สมุนไพรใบน้อยหน่ากาจดั เหา
นางสาว สชุ านันท์ สิขนั ธกบุตร 116410301049-5
นางสาว พิมลดา เถาทิพย์ 116410301053-7
นางสาว สมฤดี สนุ่นดี 116410301062-8
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการศึกษาค้นควา้ และการ
เขียนรายงานเชิงวิชาการ
ภาควิชาสารนิ เทศและการเขียนรายงานทางวิชาการคณะเทคโนโลยี
เกษตร
มหาวิทยลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564
สมุนไพรใบน้อยหน่ากาจดั เหา
นางสาว สชุ านันท์ สิขนั ธกบตุ ร 116410301049-5
นางสาว พิมลดา เถาทิพย์ 116410301053-7
นางสาว สมฤดี สนุ่นดี 116410301062-8
รายงานเล่มนี้ เป็ นส่วนหน่ึ งของรายวิชาการศึกษาค้นคว้าและ
การเขียนรายงานเชิงวิชาการ
ภาควิชาสารนิ เทศและการเขียนรายงานทางวิชาการคณะ
เทคโนโลยีเกษตร
มหาวิทยลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564
ก
คำนำ
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อปฏิบัติการเขียนรายงานการค้นคว้าที่ถูกต้องอย่างเป็น
ระบบ อันเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชา010210001-3 สารนิเทศและการเขียนรายงาน
ทางวิชาการ การค้นคว้าและการเขียนรายงานเชิงวิชาการ ซึ่งจะนำไปใช้ในการทำรายงาน
ค้นคว้าสำหรับรายวิชาอื่นได้อีกต่อไป การที่ผู้จัดทำเลือกทำเรื่อง “สมุนไพรใบน้อยหน่ากำจดั
เหา” ซึ่งเป็นเนื้อหาที่อธิบายเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสมุนไพรใบน้อยหน่า ประโยชน์
สรรพคุณ ซึ่งมีความสอดคล้องเกี่ยวกับสมุนไพรสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเสนอความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสมุนไพร
ใบน้อยหนา่ กำจดั เหา
รายงานเล่มนี้ กล่าวถึงเนื้อหาเกี่ยวกับสมุนไพรใบน้อยหน่าและประโยชน์ของ
สมนุ ไพร เหมาะสำหรบั ผ้ทู ต่ี อ้ งการรบั รคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั สรรพคณุ ประโยชน์ของใบน้อยหน่า
ท่ีนำมาทำสมุนไพร
ขอขอบคุณผู้ช่วยศาตราจารย์ดร. พนิดา สมประกอบ ที่กรุณาให้ความรู้และคำแนะนำโดย
ตลอด และขอบคุณเจ้าของเว็ปไซต์ที่ให้ความสะดวกในการค้นหาข้อมูล ที่คณะผู้จัดทำใช้
อา้ งอิงทกุ ทา่ น หากมขี ้อบกพรอ่ งประการใด คณะผู้จดั ทำขอนอ้ มรับไว้เพื่อปรับปรุงตอ่ ไป
สชุ านันท์ สิขันธกบุตร
พมิ ลดา เถาทิพย์
สมฤดี สนนุ่ ดี
25 กมุ ภาพันธ์ 2565
สารบญั ข
คำนำ หน้า
สารบัญภาพประกอบ ก
ง
บทที่ 1
1 บทนำ 1
1
1.1 ความรูท้ ั่วไปเก่ียวกบั สมนุ ไพรใบนอ้ ยหน่า 2
1.2 ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ 2-4
1.3 สรรพคุณ 5
1.4 ประโยชนข์ องนอ้ ยหนา่ 6
1.5 คณุ ค่าทางโภชนาการของน้อยหน่าต่อ 100 กรมั 6
1.6 ประโยชนท์ างยา 7
1.7 สว่ นท่ใี ชข้ องนอ้ ยหนา่ 7
1.8 การขยายพันธ์ุเมล็ด 8
1.9 ข้อควรระวงั 8
2 โรคเหา 9
2.1 สาเหตขุ องโรคเหา 9
2.2 อาการของโรคเหา 9
2.3 จะทราบไดอ้ ย่างไรวา่ เป็นเหา
2.4 วงจรชวี ติ ของเหา
2.5 การรักษาเหา ค
2.6 การปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายของเหา
2.7 อนั ตรายจากโรคเหา 10
10
สารบัญ(ตอ่ ) 11-12
3 การรกั ษา
13
3.1 การรกั ษาโรคเหาจากใบนอ้ ยหนา่ 13
3.2 อุปกรณท์ ีใ่ ช้ 14
3.3 วธิ กี ารดำเนินงาน 15
3.4 การทดลอง 16
3.5 เปา้ หมาย 16
4 สรุป 17
บรรณานุกรม 18-20
สารบัญภาพประกอบ ง
ภาพที่
1.ตน้ น้อยหนา่ ใบ ดอก ผล หน้า
2.ใบสด เนอื้ ในเมลด็ 1
3.ตัวเหา ไข่เหา 7
4.ใบนอ้ ยหน่าแก่ๆ ปนู กนิ หมาก 10
5.เคร่อื งบด กระชอน กะละมงั ชดุ ทำความสะอาดผม กลอ้ งถา่ ยรปู 14
14-15
บทท่ี1
บทนำ
1.1 ความรทู้ ั่วไปเก่ียวกบั สมุนไพรใบน้อยหน่า
ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Annona squamosa L.
