The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by natchapoon-n, 2022-03-08 10:57:03

รวม ทดลอง

รวม ทดลอง

วฏั จกั รของ ไก 1

ไข ตัวออนของไกจ ะเจรญิ เตบิ โตภายในไข
ซึง่ มไี ขแดงและไขขาวเปน อาหารสาํ หรับตัวออน

ตัวออน เมอื่ ลูกไกโตเต็มทจ่ี ะเจาะเปลอื กไข
และดนั ตวั ออกมา ซง่ึ ดันตวั ออกมาสภู ายนอก
เราเรียกลูกไกช วงนี้วา ลูกเจ๊ียบ

ตวั เตม็ วัย เมือ่ โตเต็มทีแ่ ลวไกจะหาอาหารกนิ เอง
รปู รางลักษณะของไกเ พศผแู ละเพศเมีย
จะแตกตางกนั คือ เพศผูจะมีหงอนอยูบนหัว
เพศเมยี จะตัวเล็กกวา และไมมหี งอน

วัฏจักรของ สมัน 21

สมนั หรอื ฉมนั หรือ เนื้อสมัน หรือ กวางเขาสุม
เปนสตั วเ ลย้ี งลูกดวยนมจาํ พวกสตั วก ีบคูช นิดหนึ่ง
มชี อื่ วทิ ยาศาสตรว า เปน กวางขนาดกลาง ขนตามลาํ ตัว
สนี ้ําตาลเขม ทองมสี ีออนกวา ริมฝปากลา งและดานลาง
ของหางเปนสขี าว มีลักษณะเดน คอื ตัวผจู ะมีเขาแตกแขนง
ออกไปมากมายเหมอื นกิง่ ไม ดูสวยงาม จึงไดช ื่อวา เปนกวาง
ท่มี ีเขาสวยท่ีสุดในโลก มีก่งิ รับหมาหรอื กงิ่ เขาทยี่ ืน่ ออกไป
ขา งหนา ยาวกวากิ่งรับหมาของกวางชนิดอน่ื ๆ

มีการกระจายพนั ธเุ ฉพาะในที่ราบลุมภาคกลางของไทย
เทา นั้น รวมถงึ ในบรเิ วณกรงุ เทพมหานครปจ จบุ นั ดว ย
โดยอาศยั อยใู นที่ทุง โลงกวา ง ไมสามารถหลบหนีเขาปา ทบึ ได
เนื่องจากกง่ิ กานของเขาจะไปติดพันกับกง่ิ ไม จงึ เปน จดุ ออ นให
ถูกลา ไดอ ยา งงายดาย ในสมัยอดีต ชาวบานจะลา สมันดวย
การสวมเขาปลอมเปน ตวั ผูเ พอ่ื ลอตวั เมยี ออกมา จากนั้นจงึ
ใชป น หรอื หอกพงุ ยิง

วฏั จกั รของ ละอง/ละมงั่ 22

ละมัง่ เปน สตั วพ้ืนเมืองของไทยแตเดมิ เรยี กช่ือไดทั้งละอง
และละมั่งโดย"ละอง" ใชเรยี กตวั ผตู ัวเตม็ วัยสวน"ละม่งั "
ใชเ รยี กตวั เมยี และตัวที่ยังไมโตเตม็ วัยแต ปจ จุบนั นิยม
เรยี กเปน"ละมั่ง"ดว ยกนั ท้ังหมด ละมง่ั จดั เปน กวางขนาดกลาง
ขนละเอยี ดแนนสนี าํ้ ตาลแกมเหลอื ง ขนดานบนสแี ดง
ออกนํ้าตาล ทอ งสขี าว มีขนสขี าวรอบหู ตา และคาง

ลาํ คอยาว ใบหูกางใหญ ตัวผมู ขี นาดใหญกวาตวั เมีย
เมอ่ื โตเตม็ วยั สขี นตามตวั ตวั ผจู ะคล้ํากวา ตัวเมยี
ละม่ังอายนุ อยจะมีลายจดุ สีขาวตามตัว เม่ือโตขน้ึ
จะเลอื นหายไปยกเวนตัวเมยี บางตวั ยังคงปรากฏอยู
เปนลายจางๆละม่ังมเี ขาเฉพาะตวั ผู เปนเขาแบบกวาง
ทง่ี อกตดิ กับสวนของกะโหลก

วฏั จกั รของ สมเสร็จ 23

สมเสรจ็ เปนสัตวเลี้ยงลูกดว ยน้ํานมกินพืชขนาดใหญ
เปน สัตวม หี นา ตาประหลาด มีลักษณะของสัตวหลายชนดิ
ผสมอยูในตัวเดียวกนั มีจมูกที่ยื่นยาวออกมาคลา ยงวง
ของชา ง ลําตวั คลา ยหมทู ม่ี ีขายาว หางสนั้ คลา ยหมี
และมีกีบเทาคลายแรด

อาศัยในปา ทบึ ในแถบอเมรกิ าใต, อเมริกากลาง, และ
เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต มีท้ังหมดส่ีชนดิ คือ สมเสร็จ
อเมริกาใต, สมเสรจ็ มลาย,ู สมเสร็จอเมริกากลาง และ
สมเสรจ็ ภูเขา ท้ังสช่ี นิดถูกจัดสถานะเปนใกลส ูญพันธุ
หรอื เส่ยี งตอ การสูญพันธุ สมเสร็จเปนญาติใกลชิดกบั
สัตวกับคอู น่ื ไดแก มา และแรด

