แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4
รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง หนา้ ทข่ี องส่วนต่าง ๆ ของพืช เวลา 1 ชั่วโมง
ครผู ้สู อน นางสาวจติ ตานันท์ บญุ บรรลุ เวลา.................... วนั ที่สอน......................................
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออก
จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน
ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรู้ไปใช้
ประโยชน์
2. ตัวช้ีวัดชนั้ ปี
บรรยายหนา้ ที่ของราก ลาตน้ ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใชข้ อ้ มูลท่ีรวบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1)
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายหนา้ ท่ขี องสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื ได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรูอ้ ยากเหน็ (A)
3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนร้ทู ่ีเก่ยี วกับวิทยาศาสตร์ (A)
4. ทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องหนา้ ท่ีของสว่ นต่าง ๆ ของพชื ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ (P)
4. สาระสาคัญ
พชื เป็นส่ิงมีชีวติ ทมี่ ีส่วนประกอบภายนอก ได้แก่ ราก ลาตน้ ใบ ดอก และผล
5. สาระการเรยี นรู้
หน้าทข่ี องส่วนตา่ ง ๆ ของพืช
6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทางาน
4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์
7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน
1. สงั เกตกอ่ นเรียน
2. สบื คน้ ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าท่ขี องส่วนตา่ ง ๆ ของพืช
9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพือ่ กระต้นุ ความสนใจ เชน่
– นักเรียนชอบพืชหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ชอบ เพราะใช้เป็นอาหารได้และทาให้รู้สึก
สดชืน่ )
– นักเรียนปลูกพืชชนิดใดไว้ท่ีบ้าน แต่ละชนิดมีลักษณะใด (แนวคาตอบ ชบาและเข็ม มีลักษณะ
คลา้ ยกนั คอื มีใบสีเขยี ว ลาตน้ ต้งั ตรง มีดอก และมรี ากแก้ว)
2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคาตอบจากคาถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ
เรยี นรู้เรอ่ื ง หนา้ ทขี่ องส่วนต่าง ๆ ของพืช
ขนั้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้
จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) มขี นั้ ตอนดังนี้
1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครูให้นักเรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าที่บ้านมาอภิปราย
ร่วมกนั ในชน้ั เรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก
ของนักเรียน และถามคาถามเก่ยี วกับกจิ กรรม ดงั นี้
– นักเรยี นรูจ้ กั พชื ชนิดใดบ้าง (แนวคาตอบ ชบา มะลิ ตาลึง และมะพรา้ ว)
– พชื มีสว่ นประกอบทส่ี าคัญอะไรบ้าง (แนวคาตอบ ราก ลาตน้ ใบ ดอก และผล)
(3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอย่างน้อยคนละ 1
คาถาม ซงึ่ ครใู ห้นกั เรยี นเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ กั เรียนช่วยกันตอบและแสดงความคิดเห็น
(4) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกิจกรรม สงั เกตก่อนเรียน โดยครูช่วยอธิบายใหน้ ักเรียนเข้าใจ
ว่า พชื มสี ่วนประกอบทสี่ าคัญ ไดแ้ ก่ ราก ลาต้น ใบ ดอก และผล
2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเร่ืองหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของพืชจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครู
ช่วยอธิบายใหน้ ักเรียนเข้าใจวา่ เม่ือนักเรียนเพาะเมล็ด รากจะเริ่มงอกมาเป็นลาดับแรก จากน้ันจึงมีใบและลา
ต้นงอกออกมาเป็นต้นกลา้ เล็ก ๆ และเจริญเตบิ โตเป็นพืชทีม่ ีขนาดใหญ่ขึ้น จนมีดอกและผล ซึ่งแต่ละส่วนของ
พชื ทาหน้าท่ีแตกตา่ งกัน
(2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ ของพืชโดยดาเนินการ
ตามขนั้ ตอนดงั นี้