ชื่อสามญั : Sugar Apple
วงศ์ : Annonaceae
ชือ่ อ่นื : : นอ้ ยแน่ มะนอแน่ หมักเขียบ
น้อยหน่า มีชื่อทอ้ งถิ่นอ่ืน ๆ ว่า ลาหนัง (ปัตตาน)ี , หน่อเกล๊ะแซ (แม่ฮอ่ งสอน), มะนอแน่
มะแน่ (ภาคเหนอื ), หมักเขียบ (ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ) เป็นต้น
น้อยหน่า มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและใต้ พบได้ทั่วไปในเขตร้อนรวมถึงบ้านเรา
โดยจะเพาะปลูกมากในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะของผลน้อยหน่า เนื้อ
ผลจะมีสีขาว ให้รสหวาน มีเมล็ดสีดำ ซึ่งส่วนที่นำมาใช้เป็นยารักษาอาการต่าง ๆได้แก่ ผล
ผลดิบ ผลแห้ง เมล็ด และใบ สำหรับบ้านเรานิยมนำใบหรือเมล็ดของน้อยหน่ามาใช้ในการ
กำจัดเหา เหบ็ หมดั เป็นตน้
1.2 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พมุ่ ก่งึ ไม้ตน้ ขนาดเลก็ ลำตน้ สงู ประมาณ 3 – 5 เมตร เรือนยอดเป็นพมุ่ กลม เปลอื ก
ต้นเรยี บเกลย้ี ง สีเทาอมนำ้ ตาลเขม้ แตกกง่ิ ก้านสาขาออกเป็นก้านเลก็ ๆ สีนำ้ ตาลแดง
ใบ เปน็ ใบเด่ยี ว ออกเรยี งสลบั กนั ลกั ษณะใบรปู ไขห่ รอื รูปรี ขอบใบเรยี บ ปลายใบ
แหลม โคนใบรปู ลม่ิ กว้าง 3-6 ซม. ยาว 7-13 ซม. กา้ นใบส้นั แผ่นใบบางสีเขียวเข้ม ทอ้ งใบ
หรอื ใตใ้ บสีเขียวอ่อน
1
น้อยหน่า, ตน้ น้อยหนา่ , หนา้ ใบ น้อยหนา่ , หลงั ใบ
นอ้ ยหนา่ – ดอก นอ้ ยหนา่ - ผล นอ้ ยหนา่ , herbarium ตวั อยา่ งท่ี 1
2
ดอก ออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ลักษณะเป็นดอกสมมาตรตามรัศมี มีสองเพศ มีกลีบดอก
จัดเรียงเป็นวงๆ ละ 3 กลีบ สีเหลืองอมเขียวห้อยลง กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ กลีบดอก 6 กลีบ
กลีบดอกมี 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ชั้นในกลีบดอกสั้นกว่าชั้นนอก หนาอวบน้ำ มีเกสรเพศผู้และ
รังไข่จำนวนมาก
ผล เป็นผลกลมุ่ อย่อู ดั กันแน่น ดูคล้ายเปน็ ผลใหญ่ผลเดยี ว ลักษณะรูปทรงค่อนข้างกลม
หรือปอ้ ม โคนผลรูปหัวใจ เปลือกผลสเี ขยี วอมเทา ผวิ ขรขุ ระเป็นชอ่ งกลมนนู หรือเป็นตา มรี ่อง
ตามแนวเนือ้ หมุ้ เมล็ด แตล่ ะชอ่ งจะมีเน้อื สขี าวหมุ้ เมลด็ เนอื้ ในทานไดม้ รี สหวาน เมอื่ ผลแกต่ รง
ขอบ ชอ่ งนูนนน้ั จะออกสขี าว เปลือกจะออ่ นนมุ่ เมลด็
ลักษณะรปู รี สดี ำหรือนำ้ ตาลเข้ม เป็นมนั เน้ือในเมลด็ สีขาว
1.3 สรรพคณุ
- รกั ษาเหา
- รกั ษาหิด
- รักษาจ๊ีด
1.4 ประโยชน์ของนอ้ ยหนา่
1. ช่วยต่อต้านอนมุ ลู อสิ ระในร่างกาย
2. ช่วยบำรงุ ผวิ พรรณ เส้นผม และดวงตา
3. น้อยหน่าเปน็ ผลไมท้ ่มี ีไขมนั ต่ำ จึงเหมาะสำหรบั ผู้ท่ีกำลังลดน้ำหนกั หรือลดความอ้วน
และรกั ษาสุขภาพ (แต่สำหรับผ้ปู ่วยเบาหวานถอื เป็นข้อยกเว้น)
4. ชว่ ยรักษาโรคหอบหดื (วติ ามินซ)ี
5. ช่วยควบคุมระดบั นำ้ ตาลในเลอื ด (เสน้ ใย)
6. ชว่ ยลดระดบั คอเลสเตอรอล (วติ ามนิ บี 3)
3
7. ชว่ ยลดความดันโลหติ (โพแทสเซยี ม)
8. ชว่ ยบำรงุ หวั ใจใหม้ ีสขุ ภาพแขง็ แรง ป้องกนั การเกิดโรคหวั ใจ
9. มสี ว่ นช่วยรกั ษาโรคโลหติ จาง
10. ใบน้อยหน่ามีสรรพคุณช่วยรกั ษาโรคมะเร็งและเน้ืองอก (ใบ)
11. ชว่ ยรกั ษาโรคไขข้อและโรคข้ออักเสบ (แมกนีเซียม)
12. ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟนั ใหแ้ ขง็ แรง (แมกนเี ซียม)
13. ช่วยรกั ษาสมดุลของนำ้ ในรา่ งกาย (แมกนีเซียม)
14. ชว่ ยสง่ เสรมิ การผลิตพลงั งานในรา่ งกาย (วติ ามินบี)
