ศาสนาเต๋า ขงจื้อ ชินโต
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา
ศาสนาเปรียบเทียบ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 เพื่อให้ได้
ศึกษาหาความรู้ในเรื่องราวของศาสนาเต๋า ขงจื้อ
ชินโต โดยได้ศึกษาผ่านแหล่งความรู้ต่างๆ อาทิ
ตำรา หนังสือ และแหล่งความรู้จากเว็บไซต์ต่างๆ
เนื้อหาของรายงานเล่มนี้แบ่งออกเป็น 7 หัวข้อ
ประกอบด้วย ประวัติศาสนา-สัญลักษณ์ จุดมุ่ง
หมายสูงสุด ความเชื่อ นิกาย คัมภีร์ พิธีกรรม/หลัก
ปฏิบัติ หลักธรรม เป็นต้น
ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับ
ผู้อ่าน หรือ นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่อง
นี้หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัด
ทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
สารบัญ 2
3
คำนำ 4
สารบัญ 4
1.เต๋า 4
ประวัติศาสนา 5
ศาสดา 5
หลักความเชื่อและจุดมุ่งหมาย 6
นิกาย 6
พิธีกรรม 7
สัญลักษณ์ 8
คัมภีร์ 8
2.ขงจื้อ 8
ประวัติศาสนา 9
ศาสดา 9
หลักความเชื่อและจุดมุ่งหมายสูงสุด 10
นิกาย 11
พิธีกรรม 12
สัญลักษณ์ 13
คัมภีร์ 13
3.ชินโต 13
ประวัติศาสนา 14
ศาสดา 15
หลักความเชื่อและจุดมุ่งหมายสูงสุด 16
นิกาย 17
พิธีกรรม 18
สัญลักษณ์ 19
คัมภีร์ 20
อ้างอิง
คณะผู้จัดทำ
เ ต๋ า
TAOISM
ประวัติศาสนา
เป็นปรัชญาและศาสนาที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน เน้นการใช้ชีวิตกลมกลืนกับเต๋า ซึ่งเป็นแนวคิดหลัก
ในสำนักปรัชญาจีนส่วนใหญ่ แต่ในศาสนาเต๋า เต๋าหมายถึงต้นกำเนิด แบบแผน และสารัตถะของสรรพสิ่ง
ไม่เน้นเรื่องพิธีกรรมซับซ้อนและระเบียบสังคมอย่างลัทธิขงจื๊อ แม้ลัทธิเต๋าในแต่ละนิกายจะมีคำสอนด้าน
จริยธรรมแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปเน้นหลักการเดียวกันคือ "อู๋เว่ย" หรือ ความไร้เจตนา ความเป็นธรรมชาติ
慈 儉 不敢為天下และความเรียบง่าย กับสมบัติสามประการ ได้แก่ ความเมตตา ความมัธยัสถ์ และ
先 ความอ่อนน้อมถ่อมตน
ศาสดา
เล่าจื๊อ ได้รับการยกย่องให้เป็นศาสดาของศาสนาเต๋า เกิดประมาณปี 604 ก่อน ค.ศ. ในตระกูลแซ่ "ลี้" หมู่บ้านเค็กยิ้น
ลี้ ตำบลไหล่ จังหวัดโฮนาน ในแผ่นดินกษัตริย์ราชวงศ์จิวหรือเจา เม่อประมาณปี 604 ก่อน ค.ศ. สถานที่เกิดของเล่าจื๊อ
ตามที่กล่าวมานี้ ตรงกับเมืองลูยี (Luyi) ในปัจจุบันอยู่ในตำบลโฮนาน ห่างจากเมืองโปเลียนประมาณ 40 ลี้
คำว่า "เล่าจื๊อ" แปลว่า ผู้เฒ่า นักประวัติศาสตร์แบ่งเรื่องราวของชีวิตเล่าจื๊อไว้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
1. เล่าจื๊อเคยเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนักสมัยราชวงศ์จิว
2. ขงจื๊อเคยมาเยี่ยมเล่าจื๊อ
3. เล่าจื๊อเดินทางออกจากราชสำนักราชวงศ์จิว
ในที่สุดเล่าจื๊อก็ได้เดินทางมุงหน้าไปทางทิศตะวันตก บอกกล่าวคำสอนของตัวเองให้คนยามฟังและได้จดไว้ เสร็จแล้ว
ตัวเขาเองก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย คำสอนที่ยามเฝ้าประตูจดจากเล่าจื๊อไว้ คือ คัมภีร์เต้าเต็กเก็ง
1.คำถาม:ศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนาเต๋าคือใคร
หลักความเชื่อเเละจุดมุ่งหมาย
การดำรงชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติ หรือการพยายามทำให้ถูกหลักของเต๋า ได้แก่ การบำเพ็ญคุณงาม
ความดี ไม่ฟุ้งเอเห่อเหิม อยากเป็นใหญ่เป็นโต ทำจิตใจให้สงบ ถ่อมตัว พยายามอยู่ในที่ต่ำเสมอ สรุปแล้ว
หลักคำสอนของศาสนาเต๋ามีทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม แต่เน้นหนักไปทางฝ่ายธรรม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่
หลักธรรมคำสอนของศาสนาเต๋า มิได้รับการส่งเสริมสนับสนุนมากพอ แต่กลับไปส่งเสริมและเน้นหนักไปใน
เรื่องเครื่องรางของขลัง เวทมนต์คาถา และการแสวงหายาอายุวัฒนะ หรือ ยาอมฤต คือ กินแล้วทำให้คนไม่
ตาย
นิกาย
ตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 11 แห่งคริสต์ศักราชเป็นต้นมามีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างศาสนาเต๋าฝ่ายใต้กับฝ่าย
เหนือ
กลุ่มของผู้อยู่ทางใต้ของแม่น้ำแยงซี เป็นพวกนิกายเช้งอิ ซึ่งมีความเชื่อในฤทธานุภาพแห่ง ท่านอาจารย์บน