วัฏจกั รของ เกง หมอ 24

เกงหมอ หรอื กวางเขาจกุ หรือ เกง ดํา หรอื เกงดง เปนสตั ว
เล้ยี งลูกดวยนมในอันดับสัตวก ีบคูจาํ พวกกวาง
มีลกั ษณะคลา ยเกง ธรรมดา แตตางกันเกง หมอจะมีขน
บริเวณลาํ ตัวทีเ่ ขมกวา ใบหนามสี ีนา้ํ ตาลเขม บริเวณกระหมอ ม
และโคนขามสี ีเหลืองสด ดานลา งของลาํ ตวั มีสนี ํา้ ตาลออน
ขาทั้ง 4 ขางมสี ดี าํ จงึ เปน ที่มาของอกี ชื่อสามัญทเี่ รียก

ดานหนาดานหลังมีสีขาวเห็นไดชัดเจน หางสัน้ หางดา นบน
มสี เี ขม แตด านลางมีสีขาว มีเขาเฉพาะตัวผู เขาของเกง หมอ
สน้ั กวาเกงธรรมดา ผลดั เขาปล ะ 1 ครงั้ มีความยาวลําตวั
และหัว 88 เซนติเมตร ความยาวหาง 10 เซนติเมตร
นํา้ หนัก 22 กิโลกรัม

วฏั จกั รของ สุนขั พนั ธุรอ็ ตไวเลอร 25

รอ็ ตไวเลอรมีชวงตวั ที่ยาวกวาความสูง เปนสนุ ัข
ขนาดใหญ ชว งของสูงอยูตง้ั แต 22 น้วิ สําหรบั เพศเมีย
ขนาดเล็กจนถงึ 27 นิ้วสําหรบั เพศผขู นาดใหญ มนี ้ําหนกั
ประมาณ 80 ถึง 120 + ปอนด (36 ถงึ 54+ กโิ ลกรัม )

ร็อตไวเลอรเหมาะสมอยางยิ่งทจ่ี ะเลย้ี งไวเ ปนเพือ่ นเพอ่ื
ดแู ลความปลอดภัย เปนเรอื่ งธรรมดาทีม่ ีสายพันธุ
ที่ขนาดใหญ รอ็ ตไวเลอร โตเต็มวยั ชา หลายตวั
จะไมโ ตเต็มวยั จะอายุ 2 หรือ 3 ปแ มวาความสูงสาํ หรบั
ตัวเต็มวยั มักจะถูกกําหนดโดยปแรกของอายุ สนุ ขั เหลานี้
จะขยายทรวงอกของเขาและกลายเปนสุนัขขนาดใหญ

วฏั จกั รของ สุนขั พันธุพทิ บูล 26

ชว งอายุประมาณ 3-12 สปั ดาห ในชว ง 3-4 สปั ดาหเ เรก
ลกู สนุ ัขจะเร่มิ มีฟน นํ้านมงอกขนึ้ มา ในระยะนีล้ กู สุนัขเร่ิม
เรียนรูทจ่ี ะควบคมุ เเรงกัด

ชวงประมาณ 12 สัปดาหจนถงึ โตเต็มวยั พัฒนาการ
หลายๆ ดานของเขาจะเร่มิ ใกลเคียงกับสนุ ัขโตเตม็ วัย
อยางไรกต็ ามลูกสนุ ัขจะยังมีการเจริญเติบโตอยู เเตเปน
อยา งชาๆ ทาํ ใหผ เู ลี้ยงอาจมองไมเ ห็นการเปลย่ี นเเปลง
ทีเ่ ดน ชดั เหมอื นกอ น 12 สปั ดาห

วัฏจักรของ แมวลายหนิ ออน 27

แมวลายหนิ ออ น เปนสตั วเลี้ยงลกู ดว ยนมในวงศเสือ
ที่มีขนาดเทา กับแมวบาน (Felis catus) แตมีหางยาวกวา
และมขี นทหี่ างมากกวา หัวมขี นาดเล็ก กลมมน

สีขนมีลวดลายเปน แถบหรือเปนดวงคลา ยลวดลาย
ของเสอื ลายเมฆ (Neofelis nebulosa) หรอื ลวดลาย
บนหินออนไดรบั การอนุกรมวธิ านโดยตัวอยา งตน แบบ
เปน ตวั เมียทไ่ี ดตัวอยางจากประเทศไทย

วฏั จกั รของ ควายปา 28

ควายปา เปนสตั วเลย้ี งลูกดวยนมชนิดหน่ึง มีชอื่ วทิ ยาศาสตร
วา Bubalus arnee มีลักษณะคลา ยควายบา น ที่อยูในสกลุ
เดียวกัน แตค วายปา แตมลี ําตวั ขนาดลําตัวใหญกวา
มนี ิสัยวองไวและดุรา ยกวาควายบา นมาก สลี าํ ตวั โดยทว่ั ไป
เปนสเี ทาหรอื สีน้ําตาลดํา ขาท้ัง 4 สีขาวแกหรอื สีเทา
คลา ยใสถ งุ เทา สขี าว

ดานลางของลาํ ตัวเปนลายสขี าวรปู ตัววี ควายปา
มีเขาทัง้ 2 เพศ เขามีขนาดใหญกวา ควายบา นมาก
วงเขากางออกกวา งโคง ไปทางดานหลงั ดานตดั ขวาง
เปนรูปสามเหลยี่ มปลายเขาเรียวแหลม ตวั โตเตม็ วยั
มคี วามสูงทีไ่ หลเกอื บ 2 เมตร ความยาวหวั และลาํ ตวั
2.40–2.80 เมตร ความยาวหาง 60–85เซนติเมตร
นํ้าหนักมากกวา 1,000 กิโลกรมั