15. ช่วยในการสรา้ งฮโี มโกลบิน (Hemoglobin) (ทองแดง)
16. ชว่ ยลดความเสยี่ งตอ่ การทเี่ ดก็ ทารกพกิ ารแตก่ ำเนดิ (โฟเลต)
17. ชว่ ยทำใหอ้ าเจยี น (ราก)
18. ช่วยบรรเทาอาการปวดเหงือกปวดฟัน (เปลอื กต้น)
19. ชว่ ยในการยอ่ ยอาการ ทำให้ขบั ถา่ ยไดส้ ะดวก (ผล)
20. ใช้เปน็ ยาระบาย (ราก)
21. แก้อาการทอ้ งรว่ ง (เปลอื กตน้ )
22. ใช้เปน็ ยาสมานลำไส้ (เปลอื กตน้ )
23. ช่วยแกร้ ำมะนาด (เปลอื กตน้ )
24. ช่วยรกั ษาโรคเรมิ (ผลแห้ง)
25. ใช้แก้พิษงู (ผล, ราก, เปลอื กตน้ )
26. แกง้ สู วัด (ผลแหง้ )
27. ชว่ ยสมานแผล ใชเ้ ป็นยาฝาดสมาน (เปลอื กต้น)
4
28. ชว่ ยรกั ษาแผลไฟไหม้ อักเสบ น้ำร้อนลวก (ผล)
29. นอ้ ยหนา่ มีสรรพคณุ ใช้แก้ฝีในลำคอ (ผล)
30. ใชแ้ ก้ฝใี นหู (ผลแหง้ )
31. เมล็ดนอ้ ยหน่ามีสรรพคุณช่วยรักษากลาก เกลื้อน ด้วยการใชเ้ มลด็ หรอื ใบน้อยหน่าสด
นำมาค้นั เอาน้ำ แล้วนำมาพอกบริเวณทเี่ ป็น (ผล, ใบสด, เมลด็ )
32. ประโยชน์ของใบน้อยหน่า ใช้เป็นยารักษาหิด ด้วยการใช้สดหรือเมล็ดสดมาตำให้
ละเอียด แลว้ เตมิ น้ำมันพชื ลงไปพอแฉะ แล้วนำมาทาบรเิ วณทีเ่ ปน็ วันละ 3 รอบ จนกว่าหิดจะ
หาย (ใบ, เมล็ด)
33. ชว่ ยแกอ้ าการฟกช้ำบวม (ใบ)
34. ชว่ ยฆ่าพยาธิ (ผล, ใบ)
35. สรรพคุณของใบน้อยหน่าช่วยฆ่าพยาธิในเดก็ ดว้ ยการใชใ้ บสดประมาณ 15 ใบนำมา
ตม้ กับน้ำ 5 ถว้ ยจนเหลอื 3 ถ้วยแล้วนำมาดมื่ วันละ 3 ครง้ั (ใบ)
36. ใบน้อยหน่ากำจัดเหา ช่วยทำให้ไข่เหาฝ่อ ฆ่าเหา ด้วยการใช้ใบนอ้ ยหน้าสดประมาณ
4 ใบนำมาตำผสมกับเหล้าขาว แล้วเอานำ้ ที่ได้มาชโลมให้ทั่วศีรษะ แล้วใช้ผ้าคลมุ ไว้ประมาณ
10 นาทแี ลว้ ใช้หวสี างออก (หรือจะใช้แคน่ ้ำคั้นจากใบอยา่ งเดียวก็ได้) หรือจะใชเ้ มลด็ นำมาบด
คั้นกับน้ำมะพร้าว (อัตราส่วน 1:2) แล้วกรองเอาแต่น้ำมาชโลมให้ทั่วศีรษะ แล้วใช้ผ้าโพกไว้
ประมาณ 1-2 ชว่ั โมง และหา้ มชโลมยาทงิ้ ไว้ขา้ มคืน ทำเสรจ็ แล้วให้สระผมทำความสะอาดทุก
ครงั้ (ใบ, เมล็ด)
37. ประโยชน์ของน้อยหน่าใช้เป็นยารักษาจี๊ด ด้วยการใช้เมล็ดสดประมาณ 20 เมล็ด
นำมาตำให้ละเอียด แล้วใช้สารส้มขนาดเท่าหัวแม่มือใส่ในฝาละมี ตั้งไฟอ่อน ๆ เมื่อสารส้ม
ละลายแลว้ ใหโ้ รยผงของเมลด็ นอ้ ยหน่าลงไปทีละนอ้ ย คนให้เข้ากนั หลงั จากนนั้ ใช้ไม้ป้ายยาท่ี
กำลังร้อนแต่พอให้ผิวหนังทนได้ แล้วป้ายลงตำแหน่งที่บวม ทำวันละ 2 รอบเช้าเย็น จนกว่า
จะหาย (เมล็ด)
5
38. เมล็ดนอ้ ยหน่ากำจัดเห็บหมดั ในสุนัข สตู รเดยี วกับกำจดั เหา (ใบ,เมลด็ )
1.5 คุณค่าทางโภชนาการของนอ้ ยหน่าต่อ 100 กรัม
- พลงั งาน 94 กโิ ลแคลอรี
- คารโ์ บไฮเดรต 23.64 กรัม
- เส้นใย 4.4 กรัม
- ไขมนั 0.29 กรัม
- โปรตนี 2.06 กรมั
- วติ ามินบี 1 0.11 มลิ ลกิ รมั 10%
- วิตามินบี 2 0.113 มิลลิกรัม 9%
- วิตามนิ บี 3 0.883 มลิ ลิกรมั 6%
- วติ ามนิ บี 5 0.226 มลิ ลกิ รมั 5%
- วิตามนิ บี 6 0.2 มิลลิกรมั 15%
- วติ ามินบี 9 14 ไมโครกรัม 4%
- วติ ามนิ ซี 36.3 มลิ ลิกรมั 44%
- ธาตแุ คลเซยี ม 24 มิลลกิ รมั 2%
- ธาตุเหล็ก 0.6 มิลลกิ รมั 5%
- ธาตุแมกนเี ซียม 21 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุแมงกานีส 0.42 มลิ ลกิ รมั 20%
- ธาตุฟอสฟอรสั 32 มิลลิกรมั 5%
- ธาตโุ พแทสเซียม 247 มลิ ลกิ รัม 5%
6
- ธาตุโซเดยี ม 9 มลิ ลกิ รัม 1%
- ธาตุสงั กะสี 0.1 มิลลิกรมั 1%
1.6 ประโยชนท์ างยา
วธิ ีและปริมาณทใ่ี ช้
ยารกั ษาเหา