– แต่ละกลุ่มวางแผนการสบื ค้นข้อมลู โดยแบง่ หัวข้อหนา้ ทขี่ องสว่ นต่าง ๆ ของพืชเป็นหัวข้อย่อย
เชน่ หนา้ ท่ขี องราก ลาตน้ ใบ และดอก ให้สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันสืบค้นตามหวั ข้อทกี่ าหนด
– สมาชิกแต่ละกล่มุ ชว่ ยกนั สืบค้นข้อมูลตามหัวข้อท่ีกล่มุ ของตนเองรับผดิ ชอบโดยการสืบค้นจาก
หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน และอนิ เทอร์เนต็
– สมาชิกกลมุ่ นาข้อมลู ทส่ี บื คน้ ได้มารายงานใหเ้ พ่ือนๆ สมาชิกในกลมุ่ ฟัง รวมทง้ั ร่วมกันอภปิ ราย
ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจท่ีตรงกนั
– สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกันสรปุ ความรู้ท่ีได้ทั้งหมดเปน็ ผลงานของกลุม่
(3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิด
โอกาสให้นักเรยี นทกุ คนซักถามเมื่อมปี ัญหา
3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
(1) นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน
(2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ตอ่ ไปน้ี
– รากของพืชทาหนา้ ที่อะไร (แนวคาตอบ ดดู ซับน้าและแร่ธาตุขึน้ ไปยงั ลาต้น)
– ลาต้นของพชื ทาหน้าท่ีอะไร (แนวคาตอบ ลาเลียงนา้ และอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ของพชื )
– ใบของพืชทาหนา้ ท่อี ะไร (แนวคาตอบ สร้างอาหาร)
– ดอกของพืชทาหนา้ ทอี่ ะไร (แนวคาตอบ สืบพันธ์แุ ละสร้างผลและเมลด็ )
– ผลของพืชทาหนา้ ทอี่ ะไร (แนวคาตอบ ผลมเี มล็ดทาหนา้ ท่ขี ยายพันธุ)์
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า พืชมี
ส่วนประกอบที่สาคัญ คือ ราก ลาต้น ใบ ดอก และผล โดยแต่ละส่วนทาหน้าที่แตกต่างกันเพื่อช่วยให้พืช
เจรญิ เติบโตและขยายพันธุไ์ ด้
4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สังเกตและบรรยายพืชที่ขึ้นอยบู่ ริเวณโรงเรยี นว่ามีส่วนประกอบ
อะไรบ้าง และแต่ละส่วนทาหน้าที่อะไร แล้วนามาเล่าให้เพื่อนฟัง ซ่ึงครูอธิบายเพ่ิมเติม โดยครูเน้นให้นักเรียน
เข้าใจว่า พืชแต่ละชนิดมีส่วนประกอบที่สาคัญ คือ ราก ลาต้น ใบ ดอก และผล โดยพืชแต่ละชนิดอา จมี
ลักษณะของสว่ นประกอบแตกต่างกนั แตส่ ว่ นประกอบนั้นทาหนา้ ที่เหมอื นกัน
5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่
เข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและ
การนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาถามนักเรียน เช่น
– พืชมสี ่วนประกอบสาคัญอะไรบา้ ง
– ถา้ พืชไม่มใี บจะสง่ ผลต่อพชื ลกั ษณะใด
– ถา้ พืชไมม่ ีรากจะส่งผลต่อพชื ลกั ษณะใด
ขน้ั สรปุ
ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกับหนา้ ที่ของสว่ นตา่ ง ๆ ของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนทีค่ วามคิด
หรอื ผังมโนทศั น์
10. ส่ือการเรียนรู้
1. ใบงานส่วนประกอบของพชื
2. หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ นต็
3. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4
4. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4
6. หนงั สือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4
11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
จติ วิทยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรู้เรื่องหนา้ ท่ีของ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย
ส่วนต่าง ๆ ของพืช 1. ประเมนิ เจตคติทาง การสังเกตการทางานกล่มุ
วิทยาศาสตร์เป็นรายบคุ คล
2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ
กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเป็น
รายบุคคลหรอื รายกล่มุ โดย
2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ การสงั เกตการทางานกลุ่ม
วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล
โดยการสังเกตและใช้แบบวัด
เจตคติต่อวิทยาศาสตร์
บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
ผลการจัดการเรียนรู้ แผนที่..........เร่อื ง......................................................................................................