วฏั จกั รของ กปู รี/โคไพร 29

กปู รี หรอื โคไพร ถอดรูปได โคไพร แตอานวา โกเปรย็
หรอื กูปรี แปลวา วัวปา มีชอื่ วิทยาศาสตรว า Bos sauveli
เปน สตั วจําพวกกระทิงและววั ปา เปนสตั วกีบคู ตัวโต
โคนขาใหญ ปลายหางเปน พขู น

ตวั ผู มขี นสีดํา ขนาดความสูง 1.71 - 1.90 เมตร
ขนาดลําตัว 2.10 - 2.22 เมตร น้าํ หนกั ตวั
ประมาณ 700 - 900 กโิ ลกรมั เขาตัวผจู ะโคงเปน วงกวา ง
แลว ตีวงโคงไปขา งหนา ปลายเขาแตกออกเปน พูคลา ย
เสน ไมก วาดแขง็ ขาทัง้ 4 มถี งุ เทาสขี าวเชนเดียวกับกระทิง
ในตัวผูท่มี อี ายมุ าก จะมีเหนียงใตคอยาวหอยลงมาจน
เกอื บจะถึงดิน เชือ่ วา ใชใ นการระบายความรอ นตวั เมยี
มขี นสีเทา มเี ขาตวี งแคบแลว มว นขึ้นดานบน

วฏั จกั รของ ควาย 30

ควาย หรือภาษาทางการวา กระบือ จดั อยใู นไฟลมั สัตว
มแี กนสันหลัง ชน้ั สัตวเลีย้ งลกู ดว ยนม มสี ่ีขา เทา เปนกีบ
ตัวขนาดใกลเคียงกับวัวโตเต็มวยั เมื่ออายรุ ะหวาง 5-8 ป
น้าํ หนักตัวผูโ ตเตม็ วัยโดยเฉล่ยี 520-560 กโิ ลกรมั ตวั เมยี
เฉลี่ยประมาณ 360-440 กโิ ลกรมั ตัวผจู ะใหญก วาตัวเมีย
เลก็ นอย มผี ิวสีเทาถึงดํามเี ขาเปนลกั ษณะเดนเฉพาะตวั
ปลายเขาโคงเปนวงคลา ยพระจันทรเ ส้ียว แตถ า เปน
ควายตัวผทู ีม่ ีลกั ษณะดีก็จะมคี นซื้อไปเปน พอ พันธุ

ควายเปนสตั วเ ลีย้ งลูกดว ยนม ลูกควายจะกินนมแม
จนอายุประมาณ 1 ป 6 เดอื น ควายจะเจริญเติบโต
ใชแรงงานไดระหวา งอายุ 2.5-3 ป ชว งทีใ่ ชง านได
เตม็ ที่ คอื ระหวางอายุ 6-9 ป ควายแตละตวั จะใช
งานไดจนอายยุ า งเขา 20 ป อายุควายโดยทัว่ ไป
เฉลย่ี ประมาณ 25 ป

วฏั จักรของ กระรอก 31

กระรอกเปนสตั วหากินในเวลากลางวัน ยกเวน
กระรอกบนิ ที่จะออกหาอาหารในชวงเชา มดื หรือตอนเย็น
เปนสัตวทม่ี ีความคลองแคลววอ งไวมาก

อาหารหางา ยและมีอยูท ั่วไป เชน พชื ผักผลไมตางๆ
หากไดร ับการเลย้ี งดูอยา งดจี ะมีอายุอยไู ด 8-10 ป
หรอื บางตวั อาจอายยุ ืน 15-20 ป

วัฏจักรของ วัว 32

ววั เปนสัตวม กี บี เทา ทีเ่ ปน สตั วเ ลย้ี งขนาดใหญช นดิ ท่ี
สามญั ทีส่ ุด เปน สมาชิกสมยั ใหมทีโ่ ดดเดน ในวงศย อย
Bovinae เปนชนดิ ที่แพรห ลายที่สุดในสกลุ Bos
และถกู จําแนกเปน กลมุ อยา งกวางขวางท่ีสดุ วา
Bos primigenius วัวถูกเล้ยี งเปน ปศสุ ัตวเ พ่อื เอาเนื้อ
เพอ่ื เอานมและผลิตภณั ฑน มอ่ืน ๆ

จากบรรพบุรุษวัวทเ่ี ปนสตั วเ ล้ียงเพยี ง 80 ตวั
ในทางตะวนั ออกเฉยี งใตของตรุ กเี มือ่ ราว 10,500 ปก อน
มกี ารประเมินวา ปจจุบนั มีวัว 1,300 ลา นตวั ทว่ั โลก

วฏั จกั รของ กวาง 33

กวาง เปนสตั วเลีย้ งลูกดว ยนมในอันดบั สัตวกีบคู
(อนั ดบั ยอยสตั วเ คี้ยวเอ้ือง) จัดอยูในวงศ Cervidae
มลี ักษณะขนยาวหยาบสีนํ้าตาล ตวั ผมู ีเขาเปน แขนง
ผลัดเขาปล ะคร้งั

ตัวเมียมขี นาดเลก็ กวา และไมมเี ขา ลกั ษณะเขาตนั
ไมก ลวง เปน เกลียว บางชนดิ อาจแตกแขนงไดม าก
เหมอื นกิ่งไม ไมม ีถุงนา้ํ ดี ชอบอยตู ามลําพังตวั เดียว
ยกเวน ฤดูผสมพนั ธุ กินใบไมออน หญาออ น