ใช้ใบสด 8-12 ใบ หรือเมล็ดที่กะเทาะเปลือกแล้วตำให้ละเอียด 4-5 ช้อนแกง นำมาผสม
กับน้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันถั่วพอเปียกเล็กน้อย (แฉะๆ) ชะโลมบนเส้นผมที่
เป็นเหา ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง สระออกให้หมด ทำเช่นนี้ติดต่อกัน 2-3 วัน ตัวเหา
และไข่จะฝ่อหมด หรืออาจจะใช้ความแรงของใบสด หรือเมล็ดน้อยหน่ากับน้ำมันมะพร้าว
ความแรง 1:2
ยารักษาหดิ
ใช้ใบสดหรือเมล็ดในสด จำนวนไม่จำกัด ตำให้ละเอียด เติมน้ำมันพืชลงไปพอแฉะ ใช้ทา
บรเิ วณทเ่ี ป็นหิดวันละ 2-3 ครั้ง จนกว่าจะหาย
ยารักษาจ๊ีด
ใช้เนื้อเมล็ดสด 20 เมล็ด ตำให้ละเอียด ใช้สารส้มเท่ากับหัวแม่มือ ใส่ในฝาละมี ตั้งไฟ
อ่อนๆ เมื่อสารส้มละลาย ค่อยๆ โรยผงของเมล็ดน้อยหน่าลงไปทีละน้อย คนจนเข้ากันดี
จากนั้นใช้ไม้ป้ายยาที่กำลังร้อนแต่พอให้ผิวหนังทนได้ ป้ายลงตรงตำแหน่งที่บวม ทำเช่นนี้วนั
ละ 2 คร้ัง เช้า-เย็น ทำหลายๆ วนั จนกวา่ จะหาย ยาท่เี หลือจะแขง็ พอจะใช้ต้งั ไฟออ่ นๆ
1.7 ส่วนท่ีใช้ของนอ้ ยหน่า
7
ใบสด หรอื เน้อื ในเมล็ดสด
1.8 การขยายพันธุ์เมล็ด
การขยายพนั ธุ์น้อยหน่าสามารถขยายพันธ์ุได้หลายวิธีเช่นตอนก่ิงเพาะเมล็ดเป็นต้น แต่ใน
ปัจจุบันจะนิยมวิธีเพาะเมล็ดเนื่องจากเป็นพืชที่ให้ผลผลิตไวและมีรากแก้วซึ่งจะทําให้พืช
แข็งแรง (ในที่นีจ้ ะขอแนะนำการขยายพันธุโ์ ดยวิธีเพาะเมล็ด) วิธีเพาะเมลด็ เม่ือไดเ้ มล็ดมาให้
ทําการล้างให้สะอาดหลังจากนั้นนำไปแช่น้ำ 1 คืนแล้วจึงแช่น้ำอุ่นต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมง
เพื่อกระตุ้นการงอกจากนั้นจึงทําเมล็ดไปเพาะในกระบะที่เตรียมดินไว้แล้วดินที่ใช้เพาะควรใช้
ทรายกับขุยมะพร้าวในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 กลบดินให้พอมิดแล้วจึงดูแลรดน้ำให้ดินชื้นอยู่
ตลอดเวลา แต่อย่าให้แฉะเมื่ออายุได้ประมาณ 10 – 15 วันเมล็ดจะเริ่มงอกและแข็งแรง
พอทจี่ ะยา้ ยไปอยใู่ นถุงเพาะชำได้แล้ว
1.9 ข้อควรระวัง
ข้อควรระวงั : ถ้าใชน้ ้ำสกัดจากเมล็ดอาจทำให้เกดิ อาการแพ้ได้ และควรระวงั อย่าให้น้ำยา
เข้าตา เพราะจะทำให้เกดิ อาการระคายเคือง
สารเคมี
- ใบ มี แอลคาลอยด์ชื่อ Anonaine และน้ำมันหอมระเหย ประกอบด้วย Borneol,
Camphene, Camphor, Carvone, Eugenol, Geraniol, Thymol, Menthone, Pinene
- เมล็ด มีแอลคาลอยด์ชื่อ Anonaine, Fixed Oil Steroids ผงของเมล็ดน้อยหน่า 1.8
กโิ ลกรัม ให้ Anonaine 0.258 กรัม
8
บทท่2ี
โรคเหา
2.1 สาเหตุของโรคเหา
สาเหตุของเหาเกิดจากสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในจำพวกกลุ่มปรสิตชื่อว่า เหา (Lice) ซึ่งเป็น
แมลงขนาดเล็กในกลุ่มปรสิตที่เกาะอยู่ตามหนังศีรษะเพื่อดูดกินเลือด ตัวโตเต็มวัยมีขนาดเทา่
เมล็ดงา และไข่ของเหามีลักษณะคล้ายรังแค เหายังชอบอาศัยอยู่ในข้าวของเครื่องใช้ที่สัมผสั
กับเสน้ ผมโดยตรงอกี ด้วย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเหามักจะเกิดจากการอยู่ใกล้ชิดคนที่เป็นเหา ทั้งนี้ เหาไม่
สามารถกระโดดจากศีรษะผปู้ ่วยไปยงั ผ้อู ื่น เน่ืองจากเหาเปน็ สตั วท์ ี่ไมส่ ามารถกระโดดหรือว่าย
น้ำได้
นอกจากน้ี ยังมคี นอีกจำนวนไมน่ อ้ ยทเี่ ข้าใจผิดว่าโรคเหาสามารถติดต่อกันได้หากไม่รักษา
ความสะอาด ทั้งทีจ่ ริงแลว้ โรคเหานน้ั สามารถติดไดแ้ ม้จะรกั ษาความสะอาดเป็นอย่างดี อีกทั้ง
