ่ ทเี่ รมิ่ ตน้ ทาในอดตี และยงั คงทาต่อเนื่องมาจนถงึ ปัจจบุ นั

• They haven't lived here for years.
• She has worked in the bank for five years.
• We have had the same car for ten years.
• Have you played the piano since you were a child?

เมอื่ ชว่ งระยะเวลาทอี่ า้ งถงึ ยงั ไม่เสรจ็ สนิ้

• I have worked hard this week.
• It has rained a lot this year.
• We haven't seen her today.

สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ซา้ ๆ ในชว่ งเวลาใดเวลาหนึ่งทไี่ ม่ไดร้ ะบุไวอ้ ยา่ ง
เจาะจงระหวา่ งอดตี และปัจจบุ นั

• They have seen that film six times
• It has happened several times already.
• She has visited them frequently.

• We have eaten at that restaurant many times.

สงิ่ ทพี่ งึ่ ทาเสรจ็ ไปเมอื่ สกั ครูท่ ผี่ า่ นมา (+just)

• Have you just finished work?
• I have just eaten.
• We have just seen her.
• Has he just left?

การกระทาบางอย่างทเี่ วลาไมใ่ ชต่ วั บ่งชที้ สี่ าคญั หรอื ไม่ไดร้ ะบุ
ไวอ้ ยา่ งชดั เจน

• Someone has eaten my soup!
• Have you seen 'Gone with the Wind'?
• She's studied Japanese, Russian, and English.

อ่านเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การใช้ "ever", "never", "already" และ "yet" ใน "present perfect
tense" และ การใช้ "for" and "since" ใน present perfect tense อย่างถกู ตอ้ งไดท้ นี่ ี่

การสรา้ ง Present Perfect tense

คากรยิ าใน present perfect tense จะประกอบไปดว้ ย 2 ส่วน ไดแ้ ก่ รูปทถี่ กู ตอ้ งของกรยิ าชว่ ย to
have (present tense) + กรยิ าชอ่ ง 3 (past participle) โครงสรา้ งของ past participle
ไดแ้ ก่ คากรยิ า+ed เชน่ played, arrived และ looked เป็ นตน้ สาหรบั คากรยิ าทมี่ รี ปู พเิ ศษ (irregular
verbs) ใหด้ ูที่ ตารางคากรยิ าทมี่ รี ูปพเิ ศษ ในสว่ นทเี่ รยี กว่า 'คากรยิ า'

ประโยคบอกเลา่

ประธาน to have กรยิ าชอ่ ง 3

She has visited.

ประโยคปฏเิ สธ

ประธาน to have + not กรยิ าชอ่ ง 3

She has not (hasn't) visited.

ประโยคคาถาม

to have ประธาน กรยิ าชอ่ ง 3

Has she visited?

ประโยคคาถามแบบปฏเิ สธ

to have + not ประธาน กรยิ าชอ่ ง 3

Hasn't she visited?

การใช้ To Walk ใน present perfect tense

ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏเิ สธ ประโยคคาถาม

I have walked I haven't walked Have I walked?

You have walked You haven't walked. Have you walked?

He, she, it has walked He, she, hasn't walked Has he, she, it walked?

We have walked We haven't walked Have we walked?

You have walked You haven't walked Have you walked?

They have walked They haven't walked Have they walked?

6. Comparision

คาคุณศพั ทข์ น้ั กวา่ ถกู นามาใชเ้ พอื่ เปรยี บเทยี บความแตกต่างระหว่าง 2 สงิ่ ว่าเป็ นอยา่ งไร (ใหญก่ วา่ เล็กกว่า
เรว็ กวา่ สูงกว่า) เมอื่ มกี ารเปรยี บเทยี บคานาม 2 คา คาคุณศพั ทน์ ีถ้ ูกนามาใช ้้ โดยมรี ปู ประโยคดงั นี้

คานาม (ประธาน) + คากริ ยิ า + คาคุณศพั ทข์ นั้ กวา่ + than + คานาม (กรรม)

