E-BOOK
การ รำคู่
ศุภลักษณ์อุ้มสม
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) นี้ เป็นส่วนหนึ่งในการ
เรียนการสอนในรายวิชา นาฏศิลป์สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษา
โดยผู้จัดทำรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับการแสดงละครใน
เรื่องอุณรุทตอนศุภลักษณ์อุ้มสมอาทิเช่นที่มาของการแสดง
การปฏิบัติท่ารำคู่ และองค์ประกอบของการแสดง ประกอบ
ด้วย ผู้แสดง เพลงร้องและทำนองเพลง วงดนตรีที่ใช้
ประกอบการแสดงเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ประกอบการ
แสดงและโอกาสที่ใช้แสดงเป็นต้นการจัดทำหนังสือิเล็กทรอ
นิกส์ (E-Book) นี้ มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสื่อการเรียนการ
สอน สำหรับผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการแสดงละครในเรื่อ
งอุณรุท ตอนศุภลักษณ์อุ้มสม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนั้นยังเป็นการเรียบเรียงข้อมูล
ที่หามาให้เป็นระบบระเบียบทำให้ง่ายต่อการอ่าน เพื่อศึกษา
หรือเป็นแหล่งข้อมูลให้ผู้ต้องการข้อมูลทางด้านนี้นำมา
ศึกษาให้ลึกซึ้งต่อไปโดยคณะผู้จัดทำคาดหวังว่าหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) นี้ จะเป็นประโยชน์
สารบัญ
เรื่อง หน้า
2
คำนำ 3
สารบัญ 4
ประวัติความเป็น
6
มา
องค์ประกอบการ 10
แสดง
สรุป
ประวัติความเป็นมา
ศุภลักษณ์อุ้มสมเป็นการแสดงชุดหนึ่งอยู่ในละครในเรื่องอุณรุท
ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
โดยบทละครในเรื่องอุณรุทนี้ กรมศิลปากรได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ชำระและได้จัดพิมพ์เป็นครั้งแรกในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรี
หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล เมื่อ พ.ศ.2508
ที่มาของบทละครเรื่องอุณรุท นายธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรม
ศิลปากรได้กล่าวไว้ว่า เรื่องอุณรุท ปรากฎว่ารู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัย
กรุงศรีอยุธยา แต่ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือปรากฎเป็นวรรณคดีเรื่อง
สำคัญคือ " อนิรุทธคำฉันท์ " ของศรีปราชญ์ ในรัชกาลสมเด็จพระ
นารายณ์มหาราชซึ่งเนื้อเรื่องตลอดจนชื่อคน และสถานที่ในอนิรุทธ
คำฉันท์ มักกล่าวถึงตรงกันกับที่ปรากฎในคัมภีร์วิษณุปุราณะ ดัง
ข้อความตอนหนึ่งมีว่า" อุษา ธิดาของพาณะ ได้เห็นพระแม่เจ้าบา
รพตี กำลังสำเริงกรีฑาอยู่กับพระสัมพุผู้พระมหาสวามี ก็ดลใจให้
นางปรารถนากระทำเช่นนั้นบ้าง พระแม่เจ้าเคารีผู้ทรงโฉม ซึ่งทรง
ทราบวาระน้ำจิตของปวงประชาสัตว์ จึงตรัสแก่อุษาว่า " อย่าเสียใจ
เธอจะมีสามี " อุษารำพึงกับตนเองว่า " แล้วเมื่อไหร่จะมี ผู้ใดหนอ