ยงั ไม่สามารถตดิ จากสตั ว์ได้ เพราะเหาเปน็ สัตวป์ รสติ ที่มีเฉพาะในมนษุ ยเ์ ท่านนั้
เกิดจากการติดตัวเหา ซึ่งเป็นแมลง ชื่อ Pediculus humanus capitis ลักษณะรูปร่างตัว
เรยี วยาว ขนาด 3-4 มม. มคี วามคล่องตวั ในการเคลือ่ นไหว จึงทำให้ติดโรคกันง่ายตัวแมลงจะ
วางไข่บนเส้นขนและหลั่งสารหุ้มปลายด้านหนึ่งของไข่ให้เกาะแน่นติดอยู่ ไข่เหามีขนาดยาว
0.5 มม. มองเห็นด้วยตาเปล่า
การติดเชื้อเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสโดยตรง สัมผัสเสื้อผ้า ผ้าปู ที่นอน
หมวก ทแ่ี ตง่ ผมและหวี เปน็ ตน้ พบบอ่ ยในเด็กวยั เรยี น โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง
เริ่มแรกเหาจะวางไข่ชิดหนังศีรษะ และเมื่อผมยาวขึ้นไข่เหาจะถูกเลื่อนสูงขึ้นไปด้วย ตัว
เหาสามารถมชี วี ติ อยนู่ อกรา่ งกายมนษุ ยไ์ ด้นานถงึ 4 วันในสภาวะอุณหภูมหิ อ้ งปกติ และไขเ่ หา
9
สามารถอยไู่ ดน้ านถึง 10 วนั นอกร่างกายเปน็ โรคตดิ ตอ่ งา่ ย มกั พบว่าเปน็ กันท้ังครอบครวั หรือ
ระบาดอยูใ่ นชุมชน
2.2 อาการของโรคเหา
ผู้ป่วยจะมีอาการคัน เกิดเป็นตุม่ คัน บริเวณที่ติดเชื้อเหา ซึ่งพบมากที่ศีรษะ แต่อาจพบได้
ที่อื่น เช่น บริเวณเครา ในรายที่เป็นมานาน หรือมีอาการรุนแรง จะมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
ซ้ำเตมิ ที่ผวิ หนังและมีตอ่ มน้ำเหลอื งข้างคอและทา้ ยทอยโต
2.3 จะทราบไดอ้ ย่างไรว่าเปน็ เหา
1. การซักประวตั ิ ผ่ืนทีม่ อี าการคันมาก และพบสมาชิกหรือผใู้ กลช้ ิดที่มีอาการคล้าย ๆ กัน
มีการระบาดของเหาในโรงเรยี นหรอื ชุมชนจะช่วยในการวนิ ิจฉยั
2. การตรวจร่างกาย พบตัวเหาหรือไข่เหาตดิ ที่เส้นผม แยกจากรังแคหรือปลอกหุ้มเส้นผม
โดยไข่เหาจะไมส่ ามารถเลอ่ื นไปตามเส้นผมได้
3. การตรวจดดู ว้ ยกล้องจุลทรรศน์ โดยนำเสน้ ผมมาดู พบตัวเหาหรือไข่เหา
2.4 วงจรชีวิตของเหา
วงจรชวี ิตของเหารา่ งกายประกอบดว้ ยสามข้ันตอน ไดแ้ ก่ ไข่ตวั ออ่ นและตวั เตม็ วัย
1. ไข่ (เรียกอีกอย่างว่าไข่เหาหรือดูที่หวั เหา ) ติดอยู่กบั เสือ้ ผ้าโดยเหาตัวเมียโดยใช้การ
หลั่งของต่อมเสริมที่ยึดไข่ไว้จนกว่าไข่จะฟักในขณะที่ไข่เหา (เปลือกไข่เปล่า) อาจคงอยู่เป็น
เดือน บนเสื้อผ้า พวกมันเป็นรูปไข่และโดยปกติจะมีสีเหลืองถึงสีขาวและที่อุณหภูมิและ
ความช้นื ทีเ่ หมาะสมเหาตวั ใหม่จะฟักออกจากไขภ่ ายใน 6 ถงึ 9 วันหลังจากวางไข่ [2]
10
2. ผีเป็นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเหาฟักที่มาจากไข่ ทันทีหลังจากฟักไข่มันจะเริ่มกินเลือด
ของโฮสต์จากนั้นกลับไปที่เสื้อผ้าจนกว่าจะถึงมื้อเลือดครั้งถัดไป นางไม้จะลอกคราบสามครั้ง
กอ่ นที่เหาตัวเต็มวัยจะโผล่ออกมา โดยปกตินางไม้จะใช้เวลา 9-12 วันในการพฒั นาเปน็ เหาตัว
เตม็ วยั [2]
3. ผู้ใหญ่เหาร่างกายเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 2.5-3.5 มมนานและเหมือนผีมันมีหกขา ไม่มีปีก
และมสี ีแทนถงึ ขาวอมเทา
วงจรชีวิตของ Pediculus humanus capitisซึ่งคล้ายกับเหาของร่างกาย ตำแหน่งของ
ไข่เหาของร่างกายแตกต่างจากไข่เหา เหาจะวางไข่บนรากผมในขณะที่เหาตัวหนึ่งจะวางไข่
ตามเสอื้ ผ้า ภาพนแ้ี สดงถึงเหาต้งั แต่ไขจ่ นถงึ ตัวเต็มวัยและข้ันตอนการลอกคราบ 3 คร้ังเพ่ือให้
ไดว้ ัย
สายพันธุย์ ่อยP. humanus ท้งั สองมีลักษณะทางสณั ฐานวทิ ยาค่อนขา้ งเหมือนกนั หัวของ
พวกเขาสั้นมีหนวดสองอันที่แยกออกเป็นห้าส่วนแต่ละส่วนทรวงอกอัดแน่นส่วนท้องเจ็ดส่วน