หากเป็ นทที่ ราบกนั ดวี ่ากาลงั เปรยี บเทยี บสงิ่ ใดกบั สงิ่ ใด สามารถละคานามที่ 2 โดยไมต่ อ้ งกลา่ วซา้ ได ้
(เหมอื นในตวั อยา่ งสุดทา้ ย)

ตวั อยา่ งเชน่

• My house is larger than hers.
• This box is smaller than the one I lost.
• Your dog runs faster than Jim's dog.
• The rock flew higher than the roof.
• Jim and Jack are both my friends, but I like Jack better. (เป็ นทเี่ ขา้ ใจไดว้ า่ "ชอบ

มากกว่าจมิ ")

คาคุณศพั ทข์ น้ั สุด

คาคุณศพั ทข์ นั้ สดุ ถูกนามาใชเ้ พอื่ เปรยี บเทยี บลกั ษณะคานามหลาย ๆ คาวา่ มคี ุณภาพเชน่ ไร (สูงทสี่ ุด เล็ก
ทสี่ ดุ เรว็ ทสี่ ดุ )

คานาม (ประธาน) + คากริ ยิ า + the + คาคณุ ศพั ทข์ นั้ สุด + คานาม (กรรม)

หากเป็ นทที่ ราบกนั ดวี า่ กาลงั เปรยี บเทยี บสงิ่ ใดกบั สงิ่ ใด สามารถละกลมุ่ คานามนั้น ๆ โดยไม่ตอ้ งกลา่ วซา้ ได ้
(เหมอื นในตวั อย่างสุดทา้ ย)

ตวั อย่างเชน่

• My house is the largest one in our neighborhood.
• This is the smallest box I've ever seen.
• Your dog ran the fastest of any dog in the race.
• We all threw our rocks at the same time. My rock flew the highest. (เป็ นทเี่ ขา้ ใจไดว้ า่

"สูงกวา่ หนิ ทงั้ หมด")

การสรา้ งคณุ ศพั ทข์ นั้ กว่าและขนั้ สดุ

การสรา้ งคณุ ศพั ทข์ น้ั กว่าและขนั้ สุดสามารถทาไดง้ ่าย ๆ โดยขนึ้ อยู่กบั จานวนพยางคข์ องคาคุณศพั ทท์ ใี่ ช ้

คาคณุ ศพั ทห์ นึ่งพยางค ์

เตมิ -er หลงั คาคณุ ศพั ทห์ ากตอ้ งการเปรยี บเทยี บขน้ั กว่า และเตมิ -est หลงั คาคณุ ศพั ทห์ ากตอ้ งการ
เปรยี บเทยี บขนั้ สุด หากคาคุณศพั ทใ์ ด ๆ กต็ ามมเี พยี งแคพ่ ยญั ชนะ + สระ + ตวั สะกด อยา่ งละ 1 ตวั กอ่ นที่
จะทาเป็ นขน้ั กว่าหรอื ขน้ั สดุ จาเป็ นตอ้ งเตมิ ตวั สุดทา้ ยของคาคุณศพั ทน์ ั้น ๆ ซา้ อกี 1 ตวั กอ่ นเตมิ -er หรอื -
est