วฏั จักรของ มา 34

มา เปนชนิดยอ ยหน่ึงในสองชนิดของ Equus ferus
หรือมาปา ท่ียังเหลืออยูในปจ จุบัน เปน สตั วเลย้ี งลูกดวยนม
กีบค่ีในวงศ Equidae มา มีววิ ฒั นาการมากวา
45 ถึง 55 ลา นปจ ากสิ่งมีชีวติ หลายกบี เทาขนาดเลก็
สูส ตั วกบี คขี่ นาดใหญในปจจบุ ัน มนษุ ยเรม่ิ นํามามาเลีย้ ง
เมอื่ ราว 4,000 ปก อนคริสตกาล

กายวิภาคของมา ชวยใหม า ใชความเรว็ ในการหนนี กั ลา
และมา ยังพัฒนาความสมดุลไดอ ยา งยอดเยีย่ มและ
สัญชาตญาณสหู รือถอยท่ีแขง็ แกรง มายังมีลักษณะพิเศษ
เพ่อื ใชสําหรบั หลบหลกี นกั ลา คอื มาสามารถยนื หลับ
หรอื ลมตวั ลงนอนหลับก็ได มา ตัวเมียจะอุมทอง
ประมาณ 11 เดอื น มา จะโตเต็มที่เมือ่ อายุหาป
และมชี วงอายุประมาณ 25 ถงึ 30 ป

วฏั จกั รของ เสือโครง 35

เสือ เปน สตั วเลยี้ งลูกดว ยนมในวงศฟล ิดีซึ่งเปนวงศ
เดยี วกบั แมวโดยชนดิ ท่ีเรยี กวา เสือมักมขี นาดลาํ ตัว
คอ นขา งใหญกวา และอาศยั อยภู ายในปา ขนาดของ
ลําตวั ประมาณ 168 - 227 เซนตเิ มตรและหนัก
ประมาณ180 - 245 กิโลกรมั รมู านตากลม
เปน สัตวก นิ เนื้อ

หากนิ เวลากลางคนื มีถิน่ กาํ เนิดในปา
เสือสว นใหญย งั คงมีความสามารถในการ
ปน ปา ยตน ไมซ ึ่งยกเวนเสือชตี า เสือทุกชนิด
มีกรามที่สัน้ และแขง็ แรง มีเขี้ยว 2 คู
สาํ หรับกัดเหย่ือ ทั่วท้ังโลกมสี ัตวที่อยใู นวงศเ สือ
และแมวประมาณ 37 ชนิด ซ่ึงรวมท้ังแมวบานดวย

วัฏจักรของ สิงโต 36

สิงโต จดั อยูใ นไฟลัมสตั วม ีกระดูกสนั หลงั ช้นั สัตว
เลี้ยงลูกดว ยนม อยูในวงศ Felidae ซึ่งเปนวงศเดียว
กับแมว สิงโตมีช่อื วิทยาศาสตรวา Panthera leo
มขี นาดลําตวั ใหญ ขนาดไลเลย่ี กบั เสอื โครงทั่วไป ซึ่งเปน สัตว
ในสกุล Panthera เหมือนกัน จดั เปน สตั วในวงศF elidae
ที่มีขนาดใหญท ่สี ุดรองมาจากเสือโครง ไซบเี รีย

พื้นลําตัวสนี ํา้ ตาล ไมม ีลาย ตัวผูเมื่อโตเตม็ ที่
จะมขี นสรอยคอยาว ขนปลายหางเปนพู ชอบอยู
เปนฝงู ตามทงุ โลง มนี า้ํ หนักประมาณ 250 กโิ ลกรัม
ตัวเมียมีขนาดเล็กกวา มักทําหนา ท่ีลาเหยื่อ
มีน้ําหนักประมาณ 180 กโิ ลกรัม มีถิน่ กําเนดิ ในทวีป
แอฟริกาและประเทศอนิ เดีย ในปาธรรมชาติ สิงโต
มีอายขุ ยั ประมาณ 10-14 ป สวนสิงโตท่ีอยู
ในกรงเลีย้ งมีอายยุ ืนถึง 20 ป

วฏั จกั รของ หมีควาย 37

หมีควายมลี าํ ตวั อวนใหญ หวั มีขนาดใหญ ตาเลก็ และ
หูกลมขาอวนล่าํ และหนา หางส้ัน มีนิ้วเทา ยาวท้ังหมดหานิ้ว
กรงเล็บส้ัน ขนตามลาํ ตวั หยาบมสี ีดํา มีลักษณะเดนคือ
ขนบริเวณหนาอกเปนรูปตัว V มีสีขาว ตวั ผูมขี นาดใหญก วา
ตวั เมียเลก็ นอย

ขนาดเมื่อโตเต็มที่
ความยาวลาํ ตวั และหวั 120–150 เซนติเมตร
ความยาวหาง 6.5–10 เซนตเิ มตร
น้าํ หนกั ประมาณ 150–160 กิโลกรัม
และอาจหนกั ไดถ ึง 200 กโิ ลกรัม มลี ักษณะ
คลา ยกบั หมีดํา

วัฏจักรของ เลยี งผา 38

เลียงผาเปน สตั วป าท่ีอาศยั อยตู ามภูเขาทมี่ หี นา ผาสูงชนั
โดยพบวา เลยี งผาจะชอบอาศยั อยูต ามภเู ขาซึ่ง
ปกคลมุ ดวยปาทึบ และพบเลียงผาอาศยั อยูบรเิ วณหนาผา
กบั ยอดเขาทรี่ ะดับความสงู 1,000 เมตร ในปาเบญจพรรณ
ในปาหวยขาแขง จังหวัดอุทยั ธานี และบรเิ วณหนาผาหนิ
ช้นั ตามลาดเขาในปา ดงดบิ เขา