จะมาเป็นสามีของเรา " พระแม่เจ้าจึงตรัสต่อไปว่า " ผู้ใดปรากฎแก่
เจ้าในความฝัน ณ วันขึ้น 12 ค่ำ แห่งเดือนไพศาข เขาผู้นั้นแหละจะ
เป็นสามีของเจ้า " เหตุนี้ครั้นถึงวันตามที่พระแม่เจ้าทรงพยากรณ์ไว้
หนุ่มน้อย ผู้หนึ่งก็ปรากฎในสุบินนิมิตรของนางอุษา ซึ่งเธอรักใคร่
ใฝ่ฝัน ครั้นเธอตื่นขึ้นภายในสุบินนิมิตรก็อันตรธานไปไม่เห็นหนุ่ม
น้อยผู้นั้น เธอจึงเศร้าโศกเสียใจไม่สามารถระงับไว้ได้ พร่ำบ่นถึงใคร่
จะไปได้อยู่ร่วมกับบุคคลที่เธอเห็นในความฝันนั้น
องค์ประกอบการ
แสดง
การแสดงชุดศุภลักษณ์อุ้มสมเป็นการรำคู่ ประกอบด้วยผู้แสดง 2 คน คือ ตัวพระ อุณรุท และ
นางศุภลักษณ์ มีวิธีการคัดเลือกผู้แสดง ดังนี้
ผู้แสดงเป็นพระอุณรุท ต้องเป็นผู้ที่มีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้างาม มีบุคลิกลักษณะงามตาม
ลักษณะของชายงามใน วรรณคดี มีพื้นฐานและทักษะด้านนาฏศิลป์ไทยดี จังหวะแม่นยำ
และมีลีลาท่ารำเป็นแบบละครใน
ผู้แสดงเป็นนางศุภลักษณ์ มีรูปร่างท้วมเล็กน้อย ( ไม่ควรมีรูปร่างบอบบางกว่าตัวพระ )
มีรูปหน้าใกล้เคียงกับตัวพระ แต่เมื่อแต่งหน้าแล้วควรดูมีอายุมากกว่าตัวพระ เป็นผู้ที่มีพื้น
ฐานและทักษะด้านนาฏศิลป์ไทยดี จังหวะแม่นยำ และมีลีลาท่ารำเป็นแบบละครใน
อย่างไรก็ตามท่ารำของนางศุภลักษณ์ต้องมีท่วงทีลีลาเข้มแข็ง เนื่องจากเป็นนางยักษ์
( สัมภาษณ์ เวณิกา บุนนาค วันที่ 18 กรกฎาคม 2545 )
โดยสรุปการคัดเลือกผู้แสดงชุดศุภลักษณ์อุ้มสม ต้องคัดเลือกผู้แสดงจากผู้ที่มีฝีมือในการรำดี
มีรูปร่างใกล้เคียงกัน และยังต้องเป็นผู้ที่มีฝีมือในการรำอยู่ในระดับเดียวกันทั้งตัวพระและ
ตัวนาง เนื่องจากการแสดงชุดนี้ผู้แสดงจะต้องรำต่อตัวในลักษณะเป็นคนๆเดียวกัน ไม่ว่าจะ
เป็นการยกเท้า ยืดยุบจังหวะ ใบหน้า และมือ ต้องสัมพันธ์สอดคล้องในท่าเดียวกัน เพื่อให้เกิด
ความพร้อมเพรียง กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ดนตรีและ
เพลงร้อง
เพลงที่ใช้ประกอบการรำชุดศุภลักษณ์อุ้มสม เป็นเพลงที่บรรเลงด้วยทางใน
กล่าวคือมีจังหวะดนตรีที่เชื่องช้า นุ่มนวล มีบทร้องประกอบ
บทที่ใช้ประกอบการแสดง ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากบท
พระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชในบาง
ส่วนไปบ้าง โดยเฉพาะเพลงหน้าพาทย์ และเพลงขับร้อง
บทร้องการแสดงชุด
ศุภลักษณ์อุ้มสม
ปี่ พาทย์ทำเพลงเชิด ร้องร่ายเมื่อนั้น ศุภลักษณ์
ผู้มีอัชฌาสัยได้ฟังบรรหารภูวไนย อรทัย
ชื่นชมยินดีร้องเพลงเชิดฉิ่ง จึงโอบอุ้มองค์พระเยาวเรศประไพเพศเพียงท่อนมณีศรีออกโดย
บัญชรรูจี เทวีก็พาออกไป
ปี่ พาทย์ทำเพลงเชิดฉิ่งร้องเพลงปะหลิ่มเลื่อนลอยมากลางนภากาศ โอภาสงามแข่งแขไข
แสงจันทร์จับองคภูวไนย วิไลล้ำกว่านวลจันทราสีดาวจับเครื่องพระโฉมฉาย อร่ามพราย