วันท่ี.......................เดอื น............................................พ.ศ..........................เวลา........................................
1. นกั เรียนจานวน..................คน
ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คิดเป็นร้อยละ..................
ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร้.ู .................คน คดิ เป็นร้อยละ..................
นักเรียนนี่ไม่ผา่ น มีดงั น้ี
1............................................................ 2............................................................
3............................................................. 4............................................................
5............................................................ 6.............................................................
แนวทางแกไ้ ขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
............................................................................................................................. ..................................................................
...............................................................................................................................................................................................
2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K)
............................................................................................. ..................................................................................................
.......................................................................................................... ................................................................................ .....
3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P)
............................................................................................................................. ..................................................................
.......................................................................................................... ................................................................................ .....
4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A)
............................................................................................................................. ..................................................................
...............................................................................................................................................................................................
ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข
............................................................................................................................................................................................. ..
ข้อเสนอแนะ
..................................................................................................................... ..........................................................................
ลงชอื่ ..............................................................ครผู สู้ อน
(นางสาวจิตตานันท์ บญุ บรรลุ)
ความคดิ เหน็ ของหัวหน้าฝ่ายวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ..................................................หัวงานฝ่ายวชิ าการ
(นางวรฐิ า บมกลาง)
ความคดิ เหน็ ของผ้บู ริหารหรือผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ...........................................................
(นายบุญพร้อม อปุ แก้ว)
ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านตาราม
ใบกจิ กรรมวชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4
ใบงานส่วนประกอบของพชื
ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชัน้ ___________เลขท_่ี _____
จุดประสงค์
สังเกตส่วนประกอบของพชื ได้
ขัน้ ตอน
1. สังเกตพืชในบรเิ วณบา้ น
2. บนั ทึกสว่ นประกอบของพืช
บนั ทึกผล สว่ นประกอบ
พืช ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล
คาถามประกอบกิจกรรม
1. นักเรียนรู้จกั พืชชนิดใดบ้าง
2. พชื มีส่วนประกอบทส่ี าคัญอะไรบ้าง
แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน
วชิ า วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4
เรือ่ ง หนา้ ท่ีของส่วนต่าง ๆ ของพืช
คาชแ้ี จง 1. ข้อสอบปรนัย 10 ข้อ เป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ก ข ค และ ง เวลา 10 นาที
2. เลือกคาตอบท่ีถกู ท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว โดยทาเคร่ืองหมายกากบาท (x) ในช่องกระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ใดไม่ใช่หนา้ ท่ีของใบพชื
ก. คายน้า ข. สร้างอาหาร
ค. แลกเปลย่ี นแกส๊ ง. ดูดนา้ และแรธ่ าตุ
2. โครงสร้างสว่ นใดของพชื มคี วามเก่ยี วขอ้ งกับการคายน้ามากท่ีสดุ
ก. ใบ ข. ดอก
ค. ราก ง. ลาตน้
3. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ การคายน้าของพืช
ก. อณุ หภมู ิ ข. ความชนื้
ค. แสง ง. ดนิ
4. การลาเลียงน้าในต้นพชื มีลกั ษณะอย่างไร
ก. ลาเลยี งจากใบไปสู่ราก ข. ลาเลยี งจากรากไปสใู่ บ
ค. ลาเลียงจากใบไปสู่ลาต้น ง. ลาเลยี งจากลาตน้ ไปสู่ราก
5. ข้อใดไม่ใช่ชนดิ ของราก
ก. รากแกว้ ข. รากเทยี ม
ค. รากแขนง ง. รากฝอย
6. ในลาตน้ ของพชื จะพบสว่ นใด
1. ปากใบ 2. ทอ่ ลาเลยี งนา้
3. ท่อลาเลยี งอาหาร 4. แก๊สออกซเิ จน
ก. 1. และ 2. ข. 2. และ 3.