เลียงผามีลกั ษณะคลายกบั กวางผา ซึง่ เดิมก็เคยถูกจัดให
อยสู กลุ เดียวกนั มา แตเลยี งผามขี นาดใหญกวา มลี กั ษณะ
คลายแพะแตมีรูปหนา ยาวกวา มีลําตัวส้ันแตขายาว
ตัวเมยี มขี นาดเลก็ กวาตัวผู มเี ขาทั้งตวั ผูแ ละตัวเมยี
เขางอกยาวตอเนอื่ งทุกป ลักษณะของกะโหลก
เม่ือเปรยี บเทียบกับกวางผาทีม่ ีกะโหลกโคงเวา แลว
เลียงผามีกะโหลกแบน ขนตามลาํ ตัวจะแปรเปลีย่ นไป
ตามอายุ

วฏั จกั รของ กวางผา 39

กวางผา ที่พบในประเทศไทย มีชอื่ สามญั วา Buemese
Goral และชอื่ วทิ ยาศาสตร Nemorhaedus evansi
มีสถานะเปนสตั วป า สงวน หากมองผวิ เผนิ อาจคดิ วา
เปนเลยี งผา เพราะลกั ษณะโดยทว่ั ไปมีความคลายคลงึ กัน
และมีถิ่นที่อยอู าศัยทับซอ นกัน แตกวางผาน้ันมีขนาดเลก็ กวา

กวางผาจะมีขนสนี า้ํ ตาลเทา (สวนเลยี งผาทโี่ ตเต็มไวจะมี
สดี าํ ) บริเวณทองมีสจี างกวาลาํ ตวั ขาหนา ทงั้ สีม่ ีสีนํ้าตาล
แดง ขาทอนลางมสี ีครีมคลา ยใสถ งุ เทา บรเิ วณตา ริมฝปาก
คอ อก และโคนหางมีแตมสขี าว เขาสน้ั โคงไปดานหลัง
หวางเขาถึงหลงั หมู กี ระจุกขนเปน ยอดแหลมสีนา้ํ ตาลเขม
ชัดเจน และมแี ผงขนสีน้ําตาลไหมพาดผานจนถึงหาง
หางสน้ั และเปนพุม

วฏั จักรของ แพะ 40

แพะจะหยานมอายปุ ระมาณ 3-4 เดอื น
เขาสวู ยั เจริญพันธุ4 -12 เดอื น

สามารถผสมพนั ธุ ไดเมือ่ 8-10 เดอื น มวี งรอบ
การเปนสัด 17-24 วัน ระยะเปน สัด 12-36 ชั่วโมง
และมรี ะยะการอุมทอง 141-151 วนั

วัฏจักรของ ไกเเจ 2

ไข ตวั ออ นของไกจะเจริญเตบิ โตภายในไข
ซ่ึงมีไขแดงและไขขาวเปน อาหารสาํ หรับตวั ออ น

ตวั ออ น เมื่อลกู ไกโตเต็มทจี่ ะเจาะเปลือกไข
และดันตัวออกมา ซ่งึ ดันตัวออกมาสูภายนอก

ตวั เตม็ วัย เมื่อโตเต็มทีแ่ ลว ไกจะหาอาหารกินเอง
รูปรา งลกั ษณะของไกเ พศผูและเพศเมยี จะแตกตางกัน
คือ เพศผจู ะมหี งอนอยบู นหัว เพศเมยี จะตัวเลก็ กวา
และไมมีหงอน

วฏั จักรของ นก(ท่วั ไป) 3

ไข

ตัวออ น

โตเตม็ วยั

วฏั จักรของ นกกระทา 4

นกกระทาเริ่มใหไขเ ม่ืออายุได 42 – 45 วนั
อตั ราการใหไ ขจะสูงขึ้นเร่อื ยๆ จนสูงสุด
ประมาณรอ ยละ 90 เมือ่ นกอายุประมาณ 150 วนั

ลูกนกกระทา เมอื่ ลกู นกในไขโ ตเตม็ ท่ี
จะเจาะเปลือกไข เเละดนั ออกมา

นกกระทา โดยมากจะเปน ไกขนาดเล็ก ตัวปอ ม
สนั้ อว น สีสนั ไมสวยงาม ตามลําตัวมกั มีลาย
เปน จุดกระ ๆ ปกและหางสน้ั ทําใหบ ินได
เฉพาะระยะใกล ๆ เหมือนไก จึงมกั หากนิ
เมล็ดพืชและแมลงอยตู ามพน้ื ดนิ

วัฏจักรของ นกกระจอก 5

ปกตแิ ลว 5-6 ไขจะมสี ีขาวหรือเขยี วอมขาว
มีจดุ สีนํา้ ตาล อาจมลี ูกนก 1-2 ตัวตอ ฤดูกาล
ในชว งฤดหู นาวนกกระจอกจะมีวถิ ชี วี ิตแบบเรรอ น

ขยายพนั ธุไดต ลอดป วางไขค ร้งั ละ
3-5 ฟอง ใชเวลาฟก ประมาณ 13 วนั
ออกจากไขแ ลวประมาณ 14 วัน จะบนิ ได

เปน นกขนาดเล็ก ยาวประมาณ 13 เซนติเมตร
(จากปลายปากถึงปลายหาง) ลาํ ตวั สีนํ้าตาล
ขา งแกมสีขาว ขา งหูและใตค อ สดี าํ

วฏั จกั รของ นกกางเขน 6

ทาํ รังตามโพรงไมท่ไี มสงู นัก มันจะวางไขค ร้ังละ
4-5 ฟองและตวั เมียเทานัน้ จะกกไข
และจะฟกไขน านประมาณ 8-14 วนั