กว่าดาวในเวหานวลพระองค์จับทรงกัลยา รจนางามเนื้อนวลผจงร้องเพลงเบ้าหลุดงามนาง
เป็นพาหนะรอง ทำนองดั่งนางราชหงส์งามภูวนาทนั่งดำรงทรง ดังองค์พรหมเมศฤทธีดั้น
หมอกออกเมฆมาไวไว เทเวศอวยชัยอึงมี่รีบเร่งเร็วมาในราตรี หมายมุ่งบุรีรัตนาปี่ พาทย์ทำ
เพลงเชิด
วงดนตรีประกอบการแสดงการ ตัวพระ (พระอุณรุท) แต่งยืนเครื่องพระ ดังนี้
แสดงชุดศุภลักษณ์อุ้มสมใช้วงปี่
พาทย์ไม้นวมเครื่องห้า เครื่องคู่หรือ
เครื่องใหญ่ตามโอกาสและความ 1) เสื้อแขนยาว (สีเหลือง)
เหมาะสมในการแสดง เครื่องดนตรี 2) ผ้านุ่ง (แดงหรือม่วง)
ในวงปี่ พาทย์เครื่องห้า ประกอบด้วย
3) สนับเพลา
4) ห้อยหน้า
1. ระนาดเอก 5) ห้อยข้าง
2. ฆ้องวงใหญ่ 6) รัดสะเอว
3. ปี่ ใน 7) กรองคอ
4. ตะโพน
5. กลองทัด 8) ทับทรวง
9) สังวาล
6. ฉิ่ง 10) เข็มขัดพร้อมหัว
3. การแต่งกาย 11) อินทนู
12) ทองกร
13) ปะวะหล่ำ
14) แหวนรอบ
15) กำไลเท้า
16) ศีรษะสวมชฎา
17) อุบะดอกไม้ทัด
ตัวนาง (นางศุภลักษณ์) แต่งยืนเครื่องนางห่ม
สะไบสองชาย ดังนี้
1) ผ้าห่มนาง
2) ผ้านุ่ง
3) เสื้อในนาง
4) นวมนาง
5) จี้นาง
6) เข็มขัดพร้อมหัว
7) สะอิ้ง
8) ทองกร
9) ปะวะหล่ำ
10) แหวนรอบ
11) กำไลเท้า
12) ศีรษะใส่รัดเกล้าเปลว
13) อุบะดอกไม้ทัด
การสืบทอดท่ารำ
ประวัติครูผู้ถ่ายทอดท่ารำศุภลักษณ์อุ้มสม
หม่อมครูนุ่ม ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นสถิตยะดำรงศ์สวัสดิ์
(พระองค์เจ้านวรัตน) ชาติสกุลของท่านมิสามารถสืบค้นได้ จากคำบอก
เล่าของคุณครูลมุล ยมะคุปต์ และคุณครุเฉลย ศุขะวณิช กล่าวว่าท่าน
เป็นละครในสมเด็จพระบัณฑูรย์ ( กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ) แต่
จากการสืบค้นไม่ปรากฎว่า กรมพระราชวังไชยชาญ ทรงมีคณะละคร
ส่วนพระองค์แต่ทรงมีงิ้ว และหุ่น จึงสันนิษฐานว่า หม่อมครูนุ่มคงจะ
เป็นละครในเจ้าคุณจอมมารดาเอม ( พระมารดาในกรมพระราชวังบวร
วิไชยชาญ ) และต่อมาได้ตกทอดเป็นพระมรดกถึงกรมพระราชวังบวร
ฯ ในภายหลัง
หม่อมครูนุ่มมีความเชี่ยวชาญในกระบวนลีลาท่ารำตัวนางทุกประเภท
ต่อมาได้เป็นหม่อมในกรม มีพระธิดาคือ หม่อมเจ้าหญิง กมลเปรมปรีดิ์
( ท่านหญิงดำ ) ภายหลังได้เข้ามาเป็นครูละครวังสวนกุหลาบท่านได้
สิ้นชีพและได้ทำการฌาปนกิจศพ เมื่อพฤษภาคม พ.ศ. 2477
สรุป
การแสดงชุดศภุลัษณ์อุ้มสมเป็นการแสดงชุดหนึ่งอยูในการ
แสดงละครในเรื่องอุณรุทตอนศุภลักษณ์อุ้มสมบทพระราช
นิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่
๑ แห่งราชวงศ์จักรี มีทั้งหมด ๔๒ ตอน แบ่งออกเป็นภาค
ต้น ๒๐ ตอน ตั้งแต่เริ่มเรื่องด้วยท้ากรุงพาณแห่งกรุงรัตนา
ไปเล่นสระอโนดาตและแสดงอำนาจจนถึงสวรรค์ จนมาจบ
ภาคต้นในตอนศุภลักษณ์อุ้มสมและภาคปลายอีก ๒๒ ตอน
ตั้งแต่ท้าวไกรสทุ ประหารพระเพียรพิชัยจนจบเรื่องในตอน