คาคณุ ศพั ท ์ ขนั้ กว่า ขน้ั สุด

tall taller tallest

fat fatter fattest

big bigger biggest

sad sadder saddest

สองพยางค ์

คาคุณศพั ทท์ มี่ ี 2 พยางคส์ ามารถทาใหเ้ ป็ นการเปรยี บเทยี บขน้ั กวา่ ไดด้ ว้ ยการเตมิ -er หรอื
เตมิ more ขา้ งหนา้ คาคณุ ศพั ทท์ ตี่ อ้ งการเปรยี บเทยี บ และทาเชน่ เดยี วกนั หากตอ้ งการเปรยี บเทยี บขนั้ สุด
คอื เตมิ -est ตอ่ ทา้ ยคาคณุ ศพั ทน์ ั้น ๆ หรอื เตมิ most ขา้ งหนา้ นอกจากนี้ ในหลายกรณียงั สามารถเตมิ คา
เพมิ่ ทงั้ ขา้ งหนา้ และขา้ งหลงั ไดอ้ กี ดว้ ย ถงึ แมว้ า่ การเลอื กเตมิ อยา่ งใดอย่างหนึ่งจะพบไดบ้ อ่ ยกวา่ กต็ าม หาก
คุณไม่แน่ใจว่า คาคณุ ศพั ท ์ 2 พยางคน์ ั้น ๆ สามารถเตมิ -er หรอื -est ไดห้ รอื ไม่ การเลอื ก
เตมิ more และ most จะปลอดภยั กวา่ สาหรบั คาคณุ ศพั ทท์ ลี่ งทา้ ยดว้ ย y ใหเ้ ปลยี่ น y เป็ น i กอ่ นเตมิ -er
หรอื -est

คาคุณศพั ท ์ ขน้ั กว่า ขน้ั สุด

happy happier happiest

simple simpler simplest

busy busier busiest

tilted more tilted most tilted

tangled more tangled most tangled

สามพยางคห์ รอื มากกวา่

คาคณุ ศพั ทท์ มี่ ี 3 พยางคห์ รอื มากกว่าสามารถทาใหเ้ ป็ นขน้ั กว่าไดด้ ว้ ยการเตมิ more ขา้ งหนา้ คาคณุ ศพั ท ์
ทตี่ อ้ งการเปรยี บเทยี บ และทาใหเ้ ป็ นขน้ั สุดดว้ ยการเตมิ most ไวข้ า้ งหนา้

คาคุณศพั ท ์ ขน้ั กว่า ขน้ั สดุ

important more important most important

expensive more expensive most expensive

การเปรยี บเทยี บขน้ั กวา่ และขนั้ สดุ แบบพเิ ศษ

คาคณุ ศพั ทเ์ หลา่ นีจ้ ะเปลยี่ นคาไปเลยเมอื่ อยู่ในขนั้ กวา่ และขน้ั สุด

คาคณุ ศพั ท ์ ขนั้ กว่า ขนั้ สดุ

good better best

bad worse worst

little less least

much more most

far further / farther furthest / farthest

ตวั อย่างเชน่

• Today is the worst day I've had in a long time.
• You play tennis better than I do.
• This is the least expensive sweater in the store.
• This sweater is less expensive than that one.
• I ran pretty far yesterday, but I ran even farther today.

7. Be going to ; Should/Shouldn't ; Must/Mustn't

Modal Verbs หรือกริยาช่วยท่ีเราพอจะคุน้ หนา้ คุน้ ตาจากคาจาพวก Must , Have
to และ Should แมว้ า่ คาเหล่าน้ีจะมีความหมายท่ีต่างกนั ไป แตผ่ คู้ นกม็ กั จะผสมกริยาเหล่าน้ี

อยา่ งไม่ค่อยถูกตอ้ งนกั ในบทความน้ีเราจึงมีหลกั การใชม้ าฝากกนั ค่ะ

1. Must และ Have To

Must และ Have To พดู ถึงส่ิงทีต่ อ้ งทา ส่ิงที่ไมส่ ามารถเลือกท่ีจะไม่ทา
ไม่ได้ ตวั อยา่ ง

We must talk to her before she leaves. (ฉนั ตอ้ งคุย
กบั เธอก่อนท่ีเธอจะไป) ถา้ ใชป้ ระโยคน้ีคือคุณคิดวา่ นี่เป็นเรื่องสาคญั มากและ
ตอ้ งคุย
I have to go into work early tomorrow. (พรุ่งน้ีฉนั
ตอ้ งไปทางานแต่เชา้ ) ซ่ึงประโยคน้ีหมายความวา่ คุณไม่มีทางเลือกอื่น

แยกออกไหมว่าต่างกนั อยา่ งไร??