สวรรค์(เทียนจื๊อ) เพราะฉะนั้นบางครั้งนิกายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า " นิกายเทียนจื๊อ " ท่านอาจารย์บนสวรรค์ ได้แก่
จางเต้าหลิง ซึ่งถือกันว่าเป็นบูรพาจารย์แห่งศาสาเต๋า ดาบของท่านสามารถฆ่าภูติผีปีศาจ ซึ่งอยู่ไกลถึงพันไมล์ นิกายนี้เชื่อ
เรื่องคาถาอาคม เช่น ใช้คาถากันฝนตก กันฝนแล้ง ไล่ผี และเข้าทรง พวกที่นับถือนิกายนี้มีชีวิตความเป็นอยู่แบบชาวบ้าน
ทั่วไป และมีครอบครัวต่างจากนักบวชของนิกายฝ่ายเหนือ
กลุ่มของผู้อยู่ทางเหนือ เป็นพวกนิกายชวนเชน คำสอนของนิกายนี้ คือ ควรดำรงชีพให้กลมกลืนกับธรรมชาติ รักสงบ
เป็นอยู่อย่างง่ายๆ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ดีด้วยการครองชีพแบบนักบวช กลุ่มของนิกายนี้ส่วนใหญ่สละบ้านเรือนออกไปอยู่ใน
วัด รับประทานอาหารเจ อดอาหารในบางโอกาส และผู้ที่อยู่เป็นนักบวชจะแต่งงานไม่ได้ ดื่มน้ำเมาไม่ได้
“ นอกจากสองนิกายใหญ่ๆนี้ ยังมีนิกายย่อยๆอีกหลายนิกายซึ่งไม่ค่อยมีความสำคัญนัก บางครั้งนิกายย่อยๆเหล่านี้
เรียกว่า นิกายลับ หรือ สมาคมลับ 1.คำตอบ:เล่าจื๊อ
2.คำถาม:ศาสนาเต๋าใช้สัญลักษณ์อะไรเป็นสัญลักษณ์ประจำศาสนา
พิธีกรรม
พิธีกรรมที่สำคัญ คือ การบูชาบรรพบุรุษ แต่ในปัจจุบันนี้ พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตชาวจีน มัก
เกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา และการปลุกเสก
นักบวชศาสนาเต๋า ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ฤกษ์ยาม และวันมงคล ในการประกอบพิธีต่างๆ นักบวช
หาเลี้ยงชีพอยู่กับเรื่องวิญญาณ โดยสอนประชาชนให้รับการชำระบาป นอกนั้น นักบวชก็ขายเครื่องรางของ
ขลังป้องกันภูติผีปีศาจ
ดังนั้น ศาสนาเต๋าที่เคยมีปรัชญาสูง แต่มาเปลี่ยนแปลงไปเกือบหมดสิ้น จึงได้กลายเป็นศาสนาแห่ง
ไสยศาสตร์
สัญลักษณ์
สัญลักษณ์ของศาสนาเต๋าที่ใช้มีอยู่ 2 อย่าง คือ รูปเล่าจื๊อขี่กระบือ อันหมายถึงการเดินทางครั้ง
สุดท้ายเมื่อเล่าจื๊อลาออกจากราชการแล้ว ไปพรมแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโฮนาน สัญลักษณ์อีก
อย่างหนึ่ง คือ รูป หยิน - หยาง เช่นเดียวกับศาสนาขงจื๊อ เป็นภาพวงกลมแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่ากันด้วยเส้นเว้า
อันหมายถึง ธรรมชาติย่อมมีสิ่งคู่กัน เช่น มืดกับสว่าง หยิน แปลว่า ความมืด ความหนาวเย็น ความอ่อนแอ
และเพศหญิง ส่วนหยาง หมายถึง ความสว่าง ความร้อน ความเข้มแข็งและเพศชาย
2.คำตอบ:เล่าจื๊อขี่กระบือ 3.คำถาม:คำภีร์ของศาสนาเต๋ามีชื่อว่าอะไร
คัมภีร์
คัมภีร์เต้าเต็กเก็ง อาจจะแยกคำได้ดังนี้
เต้า หรือ เต๋า ได้แก่ ทาง
เต็ก ได้แก่ บุญ ความดี หรือคุณธรรม
เก็ง ได้แก่ สูตร หรือวรรณคดีชั้นสูง
คัมภีร์ที่สำคัญที่สุดของศาสนาเต๋า คือคัมภีร์ เต้าเต็กเก็ง เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงเรื่องเต๋าในหลายลักษณะ มี
ทั้งหมด 81 บท แปลว่า สัจธรรม คุณธรรมสูตร เพราะมีอยู่ 2 เรื่อง คือ สัจธรรมกับเรื่องคุณธรรม เล่าจื๊อได้
กล่าวถึงประมุข เจ้านคร จริยธรรมและการเก็บภาษี เป็นต้น อธิบายได้ดังนี้
1. เต๋า คือ หนทางคุณสมบัติ วิธีการ กฎ จารีต ธรรมชาติ ฯลฯ เป็นพื้นฐานของสรรพสิ่งในโลก เป็นอมต
ภาวะ ไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ทุกสิ่งเกิดขึ้นและดับไปในเต๋า
2. เต๋าที่นำมาขานกันได้ไม่ใช่เต๋าที่แท้จริง นามที่บัญญัติได้ไม่ใช่นามที่แท้จริง อภาวะ คือ ความไม่มีเป็นเบื้อง
ต้นแห่งฟ้าและดิน
3. จากเต๋า หนึ่งก็เกิดขึ้น จากหนึ่งสองก็เกิดขึ้น จากสามสากลโลกถูกสร้างขึ้น เต๋าทำให้เกิดหนึ่ง หนึ่งทำให้
เกิดสอง สองทำให้เกิดสาม สามทำให้เกิดสิ่งทั้งปวง
3.คำตอบ:เต๋าเต็กเก็ง
4.คำถาม:สาระสำคัญของศาสนาขงจื๊อ คืออะไร
ข ง จื้ อ
CONFUCIANISM
ประวัติศาสนา
ศาสนานี้ตั้งชื่อตาม "ขงจื๊อ" ซึ่งเป็นผู้สั่งสอนและเขียนตำรา เดิมทีเดียวตั้งแต่สมัยของขงจื๊อยังมีชีวิตอยู่
มิได้ถือกันว่าคำสอนต่างๆของขงจื๊อเป็นศาสนา แต่เมื่อขงจื๊อสิ้นชีวิตไปแล้วศิษย์และผู้นิยมในคำสอนของท่าน
ได้พากันยกย่องสรรเสริญ จนทางราชการประกาศยอมรับว่าเป็นศาสนา