อายุ 15 วัน แลว จะเร่ิมหดั บนิ
ในประเทศไทยพบท่วั ไปในทุก
ภาคแมในเมืองใหญ ๆ

นกกางเขน เปน นกชนิดหนึง่ ทกี่ นิ แมลง
มีขนาดไมใหญนกั ยาวประมาณ 18-20 เซนติเมตร
สวนบนลําตวั สดี าํ เงา สว นลา งต้งั แตหนาอกลงไป
จะเปน สีขาวหมน ใตหางและขา งหางมีสขี าว
ปกมีลายพาดสขี าวทง้ั ปก

วฏั จักรของ นกเจา ฟาหญงิ สริ นิ ธร 7

นกเจา ฟาหญงิ สิรนิ ธร หรือ นกนางแอนตาพอง
เปน นกจับคอนหน่ึงในสองชนิดของสกุลนกนางแอนแมน้าํ
ในวงศน กนางแอน พบบริเวณบึงบอระเพ็ดในชว งฤดูหนาว
เพยี งแหงเดียวในโลก แตอาจสูญพนั ธุไปแลว
ต้ังแตป พ.ศ. 2523

นกเจาฟา หญิงสริ นิ ธรเปน นกนางแอนขนาดกลาง
มีสีดําออกเขยี วเหลอื บ ตะโพกขาว หางมขี นคกู ลางมี
แกนย่ืนออกมาเปนเสนเรียวแผต รงปลาย วงรอบตา
สขี าวหนา ปากสีเหลอื งสดออกเขียว ท้งั สองเพศมี
ลักษณะคลายกนั

วฏั จักรของ นกแตว แลว ทองดํา 8

นกแตวแรว ทอ งดํา หรอื นกแตว แลวทองดํา เปน นกทพี่ บ
ในพมา และไทย ปจจบุ ันพบไดท่ี เขานอจูจ้ี ในเขตรักษา
พนั ธสุ ตั วปาเขาประ-บางคราม อาํ เภอคลองทอม
จังหวัดกระบี่ และบางสวนในประเทศพมา

นกแตว แรว ทอ งดําถกู คนพบครั้งแรกในป ค.ศ. 1875
ในเขตตะนาวศรี ประเทศพมา โดยช่อื สามญั
ในภาษาอังกฤษและชื่อวทิ ยาศาสตรต้ังข้ึนเปน
เพ่อื เปนเกียรติแก จอหน เฮนรี เกอนีย นายธนาคาร
และนกั ปกษีวิทยาสมัครเลนชาวองั กฤษ

วัฏจักรของ เปด 9

ไข ตวั ออนของเปดจะเจริญเติบโตภายในไข
ซึง่ มไี ขแ ดงและไขขาวเปนอาหารสาํ หรับตวั ออ น

ลูกเปด เมอ่ื ลูกเปด ในไขโตเต็มท่ี
จะเจาะเปลือกไข และดนั ตวั ออกมา
ซ่ึงดนั ตัวออกมาสูภายนอก

เปด เปนสตั วปกในวงศนกเปด น้ําปากแบน
ตีนแบน ระหวา งนิ้วมีพังผดื ยึดตดิ กันเพอ่ื
สะดวกในการวายนาํ้ ตวั มีหลายสี เชน นํ้าตาล
ขาว เขียว ชมพู มว ง ขนาดเลก็ กวาหาน
วายนาํ้ เกง กินปลา พืชนาํ้ และสตั วเลก็ ๆ

วฏั จกั รของ นกกระเรียน 10

คูน กจะหวงแหนแหลงทํารังมาก บอ ยคร้ังท่ีจะกับ
มาซอมแซมและใชร งั เดมิ ถงึ 5 ฤดผู สมพันธุ
ในหนงึ่ ครอกจะมไี ข 1-2 ใบ
(นอยคร้งั ท่ีจะเปน 3 หรือ 4 ใบ)

ใชเ วลาฟก ไขร าว 31 วัน
(ราว 27–35 วัน)

นกกระเรียนไทยเปนนกขนาดใหญ มลี ําตัวและปก
สีเทา คอตอนบนและหวั เปนหนงั เปลือยสแี ดงไมมขี น
ตรงกระหมอมเปน สเี ทาหรือเขียว คอยาวเวลาบินคอ
จะเหยียดตรงไมเ หมือนกบั นกกระสาซงึ่ จะงอพบั ไป
ดา นหลงั

วัฏจักรของ นกเงอื ก 11

เร่มิ จากประมาณเดอื นกุมภาพันธหลังจาก
นกเงอื กจับคูผ สมพันธุกันแลว ทั้งคูจ ะหาโพรง
เพ่ือใหตัวเมียเขา ไปวางไข แมนกจะเขาไปอยูในโพรง
โดยจะสลัดขนปก และหางออก และนําดนิ มาปดปากโพรงไว
จากนนั้ ราว 1 อาทติ ยไ ขกจ็ ะฟก เปนตวั
แมน กจะคอยดูแลลกู ๆ อยูภายในโพรง
จนแข็งแรง ใชเวลาราว 3 เดอื น
จงึ จะเจาะโพรงพาลกู ออกมาสูธ รรมชาติ
ระหวา งนน้ั พอ นกกจ็ ะหาอาหาร
มาปอ นทง้ั แมและลกู ทุกๆ วนั