ใช้ Must เพราะทาใหด้ ูเป็นเร่ืองส่วนตวั มากข้ึน จะเห็นจากตวั อยา่ งประโยค
ขา้ งตน้ คือตอ้ งคุยกบั เธอใหไ้ ดก้ ่อนที่เธอจะไป ซ่ึงมนั มาจากความรู้สึกของผพู้ ดู

แลว้ Have to ล่ะต่างกนั อยา่ งไร

ตวั อยา่ งของ Have to จะพูดถึงเร่ืองที่เป็นสถานการณ์มากกวา่ เพราะพรุ่งน้ี
ตอ้ งไปทางาน อาจมีนดั หมายสาคญั กบั ลูกคา้ ซ่ึงเป็นการบีบบงั คบั จาก
สถานการณ์ไม่ใช่จากตวั เอง

8. Will

การใช้ Will และ Going to พบไดบ้ อ่ ยคร้ังในการใชภ้ าษาองั กฤษ ในบทเรียนน้ีจะ
อธิบายถึงการใช้ ท้งั 2 คาน้ีวา่ มีความเหมือนและแตกตา่ งกนั อยา่ งไร พร้อมตวั อยา่ ง
ประกอบท่ีเขา้ ใจไดง้ ่าย

ความหมาย

Will และ Going to มีความหมายเหมือนกนั คือหมายถึง “จะ” ใชเ้ พ่ือพดู ถึง
เหตุการณ์ท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต แตท่ ้งั 2 คาน้ีมีจุดที่แตกตา่ งกนั

โครงสร้างประโยค

Will
Subject + will + v.1
Going to
Subject + be going to + v.1

***be = verb to be (is/am/are)
***v.1 = verb 1 (คากริยาช่องท่ี 1)

โครงสร้างประโยคของการใช้ Will และ Going to น้นั คลา้ ยกนั คือ
ประธาน (Subject) ตามดว้ ย will หรือ be going to และตามดว้ ยคากริยาช่อง
ท่ี 1 (v.1)

การใช้ Will และ Going to

1. Will ใชใ้ นการบอกวา่ จะทา เป็นตดั สินใจโดยทนั ที โดยที่ไมไ่ ดค้ ิดหรือ
วางแผนไวก้ ่อน

2. Will ใชใ้ นการคาดเดาหรือแสดงความคิดเกี่ยวเหตุการณ์ที่จะเกิดข้ึนใน
อนาคต

1. Going to ใชใ้ นการพูดถึงเหตกุ ารณ์ที่จะเกิดข้ึนในอนาคต โดยมีคิดหรือ
วางแผนไวก้ ่อนแลว้ วา่ จะทา

2. Going to ใชใ้ นการพดู ถงึ ส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคตค่อนขา้ งแน่นอน (มี
หลกั ฐานหรือเหตุผลประกอบ)

แผนภาพแสดงความแตกต่างของ Will และ Going to

จากแผนภาพแสดงความแตกตา่ งของการใช้ Will และ Going to โดยที่ will น้นั
เป็นการตดั สินใจโดยทนั ที ณ เวลาที่พูด โดยทีไ่ มไ่ ดค้ ิดหรือวางแผนไวก้ ่อน แตกต่างจาก
Will ที่จุดท่ีตดั สินใจคือจุดที่อยกู่ ่อนเวลาท่ีพดู ซ่ึงเป็นคิดหรือวางแผนไวก้ ่อนแลว้

9. Verb to be ; Verb to have ; There is/There are

ถา้ จะบอกวา่ “มี” ในภาษาองั กฤษ กค็ งนึกถึงคาวา่ have / has กนั ใช่มย๊ั คะ แต่ยงั มี
อีกคาหน่ึงท่ีหลายคนอาจมองขา้ มไป คือ there is / there are แต่ถึงแมว้ า่ ท้งั สองคา
จะใชใ้ นความหมายวา่ มี แต่การนาเอาไปใชก้ ต็ ่างกนั คะ่

have กบั has จะนาไปใชใ้ นกรณีท่ี “มี” แบบเป็นเจา้ ของ คือ ใครมี
อะไร? have/has จะถูกนาไปใชใ้ นรูปของคากริยา เช่น