บุคคลบางคนกล่าวว่า ศาสนาขงจื๊อเป็นระเบียบศีลธรรมมากกว่าจะเป็นศาสนา เพราะขงจื๊อมิได้สอนให้มี
ความเชื่อถือในพระเจ้าที่เป็นตัวตนหรือการสวดอ้อนวอน ตลอดจนการบูชาพระผู้เป็นเจ้า ที่กล่าวเช่นนี้เพราะ
ศาสนาในทัศนะของฝรั่งเห็นว่า ศาสนาจะต้องผูกพันหรือบูชาพระเจ้า
ศาสดา
ขงจื๊อ เกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน ประมาณ 550 ปี ก่อน ค.ศ. ในหมู่บ้านจิว เมืองหลู่ มณฑลชานตุง และเป็นน้องคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 10 คน มารดาชื่อ ชิงไส บิดาชื่อ โห้ ถึงแก่กรรมเมื่อขงจื๊ออายุ 3 ปี จึง
เป็นเหตุให้ขงจื๊อต้องทำงานหนัก เริ่มมีโ อกาสเรียนหนังสือเมื่ออายุ 15 ปี และเมื่ออายุ 19 ปี ได้รับราชการเป็นพนักงานรักษาฉางข้าว และขงจื๊อได้แต่งงานเมื่ออายุ 20 ปี เนื่องจากขงจื๊อปฏิบัติงานเป็นผลดี
เพราะทำงานด้วนความขยันขันแข็ง และมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ไว้วางใจของหัวหน้า จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าการนาในอำเภอนั้น และในระหว่างทำงานอยู่นี้ขงจื๊อได้ใช้เวลาว่างศึกษาวิชาประวัติศาสตร์
ดนตรี และบทกวี จนมีความรู้กว้างขวางแตกฉาน มีผู้ชอบมาสนธนาความรู้อยู่เสมอ
เมื่ออายุได้ 24 ปี มารดาได้ถึงแก่กรรม ขงจื๊อจึงลาออกจากราชการเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่มารดาเป็นเวลา 3 ปี และในช่วงนี้เองขงจื๊อได้ศึกษาประวัติศาสตร์ บทกวีและปรัชญาอย่างจริงจัง เมื่อครบกำหนดไว้ทุกข์แล้ว
จึงกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง
เมื่ออายุได้ 30 ปี ได้กลายเป็นผู้รอบรู้และชำนาญในจารีตประเพณี พิธีกรรมต่างๆ และได้เริ่มประกาศตนเป็นศาสดา เที่ยวสั่งสอนประชาชน ขงจื๊อได้ตั้งสำนักเรียนสอนวิชาประวัติศาสตร์ การปกครอง ดนตรี
และโรงเรียนอนาถา คือสอนคนทุกระดับโดยไม่คิดค่าจ้าง มีชายหนุ่มผู้ที่เตรียนตัวเข้ารับราชการ ได้สมัครตัวเข้าเป็นศิษย์เพื่อเรียนวิชาประมวลจารีตประเพณี และนอกจากนี้ขงจื๊อยังรับสมัครชายหนุ่มอื่นๆ ที่มีแวว
ในการเรียนเข้าเป็นศิษย์เป็นจำนวนมาก ขงจื๊อมุ่งสอนให้ประพฤติดีจนเป็นที่เลื่องลือแก่คนทั่วไป
อายุได้ 35 ปี ได้ออกจากเมืองหลู่พร้อมด้วยศิษย์ 2-3 คน ไปยังเมืองฉี เพื่อหวังแสวงหาช่องทางวางรากฐานทางการเมือง เพื่อทำอุดมคติของตนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เจ้าผู้ครองเมืองฉีมีความนับถือในตัวขงจื๊อ
มาก แต่ก็ไม่สามารถนำคำแนะนำของขงจื๊อมาปฏิบัติได้ ขงจื๊ออยู่เมืองฉี 2 ปี จึงกลับไปอยู่ที่เมืองหลู่ตามเดิม
เมื่อขงจื๊ออายุ 43 ปี ติงกุงได้เป็นเจ้าเมืองหลู่สืบต่อจากเจ้ากุ้ง พระองค์ได้ส่งโอรสทั้งหมดไปศึกษากับขงจื๊อ ครั้นขงจื๊ออายุได้ 46 ปี ปรารถนาศึกษาวัฒนธรรมจิวหรือเจาด้วยตัวเอง จึงได้เดินทางไปยังเมืองโล ซึ่ง
เป็นราชธานีของเมืองจิว ดังนั้นขงจื๊อจึงได้เรียนรู้วัฒนธรรมจิว จากเล่าจื๊อในเมืองโล
ครั้นอายุได้ 51 ปี ขงจื๊อได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการเมืองจุงดู เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในด้านการปกครองและสามารถปฏิรูปการเมืองได้อย่างน่าพิศวง จึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น โดยมีตำแหน่ง
เป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เมื่อขงจื๊ออยู่ในตำแหน่งนี้ได้วางกำหนดข้อบังคับ เพื่อให้เป็นข้อปฏิบัติของประชาชน ในไม่ช้าบ้านเมืองก็ไม่มีคดีอาญาเกิดขึ้นและโรงศาลว่างจากคดีต่างๆ เป็นเมืองตัวอย่างของหัว
เมืองอื่น นอกจากนี้ ขงจื๊อยังทูลแนะนำให้ติงกุง เจ้าเมืองหลู่ไปพบกับจิงกุงแห่งเมืองฉีที่หุบเขาเจีย เมื่อปีที่ 500 ก่อน ค.ศ. และได้ให้กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงลงพระนามทำสัญญาเป็นไมตรีต่อกัน โดยเมืองฉีได้
ยอมยกเมืองหลูเวนยางคืนให้เมืองหลู่ นี้แสดงให้เห็นว่าขงจื๊อได้ทำหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรีได้อย่างดีเยี่ยม
ขงจื๊อได้ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 73 ปี ที่เมืองหลู่ ในปี 478 ก่อน ค.ศ.