ที่ ๔๒ พระอณุ รุทเสดจ็ กลับณรงกาสำหรับการแสดงชุด
ศุภลักษณ์อุ้มสมนี้ เป็นการแสดงการร่ายรำที่บรรยายถึง
ภาพของนางศุภลักษณ์ขณะพาพระอุณรุทเหาะมายังเมือง
รัตนาในยามกลางคืนองค์ประกอบการแสดงชดุ ศุภลักษณ์
อุ้ม สมประกอบด้วย๑. ผู้แสดง ประกอบด้วยผู้แสดง ๒ คน
คือพระอุณรุท และนางศุภลักษณ์ควรมีรูปร่างขนาดและวัย
ใกล้เคียงกัน อย่างที่ภาษาละครเรียกว่า “งามสมกัน”
จะต้องเป็นผู้มีรูปงาม รำงาม พื้นฐานความรู้ความสามารใน
การรำดี มีปฏิภาณไหวพริบ และพลานามัยดี โดยเฉพาะท่า
รำของตัวพระ นางจะต้องมีลีลาสัมพันธ์
กนั ได้เป็นอย่างดี
๒. เพลงร้องและทำนองเพลง ในการแสดงรำคู่ชุด ศุภลักษณ์อุ้มสม ใช้
ทำนองและเพลงร้องประกอบการแสดง รวม ๔ เพลง ได้แก่ เพลงเชิด
ฉิ่ง เพลงเชิดเพลงบลมิ่
๓. วงดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดง ใช้ดนตรีวงปี่ พาทย์
ประกอบได้แก่ วงปี่ พาทย์เครื่องห้า วงปี่ พาทย์เครื่องคู่ หรือวงปี่ พาทย์
เครื่องใหญ่ก็ได้ และจะเป็นวงปี่ พาทย์ไม้แข็ง หรือวงปี่ พาทย์ไม้นวมก็ได้
ตามลักษณะความเหมาะสมของโอกาสที่จะใช่แสดงนั้นๆ๔. เครื่องแต่ง
กายและอุปกรณ์ประกอบการแสดง ต้องแต่งกายแบบยืนเครื่อง
พระนางแบบละครไทย โอกาสที่ใช้แสดงชุดศุภลักษณ์อุ้มสม สามารถ
นำไปใช้แสดงในโอกาสต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงชุดหนึ่งในการแสดง
ละคร เรื่องอุณรุท ตอนศุภลักษณ์อุ้มสม การแสดงชุดหนึ่งในการ
แสดงประเภทวิพิธทัศนา หรือนำเป็นชุดเบิกโรง หรือนำมาเป็นการ
แสดงอวดฝีมือผู้แสดงเป็นเอกเทศเพียงชุดเดียวก็ได้ การฝึกหัดทำรำ
ชุดศุภลักษณ์อุ้มสม ผู้ปฏิบัติควรได้รับการฝึกหัดเบื้องต้นมาโดย
ลำดับและต้องเรียนรู้การใช้นาฏยศัพท์ให้ถูกต้องก่อน สำหรับการ
ปฏิบัติท่ารำชุดนี้ ประกอบด้วยท่ารำตามเพลงที่ใช้ ได้แก่ ท่ารำในเพลง
เชิดฉิ่งจำนวน ๒๔ ท่ารำ ท่ารำในบทร้องเพลงบลิ่ม จำนวน๒๖ ท่ารำ
ท่ารำในบทร้องในเพลงเบ้าหลุดชั้นเดียว จำนวน ๑๖ ท่ารำ และท่ารำ
ในเพลงเชิดสำหรบั ใหผ้ แู้ สดงกลบั เขา้ ในฉากเมื่อจบการแสดง
จำนวน ๔ ท่ารำส่วนสำคัญยิ่งในการปฏิบัติท่ารำชุดนี้ คือ ผู้แสดงต้อง
เข้าใจเรื่องทำนองเพลงร้อง จังหวะวิธีการตีบทตามเพลงร้อง และ
ความหมายของการแสดงในเหตุการณ์นี้ ที่กล่าวถึงนางศุภลักษณ์ท่ี
มีฤทธิ์ กำลังพาพระอุณรุทที่เป็นมนุษย์เหาะไปในอากาศ ดังนั้นผู้แสดง
จึงต้องแตะส่วนใดส่วนหนึ่งซึ่งกันและกันตลอดเวลา
คณะผู้จัดทำ
1.นาย พุทธพล ปราบภัย เลขที่32
2.นาย ธนวัฒน์ วันนา เลขที่22
3.น.ส ขวัญชนก สมพงษ์ผึ้ง เลขที่39
4.น.ส ศลิษา สนคำ เเลขที่33
5. น.ส พินิตนันท์ เชื้อเดิม เลขที่23
6. น.ส กนกวรรณ จันทร์ไทย เลขที่41
7.น.ส วรหทัย ปิ่ นทอง เลขที่40
ชั้
น
มัธยมศึกษ
าปีที่4/6
เสนอ
ครูฉัลญายาราภรณ์ ทวีแสง
โรงเรียนรัตนบุรี