• She has a new luxury car.
เธอมีรถหรูหราคนั ใหม่

• All people have the right to make their own
decision.
ทุกคนมีสิทธิที่จะตดั สินใจดว้ ยตวั เอง

• They don’t have much money.
พวกเขาไม่ไดม้ ีเงินเยอะ



** has ใชก้ บั ประธานเอกพจน์ และ have ใชก้ บั ประธานพหูพจน์นะคะ ส่วนประธาน I
ใช้ haveคะ่ ) ในภาษาพดู เราอาจจะไดย้ นิ ฝรั่งเคา้ ใชค้ าวา่ have got หรือ has got
และมกั จะใชใ้ นรูปยอ่ คือ ‘s got หรือ ‘ve got เช่น

• We’ve got so much work to do. พวกเรามีงานมากมายท่ีตอ้ งทา

• She’s got long straight hair. เธอมีผมยาวตรง

ส่วนเจา้ There is/ There are จะใชใ้ นกรณีท่ีพดู ลอยๆข้ึนมาวา่ “มี” แบบไมม่ ี

เจา้ ของ คือไม่เนน้ วา่ ใครมีอะไร แต่เนน้ สิ่งท่ีมีมากกวา่ เช่น

• There is a little milk left in the fridge. มีนมเหลืออยนู่ ิดหน่อย
ในตเู้ ยน็

• There are a lot of places to visit in Thailand. มีท่ีทอ่ งเท่ียว
มากมายในเมืองไทย

• Is there five rooms in this house? มีหอ้ งอยู่ 5 หอ้ งในบา้ น
หลงั น้ีใช่มย๊ั

( there is ใชก้ บั นามเอกพจนน์ บั ได้ และนามนบั ไม่ได้ ส่วน there are ใชก้ บั นาม
พหูพจนน์ บั ได)้ ถา้ ลองสงั เกตใหด้ ีประโยคแบบน้ีมกั จะข้ึนตน้ ดว้ ยคาวา่ “มี” และรูปประโยค
มกั จะเขียนในความหมายวา่ มีอะไรอยทู่ ่ีไหน?
ถา้ เป็นอดีต เรากใ็ ช้ there was, there were เช่น

• There were a lot of people at One Direction Concert
last night.

แตถ่ า้ ไดอ้ า่ นเยอะๆ คุณอาจจะเจอกบั ตวั ประหลาดเหล่าน้ีค่ะ There will be, There

have been, There should be, There must be, There might
be ท้งั หลายท้งั มวลมนั กแ็ ปลวา่ “มี” นนั่ แหละคะ่ แตม่ ีในเวอร์ชนั่ ไหน กแ็ ลว้ แต่คาที่ตามหลงั
มา คาพวกน้ีร่างเดิมของมนั กค็ ือ there is/there are นนั่ แหละคะ่ เพยี งแต่พอเราเอา
modal verbs (will, would, should, might, may, etc…) หรือ
verb ช่วย have/has ใน perfect tense ใส่เขา้ ไป verb to be (is, are) มนั เลยตอ้ งกลายร่างเป็น be หรือ been ตามแต่

กรณี ( be หลงั modal verb เพราะตอ้ งการ verb to be รูปธรรมดา และ been หลงั have/has เพราะตอ้ งการ verb to be ชอ่ งที่ 3 )

• There will be ก็แปลวา่ จะมี
• There should be ก็แปลวา่ ควรจะมี
• There must be กแ็ ปลวา่ ตอ้ งมี
• There might be ก็แปลวา่ อาจจะมี
• There should be more concern on children’s mental

health.
ควรจะมีความใส่ใจกบั สุขภาพจิตของเดก็ ใหม้ ากกว่าน้ี
• There must be something in the water. มนั ตอ้ งมีอะไรอยใู่ น
น้านนั่ แน่ๆ