4.คำตอบ:ความกตัญญู ความเคารพต่อธรรมชาติ
5.คำถาม:ในหลักธรรมของศาสนาขงจื๊อ เยน มีความหมายว่าอย่างไร
ห ลั ก ค ว า ม เ ชื่ อ เ เ ล ะ จุ ด มุ่ ง ห ม า ย สู ง สุ ด
ศาสนาขงจื๊อ มีความเชื่อและจุดหมายสูงสุดไม่เด่นชัด คือเพียงแต่อนุโลมให้ทำตามความเชื่อที่บรรพบุรุษเชื่อกันมา เช่น เชื่อเรื่องผีสาง
เทวดา และพยายามทำความดี เมื่อตายแล้วจะได้ไปบังเกิดในสวรรค์ เป็นต้น แต่ขงจื๊อก็ไม่ได้แสดงไว้อย่างชัดเจน ขงจื๊อเน้นแต่เรื่องมนุษย์
และโลกเป็นสำคัญ กล่าวคือ จุดหมายสำคัญของขงจื๊อก็คือ ต้องการให้คน สังคม ประเทศชาติและโลกสงบสุข ขงจื ๊ อต้องการให้คนใน
โลกนี้ไม่แบ่งชั้นวรรณะ ไม่แบ่งพวก ไม่แบ่งประเทศ แต่ต้องการให้มีประเทศเดียว คือประเทศมนุษย์ และมีชาติเดียวคือชาติมนุษย์ หาก
เป็นได้ดังกล่าวทุกคนก็จะเป็นพี่น้องกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน ช่วยเหลือกัน โลกก็จะสงบร่มเย็นโดยแท้ เพราะฉะนั้นความสงบสุขใน
โลกนี้จึงเป็นยอดปรารถนาและจุดหมายสูงสุดของขงจื๊อ
นิกาย
นักการศาสนาบางกลุ่มกล่าวว่า ศาสนาขงจื๊อไม่มีนิกาย แต่อย่างไรก็ตาม ศาสนาขงจื๊อแม้จะปรากฏว่าไม่มี
นิกายโดยตรง แต่มีหนังสือหลายเล่มกล่าวถึงผู้นับถือศาสนาขงจื๊อพวกใหม่ หรือที่เรียกว่า Neo -
Confucianism ในสมัยราชวงศ์ซุง ซึ่งรับเอาความคิดในเรื่อง หยิน - หยาง รวมทั้งการเซ่นไหว้ของประชาชน
ตามประเพณีโบราณเข้าไว้ในหลักการด้วย
คำว่า หยิน - หยาง นั้น เป็นระบบของโลก ระหว่างความมืดกับความสว่าง ความชั่วกับความดี อันเป็นของ
คู่กัน คือ หยิน เป็นสิ่งแทนความมืดและความชั่ว ส่วนหยางเป็นสิ่งแทนความสว่างและความดี
เมื่อมีคำว่า ผู้นับถือศาสนาขงจื๊อใหม่ ก็ทำให้คิดถึงพวกที่นับถือศาสนาขงจื๊อเก่า ซึ่งการปฏิบัติก็แตกต่างกัน
ออกไป แต่ถ้าจะจัดว่าพวกที่นับถือศาสนาขงจื๊อใหม่เป็นนิกายใหม่อีกนิกายหนึ่งก็ไม่ค่อยจะชัดเจนนัก
5.คำตอบ:ความเมตตากรุณา
6.คำถาม:ในหลักธรรมของศาสนาขงจื๊อ หยี มีความหมายว่าอย่างไร
พิ ธี ก ร ร ม
ขงจื๊อได้เขียนข้อสนับสนุนประเพณีโบราณไว้เป็นอันมาก รวมทั้งประเพณีในการบูชาฟ้าดิน และบูชาบรรพบุรุษด้วย ศาสนาขงจื๊อ
จึงรับเอาประเพณีทั้ง 2 ซึ่งมีมาแต่ก่อนหลายพันปีเข้าไว้เป็นหลักการใหญ่
เป็นอันว่าประเพณีต่างๆที่สืบทอดมาแต่โบราณ ขงจื๊อก็รวบรวมเรียบเรียงไว้ และเมื่อขงจื๊อซึ่งเป็นศาสดาได้สิ้นไปแล้ว ศาสนา
ขงจื๊อก็อยู่ในฐานะศาสนาของรัฐ พิธีกรรมในการบูชาจึงแบ่งออกเป็น 2 อย่าง ดังนี้
1. พิธีบูชาขงจื๊อ เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 195 ก่อนค.ศ. พระจักรพรรดิจีนได้นำสัตว์ที่ฆ่าแล้วไปทำพิธีบูชาที่หลุมฝังศพขงจื๊อ และมี
คำสั่งเป็นทางราชการให้มีการเซ่นไหว้ขงจื๊อเป็นประจำ และให้สร้างศาลของขงจื๊อขึ้นทั่วทุกหัวเมืองที่สำคัญ แล้วทำพิธีเซ่นไหว้
ทั้งให้วันเกิดของขงจื๊อ คือ วันที่ 27 สิงหาคม เป็นวันหยุดราชการประจำปีของจีน และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นวันที่ 28 กันยายน
2. พิธีบูชาฟ้า ดิน พระอาทิตย์ และพระจันทร์ ในปีหนึ่ง จะมีรัฐพิธี 4 ครั้ง ดังนี้
2.1 พิธีบูชาฟ้า กระทำกันประมาณวันที่ 22 ธันวาคม พระจักรพรรดิจะทรงเป็นประธานในพิธี ในพิธีจะมีการแสดงดนตรี
การแห่โคมไฟ มีเครื่องเซ่นไหว้ เช่น อาหาร ผ้า ไหม เหล้า เป็นต้น เสร็จแล้วจะเผาเครื่องเซ่นไหว้หมด แท่นบูชาอยู่ทางทิศใต้ของ