พรอ้ มแผน่ พาราเทอร์กลั ด้านข้าง [2]
ตัวเหา ไขเ่ หา
2.5 การรกั ษาเหา
การตัดผมหรือโกนผม เปน็ วธิ ีทไี่ ด้ผลดี เพราะเมอื่ ตัวเหาและไขไ่ มม่ ีท่เี กาะยึดแล้ว โรคก็จะ
หายไปได้ แตเ่ ปน็ สง่ิ ท่ปี ฏบิ ตั ลิ ำบาก
11
2.6 การป้องกนั การแพร่กระจายของเหา
- ควรรักษาสมาชกิ ทุกคนในครอบครวั โรงเรียนหรอื ชมุ ชนพร้อม ๆ กนั
- ทำความสะอาดเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่ม ที่นอน หมอนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ที่ใช้ในหนึ่ง
อาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยการซักน้ำร้อนอย่างน้อย 5 นาที สำหรับเครื่องนุ่งห่มที่ซักไม่ได้ เช่น
หมอนและพรม ควรอบแห้ง 50OC 20 นาที หรือเก็บไว้ในถุงพลาสติกปดิ ปากแนน่ อย่างน้อย
14 วนั
- ลา้ งหวใี นน้ำรอ้ น 65OC หรือแช่ใน 2% Lysol เป็นเวลา 1 ช่วั โมงเพอื่ ฆ่าตัวเหา
- แยกของใชส้ ่วนตัว หวี ผา้ เชด็ ตวั เครื่องนงุ่ ห่ม และทนี่ อน ไม่ใชข้ องร่วมกบั ผู้ป่วย
- ตดั เล็บสั้น ไมแ่ คะแกะเกาผืน่ คนั
2.7 อันตรายจากโรคเหา
เหาเป็นแมลงขนาดเลก็ ทไ่ี มม่ ีปีก มขี นาด 1-2 มลิ ลเิ มตรลำตัวแบน ปลายขามีลักษณะเป็น
เล็บและมีหนามซึ่งช่วยในการยึดติดกับเส้นผมหรือเส้นขนของเหยื่อ โดยสามารถพบเหาได้ทั้ง
บนศีรษะ และตามขนบริเวณลำตัวและตะเข็บเสื้อผ้า โดยสามารถแพร่ติดต่อให้แก่ผู้อ่ืนได้ง่าย
ถ้ามีการสัมผัส หรือใช้ของใช้ร่วมกัน ตลอดชีวิตแม่เหา 1 ตัว สามารถวางไข่ได้วางไข่ได้
มากกว่า 100 ฟอง ซึ่งไข่เหล่านี้จะฟักเป็นตัวภายใน 7 - 10 วัน ไข่เหามีสีขาวขุ่น อยู่ติดกับ
โคนผมหรือขนจากนั้นไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนซึ่งเริ่มดูดกินเลือดและกลายเป็นตัวเต็มวัย โดย
ตลอดวงจรชวี ิตนี้ เหาจะอาศยั อยบู่ นร่างกายของเหยื่อ
เหาดดู กินเลือดคนเป็นอาหาร ทำใหเ้ หย่ือสญู เสียเลือด นอกจากนน้ั ในน้ำลายของเหายังมี
สารที่ทำให้ผิวหนังเกิดอาการคันอย่างมาก รวมทั้งทำให้เกิดอาการระคายเคืองผู้ที่เป็นเหาน้ัน
จะมีอาการคันบริเวณที่โดนกัด ถ้าเกามากและไม่รักษาความสะอาดโดยปล่อยให้เป็นเหาเป็น
เวลานานๆจะทำให้ผวิ หนงั เกิดเป็นหนองหรือสะเก็ดแหง้ กรงั ได้ บางครงั้ อาจนำไปสู่การติดเชื้อ
แบคทีเรียแทรกซ้อนทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณท้ายทอยและข้างคอโตและเกิดการอักเสบ
12
การป้องกันและรักษา ควรรักษาร่างกายให้สะอาดโดยสระผมและอาบน้ำเป็นประจำ หมั่นซัก
ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ไม่ใช้ของใช้ส่วนตวั รว่ มกบั ผู้อื่น หากพบว่าเป็นเหา
ต้องรีบรักษาโดยทันที โดยใช้หวีเสนียดสางเหาทิง้ ทุกวัน รวมทั้งใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเหาที่ได้รบั
การขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขโดยใช้ตามฉลากที่แนะนำ ถ้าพบมีการติดเชื้อ
แบคทเี รยี แทรกซอ้ นให้รับประทานยาปฏชิ ีวนะ ถ้าไม่หายควรไปพบแพทย์
13
บทท่3ี
การรักษา
1. ใช้ 1.2 % Benzyl benzoate emulsion ทาผม และหนังศีรษะทง้ิ
ไว้ 8-12 ชั่วโมง จึงล้างออก อาจใช้ Gamma benzene hexachloride solution แทนแต่
ไมค่ วรใชใ้ นเด็กเล็ก
2. รักษาอาการแทรกซอ้ น เชน่ การอักเสบของผวิ หนงั
3. รักษาทุกคนที่เปน็ พรอ้ มกัน ทัง้ ท่บี ้านและทโี่ รงเรียน
4. รกั ษาความสะอาดของร่างกายและเส้ือผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูท่ีนอน โดยการซกั ต้ม