ค. 3. และ 4. ง. 1. 2. และ 4.
7. คลอโรฟลิ ล์ เป็นสารสีเขียวท่ีพบมากท่ีสดุ ในโครงสรา้ งส่วนใดของพืช
ก. ราก ข. ลาต้น
ค. ใบ ง. ดอก
8. ในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช พชื จะปลอ่ ยแกส๊ ใดให้แกส่ ่งิ แวดลอ้ ม
ก. แกส๊ ไนโตรเจน ข. แก๊สออกซเิ จน
ค. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ง. แก๊สคารบ์ อนมอนอกไซด์
9. พืชคายนา้ ออกมาในรปู ใด
ก. ไอนา้ ข. แกส๊ ออกซเิ จน
ค. นา้ ตาล ง. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
10. ทาไมจงึ ต้องวางกระถางตน้ พืชไวใ้ นบรเิ วณท่ีมีแสงแดดส่องถึง
ก. เพือ่ ให้ใบพชื ดดู นา้ ไดด้ ี ข. เพื่อให้ใบพืชสะสมอาหาร
ค. เพอื่ ใหใ้ บพชื สร้างอาหารได้ ง. เพือ่ ให้ใบพชื หายใจได้สะดวก
คะแนนสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียนโดยการใช้นวตั กรรมแบบคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI)
เร่อื ง หนา้ ทส่ี ่วนตา่ ง ๆ ของพืช
ลาดบั ที่ ชื่อ-สกุล คะแนน ผลต่าง
กอ่ นเรียน หลงั เรียน
1 เด็กชายจิรายุทธ อาญาเมือง +3
2 เด็กชายชลกร พงษ์ภมร 25 +3
3 เดก็ ชายชวลิต ธปู นา้ ค้า 36 +5
4 เด็กชายธรรมศกั ดิ์ ยืนยาว 49 +1
5 เด็กชายพชิ ยุตฆ์ พระงาม 78 +6
6 เดก็ ชายพรี ดนย์ อาญาเมอื ง 28 +5
7 เด็กชายพงศกร ทัศนะ 49 +3
8 เด็กชายมังกร นามวเิ ศษ 36 +2
9 เด็กชายมังกรสนิ อดุ มวงษ์ 35 +3
10 เด็กชายรักฟา้ ทศั นะ 58 +5
11 เดก็ ชายสุธี การมั ย์ 5 10 +1
12 เดก็ ชายอทิ ธิพล วจิ ติ รศักดิ์ 56 +2
13 เดก็ หญงิ กชพร จะเรศรมั ย์ 68 +2
14 เด็กหญงิ อรสิ า แฟลมมิง่ 46 +5
15 เด็กหญงิ จรัสรวี วเิ สรฐิ รัมย์ 5 10 +3
16 เด็กหญงิ จริ าวดี อาญาเมือง 47 +2
17 เด็กหญงิ ธวัลรัตน์ เช่อื มาก 46 +3
18 เดก็ หญงิ ปวันรตั น์ ผวิ ไผ่ 49 +1
19 เด็กหญงิ ร่งุ นภา คนติ ถานนท์ 67 +6
20 เด็กหญิงอาภาฬฎา หนนุ เจริญ 28 +4
21 เดก็ ชายกติ ติทดั พารค์ คนิ 26 +3
22 เดก็ หญงิ อรอมุ า ถาวร 36 +4
23 เด็กชายภาคนิ โกรมั ย์ 37 +3
24 เด็กหญิงรุ่งนภา ระแสนพรหม 58 +1
45 3.17
เฉลี่ย 3.96 7.21
การประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจติ วิทยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ………………………………………………
(สาหรบั นกั เรียนประเมินตนเอง)
คาชแี้ จง ให้นักเรียนเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งวา่ งท่ตี รงกับความเป็นจรงิ
รายการประเมิน
1. มคี วามสงสยั และกระตือรือร้นทจ่ี ะหาคาตอบ
2. ชอบทดลองค้นคว้า
3. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟัง และอ่านเพือ่ ใหไ้ ด้ความรูเ้ พ่ิมเติม
4. อธิบายหรือแสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล
5. มคี วามละเอยี ดถ่ีถว้ นในการทางาน
6. ทางานอย่างเปน็ ระเบียบเรียบร้อย
7. มีความคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์
8. มคี วามอดทนและมงุ่ ม่นั
9. ใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อ่ืน
10. มคี วามซ่ือสตั ย์
รวมคะแนนทีไ่ ด้
รวม
ระดบั คะแนน = 2 คะแนน = 1 คะแนน
= 3 คะแนน
เกณฑ์การพจิ ารณาระดบั คุณภาพ
ระดับดี 24 – 30 คะแนน
ระดบั พอใช้ 17 – 23 คะแนน
ระดบั ปรับปรงุ 10 – 16 คะแนน
การประเมินดา้ นทักษะ/กระบวนการ
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ………………………………………………
(สาหรับนกั เรียนประเมินตนเอง)
คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนเขียนเคร่ืองหมาย ลงในช่องวา่ งที่ตรงกบั ความเป็นจรงิ
รายการประเมนิ พฤติกรรมทแี่ สดงออก
1. ซกั ถามครูเมื่อมีข้อสงสยั ในบทเรียน
1. ทกั ษะ 2. วางแผนการสังเกต สารวจ หรอื ศึกษาคน้ ควา้
กระบวนการเรียนรู้ 3. จัดกล่มุ ข้อมลู ทไี่ ดจ้ ากการสังเกต สารวจ หรือศึกษาค้นควา้
วิทยาศาสตร์ 4. แสดงความคิดเห็น แลกเปล่ยี นความรู้กับเพื่อน
5. นาความร้ทู ีไ่ ด้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั
6. รว่ มกันวางแผนและแบง่ หนา้ ที่การทางานกบั เพื่อนในกลุ่ม
2. ทักษะ 7. จัดเตรียมวัสด/ุ อุปกรณ์ให้พร้อมก่อนการปฏบิ ัติกิจกรรม
กระบวนการกลุ่ม 8. ทางานทีไ่ ด้รบั มอบหมายอยา่ งเต็มความสามารถ
9. งานเสร็จทนั เวลาและมีคุณภาพ
10. ภูมิใจในผลงาน/การทางานกลุ่ม
รวมคะแนนท่ีได้
รวม
ระดบั คะแนน = 2 คะแนน = 1 คะแนน
= 3 คะแนน
เกณฑ์การพจิ ารณาระดับคณุ ภาพ
ระดบั ดี 24 – 30 คะแนน
ระดบั พอใช้ 17 – 23 คะแนน
ระดบั ปรบั ปรุง 10 – 16 คะแนน
เคร่ืองมือวัดและประเมนิ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และจิตวทิ ยาศาสตร์
การประเมินด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และจิตวิทยาศาสตร์
กจิ กรรมสะเต็มศกึ ษา
(สาหรับนกั เรียนประเมินตนเอง)
คาช้ีแจง ให้นักเรยี นเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่องวา่ งท่ีตรงกบั ความเปน็ จริง
รายการประเมนิ
1. มีความสงสยั และกระตอื รือร้นทจ่ี ะหาคาตอบ
2. ชอบคน้ คว้าข้อมูล
3. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟัง และอา่ นเพื่อให้ไดค้ วามรูเ้ พ่มิ เติม
4. อธิบายหรอื แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตผุ ล
5. ออกแบบการประยุกต์ใชข้ ้อมูลและแนวคดิ อยา่ งมีเหตผุ ล
6. วางแผนการทางานอย่างเป็นข้นั ตอน
7. มคี วามคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์
8. มคี วามอดทนและมุง่ มั่น
9. ใจกวา้ ง ยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อืน่
10.นาเสนอผลงานได้นา่ สนใจ
รวมคะแนนทไี่ ด้
รวม
ระดับคะแนน = 2 คะแนน = 1 คะแนน
= 3 คะแนน
เกณฑ์การพิจารณาระดับคุณภาพ
ระดับดี 24 – 30 คะแนน