กรุงปักกิ่ง ทำด้วยหินอ่อนสีขาว มีระเบียงลดหลั่นเป็นชั้น 3 ชั้น
2.2 พิธีบูชาดิน เป็นการบูชาธรรมชาติหรือเทพประจำธรรมชาติ ผู้ประกอบพิธีเป็นขุนนางหรือข้าราชการ กระทำเป็นงาน
ประจำปี ประมาณวันที่ 21หรือ 22 มิถุนายน ที่เรียกว่า ครีษมายัน ณ แท่นบูชา อยู่ทางทิศเหนือกรุงปักกิ่ง สถานที่บูชามีลักษณะ
เป็นสี่เหลี่ยมมีน้ำล้อมรอบ
2.3 พิธีบูชาพระอาทิตย์ กระทำเป็นทางราชการประจำปี ณ ที่บูชาทางประตูด้านตะวันออกของกรุงปักกิ่ง ประมาณวันที่
21 มีนาคม ที่เรียกว่า วันวสันตวิษุวัต คือวันที่กลางคืนและกลางวันเท่ากัน ในฤดูใบไม้ผลิ
2.4 พิธีบูชาพระจันทร์ กระทำเป็นทางราชการประจำปี ณ ที่บูชาทางด้านตะวันตกของกรุงปักกิ่ง ประมาณวันที่ 22 หรือ
23 กันยายน ที่เรียกว่า วันศารทวิษุวัต คือวันที่กลางวันและกลางคืนเท่ากัน ในฤดูใบไม้ร่วง
6.คำตอบ:ความยุติธรรม
7.คำถาม:สัญลักษณ์ศาสนาขงจื๊อโดยตรงได้แก่อะไร
สั ญ ลั ก ษ ณ์
1. สัญลักษณ์ศาสนาขงจื๊อโดยตรง ได้แก่ รูปปั้น รูปหล่อ หรือรูปเขียนของขงจื๊อเองซึ่ง
ประดิษฐานอยู่ในศาล
2. สัญลักษณ์อย่างอื่น คือ ภาพวงกลม แบ่งเป็น 2 ส่วน เท่ากันด้วยเส้นเว้า ที่เรียกใน
ภาษาจีนกลางว่า หยิน-หยาง
3. ถ้าไม่มีสัญลักษณ์ตามข้อ 1-2 เขาก็ใช้แผ่นป้ายจารึกนามขงจื๊อ ในรูปการบูชาบรรพบุรุษ
ที่ชาวจีนนิยมทำกัน คือ การจารึกชื่อผู้ตายในแผ่นป้าย แล้วตั้งไว้เพื่อบูชาเซ่นไหว้
4. สัญลักษณ์อีกอย่างคือ รูปคนจีนแต่งตัวโบราณกำลังประสานมือแสดงคารวะต่อกัน
7.คำตอบ:รูปปั้น
รูปหล่อ หรือรูปเขียนของขงจื๊อเองซึ่งประดิษฐานอยู่ในศาล
8.คำถาม:คำภีร์ที่ขงจื๊อเป็นผู้เขียนโดยตรง คือคำภีร์อะไร
คั ม ภี ร์
ในศาสนาขงจื๊อมีคัมภีร์ที่สำคัญเรียกเก็งทั้ง 5 และชูทั้ง 4 ดังนี้
ก. คัมภีร์เก็ง แบ่งออกเป็น 5 เล่ม คือ
1. ชุนชิว เป็นคัมภีร์ประวัติศาสตร์เขียนขึ้นโดยเขียนประวัติศาสตร์ของรัฐลู้เป็นต้นฉบับเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ
ขงจื๊อ ประกอบด้วยอุดมคติทางการเมือง มีบทวิจารณ์รัฐบาลไปด้วย กล่าวถึงภัยธรรมชาติหลายแห่งเป็นเครื่องเตือนใจนัก
ปกครองให้ประพฤติถูกต้อง มิฉะนั้นแล้วฟ้าดินจะลงโทษให้เกิดวิกฤตการณ์เป็นเหตุให้รัฐบาลมีความสังวรตน
2. เสี่ยงจือ เป็นคัมภีร์รัฐศาสตร์ กล่าวถึงระเบียบแบบแผนในการปกครองตั้งแต่สมัยพระเจ้าเงี้ยวจนมาถึงสมัยราชวงศ์จิว แต่
เดิมมีถึง 3,240 บท ได้ตัดทอนลงเหลือ 120 บท และต่อมาเหลือ 28 บท
3. เอี๊ยะ คือ ธรรมชาติวิทยา ความจริงคำนี้หมายถึง ความเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง
ความเปลี่ยนแปลงนี้เองปรากฎเป็นปรากฎการณ์ ปรากฎการเกิดจาก 2 อย่างมารวมกัน เช่น ชายกับหญิงเกิดเป็นบุตร ฟ้ากับดิน
เกิดเป็นสรรพสิ่ง จักรภพมีมูลธาตุ 2 อย่างที่ตรงกันข้าม
4. โล้ยกิง คือ นิติธรรมเนียม หมายถึง ขนบธรรมเนียมประเพณี ความถูกต้อง กฏหมาย ระเบียบ แบบแผน จารีต วัฒนธรรม
เป็นคัมภีร์ที่มีลักษณะคล้ายคัมภีร์มนูธรรมศาสตร์ของอินเดียเดิม หมายถึง การบูชาฟ้าดิน ต่อมาหมายถึง วัฒนธรรมทางสังคม
5. จัดเป็นวรรณคดีโคลงเล่มแรกของจีน เป็นการรวบรวมบรรดาโคลงสมัย 500 ปีมาแล้วว่าด้วยนักปกครอง เรื่องศาสนา
เรื่องบ้านเมือง เรื่องชีวิตในสังคม เรื่องธรรมชาติ และเรื่องความรัก เป็นต้น เป็นโคลงที่สะท้อนถึงสภาพชีวิตของชาวจีนในอดีตได้
เป็นอย่างดี