นกเงือก เปนนกปาขนาดใหญ ทมี่ ีจดุ เดน คอื
จะงอยปากหนาท่ีใหญและมีโหนกทางดานบน
เปน โพรง ภายในโพรงมีเนื้อเย่อื คลายฟองนาํ้
สว นใหญลําตวั มสี ีขาวดาํ หางยาว ปกกวา งใหญ
บินไดแข็งแรง เวลาบนิ จะโบกปก ชา ๆ

วัฏจักรของ นกขุนทอง 12

ชอบทํารังอยบู รเิ วณโพรงไมเ กาๆ สูงระหวา ง 3-5 เมตร
อาศัยอยูเ ปน กลุมประมาณ 6 ตวั ขน้ึ ไป
วางไขคร้ังละ 2-3 ฟอง นกขุนทองกนิ ทกุ อยา ง
ทงั้ พืชและสตั ว เชน ผลไม, ลูกไม, นาํ้ ดอกไม

นกขนุ ทองนัน้ มีชื่อเสียงเร่ืองเสียงรอง
หลากหลายชนิด ทัง้ หวดี กรีดรอง
กล้วั รองเปนทํานอง รวมถงึ
เลยี นแบบเสียงมนุษย ซ่งึ ทําได
ท้งั ตวั ผแู ละตัวเมีย นกหน่ึงตัว
จะมเี สียงรองตง้ั แต 3 ถงึ 13 แบบ

นกขุนทองมีความยาวเฉลีย่ ประมาณ 29 เซนติเมตร
ลําตัวปอมสดี ํา หางสัน้ ปกแหลมยาวเทา แขง็ แรง
มีเหนยี ง คือ แผน หนังสเี หลอื งอมสม คลุม
ทัว่ ทายทอยและเหนยี งสเี หลืองแดงสด
ใตต า ขนสดี ําเหลอื บเขียว มเี งาสีมวงบริเวณหวั
และคอ มีสขี าวแซมใตปก ปากสีแดงสม

วัฏจักรของ นกเอีย้ ง 13

มีฤดผู สมพันธใุ นชวงเดอื นมนี าคม-เมษายน
วางไขค รั้งละ 2-4 ฟอง

ผลัดกนั กกไขท งั้ ตัวผูและตวั เมีย
ประมาณ 14 วัน ไขจ ึงฟกเปน ตัว

นกเอ้ยี งเปน นกที่พบเหน็ ไดง าย มคี วามยาว
ประมาณ 25-26 เซนติเมตร ขาเรียวเล็ก
นว้ิ ตนี แขง็ แรง หัวและคอสีดาํ ปากและหนังรอบ
ตาสเี หลอื ง ลําตัวสีนา้ํ ตาล ขอบปกและปลายหาง
มสี ขี าว หนาอก, ทอ ง และกน สนี ้ําตาลออ น

วฏั จักรของ นกกระทุง 14

วางไขคราวละ 1–5 ฟอง และใชเ วลาฟกไข
ประมาณ 30 วนั โดยท้ังตัวผูและตัวเมยี ผลัดกนั
ทาํ หนา ท่ี

ชอบอาศยั อยรู วมกันเปนฝงู ทงั้ ชว งเวลา
หากนิ และทาํ รัง ขณะหาอาหาร
จะใชถ งุ ใตคอทําหนา ทคี่ ลา ยสวงิ ชอนปลา
ลงในลําคอ นกกระทงุ ทํารงั อยูบนตน ไม
รวมกันเปนฝูง

นกกระทุงเปน นกขนาดใหญ มีความยาวจากปาก
ถงึ ปลายหางประมาณ 52–60 นิว้ มขี าสั้นใหญ
ปากยาวแบนขางใตมี ถงุ สอี อกมว งขนาดใหญ
บรเิ วณขอบปากบนมจี ดุ สนี ํา้ เงนิ เขม อยูเปนระยะ
ตามความยาวของจะงอยปาก

วฏั จักรของ นกกวกั 15

ฤดูผสมพันธทุ ํารังโดยหลักอยูระหวางเดือนมิถุนายนจนถึง
ตลุ าคม แตก็ตา งกันเฉพาะท่ี ๆ ดวย นกทํารังในทแ่ี หง
บนพ้ืนระหวางไมข องหนองนาํ้ แลววางไข 6-7 ฟอง

ไขฟกภายในประมาณ 19 วนั ทง้ั ตวั
ผูต วั เมยี ฟกไขแ ละดูแลลกู นก ลกู นกมักดาํ ลงใตน ้ํา
เพือ่ หนสี ัตวน ักลา มีรายงานวา นกทีโ่ ตแลว
จะสรา งรังเพอ่ื พกั อยูหรือเพ่อื ฟกไขเ ปนท่ี ๆ
ท้ังลกู นกและพอแมจะมาพัก

นกกวักที่โตแลว โดยมากมีสเี ทาเขมดานบนและขางๆ
มีหนา คอ อก และทองขาว ทอ งดา นลาง ๆ และใตห าง
มีสนี ้าํ ตาลเหลอื ง ขาง ๆ ตัวจะเรยี บเพือ่ ใหเ ดนิ ผานตน ออ
ตนกก หญา และพุมไมไ ปงาย ๆ มขี าและนิ้วยาวหางสนั้

วฏั จกั รของ นกกระปูด 16

วางไขครงั้ หนง่ึ ราว 2 ถงึ 6 ฟอง ตัวผูก ับตัวเมยี จะผลดั
เปลีย่ นกันฟก ไข

นกกะปดู ไดชอ่ื มาจากเสียงรอ ง
"ปูด ๆ ๆ ๆ ๆ" อนั เปน เอกลักษณ
มกั อาศัยอยูในพมุ ไมใกลชายน้าํ
หรือพนื้ ที่ชุมนํ้าตางๆ มีพฤตกิ รรมออกกิน
ในตอนเชา และตอนเยน็