• There have been a lot of efforts to solve violent
problems in Thailand.
มีความพยายามอยา่ งมากในการแกป้ ัญหาความรุนแรงในไทย (ประโยคน้ีใชใ้ นรูป
ของ Present perfect tense)

Related Posts:
1. Past Simple Tense VS. Present Perfect Tense ใช้

ต่างกนั อย่างไร

2. วธิ ีการเปลยี่ นประโยคบอกเล่าเป็ นปฏเิ สธ ด้วย helping verb (verb to

do, verb to have, verb to be)
3. No กบั Not ใช้ต่างกนั อย่างไร

4. กริยาช่วย Modal verbs

5. เมื่อต้องการส่ือภาษาองั กฤษให้รู้ว่า “กาลงั ทา” [Continuous Tense]

6. ศัพท์ภาษาองั กฤษ : หลากหลายความหมายกับคาว่า “RUN”
7. ทาความเข้าใจ Present Continuous Tense
8. ทาความเข้าใจ Present simple tense
9. Passive Voice ในภาษาอังกฤษ
10. ประโยค If-clause
11. How have you been? กับ How are you? ต่างกันยงั ไงอ่ะ
12. การใช้ apostrophe s ( ’s )
13. verb to be ใช้ตอนไหน??
14. การใช้ Direct and Indirect Speech ตอนที่1
15. ทาความเข้าใจ Future Continuous Tense

10. A/An ; some/any

คาวา่ some และ any เป็นคาภาษาองั กฤษท่ีเราพบเจอไดบ้ ่อยมากๆ แตถ่ ึงแมจ้ ะเจอ
บ่อย หลายๆคนกอ็ าจจะยงั งงกบั เจา้ สองคาน้ีอยู่ นนั่ ก็เพราะสองคาน้ีมีความหมายและ
วิธีใชท้ ี่คอ่ นขา้ งหลากหลายนน่ั เอง

ในบทความน้ี ชิววไี่ ดเ้ รียบเรียงเน้ือหาเก่ียวกบั คาวา่ some และ any ในรูปแบบท่ี
เขา้ ใจง่าย ท้งั ความหมาย วิธีการใช้ และตวั อยา่ งประโยค มาใหเ้ พือ่ นๆไดเ้ รียนรู้กนั ถา้
พร้อมแลว้ เราไปดูกนั เลย

หลกั การใช้ some
คาวา่ some มีความหมายและการใชท้ ี่หลากหลาย ซ่ึงหลกั ๆแลว้ จะมีดงั น้ี

Some แปลวา่ บาง…
Some มีความหมายวา่ “บาง…” เช่น บางส่วน บางคน ฯลฯ โดยจะมีการใชแ้ บง่ ได้
คร่าวๆ 3 แบบ

1. ใช้บอกปริมาณ

Some ในกรณีน้ีจะมีความหมายวา่ “บางส่วน” หรือ “จานวนหน่ึง” ใชพ้ ดู ถงึ ส่ิงท่ีมี
ปริมาณมากกวา่ หน่ึงหน่วย หรือพูดถึงบางส่วนของส่ิงน้นั แต่ไม่ไดร้ ะบุชดั เจนวา่ มี
ปริมาณเท่าใด

คาวา่ some ในความหมายน้ี จะทาหนา้ ท่ีเป็น determiner เวลาใชจ้ ะตอ้ งอยู่
หนา้ คานาม (determiner คือคาท่ีใชก้ ากบั คานาม ทาหนา้ ท่ีใหร้ ายละเอียดเก่ียวกบั

คานาม เช่น บอกปริมาณ ตวั อยา่ ง determiner คาอ่ืนเช่น a, an, the,
many, much, any) อยา่ งเช่น