ข. คัมภีร์ชู แบ่งออกเป็น 4 เล่ม คือ
1. ต้าเซี่ยว หมายถึง อุดมศึกษา ว่าด้วยหลักธรรม กล่าวกันว่าเป็นข้อเขียนของขงจื๊อ
2. จุนยุง หมายถึง คำสอนเรื่องทางสายกลาง กล่าวกันว่าหลานชายบันทึกคำของขงจื๊อ
3. ลุนยู หมายถึง บทรวมภาษิตของขงจื๊อ ศิษย์หลายคนได้รวบรวมขึ้นเป็นพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ของขงจื๊อ
4. เม่งจื๊อ หมายถึง นักปรัชญาจีนผู้หนึ่งเกิดหลังขงจื๊อประมาณ 100 ปี ประกาศปรัชญาของขงจื๊อสืบต่อมา
คัมภีร์ทั้ง 4 เล่มนี้ใช้เป็นหลักสูตรในการสอบเข้ารับราชการ เป็นตำราเรียนในโรงเรียนของจีนสมัยโบราณติดต่อกันมาเป็น
เวลากว่า 500 ปี อิทธิพลของคติธรรมในคัมภีร์เหล่านี้ครอบคลุมความคิดอ่านของจีนทั้งชาติ และมาล้มเลิกไปเมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นสาธารณรัฐนี้เอง
8.คำตอบ:กิงทั้ง 5
S H IชNิ นTโ ตO I S M
ป ร ะ วั ติ ศ
า ส น า
ชนชาติญี่ปุ่นในสมัยโบราณ มีเผ่าต่างๆหลายเผ่า แต่ละเผ่าก็เคารพบูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้าที่
เผ่าตัวเองรู้จัก เทพเจ้าที่นับถือนั้นมีหลายองค์ อนึ่ง ทางราชการเองก็ผูกพันอยู่กับเทพเจ้าอย่าง
เคร่งครัด การปกครองเลยกลายเป็นระบอบ "ไชเชอิ - อิทธิ" แปลว่า การรวมกันแห่งศาสนาและการ
ปกครอง
เ ดิ ม ที เ ดี ย ว ก็ เ ป็ น เ พี ย ง ก า ร เ ค า ร พ บู ช า บ ร ร พ บุ รุ ษ แ ล ะ เ ท พ เ จ้ า ต า ม ป ร ะ เ พ ณี ที่ ป ฏิ บั ติ สื บ ต่ อ กั น ม า
เท่านั้น ยังไม่เรียกว่าศาสนา แต่เมื่อพุทธศาสนาและศาสนาขงจื๊อ ได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศญี่ปุ่น
จึงได้เรียกว่า ศาสนาชินโต เพื่อจะให้เกิดความแตกต่างจากพุทธศาสนาและศาสนาขงจื๊อ
ศาสดา
โดยมากเมื่อกล่าวถึงศาสนาชินโต ก็เป็นที่รู้จักทั่วไปว่าไม่มีศาสดาหรือผู้ตั้งศาสนา เพราะศาสนาชินโตเป็น
ศาสนาที่เกิดสืบเนื่องมาจากขนบประเพณีในการบูชาบรรพบุรุษ และบูชาเทพเจ้าดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อแบ่งศาสนา
ชินโตออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. ชินโตที่เป็นของรัฐ ( STATE SHINTO ) หรือชินโตศาลเทพเจ้า ( SHRINE SHINTO )
2. ชินโตที่เป็นนิกาย ( SECTARIAN SHINTO ) แล้วชินโตแบบแรกอาจไม่มีศาสดาก็จริง แต่ชินโตแบบหลัง
คือที่เป็นนิกายต่างๆ ก็มีศาสดาแน่นอน เช่น นิกายกอนโก มีกอนโกเป็นศาสดาพยากรณ์ เป็นที่น่าสนใจว่าศาสนา
ที่เกิดใหม่ในญี่ปุ่น มีบุคคลที่อ้างตัวว่าได้เห็นพระเจ้าและพูดแทนพระเจ้า เข้าลักษณะศาสดาพยากรณ์อยู่หลายคน
ในที่นี้จะกล่าวเพียง 2 คน คนแรกเป็นสตรี ซึ่งเป็นผู้ตั้งศาสนาเทนรีกโย ในปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนานี้ประมาณ 2
ล้านคน คนที่สองเป็นชาย ชื่อกอนโก ไดชิน เป็นผู้ตั้งศาสนากอนโกโย มีผู้นับถือกว่าหกแสนคน ทั้งสองศาสนานี้
ต่างจากศาสนาชินโตมาก แต่กรมการศึกษาของญี่ปุ่นจัดเป็นนิกายของศาสนาชินโตที่แตกแยกออกไป
9.คำถาม:ชินโตแปล่า
ห ลั ก ค ว า ม เ ชื่ อ แ ล ะ จุ ด มุ่ ง ห ม า ย สู ง สุ ด
สิ่ ง ที่ ไ ม่ บ ริ สุ ท ธิ์ แ ล ะ สิ่ ง ที่ บ ริ สุ ท ธิ์
ชิ น โ ต ส อ น ว่ า ก า ร ก ร ะ ทำ ข อ ง ค น เ ร า ทุ ก อ ย่ า ง จ ะ ส ร้ า ง ช นิ ด ข อ ง
ความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์ ที่หนึ่งควรต้องการทำความ