หรอื ผ่งึ แดด
การป้องกนั
1.ตัดผมให้สัน้
2. หมน่ั สระผมบอ่ ย ๆ
3. ไม่ใชข้ องใชต้ า่ ง ๆ รว่ มกนั เชน่ หวี ปลอกหมอน ผา้ ปทู ี่นอน หรือเส้อื ผา้ เปน็ ตน้
4. ไมเ่ ลน่ คลุกคลีหรอื นอนรว่ มกันกบั ผทู้ ี่กำลังเปน็ เหา
3.1 การรกั ษาโรคเหาจากใบนอ้ ยหน่า
1. ใบน้อยหน่า รักษาเหาด้วยใบน้อยหน่า โดยนำใบน้อยหน่า 5-8 ใบมาโขลกให้ละเอียด
หลังจากนั้นผสมน้ำเปล่าและเอามาชโลมให้ทั่วศีรษะ ใช้ผ้าคลุมทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้ว
จึงล้างออกดว้ ยน้ำสะอาด แล้วตามด้วยการสระผมดว้ ยยาสระผมอกี ครั้ง กอ่ นจะสางเอาตัวเหา
และไข่เหาออก ข้อควรระวัง คือ ต้องระวังอย่าให้น้ำจากใบน้อยหน่าเข้าตา เพราะจะทำให้
แสบตามาก
14
3.2 อปุ กรณ์ท่ใี ช้
1. สถานทที่ ำการทดลอง
- หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์
2. อปุ กรณแ์ ละวสั ดุทใ่ี ชใ้ นการทดลอง
- นำ้ 3.5 ลติ ร
- ใบนอ้ ยหนา่ แกๆ่ 1,700 ใบ - ปนู กนิ หมาก 8.8 กรัม
- เคร่ืองบด - กระชอน
15
- กะละมัง - ชดุ ทำความสะอาดผม 1 ชุด
- กลอ้ งถา่ ยรปู
3.3 วธิ กี ารดำเนินงาน
- นำใบนอ้ ยหนา่ แก่ ๆ 1,700 ใบ กบั ปนู กินหมาก 8.8 กรมั และน้ำ 3.5 ลิตร
- นำสว่ นผสมใส่ในเคร่ืองบดแลว้ บดให้ละเอยี ด
- นำส่วนผสมทบ่ี ดมากรองในกระชอนใสใ่ นกะละมัง
- นำสารละลายพักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที นำสารสกัดใบน้อยหน่าและเทน้ำสกัดใบ
น้อยหน่าเก็บไวใ้ นขวด
- ล้างทำความสะอาดอปุ กรณ์และเก็บอปุ กรณใ์ หเ้ รียบร้อย
16
3.4 การทดลอง
1. เตรยี มนกั เรยี นที่เปน็ โรคเหาของชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน 12 คน
2. ให้แต่ละคนใช้สารสกัดใบน้อยหน่าที่เตรียมไว้ นำไปขยี้ผมให้ทั่วศีรษะ โดยให้เพื่อนใน
ห้องเรียนเป็นผชู้ ่วย หมักทงิ้ ไว้ 30 นาที (ระวงั อย่าให้นำ้ ยาเขา้ ตาเพราะทำให้แสบตาได)้
3. ใช้น้ำล้างออกให้สะอาด (ผมที่สระเสร็จจะทำให้เส้นผมกระด้างบ้าง ควรใช้ครีมนวดผม
สระอีกคร้ัง)
4. ทำเช่นน้ีอีก 2 ครงั้ ในแตล่ ะครั้งจะห่างกนั ประมาณ 1 อาทิตย์
5. บนั ทึกผลการเปล่ียนแปลงทุกครงั้ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน
3.5 เป้าหมาย
3.1 สามารถรกั ษาโรคเหาให้กับเพือ่ นนกั เรยี นหญิงชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ได้
3.2 สามารถนำพืชสมุนไพรในท้องถนิ่ มาใชป้ ระโยชนอ์ ย่างคุ้มคา่ และถกู วธิ ี
3.3 เป็นการประหยัดค่าใช้จา่ ยในการซื้อสารเคมีกำจดั เหา
3.4 เปน็ การรกั ษาสขุ ภาพรา่ งกายใหป้ ลอดภัยจากสารเคมี
บทท4ี่
สรปุ
จากการทดลองใช้สารสกัดใบน้อยหน่าในการรักษาโรคเหา มีผลการสรุปดังนี้คือเพื่อน
นักเรียน
หญิง ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3/2-ป.3/9 จำนวน 84 คนนัน้ สามารถรักษาอาการของโรคเหา
ได้ 74 คน มีนักเรียนส่วนน้อย จำนวน 14 คน ยังมีอาการโรคเหาอีก ที่บ้านของนักเรียนมี
สมาชกิ ในบ้าน
เป็นโรคเหาด้วย และจากการทดลองแต่ละครั้ง นักเรียนบางคนใช้เวลาในการขย้ีและหมัก
ผมไว้ไมต่ รงตาม
เวลาที่กำหนดไว้ ทำให้มีโรคเหาอีกไมส่ ามารถกำจดั ได้ แต่ผลการทดลองนกั เรียนส่วนมาก
ไมเ่ ป็นโรคเหาอีก ดงั น้ันใบนอ้ ยหน่าสามารถกำจดั โรคเหาได.้
บรรณานุกรม
“การขยายพนั ธเ์ุ มล็ด”,[ออนไลน์].เขา้ ถึงได้จาก: https://me-
panya.com/04/2020/7392/.[สืบคน้ เมอ่ื 3มกราคม2565].