ระดับพอใช้ 17 – 23 คะแนน
ระดบั ปรับปรุง 10 – 16 คะแนน
เครอื่ งมอื วัดและประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ
การประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ
แบบประเมนิ ทักษะการทางาน กิจกรรมสะเตม็ ศึกษา
(สาหรับนักเรยี นประเมนิ ตนเอง)
คาช้แี จง ให้นักเรียนเขยี นเครื่องหมาย ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกบั ความเป็นจริง
รายการประเมิน พฤติกรรมท่แี สดงออก ระดับปฏบิ ัติ
1. ทางานรว่ มกบั สมาชกิ ในกลุ่มได้
2. มสี ่วนร่วมในการทางาน
ทักษะการทางาน 3. รบั ฟังและเสนอความคดิ เห็นตอ่ สมาชิกในกลุม่
4. เปน็ ผู้นาในการทางานกลุ่ม
5. ใสใ่ จในงานเพ่ือให้เสรจ็ ทนั เวลา
รวมคะแนนทีไ่ ด้
รวม
ระดับคะแนน = 2 คะแนน = 1 คะแนน
= 3 คะแนน
เกณฑ์การพจิ ารณาระดบั คณุ ภาพ
ระดบั ดี 13 – 15 คะแนน
ระดบั พอใช้ 9 – 12 คะแนน
ระดบั ปรับปรงุ 5 – 8 คะแนน
แบบประเมินกจิ กรรมการสังเกต
เร่ือง............................................................................................ กล่มุ ที่...........
ภาคเรยี นท่ี....................... ชนั้ ...................................................
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
1234
1. การดาเนินการสังเกต
2. การใชป้ ระสาทสัมผสั
3. การบอกรายละเอียดของสิ่งทีส่ ังเกต
4. บนั ทึกผลการสงั เกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเปน็ จริง
5. ความปลอดภยั ขณะสังเกต
เกณฑก์ ารประเมินกิจกรรมการสังเกตโดยภาพรวม
ระดับคุณภาพ รายการประเมนิ
4
3 ดาเนินการสังเกตตามลาดับขั้นตอนได้อย่างรวดเร็ว ใช้ประสาทสัมผัสได้เหมาะสมกับสิ่งท่ี
สังเกต คานึงถึงความปลอดภัยขณะที่สังเกต บอกรายละเอียดของส่ิงที่สังเกตได้สมบูรณ์
2 ครบถ้วน และบันทกึ ผลการสังเกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจรงิ
1 ดาเนนิ การสังเกตได้ตามลาดบั ขั้นตอน ใชป้ ระสาทสัมผัสไดค้ ่อนขา้ งเหมาะสมกับส่งิ ทสี่ ังเกต
สังเกตด้วยความระมัดระวังเพ่ือความปลอดภัย บอกรายละเอียดของส่ิงที่สังเกตได้เพียง
องค์ประกอบหลัก และบันทึกผลการสังเกตตามความเป็นจริง แสดงความคิดเห็นบ้าง
เล็กน้อย
ดาเนินการสังเกตได้บางข้นั ตอน ใชป้ ระสาทสัมผัสไม่เหมาะสมกบั สิง่ ทสี่ ังเกต ตอ้ งการความ
ช่วยเหลือ แนะนาเพ่ือให้เกิดความปลอดภัย บอกรายละเอียดของส่ิงท่ีสังเกตได้เพียง
องค์ประกอบหลักบางส่วน และบันทึกผลการสังเกตตามความเป็นจริงบางส่วน รวมทั้งใส่
ความคิดเหน็ เพ่มิ เตมิ
ดาเนินการสังเกตผิดพลาด ใช้การคาดเดามากกว่าใช้ประสาทสัมผัส ต้องคอยดูแลเพ่ือให้
เกิดความปลอดภัย บอกรายละเอียดของสิ่งท่ีสังเกตได้น้อยมาก และบันทึกผลการสังเกต
ตามความคดิ เหน็ ของตนเอง ขาดการสงั เกตท่ีนา่ เชอื่ ถือ