ส ะ อ า ด เ พื่ อ ค ว า ม ส ง บ สุ ข ข อ ง ตั ว เ อ ง ห นึ่ ง ข อ ง ค ว า ม คิ ด แ ล ะ ค ว า ม
โ ช ค ดี ไ ม่ ไ ด้ เ พ ร า ะ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง ใ น สิ่ ง ที่ ไ ม่ บ ริ สุ ท ธิ์ แ ล ะ ข อ ง ตั ว เ อ ง
穢れกระทำผิดจะเรียกว่า (ญี่ปุ่น: "ไม่บริสุทธิ์"; โรมาจิ:
; ทับ
清めศัพท์: คีกาเระ) ซึ่งแปลว่าไม่บริสุทธิ์ ตรงกันข้ามคำว่า (ญี่ปุ่น:
"บริสุทธิ์"; โรมาจิ: ; ทับศัพท์: คิโยเมะ) โดยวันที่ไม่สำคัญ
จ ะ เ รี ย ก ว่ า " วั น " ( คี ) แ ล ะ ส่ ว น ใ น ช่ ว ง เ ท ศ ก า ล ห รื อ วั น สำ คั ญ จ ะ ใ ช้ คำ
ว่า"แสงแดด"ซึ่งอาจมีความหมายว่า สิ่งมี่เป็นมงคลนั่นเอง
ผู้ ที่ ถู ก ฆ่ า ต า ย โ ด ย ป ร า ศ จ า ก ก า ร แ ส ด ง ค ว า ม ก ตั ญ ญู เ พื่ อ พิ ธี ก ร ร ม
怨みสังเวยของพวกเขาจะทำให้อดกลั้นต่อ (ญี่ปุ่น: การเสียใจ; โรมา
จิ: ; ทับศัพท์: เทพเจ้าอูรามิ) และกลายเป็นความชั่วร้าย
ที่ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ แ ล ะ อ า จ จ ะ ทำ ใ ห้ เ ท พ เ จ้ า ท ร ง ก ริ้ ว แ ล ะ พ ย า ย า ม ที่
พยายามแก้แค้น ( ARAGAMI ). นอกจากนี้หากใครได้รับบาด
เจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ของศาลเจ้าชินโต ผู้นั้นต้องทำพิธี
เ พื่ อ ใ ห้ วิ ญ ญ า ณ บ ริ สุ ท ธิ์
จุ ด มุ่ ง ห ม า ย สู ง สุ ด
ในศาสนาเทวนิยมส่วนมากสอนว่า จุดหมายปลาย ทางของชีวิต คือ พระเจ้า แต่
ชินโตแม้จะกล่าวว่า วิญญาณเป็นอมตะ คนตายเท่ากับการเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่
ชิ น โ ต ก็ มี ก า ร เ ซ่ น ส ร ว ง ด ว ง วิ ญ ญ า ณ ต า ม โ อ ก า ส
9.คำตอบ:ทางแห่งพระเจ้า
นิ ก า ย
ชินโตแบ่งออกเป
็น 2 นิกาย คือ
1. ก๊กกะชินโต (STATE SHINTO) ชินโตของรัฐเป็นแบบราชการหรือ
ทางการ ซึ่งมีรากฐานที่อยู่อุดมคติกว่า
‘ ’ ค ว า ม เ จ ริ ญ ข อ ง ช า ติ ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ข อ ง ร า ช สำ นั ก พ ร ะ จั ก ร พ ร ร ดิ แ ล ะ
ความผาสุกของประชาชน เป็นพรที่พึงได้รับ ‘’
2. เรียวหะชินโต (RYOHA SHINTO) ชินโตของราษฎร คือ
ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง ศ า ส น า ที่ อิ ง อ ยู่ กั บ ศ า ส น า ป ร ะ จำ ช า ติ ข อ ง ญี่ ปุ่ น แ ต่ แ ย ก
เป็นนิกายหรือกลุ่มอิสระ เนื่องจากศาสนิกชนที่มีความรู้ทางศาสนา แต่
มีความคิดเห็นไม่ตรงกับหลักการศาสนาเดิม ก็ตั้งกลุ่มของตนขึ้นมา จึง
เกิดนิกายแห่งศาสนชินโตขึ้นมากมาย เช่น นิกายชินโตบริสุทธิ์ นิกาย
บูชาภูเจาเป็นเทพเจ้า นิกายรักษาโรคด้วยความเชื่อ
10
.คำถาม:นิกายของศาสนาชินโตมีกี่นิกาย
พิ ธี ก ร ร ม
ศาสนาชินโตแบบทางราชการ มีศาลเจ้าอยู่ประมาณ
110,500 แห่ง มีพระดูแลรักษาประมาณ 15,800 รูป วิธีบูชาที่
ศาลเจ้านั้น มีการปรบมือสามครั้ง เพื่อจะให้เทพเจ้ารู้ว่าบัดนี้มีผู้
มาถวายความเคารพแล้ว นอกนั้นก็มีการสวดมนต์ สำหรับเครื่อง
บูชาก็มี เหล้าสาเก 4 ถ้วยเล็ก ข้าวปั้น 16 ก้อน เกลือ 16 ก้อน
ปลาสด ผลไม้ สาหร่ายทะเล และส้ม ซึ่งของเหล่านี้นักบวชผู้เฝ้า
ศาลจะจัดให้เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้มาบูชา ส่วนค่าใช้
จ่ า ย ใ น ก า ร ทำ บุ ญ ทำ ต า ม ศ รั ท ธ า
ในวันนักขัตฤกษ์ มีขบวนแห่ มีการบรรเลงดนตรี และเต้นรำ
พระมีหน้าที่อ่านบทสวดเบื้องหน้าเทพเจ้าแห่งศาลเจ้า เพื่อขอพร