“การดแู ลรกั ษา”,[ออนไลน์].เขา้ ถงึ ได้จาก:
https://ns.mahidol.ac.th/english/th/departments/PN/TH/article.[สบื ค้นเมื่อ3
มกราคม2565].
“การเพาะเมลด็ ”,[ออนไลน]์ .เขา้ ถึงได้จาก:
http://www.kr.ac.th/el/01/aurapin_v/b4.htm.
[สืบค้นเมอื่ 3มกราคม2565].
“ข้อควรระวงั ”,[ออนไลน์].เข้าถงึ ไดจ้ าก:
http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_22_1.htm.
[สบื ค้นเม่อื 3มกราคม2565].
“ชนดิ ของสมนุ ไพร”,[ออนไลน์].เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://mthai.com/health/44557.html.[
สืบค้นเมอ่ื 3มกราคม2565].
“นอ้ ยหนา่ ”,[ออนไลน]์ .เขา้ ถงึ ได้จาก:
https://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/text/herb_detail.php?herbID=118.[
สบื ค้นเมื่อ3มกราคม2565].
“ประโยชน์ของน้อยหน่า”,[ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://hd.co.th/sugar-apple-
sweetsop.[สบื คน้ เมือ่ 3มกราคม2565].
“โรคเหา”,[ออนไลน์].เข้าถงึ ไดจ้ าก:
http://healthydee.moph.go.th/view_article.php?id=1560.[สบื คน้ เมอ่ื 3มกราคม
2565].
“ลกั ษณะใบนอ้ ยหน่า”,[ออนไลน]์ .เข้าถงึ ไดจ้ าก: https://il.mahidol.ac.th/e-
media/plants/webcontent3/interactive_key/key/describ/noina.htm.[สบื คน้ เมอ่ื 3
มกราคม2565].
“วสั ดุอุปกรณ”์ ,[ออนไลน]์ .เข้าถงึ ไดจ้ าก:
https://www.nectec.or.th/schoolnet/library/create-web/10000/science/10000-
1088.html.[สบื ค้นเม่อื 3มกราคม2565].
“วธิ ีการต่อกงิ่ แบบเสียบข้าง”,[ออนไลน]์ .เข้าถงึ ไดจ้ าก:
https://web.agri.cmu.ac.th/hort/course/359301/pprop/7.grafting/Side%20Graft
ing%20and%20its%20modified.html. [สบื คน้ เมือ่ 3มกราคม2565].
“วิธกี ำจดั เหา”,[ออนไลน]์ .เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://goodlifeupdate.com/lifestyle/23234.html.[สบื ค้นเมอ่ื 3มกราคม2565].
“วิธีทำสมุนใบใบนอ้ ยหนา่ ”,[ออนไลน]์ .เขา้ ถึงไดจ้ าก:
https://ag2.kku.ac.th/kaj/PDF.cfm?filename=1511.pdf&id=3871&keeptrack=5.[
สบื ค้นเมื่อ3มกราคม2565].
“วงจรชีวิตของเหา”,[ออนไลน]์ .เข้าถึงได้จาก:
https://www.tm.mahidol.ac.th/th/tropical-medicine-
knowledge/new/Louse.html.[สบื คน้ เม่ือ3มกราคม2565].
“สรรพคุณใบน้อยหนา่ ”,[ออนไลน์].เข้าถงึ ได้จาก:
https://www.matichonacademy.com/content/article_61132.[สบื คน้ เม่ือ3มกราคม
2565].
“สมนุ ไพร”,[ออนไลน์].เขา้ ถงึ ได้จาก: https://th.wikipedia.org/wiki/ .[สบื คน้ เม่ือ3
มกราคม2565].
“สาเหตุโรคเหา”,[ออนไลน]์ .เขา้ ถึงได้จาก: https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-
pl/articledetail.asp?id=1092.[สบื ค้นเมอ่ื 3มกราคม2565].
“สูตรใบนอ้ ยหนา่ ”,[ออนไลน]์ .เขา้ ถึงได้จาก:
https://www.bangkokbiznews.com/social/835004.
[สบื ค้นเมอ่ื 3มกราคม2565].
“อนั ตรายของเหา”,[ออนไลน]์ .เข้าถึงได้จาก: https://medthai.com/.[สบื คน้ เมือ่ 3มกราคม
2565].
“อาการโรคเหา”,[ออนไลน์].เข้าถงึ ได้จาก:
http://mutualselfcare.org/medicine/infectious/pediculosis.aspx?M=k&G=o.[
สืบคน้ เม่ือ3มกราคม2565].