ท้งั น้ี การใช้ some ในความหมายน้ี เราจะใชก้ บั คานามนบั ไม่ได้ หรือคานามนบั ไดท้ ่ีเป็นพหูพจน์
เท่าน้นั ถา้ เป็นคานามนบั ไดท้ ี่เป็นเอกพจน์ เราจะใช้ a หรือ an แทน อยา่ งเชน่

I bought a pen.
ฉนั ซ้ือปากกาหน่ึงดา้ ม
(เนื่องจาก pen เป็นคานามนบั ได้ เราจึงไม่ใช้ I bought some pen. แต่เราสามารถใช้ I
bought some pens. ได้ ถา้ เราซ้ือมาหลายดา้ ม)

2. ใช้กบั คานามทีไ่ ม่เจาะจง

เราสามารถใช้ some เมอ่ื กลา่ วถึงบุคคลหรือส่ิงใดๆ โดยที่ไมไ่ ดร้ ะบชุ ้ีชดั วา่ เป็นคนไหนหรือส่ิงไหน
เช่น

Some person ใครบางคน
Some cat แมวบางตวั
Some method บางวธิ ี

11. Personal and object pronouns ; Possessive 's ;
Possessive adjective pronouns

Possessive Adjectives คือคาคณุ ศพั ทท์ ี่ใชใ้ นการแสดงความเป็นเจา้ ของ ตอ้ งใชค้ ู่
คานาม (ขยายคานาม) เสมอ ไม่สามารถใชอ้ ยา่ งโดดเดี่ยวได้ และตอ้ งวางอยหู่ นา้ คานามที่ตอ้ งการ
แสดงความเป็นเจา้ ของเสมอ ไดแ้ ก่ my (ของฉนั ), your (ของคุณ→คนเดียว), her (ของ
เธอ), his (ของเขา), its (ของมนั ), our (ของพวกเรา), your (ของพวกคุณ→หลายคน),
their (ของพวกเขา)

Possessive Adjectives + Nouns
I love my family. ฉนั รักครอบครัวของฉนั
Where is your house? บา้ นของคุณอยทู่ ่ีไหน?
She lost her book at the school. เธอลืมหนงั สือของเธอไวท้ ี่โรงเรียน
His son is very cute. ลูกชายของเขาน่ารักมาก
What are its main advantages? ประโยชน์หลกั ๆของมนั คืออะไร

Our English class starts on 9 o’clock. คาบเรียนวิชาภาษาองั กฤษของ
พวกเราเร่ิมตอน 9 โมง
Their business is running well in China. ธุรกิจของพวกเขากาลงั ไปไดด้ ี
ในประเทศจีน

Possessive Pronouns คือ สรรพนามที่ใชใ้ นการแสดงความเป็นเจา้ ของ ซ่ึง
สามารถใชโ้ ดดๆไดเ้ ลย ไมต่ อ้ งใชค้ ูน่ าม ไดแ้ ก่ mine (ของฉนั ), yours (ของคุณ→คน
เดียว), hers (ของเธอ), his (ของเขา), its (ของมนั ), ours (ของพวกเรา), yours
(ของพวกคุณ→หลายคน), theirs (ของพวกเขา) เช่น

This bag is mine. กระเป๋ าใบน้ีเป็นของฉนั

Here is my answer, what is yours? นี่คือคาตอบของฉนั แลว้ ของคุณละ่ ?

This pencil is John’s, the red one is hers. ปากกาอนั น้ีเป็นของจอหน์

ส่วนอนั ท่ีมีสีแดงคือของหลอ่ น

That is not Joe’s car. His is the black one. นนั่ ไม่ใช่รถของโจ ของ

เขาคือคนั สีดา

These comics are all ours. หนงั สือการ์ตนู พวกน้ีคือของพวกเราท้งั หมด

Those computers are theirs. นน่ั คือคอมพิวเตอร์ของพวกเขา


Click to View FlipBook Version