จากเทพเจ้า ให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีงาม ดังนี้
1. เพื่ออำนวยสวัสดิมงคล
2. เพื่อเก็บเกี่ยวพืชผลให้ได้ผลสมบูรณ์ดี
3. เพื่อให้ผู้อาศัยอยู่บ้านเรือนมีความสุข
4. เพื่อให้มีผลดีในการทำสงคราม
5. เพื่อให้การปกครองเป็นไปด้วยดี
6. เพื่อให้พระจักรพรรดิทรงดำรงอยู่ในราชสมบัติยั่งยืนนาน
10.คำตอบ: 2นิกาย
สั ญ ลั ก ษ ณ์
สัญลักษณ์ของศาสนาชินโต ยังไม่ค่อยจะชัดเจนนัก บางคนก็ว่า
ได้แก่ โทรี คือ ประตูอันมีเสา 2 เสา มีไม้ 2 อันขวางอยู่ข้างบน เป็น
เครื่องหมายว่า เข้าสู่บริเวณศาลเจ้าของชินโตแล้ว และบางท่านก็ว่า ได้แก่
ก ร ะ จ ก อั น มี รู ป ล า ย ด อ ก ไ ม้
สัญลักษณ์ทั้ง 2 คือ โทรี และกระจก ก็พอจะทำให้รู้จักศาสนาชินโตได้
บ้าง แต่สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์อันเก็บรักษาไว้ และสมัยต่อมามีผู้ตีความ
สัญลักษณ์นั้นเป็นคุณธรรมประจำศาสนา ก็มีทั้งถือว่าเป็นสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์ที่
ถ่ายทอดสืบต่อมาร่วมกันกับบัลลังแห่งพระจักรพรรดิมีอยู่ 3 อย่าง ต่อไปนี้
1. กระจก
2. ดาบ
3. รัตนมณี
ภาษาญี่ปุ่นเรียก 3 อย่างนี้ว่า "ชานชูชิงกิ" ในสมัยโบราณ ฐานะแห่ง
ความเป็นพระจักรพรรดิ จะพิสูจน์ได้ด้วยสมบัติสามอย่างนี้
คั ม ภี ร์
คัมภีร์ศาสนาชินโตที่สำคัญมีอยู่ 2 คัมภีร์ ดังนี้
1. คัมภีร์โกชิกิ (KO-JI-KI) คัมภีร์นี้มีรากฐานอยู่กับขนบธรรมเนียมประเพณี
กล่าวถึง นิยาย ตำนาน ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับราชสำนักของพระจักรพรรดิ
ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ท ว วิ ท ย า ข อ ง ศ า ส น า ชิ น โ ต ไ ด้ พั ฒ น า ขึ้ น จ า ก ก า ร ตี ค ว า ม ใ น เ ท พ นิ ย า ย
แห่งคัมภีร์โกชิกิิ มีผู้กล่าวกันว่า คัมภีร์ศาสนาชินโต มีลักษณะเป็นเทพนิยายผสม
ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมประเพณี ข้อห้าม การปฏิบัติทางไสยศาสตร์
แ ล ะ ก า ร ป ฏิ บั ติ ต่ อ เ ท พ เ จ้ า
2. คัมภีร์นิฮองงิ หรือนิฮอนโชกิ (NIHONGI OR NIHON SHOKI)
คัมภีร์นิฮอนโชกินี้ ถือว่าเป็นคลาสสิก คือเป็นวรรณคดีชั้นสูง เป็นคัมภีร์รวม 30
เล่ม 15 เล่มแรกว่าด้วยเทพนิยายและนิยายต่างๆ 15 เล่มหลังว่าด้วยข้อเท็จ
จริงทางประวัติศาสตร์ เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือกัน
ไ ด้ ม า ก ที่ สุ ด
ทุกคัมภีร์นับแต่คัมภีร์นี้เป็นต้นไป มีความสำคัญรองจากสองคัมภีร์ข้างต้น
อ้างอิง
1. นิรนาม.ขงจื้อ.
https://www.wikipedia.org/. 2565. แหล่ง
ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ขงจื้อ
สืบค้นเมื่อ 30 ธันวาคม 2565
2.นิรนาม. ชินโต.
https://www.wikipedia.org/. 2565. แหล่ง
ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ชินโต
สืบค้นเมื่อ 30 ธันวาคม 2565
3.นิรนาม. ศาสนาอื่นๆ(ขงจื๊อ เต๋า เชน
สิกข์เเละชินโต).
https://sites.google.com. 2557. แหล่ง
ที่มา:
http://othereligion5.blogspot.com/
สืบค้นเมื่อ 30 ธันวาคม 2565
ผู้จัดทำ
นางสาวนันทิกานต์ สุวรรณศิริ เลขที่ 10 ม.6/5
นางสาวปิยนันท์ โพธิ์พันธ์ เลขที่ 11 ม.6/5
นางสาวนัฐธิเนตร ศรีเดช เลขที่ 26 ม.6/5
นางสาวประภัสสร แขหินตั้ง เลขที่ 28 ม.6/5
นางสาวมัลวิกา สุขทวี เลขที่ 29 ม.6/5
นางสาวพัณนิตา มาแพ เลขที่ 36 ม.6/5