นกกะปูด จัดเปนนกขนาดกลาง มีลําตัวเพรยี วยาว
ลกั ษณะคลา ยกา มคี วามยาวประมาณ 35.50 ชม.
ปากสดี ําแหลมสั้นหนาแขง็ แรง ตาสแี ดง หัวและคอ
และลาํ ตวั สดี าํ ปก ส้นั สีนํ้าตาลแดง ขายาวสดี าํ
นวิ้ ตนี และเลบ็ ยาวแข็งแรง สามารถจับเหยื่อได

วัฏจกั รของ หมู 17

หมูเปน สัตวเ ลี้ยงท่ีรูจกั กันดีมีช่อื เรียกอกี ชื่อหนึง่ วา สุกร
การเล้ยี งหมมู มี าเปน เวลานานหลายพนั ป ประเทศจนี
เปน ชาตแิ รกทเ่ี ร่ิมเล้ยี งหมตู อมาไดแ ก ประเทศอังกฤษ
ในปจจุบันการเลยี้ งหมมู ีแพรหลายทวั่ โลก หลายประเทศ
ในแถบเอเซียยุโรป และอเมรกิ า

หมูเปน สัตวสี่เทาที่นิยมเลยี้ งกนั มากเพราะเลี้ยงงา ย
โตเร็วและใหล ูกเร็ว หมมู ีสขี นและรปู รางลักษณะท่ี
แตกตางกันขึ้นอยูก ับชนิดของพนั ธุหมทู น่ี ยิ มเล้ยี ง
แตด ง้ั เดมิ เปนหมพู นั ธพุ นื้ เมอื งสวนใหญมีรปู ราง
อวน เตี้ย สะโพกเลก็ หลงั แอน และทอ งยานลากดนิ
ลาํ ตวั มสี ขี าวและสดี ําปนกนั

วฏั จกั รของ ชาง 18

ชางเปน สตั วบกทม่ี ขี นาดใหญท ีส่ ดุ เลย้ี งลกู ดวยนมมขี าขนาด
ใหญ 4 ขา อุง เทา มีความออนนุม เวลาเดินจงึ ไมคอยมเี สยี ง
การนอนของชางนั้น โดยธรรมชาตจิ ะนอนตะแคงลาํ ตวั ลงกับพ้นื
และมกี ารหาวนอนเชน เดยี วกับคน ชา งจะนอนหลับชว งสั้น ๆ
เพียง 3-4 ช่ัวโมง ในชวงเวลา 23.00 น. ถงึ 03.00 น.
ชา งจะไมนอนกลางวัน นอกจากมีอาการไมสบายเทานนั้

ชา งตวั เมียท่ีรา งกายสมบูรณจ ะเริ่มมีลูกไดต ัง้ แตอ ายุ
15-16 ปขน้ึ ไปจนถึง 50 ป ตลอดชีวิตของแมช า ง
แตล ะเชอื กอาจมีลกู ได 3-4 เชอื ก โดยปกตแิ มช าง
จะตกลูกไดเพียงครง้ั ละ 1 เชือกเทานั้น และจะมีลูกหางกนั
ราว3 ป ทั้งนี้ขึ้นอยกู บั การสภาพแวดลอมของชางดวย
ชางบานมกั จะมีลูกไดนอ ยกวา ชา งปา ทอ่ี ยอู ยางอิสระ
และไมต องทํางานหนัก

วัฏจักรของ แรดชวา 19

แรดชวาเปนแรดเอเชยี ท่ีมีการกระจายพันธุก วางที่สุด
ตง้ั แตเ กาะในอินโดนเี ซยี ตลอดเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต
อนิ เดีย และจีน ปจ จบุ ันแรดชวาถูกคุกคามจนอยูในขนั้ วิกฤติ
มีเพียงสองแหง เทานน้ั ทีย่ งั มีประชากรหลงเหลืออยูในปา
ไมมีแรดชวาจดั แสดงในสวนสตั ว แรดชวาอาจเปน สตั ว
เลี้ยงลกู ดวยนมขนาดใหญที่พบไดย ากทส่ี ุดในโลก
มปี ระชากรแรดนอ ยกวา 40-50 ตัวในอุทยานแหง ชาติอจู งุ กูลน
บนเกาะชวาในประเทศอินโดนีเซยี

แรดชวามีอายุประมาณ 30-45 ปในธรรมชาติ อาศัยอยู
ในปาดนิ ช้ืน ปา หญาชน้ื แฉะ และลมุ นํ้าขนาดใหญ

วฏั จักรของ กระซู 20

กระซู, แรดสมุ าตรา หรือ แรดขน เปนสตั วเ ลีย้ งลกู ดว ยนม
ในอนั ดบั สัตวกีบคีจ่ ําพวกแรด กระซูเ ปน แรดท่มี ขี นาด
เลก็ ท่สี ุดในโลก และเปนแรดเพียงชนดิ เดียวทีอ่ ยใู นสกลุ
Dicerorhinus มลี กั ษณะเดน คอื มี นอ 2 นอ
เหมือนแรดแอฟรกิ า โดยนอจะไมตั้งยาวขึ้นมาเหมือนแรดชวา
นอหนาใหญก วา นอหลงั โดยทั่วไปยาว 15-25 เซนตเิ มตร

เมอ่ื โตเตม็ ท่ีสูง
120–145 ซม. จรดหัวไหล ยาว 250 ซม.
และมนี ํ้าหนกั 500-800 กก.


Click to View FlipBook Version